เอฟ-4 แฟนท่อม 2 (อังกฤษ: F-4 Phantom II) เป็นเครื่องบินสกัดกั้นโจมตีพิสัยไกลทุกสภาพอากาศสองที่นั่ง สองเครื่องยนต์ ความเร็วเหนือเสียง เดิมทีสร้างมาเพื่อกองทัพเรือสหรัฐฯ โดย ด้วยการที่ใช้งานง่าย จึงได้กลายมาเป็นเครื่องบินส่วนใหญ่ของกองทัพเรือ กองนาวิกโยธิน และกองทัพอากาศสหรัฐฯ F-4 ถูกใช้อย่างกว้างขวางโดยทั้งสามกองทัพในสงครามเวียดนามโดยทำหน้าที่เป็นเครื่องบินขับไล่ครองความได้เปรียบทางอากาศหลักให้กับกองทัพเรือและกองทัพอากาศ เช่นเดียวกับทำหน้าที่ลาดตระเวนและโจมตีภาคพื้นดิน
บทบาท | เครื่องบินสกัดกั้นและ |
---|---|
ชาติกำเนิด | สหรัฐ |
บริษัทผู้ผลิต | แมคดอนเนลล์ ดักลาส |
บินครั้งแรก | 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2501 |
เริ่มใช้ | 30 มกราคม พ.ศ. 2503 |
สถานะ | มี 631 ลำที่ใช้โดยกองกำลังที่ไม่ใช่สหรัฐฯ สหรัฐฯ ใช้เป็นโดรนในปีพ.ศ. 2551 |
ผู้ใช้งานหลัก | กองทัพอากาศสหรัฐ กองทัพเรือสหรัฐ |
ช่วงการผลิต | พ.ศ. 2501-2524 |
จำนวนที่ผลิต | 5,195 ลำ |
มูลค่า | 2.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ |
F-4 เข้าประจำการครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2503 แฟนทอมยังคงเป็นส่วนสำคัญของกองทัพสหรัฐฯ ตลอดจนทศวรรษที่ 1970 และ 1980 ด้วยการถูกแทนที่โดยเอฟ-15 อีเกิลและเอฟ-16 ไฟท์ติ้งฟอลคอนในกองทัพอากาศสหรัฐฯ ส่วนในกองทัพเรือสหรัฐฯ แทนที่ด้วยเอฟ-14 ทอมแคทและ(เอฟ/เอ-18 ฮอร์เน็ท) และ(เอฟ/เอ-18อี/เอฟ ซูเปอร์ฮอร์เน็ท)ในกองนาวิกโยธิน ยังคงถูกใช้ทำหน้าที่ลาดตระเวนโดยสหรัฐฯ ในสงครามอ่าวจนปลดประจำการในปีพ.ศ. 2539 แฟนทอมยังถูกใช้โดยประเทศอื่นๆ อีก 11 ประเทศ อิสราเอลได้ใช้แฟนทอมอย่างกว้างขวางในสงครามอาหรับ-อิสราเอล ในขณะที่อิหร่านใช้กองบินขนาดใหญ่ในสงครามอิรัก-อิหร่าน แฟนทอมยังคงอยู่ในแนวหน้าของเจ็ดประเทศด้วยกัน และยังใช้เป็นเป้าหมายไร้คนขับของกองทัพอากาศสหรัฐฯ
การผลิตแฟนท่อมเริ่มขึ้นจากปีพ.ศ. 2501-2524 พร้อมมีเครื่องบินทั้งสิ้น 5,195 ลำที่ผลิตออกมา การผลิตมากขนาดนี้ ทำให้เป็นเครื่องบินไอพ่นที่ผลิตออกมามากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากที่สร้างออกมาเกือบ 10,000 ลำ
คำอธิบาย
เอฟ-4 แฟนท่อม ถูกออกแบบให้เป็นเครื่องบินขับไล่ป้องกันประจำกองบินสำหรับกองทัพเรือสหรัฐฯ และได้เข้าประจำการครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2503 ในปีพ.ศ. 2506 ถูกใช้โดยกองทัพอากาศสหรัฐฯ ให้ทำหน้าที่เครื่องบินขับไล่โจมตี เมื่อการผลิตสิ้นสุดลงในปีพ.ศ. 2524 แฟนทอม 2 จำนวน 5,195 ลำคือจำนวนทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมา ทำให้เป็นเครื่องบินทางทหารของสหรัฐฯ ที่มีจำนวนมากที่สุด จนกระทั่งมีการสร้างเอฟ-15 อีเกิล เอฟ-4 ยังคงทำสถิติในการเป็นเครื่องบินขับไล่ที่มีระยะการผลิตยาวนานที่สุดคือ 24 ปี วัตกรรมของเอฟ-4 รวมทั้งเรดาร์พัลส์และการใช้ไทเทเนียมในการทำโครงสร้าง
แม้ว่าจะมีมิติที่โอ่อ่าและน้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุดมากกว่า 27,000 กิโลกรัม เอฟ-4 ก็ยังทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 2.23 มัค และมีการไต่ระดับมากกว่า 41,000 ฟุตต่อนาที ไม่นานหลังจากนำมาใช้งาน แฟนทอมก็ทำสถิติโลกไว้ 15 สถิติด้วยกัน ซึ่งรวมทั้งความเร็วสัมบูรณ์ที่ 2,585 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและความสูงสัมบูรณ์ที่ 98,557 ฟุต แม้ว่าจะเกิดขึ้นในปีพ.ศ. 2502-2505 ทั้งห้าสถิติความเร็วก็ยังอยู่จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2518 เมื่อเอฟ-15 อีเกิล เข้าประจำการ
