ภาษาถิ่นพิเทน เป็นภาษาไทยถิ่นย่อยถิ่นหนึ่ง ที่ใช้จำเพาะอยู่ในชาวไทยมุสลิมใน อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี มีลักษณะพิเศษคือเป็นภาษาไทยภาคกลางปนถิ่นใต้ มีการใช้คำราชาศัพท์ร่วมด้วย และยืมคำมลายูเสียมาก ปัจจุบันภาษาถิ่นพิเทนกำลังสูญไปและแทนที่ด้วยภาษามลายูปัตตานี
ภาษาถิ่นพิเทน | |
---|---|
ประเทศที่มีการพูด | ไทย |
จำนวนผู้พูด | ไม่ถึง 3,000 คน (2554) |
ตระกูลภาษา | ขร้า-ไท
|
รหัสภาษา | |
ISO 639-3 | – |
ประวัติ
บรรพชนของพิเทนเป็นกลุ่มชนที่ใช้ภาษาไทเดิมนับถือศาสนาพุทธ อพยพมาจากที่อื่นในช่วง พ.ศ. 2218–2238 ครั้นเมื่ออพยพมาตั้งชุมชนที่บ้านพิเทนร่วมกับชาวมลายูในท้องถิ่นซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม ชาวพิเทนจึงพากันเข้ารีตเป็นมุสลิมทั้งหมด และมีร่องรอยของซากวัดในศาสนาพุทธที่หมู่ 2 ตำบลพิเทน มุขปาฐะของผู้ใช้ภาษาถิ่นพิเทนเชื่อว่าตนมีบรรพบุรุษอพยพมาจากกรุงศรีอยุธยา โดยอธิบายว่า บรรพบุรุษเป็นควาญช้าง เดินทางลงมาทางใต้เพื่อตามหาช้างสำคัญของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งผู้นำในการติดตามช้างสำคัญนั่นคือพี่เณร (หรือโต๊ะหยัง) พร้อมกับคนอื่น ๆ บางสำนวนว่ามีสี่คน คือ เจ้าอ่อน นางผมยาวเก้าศอก นางเลือดขาว และเจ้าภา (หรือเจ้าเภา) อีกสำนวนระบุว่ามีเจ็ดคน ได้แก่ พี่แก้ว พี่อ่อน พี่มอญ พี่ขวัญ จันทอน (หรือจันทร์ทอง) และนางเลือดขาว (บ้างว่านางผมหอม) แต่การติดตามช้างสำคัญนั้นไม่สำเร็จ ด้วยเกรงกลัวพระราชอาญาจึงหลบลี้ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในป่า อันเป็นที่มาของชื่อซึ่งเพี้ยนมาจากชื่อของพี่เณรนั้นเอง พวกเขาแยกย้ายไปตั้งถิ่นฐานในบริเวณใกล้เคียง ดังนี้
หมู่บ้าน | ตำบล | อำเภอ | จังหวัด |
---|---|---|---|
พิเทน | ทุ่งยางแดง | ปัตตานี | |
บือจะ | |||
น้ำดำ | |||
เมืองยอน | ลุโบะยิไร | มายอ | |
เจาะกะพ้อใน | กะพ้อ |
ลูกหลานของพี่เณรที่สืบสันดานลงมาได้สมรสข้ามชาติพันธุ์กับชาวมลายูท้องถิ่นและเข้ารับอิสลาม แต่ในมุขปาฐะก็มีบางคนที่ยังนับถือศาสนาพุทธ ไม่ยอมเข้ารับอิสลาม ครั้นเมื่อเสียชีวิตลงก็ใช้วิธีการฝังแบบมุสลิม และได้รับการนับถือในฐานะบุคคลศักดิสิทธิ์ด้วยการบนบานศาลกล่าวหรือเซ่นสรวงบูชา ที่อำเภอกะพ้อมีตระกูลที่สืบมาจากพี่น้องของพี่เณร คือ นามสกุลพระศรี ศรีมาก ซีบะ จันทร์ทอง ศรีทอง ดิเภา และโต๊ะเภา สุสานพี่เณรตั้งอยู่ที่บ้านควน หมู่ 2 ตำบลพิเทนในปัจจุบัน โดยมีมรดกตกทอดประจำตระกูลที่เกี่ยวกับการคชบาล คือ ช้างเผือกและหอกสองด้ามประจำตระกูลซีบะ ปี่ของตระกูลจันทร์ทอง และเครื่องผูกเท้าช้างทำจากหนังราชสีห์ และอุปกรณ์เกี่ยวกับช้างอื่น ๆ อยู่ที่บ้านพิเทน ซึ่งชาวพิเทนเชื่อว่าเครื่องดนตรีเหล่านี้มีอาถรรพณ์ และอุปกรณ์คชบาลที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษต้องได้รับการเซ่นไหว้
ปัจจุบันชาวพิเทนมีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอย่างเดียวกับชาวมลายูในท้องถิ่น ส่วนหนึ่งก็เพราะทั้งสองกลุ่มนับถือศาสนาอิสลามเหมือนกัน จึงรับเอาขนบธรรมเนียมประเพณีมลายูมุสลิมมาใช้อย่างแพร่หลาย เช่น การถือบวชในเดือนรอมฎอน เทศกาลฮารีรายอ การแต่งกาย หรือแม้แต่อาหาร และบางส่วนหันไปใช้ภาษามลายูปัตตานีในชีวิตประจำวันแทนภาษาพิเทนไปแล้ว ยังหลงเหลือการกระทำตามธรรมเนียมโบราณอยู่ในช่วงเก็บข้าวใหม่ในแต่ละปี ชาวบ้านจะนำข้าวที่เก็บเกี่ยวไว้มาใส่ใน "เรือนข้าว" หรือยุ้งฉาง โดยนำข้าวมาผูกและทำการไหว้ (คือทำขวัญข้าว) หลังจากนั้นจะนำ "เป็ด" หรือหม้อน้ำเรียกขวัญข้าว ซึ่งเป็นภาชนะทองเหลืองรูปร่างคล้ายเป็ดซึ่งใส่น้ำจนเต็ม นำมาตั้งบนข้าวที่เก็บมาไว้บนเรือนข้าว รอจนน้ำแห้งไปเอง และจะกระทำเช่นนี้เพียงปีละครั้ง ขณะที่ชาวพิเทนในอำเภอกะพ้อจะมีการตั้งนามสกุลแบบไทย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงนามสกุลตามชื่อบิดาอย่างชาวมลายูมุสลิมทั่วไป
ในอดีตชาวพิเทนที่อาศัยอยู่หมู่ 1 ตำบลกะรุบี อำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี ได้แก่ ตระกูลซีบะ จันทร์ทอง พระศรี ดิเภา โต๊ะทอง ศรีทอง และหลักเพชร จะมีพิธีบรรพชาสามเณรตามธรรมเนียมของศาสนาพุทธ ก่อนเข้าพิธีสุหนัตตามธรรมเนียมของศาสนาอิสลาม เพื่อแสดงความเคารพแก่บรรพบุรุษของตน แต่ปัจจุบันธรรมเนียมนี้ได้ถูกยกเลิกไป และเคยมีกิจกรรมรำลึกถึงพี่เณรที่สุสาน โดยจะมีงานจอระทาให้ชาวพิเทนจุดเทียนเป็นกะทา (รูปโดม) แห่จากบ้านไปยังสุสานพี่เณรในยามกลางคืนเพื่อทำบุญให้ รวมทั้งมีการเข้าทรงและมหรสพการละเล่นต่าง ๆ เช่น หรือมโนราห์ และมีการตัดกิ่งไผ่ยาวสามเมตรและผูกอาหารคาวหวาน ผู้ชนะในการแข่งสิละจะใช้กริชตัดไม้ไผ่ดังกล่าว เด็ก ๆ ที่ล้อมวงชมก็จะเข้าไปแย่งอาหารกันอย่างสนุกสนาน แต่ปัจจุบันมิได้จัดพิธีดังกล่าวช่วงหลัง พ.ศ. 2502 เป็นต้นมา เพราะขัดกับหลักศาสนาอิสลาม นอกจากนี้ยังมีการบนบานพี่เณรเมื่อจะขออะไรหรือลงมือทำสิ่งใด แต่ปัจจุบันได้คลายความเชื่อเรื่องการบนบานนี้ลงไป
ภาษาถิ่นพิเทนเป็นภาษาถิ่นที่ใช้เฉพาะกลุ่มชาวไทยมุสลิม ในตำบลพิเทนเท่านั้น ผู้ใช้ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันนี้ภาษาถิ่นดังกล่าวใกล้สูญหายและไม่เป็นที่นิยมใช้ เพราะชนนิยมใช้ภาษามลายูปัตตานีมากกว่า พ.ศ. 2534 พบว่ามีชาวไทยมุสลิมในตำบลพิเทนบางหมู่บ้านเท่านั้นที่ยังใช้ภาษาถิ่นนี้ ได้แก่ หมู่ 2 (บ้านพิเทน), หมู่ 3 (บ้านป่ามะพร้าว) และหมู่ 4 (บ้านบือจะ) ในช่วงเวลานั้นพบว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่มักมีอายุ 40 ปีขึ้นไป ส่วนประชากรที่อายุน้อยกว่านี้ไม่ยอมพูดภาษาดั้งเดิม หรือพูดได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะไม่ทราบคำศัพท์เดิม จึงนำคำมลายูปัตตานีมาใช้แทน จนคิดว่าภาษามลายูปัตตานีเป็นภาษาของตัวเอง ใน พ.ศ. 2559 เหลือผู้ใช้ภาษาพิเทนน้อยลงตามลำดับ มีประชากรอายุราว 50 ปีเพียงไม่กี่คนที่สื่อสารภาษาดังกล่าวกับคนรุ่นเดียวกัน หากคนอายุต่ำกว่านี้จะใช้ภาษามลายูปัตตานีและภาษาไทยมาตรฐานในชีวิตประจำวัน และอีกปัจจัยสำคัญคือสถานการณ์ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ทำให้ประชากรรุ่นใหม่อพยพย้ายถิ่นออกจากตำบลพิเทน ส่งผลกระทบให้ภาษาพิเทนมีแนวโน้มสูญหายไปจากประเทศไทย
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ประกาศขึ้นทะเบียนภาษาถิ่นพิเทนขึ้นเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติไทย สาขาภาษา เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556 ประเภทภาษาท้องถิ่น ปัจจุบันพวกเขามีแนวทางการอนุรักษ์ภาษาพิเทน เช่น การสอนบุตรหลานให้ใช้ภาษาพิเทน และเปิดสอนรายวิชาภาษาพิเทนที่
ลักษณะ
ภาษาถิ่นพิเทนนั้นจะมีลักษณะพิเศษคือเป็นภาษาไทยภาคกลางปนถิ่นใต้ มีการใช้คำราชาศัพท์ แต่เรียงคำต่างจากภาษาไทยภาคกลางและใต้ และยืมคำมลายูมากถึงร้อยละ 97 ดังนั้นผู้ที่จะพูดภาษานี้ได้ต้องเข้าใจทั้งภาษาไทยและมลายูปัตตานี เจริญ สุวรรณรัตน์ (2534) ระบุว่า ภาษาถิ่นพิเทนเป็นภาษาถิ่นย่อยของภาษาไทถิ่นตากใบ ขณะที่ทวีพร จุลวรรณ (2554) พบว่า ภาษาถิ่นพิเทนมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างออกไปจากภาษาไทยถิ่นใต้ ภาษาถิ่นตากใบ และภาษาถิ่นสะกอม เมื่อพิจารณาจากระบบเสียงวรรณยุกต์ ระบบเสียงพยัญชนะ และคำศัพท์เฉพาะ ซึ่งภาษาถิ่นพิเทนมีหน่วยเสียงพยัญชนะต้น 22 หน่วยเสียง หน่วยพยัญชนะควบกล้ำ 14 หน่วยเสียง มีเสียงพยัญชนะท้าย 9 หน่วยเสียง หน่วยเสียงสระเดี่ยว 18 หน่วยเสียง หน่วยเสียงสระประสม 3 หน่วยเสียง และมีการแตกตัวสามทาง มีระบบเสียงวรรณยุกต์ที่แตกต่างไปจากภาษาไทยถิ่นใต้ ตากใบ และสะกอม
ภาษาถิ่นพิเทนมีลักษณะคือ โครงสร้างของคำพยางค์เดียว สองพยางค์ คำซ้ำ คำซ้อนจะเหมือนภาษาไทยมาตรฐาน แต่ต่างกันคือการลำดับคำไม่ตรงกัน นอกจากนี้ยังมีการโดยนำคำมลายูและคำไทยมารวมกันเพื่อสร้างคำใหม่ เช่น กือสาร แปลว่า "ข้าวสาร" และ ปลากือริง แปลว่า "ปลาแห้ง" นอกจากนี้ยังพบว่ามีการนำคำมลายูปัตตานีมาเป็นจำนวนมาก ภาษาถิ่นพิเทนจึงรับอิทธิพลด้านเสียงและคำจากภาษามลายูปัตตานี
ตัวอย่าง
พิเทน | ตากใบ | ไทยถิ่นใต้ | คำแปล |
---|---|---|---|
กล็อด | กล็อด | ร่ม | ร่ม |
ลูกพรวน | กือพรวน | เหงาะ | เงาะ |
จอกน่าม | จ๊อก, จ๊อกแกว | จอก | แก้วน้ำ |
จอน | กือหรอก, แอหรอก | หรอก | กระรอก |
ชาม | ชาม | ชาม | จาน |
ซูดู | ช่อน | ฉ่อน | ช้อน |
ยามู | ชมโผ่, ชุมโผ่, หยื่อมู่ | ชมโพ่, หย้ามู้ | ฝรั่ง |
แตกัด | ฮิง | หิ้ง | หิ้ง |
บือจีน | โหลกฆฮื่อจี๋น, โหลกบื่อจี๋น | ดีปลี, ลูกเผ็ด | พริก |
เริน | เริน | เริน | บ้าน, เรือน |
มิ้ง | กวยเตียว | ก๋วยเตี๋ยว | |
เมียแก่ | เมียหลวง | เมียหลวง | เมียหลวง |
เมียหนุ่ม | เมียน่อย | เมียน้อย | เมียน้อย |
ป๊ะ | ผ่อ, บิดด๋า | ผ่อ | พ่อ |
มะ | แหม่, มารด๋า | แหม่ | แม่ |
ป๊ะแก่ | ลูง, ผ่อลูง | ลุง | ลุง |
มะแก่ | ปา, แหม่ปา | ป้า | ป้า |
โต๊ะชาย | ผ่อแก๋ | ผ่อ, ผ่อถ่าว | ปู่, ตา |
โต๊ะ | แหม่แก๋ | ย่า | ย่า |
โต๊ะญิญ | แหม่แก๋ | แหม่ถ่าว | ยาย |
อูลัน | ผัก | พัก | ผัก |
แถลง | แหลง | แหลง | พูด |
สนับเพลา, แหน็บเพลา | แหน็บเพลา, แหน็ดเพลา | หนับเพลา, กางเก๋ง | กางเกง |
สะรูหวาลิง | เกงลิง | เกงลิง | กางเกงใน |
ลูกตาเมียว | องุ่น |
อ้างอิง
- ทวีพร จุลวรรณ (2011). ระบบเสียงภาษาพิเทน ตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี (PDF). มหาวิทยาลัยศิลปากร. p. 3.
- "พิเทนและนามสถานที่เกี่ยวข้อง". สารานุกรมวัฒนธรรมไทย. สืบค้นเมื่อ 4 มกราคม 2024.
- "ตํานานตําบลพิเทน อําเภอมายอ จังหวัดปัตตานี". ฐานข้อมูลท้องถิ่นภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. 15 พฤษภาคม 2023. สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2023.
- . องค์การบริหารส่วนตำบลพิเทน. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 มีนาคม 2018.
- ประพนธ์ เรืองณรงค์. บุหงาปัตตานี คติชนมุสลิมชายแดนภาคใต้. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สถาพรบุ๊คส์, 2554, หน้า 203–207
- บาราย (7 มิถุนายน 2009). "ตำนานบ้านพิเทน". ไทยรัฐออนไลน์.
- การส่งเสริมครูภูมิปัญญาท้องถิ่น ในโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อำเภอทุ่งยางแดง. สำนักงานวัฒนธรรม จังหวัดปัตตานี. 2012. p. 6.
- . ไทยตำบลดอตคอม. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 พฤษภาคม 2017.
- . กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย. 28 พฤษภาคม 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-03-06. สืบค้นเมื่อ 6 มีนาคม 2023.
- . องค์การบริหารส่วนตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 มีนาคม 2023. สืบค้นเมื่อ 6 มีนาคม 2023.
- กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (2016). (PDF). กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์. p. 55-56. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 16 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2021.
- . สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี. 4 ตุลาคม 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 มิถุนายน 2019. สืบค้นเมื่อ 27 เมษายน 2018.
- ทวีพร จุลวรรณ (2011). ระบบเสียงภาษาพิเทน ตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี (PDF). มหาวิทยาลัยศิลปากร. p. 134.
- "วิถีชาวนาโบราณ จ.ปัตตานี และหมู่บ้านขนมโบราณ จ.นราธิวาส : ซีรีส์วิถีคน". Thai PBS. 5 สิงหาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 4 กันยายน 2021.
- "โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้: ย้อนอดีตบ้านโต๊ะชูด ย้อนรอยโมเดลทุ่งยางแดง". ประชาไท. 1 เมษายน 2015.
- "ข้อมูลทั่วไปตำบลพิเทน". โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลพิเทน. สืบค้นเมื่อ 27 เมษายน 2018.
- เจริญ สุวรรณรัตน์ (1991). การศึกษาคำและความหมายในภาษาไทยถิ่นใต้ตำบลพิเทน กิ่งอำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี (PDF). มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี. p. 121.
- เจริญ สุวรรณรัตน์. . ฐานข้อมูลวิจัยชายแดนใต้. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 มีนาคม 2016.
- สุภา วัชรสุขุม. . ฐานข้อมูลวิจัยชายแดนใต้. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 ตุลาคม 2012.
- เจริญ สุวรรณรัตน์ (1991). การศึกษาคำและความหมายในภาษาไทยถิ่นใต้ตำบลพิเทน กิ่งอำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี (PDF). มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี. p. 4.
- ทวีพร จุลวรรณ (2011). ระบบเสียงภาษาพิเทน ตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี (PDF). มหาวิทยาลัยศิลปากร. p. 130-132.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phasathinphiethn epnphasaithythinyxythinhnung thiichcaephaaxyuinchawithymuslimin xaephxthungyangaedng cnghwdpttani milksnaphiesskhuxepnphasaithyphakhklangpnthinit mikarichkharachasphthrwmdwy aelayumkhamlayuesiymak pccubnphasathinphiethnkalngsuyipaelaaethnthidwyphasamlayupttaniphasathinphiethnpraethsthimikarphudithycanwnphuphudimthung 3 000 khn 2554 trakulphasakhra ith ithithtawntkechiyngit yngimcdklum phasathinphiethnrhsphasaISO 639 3 prawtibrrphchnkhxngphiethnepnklumchnthiichphasaithedimnbthuxsasnaphuthth xphyphmacakthixuninchwng ph s 2218 2238 khrnemuxxphyphmatngchumchnthibanphiethnrwmkbchawmlayuinthxngthinsungnbthuxsasnaxislam chawphiethncungphaknekharitepnmuslimthnghmd aelamirxngrxykhxngsakwdinsasnaphuthththihmu 2 tablphiethn mukhpathakhxngphuichphasathinphiethnechuxwatnmibrrphburusxphyphmacakkrungsrixyuthya odyxthibaywa brrphburusepnkhwaychang edinthanglngmathangitephuxtamhachangsakhykhxngsmedcphranaraynmharach sungphunainkartidtamchangsakhynnkhuxphienr hruxotahyng phrxmkbkhnxun bangsanwnwamisikhn khux ecaxxn nangphmyawekasxk nangeluxdkhaw aelaecapha hruxecaepha xiksanwnrabuwamiecdkhn idaek phiaekw phixxn phimxy phikhwy cnthxn hruxcnthrthxng aelanangeluxdkhaw bangwanangphmhxm aetkartidtamchangsakhynnimsaerc dwyekrngklwphrarachxayacunghlbliiptngthinthanxyuinpa xnepnthimakhxngchuxsungephiynmacakchuxkhxngphienrnnexng phwkekhaaeykyayiptngthinthaninbriewniklekhiyng dngni thinthankhxngchawphiethn hmuban tabl xaephx cnghwdphiethn thungyangaedng pttanibuxcanadaemuxngyxn luobayiir mayxecaakaphxin kaphx lukhlankhxngphienrthisubsndanlngmaidsmrskhamchatiphnthukbchawmlayuthxngthinaelaekharbxislam aetinmukhpathakmibangkhnthiyngnbthuxsasnaphuthth imyxmekharbxislam khrnemuxesiychiwitlngkichwithikarfngaebbmuslim aelaidrbkarnbthuxinthanabukhkhlskdisiththidwykarbnbansalklawhruxesnsrwngbucha thixaephxkaphxmitrakulthisubmacakphinxngkhxngphienr khux namskulphrasri srimak siba cnthrthxng srithxng diepha aelaotaepha susanphienrtngxyuthibankhwn hmu 2 tablphiethninpccubn odymimrdktkthxdpracatrakulthiekiywkbkarkhchbal khux changephuxkaelahxksxngdampracatrakulsiba pikhxngtrakulcnthrthxng aelaekhruxngphukethachangthacakhnngrachsih aelaxupkrnekiywkbchangxun xyuthibanphiethn sungchawphiethnechuxwaekhruxngdntriehlanimixathrrphn aelaxupkrnkhchbalthitkthxdmacakbrrphburustxngidrbkaresnihw pccubnchawphiethnmiwithichiwitaelawthnthrrmxyangediywkbchawmlayuinthxngthin swnhnungkephraathngsxngklumnbthuxsasnaxislamehmuxnkn cungrbexakhnbthrrmeniympraephnimlayumuslimmaichxyangaephrhlay echn karthuxbwchineduxnrxmdxn ethskalharirayx karaetngkay hruxaemaetxahar aelabangswnhnipichphasamlayupttaniinchiwitpracawnaethnphasaphiethnipaelw ynghlngehluxkarkrathatamthrrmeniymobranxyuinchwngekbkhawihminaetlapi chawbancanakhawthiekbekiywiwmaisin eruxnkhaw hruxyungchang odynakhawmaphukaelathakarihw khuxthakhwykhaw hlngcaknncana epd hruxhmxnaeriykkhwykhaw sungepnphachnathxngehluxngruprangkhlayepdsungisnacnetm namatngbnkhawthiekbmaiwbneruxnkhaw rxcnnaaehngipexng aelacakrathaechnniephiyngpilakhrng khnathichawphiethninxaephxkaphxcamikartngnamskulaebbithy immikarepliynaeplngnamskultamchuxbidaxyangchawmlayumuslimthwip inxditchawphiethnthixasyxyuhmu 1 tablkarubi xaephxkaphx cnghwdpttani idaek trakulsiba cnthrthxng phrasri diepha otathxng srithxng aelahlkephchr camiphithibrrphchasamenrtamthrrmeniymkhxngsasnaphuthth kxnekhaphithisuhnttamthrrmeniymkhxngsasnaxislam ephuxaesdngkhwamekharphaekbrrphburuskhxngtn aetpccubnthrrmeniymniidthukykelikip aelaekhymikickrrmralukthungphienrthisusan odycamingancxrathaihchawphiethncudethiynepnkatha rupodm aehcakbanipyngsusanphienrinyamklangkhunephuxthabuyih rwmthngmikarekhathrngaelamhrsphkarlaelntang echn hruxmonrah aelamikartdkingiphyawsamemtraelaphukxaharkhawhwan phuchnainkaraekhngsilacaichkrichtdimiphdngklaw edk thilxmwngchmkcaekhaipaeyngxaharknxyangsnuksnan