เอไอเอ็ม-7 สแปร์โรว์ (อังกฤษ: AIM-7 Sparrow) เป็นอาวุธปล่อยอากาศสู่อากาศพิสัยกลางที่ใช้โดยกองทัพอากาศ กองทัพเรือ และกองนาวิกโยธินของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับกองทัพอากาศของพันธมิตรอื่นๆ สแปร์โรว์และแบบต่างๆ ของมันเป็นอาวุธปล่อยอากาศสู่อากาศที่มีมาตั้งแต่ปลายพ.ศ. 2493 จนถึงพ.ศ. 2533 มันยังคงอยู่ในประจำการถึงแม้ว่ามันกำลังจะถูกเลิกใช้เนื่องมาจากอาวุธใหม่อย่างเอไอเอ็ม-120 แอมแรม กองกำลังติดอาวุธของญี่ปุ่นใช้มิสไซล์สแปร์โรว์ถึงแ้ม้ว่ากำลังจะถูกเลิกใช้และแทนที่ด้วยมิตซูบิชิ เอเอเอ็ม-4 นักบินของนาโต้ใช้รหัสว่าฟ็อกซ์ วัน (Fox One) ทางวิทยุสื่อสารเพื่อเป็นสัญญาณในการบอกการยิงมิสไซล์แบบกึ่งติดตามด้วยเรดาร์อย่างเช่นสแปร์โรว์
เอไอเอ็ม-7 สแปร์โรว์ | |
---|---|
ชนิด | อาวุธปล่อยอากาศสู่อากาศ นำวิถีด้วยเรดาร์พิสัยกลาง |
แหล่งกำเนิด | สหรัฐ |
บทบาท | |
ผู้ใช้งาน | สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อิหร่าน อิตาลี สหราชอาณาจักร ซาอุดิอาระเบีย ปากีสถาน โปแลนด์ |
ประวัติการผลิต | |
บริษัทผู้ผลิต | เรย์ธีออน |
มูลค่า | 125,000 ดอลลาร์สหรัฐ |
ช่วงการผลิต | พ.ศ. 2502 (เอไอเอ็ม-7ดี) พ.ศ. 2519 (เอไอเอ็ม-7เอฟ) พ.ศ. 2525 (เอไอเอ็ม-7เอ็ม) |
แบบอื่น | สแปร์โรว์ 1 เอไอเอ็ม-7เอ สแปร์โรว์ 2 เอไอเอ็ม-7บี สแปร์โรว์ 3 เอไอเอ็ม-7ซี เอไอเอ็ม-7ดี เอไอเอ็ม-7อี เอไอเอ็ม-7อี2// เอไอเอ็ม-7เอฟ เอไอเอ็ม-7เอ็ม เอไอเอ็ม-7พี อาร์ไอเอ็ม-7เอ็ม |
ข้อมูลจำเพาะ | |
มวล | 230 กิโลกรัม |
ความยาว | 3.7 เมตร |
เส้นผ่าศูนย์กลาง | 8 นิ้ว |
หัวรบ | เอไอเอ็ม-7เอฟ/เอ็มใช้ 40 กิโลกรัม |
เครื่องยนต์ | เครื่องยนต์จรวดเชื้อเพลิงแข็ง เฮอร์คิวลิส มาร์ก-58 |
ความยาวระหว่างปลายปีก | 2 ฟุต 8 นิ้ว (เอไอเอ็ม-120เอ/บี) |
พิสัยปฏิบัติการ | 32 กิโลเมตร (เอไอเอ็ม-7ซี/ดี) 42 กิโลเมตร (เอไอเอ็ม-7อี/อี2) 50 กิโลเมตร (เอไอเอ็ม-7เอฟ/เอ็ม) |
ความเร็ว | 4 มัค |
ระบบนำวิถี | เรดาร์กึ่งปฏิบัติ |
ฐานยิง | อากาศยาน:
|
สแปร์โรว์ถูกใช้ในฐานะอาวุธปล่อยผิวพื้นสู่อากาศแบบพื้นฐาน ถูกใช้โดยกองทัพเรือสหรัฐ เพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศ
การพัฒนา
สแปร์โรว์ 1
สแปร์โรว์ปรากฏตัวตั้งแต่ปี 2483 ในโครงการของกองทัพเรือสหรัฐฯ เพื่อทำการพัฒนาอาวุธจรวดนำวิถีสำหรับการใช้งานทางอากาศ ในปีพ.ศ. 2490 กองทัพเรือได้ทำสัญญากับบริษัทสเปอร์รีเพื่อสร้างจรวดทางอากาศเอชวีเออาร์แบบไม่นำวิถีภายใ้ต้โครงการฮ็อทช็อท (Project Hotshot) อาวุธดังกล่าวถูกเรียกว่าเคเอเอส-1 จากนั้นก็เป็นเอเอเอ็ม-2 และตั้งแต่ปี 2491 เป็นต้นมาก็ถูกเรียกว่าเอเอเอ็ม-เอ็น-2 โครงสร้างนั้นถูกสร้างขึ้นโดยบริษัทอากาศยานดักลาส เส้นผ่าศูนย์กลางของเอชวีเออาร์ไม่มากพอสำหรับอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ มันทำให้ดักลาสต้องขยายโครงสร้างของมิสไซล์ให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางเป็น 2 นิ้ว ต้นแบบได้ทำการบินครั้งแรกในปีพ.ศ. 2495