เอฟ-4 สามารถบรรทุกอาวุธได้มากถึง 8,480 กิโลกรัม บนที่ตั้งเก้าตำบลรวมทั้งขีปนาวุธอากาศสู่อากาศทั้งที่นำและไม่นำวิถี และระเบิดนิวเคลียร์ ตั้งแต่ที่เอฟ-8 ครูเซเดอร์ถูกใช้เพื่อการต่อสู้ระยะใกล้ เอฟ-4 จึงถูกออกแบบมาเหมือนกับเครื่องบินสกัดกั้นลำอื่นๆ คือไม่มีปืนใหญ่ ในการต่อสู้ผู้ควบคุมเรดาร์หรือผู้ควบคุมระบบอาวุธ (มักเรียกว่าผู้นั่งหลังหรือแบ็คซีทเตอร์ (backseater)) จะช่วยในการหาตำแหน่งข้าศึกด้วยสายตาเช่นเดียวกันเรดาร์ แฟนทอมได้กลายมาเป็นเครื่องบินขับไล่โจมตีหลักทั้งของกองทัพเรือและกองทัพอากาศเมื่อจบสงครามเวียดนาม
เนื่องมาจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและการใช้งานอย่างแพร่หลายโดยกองทัพและพันธมิตรของสหรัฐฯ เอฟ-4 จึงเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่โด่งดังของสงครามเย็น โดยทำหน้าที่ในเวียดนามและสงครามอาหรับ-อิสราเอล พร้อมกับนักบิน เอฟ-4 ของอเมริกาที่ได้ชัยชนะ 227 ครั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และการโจมตีภาคพื้นดินอีกนับไม่ถ้วน
เอฟ-4 แฟนท่อม ยังเป็นเครื่องบินขับไล่แบบสุดท้ายของอเมริกาที่ได้สถานะยอดเยี่ยมในศตวรรษที่ 20 ในสงครามเวียดนาม นักบินหนึ่งนายและผู้ควบคุมอาวุธสองนายจากกองทัพอากาศ และนักบินหนึ่งนายและผู้ควบคุมเรดาร์หนึ่งนายจากกองทัพเรือได้ทำการรบทางอากาศที่ยอดเยี่ยม แฟนทอมยังสามารถทำหน้าที่ลาดตระเวนทางยุทธวิธีและทำการกดดันการป้องกันทางอากาศของศัตรู โดยได้ทำหน้าที่ในปีพ.ศ. 2534 ในสงครามอ่าว
การทำงานของเครื่องบินขับไล่ชั้น 2 มัค พร้อมพิสัยไกลและขนาดบรรทุกเท่าเครื่องบินทิ้งระเบิด ได้กลายมาเป็นแม่แบบของเครื่องบินขับไล่รุ่นต่อๆ มา แฟนท่อมได้ถูกแทนที่โดยเอฟ-15 อีเกิลและเอฟ-16 ไฟท์ติ้งฟอลคอนในกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในกองทัพเรือนั้น ถูกแทนที่โดยเอฟ-14 ทอมแคทและ(เอฟ/เอ-18 ฮอร์เน็ท) ฮอร์เน็ทนั้นได้รับหน้าที่เป็นเครื่องบินขับไล่สองบทบาท
การออกแบบและการพัฒนา
ต้นกำเนิด
ในปีพ.ศ. 2495 หัวหน้าด้านอากาศพลศาสตร์ของแมคดอนเนลล์ เดวิด เอส ลีวิส ได้ถูกแต่งตั้งโดย จิม แมคดอนเนลล์ ให้เป็นผู้จัดการในการออกแบบของบริษัท เมื่อไม่มีเครื่องบินลำใดเข้าแข่งขัน ทางกองทัพเรือมีความต้องการเครื่องบินแบบใหม่อย่างมาก คือ เครื่องบินขับไล่โจมตี
ในปีพ.ศ. 2496 แมคดอนเนลล์ แอร์คราฟท์เริ่มทำการปรับปรุงเพื่อขยายขีดความสามารถและการทำงานที่ดีขึ้น บริษัทฯ ได้สร้างโครงการมากมายรวมทั้งแบบที่ใช้เครื่องยนต์ไรท์ เจ 67 และไรท์ เจ 65 สองเครื่อง หรือเครื่องยน์เจเนรัล อิเลคทริก เจ 79 สองเครื่อง รุ่นที่ใช้ เจ 79 ได้แสดงให้เห็นถึงความเร็วสูงสุดที่ 1.97 มัค เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2496 แมคดอนเนลล์ตรงเข้าหากองทัพเรือสหรัฐฯ พร้อมข้อเสนอสำหรับซูเปอร์ดีมอน ด้วยความไม่เหมือนใครเครื่องบินลำนี้สามารถใช้ได้หนึ่งหรือสองที่นั่งสำหรับภารกิจที่แตกต่างกันไป มีเรดาร์ กล้องถ่ายภาพ ปืนใหญ่ขนาด 20 ม.ม.สี่กระบอกหรือจรวดไม่วำวิถี 56 ลูกในเก้าตำบลทั้งใต้ปีกและใต้ลำตัว กองทัพเรือให้ความสนใจอย่างมากเพื่อเติมเต็ม เอฟ 3 เอช/จี/เอช แต่ก็รู้สึกว่า และวอท เอ็กซ์เอฟ 8 ยู-1 ที่กำลังมาก็มีความเร็วเหนือเสียงอยู่แล้ว
แบบของแมคดอนเนลล์ได้ถูกทำใหม่ให้เป็นเครื่องบินขับไล่โจมตีทุกสภาพอากาศพร้อมที่ติดตั้งอาวุธ 11 ตำบล และในวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2497 บริษัทฯ ได้รับจดหมายที่แสดงความสนใจต้นแบบวายเอเอช-1 สองลำ ในวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2498 นายทหารสี่นายจากกองทัพเรือได้มาถึงที่สำนักงานแมคดอนเนลล์ และภายในหนึ่งชั่วโมง พวกเขาได้แสดงความต้องการใหม่ทั้งหมดต่อบริษัทฯ เพราะว่ากองทัพเรือมีเครื่องเอ-4 สกายฮอว์คสำหรับการโจมตีภาคพื้นดิน และเอฟ-8 ครูเซเดอร์ สำหรับการต่อสู้ทางอากาศอยู่แล้ว โครงการจึงเปลี่ยนมาเพื่อเติมเต็มความต้องการเครื่องบินสกัดกั้นในทุกสภาพอากาศแทน โดยใช้ลูกเรือสองนายในการใช้เรดาร์ที่ทรงพลัง
ต้นแบบ เอ็กซ์เอฟ 4 เอช-1