aetpccubnmiidcdphithidngklawchwnghlng ph s 2502 epntnma ephraakhdkbhlksasnaxislam nxkcakniyngmikarbnbanphienremuxcakhxxairhruxlngmuxthasingid aetpccubnidkhlaykhwamechuxeruxngkarbnbannilngip phasathinphiethnepnphasathinthiichechphaaklumchawithymuslim intablphiethnethann phuichswnihymixayumakkwa 50 pikhunip aetpccubnniphasathindngklawiklsuyhayaelaimepnthiniymich ephraachnniymichphasamlayupttanimakkwa ph s 2534 phbwamichawithymuslimintablphiethnbanghmubanethannthiyngichphasathinni idaek hmu 2 banphiethn hmu 3 banpamaphraw aelahmu 4 banbuxca inchwngewlannphbwaphuichswnihymkmixayu 40 pikhunip swnprachakrthixayunxykwaniimyxmphudphasadngedim hruxphudidimdiethathikhwr ephraaimthrabkhasphthedim cungnakhamlayupttanimaichaethn cnkhidwaphasamlayupttaniepnphasakhxngtwexng in ph s 2559 ehluxphuichphasaphiethnnxylngtamladb miprachakrxayuraw 50 piephiyngimkikhnthisuxsarphasadngklawkbkhnrunediywkn hakkhnxayutakwanicaichphasamlayupttaniaelaphasaithymatrthaninchiwitpracawn aelaxikpccysakhykhuxsthankarnkhwamimsngbinchayaednphakhitkhxngpraethsithy thaihprachakrrunihmxphyphyaythinxxkcaktablphiethn sngphlkrathbihphasaphiethnmiaenwonmsuyhayipcakpraethsithy krmsngesrimwthnthrrm krathrwngwthnthrrm prakaskhunthaebiynphasathinphiethnkhunepnmrdkphumipyyathangwthnthrrmkhxngchatiithy sakhaphasa emuxwnthi 3 knyayn ph s 2556 praephthphasathxngthin pccubnphwkekhamiaenwthangkarxnurksphasaphiethn echn karsxnbutrhlanihichphasaphiethn aelaepidsxnraywichaphasaphiethnthilksnaphasathinphiethnnncamilksnaphiesskhuxepnphasaithyphakhklangpnthinit mikarichkharachasphth aeteriyngkhatangcakphasaithyphakhklangaelait aelayumkhamlayumakthungrxyla 97 dngnnphuthicaphudphasaniidtxngekhaicthngphasaithyaelamlayupttani ecriy suwrrnrtn 2534 rabuwa phasathinphiethnepnphasathinyxykhxngphasaiththintakib khnathithwiphr culwrrn 2554 phbwa phasathinphiethnmilksnaechphaathiaetktangxxkipcakphasaithythinit phasathintakib aelaphasathinsakxm emuxphicarnacakrabbesiyngwrrnyukt rabbesiyngphyychna aelakhasphthechphaa sungphasathinphiethnmihnwyesiyngphyychnatn 22 hnwyesiyng hnwyphyychnakhwbkla 14 hnwyesiyng miesiyngphyychnathay 9 hnwyesiyng hnwyesiyngsraediyw 18 hnwyesiyng hnwyesiyngsraprasm 3 hnwyesiyng aelamikaraetktwsamthang mirabbesiyngwrrnyuktthiaetktangipcakphasaithythinit takib aelasakxm phasathinphiethnmilksnakhux okhrngsrangkhxngkhaphyangkhediyw sxngphyangkh khasa khasxncaehmuxnphasaithymatrthan aettangknkhuxkarladbkhaimtrngkn nxkcakniyngmikarodynakhamlayuaelakhaithymarwmknephuxsrangkhaihm echn kuxsar aeplwa khawsar aela plakuxring aeplwa plaaehng nxkcakniyngphbwamikarnakhamlayupttanimaepncanwnmak phasathinphiethncungrbxiththiphldanesiyngaelakhacakphasamlayupttanitwxyangphiethn takib ithythinit khaaeplklxd klxd rm rmlukphrwn kuxphrwn ehngaa engaacxknam cxk cxkaekw cxk aekwnacxn kuxhrxk aexhrxk hrxk krarxkcham cham cham cansudu chxn chxn chxnyamu chmoph chumoph hyuxmu chmoph hyamu frngaetkd hing hing hingbuxcin ohlkkhhuxcin ohlkbuxcin dipli lukephd phrikerin erin erin ban eruxnming kwyetiyw kwyetiywemiyaek emiyhlwng emiyhlwng emiyhlwngemiyhnum emiynxy emiynxy emiynxypa phx bidda phx phxma aehm marda aehm aempaaek lung phxlung lung lungmaaek pa aehmpa pa paotachay phxaek phx phxthaw pu taota aehmaek ya yaotayiy aehmaek aehmthaw yayxuln phk phk phkaethlng aehlng aehlng phudsnbephla aehnbephla aehnbephla aehndephla hnbephla kangekng kangekngsaruhwaling ekngling ekngling kangeknginluktaemiyw xngunxangxingthwiphr culwrrn 2011 rabbesiyngphasaphiethn tablphiethn xaephxthungyangaedng cnghwdpttani PDF mhawithyalysilpakr p 3 phiethnaelanamsthanthiekiywkhxng saranukrmwthnthrrmithy subkhnemux 4 mkrakhm 2024 tanantablphiethn xaephxmayx cnghwdpttani thankhxmulthxngthinphakhit mhawithyalysngkhlankhrinthr 15 phvsphakhm 2023 subkhnemux 25 tulakhm 2023 xngkhkarbriharswntablphiethn khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 24 minakhm 2018 praphnth eruxngnrngkh buhngapttani khtichnmuslimchayaednphakhit phimphkhrngthi 2 krungethph sthaphrbukhs 2554 hna 203 207 baray 7 mithunayn 2009 tananbanphiethn ithyrthxxniln karsngesrimkhruphumipyyathxngthin inokhrngkarwthnthrrmithysayiychumchn phayitaephnptibtikarithyekhmaekhng 2555 inphunthi 5 cnghwdchayaednphakhit xaephxthungyangaedng sanknganwthnthrrm cnghwdpttani 2012 p 6 ithytabldxtkhxm khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 19 phvsphakhm 2017 krmkarpkkhrxng krathrwngmhadithy 28 phvsphakhm 2016 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2023 03 06 subkhnemux 6 minakhm 2023 xngkhkarbriharswntablphiethn xaephxthungyangaedng cnghwdpttani khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 6 minakhm 2023 subkhnemux 6 minakhm 2023 krmsngesrimwthnthrrm 2016 PDF krungethph sankngankickarorngphimph xngkhkarsngekhraahthharphansuk inphrabrmrachupthmph p 55 56 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 16 emsayn 2022 subkhnemux 22 tulakhm 2021 sanknganphthnachumchnxaephxthungyangaedng cnghwdpttani 4 tulakhm 2016 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 22 mithunayn 2019 subkhnemux 27 emsayn 2018 thwiphr culwrrn 2011 rabbesiyngphasaphiethn tablphiethn xaephxthungyangaedng cnghwdpttani PDF mhawithyalysilpakr p 134 withichawnaobran c pttani aelahmubankhnmobran c nrathiwas siriswithikhn Thai PBS 5 singhakhm 2019 subkhnemux 4 knyayn 2021 orngeriynnkkhawchayaednit yxnxditbanotachud yxnrxyomedlthungyangaedng prachaith 1 emsayn 2015 khxmulthwiptablphiethn orngphyabalsngesrimsukhphaphtablphiethn subkhnemux 27 emsayn 2018 ecriy suwrrnrtn 1991 karsuksakhaaelakhwamhmayinphasaithythinittablphiethn kingxaephxthungyangaedng cnghwdpttani PDF mhawithyalysngkhlankhrinthr withyaekhtpttani p 121 ecriy suwrrnrtn thankhxmulwicychayaednit khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 4 minakhm 2016 supha wchrsukhum thankhxmulwicychayaednit khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 11 tulakhm 2012 ecriy suwrrnrtn 1991 karsuksakhaaelakhwamhmayinphasaithythinittablphiethn kingxaephxthungyangaedng cnghwdpttani PDF mhawithyalysngkhlankhrinthr withyaekhtpttani p 4 thwiphr culwrrn 2011 rabbesiyngphasaphiethn tablphiethn xaephxthungyangaedng cnghwdpttani PDF mhawithyalysilpakr p 130 132