อาร์เอ็มเอส ควีนแมรี (อังกฤษ: RMS Queen Mary) หรือชื่อเต็มคือ เรือไปรษณีย์หลวงควีนแมรี เป็นเรือเดินสมุทรสัญชาติอังกฤษที่ปลดประจำการแล้ว เคยแล่นในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือเป็นหลักตั้งแต่ปี ค.ศ. 1936–1967 สร้างโดยอู่ต่อเรือ ในเมือง ประเทศสกอตแลนด์ และให้บริการโดยสายการเดินเรือคูนาร์ดไลน์ เรือลำนี้ถูกสร้างขึ้นพร้อมกับอาร์เอ็มเอส ควีนเอลิซาเบธ เพื่อให้บริการเรือด่วนรายสัปดาห์สองลำระหว่างเซาแทมป์ตัน แชร์บูร์ และนครนิวยอร์ก เรือทั้งสองลำเป็นการตอบสนองของอังกฤษต่อเรือเดินสมุทรความเร็วสูงที่สร้างโดยบริษัทเยอรมัน อิตาลี และฝรั่งเศสในช่วงปลายทศวรรษที่ 1920 และต้นทศวรรษที่ 1930
อาร์เอ็มเอส ควีนแมรี ในลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย | |
ประวัติ | |
---|---|
ชื่อ | |
ตั้งชื่อตาม | สมเด็จพระราชินีแมรี ในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร |
เจ้าของ |
|
ท่าเรือจดทะเบียน | ลิเวอร์พูล |
เส้นทางเดินเรือ | เซาแทมป์ตัน นครนิวยอร์ก ผ่านแชร์บูร์ (เส้นทางเดินเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกปกติทั้งขาไปและกลับ) |
Ordered | 3 เมษายน 1929 |
อู่เรือ |
|
Yard number | 534 |
ปล่อยเรือ | 1 ธันวาคม 1930 |
เดินเรือแรก | 26 กันยายน 1934 |
สนับสนุนโดย | สมเด็จพระราชินีแมรี |
Christened | 26 กันยายน 1934 |
Maiden voyage | 27 พฤษภาคม 1936 |
บริการ | 1936–1967 |
หยุดให้บริการ | 9 ธันวาคม 1967 |
รหัสระบุ |
|
ความเป็นไป | โรงแรมและพิพิธภัณฑ์เรือ |
สถานะ | เทียบท่าถาวรในลองบีช |
ลักษณะเฉพาะ | |
ประเภท: | เรือเดินสมุทร |
ขนาด (ตัน): |
|
ขนาด (ระวางขับน้ำ): | 77,400 (78,642 เมตริกตัน) |
ความยาว: |
|
ความกว้าง: | 118 ฟุต (36.0 เมตร) |
ความสูง: | 181 ฟุต (55.2 เมตร) |
กินน้ำลึก: | 38 ฟุต 9 นิ้ว (11.8 เมตร) |
ดาดฟ้า: | 12 |
ระบบพลังงาน: | 24 × |
ระบบขับเคลื่อน: |
|
ความเร็ว: | |
ความจุ: | 2,140 คน: ชั้นหนึ่ง 776 คน, ชั้นสอง 785 คน, ชั้นสาม 579 คน |
ลูกเรือ: | 1,100 คน |
อาร์เอ็มเอส ควีนแมรี | |
พิกัด | 33°45′11″N 118°11′23″W / 33.75306°N 118.18972°W |
เลขอ้างอิง NRHP | 92001714 |
ขึ้นทะเบียน NRHP | 15 เมษายน 1993 |
อาร์เอ็มเอส ควีนแมรี ทำการเดินเรือครั้งแรกในวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1936 และได้รับรางวัลบลูริบบันด์ (Blue Riband) ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ต่อมาก็สูญเสียรางวัลนี้ไปให้กับเอสเอส นอร์มังดี (SS Normandie) ในปี ค.ศ. 1937 แต่ควีนแมรีก็สามารถคว้ารางวัลนี้คืนได้อีกครั้งในปี ค.ศ. 1938 และครองแชมป์เรือเดินสมุทรที่เร็วที่สุดในโลกจนถึงปี ค.ศ. 1952 ซึ่งสถิตินี้ถูกทำลายโดย (SS United States) ลำใหม่ เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองปะทุขึ้น ควีนแมรีได้ถูกดัดแปลงเป็นเรือขนส่งทหาร และทำหน้าที่ขนส่งทหารฝ่ายสัมพันธมิตรระหว่างสงคราม ในเที่ยวเดินเรือครั้งหนึ่งเมื่อปี ค.ศ. 1943 ควีนแมรีสามารถบรรทุกคนได้มากกว่า 16,600 คน ซึ่งยังคงเป็นสถิติสูงสุดที่เรือเคยบรรทุกคนมาจนถึงปัจจุบัน
หลังจบสงคราม ควีนแมรีได้รับการปรับปรุงให้กลับมาบริการบรรทุกผู้โดยสารอีกครั้ง ร่วมกับควีนเอลิซาเบธ ทั้งสองลำเริ่มทำหน้าที่ตามแผนการเดิมที่วางไว้ตั้งแต่แรก คือ การเป็นเรือเดินสมุทรข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก บรรทุกผู้โดยสารแบบสองลำสลับกันเป็นรายสัปดาห์ เรือทั้งสองครองตลาดการขนส่งผู้โดยสารข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจนกระทั่งเครื่องบินเจ็ตเริ่มเฟื่องฟูในปลายทศวรรษที่ 1950 เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางทศวรรษที่ 1960 ควีนแมรีก็เริ่มเก่าลง และประสบภาวะขาดทุน
หลังจากที่คูนาร์ดไลน์ประสบปัญหาผลกำไรลดลงมาหลายปี ในที่สุดควีนแมรีก็ถูกปลดประจำการอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1967 โดยออกเดินทางจากเซาแทมป์ตันเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1967 และมุ่งหน้าสู่ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถานที่ที่เรือจะถูกทอดสมออย่างถาวร เมืองลองบีชได้ทำการซื้อเรือลำนี้เพื่อมาใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยมีทั้งร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ และโรงแรม โดยทางเมืองได้ว่าจ้างบริษัทภายนอกหลายแห่งให้มาบริหารจัดการเรือตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเพิ่งกลับมาควบคุมการดำเนินงานอีกครั้งในปี ค.ศ. 2021
การสร้างและการตั้งชื่อ
หลังจากเยอรมนีในยุคสาธารณรัฐไวมาร์เปิดตัวเรือเดินสมุทร (SS Bremen) และ (SS Europa) อังกฤษไม่ต้องการตกขบวนการแข่งขันต่อเรือ ไวต์สตาร์ไลน์จึงเริ่มสร้างเรือ (RMMV Oceanic) ขนาด 80,000 ตันในปี 1928 ขณะที่คูนาร์ดก็กำลังวางแผนสร้างเรือขนาด 75,000 ตันที่ยังไม่มีชื่อ
รหัสของโครงการก่อสร้างในขณะนั้นรู้จักกันในชื่อ "หมายเลขตัวเรือ 534" เริ่มสร้างในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2473 โดยอู่ต่อเรือ เมืองไคลด์แบงก์ ประเทศสกอตแลนด์ การต่อเรือต้องหยุดชะงักในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2474 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ คูนาร์ด ไลน์ ได้ยื่นขอเงินกู้กับรัฐบาลอังกฤษเพื่อให้การสร้างเรือเสร็จสิ้น เงินกู้ดังกล่าวได้รับการอนุมัติโดยมีเงินเพียงพอที่จะสร้างเรือให้เสร็จ และเรืออีกลำตามความตั้งใจ เพื่อให้บริการเรือสองลำรายสัปดาห์ไปยังนิวยอร์ก
เงื่อนไขหนึ่งของรัฐบาลคือให้ คูนาร์ด ไลน์ ควบรวมกิจการกับ ไวต์สตาร์ไลน์ บริษัทเดินเรือที่กำลังประสบปัญหาอีกแห่ง ซึ่งเป็นคู่แข่งรายสำคัญของ คูนาร์ด ไลน์ ทั้งสองบริษัทตกลงและได้ควบรวมกิจการในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2477 การสร้างเรือควีนแมรีเริ่มดำเนินการต่อทันที และได้ปล่อยลงน้ำในวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2477 ใช้เวลาในการสร้าง 3 ปีครึ่ง และมีค่าใช้จ่าย 3.5 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง
ก่อนการปล่อยเรือ แม่น้ำไคลด์ถูกขุดให้ลึกเป็นพิเศษเพื่อรับมือขนาดของเรือ ซึ่งดำเนินการโดยวิศวกร (D. Alan Stevenson)
เรือลำนี้ได้รับการตั้งชื่อตามสมเด็จพระราชินีแมรี อัครมเหสีในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร ชื่อนี้ได้ถูกเก็บเป็นความลับจนกระทั่งเรือปล่อยลงน้ำ
มีคำบอกเล่าว่า เดิมทีคูนาร์ด ไลน์ ตั้งใจจะตั้งชื่อเรือว่า "วิกตอเรีย" เพื่อให้สอดคล้องกับธรรมเนียมดั้งเดิมของบริษัทในการตั้งชื่อเรือที่ลงท้ายด้วย "ia" เมื่อตัวแทนของบริษัทไปขอพระบรมราชาอนุญาตจากพระเจ้าจอร์จที่ 5 ในการตั้งชื่อเรือเดินสมุทรตาม "ราชินีผู้ยิ่งใหญ่" ของอังกฤษ พระองค์กล่าวว่ามเหสีของพระองค์ สมเด็จพระราชินีแมรี มีความยินดี ดังนั้น ตามคำบอกเล่า ตัวแทนของบริษัทจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรายงานว่า"โครงการหมายเลข 534" จะถูกเรียกว่า"ควีนแมรี"
เรื่องนี้ถูก (และยังคงถูก) ปฏิเสธโดยเจ้าหน้าที่ของบริษัท เพราะตามธรรมเนียมแล้ว ชื่อของพระมหากษัตริย์จะใช้สำหรับเรือใหญ่ๆ ของกองทัพเรือเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม คูนาร์ด ไลน์ ยังคงปฏิเสธเรื่องการเปลี่ยนชื่อ นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่าชื่อ ควีนแมรี ถูกตั้งเพื่อให้เป็นการประนีประนอมกันระหว่าง คูนาร์ด ไลน์ และ ไวต์สตาร์ไลน์ เนื่องจากทั้งสองสายมีธรรเนียมการใช้คำลงท้ายที่แตกต่างกัน
อาร์เอ็มเอส ควีนแมรี ติดตั้งหม้อไอน้ำ Yarrow 24 เครื่องในห้องหม้อไอน้ำสี่ห้อง และกังหันไอน้ำ Parsons สี่เครื่องในห้องเครื่องยนต์สองห้อง หม้อไอน้ำส่งไอน้ำ 400 ปอนด์/ตารางนิ้ว (28 บาร์) ที่ 700 องศาฟาเรนไฮต์ (371 องศาเซลเซียส) ซึ่งให้กำลังสูงสุด 212,000 แรงม้า (158,000 กิโลวัตต์) ไปยังใบจักร 4 จักร ที่แต่ละใบหมุนที่ 200 รอบ/นาที
เรือควีนแมรีทำความเร็วสูงสุดได้ 32.84 น็อต ในการทดสอบทางทะเล เมื่อต้นปี พ.ศ. 2479
ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง
ในปี พ.ศ. 2477 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 และสมเด็จพระราชินีแมรีได้เสด็จมาปล่อยเรือลงน้ำด้วยพระองค์เองในชื่อ อาร์เอ็มเอส ควีนแมรี (RMS Queen Mary)
ออกเดินทางเที่ยวปฐมฤกษ์จากเซาแทมป์ตันเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2479 ผู้ซึ่งเป็นนายเรือของ ในขณะที่เรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างที่อู่ต่อเรือจอห์น บราวน์ วัดน้ำหนักเรือได้ 80,774 ตันทะเบียนรวม (GRT)เอสเอส นอร์มังดี (SS Normandie) เรือคู่แข่งซึ่งเดิมวัดได้ 79,280 ตันทะเบียนรวม ได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มขนาดเป็น 83,243 ตันทะเบียนรวม เรือควีนแมรีแล่นด้วยความเร็วสูงตลอดการเดินทางเที่ยวปฐมฤกษ์ไปยังนครนิวยอร์ก ซึ่งมาถึงท่าเรือนิวยอร์กในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2479
การออกแบบของเรือควีนแมรีถูกวิจารณ์ว่าโบราณเกินไป การออกแบบภายในส่วนใหญ่เป็นแบบสไตล์อาร์ตเดโค ซึ่งแลดูมีความอนุรักษ์นิยมเมื่อเทียบกับสายการเรือของฝรั่งเศสสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม เรือควีนแมรีได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรือที่ได้รับความนิยมมากกว่าคู่แข่งในแง่ของการบรรทุกผู้โดยสาร.
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2479 เรือควีนแมรีได้รับรางวัลบลูริบบันด์ ซึ่งเป็นของเรือนอร์มังดีมาก่อน ด้วยความเร็วเฉลี่ย 30.14 น็อต (55.82 กม./ชม.; 34.68 ไมล์/ชม.) ต่อจากนั้นเรือนอร์มังดีได้รับการติดตั้งใบจักรชุดใหม่ในปี 2480 และได้รับรางวัลคืน แต่ในปี 2481 เรือควีนแมรีก็ยึดรางวัลกลับมาอีกครั้ง ด้วยความเร็วเฉลี่ย 30.99 นอต (57.39 กม./ชม.; ไมล์/ชม.) ครองสถิติจนกระทั่งเสียตำแหน่งให้กับ (SS United States) ในปี พ.ศ. 2495
ภายใน
สิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้บริการบนเรือควีนแมรี เช่น สระว่ายน้ำในร่มจำนวน 2 สระ ร้านเสริมสวย ห้องสมุด และสถานรับเลี้ยงเด็กสำหรับผู้โดยสารทั้งสามชั้น ห้องดนตรีและห้องบรรยาย การเชื่อมต่อโทรศัพท์ไปยังทุกที่ในโลก สนามเทนนิสกลางแจ้ง และคอกสุนัข
ห้องที่ใหญ่ที่สุดบนเรือคือห้องรับประทานอาหารหลักในชั้นห้องโดยสารชั้นหนึ่ง (แกรนด์ซาลอน) ซึ่งมีความสูงสามชั้นและยึดด้วยเสากว้าง บนเรือมีห้องสาธารณะปรับอากาศหลายห้อง และยังเป็นเรือเดินสมุทรลำแรกที่มีห้องสวดมนต์ของชาวยิว เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าอังกฤษหลีกเลี่ยงลัทธิต่อต้านชาวยิวของนาซีเยอรมนี.
ห้องรับประทานอาหารหลักในชั้นแรกมีแผนที่ขนาดใหญ่แสดงเส้นทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก โดยมีเส้นทางฤดูหนาว/ฤดูใบไม้ผลิ และเส้นทางฤดูร้อน/ฤดูใบไม้ร่วง ในระหว่างการข้ามมหาสมุทรแต่ละครั้ง โมเดลจำลองของของเรือควีนแมรีจะแสดงความคืบหน้าของเรือในเส้นทาง
นอกเหนือจากห้องรับประทานอาหารหลัก ยังได้จัดเตรียม Verandah Grill บนลานอาบแดดที่ท้ายเรือด้านบน Verandah Grill เป็นร้านอาหารตามสั่งสุดพิเศษที่จุผู้โดยสารได้ประมาณ 80 คน และถูกดัดแปลงเป็น Starlight Club ในตอนกลางคืน บนเรือยังมี Observation Bar ซึ่งเป็นห้องนั่งเล่นสไตล์อาร์ตเดคโคพร้อมวิวทะเล
การตกแต่งภายในของเรือควีนแมรี | ||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
สงครามโลกครั้งที่สอง
ปลายเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2482 เรือควีนแมรีเดินทางกลับจากนิวยอร์กไปยังเซาแทมป์ตัน ด้วยสถานการณ์ระหว่างประเทศทำให้เรือควีนแมรีถูกคุ้มกันโดยเรือลาดตระเวนประจัญบาน เอชเอ็มเอส ฮูด (HMS Hood) และมาถึงอย่างปลอดภัย
แล้วออกเดินทางไปนิวยอร์กอีกครั้งในวันที่ 1 กันยายน เมื่อเรือควีนแมรีมาถึงนิวยอร์ก ก็ได้มีการประกาศสงครามและได้รับคำสั่งให้เทียบท่าอยู่ในท่าเรือกับเอสเอส นอร์มังดี จนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม[]
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2483 เรือควีนแมรีและนอร์มังดีได้จอดเทียบท่าในท่าเรือนิวยอร์กร่วมกับเรือควีนเอลิซาเบธ เพื่อนร่วมวิ่งลำใหม่ของเรือควีนแมรี ที่เพิ่งกลับจากการเดินทางลับจากไคลด์แบงก์ เรือเดินสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลกทั้งสามลำจอดนิ่งอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งผู้บัญชาการฝ่ายสัมพันธมิตรตัดสินใจว่าสามารถใช้เรือทั้งสามลำเป็นเรือลำเลียงพลได้
เรือนอร์มังดีอัปปางด้วยเพลิงไหม้ระหว่างการดัดแปลงเป็นเรือลำเลียงพล ส่วนเรือควีนแมรีออกเดินทางจากนิวยอร์กไปยังซิดนีย์ ออสเตรเลีย พร้อมกับเรือเดินสมุทรอื่นๆ ที่ถูกดัดแปลงเป็นเรือลำเลียงพลเพื่อบรรทุกทหารออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ไปยังสหราชอาณาจักร
ในช่วงการเป็นเรือลำเลียงพลในสงครามโลกครั้งที่สอง ตัวเรือทั้งลำได้ถูกทาสีเทากรมท่า ด้วยสีใหม่ของเรือ ประกอบกับความเร็วอันยอดเยี่ยมของเรือ เรือควีนแมรีจึงได้ฉายาว่า "ผีสีเทา" (Grey Ghost)
มีการติดตั้งขดลวดล้างสนามแม่เหล็กไว้รอบนอกตัวเรือ เพื่อป้องกันทุ่นระเบิดแม่เหล็ก ส่วนเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งด้านในถูกนำออกและแทนที่ด้วยเตียงไม้สามชั้น ซึ่งต่อมาถูกได้แทนที่ด้วยเตียงพับ "สแตนดี้"
พรมทั้งหมด 6 ไมล์ (10 กิโลเมตร) หีบเครื่องจีน 220 หีบ คริสตัล เครื่องเงิน สิ่งทอ และภาพวาดถูกนำออกและนำไปเก็บไว้ในโกดังในช่วงระยะเวลาของสงคราม เครื่องไม้ในห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหารชั้นแรก และพื้นที่สาธารณะอื่นๆ ถูกหุ้มด้วยหนัง
เรือควีนแมรีและเรือควีนเอลิซาเบธเป็นเรือลำเลียงพลที่ใหญ่และเร็วที่สุดในช่วงสงคราม ซึ่งบรรทุกทหารได้มากถึง 15,000 คนในการเดินทางครั้งเดียว และมักจะเดินทางนอกขบวนโดยไม่มีเรือคุ้มกัน เพราะด้วยความเร็วที่สูงและเส้นทางคดเคี้ยวไปมาทำให้เรืออูไม่สามารถตรวจจับได้[]
ในวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2485 เรือควีนแมรีได้จมเรือคุ้มกันลำหนึ่งโดยบังเอิญ ซึ่งได้เฉี่ยวเรือลาดตระเวนเบา (HMS Curacaa) ที่นอกชายฝั่งไอร์แลนด์โดยคร่าชีวิตผู้คนไป 239 คน ส่วนเรือควีนแมรีกำลังบรรทุกทหารอเมริกันหลายพันคนจาก เพื่อเข้าร่วมกับกองกำลังสัมพันธมิตรในยุโรป และเนื่องจากความเสี่ยงของการโจมตีจากเรืออู เรือควีนแมรีจึงได้รับคำสั่งไม่ให้หยุดเรือไม่ว่าในกรณีใด ๆ
ในวันที่ 8–14 ธันวาคม พ.ศ. 2485 เรือควีนแมรีได้บรรทุกทหาร 10,389 นายและลูกเรือ 950 นาย (รวมทั้งหมด 11,339 นาย) ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ ได้เกิดพายุลมแรงอยู่ห่างจากสกอตแลนด์ 700 ไมล์ (1,100 กิโลเมตร) จู่ๆ เรือควีนแมรีก็ถูกคลื่นยักษ์ซัดที่ด้านข้างลำเรือ ซึ่งคลื่นอาจสูงถึง 28 เมตร (92 ฟุต) แต่โชคดีที่เรือไม่ได้อัปปาง
ในวันที่ 25–30 กรกฎาคม พ.ศ. 2486 เรือควีนแมรีได้บรรทุกทหาร 15,740 นายและลูกเรือ 943 นาย (รวมทั้งหมด 16,683 นาย) ซึ่งเป็นสถิติที่บรรทุกผู้โดยสารมากที่สุดเท่าที่เคยมีการขนส่งในเรือลำเดียว
ในช่วงสงคราม เรือควีนแมรีได้พานายกรัฐมนตรี วินสตัน เชอร์ชิล ของอังกฤษ ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเพื่อไปพบปะกับเจ้าหน้าที่กองกำลังสัมพันธมิตรหลายต่อหลายครั้ง เขามีชื่ออยู่ในรายการผู้โดยสารว่า "พันเอกวอร์เดน" (Colonel Warden) เชอร์ชิลล์ได้กล่าวในภายหลังว่า"เรือควีนแมรีได้ทำให้สงครามสั้นลงหนึ่งปี"
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
หลังจากส่งไปยังแคนาดาแล้ว เรือควีนแมรีก็เดินทางกลับได้เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยกลับมายังเซาแทมป์ตันในเวลาเพียงสามวัน 22 ชั่วโมง 42 นาที ด้วยความเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า 32 นอต (59 กม./ชม.)
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2489 ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2490 เรือควีนแมรีได้รับการปรับปรุงใหม่สำหรับบริการผู้โดยสาร โดยการติดตั้งเครื่องปรับอากาศและเปลี่ยนรูปแบบของชั้นผู้โดยสารเป็นชั้นเฟิร์สคลาส 711 ห้อง (เดิมเรียกว่าชั้นโดยสาร) ชั้นโดยสาร 707 ห้อง (เดิมคือชั้นนักท่องเที่ยว) และชั้นนักท่องเที่ยว 577 ห้อง (เดิมคือชั้นสาม) หลังจากได้รับการปรับปรุงแล้ว เรือควีนแมรีและเรือควีนเอลิซาเบธได้ครองตลาดการขนส่งผู้โดยสารข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกในฐานะบริการเรือด่วนสองลำประจำสัปดาห์ของสายการเดินเรือคิวนาร์ด-ไวต์สตาร์ไลน์
ตลอดช่วงครึ่งหลังของคริสต์ทศวรรษ 1940 จนถึงคริสต์ทศวรรษ 1950 เรือทั้งสองลำนี้ได้ทำกำไรอย่างมหาศาลสำหรับสายการเดินเรือคิวนาร์ด ไลน์ (เมื่อบริษัทถูกเปลี่ยนชื่อในปี พ.ศ. 2490)
ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2492 เรือควีนแมรีได้เกยตื้นที่เมืองแชร์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศส และได้รับการช่วยเหลือในวันรุ่งขึ้น และได้กลับมาให้บริการอีกครั้ง
ในปี พ.ศ. 2495 เรือควีนแมรีได้สูญเสียรางวัลบลูริบบันด์ (Blue Riband) ที่ได้ครองเป็นระยะเวลา 14 ปีให้กับเรือ (SS United States) ในการเดินทางเที่ยวปฐมฤกษ์
ในปี พ.ศ. 2501 เที่ยวบินพาณิชย์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกครั้งแรกโดยเครื่องบินเจ็ทได้เริ่มขึ้น ด้วยเวลาเดินทางจากลอนดอน ถึงนิวยอร์กเพียง 7-8 ชั่วโมง ความต้องการในการเดินทางด้วยเรือเดินสมุทรจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในการเดินทางบางครั้งโดยเฉพาะในฤดูหนาว จะมีจำนวนลูกเรือมากกว่าผู้โดยสาร แม้ว่าทั้งเรือควีนแมรีและเรือควีนเอลิซาเบธจะมีผู้โดยสารเฉลี่ยมากกว่า 1,000 คน ต่อการเดินทางหนึ่งครั้งจนถึงช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1960 ในปี พ.ศ. 2508 กองเรือของคิวนาร์ด ไลน์ทั้งหมดให้บริการโดยประสบภาวะขาดทุน
ด้วยความหวังที่จะจัดหาเงินทุนให้กับเรืออาร์เอ็มเอส ควีนเอลิซาเบธ 2 (RMS Queen Elizabeth 2) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างที่อู่ต่อเรือ คิวนาร์ดจึงได้จำนองเรือส่วนใหญ่ เนื่องจากอายุของเรือที่มากขึ้น กับการขาดความสนใจจากสาธารณชน ความไร้ประสิทธิภาพในตลาดยุคใหม่ และผลกระทบจากการนัดหยุดงานของลูกเรือ คิวนาร์ดจึงประกาศว่าทั้งเรือควีนแมรีและควีนเอลิซาเบธจะถูกปลดประจำการและถูกขาย มีการส่งข้อเสนอมาจำนวนมาก และการเสนอราคา 3.45 ล้านเหรียญสหรัฐ (1.2 ล้านปอนด์) จากลองบีช แคลิฟอร์เนีย แซงหน้าพ่อค้าเศษเหล็กของญี่ปุ่น
เรือควีนแมรีถูกปลดประจำการในปี พ.ศ. 2510 ในวันที่ 27 กันยายน เรือควีนแมรีได้เดินทางเที่ยวที่ 1,001 สำเร็จ
ในตลอดการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ เรือควีนแมรีได้บรรทุกผู้โดยสารไปทั้งหมด 2,112,000 คน เป็นระยะทางกว่า 6,102,998 กม. (3,792,227 ไมล์)
วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2510 เรือควีนแมรีออกเดินทางจากเซาแทมป์ตันเป็นเที่ยวปัจฉิมฤกษ์ พร้อมผู้โดยสาร 1,093 คนและลูกเรือ 806 คน หลังจากการเดินทางรอบแหลมฮอร์น เรือควีนแมรีก็ได้เดินทางมาถึงลองบีชในวันที่ 9 ธันวาคม และต่อมาเรือควีนเอลิซาเบธก็ถูกปลดประจำการในปี 2511
ลองบีช
เรือควีนแมรีจอดอยู่อย่างถาวรในฐานะสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม พิพิธภัณฑ์ และสถานที่จัดงานในลองบีช
การดัดแปลง
เรือควีนแมรีซึ่งถูกลองบีชซื้อในปี 2510 ถูกดัดแปลงจากเรือเดินสมุทรเป็นโรงแรมลอยน้ำ แผนดังกล่าวในการเคลียร์พื้นที่เกือบทุกส่วนของเรือใต้ชั้น "C" (เรียกว่าชั้น "R" หลังจากปี 2493 เพื่อลดความสับสนของผู้โดยสาร เนื่องจากร้านอาหารตั้งอยู่บนชั้น "R")
และจำเป็นต้องถอดห้องหม้อไอน้ำออกทั้งหมด ห้องเครื่องด้านหน้า ห้องเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั้งสองห้อง เครื่องกันโคลงของเรือ และโรงงานปรับสภาพน้ำให้อ่อนตัว ถังเชื้อเพลิงเปล่าของเรือถูกเติมด้วยโคลนเพื่อรักษาจุดศูนย์ถ่วงของเรือให้อยู่ในระดับที่ถูกต้อง มีเพียงห้องเครื่องท้ายที่เรือเท่านั้นที่จะได้รับการเก็บรักษา พื้นที่ที่เหลือจะถูกใช้สำหรับเก็บของหรือพื้นที่สำนักงาน
ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการดัดแปลงคือ"ข้อพิพาทระหว่างสหภาพที่ดินและสหภาพแรงงานทางทะเลเกี่ยวกับงานดัดแปลง" หน่วยยามฝั่งสหรัฐมีคำสั่งสุดท้าย ให้เรือควีนแมรีถูกมองว่าเป็นอาคาร เนื่องจากใบจักรและเครื่องยนต์ของเรือถูกถอดออก ท้องเรือได้รับการทาสีใหม่ด้วยสีแดงในระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ในระหว่างการดัดแปลง ปลองควันถูกนำออกเนื่องจากบริเวณนี้จำเป็นสำหรับการยกวัสดุออกจากห้องเครื่องยนต์และห้องหม้อไอน้ำ
แผนการที่สอง คือการดัดแปลงห้องโดยสารชั้นแรกและชั้นสองส่วนใหญ่ของเรือบนชั้น A และ B ให้เป็นห้องพักโรงแรม และเปลี่ยนห้องรับรองหลักและห้องรับประทานอาหารให้เป็นพื้นที่จัดเลี้ยง
บนชั้นเดินเล่นฝั่งกราบขวามีร้านอาหารและคาเฟ่หรูชื่อ Lord Nelson's และ Lady Hamilton's มีธีมตามยุคของเรือใบต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19
Observation Bar อันเลื่องชื่อและสง่างามได้รับการตกแต่งใหม่ให้เป็นบาร์สไตล์ตะวันตก
ห้องสาธารณะชั้นแรกถูกดัดแปลงให้มีขนาดเล็กลง เช่น ห้องรับแขก ห้องสมุด ห้องบรรยาย และสตูดิโอดนตรี จะถูกถอดอุปกรณ์ส่วนใหญ่ออกและเปลี่ยนเป็นการใช้งานเชิงพาณิชย์ ห้างสรรพสินค้าอีกสองแห่งถูกสร้างขึ้นบนดาดฟ้าเรือ ในพื้นที่แยกต่างหากซึ่งก่อนหน้านี้ใช้สำหรับห้องโดยสารชั้นหนึ่งและห้องพักของวิศวกร
คุณลักษณะเด่นในยุคหลังสงครามของเรือ ซึ่งคือโรงภาพยนตร์ของผู้โดยสารชั้นแรก ถูกนำออกและดัดแปลงเป็นพื้นที่ครัวสำหรับสถานที่รับประทานอาหารบนดาดฟ้าแห่งใหม่ เลานจ์ชั้นหนึ่งและห้องสูบบุหรี่ได้รับการกำหนดค่าใหม่และดัดแปลงเป็นพื้นที่จัดเลี้ยง
ห้องสูบบุหรี่ชั้นสองถูกแบ่งออกเป็นโบสถ์แต่งงานและพื้นที่สำนักงาน
บนลานอาบแดด Verandah Grill อันหรูหราจะถูกนำออกและเปลี่ยนเป็นร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ในขณะที่มีการสร้างสถานที่รับประทานอาหารหรูแห่งใหม่เหนือบริเวณชั้นกีฬา ซึ่งเคยใช้เป็นที่พักของลูกเรือ
เลานจ์ของผู้โดยสารชั้นสองถูกขยายออกไปด้านข้างของเรือและใช้สำหรับงานเลี้ยง บนชั้น R ห้องอาหารชั้นแรกได้รับการปรับแต่งใหม่และแบ่งย่อยเป็นสถานที่จัดเลี้ยงสองแห่ง ได้แก่ Royal Salon และ Windsor Room ห้องรับประทานอาหารสารชั้นสองถูกแบ่งย่อยออกเป็นห้องเก็บของในครัวและห้องโถงสำหรับลูกเรือ ในขณะที่ห้องรับประทานอาหารชั้นสามเดิมถูกใช้เป็นห้องเก็บของและพื้นที่สำหรับลูกเรือ
นอกจากนี้บนชั้น R โรงอาบน้ำตุรกีผู้โดยสารชั้นแรกซึ่งเทียบเท่ากับสปาในคริสต์ทศวรรษ 1930 ก็ถูกนำออก สระว่ายน้ำชั้นสองถูกรื้อออกและใช้สำหรับพื้นที่สำนักงาน ในขณะที่สระว่ายน้ำชั้นแรกเปิดให้แขกของโรงแรมและผู้มาเยี่ยมชมได้เข้าชม เนื่องจากมาตรฐานความปลอดภัยสมัยใหม่และโครงสร้างที่ไม่แข็งแรงของพื้นที่ด้านล่าง สระว่ายน้ำจึงไม่สามารถใช้ว่ายน้ำได้หลังการดัดแปลง แม้ว่าจะมีน้ำเต็มจนถึงช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1980 ในทุกวันนี้จะสามารถเยี่ยมชมสระว่ายน้ำได้เฉพาะกับไกด์นำเที่ยวเท่านั้น
เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
ในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2514 เรือควีนแมรีได้เปิดรับนักท่องเที่ยว ในขณะนั้น มีเพียงบางส่วนของเรือเท่านั้นที่เปิดให้สาธารณชนเข้าชม เนื่องจากร้านอาหารเฉพาะทางยังไม่ได้เปิดสถานที่รับประทานอาหาร และยังดัดแปลงแปลงห้องรับรองชั้นแรกเดิมของเรือให้เป็นโรงแรมไม่เสร็จ เป็นผลให้เรือเปิดเฉพาะในวันหยุดสุดสัปดาห์
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2514 พิพิธภัณฑ์ทางทะเลของ (Jacques Cousteau) ได้เปิดทำการ โดยเป็นหนึ่งในสี่ของนิทรรศการที่วางแผนไว้ ต่อมาพิพิธภัณฑ์ของคูสโต ได้ปิดตัวลงเนื่องจากการอัตราการขายตั๋วต่ำแ ละการตายของปลาจำนวนมากที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 โรงแรม Hotel Queen Mary ได้เปิดให้บริการห้องพักจำนวน 150 ห้อง ในอีก 2 ปีต่อมาเมื่อสร้างห้องพักเสร็จทั้งหมด 400 ห้อง ได้นำโรงแรมเข้ามาบริหาร ซึ่งดำเนินกิจการการตั้งแต่ปี 2517 ถึง 2523 ในชื่อ"โรงแรมควีนแมรีไฮแอท"
ในปี 1980 ระบบที่มีอยู่บนเรือเริ่มไม่สามารถใช้การได้ เรือลำนี้สูญเสียเงินหลายล้านดอลลาร์ในแต่ละปีให้กับเมืองนี้ เนื่องจากโรงแรม ร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์ดำเนินการโดยผู้รับสัมปทาน 3 ราย ขณะที่เมืองนี้เป็นเจ้าของเรือและดำเนินการนำเที่ยว มีการตัดสินใจแล้วว่าต้องการผู้ดำเนินการรายเดียวที่มีประสบการณ์มากกว่า
(Jack Wrather) เศรษฐีในท้องถิ่นได้ตกหลุมรักเรือลำนี้เพราะเขาและภรรยามีความทรงจำดีๆ ในการล่องเรือลำนี้หลายครั้ง ไรท์เตอร์ลงนามในสัญญาเช่า 66 ปี กับเมืองลองบีชเพื่อดำเนินกิจการทั้งหมด
Wrather Port Properties ดำเนินกิจการสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดหลังจากที่เขาเสียชีวิตในปี 2527 จนถึงปี 2531 เมื่อบริษัท Walt Disney ซื้อกิจการของไรท์เตอร์ และได้สร้าง Disneyland Hotel ในปี 2538
การปิดและเปิดใหม่ในปี 2535
เมื่อดิสนีย์ได้ย้ายกิจการไปแล้ว โรงแรมควีนแมรีก็ปิดตัวลงในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2535 เรือควีนแมรี่ยังคงเปิดทำการจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2535
ในช่วงเวลานี้ เรือลำนี้ได้รับการเสนอชื่อและจดทะเบียนในบันทึกประวัติศาสตร์แห่งชาติในปี 2536
ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 RMS Foundation, Inc ได้ลงนามในสัญญาเช่า 5 ปีกับเมืองลองบีชเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินกิจการต่อ
ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 เรือได้เปิดให้บริการอีกครั้งโดยสมบูรณ์ ในขณะที่โรงแรมบางส่วนเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 5 มีนาคม โดยมีห้องพัก 125 ห้องและห้องจัดเลี้ยง โดยห้องที่เหลือจะเปิดให้บริการในวันที่ 30 เมษายน
ในปี พ.ศ. 2538 สัญญาเช่าของ RMS Foundation ได้ขยายเป็น 20 ปี ในขณะที่ขอบเขตของการเช่าลดลงเหลือแค่การดำเนินงานของเรือเท่านั้น บริษัทใหม่ Queen's Seaport Development, Inc. (QSDI) ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2538 เพื่อควบคุมอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ติดกับเรือ
ในปี 2541 เมืองลองบีชได้ขยายสัญญาเช่าของ QSDI เป็น 66 ปี
ในปี พ.ศ. 2547 Stargazer Productions ได้เพิ่ม Tibbies Great American Cabaret เข้าไปในพื้นที่ซึ่งเคยเป็นธนาคารของเรือและห้องวิทยุไร้สาย Stargazer Productions และเปลี่ยนพื้นที่ให้กลายเป็นโรงละครสำหรับรับประทานอาหารค่ำที่ พร้อมเวที แสง สี เสียง และสเกลเลอรี
ในปี 2548 QSDI ได้ขอ เนื่องจากข้อพิพาทด้านเครดิตค่าเช่ากับเมือง
ในปี 2549 ศาลล้มละลายได้ร้องขอให้มีการประมูลจากฝ่ายต่างๆ ราคาเปิดประมูลขั้นต่ำที่ต้องการคือ 41 ล้านดอลลาร์ การดำเนินงานของเรือโดย RMS Foundation ยังคงเป็นอิสระจากการล้มละลาย
ในฤดูร้อนปี 2550 สัญญาเช่าของควีนแมรีถูกขายให้กับกลุ่มชื่อ "Save the Queen" ซึ่งบริหารงานโดย Hostmark Hospitality Group
พวกเขาวางแผนที่จะพัฒนาที่ดินที่อยู่ติดกับเรือ ปรับปรุงและฟื้นฟูเรือ ในระหว่างการดำเนินงาน ห้องรับรองได้รับการปรับปรุงด้วยแท่นวางไอพอดและทีวีจอแบน ปล่องควันทั้งสามของเรือและท้องเรือได้รับการทาสีใหม่ด้วยสีแดงคูนาร์ดดั้งเดิม แผ่นกระดานของชั้นเดินเล่นฝั่งกราบซ้ายได้รับการบูรณะและตกแต่งใหม่ เรือชูชีพหลายลำได้รับการซ่อมแซม และห้องครัวของเรือได้รับการปรับปรุงใหม่
ปลายเดือนกันยายน 2552 บริษัท Delaware North ได้เข้าควบคุมกิจการต่อ ซึ่งวางแผนที่จะดำเนินการบูรณะและปรับปรุงเรือต่อไป พวกเขามุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูและปรับปรุงเรือให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
แต่ในเดือนเมษายน 2554 เมืองลองบีชได้รับแจ้งว่า Delaware North ไม่ได้บริหารควีนแมรีอีกต่อไป Garrison Investment Group กล่าวว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นเพียงเรื่องธุรกิจเท่านั้น
การพบกันของเรือควีนแมรีทั้งสองลำ
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 เรืออาร์เอ็มเอส ควีนแมรี 2 ได้มาเยี่ยมบรรพบุรุษของเธอในขณะที่จะเข้าเทียบท่าในในการเดินทางไปยังเม็กซิโก
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2554 เรือควีนแมรีได้รับการทักทายจาก (MS Queen Victoria) ด้วยการจุดดอกไม้ไฟ
และในวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 (MS Queen Elizabeth) ก็ได้ทักทายด้วยการจุดดอกไม้ไฟ
หลังจากการทักทาย เรือควีนแมรีได้ตอบกลับด้วยแตรลมที่ใช้งานได้หนึ่งอันเพื่อตอบกลับ
ห้องวิทยุ W6RO
ห้องวิทยุไร้สายเดิมได้ถูกนำออกเมื่อเรือจอดอยู่ที่ลองบีช ต่อมาห้องวิทยุสมัครเล่นได้ถูกสร้างขึ้นบนหนึ่งชั้นเหนือห้องวิทยุเดิม โดยมีอุปกรณ์วิทยุของห้องเดิมที่ถูกทิ้งบางส่วน ซึ่งใช้เพื่อจุดประสงค์ในการจัดแสดง ห้องวิทยุไร้สายใหม่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 สถานีวิทยุสมัครเล่นบนเรือลำนี้มีสัญญาณเรียกขานว่า W6RO ("Whiskey Six Romeo Oscar") โดยอาศัยอาสาสมัครจากชมรมวิทยุสมัครเล่นในท้องถิ่น พวกเขาจัดเจ้าหน้าที่ประจำห้องวิทยุในช่วงเวลาสาธารณะส่วนใหญ่ วิทยุนี้ยังสามารถใช้งานโดยนักวิทยุสมัครเล่นที่มีใบอนุญาตรายอื่นได้อีกด้วย
อ้างอิง
- Watton, p.10.
- . National Register of Historic Places. . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 July 2008. สืบค้นเมื่อ 7 September 2011.
- National Register of Historic Places Registration Form, National Archives, 17 November 1992, สืบค้นเมื่อ 1 October 2023
- "1938 newsreel of shipyard construction". British Pathé.
- "Remarkable things you didn't know about the Queen Mary ocean liner". The Telegraph (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 January 2022. สืบค้นเมื่อ 14 August 2017.
- "Four-Leaf Clover Propeller to Drive Giant Liner 534". . . October 1934. p. 528. ISSN 0032-4558. สืบค้นเมื่อ 10 September 2012.
- O'Connor, Sheila (2006). . Go World Travel Magazine. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 September 2008. สืบค้นเมื่อ 11 June 2013.
- Chris Frame (2019). "Queen Mary - The Ship That Saved Cunard (and the UK) during the Great Depression". Chris Frame (Maritime Historian). สืบค้นเมื่อ 19 June 2020.
- "D. Alan Stevenson from the Gazetteer for Scotland".
- Maxtone-Graham, John (1972). The Only Way to Cross. New York: Collier Books. pp. 288–289.
- Othfors, Daniel. "Queen Mary – TGOL". Thegreatoceanliners.com. สืบค้นเมื่อ 10 June 2022.
- Watton, pp.12-13.
- Layton, J. Kent. "R.M.S. Queen Mary". Atlantic Liners. สืบค้นเมื่อ 10 September 2012.
- . Ocean-liners.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 September 2012. สืบค้นเมื่อ 10 September 2012.
- Fritz Weaver, Fritz Weaver (narrator) (1996). Floating Palaces (TV Documentary). A&E.
- Evans, Nicholas J. (2010). "A Strike for Racial Justice? Transatlantic Shipping and the Jewish Diaspora, 1882–1939". ใน Jorden, James; Kushern, Tony; Pearce, Sarah (บ.ก.). Jewish Journeys: From Philo to Hip Hop. London: . pp. 25–47. ISBN .
- Weiser, Kathy (June 2018). "Ghosts of the Queen Mary in Long Beach, California". Legends of America. LegendsofAmerica.com. สืบค้นเมื่อ 5 February 2019.
- "BBC - WW2 People's War - VJ Day - All at Sea".
- Balkoski, Joseph (1989). Beyond the Beachhead. Stackpole Books. pp. 37–38. ISBN .
- Brighton CSV Media Clubhouse (11 June 2004). "HMS Curaçao Tragedy". WW2 People's War. BBC. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 July 2012. สืบค้นเมื่อ 10 August 2009.
- Wilson, Edgar Edward. "Wilson, Edgar Edward (IWM Interview)". Imperial War Museums. Imperial War Museum. สืบค้นเมื่อ 27 March 2016.
- "Queen Mary - Specific Crossing Information - 1942". ww2troopships.com. สืบค้นเมื่อ 2021-04-03.
- Levi, Ran (3 March 2008). . . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 August 2013. สืบค้นเมื่อ 11 June 2013.
- No Greater Sacrifice, No Greater Love, William Ford Carter, Smithsonian Books, Washington, 2004, page 55
- "How Two Ships Helped End WW2". chrisframe.com.au. สืบค้นเมื่อ 16 August 2020.
- . QueenMary.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-06-12. สืบค้นเมื่อ 15 November 2017.
- Lavery, Brian (2007). Churchill Goes to War: Winston's Wartime Journeys. . p. 213.
- Maddocks, p.155.
- . Ocean-liners.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 September 2012. สืบค้นเมื่อ 10 September 2012.
- "The Queen Mary Back In Port". The Times. No. 51269. 3 January 1949. p. 4.
- Harvey, Clive (2008). R.M.S. Queen Elizabeth – The Ultimate Ship. . ISBN .
- Tramp to Queen: The Autobiography of Captain John Treasure Jones. . 2008. ISBN .
- "Out to Sea and into History". Life. Vol. 63 no. 14. Time Inc. 6 October 1967. pp. 26–31. สืบค้นเมื่อ 3 July 2017.
- Book RMS Queen Mary Transatlantic masterpiece, author Janette McCutcheon, published 2000, publisher Temple Publishing Limited, , page 91
- "The Queen Mary™ - One-Of-A-Kind Long Beach Hotel Experience". queenmary.com. สืบค้นเมื่อ 2022-01-27.
- "A history of the Queen Mary in Southern California". (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2017-03-13. สืบค้นเมื่อ 2021-05-22.
- Malcolm, Andrew H (12 January 1975). "Queen Mary now Hyatt House". . . สืบค้นเมื่อ 29 December 2012.
- Jensen, Holger (11 April 1976). "Queen Mary Ocean Liner Becomes an Albatross". . สืบค้นเมื่อ 29 December 2012.
- . Queenmary.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 December 2012. สืบค้นเมื่อ 12 December 2012.
- "Queen Mary Pushed for Historical Recognition". Los Angeles Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 1992-09-25. สืบค้นเมื่อ 2022-05-01.
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อNRHP
- Pinsky, Mark (10 March 1995). "Long Beach Dome Gets New Life in Film". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ 13 April 2015.
- Ferrell, David (2001-10-11). "Giant Dome's Saga Takes Another Turn". Los Angeles Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2021-07-02.
- . . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 September 2009.
- (Press release). media.delawarenorth.com. 28 September 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-08. สืบค้นเมื่อ 10 September 2012.
- Ling, P. (23 February 2009). . travel-industry.uptake.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 April 2012. สืบค้นเมื่อ 10 September 2012.
- "Queen Mary 2 to meet original Queen Mary in Long Beach harbor". USA Today. Associated Press. 1 March 2006. สืบค้นเมื่อ 10 September 2012.
- . queenmary.com. The Queen Mary. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-04-18. สืบค้นเมื่อ 1 June 2021.
- "W6RO – Associated Radio Amateurs of Long Beach". Aralb.org. 5 March 2012. สืบค้นเมื่อ 10 September 2012.
- . Gazette Newspapers. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 October 2005.
- "The wireless installation". sterling.rmplc.co.uk. สืบค้นเมื่อ 10 September 2012.
- O'Sullivan, Mike. "Radio Hams Keep 'Queen Mary' Wireless on the Air". voanews.com. Voice of America. สืบค้นเมื่อ 19 March 2018.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xarexmexs khwinaemri xngkvs RMS Queen Mary hruxchuxetmkhux eruxiprsniyhlwngkhwinaemri epneruxedinsmuthrsychatixngkvsthipldpracakaraelw ekhyaelninmhasmuthraextaelntikehnuxepnhlktngaetpi kh s 1936 1967 srangodyxutxerux inemuxng praethsskxtaelnd aelaihbrikarodysaykaredineruxkhunardiln eruxlanithuksrangkhunphrxmkbxarexmexs khwinexlisaebth ephuxihbrikareruxdwnrayspdahsxnglarahwangesaaethmptn aechrbur aelankhrniwyxrk eruxthngsxnglaepnkartxbsnxngkhxngxngkvstxeruxedinsmuthrkhwamerwsungthisrangodybristheyxrmn xitali aelafrngessinchwngplaythswrrsthi 1920 aelatnthswrrsthi 1930xarexmexs khwinaemri xarexmexs khwinaemri inlxngbich rthaekhlifxreniyprawtichuxxngkvs RMS Queen Mary ithy xarexmexs khwinaemritngchuxtamsmedcphrarachiniaemri insmedcphraecacxrcthi 5 aehngshrachxanackrecakhxng1936 49 khunard iwtstariln 1949 67 khunardiln 1967 pccubn lxngbichthaeruxcdthaebiynliewxrphulesnthangedineruxesaaethmptn nkhrniwyxrk phanaechrbur esnthangedineruxkhammhasmuthraextaelntikpktithngkhaipaelaklb Ordered3 emsayn 1929xueruxskxtaelndYard number534plxyerux1 thnwakhm 1930edineruxaerk26 knyayn 1934snbsnunodysmedcphrarachiniaemriChristened26 knyayn 1934Maiden voyage27 phvsphakhm 1936brikar1936 1967hyudihbrikar9 thnwakhm 1967rhsrabu 5287938 syyaneriykkhan GBTTkhwamepniporngaermaelaphiphithphntheruxsthanaethiybthathawrinlxngbichlksnaechphaapraephth eruxedinsmuthrkhnad tn 80 774 tn 1936 81 237 tn 1947 khnad rawangkhbna 77 400 78 642 emtriktn khwamyaw tlxdla LOA 1 019 4 fut 310 7 emtr aenwna LWL 1 004 fut 306 0 emtr aenwtngchak LBP 965 fut 294 1 emtr khwamkwang 118 fut 36 0 emtr khwamsung 181 fut 55 2 emtr kinnaluk 38 fut 9 niw 11 8 emtr dadfa 12rabbphlngngan 24 rabbkhbekhluxn 4 knghnixnaaebbekiyrldrxbediyw Parsons kalng 200 000 aerngma 150 000 kiolwtt 4 ibckr 200 000 shp 150 000 kW khwamerw 28 5 nxt 52 8 kiolemtrtxchwomng 32 8 imltxchwomng pkti 32 84 nxt 60 82 kiolemtrtxchwomng 37 79 imltxchwomng thdsxb khwamcu 2 140 khn chnhnung 776 khn chnsxng 785 khn chnsam 579 khnlukerux 1 100 khnxarexmexs khwinaemristhanthisakhythangprawtisastrkhunthaebiynaehngchatikhxngshrthphikd33 45 11 N 118 11 23 W 33 75306 N 118 18972 W 33 75306 118 18972elkhxangxing NRHP92001714khunthaebiyn NRHP15 emsayn 1993 xarexmexs khwinaemri thakaredineruxkhrngaerkinwnthi 27 phvsphakhm kh s 1936 aelaidrbrangwlbluribbnd Blue Riband ineduxnsinghakhmpiediywkn txmaksuyesiyrangwlniipihkbexsexs nxrmngdi SS Normandie inpi kh s 1937 aetkhwinaemriksamarthkhwarangwlnikhunidxikkhrnginpi kh s 1938 aelakhrxngaechmperuxedinsmuthrthierwthisudinolkcnthungpi kh s 1952 sungsthitinithukthalayody SS United States laihm emuxsngkhramolkkhrngthisxngpathukhun khwinaemriidthukddaeplngepneruxkhnsngthhar aelathahnathikhnsngthharfaysmphnthmitrrahwangsngkhram inethiywedineruxkhrnghnungemuxpi kh s 1943 khwinaemrisamarthbrrthukkhnidmakkwa 16 600 khn sungyngkhngepnsthitisungsudthieruxekhybrrthukkhnmacnthungpccubn hlngcbsngkhram khwinaemriidrbkarprbprungihklbmabrikarbrrthukphuodysarxikkhrng rwmkbkhwinexlisaebth thngsxnglaerimthahnathitamaephnkaredimthiwangiwtngaetaerk khux karepneruxedinsmuthrkhammhasmuthraextaelntik brrthukphuodysaraebbsxnglaslbknepnrayspdah eruxthngsxngkhrxngtladkarkhnsngphuodysarkhammhasmuthraextaelntikcnkrathngekhruxngbinecterimefuxngfuinplaythswrrsthi 1950 emuxekhasuchwngklangthswrrsthi 1960 khwinaemrikerimekalng aelaprasbphawakhadthun hlngcakthikhunardilnprasbpyhaphlkairldlngmahlaypi inthisudkhwinaemrikthukpldpracakarxyangepnthangkarinpi kh s 1967 odyxxkedinthangcakesaaethmptnepnkhrngsudthayemuxwnthi 31 tulakhm kh s 1967 aelamunghnasu rthaekhlifxreniy shrthxemrika sungepnsthanthithieruxcathukthxdsmxxyangthawr emuxnglxngbichidthakarsuxeruxlaniephuxmaichepnaehlngthxngethiyw odymithngranxahar phiphithphnth aelaorngaerm odythangemuxngidwacangbristhphaynxkhlayaehngihmabriharcdkareruxtlxdhlaypithiphanma aelaephingklbmakhwbkhumkardaeninnganxikkhrnginpi kh s 2021karsrangaelakartngchuxaebbcalxngxarexmexs khwinaemri danhna aelaxarexmexs khwinexlisaebth danhlng srangody cdaesdngthi hlngcakeyxrmniinyukhsatharnrthiwmarepidtweruxedinsmuthr SS Bremen aela SS Europa xngkvsimtxngkartkkhbwnkaraekhngkhntxerux iwtstarilncungerimsrangerux RMMV Oceanic khnad 80 000 tninpi 1928 khnathikhunardkkalngwangaephnsrangeruxkhnad 75 000 tnthiyngimmichux xarexmexs khwinaemri khnakalngsrang inpi 1934 rhskhxngokhrngkarkxsranginkhnannruckkninchux hmayelkhtwerux 534 erimsrangineduxnthnwakhm ph s 2473 odyxutxerux emuxngikhldaebngk praethsskxtaelnd kartxeruxtxnghyudchangkineduxnthnwakhm ph s 2474 enuxngcakphawaesrsthkictktakhrngihy khunard iln idyunkhxenginkukbrthbalxngkvsephuxihkarsrangeruxesrcsin enginkudngklawidrbkarxnumtiodymienginephiyngphxthicasrangeruxihesrc aelaeruxxiklatamkhwamtngic ephuxihbrikareruxsxnglarayspdahipyngniwyxrk enguxnikhhnungkhxngrthbalkhuxih khunard iln khwbrwmkickarkb iwtstariln bristhedineruxthikalngprasbpyhaxikaehng sungepnkhuaekhngraysakhykhxng khunard iln thngsxngbristhtklngaelaidkhwbrwmkickarinwnthi 10 phvsphakhm ph s 2477 karsrangeruxkhwinaemrierimdaeninkartxthnthi aelaidplxylngnainwnthi 26 knyayn ph s 2477 ichewlainkarsrang 3 pikhrung aelamikhaichcay 3 5 lanpxndsetxrling kxnkarplxyerux aemnaikhldthukkhudihlukepnphiessephuxrbmuxkhnadkhxngerux sungdaeninkarodywiswkr D Alan Stevenson eruxlaniidrbkartngchuxtamsmedcphrarachiniaemri xkhrmehsiinsmedcphraecacxrcthi 5 aehngshrachxanackr chuxniidthukekbepnkhwamlbcnkrathngeruxplxylngna mikhabxkelawa edimthikhunard iln tngiccatngchuxeruxwa wiktxeriy ephuxihsxdkhlxngkbthrrmeniymdngedimkhxngbristhinkartngchuxeruxthilngthaydwy ia emuxtwaethnkhxngbristhipkhxphrabrmrachaxnuyatcakphraecacxrcthi 5 inkartngchuxeruxedinsmuthrtam rachiniphuyingihy khxngxngkvs phraxngkhklawwamehsikhxngphraxngkh smedcphrarachiniaemri mikhwamyindi dngnn tamkhabxkela twaethnkhxngbristhcungimmithangeluxkxunnxkcakraynganwa okhrngkarhmayelkh 534 cathukeriykwa khwinaemri eruxngnithuk aelayngkhngthuk ptiesthodyecahnathikhxngbristh ephraatamthrrmeniymaelw chuxkhxngphramhakstriycaichsahrberuxihy khxngkxngthpheruxethann xyangirktam khunard iln yngkhngptiestheruxngkarepliynchux nxkcakniyngmikhwamepnipidwachux khwinaemri thuktngephuxihepnkarpranipranxmknrahwang khunard iln aela iwtstariln enuxngcakthngsxngsaymithrreniymkarichkhalngthaythiaetktangkn xarexmexs khwinaemri tidtnghmxixna Yarrow 24 ekhruxnginhxnghmxixnasihxng aelaknghnixna Parsons siekhruxnginhxngekhruxngyntsxnghxng hmxixnasngixna 400 pxnd tarangniw 28 bar thi 700 xngsafaerniht 371 xngsaeslesiys sungihkalngsungsud 212 000 aerngma 158 000 kiolwtt ipyngibckr 4 ckr thiaetlaibhmunthi 200 rxb nathi eruxkhwinaemrithakhwamerwsungsudid 32 84 nxt inkarthdsxbthangthael emuxtnpi ph s 2479kxnsngkhramolkkhrngthisxnginpi ph s 2477 smedcphraecacxrcthi 5 aelasmedcphrarachiniaemriidesdcmaplxyeruxlngnadwyphraxngkhexnginchux xarexmexs khwinaemri RMS Queen Mary xxkedinthangethiywpthmvkscakesaaethmptnemuxwnthi 27 phvsphakhm ph s 2479 phusungepnnayeruxkhxng inkhnathieruxxyurahwangkarkxsrangthixutxeruxcxhn brawn wdnahnkeruxid 80 774 tnthaebiynrwm GRT exsexs nxrmngdi SS Normandie eruxkhuaekhngsungedimwdid 79 280 tnthaebiynrwm idrbkarprbprungephuxephimkhnadepn 83 243 tnthaebiynrwm eruxkhwinaemriaelndwykhwamerwsungtlxdkaredinthangethiywpthmvksipyngnkhrniwyxrk sungmathungthaeruxniwyxrkinwnthi 1 mithunayn ph s 2479 paytidkraepakhxngeruxkhwinaemri karxxkaebbkhxngeruxkhwinaemrithukwicarnwaobranekinip karxxkaebbphayinswnihyepnaebbsitlxartedokh sungaeldumikhwamxnurksniymemuxethiybkbsaykareruxkhxngfrngesssmyihm xyangirktam eruxkhwinaemriidrbkarphisucnaelwwaepneruxthiidrbkhwamniymmakkwakhuaekhnginaengkhxngkarbrrthukphuodysar ineduxnsinghakhm ph s 2479 eruxkhwinaemriidrbrangwlbluribbnd sungepnkhxngeruxnxrmngdimakxn dwykhwamerwechliy 30 14 nxt 55 82 km chm 34 68 iml chm txcaknneruxnxrmngdiidrbkartidtngibckrchudihminpi 2480 aelaidrbrangwlkhun aetinpi 2481 eruxkhwinaemrikyudrangwlklbmaxikkhrng dwykhwamerwechliy 30 99 nxt 57 39 km chm iml chm khrxngsthiticnkrathngesiytaaehnngihkb SS United States inpi ph s 2495 phayin singxanwykhwamsadwkthimiihbrikarbneruxkhwinaemri echn srawaynainrmcanwn 2 sra ranesrimswy hxngsmud aelasthanrbeliyngedksahrbphuodysarthngsamchn hxngdntriaelahxngbrryay karechuxmtxothrsphthipyngthukthiinolk snamethnnisklangaecng aelakhxksunkh hxngthiihythisudbneruxkhuxhxngrbprathanxaharhlkinchnhxngodysarchnhnung aekrndsalxn sungmikhwamsungsamchnaelayuddwyesakwang bneruxmihxngsatharnaprbxakashlayhxng aelayngepneruxedinsmuthrlaaerkthimihxngswdmntkhxngchawyiw epnswnhnungthiaesdngihehnwaxngkvshlikeliynglththitxtanchawyiwkhxngnasieyxrmni hxngrbprathanxaharhlkinchnaerkmiaephnthikhnadihyaesdngesnthangkhammhasmuthraextaelntik odymiesnthangvduhnaw vduibimphli aelaesnthangvdurxn vduibimrwng inrahwangkarkhammhasmuthraetlakhrng omedlcalxngkhxngkhxngeruxkhwinaemricaaesdngkhwamkhubhnakhxngeruxinesnthang nxkehnuxcakhxngrbprathanxaharhlk yngidcdetriym Verandah Grill bnlanxabaeddthithayeruxdanbn Verandah Grill epnranxahartamsngsudphiessthicuphuodysaridpraman 80 khn aelathukddaeplngepn Starlight Club intxnklangkhun bneruxyngmi Observation Bar sungepnhxngnngelnsitlxartedkhokhphrxmwiwthaelkartkaetngphayinkhxngeruxkhwinaemrihxngxaharhlkchnhnung pccubneriykwa Grand Salon phaphfaphnngdanbnmiaebbcalxngkhxngeruxthiekhluxnihwidsungaesdngkhwamkhubhnakhxngesnthangedineruxhxngxaharhlkchnhnung pccubneriykwa Grand Salon phaphfaphnngdanbnmiaebbcalxngkhxngeruxthiekhluxnihwidsungaesdngkhwamkhubhnakhxngesnthangedinerux phaphcitrkrrmfaphnnginhxngrbprathanxaharxaharhlkhrux Grand Salon sungmiaebbcalxngtidtamkhwamkhubhnakhxngesnthangedineruxphaphcitrkrrmfaphnnginhxngrbprathanxaharxaharhlkhrux Grand Salon sungmiaebbcalxngtidtamkhwamkhubhnakhxngesnthangedinerux hxngrbprathanxaharhlkchnaerkhxngrbprathanxaharhlkchnaerk barsngektkarn Observation Bar barsngektkarn Observation Bar barsngektkarn Observation Bar 2 barsngektkarn Observation Bar 2 sngkhramolkkhrngthisxngexchexmthi khwinaemri edinthangthungthaeruxniwyxrk inwnthi 20 mithunayn ph s 2488 phrxmthharshrthhlayphnnay playeduxnsinghakhm ph s 2482 eruxkhwinaemriedinthangklbcakniwyxrkipyngesaaethmptn dwysthankarnrahwangpraethsthaiheruxkhwinaemrithukkhumknodyeruxladtraewnpracyban exchexmexs hud HMS Hood aelamathungxyangplxdphy aelwxxkedinthangipniwyxrkxikkhrnginwnthi 1 knyayn emuxeruxkhwinaemrimathungniwyxrk kidmikarprakassngkhramaelaidrbkhasngihethiybthaxyuinthaeruxkbexsexs nxrmngdi cnkwacamiprakasephimetim txngkarxangxing eruxnxrmngdi khwinaemri aela khwinexlisaebth inniwyxrkinpi 2483 cxdethiybthaenuxngcaksngkhram ineduxnminakhm ph s 2483 eruxkhwinaemriaelanxrmngdiidcxdethiybthainthaeruxniwyxrkrwmkberuxkhwinexlisaebth ephuxnrwmwinglaihmkhxngeruxkhwinaemri thiephingklbcakkaredinthanglbcakikhldaebngk eruxedinsmuthrthiihythisudinolkthngsamlacxdningxyuphkhnung cnkrathngphubychakarfaysmphnthmitrtdsinicwasamarthicheruxthngsamlaepneruxlaeliyngphlid eruxnxrmngdixppangdwyephlingihmrahwangkarddaeplngepneruxlaeliyngphl swneruxkhwinaemrixxkedinthangcakniwyxrkipyngsidniy xxsetreliy phrxmkberuxedinsmuthrxun thithukddaeplngepneruxlaeliyngphlephuxbrrthukthharxxsetreliyaelaniwsiaelndipyngshrachxanackr inkhnathieruxkhwinaemricxdxyuinlxngbich puntxtanxakasyanthukwangochwiwdanhnaephuxaesdngthungsngkhramolkkhrngthisxng inchwngkarepneruxlaeliyngphlinsngkhramolkkhrngthisxng tweruxthnglaidthukthasiethakrmtha dwysiihmkhxngerux prakxbkbkhwamerwxnyxdeyiymkhxngerux eruxkhwinaemricungidchayawa phisietha Grey Ghost mikartidtngkhdlwdlangsnamaemehlkiwrxbnxktwerux ephuxpxngknthunraebidaemehlk swnefxrniecxraelakhxngtkaetngdaninthuknaxxkaelaaethnthidwyetiyngimsamchn sungtxmathukidaethnthidwyetiyngphb saetndi phrmthnghmd 6 iml 10 kiolemtr hibekhruxngcin 220 hib khristl ekhruxngengin singthx aelaphaphwadthuknaxxkaelanaipekbiwinokdnginchwngrayaewlakhxngsngkhram ekhruxngiminhxngrbaekhk hxngrbprathanxaharchnaerk aelaphunthisatharnaxun thukhumdwyhnng eruxkhwinaemriaelaeruxkhwinexlisaebthepneruxlaeliyngphlthiihyaelaerwthisudinchwngsngkhram sungbrrthukthharidmakthung 15 000 khninkaredinthangkhrngediyw aelamkcaedinthangnxkkhbwnodyimmieruxkhumkn ephraadwykhwamerwthisungaelaesnthangkhdekhiywipmathaiheruxxuimsamarthtrwccbid txngkarxangxing inwnthi 2 tulakhm ph s 2485 eruxkhwinaemriidcmeruxkhumknlahnungodybngexiy sungidechiyweruxladtraewneba HMS Curacaa thinxkchayfngixraelndodykhrachiwitphukhnip 239 khn swneruxkhwinaemrikalngbrrthukthharxemriknhlayphnkhncak ephuxekharwmkbkxngkalngsmphnthmitrinyuorp aelaenuxngcakkhwamesiyngkhxngkarocmticakeruxxu eruxkhwinaemricungidrbkhasngimihhyuderuximwainkrniid inwnthi 8 14 thnwakhm ph s 2485 eruxkhwinaemriidbrrthukthhar 10 389 nayaelalukerux 950 nay rwmthnghmd 11 339 nay inrahwangkaredinthangkhrngni idekidphayulmaerngxyuhangcakskxtaelnd 700 iml 1 100 kiolemtr cu eruxkhwinaemrikthukkhlunykssdthidankhanglaerux sungkhlunxacsungthung 28 emtr 92 fut aetochkhdithieruximidxppang inwnthi 25 30 krkdakhm ph s 2486 eruxkhwinaemriidbrrthukthhar 15 740 nayaelalukerux 943 nay rwmthnghmd 16 683 nay sungepnsthitithibrrthukphuodysarmakthisudethathiekhymikarkhnsngineruxlaediyw inchwngsngkhram eruxkhwinaemriidphanaykrthmntri winstn echxrchil khxngxngkvs khammhasmuthraextaelntikephuxipphbpakbecahnathikxngkalngsmphnthmitrhlaytxhlaykhrng ekhamichuxxyuinraykarphuodysarwa phnexkwxredn Colonel Warden echxrchillidklawinphayhlngwa eruxkhwinaemriidthaihsngkhramsnlnghnungpi eruxkhwinaemrithithaeruxniwyxrkeruxkhwinaemriinpi ph s 2508hlngsngkhramolkkhrngthisxngeruxkhwinaemriethiybthathithaeruxesaaethmptn inpi ph s 2503eruxkhwinaemri bnthaelehnux inpi ph s 2502eruxkhwinaemri inniwyxrk pi ph s 2504 hlngcaksngipyngaekhnadaaelw eruxkhwinaemrikedinthangklbiderwthisudethathiekhymima odyklbmayngesaaethmptninewlaephiyngsamwn 22 chwomng 42 nathi dwykhwamerwechliytakwa 32 nxt 59 km chm ineduxnknyayn ph s 2489 thungeduxnkrkdakhm ph s 2490 eruxkhwinaemriidrbkarprbprungihmsahrbbrikarphuodysar odykartidtngekhruxngprbxakasaelaepliynrupaebbkhxngchnphuodysarepnchnefirskhlas 