เอ็กซ์เอฟ 4 เอช-1 ถูกออกแบบมาเพื่อบรรทุกขีปนาวุธนำวิถีด้วยเรดาร์เอเอเอ็ม-เอ็น-6 สแปร์โรว์ 3 และใช้เครื่องยนต์ เจ 79-จีอี-8 สองเครื่องยนต์ เช่นเดียวกับที่เครื่องยนต์อยู่ในระดับต่ำเพื่อเพิ่มความจุของเชื้อเพลิงและตักอากาศเข้าสู่ช่องรับลม ปีที่บางทำมุม 45° และติดตั้งระบบควบคุมสำหรับเพิ่มการควบคุมความเร็วในระดับต่ำ
การทดสอบในอุโมงค์ลมได้เผยให้เห็นความไม่สเถียรที่ต้องการมุมปีกเพิ่มอีก 5° เพื่อหลีกเลี่ยงการออกแบบใหม่ วิศวกรของแมคดอนเนลล์ได้เพิ่มมุมขึ้นอีก 12° ซึ่งเฉลี่ยแล้วก็เท่ากับ 5° ของปลายปีกทั้งสอง นอกจากนั้นปีกยังได้รับส่วนที่เรียกว่าเขี้ยวสุนัข (dogtooth) สำหรับเพิ่มมุมปะทะ ส่วนหางของเครื่องบินทั้งหมดถูกเลื่อนเพิ่มทำมุม 23° เพื่อให้ทำมุมปะทะได้ในขณะที่หางเองไม่ไปบังท่อไอเสีย นอกจากนี้ที่รับลมถูกติดตั้งเข้าไปพร้อมส่วนลาดเอียงที่เคลื่อนที่ได้เพื่อควบคุมทิศทางการไหลเวียนของอากาศสู่เครื่องยนต์ในความเร็วเหนือเสียง ความสามารถในการเข้าสกัดกั้นทุกสภาพอากาศนั้นมาจากเรดาร์แบบ เอเอ็ม/เอพีคิว 50 เพื่อทำงานบนเรือบรรทุกเครื่องบินอุปกรณ์ลงจอดจึงได้ติดตั้งลงไปพร้อมอัตราจม 23 ฟุตต่อวินาที ในขณะที่ส่วนจมูกยืดอีก 20 นิ้ว (50 ซ.ม.) เพื่อเพิ่มมุมปะทะตอนวิ่งขึ้น
การตั้งชื่อ
ตอนแรกนั้นมีการเสนอชื่อให้ เอฟ 4 เอช เป็น"ซาตาน"และ""เทพแห่งแสงของเปอร์เซีย สุดท้ายเครื่องบินก็ได้ชื่อ"แฟนท่อม 2" แฟนทอมแรกนั้น คือ เครื่องบินไอพ่นอีกแบบของแมคดอนเนลล์ คือ แฟนท่อม 2 ถูกใช้ชื่อเอฟ-110 เอ และ"สเปกเตอร์"โดยกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในระยะหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ใช้อย่างจริงจัง
การทดสอบต้นแบบ
ในวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2498 กองทัพเรือได้สั่งซื้อ เอ็กซ์เอฟ 4 เอช-1 สำหรับทดสอบจำนวนสองลำ และ วายเอฟ 4 เอช-1 ห้าลำ ที่เป็นการสั่งซื้อก่อนการผลิต แฟนทอมทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2501 พร้อม โรเบิร์ต ซีลิตเติล ผู้ควบคุม ปัญหาไฮดรอลิกของล้อลงจอดนั้นปรากฏขึ้นแต่ก่อนบินเที่ยวต่อๆ มาก็ราบรื่น การทดสอบก่อนหน้าทำให้เกิดการออกแบบช่องรับลมใหม่ รวมทั้งช่องปล่อยลมบนแผ่นลาด และไม่นานเครื่องบินก็เตรียมแข่งกับ เนื่องมาจากปริมาณที่ทำงานได้ กองทัพเรือต้องการเครื่องบินสองที่นั่งและในวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2501 เอฟ 4 เอช ถูกประกาศว่าเป็นผู้ชนะ ความล่าช้าของเครื่องยนต์ เจ 79-จีอี-8 หมายความว่าเครื่องบินในการผลิตครั้งแรกใช้เครื่องยนต์ เจ 79-จีอี-2 และ -2เอ แทน ซึ่งแต่ละเครื่องให้กำลัง 16,100 ปอนด์เมื่อใช้สันดาปท้าย ในปีพ.ศ. 2503 แฟนทอมเริ่มทำการทดสอบความเหมาะสมกับเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส อินดีเพนเดนซ์
การผลิต
ในการผลิตช่วงแรกเรดาร์ถูกพัฒนาให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นแบบ เอเอ็น/เอพีคิว-72 และห้องนักบินถูกดัดแปลงเพื่อเพิ่มทัศนวิสัย และทำให้ห้องนักบินส่วนหลังมีพื้นที่มากขึ้น แฟนทอมประสบกับการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทำให้มีแบบต่างๆ จำนวนมาก
กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้รับแฟนท่อมตามที่รัฐมนตรีกลาโหม โรเบิร์ต แมคนามาราได้ผลักดันให้มีการสร้างเครื่องบินที่เหมาะกับทุกกองทัพ หลังจากที่ เอฟ-4 บี ได้ชัยชนะใน"ปฏิบัติการไฮสปีด" (Operation Highspeed) เหนือคู่แข่งที่เป็นเอฟ-106 เดลต้า ดาร์ท กองทัพอากาศจึงได้ยืม เอฟ-4 บี ของกองทัพเรือมาสองลำ และใช้ชื่อว่าเอฟ-110 เอ สเปกเตอร์ชั่วคราวในเดือนมกราคม พ.ศ. 2505 และได้เพิ่มความต้องการในแบบของพวกเขาเอง แฟนทอมไม่เหมือนกับของกองทัพเรือ ตรงที่กองทัพอากาศนั้นเน้นไปที่บทบาททิ้งระเบิด ด้วยการรวมชื่อของแมคนามาราเมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2505 แฟนทอมได้กลายมาเป็น เอฟ-4 โดยที่กองทัพเรือเรียกมันว่า เอฟ-4 บี และกองทัพอากาศเรียกว่า เอฟ-4 ซี แฟนทอมของกองทัพอากาศทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2506 โดยทำความเร็วได้ 2 มัค ในการบินครั้งนั้น