หลังจากการพัฒนาที่ยืดเยื้อเอเอเอ็ม-เอ็น-2 สแปร์โรว์ก็เริ่มเข้าประจำการในปีพ.ศ. 2499 ซึ่งใช้กับเครื่องเอฟ3เอช-2เอ็ม ดีมอนและเอฟ7ยู คัทลาส เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบันแล้วสแปร์โรว์ 1 มีความเพรียวลมมากกว่าและมีโครงสร้างที่คล้ายกระสุนโดยที่ส่วนปลายนั้นเรียวยาว
สแปร์โรว์ 1 มีขีดจำกัดมากกว่าจะเป็นอาวุธพื้นฐาน ด้วยการนำวิถีที่จำกัดทำให้มันยิงได้แต่ในระยะที่สามารถมองเห็นได้เท่านั้นและทำให้มันไร้ค่าเมื่อต้องจัดการกับเป้าหมายที่เคลื่อนที่ สแปร์โรว์รุ่นนี้มีผลิตออกมาเพียง 2,000 ลูกเท่านั้น
สแปร์โรว์ 2
เมื่อถึงปีพ.ศ. 2493 ดักลาสทำการทดสอบอุปกรณ์ของสแปร์โรว์ด้วยเรดาร์ค้นหา โดยมีชื่อในทีแรกว่าเอ็กซ์เอเอเอ็ม-เอ็น-2เอ สแปร์โรว์ 2 ตอนหลังก็มีชื่อว่าสแปร์โรว์ 2 ในปีพ.ศ. 2495 มันได้รหัสใหม่ว่าเอเอเอ็ม-เอ็น-3
เมื่อถึงปี 2498 ดักลาสเสนอการพัฒนาต่อโดยตั้งใจที่ให้มันเป็นอาวุธหลักให้กับเอฟ5ดี สกายแลนเซอร์และสิบปีต่อมาเรดาร์ที่คล้ายคลึงกันได้ติดตั้งกับเอไอเอ็ม-120 แอมแรม อย่างไรก็ตามลำตัวส่วนหน้าที่มีขนาดเล็กและเรดาร์แบบเค-แลนด์ เอเอ็น/เอพีคิว-64 มีการทำงานที่จำกัด และมันก็ไม่เคยได้ทำการทดสอบ
โครงการถูกยกเลิกในปีพ.ศ. 2501 และถึงแม้ว่าจะมีการหารือเรื่องที่บริษัทคานาแดร์จะเข้ามาทำงานแทน แต่เมื่อมันถูกยกเลิกงานทุกอย่างก็ถือว่าเป็นการยุติ
สแปร์โรว์ 2ดี
เมื่อสแปร์โรว์ 2 ควบคู่กับระบบการยิงแบบอาร์ว๊เอ-วิคเตอร์ แอสทราที่ถูกเลือกเข้าโครงการเอฟโร แอร์โรว์ หลังจากที่กองทัพเรือสหรัฐฯ ยกเลิกโครงการสแปร์โรว์ 2 เมื่อปีพ.ศ. 2499 งานทั้งหมดก็ยกให้กับคานาแดร์ โครงการแอสทราและสแปร์โรว์ 2 ถูกยกเลิกในปีพ.ศ. 2501 โครงการสแปร์โรว์ 2ดีอดทนจนถึงปีพ.ศ. 2493 เป้าหมายของมันล้มเหลวจนกระทั่งมิสไซล์แอมแรมเปิดตัวในปีพ.ศ. 2523
สแปร์โรว์ เอ็กซ์
รุ่นรองของสแปร์โรว์ 2ดีที่มีหัวรบนิวเคลียร์เหมือนกันคือเอ็มดี-2 จีไนแต่ถูกยกเลิก
สแปร์โรว์ 3
ด้วยความเห็นพ้องต้องกันในปี 2494 เรธีออนได้เริ่มทำการพัฒนามิสไซล์ตระกูลสแปร์โรว์แบบกึ่งเรดาร์โดยมีชื่อว่าเอเอเอ็ฒ-เอ็น-6 สแปร์โรว์3 อาวุธแรกๆ เหล่านี้ได้เข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯ เมื่อปีพ.ศ. 2501
