อาร์เอ็มเอส คาร์เพเทีย (อังกฤษ: RMS Carpathia) เป็นเรือกลไฟโดยสารของสายการเดินเรือคูนาร์ดไลน์ (Cunard Line) สร้างโดยอู่ต่อเรือ (Swan Hunter & Wigham Richardson) เมือง ประเทศอังกฤษ
ประวัติ | |
---|---|
สหราชอาณาจักร | |
ตั้งชื่อตาม | เทือกเขาคาร์เพเทียน |
เจ้าของ | คูนาร์ดไลน์ |
ท่าเรือจดทะเบียน | ลิเวอร์พูล |
เส้นทางเดินเรือ |
|
อู่เรือ | , , อังกฤษ |
Yard number | 274 |
ปล่อยเรือ | 10 กันยายน ค.ศ. 1901 |
เดินเรือแรก | 6 สิงหาคม ค.ศ. 1902 |
สร้างเสร็จ | กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1903 |
Maiden voyage | 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1903 |
บริการ | 1903–1918 |
หยุดให้บริการ | 17 สิงหาคม ค.ศ. 1918 |
รหัสระบุ |
|
ความเป็นไป | อับปางโดยตอร์ปิโด 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1918 |
ลักษณะเฉพาะ | |
ประเภท: | เรือเดินสมุทร |
ขนาด (ตัน): |
|
ความยาว: | 558 ฟุต (170 เมตร) |
ความกว้าง: | 64 ฟุต 6 นิ้ว (19.66 เมตร) |
กินน้ำลึก: | 34 ฟุต 7 นิ้ว (10.54 เมตร) |
ดาดฟ้า: | 7 |
ระบบขับเคลื่อน: |
|
ความเร็ว: | 14 นอต (16 ไมล์/ชม.; 26 กม./ชม.) |
ความจุ: |
|
เรือคาร์เพเทียออกเดินทางครั้งแรกใน ค.ศ. 1903 จากลิเวอร์พูลไปยังบอสตัน และยังคงแล่นเส้นในทางนี้อยู่ก่อนที่จะถูกย้ายไปให้บริการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ใน ค.ศ. 1904
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1912 เรือคาร์เพเทียมีชื่อเสียงโด่งดังจากการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากเรืออาร์เอ็มเอส ไททานิก (RMS Titanic) ซึ่งเป็นเรือคู่แข่งของสายการเดินเรือไวต์สตาร์ไลน์ (White Star Line) หลังจากชนภูเขาน้ำแข็งและอับปางลงในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ เรือคาร์เพเทียแล่นผ่านด้วยความเร็วเต็มพิกัดและไปถึงจุดเกิดเหตุใน 2 ชั่วโมงหลังจากเรือไททานิกอับปาง และลูกเรือสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิต 705 คนจากเรือชูชีพของไททานิกได้ เรื่องราวของการช่วยเหลือครั้งนี้กลายเป็นวีรกรรมอันน่าจดจำของเรือคาร์เพเทีย
เรือคาร์เพเทียอับปางในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยถูกเรือดำน้ำของจักรวรรดิเยอรมัน โจมตีด้วยตอร์ปิโดสามลูก บริเวณชายฝั่งทางใต้ของไอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1918 ส่งผลให้ลูกเรือเสียชีวิต 5 คน
ชื่อของเรือนำมาจากเทือกเขาคาร์เพเทียนในทวีปยุโรปตะวันออก
เบื้องหลัง
ในปี ค.ศ. 1900 สายการเดินเรือคูนาร์ดไลน์ต้องเผชิญกับการแข่งขันอันเข้มข้นจากคู่แข่งสำคัญ 3 ราย ได้แก่ ไวต์สตาร์ไลน์ นอร์ทด็อยท์เชอร์ล็อยท์ และ ที่ต่างก็มุ่งสร้างเรือขนาดใหญ่และรวดเร็วขึ้นเพื่อแย่งชิงความนิยม
ในปี ค.ศ. 1898 เรือเดินสมุทรสองลำที่ใหญ่ที่สุดของคูนาร์ดอย่าง (RMS Campania) และ (RMS Lucania) นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในเรื่องขนาดและความเร็ว ทั้งคู่มีระวางขับน้ำ 12,950 ตัน และเคยครองรางวัล "บลูริบันด์" สำหรับการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกที่เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 1897 เรือลำใหม่ของสายการเดินเรือนอร์ทด็อยท์เชอร์ล็อยท์อย่าง (SS Kaiser Wilhelm der Große) ได้ชิงรางวัลบลูริบันด์ไปจากเรือสองลำของคูนาร์ด ส่วนสายการเดินเรือไวต์สตาร์ไลน์ก็เตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวเรือยักษ์ลำใหม่ (RMS Oceanic) ที่มีขนาด 17,000 ตัน คูนาร์ดจึงปรับปรุงฝูงเรือของตนเอง ด้วยการสั่งต่อเรือใหม่ถึงสามลำ ได้แก่ (SS Ivernia) (RMS Saxonia) และคาร์เพเทีย
แทนที่จะพยายามกอบกู้ชื่อเสียงอย่างเต็มที่ โดยการใช้จ่ายเงินเพิ่มเติมที่จำเป็นในการสร้างเรือที่เร็วพอที่จะชิงบลูริบันด์คืนจากเรือของเยอรมัน หรือใหญ่พอที่จะเทียบเคียงขนาดเรือของไวต์สตาร์ แต่คูนาร์ดกลับพยายามเพิ่มผลกำไรสูงสุดเพื่อให้สามารถรักษาสถานะทางการเงินให้มั่นคงพอที่จะต้านการพยายามเข้าซื้อกิจการโดยกลุ่มบริษัทเดินเรือคู่แข่งที่ชื่อ (International Mercantile Marine Co.; IMM)[]