การผลิตแฟนท่อม 2 ในสหรัฐฯ สิ้นสุดลงในปีพ.ศ. 2522 หลังจากที่ผลิตออกมาได้ 5,195 ลำ (5,057 ลำผลิตโดยแมคดอนเนลล์ ดักลาส และ 138 ลำผลิตโดยมิตซูบิชิในญี่ปุ่น) ทำให้เป็นเครื่องบินอันดับสองที่ส่งออกและผลิตออกมามากที่สุดรองจากที่ยังคงเป็นเครื่องบินไอพ่นที่มีจำนวนมากที่สุดของสหรัฐฯ โดยมีจำนวน 2,874 ลำเป็นของกองทัพอากาศ 1,264 ลำเป็นของกองทัพเรือและนาวิกโยธินสหรัฐฯ และของลูกค้าต่างชาติ เอฟ-4 ลำสุดท้ายที่สร้างโดยสหรัฐฯ เป็นของตุรกี ในขณะที่ เอฟ-4 ลำท้ายสุดเสร็จในปี พ.ศ. 2524 ซึ่งเป็นของอุตสาหกรรมมิตซูบิชิญี่ปุ่น ในปีพ.ศ. 2551 มีแฟนทอม 631 ลำยังคงอยู่ในประจำการทั่วโลก</ref> ในขณะที่แฟนทอมยังคงถูกใช้เป็นโดรนโดยกองทัพสหรัฐฯ
แบบต่างๆ
- เอฟ-4 เอ, บี, เจ, เอ็น และเอส (F-4 A, B, J, N, S)
- แบบของกองทัพเรือและกองนาวิกโยธินสหรัฐฯ เอฟ-4 บี ถูกพัฒนาเป็นเอฟ-4 เอ็น และเอฟ-4 เจ ถูกพัฒนาเป็นเอฟ-4 เอส
- เอฟ-110 สเปกเตอร์, เอฟ-4 ซี, ดี และอี (F-100, F-4 C, D, E)
- แบบของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เอฟ-4 อี เริ่มใช้เอ็ม61 วัลแคน เอฟ-4 ดี และอี เป็นแบบส่งออกที่กว้างขวาง
- เอฟ-4 จี ไวลด์วีเซล 5 (F-4G)
- แบบสำหรับการกดดันการป้องกันทางอากาศของศัตรูพร้อมเรดาร์และระบบอิเลคทรอนิกที่พัฒนาดัดแปลงมาจากเอฟ-4 อี
- เอฟ-4 เค และเอ็ม (F-4 K, M)
- แบบของกองทัพอังกฤษที่ดัดแปลงเครื่องยนต์เป็นของโรลส์รอยซ์แทน
- เอฟ-4 อีเจ (F-4EJ)
- เอฟ-4 อี รุ่นส่งออกและสร้างในญี่ปุ่น
- เอฟ-4 เอฟ (F-4F)
- เอฟ-4 อี ส่งออกสำหรับเยอรมนี
- คิวเอฟ-4 บี, อี, จี, เอ็น และเอส (QF-4 B, E, J, N, S)
- เครื่องบินที่ปลดประจำการ ที่ถูกดัดแปลงเป็นเป้าหมายควบคุมจากระยะไกลที่ใช้เพื่อการวิจัยระบบอาวุธและการป้องกัน
- อาร์เอฟ-4 บี, ซี, และอี (RF-4 B, C, E)
- แบบสำหรับภารกิจสอดแนมทางยุทธวิธี
รายละเอียด เอฟ-4 แฟนท่อม 2
- ผู้สร้าง:บริษัทแมคดอนเนลล์ ดักลาส (สหรัฐอเมริกา)
- ประเภท:เจ๊ตขัลไล่ครองอากาศและสนับสนุนหน่วยกำลังภาคพื้น 2 ที่นั่ง
- เครื่องยนต์:เทอร์โบเจ็ต เยเนอรัล อีเล็คตริค เจ-79-ยีอี-17 เอ ให้แรงขับเครื่องละ 12,000 ปอนด์ และ 18,000 ปอนด์ เมื่อใช้สันดาปท้าย 2 เครื่อง
- กางปีก:11.77 เมตร
- ยาว:19.20 เมตร
- สูง:5.02 เมตร
- พื้นที่ปีก:49.2 ตารางเมตร
- น้ำหนักเปล่า:13,757 กิโลกรัม
- น้ำหนักวิ่งขึ้นทำการรบ:18,818 กิโลกรัม
- น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด:28,030 กิโลกรัม
- อัตราเร็วขั้นสูง:2.23 มัค ที่ระยะความสูง 40,000 ฟุต และ 1.2 มัค ที่ระยะความสูง 1,000 ฟุต
- รัศมีทำการรบ:1,266 กิโลเมตร เมื่อปฏิบัติภารกิจสกัดกั้น และ 795 กิโลเมตร เมื่อปฏิบัตภารกิจครองอากาศ
- เพดานการบิน:60,000 ฟุต
- อาวุธ:ปืนใหญ่อากาศ เอ็ม 61 เอ-1 ขนาด 20 มม. 1 กระบอกที่ลำตัวส่วนหัว
- อาวุธปล่อยอากาศสู่อากาศ เอไอเอ็ม-7 สแปร์โรว์
- อาวุธปล่อยอากาศสู่พื้น บูลพับ(Bullpup)
- ลูกระเบิดนิวเคลียร์แบบ บี-27,43,57,61 ลูกระเบิดทำลายแบบ เอ็มแอลยู-1ลูกระเบิดเพลิงแบบ บีแอลยู-1 27,52,76
- ลูกระเบิดพวง
- พลุส่องแสง
- กระเปาะจรวด กระเปาะต่อต้านข่าวกรองอีเล็คทรอนิคส์ กระเปาะบรรจุกล้องถ่ายภาพทางอากาศ
- ถังน้ำพ่นน้ำยาเคมี
- รวมน้ำหนักอาวุธ 7,250 กิโลกรัม ที่ใต้ลำตัว 5 ตำบล และ ใต้ปีกละ 2 ตำบล รวม 9 ตำบล
อ้างอิง
- เดิมทีได้ชื่อว่า เอเอช และต่อมาเป็น เอฟ 4 เอช เอฟ-4 ใช้ในปีพ.ศ. 2505 เมื่อมีการเปลี่ยนระบบบอกชื่อของกองทัพสหรัฐฯ ใน บ.แมคดอนเนลล์ ดักลาส เครื่องบินได้ชื่อว่าโมเดล 98
- Integrated Defense Systems: F-4 Phantoms Phabulous 40th. Boeing. Retrieved: 19 January 2008.