เอเอเอ็ม-เอ็น-6 คล้ายคลึงกันกับ -6 แต่ใช้เชื้อเพลิงเหลวให้กับเครื่องยนต์เพื่อให้มันทำงานได้ดีขึ้น มันยังเปลี่ยนเป็นระบบนำวิถีอิเลคทรอนิกส์เพื่อทำให้มันมีประสิทธิภาพด้านความเร็วที่เพิ่มขึ้น -6เอยังได้รับเลือกให้เป็นอาวุธของเอฟ-110เอ สเปกเทอร์ (เอฟ-4 แฟนทอม) เมื่อปีพ.ศ. 2505 โดยมีชื่อเรียกว่าเอไอเอ็ม-101 มันได้เข้าสู่การผลิตในปีพ.ศ. 2502 ในที่สุดก็ถูกสร้างขึ้นประมาณ 7,500 ลูก
อีกการพัฒนาหนึ่งคือการกลับไปใช้เชื้อเพลิงแข็งให้กับเอเอเอ็ม-เอ็น-6บีซึ่งเริ่มผลิตในปีพ.ศ. 2506 มอเตอร์ใหม่นี้เพิ่มระยะทำการขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งมากขึ้นเป็น 35 กิโลเมตร
ในช่วงปีนี้เองกองทัพเรือและกองทัพอากาศได้ตกลงในการตั้งชื่อของมิสไซล์และสแปร์โรว์ก็กลายมาเป็นซีรี่ยส์เอไอเอ็ม-7 สแปร์โรว์ 1 ดั้งเดิมและสแปร์โรว์ 2 ที่ถูกยกเลิกกลายมาเป็นเอไอเอ็ม-7เอและเอไอเอ็ม-7บี ถึงกระนั้นทั้งสองแบบก็ถูกนำออกจากคลังแสง -6 และ -6บีกลายมาเป็นเอไอเอ็ม-7ซี เอไอเอ็ม-7ดี และเอไอเอ็ม-7อีตามลำดับ
เอไอเอ็ม-7อีจำนวน 25,000 ลูกถูกผลิตขึ้นและถูกใช้อย่างมากในสงครามเวียดนามที่ซึ่งการทำงานของมันนั้นถูกมองว่าน่าผิดหวัง เหตุผลก็มีหลายอย่างทั้งปัญหาในความน่าเชื่อถือ นักบินที่ไม่ได้รับการฝึกเพียงพอ และกฎของการเข้าปะทะที่เข้มงวดซึ่งไม่อนุญาตให้ทำการยิงหากเป้าหมายไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา อัตราการสังหารของเอไอเอ็ม-7อีนั้นต่ำกว่า 10% นักบินรบของสหรัฐฯ ยิงเครื่องบินตก 55 ลำด้วยสแปร์โรว์
ในปีพ.ศ. 2512 รุ่นที่รับการพัฒนาคืออี-2 ถูกนำมาใช้ด้วยปีกแบบใหม่และการเชื่อมต่อแบบใหม่ เอไอเอ็ม-7อี-2 ถูกคาดว่าจะถูกใช้ในระยะที่สั้นกว่าซึ่งมิสไซล์จะยังคงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงทำให้มันมีประโยชน์มากกว่าในข้อจำกัดในการปะทะ ถึงกระนั้นอัตราการสังหารของมันก็มีเพียง 13% มันจึงนำไปสู่การยิงแบบที่เดียวสี่นัดเพื่อเพิ่มโอกาสในการสังหาร แนวโน้มที่แย่กว่าก็คือการที่มันจุดชนวนก่อนกำหนด โดยประมาณหนึ่งพันฟุตห่างจากอากาศยานที่ยิงมันออกมา แต่มันยังมีปัญหามากมายที่มีทั้งมอเตอร์ล้มเหลว การบินที่ไม่แน่นอน และปัญหาในการเชื่อมต่อ รุ่นอี-3 นั้นมีทั้งการเปลี่ยนการเชื่อมต่อและอี-4 ก็ใช้กับเอฟ-14 ทอมแคท
รุ่นที่พัฒนาของเอไอเอ็ม-7 ถูกพัฒนาในช่วงปีพ.ศ. 2513 ด้วยความพยายามที่จะกำจัดข้อจำกัดของอาวุธ เอไอเอ็ม-7เอฟซึ่งได้เข้าประจำการเมื่อปีพ.ศ. 2519 เป็นจรวดที่มีสองตอนเพื่อเพิ่มพิสัย ระบบอิเลคทรอนิกส์ที่เพิ่มความเชื่อถือ และหัวรบที่ใหญ่ขึ้น แม้ว่ารุ่นนี้จะมีช่องว่างให้กับการพัฒนาทางอังกฤษและอิตาลีได้พัฒนารุ่นที่ดีกว่าของสแปร์โรว์ด้วยการทำงานและระบบอิเลคทรอนิกส์ที่ดีขึ้น
สแปร์โรว์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในปัจจุบันคือเอไอเอ็ม-7เอ็มซึ่งได้เข้าประจำการเมื่อปีพ.ศ. 2525 และมีจุดเด่นเป็นตัวหาเป้าแบบใหม่ เรดาร์ การควบคุมแบบดิจิทัล การต่อต้านเป้าล่อ และทำงานในระดับต่ำได้ดีขึ้น มันถูกใช้ในสงครามอ่าวที่ซึ่งมันทำคะแนนด้วยการฆ่าแบบอากาศสู่อากาศอย่างมากให้กับกองทัพอากาศสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามอัตราการสังหารของมันทั้งหมดแล้วก็น้อยกว่า 40%
เอไอเอ็ม-7พีคล้ายคลึงกับรุ่นเอ็มแทบจะในทุกๆ ด้านและอยู่ในโครงการสำหรับมิสไซล์เอ็มซีรี่ยส์ การเปลี่ยนเปลงหลักก็คือซอฟต์แวร์และการทำงานในระดับต่ำที่ดีขึ้น การพัฒนาบล็อก 2 ที่ตามมาในภายหลังได้เพิ่มตัวรับที่ด้านหลังเพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้องจากอากาศยานที่ยิงปล่อยมัน มีแผนที่จะพัฒนารุ่นเอ็มแต่ในปัจจุบันรุ่นพีถูกใช้เพื่อแทนที่รุ่นเอ็มที่ถูกนำออกจากคลังแสง
รุ่นสุดท้ายของมิสไซล์คือเอไอเอ็ม-7อาร์ซึ่งได้เพิ่มตัวหาอินฟราเรด ทุนที่ต่ำลงทำให้มันถูกยกเลิกในปีพ.ศ. 2540
ปัจจุบันสแปร์โรว์กำลังถูกเลิกใช้โดยมีเอไอเอ็ม-120 แอมแรมเข้ามาแทนที่ แต่ดูเหมือนว่ามันยังคงถูกใช้ต่อไปอีกหลายปี
- เอไอเอ็ม-7อีกำลังถูกติดตั้งกับเอเอ็นจี เอฟ-4ซีที่ฮาวายในปีพ.ศ. 2523
- เอไอเอ็ม-7เอฟบนเครื่องเอฟ-4จีเมื่อพ.ศ. 2531
- เอไอเอ็ม-7 กำลังถูกติดตั้ง
- เอไอเอ็ม-7เอ็มกำลังถูกติดตั้ง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
- Aero Arrow Recovery Canada 2018-05-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- GlobalSecurity.org
- Designation-Systems.Net
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
exixexm 7 saeprorw xngkvs AIM 7 Sparrow epnxawuthplxyxakassuxakasphisyklangthiichodykxngthphxakas kxngthpherux aelakxngnawikoythinkhxngshrth echnediywkbkxngthphxakaskhxngphnthmitrxun saeprorwaelaaebbtang khxngmnepnxawuthplxyxakassuxakasthimimatngaetplayph s 2493 cnthungph s 2533 mnyngkhngxyuinpracakarthungaemwamnkalngcathukelikichenuxngmacakxawuthihmxyangexixexm 120 aexmaerm kxngkalngtidxawuthkhxngyipunichmisislsaeprorwthungaemwakalngcathukelikichaelaaethnthidwymitsubichi exexexm 4 nkbinkhxngnaotichrhswafxks wn Fox One thangwithyusuxsarephuxepnsyyaninkarbxkkaryingmisislaebbkungtidtamdwyerdarxyangechnsaeprorwexixexm 7 saeprorwchnidxawuthplxyxakassuxakas nawithidwyerdarphisyklangaehlngkaenid shrthbthbathphuichnganshrthxemrika ekahliit yipun xihran xitali shrachxanackr saxudixaraebiy pakisthan opaelndprawtikarphlitbristhphuphliterythixxnmulkha125 000 dxllarshrthchwngkarphlitph s 2502 exixexm 7di ph s 2519 exixexm 7exf ph s 2525 exixexm 7exm aebbxunsaeprorw 1 exixexm 7ex saeprorw 2 exixexm 7bi saeprorw 3 exixexm 7si exixexm 7di exixexm 7xi exixexm 7xi2 exixexm 7exf exixexm 7exm exixexm 7phi xarixexm 7exmkhxmulcaephaamwl230 kiolkrmkhwamyaw3 7 emtresnphasunyklang8 niwhwrbexixexm 7exf exmich 40 kiolkrmekhruxngyntekhruxngyntcrwdechuxephlingaekhng ehxrkhiwlis mark 58khwamyawrahwangplaypik2 fut 8 niw exixexm 120ex bi phisyptibtikar32 kiolemtr exixexm 7si di 42 kiolemtr exixexm 7xi xi2 50 kiolemtr exixexm 7exf exm khwamerw4 mkhrabbnawithierdarkungptibtithanyingxakasyan exf 4 aefnthxm II exf 15 xiekil exf 16 ifthtingfxlkhxn exf 14 thxmaekhth exf ex 18 hxrenth sab 37 wikekn exf 104 starifetxr phanaewiy thxrnaod exf ex 18xi exf suepxrhxrenth mitsubichi exf 2 saeprorwthukichinthanaxawuthplxyphiwphunsuxakasaebbphunthan thukichodykxngthpheruxshrth ephuxpxngknkarocmtithangxakaskarphthnasaeprorw 1 saeprorw 1 kalngthukthdsxbkbekhruxngexf3di skayinth ph s 2493 saeprorwprakttwtngaetpi 2483 inokhrngkarkhxngkxngthpheruxshrth ephuxthakarphthnaxawuthcrwdnawithisahrbkarichnganthangxakas inpiph s 2490 kxngthpheruxidthasyyakbbristhsepxrriephuxsrangcrwdthangxakasexchwiexxaraebbimnawithiphayitokhrngkarhxthchxth Project Hotshot xawuthdngklawthukeriykwaekhexexs 1 caknnkepnexexexm 2 aelatngaetpi 2491 epntnmakthukeriykwaexexexm exn 2 okhrngsrangnnthuksrangkhunodybristhxakasyandklas esnphasunyklangkhxngexchwiexxarimmakphxsahrbxupkrnxielkhthrxniks mnthaihdklastxngkhyayokhrngsrangkhxngmisislihmiesnphasunyklangepn 2 niw tnaebbidthakarbinkhrngaerkinpiph s 2495 hlngcakkarphthnathiyudeyuxexexexm exn 2 saeprorwkerimekhapracakarinpiph s 2499 sungichkbekhruxngexf3exch 2exm dimxnaelaexf7yu khthlas emuxethiybkbrunpccubnaelwsaeprorw 1 mikhwamephriywlmmakkwaaelamiokhrngsrangthikhlaykrasunodythiswnplaynneriywyaw saeprorw 1 mikhidcakdmakkwacaepnxawuthphunthan dwykarnawithithicakdthaihmnyingidaetinrayathisamarthmxngehnidethannaelathaihmnirkhaemuxtxngcdkarkbepahmaythiekhluxnthi saeprorwrunnimiphlitxxkmaephiyng 2 000 lukethann saeprorw 2 emuxthungpiph s 2493 dklasthakarthdsxbxupkrnkhxngsaeprorwdwyerdarkhnha odymichuxinthiaerkwaexksexexexm exn 2ex saeprorw 2 txnhlngkmichuxwasaeprorw 2 inpiph s 2495 mnidrhsihmwaexexexm exn 3 emuxthungpi 2498 dklasesnxkarphthnatxodytngicthiihmnepnxawuthhlkihkbexf5di skayaelnesxraelasibpitxmaerdarthikhlaykhlungknidtidtngkbexixexm 120 aexmaerm xyangirktamlatwswnhnathimikhnadelkaelaerdaraebbekh aelnd exexn exphikhiw 64 mikarthanganthicakd aelamnkimekhyidthakarthdsxb okhrngkarthukykelikinpiph s 2501 aelathungaemwacamikarharuxeruxngthibristhkhanaaedrcaekhamathanganaethn aetemuxmnthukykeliknganthukxyangkthuxwaepnkaryuti saeprorw 2di emuxsaeprorw 2 khwbkhukbrabbkaryingaebbxarwex wikhetxr aexsthrathithukeluxkekhaokhrngkarexfor aexrorw hlngcakthikxngthpheruxshrth ykelikokhrngkarsaeprorw 2 emuxpiph s 2499 nganthnghmdkykihkbkhanaaedr okhrngkaraexsthraaelasaeprorw 2 thukykelikinpiph s 2501 okhrngkarsaeprorw 2dixdthncnthungpiph s 2493 epahmaykhxngmnlmehlwcnkrathngmisislaexmaermepidtwinpiph s 2523 saeprorw exks runrxngkhxngsaeprorw 2dithimihwrbniwekhliyrehmuxnknkhuxexmdi 2 ciinaetthukykelik saeprorw 3 ekhruxngexf3exch dimxnkalngplxykhpnawuthsaeprorw 3 inpiph s 2501 dwykhwamehnphxngtxngkninpi 2494 erthixxniderimthakarphthnamisisltrakulsaeprorwaebbkungerdarodymichuxwaexexexth exn 6 saeprorw3 xawuthaerk ehlaniidekhapracakarinkxngthpheruxshrth emuxpiph s 2501 exexexm exn 6 khlaykhlungknkb 6 aetichechuxephlingehlwihkbekhruxngyntephuxihmnthanganiddikhun mnyngepliynepnrabbnawithixielkhthrxniksephuxthaihmnmiprasiththiphaphdankhwamerwthiephimkhun 6exyngidrbeluxkihepnxawuthkhxngexf 110ex sepkethxr exf 4 aefnthxm emuxpiph s 2505 odymichuxeriykwaexixexm 101 mnidekhasukarphlitinpiph s 2502 inthisudkthuksrangkhunpraman 7 500 luk xikkarphthnahnungkhuxkarklbipichechuxephlingaekhngihkbexexexm exn 6bisungerimphlitinpiph s 2506 mxetxrihmniephimrayathakarkhunxyangmiprasiththiphaphsungmakkhunepn 35 kiolemtr inchwngpiniexngkxngthpheruxaelakxngthphxakasidtklnginkartngchuxkhxngmisislaelasaeprorwkklaymaepnsiriysexixexm 7 saeprorw 1 dngedimaelasaeprorw 2 thithukykelikklaymaepnexixexm 7exaelaexixexm 7bi thungkrannthngsxngaebbkthuknaxxkcakkhlngaesng 6 aela 6biklaymaepnexixexm 7si exixexm 7di aelaexixexm 7xitamladb exixexm 7xicanwn 25 000 lukthukphlitkhunaelathukichxyangmakinsngkhramewiydnamthisungkarthangankhxngmnnnthukmxngwanaphidhwng ehtuphlkmihlayxyangthngpyhainkhwamnaechuxthux nkbinthiimidrbkarfukephiyngphx aelakdkhxngkarekhapathathiekhmngwdsungimxnuyatihthakaryinghakepahmayimsamarthmxngehniddwyta xtrakarsngharkhxngexixexm 