อเล็กซานเดอร์ คาลเดอร์ หรือ แซนดี้ คาลเดอร์ (อังกฤษ: Alexander Calder หรือ Sandy Calder) (22 กรกฎาคม ค.ศ. 1898 - 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1976) เป็นประติมากรของขบวนการลัทธิเหนือจริงคนสำคัญของสหรัฐอเมริกาของคริสต์ศตวรรษที่ 20 คาลเดอร์มีชื่อเสียงจากการเป็นผู้ริเริ่มการสร้าง “ประติมากรรมจลดุล” (mobile sculpture) นอกจากประติมากรรมจลดุลแล้วคาลเดอร์ก็ยังสร้างงานที่เป็น “ประติมากรรมศักยดุล” หรือ “ประติมากรรมสถิต” (stabile), จิตรกรรม, ภาพพิมพ์หิน, , พรมทอแขวนผนัง และ ด้วย
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
อเล็กซานเดอร์ คาลเดอร์ |
---|
วัยเด็ก
คาลเดอร์ผู้เกิดที่ลอว์ตันในรัฐเพนซิลเวเนียในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่22 กรกฎาคม ค.ศ. 1898 มาจากครอบครัวที่เป็นศิลปิน บิดาของคาลเดอร์เป็นประติมากรผู้มีชื่อเสียงผู้สร้างงานประติมากรรมสำหรับติดตั้งในที่สาธารณะหลายชิ้นส่วนใหญ่ในฟิลาเดลเฟีย ส่วนปู่ประติมากร เกิดที่สกอตแลนด์และอพยพมาฟิลาเดลเฟียในปี ค.ศ. 1868 งานที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดเป็นประติมากรรมขนาดใหญ่ของบนหอตึกเทศบาลเมืองฟิลาเดลเฟีย นาเนตต์ เลเดอเรอร์ คาลเดอร์มารดาของคาลเดอร์เป็นจิตรกรภาพเหมือนอาชีพผู้ได้รับการศึกษาจากและในกรุงปารีสราวระหว่างปี ค.ศ. 1888 ถึงปี ค.ศ. 1893 ต่อมานาเนตต์ย้ายไปอยู่ที่ฟิลาเดลเฟียเมื่อไปพบกับขณะที่กำลังศึกษาอยู่ที่ บิดามารดาของคาลเดอร์สมรสกันเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1895 พี่สาวคนโตมาร์กาเร็ต หรือ เพ็กกี้ คาลเดอร์เกิดในปี ค.ศ. 1896 ต่อมาเมื่อสมรสก็เปลี่ยนชื่อเป็น มาร์กาเร็ต คาลเดอร์ เฮย์ส และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้ง
ในปี ค.ศ. 1902 เมื่ออายุได้สี่ปีคาลเดอร์ก็เป็นแบบเปลือยให้กับประติมากรรม “The Man Cub” ที่สร้างโดยบิดาที่ในปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน ในปีเดียวกันคาลเดอร์ก็สร้างงานหนึ่งในงานชิ้นแรกๆ เสร็จเป็นช้างที่ทำด้วยดินเหนียว
สามปีต่อมาเมื่อคาลเดอร์อายุได้เจ็ดปีและเมื่อพี่สาวอายุได้เก้าปี สเตอร์ลิง คาลเดอร์ก็ล้มป่วยด้วยวัณโรค บิดามารดาจึงไปรักษาตัวอยู่ที่ฟาร์มปศุสัตว์ที่ออราเคิลในแอริโซนาทิ้งลูกๆ ไว้ให้อยู่ในความดูแลของเพื่อนของครอบครัวอยู่ปีหนึ่ง ครอบครัวกลับมาพบกันอีกครั้งในเดือนมีนาคมปี ค.ศ. 1906 และพักอยู่ที่ฟาร์มในแอริโซนาจนถึงฤดูใบไม้ร่วงปีเดียวกัน
จากแอริโซนาครอบครัวคาลเดอร์ย้ายไปอยู่ที่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ห้องใต้หลังคาของบ้านกลายเป็นห้องทำงานประติมากรรมห้องแรกของคาลเดอร์ เมื่อได้รับเครื่องมือชุดแรก คาลเดอร์ใช้เศษลวดทองแดงที่พบตามถนนและลูกปัดจากตุ๊กตาของพี่สาวในการทำเครื่องประดับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1907 มารดาก็นำคาลเดอร์ไปชม (Tournament of Roses Parade) ที่คาลเดอร์ได้ดูการแข่งรถม้าสี่ตัว เหตุการณ์ดังว่าต่อมากลายมาเป็นผลงานละครสัตว์ของคาลเดอร์
ในปี ค.ศ. 1909 เมื่อเรียนอยู่ชั้นสี่คาลเดอร์ก็สลักรูปสุนัขและเป็ดจากแผ่นทองเหลืองเป็นของขวัญวันคริสต์มัสสำหรับบิดามารดา ประติมากรรมที่ทำเป็นสามมิติและเป็นจลนศิลป์ที่เคลื่อนไหวได้ เพราะจะเคลื่อนไหวเมื่อแตะเบาๆ งานประติมากรรมเหล่านี้มักจะได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นตัวอย่างผลงานสมัยแรกที่แสดงถึงแนวความสามารถของคาลเดอร์
ในปี ค.ศ. 1910 เมื่อการพักฟื้นของสเตอร์ลิง คาลเดอร์สิ้นสุดลง ครอบครัวก็ย้ายกลับไปฟิลาเดลเฟีย เมื่อคาลเดอร์ไปเข้าศึกษาอยู่ที่อยู่ระยะหนึ่งและต่อมาในรัฐนิวยอร์ก ในโครทันระหว่างที่ศึกษาในขั้นมัธยมคาลเดอร์ได้มีโอกาสทำความรู้จักกับจิตรกร ที่คาลเดอร์สร้างระบบที่ใช้พลังแรงดึงดูดสำหรับรถไฟกล ที่คาลเดอร์บรรยายว่า:
เราแล่นรถไฟบนรางไม้ที่ยึดไว้ด้วยเข็มแหลม; เจ้าก้อนเหล็กก็แล่นลงไปตามทางลาดแข่งกับรถ เราถึงกับจุดไฟในรถบางตู้ด้วยเทียน
หลังจากโครทันครอบครัวคาลเดอร์ก็ย้ายไปสปุยเทนเดวิลในบร็องซ์ เพื่อให้ไปอยู่ใกล้กับห้องทำงานที่ถนนสายสิบที่สเตอร์ลิง คาลเดอร์เช่าไว้ทำงาน ขณะที่พำนักอยู่ที่สปุยเทนเดวิลคาลเดอร์ก็เข้าศึกษาที่โรงเรียนมัธยมยองเคอร์
ในปี ค.ศ. 1912 สเตอร์ลิง คาลเดอร์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าผู้ทำการแทนของแผนกประติมากรรมของในซานฟรานซิสโก คาลเดอร์เริ่มแสดงงานประติมากรรมในนิทรรศการที่จัดขึ้นในปี ค.ศ. 1915 ระหว่างที่ศึกษาอยู่ในระดับไฮสกูลระหว่างปี ค.ศ. 1912 ถึงปี ค.ศ. 1915 ครอบครัวคาลเดอร์ก็ย้ายไปมาระหว่างนิวยอร์กกับแคลิฟอร์เนีย ในบ้านที่อยู่ใหม่แต่ละที่บิดามารดาก็จะยกห้องใต้หลังคาไว้ให้เป็นห้องทำงานของคาลเดอร์ ในตอนปลายของสมัยเด็กคาลเดอร์พักอยู่กับเพื่อนในแคลิฟอร์เนียขณะที่บิดามารดาย้ายกลับไปนิวยอร์ก เพื่อจะได้เรียนจบได้ที่โรงเรียนมัธยมโลเวลล์ในซานฟรานซิสโก คาลเดอร์จบการศึกษาในปี ค.ศ. 1915
สมัยแรก
แม้ว่าบิดามารดาจะสนับสนุนคาลเดอร์ให้เป็นผู้มีความสร้างสรรมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่สนับสนุนให้ลูกเป็นศิลปินเพราะเป็นอาชีพที่ลำบากในการทำมาหากิน ในปี ค.ศ. 1915 คาลเดอร์ตัดสินใจเข้าเรียนสาขาวิศวกรรมเครื่องกลหลังจากได้ศึกษาเกี่ยวกับพื้นฐานจากเพื่อนร่วมชั้นชื่อไฮด์ หลุยส์ที่โรงเรียนมัธยมโลเวลล์ สเตอร์ลิง คาลเดอร์จัดให้คาลเดอร์เข้าศึกษาที่ที่ในนิวเจอร์ซีย์