- Donald Spring 1991, p. 26.
- Donald Summer 1991, p. 22.
- Carrara 2006, p. 48.
- F-4 Phantoms Phabulous 40th: First to Last. Boeing Integrated Defense Systems. Retrieved: 19 November 2007.
- F-4 Phantoms Phabulous 40th: Current Uses of Titanium: F-4 Boeing Integrated Defense Systems. 1971. "F-4B/C 1,006 lb. 7.7% of Structure, F-J/E 1,261 lb. 8.5% of Structure". Retrieved: 14 February 2008.
- Donald and Lake 1996, p. 268.
- Dorr and Donald 1990, p. 198.
- Integrated Defense Systems: F-4 Phantoms Phabulous 40th - Phantom "Phirsts". Boeing. Retrieved: 14 December 2007.
- Integrated Defense Systems: F-4 Phantoms Phabulous 40th - World Record Holder. Boeing. Retrieved: 14 December 2007.
- McDonnell Douglas F-4D “Phantom II”. National Museum of the USAF. Retrieved: 20 January 2008
- Angelucci 1987, p. 310.
- Angelucci 1987, p. 312.
- Dorr and Bishop 1996, pp. 200–201.
- Dorr and Bishop 1996, pp. 188–189.
- Donald, David. Warplanes of the Fleet. London: AIRtime Publishing Inc., 2004. .
- Thornborough and Davies 1994, p. 13.
- Thornborough and Davies 1994, p. 11.
- Dorr 2008, p. 61.
- F-4 Phantoms Phabulous 40th - Phantom Development 1978 Commemorative Book. Boeing Integrated Defense Systems. Retrieved 14 February 2008
- Lake 1992, p. 15.
- Loftin, Laurence K. Quest for Performance: The Evolution of Modern Aircraft, 2006-06-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน SP-468. Washington, DC: National Aeronautics and Space Administration, History Office, Scientific and Technical Information Branch, 1985. Retrieved: 19 November 2007.
- Donald and Lake 2002
- Kunsan Airbase F-4 Phantom II
- Angelucci 1987, p.316.
- Lake 1992, p. 21.
- Knaack 1978, p. 266.
- Integrated Defense Systems: F-4 Phantoms Phabulous 40th. Boeing. Retrieved: 22 May 2007.
- "DIRECTORY: WORLD AIR FORCES". , 11-17 November 2008.pp.52-76.
- อภิวัตน์ โควินทรานนท์,อากาศยาน 1979 ฉบับเครื่องบิน,เอวิเอชั่น ออบเซิร์ฟเวอร์,กรุงเทพ,2522
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
exf 4 aefnthxm 2 xngkvs F 4 Phantom II epnekhruxngbinskdknocmtiphisyiklthuksphaphxakassxngthinng sxngekhruxngynt khwamerwehnuxesiyng edimthisrangmaephuxkxngthpheruxshrth ody dwykarthiichnganngay cungidklaymaepnekhruxngbinswnihykhxngkxngthpherux kxngnawikoythin aelakxngthphxakasshrth F 4 thukichxyangkwangkhwangodythngsamkxngthphinsngkhramewiydnamodythahnathiepnekhruxngbinkhbilkhrxngkhwamidepriybthangxakashlkihkbkxngthpheruxaelakxngthphxakas echnediywkbthahnathiladtraewnaelaocmtiphakhphundinexf 4 aefnthxm 2bthbathekhruxngbinskdknaelachatikaenid shrthbristhphuphlitaemkhdxnenll dklasbinkhrngaerk27 phvsphakhm ph s 2501erimich30 mkrakhm ph s 2503sthanami 631 lathiichodykxngkalngthiimichshrth shrth ichepnodrninpiph s 2551phuichnganhlkkxngthphxakasshrth kxngthpheruxshrthchwngkarphlitph s 2501 2524canwnthiphlit5 195 lamulkha2 4 landxllarshrth F 4 ekhapracakarkhrngaerkemuxpiph s 2503 aefnthxmyngkhngepnswnsakhykhxngkxngthphshrth tlxdcnthswrrsthi 1970 aela 1980 dwykarthukaethnthiodyexf 15 xiekilaelaexf 16 ifthtingfxlkhxninkxngthphxakasshrth swninkxngthpheruxshrth aethnthidwyexf 14 thxmaekhthaelaexf ex 18 hxrenth aelaexf ex 18xi exf suepxrhxrenthinkxngnawikoythin yngkhngthukichthahnathiladtraewnodyshrth insngkhramxawcnpldpracakarinpiph s 2539 aefnthxmyngthukichodypraethsxun xik 11 praeths xisraexlidichaefnthxmxyangkwangkhwanginsngkhramxahrb xisraexl inkhnathixihranichkxngbinkhnadihyinsngkhramxirk xihran aefnthxmyngkhngxyuinaenwhnakhxngecdpraethsdwykn aelayngichepnepahmayirkhnkhbkhxngkxngthphxakasshrth karphlitaefnthxmerimkhuncakpiph s 2501 2524 phrxmmiekhruxngbinthngsin 5 195 lathiphlitxxkma karphlitmakkhnadni thaihepnekhruxngbinixphnthiphlitxxkmamakthisudepnxndbsxngrxngcakthisrangxxkmaekuxb 10 000 lakhaxthibayexf 4 aefnthxm thukxxkaebbihepnekhruxngbinkhbilpxngknpracakxngbinsahrbkxngthpheruxshrth aelaidekhapracakarkhrngaerkemuxpiph s 2503 inpiph s 2506 thukichodykxngthphxakasshrth ihthahnathiekhruxngbinkhbilocmti emuxkarphlitsinsudlnginpiph s 2524 aefnthxm 2 canwn 5 195 lakhuxcanwnthnghmdthuksrangkhunma thaihepnekhruxngbinthangthharkhxngshrth thimicanwnmakthisud cnkrathngmikarsrangexf 