711 hxng edimeriykwachnodysar chnodysar 707 hxng edimkhuxchnnkthxngethiyw aelachnnkthxngethiyw 577 hxng edimkhuxchnsam hlngcakidrbkarprbprungaelw eruxkhwinaemriaelaeruxkhwinexlisaebthidkhrxngtladkarkhnsngphuodysarkhammhasmuthraextaelntikinthanabrikareruxdwnsxnglapracaspdahkhxngsaykaredineruxkhiwnard iwtstariln tlxdchwngkhrunghlngkhxngkhristthswrrs 1940 cnthungkhristthswrrs 1950 eruxthngsxnglaniidthakairxyangmhasalsahrbsaykaredineruxkhiwnard iln emuxbrisththukepliynchuxinpi ph s 2490 inwnthi 1 mkrakhm ph s 2492 eruxkhwinaemriidekytunthiemuxngaechrburk praethsfrngess aelaidrbkarchwyehluxinwnrungkhun aelaidklbmaihbrikarxikkhrng inpi ph s 2495 eruxkhwinaemriidsuyesiyrangwlbluribbnd Blue Riband thiidkhrxngepnrayaewla 14 piihkberux SS United States inkaredinthangethiywpthmvks inpi ph s 2501 ethiywbinphanichykhammhasmuthraextaelntikkhrngaerkodyekhruxngbinecthiderimkhun dwyewlaedinthangcaklxndxn thungniwyxrkephiyng 7 8 chwomng khwamtxngkarinkaredinthangdwyeruxedinsmuthrcungldlngxyangehnidchd inkaredinthangbangkhrngodyechphaainvduhnaw camicanwnlukeruxmakkwaphuodysar aemwathngeruxkhwinaemriaelaeruxkhwinexlisaebthcamiphuodysarechliymakkwa 1 000 khn txkaredinthanghnungkhrngcnthungchwngklangkhristthswrrs 1960 inpi ph s 2508 kxngeruxkhxngkhiwnard ilnthnghmdihbrikarodyprasbphawakhadthun dwykhwamhwngthicacdhaenginthunihkberuxxarexmexs khwinexlisaebth 2 RMS Queen Elizabeth 2 sungxyurahwangkarkxsrangthixutxerux khiwnardcungidcanxngeruxswnihy enuxngcakxayukhxngeruxthimakkhun kbkarkhadkhwamsniccaksatharnchn khwamirprasiththiphaphintladyukhihm aelaphlkrathbcakkarndhyudngankhxnglukerux khiwnardcungprakaswathngeruxkhwinaemriaelakhwinexlisaebthcathukpldpracakaraelathukkhay mikarsngkhxesnxmacanwnmak aelakaresnxrakha 3 45 lanehriyyshrth 1 2 lanpxnd caklxngbich aekhlifxreniy aesnghnaphxkhaessehlkkhxngyipun eruxkhwinaemrithukpldpracakarinpi ph s 2510 inwnthi 27 knyayn eruxkhwinaemriidedinthangethiywthi 1 001 saerc intlxdkaredinthangkhammhasmuthraextaelntikehnux eruxkhwinaemriidbrrthukphuodysaripthnghmd 2 112 000 khn epnrayathangkwa 6 102 998 km 3 792 227 iml wnthi 31 tulakhm ph s 2510 eruxkhwinaemrixxkedinthangcakesaaethmptnepnethiywpcchimvks phrxmphuodysar 1 093 khnaelalukerux 806 khn hlngcakkaredinthangrxbaehlmhxrn eruxkhwinaemrikidedinthangmathunglxngbichinwnthi 9 thnwakhm aelatxmaeruxkhwinexlisaebthkthukpldpracakarinpi 2511lxngbicheruxkhwinaemrimxngcakdanehnuxkhxngthaeruxlxngbich eruxkhwinaemricxdxyuxyangthawrinthanasthanthithxngethiyw orngaerm phiphithphnth aelasthanthicdnganinlxngbich karddaeplng eruxkhwinaemrimxngcakthayerux eruxkhwinaemrisungthuklxngbichsuxinpi 2510 thukddaeplngcakeruxedinsmuthrepnorngaermlxyna aephndngklawinkarekhliyrphunthiekuxbthukswnkhxngeruxitchn C eriykwachn R hlngcakpi 2493 ephuxldkhwamsbsnkhxngphuodysar enuxngcakranxahartngxyubnchn R aelacaepntxngthxdhxnghmxixnaxxkthnghmd hxngekhruxngdanhna hxngekhruxngkaenidiffathngsxnghxng ekhruxngknokhlngkhxngerux aelaorngnganprbsphaphnaihxxntw thngechuxephlingeplakhxngeruxthuketimdwyokhlnephuxrksacudsunythwngkhxngeruxihxyuinradbthithuktxng miephiynghxngekhruxngthaythieruxethannthicaidrbkarekbrksa phunthithiehluxcathukichsahrbekbkhxnghruxphunthisankngan pyhahnungthiekidkhunrahwangkarddaeplngkhux khxphiphathrahwangshphaphthidinaelashphaphaerngnganthangthaelekiywkbnganddaeplng hnwyyamfngshrthmikhasngsudthay iheruxkhwinaemrithukmxngwaepnxakhar enuxngcakibckraelaekhruxngyntkhxngeruxthukthxdxxk thxngeruxidrbkarthasiihmdwysiaednginradbthisungkhunkwaedimelknxy inrahwangkarddaeplng plxngkhwnthuknaxxkenuxngcakbriewnnicaepnsahrbkarykwsduxxkcakhxngekhruxngyntaelahxnghmxixna thangedininhxngphkchnaerk pccubnepnswnhnungkhxngorngaermbnerux aephnkarthisxng khuxkarddaeplnghxngodysarchnaerkaelachnsxngswnihykhxngeruxbnchn A aela B ihepnhxngphkorngaerm aelaepliynhxngrbrxnghlkaelahxngrbprathanxaharihepnphunthicdeliyng bnchnedinelnfngkrabkhwamiranxaharaelakhaefhruchux Lord Nelson s aela Lady Hamilton s mithimtamyukhkhxngeruxibtnkhriststwrrsthi 19 Observation Bar xneluxngchuxaelasngangamidrbkartkaetngihmihepnbarsitltawntk saphanedineruxkhxngeruxkhwinaemri hxngsatharnachnaerkthukddaeplngihmikhnadelklng echn hxngrbaekhk hxngsmud hxngbrryay aelastudioxdntri cathukthxdxupkrnswnihyxxkaelaepliynepnkarichnganechingphanichy hangsrrphsinkhaxiksxngaehngthuksrangkhunbndadfaerux inphunthiaeyktanghaksungkxnhnaniichsahrbhxngodysarchnhnungaelahxngphkkhxngwiswkr khunlksnaedninyukhhlngsngkhramkhxngerux sungkhuxorngphaphyntrkhxngphuodysarchnaerk thuknaxxkaeladdaeplngepnphunthikhrwsahrbsthanthirbprathanxaharbndadfaaehngihm elancchnhnungaelahxngsubbuhriidrbkarkahndkhaihmaeladdaeplngepnphunthicdeliyng hxngsubbuhrichnsxngthukaebngxxkepnobsthaetngnganaelaphunthisankngan bnlanxabaedd Verandah Grill xnhruhracathuknaxxkaelaepliynepnranxaharfastfud inkhnathimikarsrangsthanthirbprathanxaharhruaehngihmehnuxbriewnchnkila sungekhyichepnthiphkkhxnglukerux phraxathitytkdanhlngeruxkhwinaemri inlxngbich elanckhxngphuodysarchnsxngthukkhyayxxkipdankhangkhxngeruxaelaichsahrbnganeliyng bnchn R hxngxaharchnaerkidrbkarprbaetngihmaelaaebngyxyepnsthanthicdeliyngsxngaehng idaek Royal Salon aela Windsor Room hxngrbprathanxaharsarchnsxngthukaebngyxyxxkepnhxngekbkhxnginkhrwaelahxngothngsahrblukerux inkhnathihxngrbprathanxaharchnsamedimthukichepnhxngekbkhxngaelaphunthisahrblukerux nxkcaknibnchn R orngxabnaturkiphuodysarchnaerksungethiybethakbspainkhristthswrrs 1930 kthuknaxxk srawaynachnsxngthukruxxxkaelaichsahrbphunthisankngan inkhnathisrawaynachnaerkepidihaekhkkhxngorngaermaelaphumaeyiymchmidekhachm enuxngcakmatrthankhwamplxdphysmyihmaelaokhrngsrangthiimaekhngaerngkhxngphunthidanlang srawaynacungimsamarthichwaynaidhlngkarddaeplng aemwacaminaetmcnthungchwngplaykhristthswrrs 1980 inthukwnnicasamartheyiymchmsrawaynaidechphaakbikdnaethiywethann epidepnsthanthithxngethiyw thangedinkhuneruxthawr inwnthi 8 phvsphakhm ph s 2514 eruxkhwinaemriidepidrbnkthxngethiyw inkhnann miephiyngbangswnkhxngeruxethannthiepidihsatharnchnekhachm enuxngcakranxaharechphaathangyngimidepidsthanthirbprathanxahar aelayngddaeplngaeplnghxngrbrxngchnaerkedimkhxngeruxihepnorngaermimesrc epnphliheruxepidechphaainwnhyudsudspdah emuxwnthi 11 thnwakhm ph s 2514 phiphithphnththangthaelkhxng Jacques Cousteau idepidthakar odyepnhnunginsikhxngnithrrskarthiwangaephniw txmaphiphithphnthkhxngkhusot idpidtwlngenuxngcakkarxtrakarkhaytwtaae lakartaykhxngplacanwnmakthixyuinphiphithphnth emuxwnthi 2 phvscikayn ph s 2515 orngaerm Hotel Queen Mary idepidihbrikarhxngphkcanwn 150 hxng inxik 2 pitxmaemuxsranghxngphkesrcthnghmd 400 hxng idnaorngaermekhamabrihar sungdaeninkickarkartngaetpi 2517 thung 2523 inchux orngaermkhwinaemriihaexth inpi 1980 rabbthimixyubneruxerimimsamarthichkarid eruxlanisuyesiyenginhlaylandxllarinaetlapiihkbemuxngni enuxngcakorngaerm ranxahar aelaphiphithphnthdaeninkarodyphurbsmpthan 3 ray khnathiemuxngniepnecakhxngeruxaeladaeninkarnaethiyw mikartdsinicaelwwatxngkarphudaeninkarrayediywthimiprasbkarnmakkwa Jack Wrather esrsthiinthxngthinidtkhlumrkeruxlaniephraaekhaaelaphrryamikhwamthrngcadi inkarlxngeruxlanihlaykhrng irthetxrlngnaminsyyaecha 66 pi kbemuxnglxngbichephuxdaeninkickarthnghmd Wrather Port Properties daeninkickarsthanthithxngethiywthnghmdhlngcakthiekhaesiychiwitinpi 2527 cnthungpi 2531 emuxbristh Walt Disney suxkickarkhxngirthetxr aelaidsrang Disneyland Hotel inpi 2538 hxngphkchnaerkbneruxkhwinaemri sungddaeplngepnhxngphkorngaerminpccubn phrxmphaman ekhruxngnxn ekhruxngtkaetng aelasingxanwykhwamsadwkthithnsmy lxmrxbdwyphnngimdngedimaelachxnghnatangkarpidaelaepidihminpi 2535 emuxdisniyidyaykickaripaelw orngaermkhwinaemrikpidtwlnginwnthi 30 knyayn ph s 2535 eruxkhwinaemriyngkhngepidthakarcnthungwnthi 31 thnwakhm ph s 2535 inchwngewlani eruxlaniidrbkaresnxchuxaelacdthaebiyninbnthukprawtisastraehngchatiinpi 2536 inwnthi 5 kumphaphnth ph s 2536 RMS Foundation Inc idlngnaminsyyaecha 5 pikbemuxnglxngbichephuxthahnathiepnphudaeninkickartx inwnthi 26 kumphaphnth ph s 2536 eruxidepidihbrikarxikkhrngodysmburn inkhnathiorngaermbangswnepidihbrikarxikkhrnginwnthi 5 minakhm odymihxngphk 125 hxngaelahxngcdeliyng odyhxngthiehluxcaepidihbrikarinwnthi 30 emsayn inpi ph s 2538 syyaechakhxng RMS Foundation idkhyayepn 20 pi inkhnathikhxbekhtkhxngkarechaldlngehluxaekhkardaeninngankhxngeruxethann bristhihm Queen s Seaport Development Inc QSDI thukkxtngkhuninpi 2538 ephuxkhwbkhumxsngharimthrphythixyutidkberux inpi 2541 emuxnglxngbichidkhyaysyyaechakhxng QSDI epn 66 pi inpi ph s 2547 Stargazer Productions idephim Tibbies Great American Cabaret ekhaipinphunthisungekhyepnthnakharkhxngeruxaelahxngwithyuirsay Stargazer Productions aelaepliynphunthiihklayepnornglakhrsahrbrbprathanxaharkhathi phrxmewthi aesng si esiyng aelaseklelxri lanxabaeddfngkrabkhwa ph s 2515 inpi 2548 QSDI idkhx enuxngcakkhxphiphathdanekhrditkhaechakbemuxng inpi 2549 sallmlalayidrxngkhxihmikarpramulcakfaytang rakhaepidpramulkhntathitxngkarkhux 41 landxllar kardaeninngankhxngeruxody RMS Foundation yngkhngepnxisracakkarlmlalay invdurxnpi 2550 syyaechakhxngkhwinaemrithukkhayihkbklumchux Save the Queen sungbriharnganody Hostmark Hospitality Group phwkekhawangaephnthicaphthnathidinthixyutidkberux prbprungaelafunfuerux inrahwangkardaeninngan hxngrbrxngidrbkarprbprungdwyaethnwangixphxdaelathiwicxaebn plxngkhwnthngsamkhxngeruxaelathxngeruxidrbkarthasiihmdwysiaedngkhunarddngedim aephnkradankhxngchnedinelnfngkrabsayidrbkarburnaaelatkaetngihm eruxchuchiphhlaylaidrbkarsxmaesm aelahxngkhrwkhxngeruxidrbkarprbprungihm playeduxnknyayn 2552 bristh Delaware North idekhakhwbkhumkickartx sungwangaephnthicadaeninkarburnaaelaprbprungeruxtxip phwkekhamungmnthicafunfuaelaprbprungeruxihepnaehlngthxngethiyw aetineduxnemsayn 2554 emuxnglxngbichidrbaecngwa Delaware North imidbriharkhwinaemrixiktxip Garrison Investment Group klawwakartdsinickhrngniepnephiyngeruxngthurkicethann karphbknkhxngeruxkhwinaemrithngsxngla eruxkhwinaemriaelaeruxkhwinaemri 2 idphbknthi Long Beach California phayitkhawa HAIL TO THE QUEENS thiekidcakkarekhiyndwythxngfa emuxwnthi 23 kumphaphnth ph s 2549 eruxxarexmexs khwinaemri 2 idmaeyiymbrrphburuskhxngethxinkhnathicaekhaethiybthaininkaredinthangipyngemksiok ineduxnminakhm ph s 2554 eruxkhwinaemriidrbkarthkthaycak MS Queen Victoria dwykarcuddxkimif aelainwnthi 12 minakhm ph s 2556 MS Queen Elizabeth kidthkthaydwykarcuddxkimif hlngcakkarthkthay eruxkhwinaemriidtxbklbdwyaetrlmthiichnganidhnungxnephuxtxbklbhxngwithyu W6ROhxngwithyuirsaykhxngeruxkhwinaemri hxngwithyuirsayedimidthuknaxxkemuxeruxcxdxyuthilxngbich txmahxngwithyusmkhrelnidthuksrangkhunbnhnungchnehnuxhxngwithyuedim odymixupkrnwithyukhxnghxngedimthithukthingbangswn sungichephuxcudprasngkhinkarcdaesdng hxngwithyuirsayihmepidihbrikaremuxwnthi 22 emsayn ph s 2522 sthaniwithyusmkhrelnbneruxlanimisyyaneriykkhanwa W6RO Whiskey Six Romeo Oscar odyxasyxasasmkhrcakchmrmwithyusmkhrelninthxngthin phwkekhacdecahnathipracahxngwithyuinchwngewlasatharnaswnihy withyuniyngsamarthichnganodynkwithyusmkhrelnthimiibxnuyatrayxunidxikdwyxangxingWatton p 10 National Register of Historic Places khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 25 July 2008 subkhnemux 7 September 2011 National Register of Historic Places Registration Form National Archives 17 November 1992 subkhnemux 1 October 2023 1938 newsreel of shipyard construction British Pathe Remarkable things you didn t know about the Queen Mary ocean liner The Telegraph phasaxngkvsaebbbritich ekbcakaehlngedimemux 11 January 2022 subkhnemux 14 August 2017 Four Leaf Clover Propeller to Drive Giant Liner 534 October 1934 p 528 ISSN 0032 4558 subkhnemux 10 September 2012 O Connor Sheila 2006 Go World Travel Magazine khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 7 September 2008 subkhnemux 11 June 2013 Chris Frame 2019 Queen Mary The Ship That Saved Cunard and the UK during the Great Depression Chris Frame Maritime Historian subkhnemux 19 June 2020 D Alan Stevenson from the Gazetteer for Scotland Maxtone Graham John 1972 The Only Way to Cross New York Collier Books pp 288 289 Othfors Daniel Queen Mary TGOL Thegreatoceanliners com subkhnemux 10 June 2022 Watton pp 12 13 Layton J Kent R M S Queen Mary Atlantic Liners subkhnemux 10 September 2012 Ocean liners com khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 22 September 2012 subkhnemux 10 September 2012 Fritz Weaver Fritz Weaver narrator 1996 Floating Palaces TV Documentary A amp E Evans Nicholas J 2010 A Strike for Racial Justice Transatlantic Shipping and the Jewish Diaspora 1882 1939 in Jorden James Kushern Tony Pearce Sarah b k Jewish Journeys From Philo to Hip Hop London pp 25 47 ISBN 978 0 85303 962 4 Weiser Kathy June 2018 Ghosts of the Queen Mary in Long Beach California Legends of America LegendsofAmerica com subkhnemux 5 February 2019 BBC WW2 People s War VJ Day All at Sea Balkoski Joseph 1989 Beyond the Beachhead Stackpole Books pp 37 38 ISBN 978 0 8117 0221 8 Brighton CSV Media Clubhouse 11 June 2004 HMS Curacao Tragedy WW2 People s War BBC khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 19 July 2012 subkhnemux 10 August 2009 Wilson Edgar Edward Wilson Edgar Edward IWM Interview Imperial War Museums Imperial War Museum subkhnemux 27 March 2016 Queen Mary Specific Crossing Information 1942 ww2troopships com subkhnemux 2021 04 03 Levi Ran 3 March 2008 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 23 August 2013 subkhnemux 11 June 2013 No Greater Sacrifice No Greater Love William Ford Carter Smithsonian Books Washington 2004 page 55 How Two Ships Helped End WW2 chrisframe com au subkhnemux 16 August 2020 QueenMary com khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2018 06 12 subkhnemux 15 November 2017 Lavery Brian 2007 Churchill Goes to War Winston s Wartime Journeys p 213 Maddocks p 155 Ocean liners com khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 1 September 2012 subkhnemux 10 September 2012 The Queen Mary Back In Port The Times No 51269 3 January 1949 p 4 Harvey Clive 2008 R M S Queen Elizabeth The Ultimate Ship ISBN 978 0 9543666 8 1 Tramp to Queen The Autobiography of Captain John Treasure Jones 2008 ISBN 978 0752446257 Out to Sea and into History Life Vol 63 no 14 Time Inc 6 October 1967 pp 26 31 subkhnemux 3 July 2017 Book RMS Queen Mary Transatlantic masterpiece author Janette McCutcheon published 2000 publisher Temple Publishing Limited ISBN 0 7524 1716 9 page 91 The Queen Mary One Of A Kind Long Beach Hotel Experience queenmary com subkhnemux 2022 01 27 A history of the Queen Mary in Southern California phasaxngkvsaebbxemrikn 2017 03 13 subkhnemux 2021 05 22 Malcolm Andrew H 12 January 1975 Queen Mary now Hyatt House subkhnemux 29 December 2012 Jensen Holger 11 April 1976 Queen Mary Ocean Liner Becomes an Albatross subkhnemux 29 December 2012 Queenmary com khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 27 December 2012 subkhnemux 12 December 2012 Queen Mary Pushed for Historical Recognition Los Angeles Times phasaxngkvsaebbxemrikn 1992 09 25 subkhnemux 2022 05 01 xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux NRHP Pinsky Mark 10 March 1995 Long Beach Dome Gets New Life in Film Los Angeles Times subkhnemux 13 April 2015 Ferrell David 2001 10 11 Giant Dome s Saga Takes Another Turn Los Angeles Times phasaxngkvsaebbxemrikn subkhnemux 2021 07 02 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 7 September 2009 Press release media delawarenorth com 28 September 2009 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2012 05 08 subkhnemux 10 September 2012 Ling P 23 February 2009 travel industry uptake com khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 25 April 2012 subkhnemux 10 September 2012 Queen Mary 2 to meet original Queen Mary in Long Beach harbor USA Today Associated Press 1 March 2006 subkhnemux 10 September 2012 queenmary com The Queen Mary khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2023 04 18 subkhnemux 1 June 2021 W6RO Associated Radio Amateurs of Long Beach Aralb org 5 March 2012 subkhnemux 10 September 2012 Gazette Newspapers khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 24 October 2005 The wireless installation sterling rmplc co uk subkhnemux 10 September 2012 O Sullivan Mike Radio Hams Keep Queen Mary Wireless on the Air voanews com Voice of America subkhnemux 19 March 2018