เรือสามลำใหม่ของคูนาร์ดไม่ได้เน้นความเร็วเป็นพิเศษ เนื่องจากออกแบบมาเพื่อรองรับผู้โดยสารอพยพ แต่กลับช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงได้อย่างมาก เรือทั้งสามลำจึงกลายเป็นทั้งเครื่องมือและต้นแบบที่ทำให้คูนาร์ดสามารถแข่งขันกับคู่แข่งรายใหญ่ได้อย่างสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับไวต์สตาร์ไลน์ ซึ่งเป็นบริษัทนำของกลุ่ม IMM
เรือคาร์เพเทียนั้นเป็นเรือที่ออกแบบโดยดัดแปลงมาจาก แต่มีความยาวสั้นกว่าเรือในชั้นเดียวกันประมาณ 40 ฟุต (12 เมตร) เช่นเดียวกับเรือรุ่นก่อนหน้า เรือคาร์เพเทียมีลักษณะการออกแบบที่เน้นยาว โครงสร้างส่วนบนต่ำและสมดุล พร้อมเสากระโดงสี่ต้นพร้อมเครน ซึ่งช่วยให้ขนถ่ายสินค้าและสัมภาระจำนวนมากได้มากกว่าเรือเดินสมุทรทั่วไป
ประวัติ
การออกแบบและการสร้าง
อาร์เอ็มเอส คาร์เพเทีย ถูกสร้างโดยบริษัท (C. S. Swan & Hunter) ที่อู่ต่อเรือของพวกเขาในเมือง ประเทศอังกฤษ สำหรับบริษัทเรือกลไฟคูนาร์ด (Cunard Steamship Company) เพื่อทำการเดินเรือระหว่างเมืองลิเวอร์พูลและบอสตันร่วมกับเรือไอเวอร์เนียและแซกโซเนีย กระดูกงูของเรือถูกวางในวันที่ 10 กันยานน ค.ศ. 1901 และปล่อยลงน้ำในวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1902 หลังจากได้รับการตั้งชื่อจากบุตรสาวของรองประธานคูนาร์ดไลน์ เรือคาร์เพเทียทำการทดลองเดินเรือจากแม่น้ำไทน์ไปยังแม่น้ำเมอร์ซีย์ระหว่างวันที่ 22–25 เมษายน ค.ศ. 1903
ในช่วงพิธีปล่อยเรือ เรือคาร์เพเทียมีความยาว 558 ฟุต (170 เมตร) กว้าง 64 ฟุต 3 นิ้ว (19.58 เมตร) และมีน้ำหนักรวม 12,900 ตัน แต่เมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ น้ำหนักรวมของเรือก็เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 13,500 ตัน
เรือลำนี้ได้รับการออกแบบให้มีชั้นดาดฟ้าทำจากเหล็กทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นล่างสุดสำหรับเก็บสัมภาระ 1 ชั้น ชั้นที่สองเป็นชั้นสะพานเดินเรือซึ่งมีความยาว 290 ฟุต รองรับห้องโดยสารชั้นหนึ่ง ห้องอาหาร ห้องโดยสารชั้นสอง และด้านบนสุดเป็นชั้นสำหรับเรือชูชีพ ในขณะที่ทำการปล่อยเรือ มีรายงานว่าเรือจะสามารถรองรับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง 200 คน ชั้นสาม 600 คน และยังสามารถขนส่งเนื้อสัตว์แช่แข็งจำนวนมากได้ แต่เมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ความจุผู้โดยสารของเรือก็เพิ่มขึ้นจากประมาณ 800 คนเป็นประมาณ 1,700 คน หมายความว่าเรือสามารถรองรับผู้โดยสารได้เกือบสองเท่าจากเดิม
แม้เรือคาร์เพเทียจะถูกจัดประเภทเป็นเรือเดินสมุทรขนาดกลาง (intermediate liner) ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้โดยสารชั้นสองและสามเป็นหลัก แต่ภายในเรือกลับได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามและมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกินมาตรฐานในยุคนั้น ห้องอาหารของเรือคาร์เพเทียได้รับการออกแบบอย่างหรูหราและประณีต ผนังห้องตกแต่งด้วยสีครีมและทอง ซึ่งเข้ากันได้อย่างลงตัวกับเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้มะฮอกกานี ผ้าม่านสีทองเก่าช่วยเพิ่มความหรูหราและกั้นแสงจากหน้าต่างเรือ เหนือเพดานของห้องอาหารมีโดมกระจกสี และด้านบนของโดมกระจกยังมีพัดลมไฟฟ้า ซึ่งช่วยระบายอากาศและให้ความเย็นสบาย ที่พักชั้นสองมีห้องสูบบุหรี่กรุผนังด้วยไม้วอลนัทซึ่งตั้งอยู่ที่ดาดฟ้าท้ายเรือ และห้องสมุดที่ปลายด้านหน้าของดาดฟ้าสะพานเดินเรือ (ชั้น A) หลังการปรับปรุงในปี ค.ศ. 1905 พื้นที่เหล่านี้ก็ถูกเปลี่ยนเป็นห้องพักชั้นหนึ่ง
สำหรับผู้โดยสารชั้นสามบนเรือคาร์เพเทียนั้นถือว่ามีความสะดวกสบายเกินมาตรฐานในยุคสมัยนั้นอย่างมาก ห้องอาหารชั้นสามกว้างขวางกินพื้นที่เต็มความกว้างของเรือ รองรับผู้โดยสารได้ถึง 300 คน ตกแต่งผนังด้วยไม้โอ๊กขัดเงาตัดกับฐานผนังไม้สัก สร้างบรรยากาศหรูหราเกินชั้น ห้องพักชั้นสามยังมีห้องสูบบุหรี่และห้องน้ำสำหรับผู้หญิง ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของห้องอาหารบนชั้น C ติดกับทางเดินยาว (หรือพื้นที่โล่ง) คล้ายกับการออกแบบบนเรือไอเวอร์เนียและแซกโซเนีย เจ้าหน้าที่และลูกเรือของเรือคาร์เพเทียพักอยู่ในห้องพักบนชั้นสะพานเดินเรือ (A) เหนือห้องอาหารชั้นสอง ส่วนห้องพักกัปตันนั้นตั้งอยู่บนชั้นเรือบด (boat deck) ใต้สะพานเดินเรือ[]
เรือคาร์เพเทียมีระบบระบายอากาศที่ยอดเยี่ยม ประกอบด้วยช่องระบายอากาศบนดาดเรือที่เสริมด้วยพัดลมไฟฟ้า ระบบระบายอากาศเหล่านี้ได้รับการออกแบบให้อากาศบริสุทธิ์ไหลผ่านท่อความร้อนแบบขด ซึ่งสามารถเติมน้ำเย็นได้ในช่วงฤดูร้อนหรือไอน้ำระหว่างฤดูหนาว ส่งผลให้เรือเย็นสบายหรืออบอุ่นตามสภาพอากาศ แม้เรือคาร์เพเทียจะใช้ระบบไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีหลอดไฟมากกว่า 2,000 ดวง แต่ในห้องโดยสารยังคงมีโคมไฟน้ำมันสำรองไว้ใช้งานเมื่อเกิดไฟฟ้าดับ
เรือคาร์เพเทียมีหม้อต้มไอน้ำแบบเติมถ่านได้ฝั่งเดียว (single-ended boiler) 7 ใบ ติดตั้งระบบลมแรงของ ทำงานที่แรงดัน 210 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (1,400 กิโลปาสคาล) จ่ายไอน้ำเข้าสู่เครื่องยนต์ 4 กระบอกสูบไอน้ำแบบขยายตัวสี่เท่า (quadruple expansion engines) 2 เครื่อง ผลิตโดย (Wallsend Slipway and Engineering Company, Ltd.) แห่งเมือง ประเทศอังกฤษ โดยแต่ละสูบมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 26 นิ้ว (0.66 เมตร) 37 นิ้ว (0.94 เมตร) 53 นิ้ว (1.3 เมตร) และ 76 นิ้ว (1.9 เมตร) และมีช่วงชัก 54 นิ้ว (1.4 เมตร) กำลังเครื่องยนต์ที่พร้อมใช้งานช่วยให้เรือมีความเร็วทดลองที่ตั้งใจไว้คือ 15.5 นอต (17.8 ไมล์|ชั่วโมง; 28.7 กม./ชม.)
เรือคาร์เพเทียออกเดินทางครั้งแรกในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1903 จากลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ไปยังบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา และให้บริการเส้นทางระหว่างนครนิวยอร์ก กับเมืองท่าต่าง ๆ ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน เช่น ยิบรอลตาร์ แอลเจียร์ เจโนวา เนเปิลส์ ตรีเยสเต และฟีอูเม
บริการช่วงแรกและการปรับปรุง
แม้ว่าจะขาดความเร็วและความหรูหราอลังการของเรือด่วน และไม่มีห้องพักชั้นหนึ่งจนกระทั่งปี ค.ศ. 1905 แต่เรือคาร์เพเทียก็ยังคงมีชื่อเสียงในฐานะเรือที่สะดวกสบาย โดยเฉพาะในสภาพอากาศเลวร้าย เนื่องจากอัตราส่วนความกว้างต่อความยาวที่ค่อนข้างมาก การใช้ครีบระบายน้ำ และการสั่นสะเทือนที่น้อย ซึ่งมักพบในเครื่องยนต์ทรงพลัง เรือคาร์เพเทียเป็นที่นิยมทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวและผู้อพยพ โดยให้บริการระหว่างลิเวอร์พูลและนครนิวยอร์กในฤดูร้อน และระหว่างนครนิวยอร์กและแถบเมดิเตอร์เรเนียนในฤดูหนาว
หลังจากที่คูนาร์ดไลน์ร่วมมือกับบริษัทเดินเรือเอเดรีย (Adria) ของฮังการีในปี ค.ศ. 1904 เรือคาร์เพเทียก็ได้รับภารกิจใหม่ในการขนส่งผู้อพยพชาวฮังการี ในปี ค.ศ. 1905 เรือคาร์เพเทียก็ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ ส่งผลให้ความจุผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 1,700 คนเป็น 2,550 คน การปรับปรุงครั้งนี้เน้นไปที่การเปลี่ยนห้องโดยสารชั้นสามขนาดเล็กให้เป็นห้องพักรวมขนาดใหญ่แบบหอพัก ส่วนบริเวณที่เคยเป็นห้องพักชั้นสองก็ได้รับการปรับเปลี่ยนเป็นห้องพักชั้นหนึ่งที่หรูหรามากขึ้น
จนถึงปี ค.ศ. 1912 เรือคาร์เพเทียมีขนาดใหญ่โตขึ้นโดยน้ำหนักบรรทุกเพิ่มขึ้นเป็น 13,600 ตัน และสามารถจุผู้โดยสารได้มากถึง 2,450 คน แบ่งเป็นชั้นหนึ่งและชั้นสอง 250 คน และชั้นสาม 2,200 คน ในปีเดียวกันนั้น เรือยังมีลูกเรือประมาณ 300 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ 6 คน และมีเรือชูชีพ 20 ลำ
ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากการอับปางของเรืออาร์เอ็มเอส ไททานิก
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เรือคาร์เพเทียถูกใช้ในการขนส่งทหารแคนาดาและอเมริกาไปยังยุโรป และการเดินทางบางเที่ยวของเรือลำนี้ก็อยู่ในขบวนเรือ โดยแล่นออกจากนิวยอร์ก ผ่านแฮลิแฟ็กซ์ ไปยังลิเวอร์พูลและกลาสโกว์ ในบรรดาลูกเรือของคาร์เพเทียในช่วงสงครามโลกนั้น มีหนึ่งคนที่โดดเด่นเป็นพิเศษ นั่นคือ (Frank Buckles) ซึ่งต่อมาเขาได้กลายเป็นทหารผ่านศึกชาวอเมริกันคนสุดท้ายที่รอดชีวิตจากมหาสงคราม ในช่วงระหว่างที่เรือเข้าประจำการ ปล่องไฟสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของสายการเดินเรือคูนาร์ดได้ถูกทาสีเทาเข้มแทนเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ในยามสงคราม
การอับปางและผลที่ตามมา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การค้นพบและกอบกู้ซากเรือ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไททานิกอัปปาง
วันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 เรืออาร์เอ็มเอส ไททานิก ชนกับภูเขาน้ำแข็งและอัปปางระหว่างการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกครั้งแรก เจ้าหน้าที่วิทยุให้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไป และเรืออาร์เอ็มเอส คาร์เพเทีย (RMS Carpathia) รับสัญญาณขอความช่วยเหลือของไททานิกได้ และตอบกลับ และคาร์เพเทียจะไปถึงเรือไททานิกภายในเวลา 4 ชั่วโมง เวลา 4 นาฬิกา 10 นาที อาร์เอ็มเอส คาร์เพเทีย ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้รอดชีวิตบนเรือสำรองทั้งหมดและพาสู่นิวยอร์ก และเรือคาร์เพเทียก็ได้มาถึงเมืองนิวยอร์กในวันที่ 18 เมษายน เวลาประมาณ 9.00 น.
รูปลักษณ์ตัวเรือ
ระเบียงภาพ
- ตัวเรือคาร์เพเทียถูกทาสีขาวเพื่อรอการปล่อยลงน้ำ
- เรือคาร์เพเทียจอดเทียบท่าที่นิวยอร์กหลังจากการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากเรือไททานิก
- เรือคาร์เพเทีย
- นางมาร์กาเร็ต บราวน์ (ขวา) มอบรางวัลทองคำแก่กัปตันอาร์เทอร์ เฮนรี รอสตรอน สำหรับการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากเรือไททานิก
- ภาพถ่ายหายากบนดาดฟ้าของผู้โดยสารเรือคาร์เพเทีย (ค.ศ. 1914)
- บัตรชูชีพจากเรือคาร์เพเทีย ใช้เพื่อระบุเรือชูชีพของผู้รอดชีวิตจากเรือไททานิก
ดูเพิ่ม
- (SS Caifornian) เรืออีกลำที่เกี่ยวข้องกับการอับปางของไททานิก
- (SS Mount Temple)
อ้างอิง
- "RMS Carpathia (1903)". www.tynebuiltships.co.uk. สืบค้นเมื่อ 27 June 2017.
- Ludowyke, Jay (2018). Carpathia: The Extraordinary Story of the Ship that Rescued the Survivors of the Titanic. Sydney, NSW: Hachette. pp. 31–32. ISBN . OCLC 1024080123.
- N. R. P. Bonsor, North Atlantic Seaway, pp. 154–55, 1873.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 September 2016. สืบค้นเมื่อ 11 July 2017.
- J. H. Isherwood, "Intermediate Ship 'Saxonia' ", Sea Breezes 13 (1952), p. 411.
- "The Cunard S.S. "Carpathia"", The Syren and Shipping Illustrated, pp. 250–255, 6 May 1903 – โดยทาง Google Books
- "A floating dock and a new Cunarder" (PDF), The Engineer, p. 136, 8 August 1902 – โดยทาง Grace's Guide to British Industrial History
- Tikkanen, Amy (2 August 2016), "Carpathia, ship", Encyclopædia Britannica
- "Launches at Newcastle". The Times. No. 36840. London. 7 August 1902. p. 10.
- "The Cunard Steamer Carpathia". The Times. No. 37065. London. 27 April 1903. col F, p. 10.
- "SS Carpathia" (PDF), The Engineer, p. 157, 15 August 1902 – โดยทาง Grace's Guide to British Industrial History
- "Steamship Carpathia.", Marine Engineering, p. 517, October 1903
- "(advertisement)". The Times. No. 37085. London. 20 May 1903. col B, p. 2.
- "(advertisement)". The Times. No. 37267. London. 18 December 1903. col B, p. 2.
- "100 éve történt (100 years ago)" (ภาษาฮังการี). Magyar Hajózásért Egyesület (Society for Hungarian Navigation). 12 April 2012. สืบค้นเมื่อ 1 October 2018.
- "Carpathia – az első mentőhajó 1. rész (Carpathia, the first rescue ship − part 1)" (ภาษาฮังการี). National Geographic (Hungary). 12 April 2012. สืบค้นเมื่อ 1 October 2018.
- "United States Senate Inquiry, Day 1, Testimony of Arthur H. Rostron, cont.", "Titanic" disaster, report of the Committee on Commerce, United States Senate, pursuant to S. Res. 283, directing the committee on commerce to investigate the causes leading to the wreck of the White Star liner "Titanic.", 19 April 2012
- Official war diaries of CEF – 27 Batt. 15 May 1915
- Simmons, Perez; H. Davies, Alfred. Twentieth Engineers – France – 1917–1918–1919 (PDF). Portland, Oregon: Dimm & Sons Printing Co. Twentieth Engineers Publishing Association. สืบค้นเมื่อ 18 April 2012.
- Goldstein, Richard (28 February 2011). "Frank Buckles, Last of World War I Doughboys, Dies at 110". The New York Times.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-09-26. สืบค้นเมื่อ 2023-12-28.
- "Pleas For Help - Distress Calls Heard". United States Senate Inquiry Report. สืบค้นเมื่อ 2008-11-24.
- ""RMS Carpathia"". สืบค้นเมื่อ 2008-11-08.
แหล่งข้อมูลอื่น
- ศูนย์รวมรูปภาพของเรือคาร์เพเทีย (ภาษาอังกฤษ)
- Carpathia on thegreatoceanliners.com 2015-09-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Carpathia: Passengers and Crew
- Biography of Captain Rostron
- Carpathia (1903–1918 ; 13,555 tons) 2012-07-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- RMS Carpathia at sorbie.net
- Carpathia 1907 photos by Marjorie Champlin Bowen
- BBC News video describing a diving exploration of the ship
- Carpathia data at MaritimeQuest
- Carpathia dive plan 2011-09-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xarexmexs kharephethiy xngkvs RMS Carpathia epneruxklifodysarkhxngsaykaredineruxkhunardiln Cunard Line srangodyxutxerux Swan Hunter amp Wigham Richardson emuxng praethsxngkvsxarexmexs kharephethiy RMS Carpathia prawtishrachxanackrtngchuxtamethuxkekhakharephethiynecakhxngkhunardilnthaeruxcdthaebiynliewxrphulesnthangedineruxliewxrphul khwinsthawn bxstn esnthanghlk liewxrphul khwinsthawn nkhrniwyxrk vdurxn trieyset nkhrniwyxrk vduhnaw xuerux xngkvsYard number274plxyerux10 knyayn kh s 1901edineruxaerk6 singhakhm kh s 1902srangesrckumphaphnth kh s 1903Maiden voyage5 phvsphakhm kh s 1903brikar1903 1918hyudihbrikar17 singhakhm kh s 1918rhsrabuhmayelkhthaebiyneruxxngkvs 118014 syyaneriykkhanthangwithyu MPAkhwamepnipxbpangodytxrpiod 17 krkdakhm kh s 1918lksnaechphaapraephth eruxedinsmuthrkhnad tn 13 603 tncdthaebiyn 8 660 tnsuththikhwamyaw 558 fut 170 emtr khwamkwang 64 fut 6 niw 19 66 emtr kinnaluk 34 fut 7 niw 10 54 emtr dadfa 7rabbkhbekhluxn ekhruxngyntkrabxksubixnaaebb quadruple expansion 2 ekhruxng ibckr 2 ckrkhwamerw 14 nxt 16 iml chm 26 km chm khwamcu phuodysar 2 550 khn chnhnung 100 khn chnsxng 200 khn chnsam 2 250 khn eruxkharephethiyxxkedinthangkhrngaerkin kh s 1903 cakliewxrphulipyngbxstn aelayngkhngaelnesninthangnixyukxnthicathukyayipihbrikarinthaelemdietxrereniyn in kh s 1904 ineduxnemsayn kh s 1912 eruxkharephethiymichuxesiyngodngdngcakkarchwyehluxphurxdchiwitcakeruxxarexmexs iththanik RMS Titanic sungepneruxkhuaekhngkhxngsaykaredineruxiwtstariln White Star Line hlngcakchnphuekhanaaekhngaelaxbpanglnginmhasmuthraextaelntikehnux eruxkharephethiyaelnphandwykhwamerwetmphikdaelaipthungcudekidehtuin 2 chwomnghlngcakeruxiththanikxbpang aelalukeruxsamarthchwyehluxphurxdchiwit 705 khncakeruxchuchiphkhxngiththanikid eruxngrawkhxngkarchwyehluxkhrngniklayepnwirkrrmxnnacdcakhxngeruxkharephethiy eruxkharephethiyxbpanginchwngsngkhramolkkhrngthihnung odythukeruxdanakhxngckrwrrdieyxrmn ocmtidwytxrpiodsamluk briewnchayfngthangitkhxngixraelnd emuxwnthi 17 krkdakhm kh s 1918 sngphlihlukeruxesiychiwit 5 khn chuxkhxngeruxnamacakethuxkekhakharephethiyninthwipyuorptawnxxkebuxnghlnginpi kh s 1900 saykaredineruxkhunardilntxngephchiykbkaraekhngkhnxnekhmkhncakkhuaekhngsakhy 3 ray idaek iwtstariln nxrthdxythechxrlxyth aela thitangkmungsrangeruxkhnadihyaelarwderwkhunephuxaeyngchingkhwamniym inpi kh s 1898 eruxedinsmuthrsxnglathiihythisudkhxngkhunardxyang RMS Campania aela RMS Lucania nnmichuxesiyngodngdngthngineruxngkhnadaelakhwamerw thngkhumirawangkhbna 12 950 tn aelaekhykhrxngrangwl bluribnd sahrbkarkhammhasmuthraextaelntikthierwthisud xyangirktam inpi kh s 1897 eruxlaihmkhxngsaykaredineruxnxrthdxythechxrlxythxyang SS Kaiser Wilhelm der Grosse idchingrangwlbluribndipcakeruxsxnglakhxngkhunard swnsaykaredineruxiwtstarilnketriymphrxmthicaepidtweruxykslaihm RMS Oceanic thimikhnad 17 000 tn khunardcungprbprungfungeruxkhxngtnexng dwykarsngtxeruxihmthungsamla idaek SS Ivernia RMS Saxonia aelakharephethiy aethnthicaphyayamkxbkuchuxesiyngxyangetmthi odykarichcayenginephimetimthicaepninkarsrangeruxthierwphxthicachingbluribndkhuncakeruxkhxngeyxrmn hruxihyphxthicaethiybekhiyngkhnaderuxkhxngiwtstar aetkhunardklbphyayamephimphlkairsungsudephuxihsamarthrksasthanathangkarenginihmnkhngphxthicatankarphyayamekhasuxkickarodyklumbristhedineruxkhuaekhngthichux International Mercantile Marine Co IMM txngkarxangxing eruxsamlaihmkhxngkhunardimidennkhwamerwepnphiess enuxngcakxxkaebbmaephuxrxngrbphuodysarxphyph aetklbchwyprahydkhaichcaydanechuxephlingidxyangmak eruxthngsamlacungklayepnthngekhruxngmuxaelatnaebbthithaihkhunardsamarthaekhngkhnkbkhuaekhngrayihyidxyangsaerc odyechphaaxyangyingkbiwtstariln sungepnbristhnakhxngklum IMM eruxkharephethiynnepneruxthixxkaebbodyddaeplngmacak aetmikhwamyawsnkwaeruxinchnediywknpraman 40 fut 12 emtr echnediywkberuxrunkxnhna eruxkharephethiymilksnakarxxkaebbthiennyaw okhrngsrangswnbntaaelasmdul phrxmesakraodngsitnphrxmekhrn sungchwyihkhnthaysinkhaaelasmpharacanwnmakidmakkwaeruxedinsmuthrthwipprawtikarxxkaebbaelakarsrang xarexmexs kharephethiy thuksrangodybristh C S Swan amp Hunter thixutxeruxkhxngphwkekhainemuxng praethsxngkvs sahrbbristheruxklifkhunard Cunard Steamship Company ephuxthakaredineruxrahwangemuxngliewxrphulaelabxstnrwmkberuxixewxreniyaelaaeskoseniy kradukngukhxngeruxthukwanginwnthi 10 knyann kh s 1901 aelaplxylngnainwnthi 6 singhakhm kh s 1902 hlngcakidrbkartngchuxcakbutrsawkhxngrxngprathankhunardiln eruxkharephethiythakarthdlxngedineruxcakaemnaithnipyngaemnaemxrsiyrahwangwnthi 22 25 emsayn kh s 1903 inchwngphithiplxyerux eruxkharephethiymikhwamyaw 558 fut 170 emtr kwang 64 fut 3 niw 19 58 emtr aelaminahnkrwm 12 900 tn aetemuxsrangesrcsmburn nahnkrwmkhxngeruxkephimkhunepnmakkwa 13 500 tn eruxlaniidrbkarxxkaebbihmichndadfathacakehlkthnghmd 4 chn chnlangsudsahrbekbsmphara 1 chn chnthisxngepnchnsaphanedineruxsungmikhwamyaw 290 fut rxngrbhxngodysarchnhnung hxngxahar hxngodysarchnsxng aeladanbnsudepnchnsahrberuxchuchiph inkhnathithakarplxyerux miraynganwaeruxcasamarthrxngrbphuodysarchnhnung 200 khn chnsam 600 khn aelayngsamarthkhnsngenuxstwaechaekhngcanwnmakid aetemuxsrangesrcsmburn khwamcuphuodysarkhxngeruxkephimkhuncakpraman 800 khnepnpraman 1 700 khn hmaykhwamwaeruxsamarthrxngrbphuodysaridekuxbsxngethacakedim eruxkharephethiyinxuaehng aemeruxkharephethiycathukcdpraephthepneruxedinsmuthrkhnadklang intermediate liner thixxkaebbmaephuxrxngrbphuodysarchnsxngaelasamepnhlk aetphayineruxklbidrbkartkaetngxyangswyngamaelamisingxanwykhwamsadwkthiekinmatrthaninyukhnn hxngxaharkhxngeruxkharephethiyidrbkarxxkaebbxyanghruhraaelapranit phnnghxngtkaetngdwysikhrimaelathxng sungekhaknidxyanglngtwkbefxrniecxrthithacakimmahxkkani phamansithxngekachwyephimkhwamhruhraaelaknaesngcakhnatangerux ehnuxephdankhxnghxngxaharmiodmkracksi aeladanbnkhxngodmkrackyngmiphdlmiffa sungchwyrabayxakasaelaihkhwameynsbay thiphkchnsxngmihxngsubbuhrikruphnngdwyimwxlnthsungtngxyuthidadfathayerux aelahxngsmudthiplaydanhnakhxngdadfasaphanedinerux chn A hlngkarprbprunginpi kh s 1905 phunthiehlanikthukepliynepnhxngphkchnhnung sahrbphuodysarchnsambneruxkharephethiynnthuxwamikhwamsadwksbayekinmatrthaninyukhsmynnxyangmak hxngxaharchnsamkwangkhwangkinphunthietmkhwamkwangkhxngerux rxngrbphuodysaridthung 300 khn tkaetngphnngdwyimoxkkhdengatdkbthanphnngimsk