คาลเดอร์เข้าเล่นในทีมฟุตบอลในปีแรกที่เป็นนักศึกษาและทำการฝึกกับทีมไปจนตลอดสี่ปี แต่ไม่ได้ลงเล่นแข่งขัน นอกจากฟุตบอลแล้วคาลเดอร์ก็ยังเล่นที่ดูจะมีความสำเร็จมากกว่า และเป็นสมาชิกของสมาคมภราดรภาพ คาลเดอร์มีความสามารถในวิชาคณิตศาสตร์
ในฤูดูร้อนของปี ค.ศ. 1916 คาลเดอร์ใช้เวลาห้าอาทิตย์ในการฝึกที่ศูนย์ฝึกทหารสำหรับพลเรือนแพลทส์เบิร์ก ในปี ค.ศ. 1917 คาลเดอร์ก็เข้าอยู่ในกองทหารเรือในสังกัดกองทหารฝึกสำหรับนักศึกษา (Student’s Army Training Corps) ที่สถาบันเทคโนโลยีสตีเฟนส์และได้รับแต่งตั้งให้เป็น “guide of the battalion” ซึ่งทำให้คาลเดอร์กล่าวว่าทำให้:
ผมเรียนการพูดจากมุมปากและไม่สามารถจะแก้ได้มาตั้งแต่บัดนั้น
คาลเดอร์ได้รับปริญญาจากในปี ค.ศ. 1919 ในช่วงเวลาสองสามปีต่อมาคาลเดอร์ก็ทำงานเกี่ยวกับการวิศวกรรมอยู่หลายหน้าที่ที่รวมทั้งเป็นวิศวกรไฮดรอลิคส์และคนเขียนแบบสำหรับบริษัทนิวยอร์กเอดิสัน แต่คาลเดอร์ก็ไม่พอใจกับหน้าที่ใดที่ทำ
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1922 คาลเดอร์ทำงานเป็นพนักงานดับเพลิงในห้องเครื่องของเรือขนส่งผู้โดยสาร “เอช. เอฟ. อเล็กซานเดอร์” ขณะที่เรือแล่นออกจากซานฟรานซิสโกไปยังนครนิวยอร์ก คาลเดอร์ได้มีโอกาสทำงานบนดาดฟ้าเรือตามริมฝั่งกัวเตมาลาและได้มีโอกาสได้เป็นทั้งพระอาทิตย์ขึ้นทางหนึ่งและพระจันทร์ตกอีกซีกหนึ่งของฟากฟ้าตรงข้ามที่คาลเดอร์บรรยายไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติว่า:
เช้าวันหนึ่งเมื่อทะเลเรียบ, นอกฝั่งกัวเตมาลา เมื่อนั่งอยู่บนเก้าอี้ — ขดเชือก — ผมก็เริ่มเห็นก้อนไฟสีแดงเพลิงทางด้านหนึ่ง และ พระจันทร์ที่ดูเหมือนเหรียญเงินอีกด้านหนึ่งของฟากฟ้า
เมื่อ “เอช. เอฟ. อเล็กซานเดอร์” จอดที่ท่าซานฟรานซิสโกคาลเดอร์ก็จะเดินทางขึ้นไปอเบอร์ดีนที่รัฐวอชิงตันไปเยึ่ยมพี่สาวกับพี่เขยเค็นเนธ เฮย์ส คาลเดอร์สมัครงานเป็นผู้คุมเวลาที่ค่ายโค่นไม้ ภูมิทัศน์ป่าเขาเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คาลเดอร์เขียนจดหมายไปถึงบ้านไปขอสีและแปรง ไม่นานหลังจากนั้นคาลเดอร์ก็ตัดสินใจย้ายกลับไปนิวยอร์กเพื่อไปพยายามสร้างตัวเป็นศิลปิน
อาชีพศิลปิน
เมื่อทำการตัดสินใจเป็นศิลปินแล้วคาลเดอร์ก็ย้ายกลับไปนิวยอร์กและไปสมัครเป็นนักศึกษาที่ ขณะที่เป็นนักศึกษาคาลเดอร์ก็ทำงานให้กับ “” ที่งานชิ้นหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้ทำในปี ค.ศ. 1925 คือร่างภาพ คาลเดอร์มีความรู้สึกดึงดูดกับละครสัตว์ซึ่งเป็นหัวข้อที่มาปรากฏในงานหลายชิ้นที่มาสร้างต่อมา
ในปี ค.ศ. 1926 คาลเดอร์ย้ายไปปารีสไปเปิดห้องศิลป์ที่ ด้วยการคำแนะนำของพ่อค้าของเล่นชาวเซอร์เบียคาลเดอร์ก็สร้างของเล่นแบบที่เคลื่อนไหวได้ แม้ว่าจะไม่ได้พบกับพ่อค้าผู้นั้นอีกแต่คาลเดอร์ก็ส่งงานของเล่นไปแสดงที่ Salon des Humoristes ตามคำยุยงของเพื่อนประติมากร ต่อมาในฤดูใบไม้ผลิปีเดียวกันคาลเดอร์ก็เริ่มสร้าง “” ซึ่งเป็นงานละครสัตว์ย่อส่วนที่ทำจากลวด, เส้นด้าย, ยาง, ผ้า และ สิ่งของที่หาได้ คาลเดอร์ออกแบบให้ใส่กระเป๋าเดินทางได้ (ในที่สุดก็มีด้วยกันห้าใบ) ละครสัตว์ของคาลเดอร์จึงเป็นงานเคลื่อนที่ และทำให้คาลเดอร์สามารถใช้ในการแสดงได้ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป คาลเดอร์ให้การแสดงสดที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน (Improvisation) ที่ใช้บรรยากาศของการแสดงละครสัตว์จริงอย่างเต็มที่ ในที่สุดงาน “”[1] 2007-07-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน[2] 2008-09-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (มักจะแสดงที่) ก็กลายเป็นงานที่เป็นที่นิยมกันในหมู่ชาวปารีสกลุ่มอาวองการ์ด จนคาลเดอร์สามารถหารายได้จากการขายตั๋วเพื่อช่วยจ่ายค่าเช่าบ้านได้[3] 2008-11-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน[4]
ในปี ค.ศ. 1927 คาลเดอร์ย้ายกลับไปยังสหรัฐอเมริกา ไปออกแบบของเล่นที่ทำด้วยไม้แบบผลักหรือดึงที่เคลื่อนไหวได้สำหรับเด็กที่ได้รับการผลิตระดับอุตสาหกรรมโดยบริษัทผลิตภัณฑ์กูลด์ที่วิสคอนซิน
ในปี ค.ศ. 1928 คาลเดอร์ก็จัดงานแสดงศิลปะของตนเองที่หอแสดงภาพในนครนิวยอร์ก และในปี ค.ศ. 1934 คาลเดอร์ก็มีงานแสดงโดยลำพังตนเองในพิพิธภัณฑ์เป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาที่ของมหาวิทยาลัยชิคาโก
ในปี ค.ศ. 1929 คาลเดอร์ก็มีงานแสดงประติมากรรมลวดโดยลำพังของตนเองในปารีสที่ห้องแสดงภาพบิลลิเอต์ จิตรกร เพื่อนของคาลเดอร์จากคาเฟส์ เป็นผู้เขียนบทนำให้
ในเดือนมิถุนายนปี ค.ศ. 1929 ขณะที่เดินทางจากปารีสไปยังนิวยอร์ก คาลเดอร์ก็พบลุยซา เจมส์เหลนของนักประพันธ์อเมริกัน และนักปรัชญา ทั้งสองสมรสกันในปี ค.ศ. 1931
ขณะที่พำนักอยู่ในปารีสคาลเดอร์ก็พบและเป็นเพื่อนกับจิตรกรอาวองการ์ดหลายคนที่รวมทั้งโคอัน มีโร, และ เมื่อไปเยี่ยมห้องศิลป์ของในปี ค.ศ. 1930 มงดริอองก็สร้างความ “ประหลาดใจ” ในคาลเดอร์หันมารับศิลปะนามธรรม
“” เป็นงานที่ทำให้เห็นถึงความสนใจของคาลเดอร์ในทั้ง และ จลนศิลป์ และยังคงใช้ความรู้ทางวิศวกรรมในการสร้างดุลยภาพของประติมากรรมและใช้ในการพัฒนาประติมากรรมที่ที่ดูชองป์เรียกว่า “ประติมากรรมจลดุล” หรือ “Mobile” ซึ่งเป็นคำพ้องในภาษาฝรั่งเศสว่า “Mobile” และ “Motive” คาลเดอร์ออกแบบตัวละครในละครสัตว์ที่ห้อยลงมาด้วยเส้นด้าย แต่การผสมระหว่างสิ่งที่คาลเดอร์ทดลองเพื่อที่จะพัฒนาขึ้นมาเป็นประติมากรรมนามธรรมแท้ๆ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อคาลเดอร์ไปเยี่ยม เมื่อคาลเดอร์เริ่มสร้างงาน “จลนศิลป์” ขึ้นเป็นชิ้นแรกโดยใช้เครื่องไขและระบบการดึงด้วยรอก
เมื่อมาถึงปลายปี ค.ศ. 1931 คาลเดอร์ก็หันไปทำงานประติมากรรมที่อ่อนช้อยขึ้นที่มาจากการเคลื่อนไหวของอากาศภายในห้อง จากงานนี้ก็เป็นกำเนิดของ “ประติมากรรมจลดุล” ของคาลเดอร์ที่แท้จริง ในขณะเดียวกันคาลเดอร์ทำการทดลองการสร้าง “ประติมากรรมสถิตเชิงนามธรรม” ที่รับน้ำหนักตัวเองได้ที่เรียกว่า “ประติมากรรมศักยดุล” (stabile) เพื่อแยกจาก “ประติมากรรมจลดุล”
คาลเดอร์และลุยซาย้ายกลับสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1933 เพื่อมาตั้งหลักแหล่งมีครอบครัวในฟาร์มเฮาส์ที่ซื้อไว้ที่ (บุตรีคนแรกแซนดราเกิดในปี ค.ศ. 1935 และลูกสามคนที่สองแมรีในปี ค.ศ. 1939) คาลเดอร์ยังคงทำการแสดง “” และเริ่มทำงานร่วมกับในการออกแบบฉากบัลเลต์และสร้างเวทีเคลื่อนที่สำหรับการแสดง “” โดยในปี ค.ศ. 1936.
งานประติมากรรมสำหรับสาธารณชนชิ้นแรกที่ได้จ้างให้ทำเป็งานประติมากรรมจลดุลคู่ที่ออกแบบสำหรับโรงละครที่เปิดในปี ค.ศ. 1937 ที่ที่
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง คาลเดอร์พยายามอาสาสมัครเป็นทหารเรือแต่ถูกปฏิเสธ คาลเดอร์จึงทำงานประติมากรรมต่อ แต่ความที่โลหะเป็นสิ่งที่ขาดแคลนระหว่างสงครามคาลเดอร์จึงหันไปสร้างงานที่ทำแทนที่
งานแสดงศิลปะย้อนหลังครั้งแรกของคาลเดอร์จัดขึ้นในปี ค.ศ. 1938 ที่ห้องแสดงภาพจอร์จ วอลเตอร์ วินเซนต์ สมิธที่ ในปี ค.ศ. 1943 พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่เป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงศิลปะย้อนหลังครั้งแรกของคาลเดอร์โดยการจัดการโดย และ
คาลเดอร์เป็นหนึ่งในบรรดาประติมากร 250 คนที่แสดงงานใน ที่จัดขึ้นที่ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1949 งาน “ประติมากรรมจลดุลสากล” (International Mobile) กลายเป็นงานชิ้นเอกของงานและมาแขวนอีกในปี ค.ศ. 2007 ที่ที่แขวนไว้แต่เดิมในปี ค.ศ. 1949.
ในคริสต์ทศวรรษ 1950 คาลเดอร์หันไปมุ่งมั่นกับการสร้างงานประติมากรรมขนาดยักษ์ ตัวอย่างก็ได้แก่ “.125” ที่สร้างขึ้นสำหรับท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดีในปี ค.ศ. 1957, “La Spirale” สำหรับองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติในกรุงปารีสในปี ค.ศ. 1958 และ “L'Homme” (“ชาย”) สำหรับ Expo '67 ในมอนทรีออล ประติมากรรมขนาดใหญ่ที่สุดที่คาลเดอร์สร้างสูง 20.5 เมตรชื่อ “El Sol Rojo” สำหรับกีฬาโอลิมปิกในเม็กซิโกซิตี
ในปี ค.ศ. 1962 คาลเดอร์ก็ย้ายมาทำงานที่ห้องศิลป์ใหม่ที่คาร์รัวออกแบบงานเชิงอนาคตที่มองลงไปยังหุบเขาของเชฟรีเยร์ในแองดร์-เอต์-ลัวร์ในฝรั่งเศส ระหว่างที่ทำคาลเดอร์ก็ไม่ลังเลที่แจกงานจลดุลให้เพื่อน และถึงกับอุทิศ “ประติมากรรมศักยดุล” ให้แก่เมืองที่ตั้งอยู่หน้าวัดซึ่งเป็นประติมากรรมที่เป็นอิสระจากแรงดึงดูด
คาลเดอร์สร้างประติมากรรมศักยดุลและประติมากรรมจลดุลส่วนใหญ่ในโรงงานบีมองต์ตูร์ในฝรั่งเศส รวมทั้ง “L'Homme” ที่ทำด้วยเหล็กกล้าไร้สนิมสูง 24 เมตรที่บริษัทนิคเคิลอินเตอร์แนชันนัล (Inco) ของแคนาดาจ้างให้ทำสำหรับงานนิทรรศการสากลแห่งมอนทรีออลในปี ค.ศ. 1967 งานขั้นสุดท้ายสร้างจากหุ่น จำลองที่สร้างโดยคาลเดอร์โดยแผนกค้นคว้าทดลองที่ออกแบบให้ได้ตามสัดส่วน โดยมีคาลเดอร์เป็นผู้ควบคุมดูแลกระบวนการหล่อทั้งหมด และถ้าจำเป็นคาลเดอร์ก็จะแก้งานไปด้วย ประติมากรรมศักยดุลทั้งหมดสร้างด้วยเหล็กกล้าคาร์บอนและทาสีส่วนใหญ่เป็นสีดำนอกจากตรงที่เป็นตัวแบบที่เป็นเหล็กกล้าไร้สนิมบริสุทธิ์ จลดุลทำด้วยอะลูมิเนียมและทำด้วยดิวราลูมิน
ในปี ค.ศ. 1966 คาลเดอร์ตีพิมพ์งาน “อัตชีวประวัติด้วยภาพ” (Autobiography with Pictures) โดยความช่วยเหลือของลูกเขย จีน เดวิดสัน
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1969 คาลเดอร์เข้าร่วมในพิธีการอุทิศงานประติมากรรมศักยดุล “La Grande Vitesse” ที่ตั้งอยู่ที่ ประติมากรรมชิ้นนี้ได้ชื่อว่าเป็นประติมากรรมสำหรับสาธารณชนชิ้นแรกในสหรัฐอเมริกาที่สร้างโดยเงินทุนของรัฐบาลกลาง จากองค์การกองทุนเพื่อศิลปะแห่งชาติ (National Endowment for the Arts) ซึ่งเป็นองค์การของรัฐบาลกลางที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ภายใต้โครงการ “ศิลปะเพื่อสถานที่สาธารณะ”
คาลเดอร์สร้างงานประติมากรรมชื่อ “WTC Stabile” หรือที่เรียกว่า “ใบพัดบิด” (“Bent Propeller”) ในปี ค.ศ. 1971 เพื่อติดตั้งหน้าทางเข้าของหอเหนือของเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เมื่อเปิดขึ้นประติมากรรมชิ้นนี้ก็ถูกย้ายไปติดตั้งระหว่างถนนเวซีย์และเชิร์ช ประติมากรรมถูกทำลายพร้อมกับเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน ค.ศ. 2001
ในปี ค.ศ. 1973 คาลเดอร์ได้รับจ้างให้เขียนดีซี-8-62ทั้งลำเป็น “ผ้าใบบินได้” สำหรับ ในปี ค.ศ. 1975 คาลเดอร์ก็เขียนลำที่สองเสร็จครั้งนี้เป็นเครื่องโบอิง 727-227สำหรับโอกาส (United States Bicentennial)
ในปี ค.ศ. 1975 คาลเดอร์ได้รับงานจ้างจากบีเอ็มดับเบิลยูให้เขียนที่กลายมาเป็นยานยนตร์คันแรกในโครงการ “” (BMW Art Car)
คาลเดอร์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1976 ไม่นานหลังจากการเปิดแสดงนิทรรศการผลงานย้อนหลังที่ ขณะที่ยังทำโครงการทาสีเรือบินลำที่สามชื่อ “Tribute to Mexico”
อนุสรณ์
สองเดือนหลังจากการเสียชีวิต คาลเดอร์ก็ได้รับเครื่องรัฐอิสริยาภรณ์เหรียญแห่งอิสรภาพของประธานาธิบดีซึ่งเป็นงรัฐอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดสำหรับพลเรือนที่มอบโดยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาผู้ในขณะนั้นคือเจอรัลด์ ฟอร์ด แต่ผู้แทนของครอบครัวคาลเดอร์ประท้วงพิธีการรับเมื่อวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 1977 เพื่อ “ประกาศความจำนงในการสนับสนุนการยกโทษให้แก่ผู้หนีทหารในสงครามเวียดนาม”
ในปี ค.ศ. 1987 ครอบครัวคาลเดอร์ก็ได้ก่อตั้งมูลนิธิคาลเดอร์ขึ้น ที่ไม่แต่เพียงเป็นองค์การตัวแทนอย่างเป็นทางการของคาลเดอร์ แต่ยังเป็นองค์การในการ “บริหารโครงการ, ร่วมมือจัดงานแสดง และตีพิมพ์งาน[ของคาลเดอร์] และให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ เช่นประวัติ, การรวบรวมงาน และ การบูรณปฏิสังขรณ์งานของคาลเดอร์” ด้วย ผู้แทนเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ของคาลเดอร์ในสหรัฐอเมริกาสำหรับมูลนิธิคาลเดอร์คือ (Artists Rights Society)
ในปี ค.ศ. 2003 เป็นเวลาเกือบ 30 หลังจากการเสียชีวิตของคาลเดอร์ งานไม่มีชื่อของคาลเดอร์ขายได้ในราคา 5.2 ล้านเหรียญสหรัฐโดยคริสตีส์
ระเบียงภาพ
-
-
-
-
-
-
- Aula Magna
Las Nubes - Untitled
Holland Square
บน Mt. Herzl
เยรุซาเล็มตะวันตก
งานบางชิ้น
- Dog (1909), folded brass sheet; this was made as a present for Calder's parents
- The Flying Trapeze (1925), oil on canvas, 36 x 42 in.
- Elephant (c. 1928), wire and wood, 11 1/2 x 5 3/4 x 29.2 in.
- Two Acrobats (ca. 1928), Brass wire, painted wood base,
- Aztec Josephine Baker (c. 1929), wire, 53" x 10" x 9". A representation of , the exuberant lead dancer from La Révue Nègre at the Folies Bergère.
- Untitled (1931), wire, wood and motor; one of the first kinetic mobiles.
- Feathers (1931), wire, wood and paint; first true mobile, although designed to stand on a desktop
- Cone d'ebene (1933), ebony, metal bar and wire; early suspended mobile (first was made in 1932).
- Form Against Yellow (1936), sheet metal, wire, plywood, string and paint; wall- supported mobile.
- Object with Yellow Background (1936), Painted wood, metal, string,
- (1937), sheet metal and mercury
- Devil Fish (1937), sheet metal, bolts and paint; first piece made from a model.
- 1939 New York World's Fair (maquette) (1938), sheet metal, wire, wood, string and paint
- Necklace (c. 1938), brass wire, glass and mirror
- Sphere Pierced by Cylinders (1939), wire and paint; the first of many floor standing, life size stabiles (predating 's plinthless sculptures by two decades)
- Lobster Trap and Fish Tail (1939), sheet metal, wire and paint (suspended mobile); design for the stairwell of the Museum of Modern Art, New York
- Black Beast (1940), sheet metal, bolts and paint; freestanding plinthless stabile)
- S-Shaped Vine (1946), sheet metal, wire and paint (suspended mobile)
- Sword Plant (1947) sheet metal, wire and paint (Standing Mobile)
- Snow Flurry (1948), sheet metal, wire and paint (suspended mobile)
- .125 (1957), steel plate, rods and paint
- La Spirale (1958), steel plate, rod and paint, 360" high; public monumental mobile for Maison de l'U.N.E.S.C.O., Paris
- Teodelapio (1962), steel plate and paint, monumental stabile, , Italy
- Man (1967) stainless steel plate, bolts and paint, 65' x 83' x 53', monumental stabile, Montreal Canada
- La Grande Vitesse (1969), steel plate, bolts and paint, 43' x 55' x 25',
- Eagle (1971), steel plate, bolts and paint, 38'9" x 32'8" x 32'8", , Seattle, Washington
- White and Red Boomerang (1971), Painted metal, wire,
- Stegosaurus (1973), steel plate, bolts and paint, 50' tall, , Hartford, Connecticut
- Cheval Rouge (Red Horse)[5] (1974), red painted sheet metal, at the National Gallery, Washington, D.C.
- Flamingo (1974), red painted steel, at the Federal Plaza,
- The Red Feather (1975), black and red painted steel, 11' x 6'3" x 11'2",
- Untitled (1976), aluminum honeycomb, tubing and paint, 358 1/2 x 912", National Gallery of Art Washington, D.C.
- Mountains and Clouds (1976), painted aluminum and steel, 612 inches x 900 inches, Hart Senate Office Building
อ้างอิง
- มะลิฉัตร เอื้ออานันท์. “พจนานุกรมศัพท์ศิลปะ” สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พ.ศ. 2545
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-07-15. สืบค้นเมื่อ 2010-01-12.
- มะลิฉัตร เอื้ออานันท์. “พจนานุกรมศัพท์ศิลปะ” สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พ.ศ. 2545
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-07-15. สืบค้นเมื่อ 2010-01-12.
- Herbert Palmer Gallery - Nanette Calder[]
- Hayes, Margaret Calder, Three Alexander Calders: A Family Memoir. Middlebury, VT: Paul S Eriksson, 1977.
- Calder, Alexander and Davidson, Jean, Calder, An Autobiography with Pictures. New York: Pantheon Books, 1966, p. 13.
- Calder, Alexander and Davidson, Jean, Calder, An Autobiography with Pictures. New York: Pantheon Books, 1966, p. 15.
- Calder Foundation
- Calder, Alexander and Davidson, Jean, Calder, An Autobiography with Pictures. New York: Pantheon Books, 1966, pp. 21-22.
- Hayes, Margaret Calder, Three Alexander Calders: A Family Memoir. Middlebury, VT: Paul S Eriksson, 1977, p. 41.
- Calder, Alexander and Davidson, Jean, Calder, An Autobiography with Pictures. New York: Pantheon Books, 1966, pp. 28-29.
- Calder, Alexander and Davidson, Jean, Calder, An Autobiography with Pictures. New York: Pantheon Books, 1966, p. 31.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-05-26. สืบค้นเมื่อ 2010-01-12.
- Calder, Alexander and Davidson, Jean, Calder, An Autobiography with Pictures. New York: Pantheon Books, 1966, p. 47.
- มะลิฉัตร เอื้ออานันท์. “พจนานุกรมศัพท์ศิลปะ” สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พ.ศ. 2545
- Wenegrat, Saul (2002-02-28). . International Foundation for Art Research. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-28. สืบค้นเมื่อ 2007-07-27.
- Lives and Treasures Taken, The Library of Congress Retrieved 27 July, 2007.
- Presidential Medal of Freedom website: Frequently Asked Questions page
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-09-15. สืบค้นเมื่อ 2010-01-12.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-25. สืบค้นเมื่อ 2010-01-12.
- Auction Results: Alexander Calder's Untitled
บรรณานุกรม
- Calder, Alexander. An Autobiography With Pictures. Pantheon Books, 1966,
- Guerrero, Pedro E. Calder at Home. The Joyous Environment of Alexander Calder. Stewart, Tabori & Chang, New York, 1998,
- Prather, Marla. Alexander Calder 1898 - 1976. National Gallery of Art, Washington D.C., 1998, ,
- Rosenthal, Mark, and Alexander S. C. Rower. The Surreal Calder. The Menil Collection, Houston, 2005,
- Rower, Alexander S. C. Calder Sculpture. Universe Publishing, 1998,
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ อเล็กซานเดอร์ คาลเดอร์
- Official Calder web site
- National Gallery of Art - Alexander Calder mobile 2011-09-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Guggenheim collection Alexander Calder bio. 2004-08-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Alexander Calder toys at the Berkshire Museum in Pittsfield, MA 2007-08-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Alexander Calder papers online at the Smithsonian Archives of American Art
- Alexander Calder: Critical Analysis
- (ฝรั่งเศส) Alexander Calder
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xelksanedxr khaledxr hrux aesndi khaledxr xngkvs Alexander Calder hrux Sandy Calder 22 krkdakhm kh s 1898 11 phvscikayn kh s 1976 epnpratimakrkhxngkhbwnkarlththiehnuxcringkhnsakhykhxngshrthxemrikakhxngkhriststwrrsthi 20 khaledxrmichuxesiyngcakkarepnphurierimkarsrang pratimakrrmcldul mobile sculpture nxkcakpratimakrrmcldulaelwkhaledxrkyngsrangnganthiepn pratimakrrmskydul hrux pratimakrrmsthit stabile citrkrrm phaphphimphhin phrmthxaekhwnphnng aela dwyAlexander Calder 1947 lingkkhamphasa inbthkhwamni miiwihphuxanaelaphurwmaekikhbthkhwamsuksaephimetimodysadwk enuxngcakwikiphiediyphasaithyyngimmibthkhwamdngklaw krann khwrribsrangepnbthkhwamodyerwthisudbthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha xelksanedxr khaledxrwyedkkhaledxrphuekidthilxwtninrthephnsileweniyinshrthxemrikaemuxwnthi22 krkdakhm kh s 1898 macakkhrxbkhrwthiepnsilpin bidakhxngkhaledxrepnpratimakrphumichuxesiyngphusrangnganpratimakrrmsahrbtidtnginthisatharnahlaychinswnihyinfilaedlefiy swnpupratimakr ekidthiskxtaelndaelaxphyphmafilaedlefiyinpi kh s 1868 nganthiepnthiruckkndithisudepnpratimakrrmkhnadihykhxngbnhxtukethsbalemuxngfilaedlefiy naentt eledxerxr khaledxrmardakhxngkhaledxrepncitrkrphaphehmuxnxachiphphuidrbkarsuksacakaelainkrungparisrawrahwangpi kh s 1888 thungpi kh s 1893 txmanaenttyayipxyuthifilaedlefiyemuxipphbkbkhnathikalngsuksaxyuthi bidamardakhxngkhaledxrsmrsknemuxwnthi 22 kumphaphnth kh s 1895 phisawkhnotmarkaert hrux ephkki khaledxrekidinpi kh s 1896 txmaemuxsmrskepliynchuxepn markaert khaledxr ehys aelaepnphumibthbathsakhyinkarkxtng inpi kh s 1902 emuxxayuidsipikhaledxrkepnaebbepluxyihkbpratimakrrm The Man Cub thisrangodybidathiinpccubntngaesdngxyuthiphiphithphnthsilpaemothrophlithn inpiediywknkhaledxrksrangnganhnunginnganchinaerk esrcepnchangthithadwydinehniyw sampitxmaemuxkhaledxrxayuidecdpiaelaemuxphisawxayuidekapi setxrling khaledxrklmpwydwywnorkh bidamardacungiprksatwxyuthifarmpsustwthixxraekhilinaexriosnathingluk iwihxyuinkhwamduaelkhxngephuxnkhxngkhrxbkhrwxyupihnung khrxbkhrwklbmaphbknxikkhrngineduxnminakhmpi kh s 1906 aelaphkxyuthifarminaexriosnacnthungvduibimrwngpiediywkn cakaexriosnakhrxbkhrwkhaledxryayipxyuthiinrthaekhlifxreniy hxngithlngkhakhxngbanklayepnhxngthanganpratimakrrmhxngaerkkhxngkhaledxr emuxidrbekhruxngmuxchudaerk khaledxrichesslwdthxngaedngthiphbtamthnnaelalukpdcaktuktakhxngphisawinkarthaekhruxngpradb emuxwnthi 1 mkrakhm kh s 1907 mardaknakhaledxripchm Tournament of Roses Parade thikhaledxriddukaraekhngrthmasitw ehtukarndngwatxmaklaymaepnphlnganlakhrstwkhxngkhaledxr inpi kh s 1909 emuxeriynxyuchnsikhaledxrkslkrupsunkhaelaepdcakaephnthxngehluxngepnkhxngkhwywnkhristmssahrbbidamarda pratimakrrmthithaepnsammitiaelaepnclnsilpthiekhluxnihwid ephraacaekhluxnihwemuxaetaeba nganpratimakrrmehlanimkcaidrbkarklawthungwaepntwxyangphlngansmyaerkthiaesdngthungaenwkhwamsamarthkhxngkhaledxr inpi kh s 1910 emuxkarphkfunkhxngsetxrling khaledxrsinsudlng khrxbkhrwkyayklbipfilaedlefiy emuxkhaledxripekhasuksaxyuthixyurayahnungaelatxmainrthniwyxrk inokhrthnrahwangthisuksainkhnmthymkhaledxridmioxkasthakhwamruckkbcitrkr thikhaledxrsrangrabbthiichphlngaerngdungdudsahrbrthifkl thikhaledxrbrryaywa eraaelnrthifbnrangimthiyudiwdwyekhmaehlm ecakxnehlkkaelnlngiptamthangladaekhngkbrth erathungkbcudifinrthbangtudwyethiyn hlngcakokhrthnkhrxbkhrwkhaledxrkyayipspuyethnedwilinbrxngs ephuxihipxyuiklkbhxngthanganthithnnsaysibthisetxrling khaledxrechaiwthangan khnathiphankxyuthispuyethnedwilkhaledxrkekhasuksathiorngeriynmthymyxngekhxr inpi kh s 1912 setxrling khaledxridrbaetngtngihepnhwhnaphuthakaraethnkhxngaephnkpratimakrrmkhxnginsanfransisok khaledxrerimaesdngnganpratimakrrminnithrrskarthicdkhuninpi kh s 1915 rahwangthisuksaxyuinradbihskulrahwangpi kh s 1912 thungpi kh s 1915 khrxbkhrwkhaledxrkyayipmarahwangniwyxrkkbaekhlifxreniy inbanthixyuihmaetlathibidamardakcaykhxngithlngkhaiwihepnhxngthangankhxngkhaledxr intxnplaykhxngsmyedkkhaledxrphkxyukbephuxninaekhlifxreniykhnathibidamardayayklbipniwyxrk ephuxcaideriyncbidthiorngeriynmthymolewllinsanfransisok khaledxrcbkarsuksainpi kh s 1915smyaerk cldulaedng kh s 1956 thadwyaephnolharxydwyesnolhathasi aemwabidamardacasnbsnunkhaledxrihepnphumikhwamsrangsrrmatngaetedk aetkimsnbsnunihlukepnsilpinephraaepnxachiphthilabakinkarthamahakin inpi kh s 1915 khaledxrtdsinicekhaeriynsakhawiswkrrmekhruxngklhlngcakidsuksaekiywkbphunthancakephuxnrwmchnchuxihd hluysthiorngeriynmthymolewll setxrling khaledxrcdihkhaledxrekhasuksathithiinniwecxrsiy khaledxrekhaelninthimfutbxlinpiaerkthiepnnksuksaaelathakarfukkbthimipcntlxdsipi aetimidlngelnaekhngkhn nxkcakfutbxlaelwkhaledxrkyngelnthiducamikhwamsaercmakkwa aelaepnsmachikkhxngsmakhmphradrphaph khaledxrmikhwamsamarthinwichakhnitsastr invudurxnkhxngpi kh s 1916 khaledxrichewlahaxathityinkarfukthisunyfukthharsahrbphleruxnaephlthsebirk inpi kh s 1917 khaledxrkekhaxyuinkxngthhareruxinsngkdkxngthharfuksahrbnksuksa Student s Army Training Corps thisthabnethkhonolyistiefnsaelaidrbaetngtngihepn guide of the battalion sungthaihkhaledxrklawwathaih phmeriynkarphudcakmumpakaelaimsamarthcaaekidmatngaetbdnn khaledxridrbpriyyacakinpi kh s 1919 inchwngewlasxngsampitxmakhaledxrkthanganekiywkbkarwiswkrrmxyuhlayhnathithirwmthngepnwiswkrihdrxlikhsaelakhnekhiynaebbsahrbbristhniwyxrkexdisn aetkhaledxrkimphxickbhnathiidthitha ineduxnmithunayn kh s 1922 khaledxrthanganepnphnkngandbephlinginhxngekhruxngkhxngeruxkhnsngphuodysar exch exf xelksanedxr khnathieruxaelnxxkcaksanfransisokipyngnkhrniwyxrk khaledxridmioxkasthanganbndadfaeruxtamrimfngkwetmalaaelaidmioxkasidepnthngphraxathitykhunthanghnungaelaphracnthrtkxiksikhnungkhxngfakfatrngkhamthikhaledxrbrryayiwinhnngsuxxtchiwprawtiwa echawnhnungemuxthaeleriyb nxkfngkwetmala emuxnngxyubnekaxi khdechuxk phmkerimehnkxnifsiaedngephlingthangdanhnung aela phracnthrthiduehmuxnehriyyenginxikdanhnungkhxngfakfa emux exch exf xelksanedxr cxdthithasanfransisokkhaledxrkcaedinthangkhunipxebxrdinthirthwxchingtnipeyuymphisawkbphiekhyekhnenth ehys khaledxrsmkhrnganepnphukhumewlathikhayokhnim phumithsnpaekhaepnaerngbndalicihaekkhaledxrekhiyncdhmayipthungbanipkhxsiaelaaeprng imnanhlngcaknnkhaledxrktdsinicyayklbipniwyxrkephuxipphyayamsrangtwepnsilpinxachiphsilpinemuxthakartdsinicepnsilpinaelwkhaledxrkyayklbipniwyxrkaelaipsmkhrepnnksuksathi khnathiepnnksuksakhaledxrkthanganihkb thinganchinhnungthiidrbmxbhmayihthainpi kh s 1925 khuxrangphaph khaledxrmikhwamrusukdungdudkblakhrstwsungepnhwkhxthimapraktinnganhlaychinthimasrangtxma inpi kh s 1926 khaledxryayipparisipepidhxngsilpthi dwykarkhaaenanakhxngphxkhakhxngelnchawesxrebiykhaledxrksrangkhxngelnaebbthiekhluxnihwid aemwacaimidphbkbphxkhaphunnxikaetkhaledxrksngngankhxngelnipaesdngthi Salon des Humoristes tamkhayuyngkhxngephuxnpratimakr txmainvduibimphlipiediywknkhaledxrkerimsrang sungepnnganlakhrstwyxswnthithacaklwd esnday yang pha aela singkhxngthihaid khaledxrxxkaebbihiskraepaedinthangid inthisudkmidwyknhaib lakhrstwkhxngkhaledxrcungepnnganekhluxnthi aelathaihkhaledxrsamarthichinkaraesdngidthnginshrthxemrikaaelayuorp khaledxrihkaraesdngsdthiimidetriymtwmakxn Improvisation thiichbrryakaskhxngkaraesdnglakhrstwcringxyangetmthi inthisudngan 1 2007 07 10 thi ewyaebkaemchchin 2 2008 09 20 thi ewyaebkaemchchin mkcaaesdngthi kklayepnnganthiepnthiniymkninhmuchawparisklumxawxngkard cnkhaledxrsamarthharayidcakkarkhaytwephuxchwycaykhaechabanid 3 2008 11 01 thi ewyaebkaemchchin 4 chay sungepn pratimakrrmsthit odykhaledxr mxnthrixxl inpi kh s 1927 khaledxryayklbipyngshrthxemrika ipxxkaebbkhxngelnthithadwyimaebbphlkhruxdungthiekhluxnihwidsahrbedkthiidrbkarphlitradbxutsahkrrmodybristhphlitphnthkuldthiwiskhxnsin inpi kh s 1928 khaledxrkcdnganaesdngsilpakhxngtnexngthihxaesdngphaphinnkhrniwyxrk aelainpi kh s 1934 khaledxrkminganaesdngodylaphngtnexnginphiphithphnthepnkhrngaerkinshrthxemrikathikhxngmhawithyalychikhaok inpi kh s 1929 khaledxrkminganaesdngpratimakrrmlwdodylaphngkhxngtnexnginparisthihxngaesdngphaphbilliext citrkr ephuxnkhxngkhaledxrcakkhaefs epnphuekhiynbthnaih ineduxnmithunaynpi kh s 1929 khnathiedinthangcakparisipyngniwyxrk khaledxrkphbluysa ecmsehlnkhxngnkpraphnthxemrikn aelankprchya thngsxngsmrskninpi kh s 1931 khnathiphankxyuinpariskhaledxrkphbaelaepnephuxnkbcitrkrxawxngkardhlaykhnthirwmthngokhxn mior aela emuxipeyiymhxngsilpkhxnginpi kh s 1930 mngdrixxngksrangkhwam prahladic inkhaledxrhnmarbsilpanamthrrm epnnganthithaihehnthungkhwamsnickhxngkhaledxrinthng aela clnsilp aelayngkhngichkhwamruthangwiswkrrminkarsrangdulyphaphkhxngpratimakrrmaelaichinkarphthnapratimakrrmthithiduchxngperiykwa pratimakrrmcldul hrux Mobile sungepnkhaphxnginphasafrngesswa Mobile aela Motive khaledxrxxkaebbtwlakhrinlakhrstwthihxylngmadwyesnday aetkarphsmrahwangsingthikhaledxrthdlxngephuxthicaphthnakhunmaepnpratimakrrmnamthrrmaeth ekidkhunhlngcakemuxkhaledxripeyiym emuxkhaledxrerimsrangngan clnsilp khunepnchinaerkodyichekhruxngikhaelarabbkardungdwyrxk emuxmathungplaypi kh s 1931 khaledxrkhnipthanganpratimakrrmthixxnchxykhunthimacakkarekhluxnihwkhxngxakasphayinhxng cakngannikepnkaenidkhxng pratimakrrmcldul khxngkhaledxrthiaethcring inkhnaediywknkhaledxrthakarthdlxngkarsrang pratimakrrmsthitechingnamthrrm thirbnahnktwexngidthieriykwa pratimakrrmskydul stabile ephuxaeykcak pratimakrrmcldul khaledxraelaluysayayklbshrthxemrikainpi kh s 1933 ephuxmatnghlkaehlngmikhrxbkhrwinfarmehasthisuxiwthi butrikhnaerkaesndraekidinpi kh s 1935 aelaluksamkhnthisxngaemriinpi kh s 1939 khaledxryngkhngthakaraesdng aelaerimthanganrwmkbinkarxxkaebbchakbleltaelasrangewthiekhluxnthisahrbkaraesdng odyinpi kh s 1936 nganpratimakrrmsahrbsatharnchnchinaerkthiidcangihthaepnganpratimakrrmcldulkhuthixxkaebbsahrbornglakhrthiepidinpi kh s 1937 thithi rahwangsngkhramolkkhrngthisxng khaledxrphyayamxasasmkhrepnthhareruxaetthukptiesth khaledxrcungthanganpratimakrrmtx aetkhwamthiolhaepnsingthikhadaekhlnrahwangsngkhramkhaledxrcunghnipsrangnganthithaaethnthi nganaesdngsilpayxnhlngkhrngaerkkhxngkhaledxrcdkhuninpi kh s 1938 thihxngaesdngphaphcxrc wxletxr winesnt smiththi inpi kh s 1943 phiphithphnthsilpasmyihmepnecaphaphcdnganaesdngsilpayxnhlngkhrngaerkkhxngkhaledxrodykarcdkarody aela khaledxrepnhnunginbrrdapratimakr 250 khnthiaesdngnganin thicdkhunthiinvdurxnkhxngpi kh s 1949 ngan pratimakrrmcldulsakl International Mobile klayepnnganchinexkkhxngnganaelamaaekhwnxikinpi kh s 2007 thithiaekhwniwaetediminpi kh s 1949 inkhristthswrrs 1950 khaledxrhnipmungmnkbkarsrangnganpratimakrrmkhnadyks twxyangkidaek 125 thisrangkhunsahrbthaxakasyannanachaticxhn exf ekhnendiinpi kh s 1957 La Spirale sahrbxngkhkarkarsuksa withyasastr aelawthnthrrmaehngshprachachatiinkrungparisinpi kh s 1958 aela L Homme chay sahrb Expo 67 inmxnthrixxl pratimakrrmkhnadihythisudthikhaledxrsrangsung 20 5 emtrchux El Sol Rojo sahrbkilaoxlimpikinemksioksiti The three wings kh s 1967 swiedn inpi kh s 1962 khaledxrkyaymathanganthihxngsilpihmthikharrwxxkaebbnganechingxnakhtthimxnglngipynghubekhakhxngechfrieyrinaexngdr ext lwrinfrngess rahwangthithakhaledxrkimlngelthiaeckngancldulihephuxn aelathungkbxuthis pratimakrrmskydul ihaekemuxngthitngxyuhnawdsungepnpratimakrrmthiepnxisracakaerngdungdud khaledxrsrangpratimakrrmskydulaelapratimakrrmcldulswnihyinorngnganbimxngtturinfrngess rwmthng L Homme thithadwyehlkklairsnimsung 24 emtrthibristhnikhekhilxinetxraenchnnl Inco khxngaekhnadacangihthasahrbngannithrrskarsaklaehngmxnthrixxlinpi kh s 1967 ngankhnsudthaysrangcakhun calxngthisrangodykhaledxrodyaephnkkhnkhwathdlxngthixxkaebbihidtamsdswn odymikhaledxrepnphukhwbkhumduaelkrabwnkarhlxthnghmd aelathacaepnkhaledxrkcaaeknganipdwy pratimakrrmskydulthnghmdsrangdwyehlkklakharbxnaelathasiswnihyepnsidanxkcaktrngthiepntwaebbthiepnehlkklairsnimbrisuththi cldulthadwyxalumieniymaelathadwydiwralumin inpi kh s 1966 khaledxrtiphimphngan xtchiwprawtidwyphaph Autobiography with Pictures odykhwamchwyehluxkhxnglukekhy cin edwidsn ineduxnmithunayn kh s 1969 khaledxrekharwminphithikarxuthisnganpratimakrrmskydul La Grande Vitesse thitngxyuthi pratimakrrmchinniidchuxwaepnpratimakrrmsahrbsatharnchnchinaerkinshrthxemrikathisrangodyenginthunkhxngrthbalklang cakxngkhkarkxngthunephuxsilpaaehngchati National Endowment for the Arts sungepnxngkhkarkhxngrthbalklangthikxtngkhunihmphayitokhrngkar silpaephuxsthanthisatharna khaledxrsrangnganpratimakrrmchux WTC Stabile hruxthieriykwa ibphdbid Bent Propeller inpi kh s 1971 ephuxtidtnghnathangekhakhxnghxehnuxkhxngewildethrdesnetxr emuxepidkhunpratimakrrmchinnikthukyayiptidtngrahwangthnnewsiyaelaechirch pratimakrrmthukthalayphrxmkbehtukarnwinaskrrm 11 knyayn kh s 2001 inpi kh s 1973 khaledxridrbcangihekhiyndisi 8 62thnglaepn phaibbinid sahrb inpi kh s 1975 khaledxrkekhiynlathisxngesrckhrngniepnekhruxngobxing 727 227sahrboxkas United States Bicentennial inpi kh s 1975 khaledxridrbngancangcakbiexmdbebilyuihekhiynthiklaymaepnyanyntrkhnaerkinokhrngkar BMW Art Car khaledxresiychiwitemuxwnthi 11 phvscikayn kh s 1976 imnanhlngcakkarepidaesdngnithrrskarphlnganyxnhlngthi khnathiyngthaokhrngkarthasieruxbinlathisamchux Tribute to Mexico xnusrnsxngeduxnhlngcakkaresiychiwit khaledxrkidrbekhruxngrthxisriyaphrnehriyyaehngxisrphaphkhxngprathanathibdisungepnngrthxisriyaphrnchnsungsudsahrbphleruxnthimxbodyprathanathibdishrthxemrikaphuinkhnannkhuxecxrld fxrd aetphuaethnkhxngkhrxbkhrwkhaledxrprathwngphithikarrbemuxwnthi 10 mkrakhm kh s 1977 ephux prakaskhwamcannginkarsnbsnunkarykothsihaekphuhnithharinsngkhramewiydnam inpi kh s 1987 khrxbkhrwkhaledxrkidkxtngmulnithikhaledxrkhun thiimaetephiyngepnxngkhkartwaethnxyangepnthangkarkhxngkhaledxr aetyngepnxngkhkarinkar briharokhrngkar rwmmuxcdnganaesdng aelatiphimphngan khxngkhaledxr aelaihkhaaenanaineruxngtang echnprawti karrwbrwmngan aela karburnptisngkhrnngankhxngkhaledxr dwy phuaethnekiywkblikhsiththikhxngkhaledxrinshrthxemrikasahrbmulnithikhaledxrkhux Artists Rights Society inpi kh s 2003 epnewlaekuxb 30 hlngcakkaresiychiwitkhxngkhaledxr nganimmichuxkhxngkhaledxrkhayidinrakha 5 2 lanehriyyshrthodykhristisraebiyngphaphLe Halebardier kh s 1971 phiphithphnthseprngekil hanonefxr eyxrmni Le Tamanoir kh s 1963 rxtetxrdm enethxraelnd Crinkly avec disc rouge kh s 1973 Schlossplatz chtuththkarth eyxrmni Tetes et Queue kh s 1965 ebxrlin eyxrmni flamingok kh s 1974 ehlkklathasiaedng Federal Plaza Feuille d arbre kh s 1974 ethlawif xisraexl Aula Magna Las Nubes Untitled Holland Square bn Mt Herzl eyrusaelmtawntknganbangchinDog 1909 folded brass sheet this was made as a present for Calder s parents The Flying Trapeze 1925 oil on canvas 36 x 42 in Elephant c 1928 wire and wood 11 1 2 x 5 3 4 x 29 2 in Two Acrobats ca 1928 Brass wire painted wood base Aztec Josephine Baker c 1929 wire 53 x 10 x 9 A representation of the exuberant lead dancer from La Revue Negre at the Folies Bergere Untitled 1931 wire wood and motor one of the first kinetic mobiles Feathers 1931 wire wood and paint first true mobile although designed to stand on a desktop Cone d ebene 1933 ebony metal bar and wire early suspended mobile first was made in 1932 Form Against Yellow 1936 sheet metal wire plywood string and paint wall supported mobile Object with Yellow Background 1936 Painted wood metal string 1937 sheet metal and mercury Devil Fish 1937 sheet metal bolts and paint first piece made from a model 1939 New York World s Fair maquette 1938 sheet metal wire wood string and paint Necklace c 1938 brass wire glass and mirror Sphere Pierced by Cylinders 1939 wire and paint the first of many floor standing life size stabiles predating s plinthless sculptures by two decades Lobster Trap and Fish Tail 1939 sheet metal wire and paint suspended mobile design for the stairwell of the Museum of Modern Art New York Black Beast 1940 sheet metal bolts and paint freestanding plinthless stabile S Shaped Vine 1946 sheet metal wire and paint suspended mobile Sword Plant 1947 sheet metal wire and paint Standing Mobile Snow Flurry 1948 sheet metal wire and paint suspended mobile 125 1957 steel plate rods and paint La Spirale 1958 steel plate rod and paint 360 high public monumental mobile for Maison de l U N E S C O Paris Teodelapio 1962 steel plate and paint monumental stabile Italy Man 1967 stainless steel plate bolts and paint 65 x 83 x 53 monumental stabile Montreal Canada La Grande Vitesse 1969 steel plate bolts and paint 43 x 55 x 25 Eagle 1971 steel plate bolts and paint 38 9 x 32 8 x 32 8 Seattle Washington White and Red Boomerang 1971 Painted metal wire Stegosaurus 1973 steel plate bolts and paint 50 tall Hartford Connecticut Cheval Rouge Red Horse 5 1974 red painted sheet metal at the National Gallery Washington D C Flamingo 1974 red painted steel at the Federal Plaza The Red Feather 1975 black and red painted steel 11 x 6 3 x 11 2 Untitled 1976 aluminum honeycomb tubing and paint 358 1 2 x 912 National Gallery of Art Washington D C Mountains and Clouds 1976 painted aluminum and steel 612 inches x 900 inches Hart Senate Office Buildingxangxingmalichtr exuxxannth phcnanukrmsphthsilpa sankphimphaehngculalngkrnmhawithyaly ph s 2545 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2017 07 15 subkhnemux 2010 01 12 malichtr exuxxannth phcnanukrmsphthsilpa sankphimphaehngculalngkrnmhawithyaly ph s 2545 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2017 07 15 subkhnemux 2010 01 12 Herbert Palmer Gallery Nanette Calder lingkesiy Hayes Margaret Calder Three Alexander Calders A Family Memoir Middlebury VT Paul S Eriksson 1977 Calder Alexander and Davidson Jean Calder An Autobiography with Pictures New York Pantheon Books 1966 p 13 Calder Alexander and Davidson Jean Calder An Autobiography with Pictures New York Pantheon Books 1966 p 15 Calder Foundation Calder Alexander and Davidson Jean Calder An Autobiography with Pictures New York Pantheon Books 1966 pp 21 22 Hayes Margaret Calder Three Alexander Calders A Family Memoir Middlebury VT Paul S Eriksson 1977 p 41 Calder Alexander and Davidson Jean Calder An Autobiography with Pictures New York Pantheon Books 1966 pp 28 29 Calder Alexander and Davidson Jean Calder An Autobiography with Pictures New York Pantheon Books 1966 p 31 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 05 26 subkhnemux 2010 01 12 Calder Alexander and Davidson Jean Calder An Autobiography with Pictures New York Pantheon Books 1966 p 47 malichtr exuxxannth phcnanukrmsphthsilpa sankphimphaehngculalngkrnmhawithyaly ph s 2545 Wenegrat Saul 2002 02 28 International Foundation for Art Research khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2007 09 28 subkhnemux 2007 07 27 Lives and Treasures Taken The Library of Congress Retrieved 27 July 2007 Presidential Medal of Freedom website Frequently Asked Questions page khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 09 15 subkhnemux 2010 01 12 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 07 25 subkhnemux 2010 01 12 Auction Results Alexander Calder s UntitledbrrnanukrmCalder Alexander An Autobiography With Pictures Pantheon Books 1966 ISBN 978 0 394 42142 1 Guerrero Pedro E Calder at Home The Joyous Environment of Alexander Calder Stewart Tabori amp Chang New York 1998 ISBN 1 55670 655 3 Prather Marla Alexander Calder 1898 1976 National Gallery of Art Washington D C 1998 ISBN 0 89468 228 8 ISBN 0 300 07518 9 Rosenthal Mark and Alexander S C Rower The Surreal Calder The Menil Collection Houston 2005 ISBN 0 939594 60 9 Rower Alexander S C Calder Sculpture Universe Publishing 1998 ISBN 0 7893 0134 2duephimpratimakrrm lththiehnuxcring pratimakrrmcldulaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb xelksanedxr khaledxr Official Calder web site National Gallery of Art Alexander Calder mobile 2011 09 06 thi ewyaebkaemchchin Guggenheim collection Alexander Calder bio 2004 08 05 thi ewyaebkaemchchin Alexander Calder toys at the Berkshire Museum in Pittsfield MA 2007 08 16 thi ewyaebkaemchchin Alexander Calder papers online at the Smithsonian Archives of American Art Alexander Calder Critical Analysis frngess Alexander Calder