7xinntakwa 10 nkbinrbkhxngshrth yingekhruxngbintk 55 ladwysaeprorw inpiph s 2512 runthirbkarphthnakhuxxi 2 thuknamaichdwypikaebbihmaelakarechuxmtxaebbihm exixexm 7xi 2 thukkhadwacathukichinrayathisnkwasungmisislcayngkhngekhluxnthidwykhwamerwsungthaihmnmipraoychnmakkwainkhxcakdinkarpatha thungkrannxtrakarsngharkhxngmnkmiephiyng 13 mncungnaipsukaryingaebbthiediywsindephuxephimoxkasinkarsnghar aenwonmthiaeykwakkhuxkarthimncudchnwnkxnkahnd odypramanhnungphnfuthangcakxakasyanthiyingmnxxkma aetmnyngmipyhamakmaythimithngmxetxrlmehlw karbinthiimaennxn aelapyhainkarechuxmtx runxi 3 nnmithngkarepliynkarechuxmtxaelaxi 4 kichkbexf 14 thxmaekhth runthiphthnakhxngexixexm 7 thukphthnainchwngpiph s 2513 dwykhwamphyayamthicakacdkhxcakdkhxngxawuth exixexm 7exfsungidekhapracakaremuxpiph s 2519 epncrwdthimisxngtxnephuxephimphisy rabbxielkhthrxniksthiephimkhwamechuxthux aelahwrbthiihykhun aemwarunnicamichxngwangihkbkarphthnathangxngkvsaelaxitaliidphthnarunthidikwakhxngsaeprorwdwykarthanganaelarabbxielkhthrxniksthidikhun saeprorwthiepnthiruckmakthisudinpccubnkhuxexixexm 7exmsungidekhapracakaremuxpiph s 2525 aelamicudednepntwhaepaaebbihm erdar karkhwbkhumaebbdicithl kartxtanepalx aelathanganinradbtaiddikhun mnthukichinsngkhramxawthisungmnthakhaaenndwykarkhaaebbxakassuxakasxyangmakihkbkxngthphxakasshrth xyangirktamxtrakarsngharkhxngmnthnghmdaelwknxykwa 40 exixexm 7phikhlaykhlungkbrunexmaethbcainthuk danaelaxyuinokhrngkarsahrbmisislexmsiriys karepliyneplnghlkkkhuxsxftaewraelakarthanganinradbtathidikhun karphthnablxk 2 thitammainphayhlngidephimtwrbthidanhlngephuxrbkhxmulthithuktxngcakxakasyanthiyingplxymn miaephnthicaphthnarunexmaetinpccubnrunphithukichephuxaethnthirunexmthithuknaxxkcakkhlngaesng runsudthaykhxngmisislkhuxexixexm 7xarsungidephimtwhaxinfraerd thunthitalngthaihmnthukykelikinpiph s 2540 pccubnsaeprorwkalngthukelikichodymiexixexm 120 aexmaermekhamaaethnthi aetduehmuxnwamnyngkhngthukichtxipxikhlaypi exixexm 7xikalngthuktidtngkbexexnci exf 4sithihawayinpiph s 2523 exixexm 7exfbnekhruxngexf 4ciemuxph s 2531 exixexm 7 kalngthuktidtng exixexm 7exmkalngthuktidtngduephimexixexm 120 aexmaerm exixexm 9 isdiwnedxr exixexm 54 finiksaehlngkhxmulxunAero Arrow Recovery Canada 2018 05 21 thi ewyaebkaemchchin GlobalSecurity org Designation Systems Net