srangbrryakashruhraekinchn hxngphkchnsamyngmihxngsubbuhriaelahxngnasahrbphuhying sungtngxyudanhnakhxnghxngxaharbnchn C tidkbthangedinyaw hruxphunthiolng khlaykbkarxxkaebbbneruxixewxreniyaelaaeskoseniy ecahnathiaelalukeruxkhxngeruxkharephethiyphkxyuinhxngphkbnchnsaphanedinerux A ehnuxhxngxaharchnsxng swnhxngphkkptnnntngxyubnchneruxbd boat deck itsaphanedinerux txngkarxangxing eruxkharephethiymirabbrabayxakasthiyxdeyiym prakxbdwychxngrabayxakasbndaderuxthiesrimdwyphdlmiffa rabbrabayxakasehlaniidrbkarxxkaebbihxakasbrisuththiihlphanthxkhwamrxnaebbkhd sungsamarthetimnaeynidinchwngvdurxnhruxixnarahwangvduhnaw sngphliheruxeynsbayhruxxbxuntamsphaphxakas aemeruxkharephethiycaichrabbiffaxyangetmrupaebb odymihlxdifmakkwa 2 000 dwng aetinhxngodysaryngkhngmiokhmifnamnsarxngiwichnganemuxekidiffadb eruxkharephethiymihmxtmixnaaebbetimthanidfngediyw single ended boiler 7 ib tidtngrabblmaerngkhxng thanganthiaerngdn 210 pxndtxtarangniw 1 400 kiolpaskhal cayixnaekhasuekhruxngynt 4 krabxksubixnaaebbkhyaytwsietha quadruple expansion engines 2 ekhruxng phlitody Wallsend Slipway and Engineering Company Ltd aehngemuxng praethsxngkvs odyaetlasubmikhnadesnphansunyklang 26 niw 0 66 emtr 37 niw 0 94 emtr 53 niw 1 3 emtr aela 76 niw 1 9 emtr aelamichwngchk 54 niw 1 4 emtr kalngekhruxngyntthiphrxmichnganchwyiheruxmikhwamerwthdlxngthitngiciwkhux 15 5 nxt 17 8 iml chwomng 28 7 km chm eruxkharephethiyxxkedinthangkhrngaerkinwnthi 5 phvsphakhm kh s 1903 cakliewxrphul praethsxngkvs ipyngbxstn rthaemssachuests shrthxemrika aelaihbrikaresnthangrahwangnkhrniwyxrk kbemuxngthatang inaethbemdietxrereniyn echn yibrxltar aexleciyr econwa enepils trieyset aelafixuem brikarchwngaerkaelakarprbprung aemwacakhadkhwamerwaelakhwamhruhraxlngkarkhxngeruxdwn aelaimmihxngphkchnhnungcnkrathngpi kh s 1905 aeteruxkharephethiykyngkhngmichuxesiynginthanaeruxthisadwksbay odyechphaainsphaphxakaselwray enuxngcakxtraswnkhwamkwangtxkhwamyawthikhxnkhangmak karichkhribrabayna aelakarsnsaethuxnthinxy sungmkphbinekhruxngyntthrngphlng eruxkharephethiyepnthiniymthnginhmunkthxngethiywaelaphuxphyph odyihbrikarrahwangliewxrphulaelankhrniwyxrkinvdurxn aelarahwangnkhrniwyxrkaelaaethbemdietxrereniyninvduhnaw hlngcakthikhunardilnrwmmuxkbbristhedineruxexedriy Adria khxnghngkariinpi kh s 1904 eruxkharephethiykidrbpharkicihminkarkhnsngphuxphyphchawhngkari inpi kh s 1905 eruxkharephethiykidrbkarprbprungkhrngihy sngphlihkhwamcuphuodysarephimkhuncak 1 700 khnepn 2 550 khn karprbprungkhrngniennipthikarepliynhxngodysarchnsamkhnadelkihepnhxngphkrwmkhnadihyaebbhxphk swnbriewnthiekhyepnhxngphkchnsxngkidrbkarprbepliynepnhxngphkchnhnungthihruhramakkhun cnthungpi kh s 1912 eruxkharephethiymikhnadihyotkhunodynahnkbrrthukephimkhunepn 13 600 tn aelasamarthcuphuodysaridmakthung 2 450 khn aebngepnchnhnungaelachnsxng 250 khn aelachnsam 2 200 khn inpiediywknnn eruxyngmilukeruxpraman 300 khn rwmthungecahnathi 6 khn aelamieruxchuchiph 20 la chwyehluxphurxdchiwitcakkarxbpangkhxngeruxxarexmexs iththanik swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidsngkhramolkkhrngthihnung inchwngsngkhramolkkhrngthihnung eruxkharephethiythukichinkarkhnsngthharaekhnadaaelaxemrikaipyngyuorp aelakaredinthangbangethiywkhxngeruxlanikxyuinkhbwnerux odyaelnxxkcakniwyxrk phanaehliaefks ipyngliewxrphulaelaklasokw inbrrdalukeruxkhxngkharephethiyinchwngsngkhramolknn mihnungkhnthioddednepnphiess nnkhux Frank Buckles sungtxmaekhaidklayepnthharphansukchawxemriknkhnsudthaythirxdchiwitcakmhasngkhram inchwngrahwangthieruxekhapracakar plxngifsiaedngxnepnexklksnkhxngsaykaredineruxkhunardidthukthasiethaekhmaethnephuxihsxdkhlxngkbsphaphkarninyamsngkhram karxbpangaelaphlthitamma swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidkarkhnphbaelakxbkusakerux swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidkhwamekiywkhxngkbehtukarniththanikxppangnangmxlli brawn Molly Brown aelakptnkhxngeruxkharephethiyeruxkharephethiy xppang wnthi 15 emsayn kh s 1912 eruxxarexmexs iththanik chnkbphuekhanaaekhngaelaxppangrahwangkaredinthangkhammhasmuthraextaelntikkhrngaerk ecahnathiwithyuihsngsyyankhxkhwamchwyehluxxxkip aelaeruxxarexmexs kharephethiy RMS Carpathia rbsyyankhxkhwamchwyehluxkhxngiththanikid aelatxbklb aelakharephethiycaipthungeruxiththanikphayinewla 4 chwomng ewla 4 nalika 10 nathi xarexmexs kharephethiy idekhaipchwyehluxphurxdchiwitbneruxsarxngthnghmdaelaphasuniwyxrk aelaeruxkharephethiykidmathungemuxngniwyxrkinwnthi 18 emsayn ewlapraman 9 00 n ruplksntweruxruplksntweruxxarexmexs kharephethiy rahwangpi 1903 1905raebiyngphaphtweruxkharephethiythukthasikhawephuxrxkarplxylngna eruxkharephethiycxdethiybthathiniwyxrkhlngcakkarchwyehluxphurxdchiwitcakeruxiththanik eruxkharephethiy nangmarkaert brawn khwa mxbrangwlthxngkhaaekkptnxarethxr ehnri rxstrxn sahrbkarchwyehluxphurxdchiwitcakeruxiththanik phaphthayhayakbndadfakhxngphuodysareruxkharephethiy kh s 1914 btrchuchiphcakeruxkharephethiy ichephuxrabueruxchuchiphkhxngphurxdchiwitcakeruxiththanikduephim SS Caifornian eruxxiklathiekiywkhxngkbkarxbpangkhxngiththanik SS Mount Temple xangxing RMS Carpathia 1903 www tynebuiltships co uk subkhnemux 27 June 2017 Ludowyke Jay 2018 Carpathia The Extraordinary Story of the Ship that Rescued the Survivors of the Titanic Sydney NSW Hachette pp 31 32 ISBN 978 0 7336 4067 4 OCLC 1024080123 N R P Bonsor North Atlantic Seaway pp 154 55 1873 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 3 September 2016 subkhnemux 11 July 2017 J H Isherwood Intermediate Ship Saxonia Sea Breezes 13 1952 p 411 The Cunard S S Carpathia The Syren and Shipping Illustrated pp 250 255 6 May 1903 odythang Google Books A floating dock and a new Cunarder PDF The Engineer p 136 8 August 1902 odythang Grace s Guide to British Industrial History Tikkanen Amy 2 August 2016 Carpathia ship Encyclopaedia Britannica Launches at Newcastle The Times No 36840 London 7 August 1902 p 10 The Cunard Steamer Carpathia The Times No 37065 London 27 April 1903 col F p 10 SS Carpathia PDF The Engineer p 157 15 August 1902 odythang Grace s Guide to British Industrial History Steamship Carpathia Marine Engineering p 517 October 1903 advertisement The Times No 37085 London 20 May 1903 col B p 2 advertisement The Times No 37267 London 18 December 1903 col B p 2 100 eve tortent 100 years ago phasahngkari Magyar Hajozasert Egyesulet Society for Hungarian Navigation 12 April 2012 subkhnemux 1 October 2018 Carpathia az elso mentohajo 1 resz Carpathia the first rescue ship part 1 phasahngkari National Geographic Hungary 12 April 2012 subkhnemux 1 October 2018 United States Senate Inquiry Day 1 Testimony of Arthur H Rostron cont Titanic disaster report of the Committee on Commerce United States Senate pursuant to S Res 283 directing the committee on commerce to investigate the causes leading to the wreck of the White Star liner Titanic 19 April 2012 Official war diaries of CEF 27 Batt 15 May 1915 Simmons Perez H Davies Alfred Twentieth Engineers France 1917 1918 1919 PDF Portland Oregon Dimm amp Sons Printing Co Twentieth Engineers Publishing Association subkhnemux 18 April 2012 Goldstein Richard 28 February 2011 Frank Buckles Last of World War I Doughboys Dies at 110 The New York Times khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 09 26 subkhnemux 2023 12 28 Pleas For Help Distress Calls Heard United States Senate Inquiry Report subkhnemux 2008 11 24 RMS Carpathia subkhnemux 2008 11 08 aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb xarexmexs kharephethiy sunyrwmrupphaphkhxngeruxkharephethiy phasaxngkvs Carpathia on thegreatoceanliners com 2015 09 06 thi ewyaebkaemchchin Carpathia Passengers and Crew Biography of Captain Rostron Carpathia 1903 1918 13 555 tons 2012 07 17 thi ewyaebkaemchchin RMS Carpathia at sorbie net Carpathia 1907 photos by Marjorie Champlin Bowen BBC News video describing a diving exploration of the ship Carpathia data at MaritimeQuest Carpathia dive plan 2011 09 28 thi ewyaebkaemchchin