15 xiekil exf 4 yngkhngthasthitiinkarepnekhruxngbinkhbilthimirayakarphlityawnanthisudkhux 24 pi wtkrrmkhxngexf 4 rwmthngerdarphlsaelakarichithetheniyminkarthaokhrngsrang aemwacamimitithioxxaaelanahnkwingkhunsungsudmakkwa 27 000 kiolkrm exf 4 kyngthakhwamerwsungsudidthung 2 23 mkh aelamikaritradbmakkwa 41 000 futtxnathi imnanhlngcaknamaichngan aefnthxmkthasthitiolkiw 15 sthitidwykn sungrwmthngkhwamerwsmburnthi 2 585 kiolemtrtxchwomngaelakhwamsungsmburnthi 98 557 fut aemwacaekidkhuninpiph s 2502 2505 thnghasthitikhwamerwkyngxyucnkrathngthungpi ph s 2518 emuxexf 15 xiekil ekhapracakar exf 4eckhxngtngaetpiph s 2502 2517 exf 4 samarthbrrthukxawuthidmakthung 8 480 kiolkrm bnthitngekatablrwmthngkhipnawuthxakassuxakasthngthinaaelaimnawithi aelaraebidniwekhliyr tngaetthiexf 8 khruesedxrthukichephuxkartxsurayaikl exf 4 cungthukxxkaebbmaehmuxnkbekhruxngbinskdknlaxun khuximmipunihy inkartxsuphukhwbkhumerdarhruxphukhwbkhumrabbxawuth mkeriykwaphunnghlnghruxaebkhsithetxr backseater cachwyinkarhataaehnngkhasukdwysaytaechnediywknerdar aefnthxmidklaymaepnekhruxngbinkhbilocmtihlkthngkhxngkxngthpheruxaelakxngthphxakasemuxcbsngkhramewiydnam enuxngmacakruplksnthioddednaelakarichnganxyangaephrhlayodykxngthphaelaphnthmitrkhxngshrth exf 4 cungepnhnunginsylksnthiodngdngkhxngsngkhrameyn odythahnathiinewiydnamaelasngkhramxahrb xisraexl phrxmkbnkbin exf 4 khxngxemrikathiidchychna 227 khrnginexechiytawnxxkechiyngitaelakarocmtiphakhphundinxiknbimthwn khbwnkhxng exf 4 aefnthxm 2 thakarbinsathitinwnkhrbrxb 50 pikxngthphxakasshrth exf 4 aefnthxm yngepnekhruxngbinkhbilaebbsudthaykhxngxemrikathiidsthanayxdeyiyminstwrrsthi 20 insngkhramewiydnam nkbinhnungnayaelaphukhwbkhumxawuthsxngnaycakkxngthphxakas aelankbinhnungnayaelaphukhwbkhumerdarhnungnaycakkxngthpheruxidthakarrbthangxakasthiyxdeyiym aefnthxmyngsamarththahnathiladtraewnthangyuththwithiaelathakarkddnkarpxngknthangxakaskhxngstru odyidthahnathiinpiph s 2534 insngkhramxaw karthangankhxngekhruxngbinkhbilchn 2 mkh phrxmphisyiklaelakhnadbrrthukethaekhruxngbinthingraebid idklaymaepnaemaebbkhxngekhruxngbinkhbilruntx ma aefnthxmidthukaethnthiodyexf 15 xiekilaelaexf 16 ifthtingfxlkhxninkxngthphxakasshrth inkxngthpheruxnn thukaethnthiodyexf 14 thxmaekhthaelaexf ex 18 hxrenth hxrenthnnidrbhnathiepnekhruxngbinkhbilsxngbthbathkarxxkaebbaelakarphthnahxngnkbinkhxngexf 4 aefnthxm 2tnkaenid inpiph s 2495 hwhnadanxakasphlsastrkhxngaemkhdxnenll edwid exs liwis idthukaetngtngody cim aemkhdxnenll ihepnphucdkarinkarxxkaebbkhxngbristh emuximmiekhruxngbinlaidekhaaekhngkhn thangkxngthpheruxmikhwamtxngkarekhruxngbinaebbihmxyangmak khux ekhruxngbinkhbilocmti inpiph s 2496 aemkhdxnenll aexrkhraftherimthakarprbprungephuxkhyaykhidkhwamsamarthaelakarthanganthidikhun bristh idsrangokhrngkarmakmayrwmthngaebbthiichekhruxngyntirth ec 67 aelairth ec 65 sxngekhruxng hruxekhruxngynecenrl xielkhthrik ec 79 sxngekhruxng runthiich ec 79 idaesdngihehnthungkhwamerwsungsudthi 1 97 mkh emuxwnthi 19 knyayn ph s 2496 aemkhdxnenlltrngekhahakxngthpheruxshrth phrxmkhxesnxsahrbsuepxrdimxn dwykhwamimehmuxnikhrekhruxngbinlanisamarthichidhnunghruxsxngthinngsahrbpharkicthiaetktangknip mierdar klxngthayphaph punihykhnad 20 m m sikrabxkhruxcrwdimwawithi 56 lukinekatablthngitpikaelaitlatw kxngthpheruxihkhwamsnicxyangmakephuxetimetm exf 3 exch ci exch aetkrusukwa aelawxth exksexf 8 yu 1 thikalngmakmikhwamerwehnuxesiyngxyuaelw aebbkhxngaemkhdxnenllidthukthaihmihepnekhruxngbinkhbilocmtithuksphaphxakasphrxmthitidtngxawuth 11 tabl aelainwnthi 18 tulakhm ph s 2497 bristh idrbcdhmaythiaesdngkhwamsnictnaebbwayexexch 1 sxngla inwnthi 26 phvsphakhm ph s 2498 naythharsinaycakkxngthpheruxidmathungthisanknganaemkhdxnenll aelaphayinhnungchwomng phwkekhaidaesdngkhwamtxngkarihmthnghmdtxbristh ephraawakxngthpheruxmiekhruxngex 4 skayhxwkhsahrbkarocmtiphakhphundin aelaexf 8 khruesedxr sahrbkartxsuthangxakasxyuaelw okhrngkarcungepliynmaephuxetimetmkhwamtxngkarekhruxngbinskdkninthuksphaphxakasaethn odyichlukeruxsxngnayinkaricherdarthithrngphlng tnaebb exksexf 4 exch 1 exksexf 4 exch 1 thukxxkaebbmaephuxbrrthukkhipnawuthnawithidwyerdarexexexm exn 6 saeprorw 3 aelaichekhruxngynt ec 79 cixi 8 sxngekhruxngynt echnediywkbthiekhruxngyntxyuinradbtaephuxephimkhwamcukhxngechuxephlingaelatkxakasekhasuchxngrblm pithibangthamum 45 aelatidtngrabbkhwbkhumsahrbephimkarkhwbkhumkhwamerwinradbta karthdsxbinxuomngkhlmidephyihehnkhwamimsethiyrthitxngkarmumpikephimxik 5 ephuxhlikeliyngkarxxkaebbihm wiswkrkhxngaemkhdxnenllidephimmumkhunxik 12 sungechliyaelwkethakb 5 khxngplaypikthngsxng nxkcaknnpikyngidrbswnthieriykwaekhiywsunkh dogtooth sahrbephimmumpatha swnhangkhxngekhruxngbinthnghmdthukeluxnephimthamum 23 ephuxihthamumpathaidinkhnathihangexngimipbngthxixesiy nxkcaknithirblmthuktidtngekhaipphrxmswnladexiyngthiekhluxnthiidephuxkhwbkhumthisthangkarihlewiynkhxngxakassuekhruxngyntinkhwamerwehnuxesiyng khwamsamarthinkarekhaskdknthuksphaphxakasnnmacakerdaraebb exexm exphikhiw 50 ephuxthanganbneruxbrrthukekhruxngbinxupkrnlngcxdcungidtidtnglngipphrxmxtracm 23 futtxwinathi inkhnathiswncmukyudxik 20 niw 50 s m ephuxephimmumpathatxnwingkhun kartngchux txnaerknnmikaresnxchuxih exf 4 exch epn satan aela ethphaehngaesngkhxngepxresiy sudthayekhruxngbinkidchux aefnthxm 2 aefnthxmaerknn khux ekhruxngbinixphnxikaebbkhxngaemkhdxnenll khux aefnthxm 2 thukichchuxexf 110 ex aela sepketxr odykxngthphxakasshrth inrayahnung aetkimidichxyangcringcng karthdsxbtnaebb inwnthi 25 mithunayn ph s 2498 kxngthpheruxidsngsux exksexf 4 exch 1 sahrbthdsxbcanwnsxngla aela wayexf 4 exch 1 hala thiepnkarsngsuxkxnkarphlit aefnthxmthakarbinkhrngaerkemuxwnthi 27 phvsphakhm ph s 2501 phrxm orebirt silitetil phukhwbkhum pyhaihdrxlikkhxnglxlngcxdnnpraktkhunaetkxnbinethiywtx makrabrun karthdsxbkxnhnathaihekidkarxxkaebbchxngrblmihm rwmthngchxngplxylmbnaephnlad aelaimnanekhruxngbinketriymaekhngkb enuxngmacakprimanthithanganid kxngthpheruxtxngkarekhruxngbinsxngthinngaelainwnthi 17 thnwakhm ph s 2501 exf 4 exch thukprakaswaepnphuchna khwamlachakhxngekhruxngynt ec 79 cixi 8 hmaykhwamwaekhruxngbininkarphlitkhrngaerkichekhruxngynt ec 79 cixi 2 aela 2ex aethn sungaetlaekhruxngihkalng 16 100 pxndemuxichsndapthay inpiph s 2503 aefnthxmerimthakarthdsxbkhwamehmaasmkberuxbrrthukekhruxngbin yuexsexs xindiephnedns karphlit exf 4si etimechuxephlingcak ekhsi 135 aethngkhekxr kxnthicaekhaocmtifayewiydnamehnux aefnthxmbrrthukraebidthwipkhnad 750 pxnd khipnawuthsaeprorw aelathngechuxephlingdannxk inkarphlitchwngaerkerdarthukphthnaihmikhnadihykhunepnaebb exexn exphikhiw 72 aelahxngnkbinthukddaeplngephuxephimthsnwisy aelathaihhxngnkbinswnhlngmiphunthimakkhun aefnthxmprasbkbkarepliynaeplngmakmay thaihmiaebbtang canwnmak kxngthphxakasshrth idrbaefnthxmtamthirthmntriklaohm orebirt aemkhnamaraidphlkdnihmikarsrangekhruxngbinthiehmaakbthukkxngthph hlngcakthi exf 4 bi idchychnain ptibtikarihspid Operation Highspeed ehnuxkhuaekhngthiepnexf 106 edlta darth kxngthphxakascungidyum exf 4 bi khxngkxngthpheruxmasxngla aelaichchuxwaexf 110 ex sepketxrchwkhrawineduxnmkrakhm ph s 2505 aelaidephimkhwamtxngkarinaebbkhxngphwkekhaexng aefnthxmimehmuxnkbkhxngkxngthpherux trngthikxngthphxakasnnennipthibthbaththingraebid dwykarrwmchuxkhxngaemkhnamaraemuxwnthi 18 knyayn ph s 2505 aefnthxmidklaymaepn exf 4 odythikxngthpheruxeriykmnwa exf 4 bi aelakxngthphxakaseriykwa exf 4 si aefnthxmkhxngkxngthphxakasthakarbinkhrngaerkemuxwnthi 27 phvsphakhm ph s 2506 odythakhwamerwid 2 mkh inkarbinkhrngnn karphlitaefnthxm 2 inshrth sinsudlnginpiph s 2522 hlngcakthiphlitxxkmaid 5 195 la 5 057 laphlitodyaemkhdxnenll dklas aela 138 laphlitodymitsubichiinyipun thaihepnekhruxngbinxndbsxngthisngxxkaelaphlitxxkmamakthisudrxngcakthiyngkhngepnekhruxngbinixphnthimicanwnmakthisudkhxngshrth odymicanwn 2 874 laepnkhxngkxngthphxakas 1 264 laepnkhxngkxngthpheruxaelanawikoythinshrth aelakhxnglukkhatangchati exf 4 lasudthaythisrangodyshrth epnkhxngturki inkhnathi exf 4 lathaysudesrcinpi ph s 2524 sungepnkhxngxutsahkrrmmitsubichiyipun inpiph s 2551 miaefnthxm 631 layngkhngxyuinpracakarthwolk lt ref gt inkhnathiaefnthxmyngkhngthukichepnodrnodykxngthphshrthaebbtangkhiwexf 4xi khxngkxngthphxakasshrth emuxpiph s 2548exf 4 ex bi ec exn aelaexs F 4 A B J N S aebbkhxngkxngthpheruxaelakxngnawikoythinshrth exf 4 bi thukphthnaepnexf 4 exn aelaexf 4 ec thukphthnaepnexf 4 exs exf 110 sepketxr exf 4 si di aelaxi F 100 F 4 C D E aebbkhxngkxngthphxakasshrth exf 4 xi erimichexm61 wlaekhn exf 4 di aelaxi epnaebbsngxxkthikwangkhwang exf 4 ci iwldwiesl 5 F 4G aebbsahrbkarkddnkarpxngknthangxakaskhxngstruphrxmerdaraelarabbxielkhthrxnikthiphthnaddaeplngmacakexf 4 xi exf 4 ekh aelaexm F 4 K M aebbkhxngkxngthphxngkvsthiddaeplngekhruxngyntepnkhxngorlsrxysaethn exf 4 xiec F 4EJ exf 4 xi runsngxxkaelasranginyipun exf 4 exf F 4F exf 4 xi sngxxksahrbeyxrmni khiwexf 4 bi xi ci exn aelaexs QF 4 B E J N S ekhruxngbinthipldpracakar thithukddaeplngepnepahmaykhwbkhumcakrayaiklthiichephuxkarwicyrabbxawuthaelakarpxngkn xarexf 4 bi si aelaxi RF 4 B C E aebbsahrbpharkicsxdaenmthangyuththwithiraylaexiyd exf 4 aefnthxm 2phusrang bristhaemkhdxnenll dklas shrthxemrika praephth ectkhlilkhrxngxakasaelasnbsnunhnwykalngphakhphun 2 thinng ekhruxngynt ethxrobect eyenxrl xielkhtrikh ec 79 yixi 17 ex ihaerngkhbekhruxngla 12 000 pxnd aela 18 000 pxnd emuxichsndapthay 2 ekhruxng kangpik 11 77 emtr yaw 19 20 emtr sung 5 02 emtr phunthipik 49 2 tarangemtr nahnkepla 13 757 kiolkrm nahnkwingkhunthakarrb 18 818 kiolkrm nahnkwingkhunsungsud 28 030 kiolkrm xtraerwkhnsung 2 23 mkh thirayakhwamsung 40 000 fut aela 1 2 mkh thirayakhwamsung 1 000 fut rsmithakarrb 1 266 kiolemtr emuxptibtipharkicskdkn aela 795 kiolemtr emuxptibtpharkickhrxngxakas ephdankarbin 60 000 fut xawuth punihyxakas exm 61 ex 1 khnad 20 mm 1 krabxkthilatwswnhw xawuthplxyxakassuxakas exixexm 7 saeprorw xawuthplxyxakassuphun bulphb Bullpup lukraebidniwekhliyraebb bi 27 43 57 61 lukraebidthalayaebb exmaexlyu 1lukraebidephlingaebb biaexlyu 1 27 52 76 lukraebidphwng phlusxngaesng kraepaacrwd kraepaatxtankhawkrxngxielkhthrxnikhs kraepaabrrcuklxngthayphaphthangxakas thngnaphnnayaekhmi rwmnahnkxawuth 7 250 kiolkrm thiitlatw 5 tabl aela itpikla 2 tabl rwm 9 tablxangxingwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb aemkhdxnenll dklas exf 4 aefnthxm 2 edimthiidchuxwa exexch aelatxmaepn exf 4 exch exf 4 ichinpiph s 2505 emuxmikarepliynrabbbxkchuxkhxngkxngthphshrth in b aemkhdxnenll dklas ekhruxngbinidchuxwaomedl 98 Swanborough and Bowers 1976 p 301 Integrated Defense Systems F 4 Phantoms Phabulous 40th Boeing Retrieved 19 January 2008 Donald Spring 1991 p 26 Donald Summer 1991 p 22 Carrara 2006 p 48 F 4 Phantoms Phabulous 40th First to Last Boeing Integrated Defense Systems Retrieved 19 November 2007 F 4 Phantoms Phabulous 40th Current Uses of Titanium F 4 Boeing Integrated Defense Systems 1971 F 4B C 1 006 lb 7 7 of Structure F J E 1 261 lb 8 5 of Structure Retrieved 14 February 2008 Donald and Lake 1996 p 268 Dorr and Donald 1990 p 198 Integrated Defense Systems F 4 Phantoms Phabulous 40th Phantom Phirsts Boeing Retrieved 14 December 2007 Integrated Defense Systems F 4 Phantoms Phabulous 40th World Record Holder Boeing Retrieved 14 December 2007 McDonnell Douglas F 4D Phantom II National Museum of the USAF Retrieved 20 January 2008 Angelucci 1987 p 310 Angelucci 1987 p 312 Dorr and Bishop 1996 pp 200 201 Dorr and Bishop 1996 pp 188 189 Donald David Warplanes of the Fleet London AIRtime Publishing Inc 2004 ISBN 1 880588 81 1 Thornborough and Davies 1994 p 13 Thornborough and Davies 1994 p 11 Dorr 2008 p 61 F 4 Phantoms Phabulous 40th Phantom Development 1978 Commemorative Book Boeing Integrated Defense Systems Retrieved 14 February 2008 Lake 1992 p 15 Loftin Laurence K Quest for Performance The Evolution of Modern Aircraft 2006 06 13 thi ewyaebkaemchchin SP 468 Washington DC National Aeronautics and Space Administration History Office Scientific and Technical Information Branch 1985 Retrieved 19 November 2007 Donald and Lake 2002 Kunsan Airbase F 4 Phantom II Angelucci 1987 p 316 Lake 1992 p 21 Knaack 1978 p 266 Integrated Defense Systems F 4 Phantoms Phabulous 40th Boeing Retrieved 22 May 2007 DIRECTORY WORLD AIR FORCES 11 17 November 2008 pp 52 76 xphiwtn okhwinthrannth xakasyan 1979 chbbekhruxngbin exwiexchn xxbesirfewxr krungethph 2522 bthkhwamthhar hruxkarthharniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk