บทความนี้ต้องการการจัดหน้า หรือ ให้ คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้เพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
หนังตะลุง คือ ศิลปะการแสดงประจำท้องถิ่นอย่างหนึ่งของภาคใต้ เป็นการเล่าเรื่องราวที่ผูกร้อยเป็นนิยาย ดำเนินเรื่องด้วยบทร้อยกรองที่ขับร้องเป็นสำเนียงท้องถิ่น หรือที่เรียกกันว่าการ "ว่าบท" มีบทสนทนาแทรกเป็นระยะ และใช้การแสดงเงาบนจอผ้าเป็นสิ่งดึงดูดสายตาของผู้ชม ซึ่งการว่าบท การสนทนา และการแสดงเงานี้ นายหนังตะลุงเป็นคนแสดงเองทั้งหมด
หนังตะลุงเป็นมหรสพที่นิยมแพร่หลายอย่างยิ่งมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในยุคสมัยก่อนที่จะมีไฟฟ้าใช้กันทั่วถึงทุกหมู่บ้านอย่างในปัจจุบัน หนังตะลุงแสดงได้ทั้งในงานบุญและงานศพ ดังนั้นงานวัด งานศพ หรืองานเฉลิมฉลองที่สำคัญจึงมักมีหนังตะลุงมาแสดงให้ชมด้วยเสมอ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป หนังตะลุงกลับกลายเป็นความบันเทิงที่ต้องจัดหามาในราคาที่ "แพงและยุ่งยากกว่า" เมื่อเทียบกับภาพยนตร์ เพราะการจ้างหนังตะลุงมาแสดง เจ้าภาพต้องจัดทำโรงหนังเตรียมไว้ให้ และเพราะหนังตะลุงต้องใช้แรงงานคน (และฝีมือ) มากกว่าการฉายภาพยนตร์ ค่าจ้างต่อคืนจึงแพงกว่า ยุคที่การฉายภาพยนตร์เฟื่องฟู หนังตะลุงและการแสดงท้องถิ่นอื่น ๆ เช่น มโนราห์ ฯลฯ ก็ซบเซาลง ยิ่งเมื่อเข้าสู่ยุคที่ทุกบ้านมีโทรทัศน์ดู ละครโทรทัศน์จึงเป็นความบันเทิงราคาถูกและสะดวกสบาย ที่มาแย่งความสนใจไปจากศิลปะพื้นบ้านเสียเกือบหมด[]
ปัจจุบัน โครงการศิลปินแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้ส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์และสืบทอดศิลปะการแสดงหนังตะลุงให้แก่อนุชนรุ่นหลัง เพื่อรักษามรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่านี้ให้คงอยู่สืบไป
ประวัติ
นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่า มหรสพจำพวกหนังตะลุงนี้ เป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของมนุษยชาติ เคยปรากฏแพร่หลายมาทั้งในแถบประเทศยุโรป และเอเชีย โดยอ้างว่า มีหลักฐานปรากฏอยู่ว่า เมื่อครั้งพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชมีชัยชนะเหนืออียิปต์ ได้จัดให้มีการแสดงหนัง (หรือการละเล่นที่คล้ายกัน) เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะและประกาศเกียรติคุณของพระองค์ และเชื่อว่า มหรสพการแสดงเงานี้มีแพร่หลายในประเทศอียิปต์มาแต่ก่อนพุทธกาล ในประเทศอินเดีย พวกพราหมณ์แสดงหนังที่เรียกกันว่า ฉายานาฏกะ เรื่องมหากาพย์รามายณะ เพื่อบูชาเทพเจ้าและสดุดีวีรบุรุษ ส่วนในประเทศจีน มีการแสดงหนังสดุดีคุณธรรมความดีของสนมเอกแห่งจักรพรรดิ์ยวนตี่ (พ.ศ. 411 - 495) เมื่อพระนางวายชนม์
ในสมัยต่อมา การแสดงหนังได้แพร่หลายเข้าสู่ในเอเชียอาคเนย์ เขมร พม่า ชวา มาเลเซีย และประเทศไทย คาดกันว่า หนังใหญ่คงเกิดขึ้นก่อนหนังตะลุง และประเทศแถบนี้คงจะได้แบบมาจากอินเดีย เพราะยังมีอิทธิพลของพราหมณ์หลงเหลืออยู่มาก เรายังเคารพนับถือฤๅษี พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ยิ่งเรื่องรามเกียรติ์ ยิ่งถือว่าเป็นเรื่องขลังและศักดิ์สิทธิ์ หนังใหญ่จึงแสดงเฉพาะเรื่องรามเกียรติ์ เริ่มแรกคงไม่มีจอ คนเชิดหนังใหญ่จึงแสดงท่าทางประกอบการเชิดไปด้วย
เชื่อกันว่าหนังใหญ่มีอยู่ก่อนสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพราะมีหลักฐานอ้างอิงว่า มีนักปราชญ์ผู้หนึ่งเป็นชาวเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นผู้เชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์และทางกวี สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงเรียกตัวเข้ากรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้เป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมหาราชครูหรือพระโหราธิบดี และมีรับสั่งให้พระมหาราชครูฟื้นฟูการเล่นหนัง (หนังใหญ่) อันเป็นของเก่าแก่ขึ้นใหม่ ดังปรากฏในสมุทรโฆษคำฉันท์ว่า
ไหว้เทพยดาอา- | รักษ์ทั่วทิศาดร | |
ขอสวัสดิขอพร | ลุแก่ใจดั่งใจหวัง |
ทนายผู้คอยความ | เร่งตามไต้ส่องเบื้องหลัง | |
จงเรืองจำรัสทั้ง | ทิศาภาคทุกพาย |
จงแจ้งจำหลักภาพ | อันยงยิ่งด้วยลวดลาย | |
ให้เห็นแก่ทั้งหลาย | ทวยจะดูจงดูดี |
หนังใหญ่ แต่เดิมเรียกว่า "หนัง" นิยมเล่นกันแพร่หลายในแถบภาคกลาง ส่วนหนังตะลุง แต่เดิมคนในท้องถิ่นภาคใต้ก็เรียกสั้น ๆ ว่า "หนัง" เช่นกัน ดังคำกล่าวที่ได้ยินกันบ่อยว่า "ไปแลหนังโนรา" จึงสันนิษฐานว่า คำว่า "หนังตะลุง" คงจะเริ่มใช้เมื่อมีการนำหนังจากภาคใต้ไปแสดงให้เป็นที่รู้จักในภ จึงได้เกิดคำ "หนังตะลุง" และ "หนังใหญ่" ขึ้นมาเพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน หนังจากภาคใต้เข้าไปเล่นในกรุงเทพฯ ครั้งแรกสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระยาพัทลุง (เผือก) นำไปเล่นที่แถว หนังที่เข้าไปครั้งนั้นเป็นนายหนังจากจังหวัดพัทลุง คนกรุงเทพฯจึงเรียก "หนังพัทลุง" ต่อมาเสียงเพี้ยนเป็น "หนังตะลุง"
เชื่อกันว่า หนังตะลุงเลียนแบบมาจากหนังใหญ่ โดยย่อรูปหนังให้เล็กลง ในยุคแรก ๆ คงแสดงเรื่องรามเกียรติ์เหมือนกัน แต่เปลี่ยนบทพากย์มาเป็นภาษาท้องถิ่น เปลี่ยนเครื่องดนตรีจาก ตะโพน มาเป็น ทับ กลอง ฉิ่ง โหม่ง ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่มีอยู่เดิมในภาคใต้ หลักฐานที่บอกว่าหนังตะลุงคงเลียนแบบมาจากหนังใหญ่ คือ แม้หนังตะลุงจะไม่ได้ใช้ พิณพาทย์ ตะโพน แต่ในโองการร่ายมนต์พระอิศวร (บทบูชาพระอิศวร) ก็ยังมีบทที่ว่า
อดุลโหชันชโนทั้งผอง | พิณพาทย์ ตะโพน กลอง | |
ข้าจะเล่นให้ท่านทั้งหลายดู |
ต่อมา หนังภาคใต้หรือหนังตะลุง รับอิทธิพลของหนังชวาเข้ามาผสมผสาน จึงทำให้เกิดวิวัฒนาการใน "รูปหนัง" ขึ้นมา รูปหนังใหญ่จะเป็นแผ่นเดียวกันทั้งตัว เคลื่อนไหวอวัยวะไม่ได้ แต่รูปหนังชวาเคลื่อนไหวมือและปากได้ ส่วนใหญ่รูปหนังจะเคลื่อนไหวมือได้เพียงข้างเดียว ยกเว้นรูปกาก หรือตัวตลก และรูปนางบางตัว ที่สามารถขยับมือได้ทั้งสองข้าง รูปหนังชวามีใบหน้าที่ผิดไปจากคนจริง และหนังตะลุงก็รับแนวคิดนี้มาปรับใช้กับรูปตัวตลก เช่น แกะรูปหนูนุ้ยให้หน้าคล้ายวัว เท่งหน้าคล้ายนกกระฮัง เป็นต้น นี่ก็อาจจะเป็นอีกความเชื่อหนึ่งที่ทำให้ถูกเรียกว่าหนังตะลุง เนื่องจาก คำว่า ตลุง หรือ dalang ในภาษาชวาและมาเลย์ หมายถึงคนที่เชิดรูปหุ่นของวาหยัง กุลิท และนอกจากนั้นตัวละครที่เป็นตัวตลก เช่นยอดทอง พูน หนูนุ้ย ก็มีความคล้ายคลึงกับ วาหยัง กุลิท
หนังตะลุงเกิดขึ้นเมื่อใดนั้น ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด นักวิชาการสันนิษฐานว่าคงเป็นช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เพราะกลอนหนังตะลุงนิยมแต่งเป็นกลอนแปด ซึ่งในสมัยอยุธยากลอนแปดไม่ได้เป็นที่นิยมแพร่หลาย ยิ่งในภาคใต้ วรรณกรรมพื้นบ้านรุ่นเก่าแก่ล้วนแต่งเป็นกาพย์ทั้งสิ้น กลอนแปดเพิ่งมาเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางก็เมื่อหลังสุนทรภู่แต่งเรื่องพระอภัยมณีออกเผยแพร่แล้วนี่เอง
หนังตะลุงเกิดขึ้นในภาคใต้ครั้งแรกที่จังหวัดใด ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด
ดนตรีหนังตะลุง
เครื่องดนตรีหนังตะลุงในอดีต มีความเรียบง่าย ชาวบ้านในท้องถิ่นประดิษฐ์ขึ้นได้เอง มี ทับ กลอง โหม่ง ฉิ่ง เป็นสำคัญ ส่วน ปี่ ซอ นั้นเกิดขึ้นภายหลัง แต่ก็ยังเป็นเครื่องดนตรีที่ชาวบ้านประดิษฐ์ได้เองอยู่ดี จนเมื่อมีวัฒนธรรมภายนอกเข้ามา โดยเฉพาะดนตรีไทยสากล หนังตะลุงบางคณะจึงนำเครื่องดนตรีใหม่ ๆ เข้ามาเสริม เช่น กลองชุด กีตาร์ ไวโอลิน ออร์แกน เมื่อเครื่องดนตรีมากขึ้น จำนวนคนในคณะก็มากขึ้น ต้นทุนจึงสูงขึ้น ทำให้ต้องเรียกค่าราด (ค่าจ้างแสดง) แพงขึ้น ประจวบกับการฉายภาพยนตร์แพร่หลายขึ้น จึงทำให้มีคนรับหนังตะลุงไปเล่นน้อยลง การนำเครื่องดนตรีสมัยใหม่เข้ามาเสริมนี้ บางท่านเห็นว่าเป็นการพัฒนาให้เข้ากับสมัยนิยม แต่หลายท่านก็เป็นห่วงว่าเป็นการทำลายเอกลักษณ์ของหนังตะลุงไปอย่างน่าเสียดาย
เครื่องดนตรีสำคัญของหนังตะลุงคือทับ ทับของหนังตะลุงเป็นเครื่องกำกับจังหวะและท่วงทำนองที่สำคัญที่สุด ผู้บรรเลงดนตรีชิ้นอื่น ๆ ต้องคอยฟังและยักย้ายจังหวะตามเพลงทับ เพลงที่นิยมเล่นมีถึง 12 เพลง คือ เพลงเดิน เพลงถอยหลังเข้าคลอง เพลิงเดินยักษ์ เพลงสามหมู่ เพลงนาดกรายออกจากวัง เพลงนางเดินป่า เพลงสรงน้ำ เพลงเจ้าเมืองออกสั่งการ เพลงชุมพล เพลงยกพล เพลงยักษ์ และเพลงกลับวัง นักดนตรีที่สามารถตีทับได้ครบทั้ง 12 เพลง เรียกกันว่า "มือทับ" เป็นคำยกย่องว่าเป็นคนเล่นทับมือฉมัง
ทับหนังตะลุงมี 2 ใบ ใบหนึ่งเสียงเล็กแหลม เรียกว่า "หน่วยฉับ" อีกใบหนึ่งเสียงทุ้ม เรียกว่า "หน่วยเทิง" ทับหน่วยฉับเป็นตัวยืน ทับหน่วยเทิงเป็นตัวเสริม หนังตะลุงในสมัยโบราณมีมือทับ 2 คน ต่อมา เมื่อประมาณ 60 ปีมาแล้ว หนังตะลุงใช้มือทับเพียงคนเดียว โดยใช้ผ้าผูกทับไขว้กัน เวลาเล่นบางคนวางทับไว้บนขา บางคนก็พาดขากดทับเอาไว้ไม่ให้เคลื่อนที่
โดยทั่วไป ตัวทับ หรือที่เรียกกันว่า "หุ่น" นิยมทำจากแก่นไม้ขนุน เนื่องจากตบแต่งและกลึงได้ง่าย บางครั้งก็ทำจากไม้กระท้อน โดยตัดไม้ออกเป็นท่อน ๆ ยาวท่อนละประมาณ 60 เซนติเมตร ใช้ขวานถากเกลาให้เป็นรูปคล้ายกลองยาว จากนั้นนำมาเจาะภายในและกลึงให้ได้รูปทรงตามต้องการ ลงน้ำมันชักเงาด้านนอก ทับเป็นเครื่องดนตรีที่ขึงหนังหน้าเดียว ขึ้นหน้าด้วยหนังบาง ๆ ส่วนใหญ่จะใช้หนังค่าง ตรงแก้มทับใช้เชือกหรือหวายผูกตรึงกับหุ่นให้แน่น มีสายโยงเร่งเสียงโดยใช้หนังเรียดโยงจากขอบหนังถึงคอทับ ก่อนใช้ทุกครั้ง ต้องชุบน้ำที่หนังหุ้ม ใช้ผ้าขนาดนิ้วก้อยอัดที่แก้มทับด้านใน เพื่อให้หนังตึงมีเสียงไพเราะกังวาน
ทับ มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า โทนชาตรี
ตัวตลกหนังตะลุง
ตัวตลกหนังตะลุง เป็นตัวละครที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นตัวละครที่ "ขาดไม่ได้" สำหรับการแสดงหนังตะลุง บทตลกคือเสน่ห์ หรือสีสัน ที่นายหนังจะสร้างความประทับใจให้กับคนดู เมื่อการแสดงจบลง สิ่งที่ผู้ชมจำได้ และยังเก็บไปเล่าต่อก็คือบทตลก นายหนังตะลุงคนใดที่สามารถสร้างตัวตลกได้มีชีวิตชีวาและน่าประทับใจ สามารถทำให้ผู้ชมนำบทตลกนั้นไปเล่าขานต่อได้ไม่รู้จบ ก็ถือว่าเป็นนายหนังที่ประสบความสำเร็จในอาชีพโดยแท้จริง
ในการแสดงประเภทอื่น ๆ ตัวละครที่โดดเด่นและติดตาตรึงใจผู้ชมที่สุด มักจะเป็นพระเอก นางเอก แต่สำหรับหนังตะลุง ตัวละครที่จะอยู่ในความทรงจำของคนดูได้นานที่สุดก็คือตัวตลก มีเหตุผลหลายประการ ที่ทำให้บทตลกของหนังตะลุงติดตรึงใจผู้ชมได้มากกว่าบทพระเอกหรือนางเอก ดังต่อไปนี้
- ตัวตลกมีความผูกพันใกล้ชิดกับผู้ชม (ชาวใต้) มากกว่าตัวละครอื่น ๆ เพราะตัวตลกทุกตัวเป็นคนท้องถิ่นภาคใต้ พูดภาษาปักษ์ใต้ เชื่อกันว่าตัวตลกเหล่านี้สร้างเลียนแบบมาจากบุคลิกของบุคคลที่เคยมีชีวิตอยู่จริง
- นายหนังสามารถอวดฝีปากการพากย์ของตนได้เต็มที่ ตัวตลกทุกตัวมีบุคลิกเฉพาะ และตัวตลกหลายตัวมีถิ่นกำเนิดที่ชัดเจน ซึ่งมักจะเป็นท้องถิ่นที่มีสำเนียงพูดที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากตำบลหรืออำเภอข้างเคียง นายหนังที่พากย์ได้ตรงกับบุคลิก และสำเนียงเหมือนคนท้องถิ่นนั้นที่สุด ก็จะสร้างความประทับใจให้แก่คนดูได้มาก
- บทตลกคือบทที่สามารถยกประเด็นอะไรขึ้นมาพูดก็ไม่ทำให้เสียเรื่อง จึงมักเป็นบทที่นายหนังนำเรื่องเหตุการณ์บ้านเมือง ปัญหาสังคม ธรรมะ ข้อคิดเตือนใจ เข้ามาสอดแทรกเอาไว้ หรือแม้แต่พูดล้อเลียนผู้ชมหน้าโรง
- เสน่ห์ของมุกตลก ซึ่งแสดงไหวพริบปฏิภาณของนายหนังด้วย นายหนังที่เก่ง สามารถคิดมุกตลกได้เอง เพราะหากเก็บมุกตลกเก่ามาเล่น คนดูจะไม่ประทับใจ และไม่มีการ "เล่าต่อ"
เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ทำให้คนดูหนังตะลุงรู้สึกผูกพันกับตัวตลกมากกว่าตัวละครอื่น ๆ ในเรื่อง คือ ตัวตลกหนังตะลุงเหล่านี้เป็นตัวละคร "ยืน" หมายถึง ตัวตลกตัวหนึ่งเล่นได้หลายเรื่อง โดยใช้ชื่อเดิม บุคลิกเดิม นอกจากนั้น ตัวตลกหนังตะลุงยังเป็นพับลิกโดเมนอีกด้วย นายหนังทุกคณะสามารถหยิบตัวตลกตัวใดไปเล่นก็ได้ เราจึงเห็น อ้ายเท่ง อ้ายหนูนุ้ย มีอยู่ในเกือบทุกเรื่อง ของหนังตะลุงเกือบทุกคณะ
รูปตัวตลก
รูปตัวตลกหนังตะลุง หรือที่เรียกว่า รูปกาก ส่วนใหญ่จะไม่ใส่เสื้อ บางตัวนุ่งโสร่งสั้นแค่เข่า บางตัวนุ่งกางเกง และส่วนใหญ่จะมีอาวุธประจำตัว ตัวตลกทุกตัวสามารถขยับมือขยับปากได้ หนังแต่ละคณะจะมีรูปตัวตลกไม่น้อยกว่าสิบตัว แต่โดยปกติจะใช้แสดงในแต่ละเรื่องแค่ไม่เกินหกตัวเท่านั้น
ตัวตลกเอก
ตัวตลกเอก หมายถึง ตัวตลกที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วไป นายหนังคณะต่าง ๆ หลายคณะนิยมนำไปแสดง มีดังต่อไปนี้
- อ้ายเท่ง หนังจวนบ้านคูขุดเป็นคนสร้าง โดยเลียนแบบบุคลิกมาจากนายเท่ง ซึ่งเป็นชาวบ้านอยู่บ้านคูขุด อำเภอสะทิ้งพระ จังหวัดสงขลา เป็นคนรูปร่างผอมสูง ลำตัวท่อนบนยาวกว่าท่อนล่าง ลงพุง ผิวดำ ปากกว้าง หัวเถิก ผมหยิกงอ ใบหน้าคล้ายนกกระฮัง ลักษณะเด่นคือ นิ้วมือขวายาวโตคล้ายอวัยวะเพศผู้ชาย ส่วนนิ้วชี้กับหัวแม่มือซ้ายงอหยิกเป็นวงเข้าหากัน รูปอ้ายเท่งไม่สวมเสื้อ นุ่งผ้าโสร่งตาหมากรุก มีผ้าขาวม้าคาดพุง มีมีดอ้ายครก (มีดปลายแหลม ด้ามงอโค้ง มีฝัก) เหน็บที่สะเอว เป็นคนพูดจาโผงผาง ไม่เกรงใจใคร ชอบข่มขู่และล้อเลียนผู้อื่น เป็นคู่หูกับอ้ายหนูนุ้ย เป็นตัวตลกที่นายหนังเกือบทุกคณะนิยมนำไปแสดง
- อ้ายหนูนุ้ย ไม่มีบันทึกว่าใครเป็นคนสร้าง หนูนุ้ยมีบุคลิกซื่อแกมโง่ ผิวดำ รูปร่างค่อนข้างเตี้ย พุงโย้ คอตก ทรงผมคล้ายแส้ม้า จมูกปากยื่นคล้ายปากวัว ไว้เคราหนวดแพะ รูปอ้ายหนูนุ้ยไม่สวมเสื้อ นุ่งผ้าโสร่งไม่มีลวดลาย ถือมีดตะไกรหนีบหมากเป็นอาวุธ พูดเสียงต่ำสั่นเครือขึ้นนาสิก เป็นคนหูเบาคล้อยตามคำยุยงได้ง่าย แสดงความซื่อออกมาเสมอ ไม่ชอบให้ใครพูดเรื่องวัว เป็นคู่หูกับอ้ายเท่ง และเป็นตัวตลกที่นายหนังทุกคณะนิยมนำไปแสดงเช่นกัน
บรมครูอิ่ม จันทร์ชุม ผู้แกะหนังตะลุง ให้ข้อมูลว่า นายหนูนุ้ย บ้านอยู่ที่บ้านพรวน ต.ท่าหิน อ.สทิงพระ จ.สงขลา ได้เขียนบันทึกไว้ที่รูปปั้นหน้าอาคารทำการที่บางแก้ว พัทลุง (ครูอิ่ม จันทร์ชุม เกียรติคุณ ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมของภาคใต้ ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ รับโล่ผู้สาธิตสินค้าหัตถกรรมดีเด่น ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๒ ด้านศิลปกรรม (การแกะหนังตะลุง) จากนำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี)
- นายยอดทอง ไม่มีบันทึกว่าใครเป็นคนสร้าง แต่เชื่อกันว่าเป็นชื่อคนที่เคยมีชีวิตอยู่จริง เป็นชาวจังหวัดพัทลุง รูปร่างอ้วน ผิวดำ พุงย้อย ก้นงอน ผมหยิกเป็นลอน จมูกยื่น ปากบุ๋ม เหมือนปากคนแก่ไม่มีฟัน หน้าเป็นแผลจนลายคล้ายหน้าจระเข้ ใครพูดถึงเรื่องจระเข้จึงไม่พอใจ รูปยอดทองไม่สวมเสื้อ นุ่งผ้าลายโจงกระเบน เหน็บกริชเป็นอาวุธประจำกาย เป็นคนเจ้าชู้ ใจเสาะ ขี้ขลาด ชอบปากพูดจาโอ้อวดยกตน ชอบขู่หลอก พูดจาเหลวไหล บ้ายอ ชอบอยู่กับนายสาว จนมีสำนวนชาวบ้านว่า "ยอดทองบ้านาย" เป็นคู่หูกับนายสีแก้ว
- นายสีแก้ว ไม่มีบันทึกว่าใครเป็นคนสร้าง แต่เชื่อกันว่าเอาบุคลิกมาจากคนชื่อสีแก้วจริง ๆ เป็นคนมีตะบะ มือหนัก เวลาโกรธใครจะตบด้วยมือหรือชนด้วยศีรษะ เป็นคนกล้าหาญ พูดจริงทำจริง ชอบอาสาเจ้านายด้วยจริงใจ ตักเตือนผู้อื่นให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามทำนองคลองธรรม เป็นคนรูปร่างอ้วนเตี้ย ผิวคล้ำ มีโหนกคอ ศีรษะล้าน นุ่งผ้าโจงกระเบนลายตาหมากรุก ไม่สวมเสื้อ ไม่ถืออาวุธใด ๆ ใครพูดล้อเลียนเกี่ยวกับเรื่องพระ เรื่องร้อน เรื่องจำนวนเงินมาก ๆ จะโกรธทันที พูดช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำ เพื่อนคู่หูคือนายยอดทอง
- อ้ายสะหม้อ หนังกั้น ทองหล่อเป็นคนสร้าง เลียนแบบบุคลิกมาจากมุสลิมชื่อสะหม้อ เป็นคนบ้านสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งนายสะหม้อเองก็รับรู้และอนุญาตให้หนังกั้นนำบุคลิกและเรื่องราวของตนไปสร้างเป็นตัวละครได้ รูปอ้ายสะหม้อหลังโกง มีโหนกคอ คางย้อย ลงพุง รูปร่างเตี้ย สวมหมวกแบบมุสลิม นุ่งผ้าโสร่ง ไม่สวมเสื้อ เป็นคนอวดดี ชอบล้อเลียนคนอื่น เป็นมุสลิมที่ชอบกินหมู ชอบดื่มเหล้า พูดสำเนียงเนิบนาบ รัวปลายลิ้น ซึ่งสำเนียงของคนบ้านสะกอม มีนายหนังหลายคนนำอ้ายสะหม้อไปเล่น แต่ไม่มีใครพากย์สำเนียงสะหม้อได้เก่งเท่าหนังกั้น ปกติสะหม้อจะเป็นคู่หูกับขวัญเมือง
- อ้ายขวัญเมือง เป็นตัวตลกเอกของหนังจันทร์แก้ว จังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่มีประวัติความเป็นมา คนในจังหวัดนครศรีธรรมราชจะไม่เรียกว่า "อ้ายเมือง" เหมือนนายหนังจังหวัดอื่น ๆ แต่เรียกว่า "ลุงขวัญเมือง" ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากตัวตลกตัวนี้นำบุคลิกมาจากคนจริง ก็คงเป็นคนที่ได้รับการยกย่องจากคนในท้องถิ่นอย่างสูงทีเดียว อ้ายขวัญเมืองหน้าคล้ายแพะ ผมบางหยิกเล็กน้อย ผิวดำ หัวเถิก จมูกโด่งโตยาว ปากกว้าง พุงยานโย้ ก้นเชิด ปลายนิ้วชี้บวมโตคล้ายนิ้วอ้ายเท่ง นุ่งผ้าสีดำ คาดเข็มขัด ไม่สวมเสื้อ เป็นคนซื่อ แต่บางครั้งก็ฉลาด ขี้สงสัยใคร่รู้เรื่องคนอื่น พูดเสียงหวาน นายหนังในจังหวัดสงขลามักนำขวัญเมืองมาเป็นคู่หูกับสะหม้อ นายหนังในจังหวัดนครศรีธรรมราชแถวอำเภอเชียรใหญ่ อ.หัวไทร อ.ปากพนัง อ.ท่าศาลา มักให้ขวัญเมืองแสดงคู่กับนายยอดทอง หนังพัทลุง ตรัง นิยมให้เป็นตัวบอกเรื่อง เฝ้าประตูเมือง หรือเป็นพนักงานตีฆ้องร้องป่าว
- อ้ายโถ ไม่มีบันทึกว่าใครเป็นคนสร้าง เลียนแบบบุคลิกมาจากจีนบ๋าบา ชาวพังบัว อำเภอสะทิ้งพระ จังหวัดสงขลา เป็นคนที่มีศีรษะเล็ก ตาโตถลน ปากกว้าง ริมฝีปากล่างเม้มเข้าไป ลำตัวป่องกลม สวมหมวกมีกระจุกข้างบน นุ่งกางเกงจีนถลกขา ถือมีดบังตอเป็นอาวุธ เป็นคนชอบร้องรำทำเพลง ขี้ขลาดตาขาว โกรธใครไม่เป็น อ้ายโถมีคติประจำใจว่า "เรื่องกินเรื่องใหญ่" ไม่ว่าใครจะพูดเรื่องอะไรก็ตาม โถสามารถดึงไปโยงกับของกินได้เสมอ ซึ่งเป็นมุกตลกที่นับว่ามีเสน่ห์ไม่น้อย เพราะไม่ลามกหยาบคาย จึงเป็นตัวตลกที่ดึงความสนใจจากเด็ก ๆ ได้มาก อ้ายโถเป็นเพียงตัวตลกประกอบ มักเล่นคู่กับอ้ายสะหม้อ
- ผู้ใหญ่พูน ไม่มีบันทึกว่าใครเป็นคนสร้าง คาดว่าคงจะเลียนแบบบุคลิกมาจากผู้ใหญ่บ้านคนใดคนหนึ่ง เป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ จมูกยาวคล้ายตะขอเกี่ยวมะพร้าว ศีรษะล้าน แต่มีกระจุกผมเป็นเกลียวดูคล้ายหูหิ้วถังน้ำ พุงโย้ยาน ก้นเชิดสูงจนหลังแอ่น เพื่อนมักจะล้อเลียนว่า บนหัวติดหูถังตักน้ำ สันหลังเหมือนเขาพับผ้า (เส้นทางระหว่างพัทลุง-ตรัง มีโค้งหักศอกหลายแห่ง) ผู้ใหญ่พูนนุ่งโจงกระเบนไม่มีลวดลาย เป็นคนชอบยุยง ขี้โม้โอ้อวด เห่อยศ ชอบขู่ตะคอกผู้อื่นให้เกรงกลัว แต่ธาตุแท้เป็นคนขี้ขลาดตาขาว ชอบแสแสร้งปั้นเรื่องฟ้องเจ้านาย ส่วนมากเป็นคนรับใช้อยู่เมืองยักษ์ หรืออยู่กับฝ่ายโกง พูดช้า ๆ หนีบจมูก เป็นตัวตลกประกอบ
โดยปกติตัวตลกหนังตะลุงจะต้องมีคู่หู เพื่อเอาไว้รับส่งมุกตลกโต้ตอบกัน ในแต่ละเรื่องจะมีตัวตลกเอกอย่างน้อยสองคู่ คือ เป็นพี่เลี้ยงพระเอกคู่หนึ่ง และเป็นพี่เลี้ยงนางเอกคู่หนึ่ง นอกจากที่ยกตัวอย่างมา ยังมีตัวตลกประกอบอีกจำนวนมาก
โรงหนังตะลุง
ขั้นตอนการแสดง
หนังตะลุงทุกคณะมีลำดับขั้นตอนในการแสดงเหมือนกันจนถือเป็นธรรมเนียมนิยม ดังนี้
- ตั้งเครื่อง
- แตกแผง หรือ แก้แผง
- เบิกโรง
- ลงโรง
- ออกลิงหัวค่ำ เป็นธรรมเนียมของหนังในอดีต ลิงดำเป็นสัญลักษณ์ของอธรรม ลิงขาวเป็นสัญลักษณ์ของธรรมะ เกิดสู้รบกัน ฝ่ายธรรมะก็มีชัยชนะแก่ฝ่ายอธรรม ออกลิงหัวค่ำยกเลิกไปไม่น้อยกว่า ๗๐ ปีแล้ว
- ออกฤๅษีหรือชักฤๅษี ฤๅษี เป็นรูปครู โดยคาดว่ามีต้นแบบมาจากฤาษีวาลมีกิ มีความขลังและศักดิ์สิทธิ์สามารถป้องปัดเสนียดจัญไร และ ภยันตรายทั้งปวง ทั้งช่วยดลบันดาลให้หนังแสดงได้ดี เป็นที่ชื่นชมของคนดู รูปฤๅษีรูปแรกออกครั้งเดียว นอกจากประกอบพิธีตัดเหมรยเท่านั้น
- ออกรูปพระอิศวรหรือรูปโค รูปพระอิศวรของหนังตะลุง ถือเป็นรูปศักดิ์สิทธิ์ และเป็นเทพเจ้าแห่งความบันเทิง ทรงโคอุสุภราชหรือนนทิ หนังเรียกรูปพระอิศวรว่ารูปพระโคหรือรูปโค หนังคณะใดสามารถเลือกหนังวัวที่มีเท้าทั้ง 4 สีขาว โหนกสีขาว หน้าผากรูปใบโพธิ์สีขาว ขนหางสีขาว วัวประเภทนี้หายากมาก ถือเป็นมิ่งมงคล ตำราภาคใต้ เรียกว่า "ตีนด่าง หางดอก หนอกพาดผ้า หน้าใบโพธิ์" โคอุสุภราชสีเผือกแต่ช่างแกะรูปให้วัวเป็นสีดำนิล เจาะจงให้สีตัดกับสีรูปพระอิศวร ตามลัทธิพราหมณ์พระอิศวรมี 4 พระกร ถือตรีศูล ธนู คฑา และ บาศ พระอิศวรรูปหนังตะลุงมีเพียง 2 กร ถือจักร และ พระขรรค์ เพื่อให้รูปกะทัดรัดสวยงาม
- ออกรูปฉะหรือรูปจับ "ฉะ" หมายถึง การสู้รบระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์ ยกเลิกไปพร้อม ๆ กับลิงหัวค่ำ (ปัจจุบันได้มีการประยุกต์โดยหนังนครินทร์ ชาทองได้นำมาประยุกต์เป็นคณะแรกในจังหวัดสงขลา)
- ออกรูปรายหน้าบทหรือรูปกาศ ปราย หมายถึง อภิปราย กาศ หมายถึง ประกาศ - รูปปรายหน้าบท หรือ รูปกาศ หรือ รูปหน้าบท เสมือนเป็นตัวแทนนายหนังตะลุง เป็นรูปชายหนุ่มแต่งกายโอรสเจ้าเมือง มือหน้าเคลื่อนไหวได้ มือทำเป็นพิเศษให้นิ้วมือทั้ง 4 อ้าออกจากนิ้วหัวแม่มือได้ อีกมือหนึ่งงอเกือบตั้งฉาก ติดกับลำตัวถือดอกบัว หรือช่อดอกไม้ หรือธง
- ออกรูปบอกเรื่อง รูปบอกเรื่อง คือรูปบอกคนดูให้ทราบว่า ในคืนนี้หนังแสดงเรื่องอะไร สมัยที่หนังแสดงเรื่องรามเกียรติ์เพียงเรื่องเดียว ก็ต้องบอกให้ผู้ดูทราบว่าแสดงเรื่องรามเกียรติ์ตอนใด บอกคณะบอกเค้าเรื่องย่อ ๆ เพื่อให้ผู้ดูสนใจติดตามดู หนังทั่วไปนิยมใช้รูปนายขวัญเมืองบอกเรื่อง
- ขับร้องบทเกี้ยวจอ
- ตั้งนามเมืองหรือตั้งเมือง เริ่มแสดงเป็นเรื่องราว ตั้งนามเมือง เป็นการเปิดเรื่องหรือจับเรื่องที่จะนำแสดงในคืนนั้น กล่าวคือการออกรูปเจ้าเมืองและนางเมือง53
อ้างอิง
- ความรู้เรื่อง"หนังตะลุง" อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ อาจารย์พ่วง บุษรารัตน์ 13 มิถุนายน 2541
- มรดกใต้
- คนใต้คลับ
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnitxngkarkarcdhna cdhmwdhmu islingkphayin hruxekbkwadenuxha ihmikhunphaphdikhun khunsamarthprbprungaekikhbthkhwamniid aelanapayxxk phicarnaichpaykhxkhwamxunephuxchichdkhxbkphrxngbthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul hnngtalung khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir hnngtalung khux silpakaraesdngpracathxngthinxyanghnungkhxngphakhit epnkarelaeruxngrawthiphukrxyepnniyay daenineruxngdwybthrxykrxngthikhbrxngepnsaeniyngthxngthin hruxthieriykknwakar wabth mibthsnthnaaethrkepnraya aelaichkaraesdngengabncxphaepnsingdungdudsaytakhxngphuchm sungkarwabth karsnthna aelakaraesdngengani nayhnngtalungepnkhnaesdngexngthnghmdhnngtalung hnngtalungepnmhrsphthiniymaephrhlayxyangyingmaepnewlanan odyechphaainyukhsmykxnthicamiiffaichknthwthungthukhmubanxyanginpccubn hnngtalungaesdngidthnginnganbuyaelangansph dngnnnganwd ngansph hruxnganechlimchlxngthisakhycungmkmihnngtalungmaaesdngihchmdwyesmx aetemuxewlaphanip hnngtalungklbklayepnkhwambnethingthitxngcdhamainrakhathi aephngaelayungyakkwa emuxethiybkbphaphyntr ephraakarcanghnngtalungmaaesdng ecaphaphtxngcdthaornghnngetriymiwih aelaephraahnngtalungtxngichaerngngankhn aelafimux makkwakarchayphaphyntr khacangtxkhuncungaephngkwa yukhthikarchayphaphyntrefuxngfu hnngtalungaelakaraesdngthxngthinxun echn monrah l ksbesalng yingemuxekhasuyukhthithukbanmiothrthsndu lakhrothrthsncungepnkhwambnethingrakhathukaelasadwksbay thimaaeyngkhwamsnicipcaksilpaphunbanesiyekuxbhmd txngkarxangxing pccubn okhrngkarsilpinaehngchati sankngankhnakrrmkarwthnthrrmaehngchati idsngesrimihmikarxnurksaelasubthxdsilpakaraesdnghnngtalungihaekxnuchnrunhlng ephuxrksamrdkthangwthnthrrmxnthrngkhunkhaniihkhngxyusubipprawtinkwichakarhlaythanechuxwa mhrsphcaphwkhnngtalungni epnwthnthrrmekaaekkhxngmnusychati ekhypraktaephrhlaymathnginaethbpraethsyuorp aelaexechiy odyxangwa mihlkthanpraktxyuwa emuxkhrngphraecaxelksanedxrmharachmichychnaehnuxxiyipt idcdihmikaraesdnghnng hruxkarlaelnthikhlaykn ephuxechlimchlxngchychnaaelaprakasekiyrtikhunkhxngphraxngkh aelaechuxwa mhrsphkaraesdngenganimiaephrhlayinpraethsxiyiptmaaetkxnphuththkal inpraethsxinediy phwkphrahmnaesdnghnngthieriykknwa chayanatka eruxngmhakaphyramayna ephuxbuchaethphecaaelasdudiwirburus swninpraethscin mikaraesdnghnngsdudikhunthrrmkhwamdikhxngsnmexkaehngckrphrrdiywnti ph s 411 495 emuxphranangwaychnm insmytxma karaesdnghnngidaephrhlayekhasuinexechiyxakheny ekhmr phma chwa maelesiy aelapraethsithy khadknwa hnngihykhngekidkhunkxnhnngtalung aelapraethsaethbnikhngcaidaebbmacakxinediy ephraayngmixiththiphlkhxngphrahmnhlngehluxxyumak erayngekharphnbthuxvisi phraxiswr phranarayn aelaphraphrhm yingeruxngramekiyrti yingthuxwaepneruxngkhlngaelaskdisiththi hnngihycungaesdngechphaaeruxngramekiyrti erimaerkkhngimmicx khnechidhnngihycungaesdngthathangprakxbkarechidipdwy echuxknwahnngihymixyukxnsmysmedcphranaraynmharach ephraamihlkthanxangxingwa minkprachyphuhnungepnchawewiyngsra cnghwdsurasdrthani epnphuechiywchaythangohrasastraelathangkwi smedcphraecaprasaththxngthrngeriyktwekhakrungsrixyuthya txmaidepnphraxacarykhxngsmedcphranaraynmharach idrbkaraetngtngepnphramharachkhruhruxphraohrathibdi aelamirbsngihphramharachkhrufunfukarelnhnng hnngihy xnepnkhxngekaaekkhunihm dngpraktinsmuthrokhskhachnthwa ihwethphydaxa rksthwthisadrkhxswsdikhxphr luaekicdngichwngthnayphukhxykhwam erngtamitsxngebuxnghlngcngeruxngcarsthng thisaphakhthukphaycngaecngcahlkphaph xnyngyingdwylwdlayihehnaekthnghlay thwycaducngdudi hnngihy aetedimeriykwa hnng niymelnknaephrhlayinaethbphakhklang swnhnngtalung aetedimkhninthxngthinphakhitkeriyksn wa hnng echnkn dngkhaklawthiidyinknbxywa ipaelhnngonra cungsnnisthanwa khawa hnngtalung khngcaerimichemuxmikarnahnngcakphakhitipaesdngihepnthiruckinph cungidekidkha hnngtalung aela hnngihy khunmaephuximihsasxnkn hnngcakphakhitekhaipelninkrungethph khrngaerksmyphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw odyphrayaphthlung ephuxk naipelnthiaethw hnngthiekhaipkhrngnnepnnayhnngcakcnghwdphthlung khnkrungethphcungeriyk hnngphthlung txmaesiyngephiynepn hnngtalung echuxknwa hnngtalungeliynaebbmacakhnngihy odyyxruphnngihelklng inyukhaerk khngaesdngeruxngramekiyrtiehmuxnkn aetepliynbthphakymaepnphasathxngthin epliynekhruxngdntricak taophn maepn thb klxng ching ohmng sungepnekhruxngdntrithimixyuediminphakhit hlkthanthibxkwahnngtalungkhngeliynaebbmacakhnngihy khux aemhnngtalungcaimidich phinphathy taophn aetinoxngkarraymntphraxiswr bthbuchaphraxiswr kyngmibththiwa xdulohchnchonthngphxng phinphathy taophn klxngkhacaelnihthanthnghlaydu txma hnngphakhithruxhnngtalung rbxiththiphlkhxnghnngchwaekhamaphsmphsan cungthaihekidwiwthnakarin ruphnng khunma ruphnngihycaepnaephnediywknthngtw ekhluxnihwxwywaimid aetruphnngchwaekhluxnihwmuxaelapakid swnihyruphnngcaekhluxnihwmuxidephiyngkhangediyw ykewnrupkak hruxtwtlk aelarupnangbangtw thisamarthkhybmuxidthngsxngkhang ruphnngchwamiibhnathiphidipcakkhncring aelahnngtalungkrbaenwkhidnimaprbichkbruptwtlk echn aekaruphnunuyihhnakhlayww ethnghnakhlaynkkrahng epntn nikxaccaepnxikkhwamechuxhnungthithaihthukeriykwahnngtalung enuxngcak khawa tlung hrux dalang inphasachwaaelamaely hmaythungkhnthiechidruphunkhxngwahyng kulith aelanxkcaknntwlakhrthiepntwtlk echnyxdthxng phun hnunuy kmikhwamkhlaykhlungkb wahyng kulith hnngtalungekidkhunemuxidnn yngimmihlkthanyunynaenchd nkwichakarsnnisthanwakhngepnchwngtnkrungrtnoksinthr ephraaklxnhnngtalungniymaetngepnklxnaepd sunginsmyxyuthyaklxnaepdimidepnthiniymaephrhlay yinginphakhit wrrnkrrmphunbanrunekaaeklwnaetngepnkaphythngsin klxnaepdephingmaepnthiniymknxyangkwangkhwangkemuxhlngsunthrphuaetngeruxngphraxphymnixxkephyaephraelwniexng hnngtalungekidkhuninphakhitkhrngaerkthicnghwdid kyngimmihlkthanyunynaenchddntrihnngtalungekhruxngdntrihnngtalunginxdit mikhwameriybngay chawbaninthxngthinpradisthkhunidexng mi thb klxng ohmng ching epnsakhy swn pi sx nnekidkhunphayhlng aetkyngepnekhruxngdntrithichawbanpradisthidexngxyudi cnemuxmiwthnthrrmphaynxkekhama odyechphaadntriithysakl hnngtalungbangkhnacungnaekhruxngdntriihm ekhamaesrim echn klxngchud kitar iwoxlin xxraekn emuxekhruxngdntrimakkhun canwnkhninkhnakmakkhun tnthuncungsungkhun thaihtxngeriykkharad khacangaesdng aephngkhun pracwbkbkarchayphaphyntraephrhlaykhun cungthaihmikhnrbhnngtalungipelnnxylng karnaekhruxngdntrismyihmekhamaesrimni bangthanehnwaepnkarphthnaihekhakbsmyniym aethlaythankepnhwngwaepnkarthalayexklksnkhxnghnngtalungipxyangnaesiyday ekhruxngdntrisakhykhxnghnngtalungkhuxthb thbkhxnghnngtalungepnekhruxngkakbcnghwaaelathwngthanxngthisakhythisud phubrrelngdntrichinxun txngkhxyfngaelaykyaycnghwatamephlngthb ephlngthiniymelnmithung 12 ephlng khux ephlngedin ephlngthxyhlngekhakhlxng ephlingedinyks ephlngsamhmu ephlngnadkrayxxkcakwng ephlngnangedinpa ephlngsrngna ephlngecaemuxngxxksngkar ephlngchumphl ephlngykphl ephlngyks aelaephlngklbwng nkdntrithisamarthtithbidkhrbthng 12 ephlng eriykknwa muxthb epnkhaykyxngwaepnkhnelnthbmuxchmng thbhnngtalungmi 2 ib ibhnungesiyngelkaehlm eriykwa hnwychb xikibhnungesiyngthum eriykwa hnwyething thbhnwychbepntwyun thbhnwyethingepntwesrim hnngtalunginsmyobranmimuxthb 2 khn txma emuxpraman 60 pimaaelw hnngtalungichmuxthbephiyngkhnediyw odyichphaphukthbikhwkn ewlaelnbangkhnwangthbiwbnkha bangkhnkphadkhakdthbexaiwimihekhluxnthi odythwip twthb hruxthieriykknwa hun niymthacakaeknimkhnun enuxngcaktbaetngaelaklungidngay bangkhrngkthacakimkrathxn odytdimxxkepnthxn yawthxnlapraman 60 esntiemtr ichkhwanthakeklaihepnrupkhlayklxngyaw caknnnamaecaaphayinaelaklungihidrupthrngtamtxngkar lngnamnchkengadannxk thbepnekhruxngdntrithikhunghnnghnaediyw khunhnadwyhnngbang swnihycaichhnngkhang trngaekmthbichechuxkhruxhwayphuktrungkbhunihaenn misayoyngerngesiyngodyichhnngeriydoyngcakkhxbhnngthungkhxthb kxnichthukkhrng txngchubnathihnnghum ichphakhnadniwkxyxdthiaekmthbdanin ephuxihhnngtungmiesiyngipheraakngwan thb michuxeriykxikxyangwa othnchatritwtlkhnngtalungtwtlkhnngtalung epntwlakhrthimikhwamsakhyxyangying aelaepntwlakhrthi khadimid sahrbkaraesdnghnngtalung bthtlkkhuxesnh hruxsisn thinayhnngcasrangkhwamprathbicihkbkhndu emuxkaraesdngcblng singthiphuchmcaid aelayngekbipelatxkkhuxbthtlk nayhnngtalungkhnidthisamarthsrangtwtlkidmichiwitchiwaaelanaprathbic samarththaihphuchmnabthtlknnipelakhantxidimrucb kthuxwaepnnayhnngthiprasbkhwamsaercinxachiphodyaethcring inkaraesdngpraephthxun twlakhrthioddednaelatidtatrungicphuchmthisud mkcaepnphraexk nangexk aetsahrbhnngtalung twlakhrthicaxyuinkhwamthrngcakhxngkhnduidnanthisudkkhuxtwtlk miehtuphlhlayprakar thithaihbthtlkkhxnghnngtalungtidtrungicphuchmidmakkwabthphraexkhruxnangexk dngtxipni twtlkmikhwamphukphniklchidkbphuchm chawit makkwatwlakhrxun ephraatwtlkthuktwepnkhnthxngthinphakhit phudphasapksit echuxknwatwtlkehlanisrangeliynaebbmacakbukhlikkhxngbukhkhlthiekhymichiwitxyucring nayhnngsamarthxwdfipakkarphakykhxngtnidetmthi twtlkthuktwmibukhlikechphaa aelatwtlkhlaytwmithinkaenidthichdecn sungmkcaepnthxngthinthimisaeniyngphudthiepnexklksn aetktangcaktablhruxxaephxkhangekhiyng nayhnngthiphakyidtrngkbbukhlik aelasaeniyngehmuxnkhnthxngthinnnthisud kcasrangkhwamprathbicihaekkhnduidmak bthtlkkhuxbththisamarthykpraednxairkhunmaphudkimthaihesiyeruxng cungmkepnbththinayhnngnaeruxngehtukarnbanemuxng pyhasngkhm thrrma khxkhidetuxnic ekhamasxdaethrkexaiw hruxaemaetphudlxeliynphuchmhnaorng esnhkhxngmuktlk sungaesdngihwphribptiphankhxngnayhnngdwy nayhnngthiekng samarthkhidmuktlkidexng ephraahakekbmuktlkekamaeln khnducaimprathbic aelaimmikar elatx ehtuphlsakhyxikprakarhnung thithaihkhnduhnngtalungrusukphukphnkbtwtlkmakkwatwlakhrxun ineruxng khux twtlkhnngtalungehlaniepntwlakhr yun hmaythung twtlktwhnungelnidhlayeruxng odyichchuxedim bukhlikedim nxkcaknn twtlkhnngtalungyngepnphblikodemnxikdwy nayhnngthukkhnasamarthhyibtwtlktwidipelnkid eracungehn xayethng xayhnunuy mixyuinekuxbthukeruxng khxnghnngtalungekuxbthukkhna ruptwtlk ruptwtlkhnngtalung hruxthieriykwa rupkak swnihycaimisesux bangtwnungosrngsnaekhekha bangtwnungkangekng aelaswnihycamixawuthpracatw twtlkthuktwsamarthkhybmuxkhybpakid hnngaetlakhnacamiruptwtlkimnxykwasibtw aetodypkticaichaesdnginaetlaeruxngaekhimekinhktwethann twtlkexk twtlkexk hmaythung twtlkthimichuxesiyngepnthiruckthwip nayhnngkhnatang hlaykhnaniymnaipaesdng midngtxipni xayethng hnngcwnbankhukhudepnkhnsrang odyeliynaebbbukhlikmacaknayethng sungepnchawbanxyubankhukhud xaephxsathingphra cnghwdsngkhla epnkhnruprangphxmsung latwthxnbnyawkwathxnlang lngphung phiwda pakkwang hwethik phmhyikngx ibhnakhlaynkkrahng lksnaednkhux niwmuxkhwayawotkhlayxwywaephsphuchay swnniwchikbhwaemmuxsayngxhyikepnwngekhahakn rupxayethngimswmesux nungphaosrngtahmakruk miphakhawmakhadphung mimidxaykhrk midplayaehlm damngxokhng mifk ehnbthisaexw epnkhnphudcaophngphang imekrngicikhr chxbkhmkhuaelalxeliynphuxun epnkhuhukbxayhnunuy epntwtlkthinayhnngekuxbthukkhnaniymnaipaesdng xayhnunuy immibnthukwaikhrepnkhnsrang hnunuymibukhliksuxaekmong phiwda ruprangkhxnkhangetiy phungoy khxtk thrngphmkhlayaesma cmukpakyunkhlaypakww iwekhrahnwdaepha rupxayhnunuyimswmesux nungphaosrngimmilwdlay thuxmidtaikrhnibhmakepnxawuth phudesiyngtasnekhruxkhunnasik epnkhnhuebakhlxytamkhayuyngidngay aesdngkhwamsuxxxkmaesmx imchxbihikhrphuderuxngww epnkhuhukbxayethng aelaepntwtlkthinayhnngthukkhnaniymnaipaesdngechnkn brmkhruxim cnthrchum phuaekahnngtalung ihkhxmulwa nayhnunuy banxyuthibanphrwn t thahin x sthingphra c sngkhla idekhiynbnthukiwthiruppnhnaxakharthakarthibangaekw phthlung khruxim cnthrchum ekiyrtikhun pi ph s 2526 phumiphlngandiednthangdanwthnthrrmkhxngphakhit pi ph s 2531 rbolphusathitsinkhahtthkrrmdiedn pi ph s 2545 khruphumipyyaithy runthi 2 dansilpkrrm karaekahnngtalung caknankngankhnakrrmkarkarsuksaaehngchati sanknaykrthmntri nayyxdthxng immibnthukwaikhrepnkhnsrang aetechuxknwaepnchuxkhnthiekhymichiwitxyucring epnchawcnghwdphthlung ruprangxwn phiwda phungyxy knngxn phmhyikepnlxn cmukyun pakbum ehmuxnpakkhnaekimmifn hnaepnaephlcnlaykhlayhnacraekh ikhrphudthungeruxngcraekhcungimphxic rupyxdthxngimswmesux nungphalayocngkraebn ehnbkrichepnxawuthpracakay epnkhnecachu icesaa khikhlad chxbpakphudcaoxxwdyktn chxbkhuhlxk phudcaehlwihl bayx chxbxyukbnaysaw cnmisanwnchawbanwa yxdthxngbanay epnkhuhukbnaysiaekw naysiaekw immibnthukwaikhrepnkhnsrang aetechuxknwaexabukhlikmacakkhnchuxsiaekwcring epnkhnmitaba muxhnk ewlaokrthikhrcatbdwymuxhruxchndwysirsa epnkhnklahay phudcringthacring chxbxasaecanaydwycringic tketuxnphuxunihptibtidiptibtichxbtamthanxngkhlxngthrrm epnkhnruprangxwnetiy phiwkhla miohnkkhx sirsalan nungphaocngkraebnlaytahmakruk imswmesux imthuxxawuthid ikhrphudlxeliynekiywkberuxngphra eruxngrxn eruxngcanwnenginmak caokrththnthi phudcha chdthxychdkha ephuxnkhuhukhuxnayyxdthxng xaysahmx hnngkn thxnghlxepnkhnsrang eliynaebbbukhlikmacakmuslimchuxsahmx epnkhnbansakxm xaephxcana cnghwdsngkhla sungnaysahmxexngkrbruaelaxnuyatihhnngknnabukhlikaelaeruxngrawkhxngtnipsrangepntwlakhrid rupxaysahmxhlngokng miohnkkhx khangyxy lngphung ruprangetiy swmhmwkaebbmuslim nungphaosrng imswmesux epnkhnxwddi chxblxeliynkhnxun epnmuslimthichxbkinhmu chxbdumehla phudsaeniyngenibnab rwplaylin sungsaeniyngkhxngkhnbansakxm minayhnnghlaykhnnaxaysahmxipeln aetimmiikhrphakysaeniyngsahmxidekngethahnngkn pktisahmxcaepnkhuhukbkhwyemuxng xaykhwyemuxng epntwtlkexkkhxnghnngcnthraekw cnghwdnkhrsrithrrmrach immiprawtikhwamepnma khnincnghwdnkhrsrithrrmrachcaimeriykwa xayemuxng ehmuxnnayhnngcnghwdxun aeteriykwa lungkhwyemuxng sungaesdngihehnwahaktwtlktwninabukhlikmacakkhncring kkhngepnkhnthiidrbkarykyxngcakkhninthxngthinxyangsungthiediyw xaykhwyemuxnghnakhlayaepha phmbanghyikelknxy phiwda hwethik cmukodngotyaw pakkwang phungyanoy knechid playniwchibwmotkhlayniwxayethng nungphasida khadekhmkhd imswmesux epnkhnsux aetbangkhrngkchlad khisngsyikhrrueruxngkhnxun phudesiynghwan nayhnngincnghwdsngkhlamknakhwyemuxngmaepnkhuhukbsahmx nayhnngincnghwdnkhrsrithrrmrachaethwxaephxechiyrihy x hwithr x pakphnng x thasala mkihkhwyemuxngaesdngkhukbnayyxdthxng hnngphthlung trng niymihepntwbxkeruxng efapratuemuxng hruxepnphnkngantikhxngrxngpaw xayoth immibnthukwaikhrepnkhnsrang eliynaebbbukhlikmacakcinbaba chawphngbw xaephxsathingphra cnghwdsngkhla epnkhnthimisirsaelk taotthln pakkwang rimfipaklangemmekhaip latwpxngklm swmhmwkmikracukkhangbn nungkangekngcinthlkkha thuxmidbngtxepnxawuth epnkhnchxbrxngrathaephlng khikhladtakhaw okrthikhrimepn xayothmikhtipracaicwa eruxngkineruxngihy imwaikhrcaphuderuxngxairktam othsamarthdungipoyngkbkhxngkinidesmx sungepnmuktlkthinbwamiesnhimnxy ephraaimlamkhyabkhay cungepntwtlkthidungkhwamsniccakedk idmak xayothepnephiyngtwtlkprakxb mkelnkhukbxaysahmx phuihyphun immibnthukwaikhrepnkhnsrang khadwakhngcaeliynaebbbukhlikmacakphuihybankhnidkhnhnung epnkhnruprangsungihy cmukyawkhlaytakhxekiywmaphraw sirsalan aetmikracukphmepnekliywdukhlayhuhiwthngna phungoyyan knechidsungcnhlngaexn ephuxnmkcalxeliynwa bnhwtidhuthngtkna snhlngehmuxnekhaphbpha esnthangrahwangphthlung trng miokhnghksxkhlayaehng phuihyphunnungocngkraebnimmilwdlay epnkhnchxbyuyng khiomoxxwd ehxys chxbkhutakhxkphuxunihekrngklw aetthatuaethepnkhnkhikhladtakhaw chxbaesaesrngpneruxngfxngecanay swnmakepnkhnrbichxyuemuxngyks hruxxyukbfayokng phudcha hnibcmuk epntwtlkprakxb odypktitwtlkhnngtalungcatxngmikhuhu ephuxexaiwrbsngmuktlkottxbkn inaetlaeruxngcamitwtlkexkxyangnxysxngkhu khux epnphieliyngphraexkkhuhnung aelaepnphieliyngnangexkkhuhnung nxkcakthiyktwxyangma yngmitwtlkprakxbxikcanwnmak ornghnngtalungkhntxnkaraesdnghnngtalungthukkhnamiladbkhntxninkaraesdngehmuxnkncnthuxepnthrrmeniymniym dngni tngekhruxng aetkaephnghruxaekaephng ebikorng lngorng xxklinghwkha epnthrrmeniymkhxnghnnginxdit lingdaepnsylksnkhxngxthrrm lingkhawepnsylksnkhxngthrrma ekidsurbkn faythrrmakmichychnaaekfayxthrrm xxklinghwkhaykelikipimnxykwa 70 piaelw xxkvisihruxchkvisivisi epnrupkhru odykhadwamitnaebbmacakvasiwalmiki mikhwamkhlngaelaskdisiththisamarthpxngpdesniydcyir aela phyntraythngpwng thngchwydlbndalihhnngaesdngiddi epnthichunchmkhxngkhndu rupvisirupaerkxxkkhrngediyw nxkcakprakxbphithitdehmryethann xxkrupphraxiswrhruxrupokh rupphraxiswrkhxnghnngtalung thuxepnrupskdisiththi aelaepnethphecaaehngkhwambnething thrngokhxusuphrachhruxnnthi hnngeriykrupphraxiswrwarupphraokhhruxrupokh hnngkhnaidsamartheluxkhnngwwthimiethathng 4 sikhaw ohnksikhaw hnaphakrupibophthisikhaw khnhangsikhaw wwpraephthnihayakmak thuxepnmingmngkhl taraphakhit eriykwa tindang hangdxk hnxkphadpha hnaibophthi okhxusuphrachsiephuxkaetchangaekarupihwwepnsidanil ecaacngihsitdkbsirupphraxiswr tamlththiphrahmnphraxiswrmi 4 phrakr thuxtrisul thnu khtha aela bas phraxiswrruphnngtalungmiephiyng 2 kr thuxckr aela phrakhrrkh ephuxihrupkathdrdswyngam xxkrupchahruxrupcb cha hmaythung karsurbrahwangphraramkbthsknth ykelikipphrxm kblinghwkha pccubnidmikarprayuktodyhnngnkhrinthr chathxngidnamaprayuktepnkhnaaerkincnghwdsngkhla xxkruprayhnabthhruxrupkas pray hmaythung xphipray kas hmaythung prakas rupprayhnabth hrux rupkas hrux ruphnabth esmuxnepntwaethnnayhnngtalung epnrupchayhnumaetngkayoxrsecaemuxng muxhnaekhluxnihwid muxthaepnphiessihniwmuxthng 4 xaxxkcakniwhwaemmuxid xikmuxhnungngxekuxbtngchak tidkblatwthuxdxkbw hruxchxdxkim hruxthng xxkrupbxkeruxng rupbxkeruxng khuxrupbxkkhnduihthrabwa inkhunnihnngaesdngeruxngxair smythihnngaesdngeruxngramekiyrtiephiyngeruxngediyw ktxngbxkihphuduthrabwaaesdngeruxngramekiyrtitxnid bxkkhnabxkekhaeruxngyx ephuxihphudusnictidtamdu hnngthwipniymichrupnaykhwyemuxngbxkeruxng khbrxngbthekiywcx tngnamemuxnghruxtngemuxng erimaesdngepneruxngraw tngnamemuxng epnkarepideruxnghruxcberuxngthicanaaesdnginkhunnn klawkhuxkarxxkrupecaemuxngaelanangemuxng53xangxingwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb Shadow play khwamrueruxng hnngtalung xnusrnnganphrarachthanephlingsph xacaryphwng busrartn 13 mithunayn 2541 mrdkit khnitkhlb bthkhwamkarbnethingniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk