บทความนี้ไม่มีจาก |
เอลิซาเบธ แองเจลา มาร์เกอริต โบวส์-ลีออน (อังกฤษ: Elizabeth Angela Marguerite Bowes-Lyon; 4 สิงหาคม ค.ศ. 1900 - 30 มีนาคม ค.ศ. 2002) เป็นพระอัครมเหสีในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งสหราชอาณาจักร และเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักรและประเทศในเครือจักรภพตั้งแต่ ค.ศ. 1936 จนพระราชสวามีเสด็จสวรรคตใน ค.ศ. 1952 จึงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนกับพระราชธิดาพระองค์ใหญ่คือ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ก่อนการเสด็จขึ้นครองราชสมบัติของพระสวามีในช่วงระหว่างปี 1923 จนถึงปี 1936 ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นดัชเชสแห่งยอร์ก อีกทั้งยังทรงเป็นและพระองค์สุดท้ายอีกด้วย ประชาชนนิยมเรียกพระองค์ว่า ควีนมัม
เอลิซาเบธ โบวส์-ลีออน | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระราชชนนี | |||||
สมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร และประเทศในเครือจักรภพ | |||||
ดำรงพระยศ | 11 ธันวาคม 1936 – 6 กุมภาพันธ์ 1952 | ||||
ราชาภิเษก | 12 พฤษภาคม 1937 | ||||
ก่อนหน้า | แมรี (พระราชินี) | ||||
ถัดไป | ฟิลิป (พระราชสวามี) | ||||
ดำรงพระยศ | 11 ธันวาคม 1936 - 15 สิงหาคม 1947 | ||||
ก่อนหน้า | จักรพรรดินีแมรี | ||||
ถัดไป | สิ้นสุด | ||||
พระราชชนนีพันปีหลวง | |||||
ดำรงพระยศ | 6 กุมภาพันธ์ 1952 - 30 มีนาคม 2002 | ||||
พระราชสมภพ | 4 สิงหาคม ค.ศ. 1900 ลอนดอน, อังกฤษ | ||||
สวรรคต | 30 มีนาคม ค.ศ. 2002 วินด์เซอร์, เบิร์กไชร์ | (101 ปี)||||
ฝังพระศพ | 9 เมษายน ค.ศ. 2002 โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ ปราสาทวินด์เซอร์, วินด์เซอร์, เบิร์กไชร์ | ||||
พระราชสวามี | สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งสหราชอาณาจักร | ||||
พระราชบุตร | สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เจ้าหญิงมาร์กาเรต เคาน์เตสแห่งสโนว์ดอน | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | วินด์เซอร์ (โดยอภิเษก) | ||||
พระราชบิดา | |||||
พระราชมารดา | |||||
ลายพระอภิไธย |
เอลิซาเบธซึ่งพระราชสมภพในครอบครัวตระกูลผู้ดีชาวสก็อต ได้กลายมาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในปี 1923 เมื่อเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าชายอัลเบิร์ต ดยุกแห่งยอร์ก พระราชโอรสพระองค์ที่สองในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 และ สมเด็จพระราชินีแมรี ในฐานะที่เป็นดัชเชสแห่งยอร์ก พระองค์ พระสวามีและพระธิดาทั้งสองคือ และเจ้าหญิงมาร์กาเรต ได้ทรงปฏิบัติตนตามแบบครอบครัวชนชั้นกลาง ดัชเชสได้ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้านสาธารณชนต่าง ๆ มากมายและเป็นที่รู้จักกันว่า "ดัชเชสผู้แย้มยิ้ม" อันเป็นผลมาจากการปรากฏองค์ต่อหน้าสาธารณชนอยู่เป็นประจำ และเมื่อหลังอภิเษกสมรสกับเจ้าชายอัลเบิร์ตจนมีสองพระธิดา วอลลิส ซิมป์สัน ก็ได้เอ่ยล้อเลียนว่าเอลิซาเบธเป็น "แม่ครัวอ้วนชาวสก็อต"
ในปี 1936 เอลิซาเบธได้ทรงกลายเป็นพระราชินีอย่างไม่คาดฝันเมื่อสมเด็จพระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8 ได้ทรงสละราชสมบัติอย่างกะทันหันเพื่อไปอภิเษกกับนางวอลลิส ซิมป์สัน แม่ม่ายชาวอเมริกันที่เคยหย่าร้างแล้วสองครั้ง ในฐานะสมเด็จพระราชินี พระองค์ได้โดยเสด็จพระราชสวามีไปในการเสด็จเยือนทางการทูตยังประเทศฝรั่งเศสและทวีปอเมริกาเหนือในช่วงก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในระหว่างสงครามด้วยความแข้มแข็งเด็ดเดี่ยวที่ไม่ย่อท้ออย่างเห็นได้ชัดทำให้เกิดแรงสนับสนุนทางจิตใจต่อสาธารณชนอังกฤษอย่างมากเท่ากับการสำเหนียกรู้ถึงภาระหน้าที่ในฐานะที่เป็นเครื่องมือในการชวนเชื่อ ได้ทำให้อดอล์ฟ ฮิตเลอร์กล่าวถึงพระองค์ว่าเป็น "ผู้หญิงที่อันตรายที่สุดในยุโรป" หลังจากสงครามพระพลานามัยของพระสวามีได้อ่อนแอลงและทรงกลายเป็นม่ายเมื่อพระชนมายุ 52 พรรษา
ในการเสด็จไปประทับยังต่างประเทศของพระเชษฐภรรดาและการเสวยราชสมบัติเป็นสมเด็จพระราชินีนาถของพระธิดาองค์ใหญ่ตอนพระชนมายุ 26 พรรษาเมื่อสมเด็จพระราชินีแมรีเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1953 พระองค์ได้ทรงเป็นเชื้อพระวงศ์ที่อาวุโสที่สุดและกลายเป็นหัวหน้าครอบครัว ในช่วงปลายพระชนม์ชีพก็ยังทรงเป็นสมาชิกในพระราชวงศ์อังกฤษที่มีชื่อเสียงอยู่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่สมาชิกพระราชวงศ์องค์อื่น ๆ ตกอยู่ในการเสื่อมความนิยมจากสาธาณชนมากขึ้น
หลังจากการประชวรและการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงมาร์กาเรต พระธิดาองค์เล็กเพียงไม่นาน พระพลานามัยของพระองค์ก็แย่ลงเรื่อย ๆ และได้เสด็จสวรรคตในอีกหกสัปดาห์ภายหลัง ขณะมีพระชนมพรรษา 101 ปี 238 วัน
พระชนม์ชีพในวัยเยาว์
เอลิซาเบธ โบวส์-ลีออน เป็นธิดาคนที่สี่และที่เก้าในสิบคนของโคลด (ต่อมาคือ ) และ สถานที่เกิดของเอลิซาเบธยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ว่ากันว่าเกิดในคฤหาสน์เบลเกรฟ อุทยานกรอสเวเนอร์ ที่เป็นบ้านของพระบิดามารดาในกรุงลอนดอนและในรถพยาบาลม้าลากขณะจะไปยังโรงพยาบาล การเกิดของเอลิซาเบธได้รับการจดทะเบียนที่เมือง เทศมณฑลฮาร์ทฟอร์ดเชอร์ ใกล้กับบ้าน ซึ่งเป็นบ้านพักชนบทของตระกูลสตราธมอร์ และเป็นที่เข้าพิธีบัพติศมาเมื่อวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1900 ณ โบสถ์ท้องถิ่นในเขตนั้น
เอลิซาเบธใช้ชีวิตในวัยเยาว์ส่วนมากที่เมืองและ ซึ่งเป็นบ้านของบรรพบุรุษในตระกูลอยู่ในเมือง มณฑล สก็อตแลนด์ ได้รับการศึกษาครั้งแรกที่บ้านโดยมีครูพี่เลี้ยงมาสอนและชื่นชอบกีฬากลางแจ้ง ลูกม้าและสุนัขอย่างมาก เมื่ออายุ 8 ปี เอลิซาเบธก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน โดยได้ทำให้เหล่าครูผู้สอนประหลาดใจด้วยการเริ่มต้นเขียนเรียงความด้วยอักษรกรีกสองตัวจากหนังสือชื่อ Anabasis ของนักปราชญ์กรีกนามว่า และวิชาที่เก่งที่สุดคือ วรรณคดีและประติมากรรม หลังจากกลับมาเรียนหนังสือเป็นส่วนตัวกับครูพี่เลี้ยงชาวเยอรมันก็สามารถผ่านสอบข้อเขียนในการสอบเก็บคะแนน Oxford Local Examination ด้วยความสามารถพิเศษขณะมีอายุเพียง 13 ปี
ในวันเกิดครบรอบ 14 ปีของเอลิซาเบธ ประเทศอังกฤษได้ประกาศสงครามกับประเทศเยอรมนี พี่ชายคนโตที่เข้ารับราชการอยู่ในกองทัพ Black Watch เสียชีวิตในหน้าที่ในปี ค.ศ. 1915 ที่เมืองลูส ประเทศฝรั่งเศส ส่วนพี่ชายอีกคนหนึ่งคือ ไมเคิล ได้รับรายงานว่าสูญหายไปในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1917 อย่างไรก็ดี เขาได้ถูกจับไปหลังจากได้รับบาดแผลฉกรรจ์และอยู่ในค่ายคุมขังเชลยศึกสงครามในช่วงตลอดระยะเวลาสงคราม ปราสาทกลามิสกลายมาเป็นสถานที่พักฟื้นของเหล่าบรรดาทหารที่ด้รับบาดแผล ซึ่งเอลิซาเบธได้เข้ามาช่วยเหลือด้วย
อภิเษกสมรสกับเจ้าชายอัลเบิร์ต
เจ้าชายอัลเบิร์ต หรือ "เบอร์ตี" ที่รู้จักกันในหมู่พระราชวงศ์ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่สองในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 พระองค์ได้ทรงขออภิเษกสมรสกับเอลิซาเบธครั้งแรกในปี ค.ศ. 1921 แต่เอลิซาเบธได้ปฏิเสธพระองค์โดยกล่าวว่า "กลัวจะไม่ได้คิด พูด และทำในสิ่งที่ควรทำอย่างอิสระเสรีอีกต่อไป" ต่อมาเมื่อเจ้าชายประกาศว่าจะไม่อภิเษกกับใครอีกเลย สมเด็จพระราชินีแมรี พระมารดาจึงได้เสด็จฯ ไปยังปราสาทกลามิสด้วยพระองค์เองเพื่อพบกับหญิงสาวที่ได้ขโมยหัวใจพระราชโอรสของพระองค์ไป พระราชินีทรงเชื่อว่าเอลิซาเบธเป็น "ผู้หญิงคนเดียวที่จะทำให้เบอร์ตี้มีความสุขได้" แต่กระนั้นพระองค์ก็ไม่ปฏิเสธที่จะเข้าก้าวก่ายในเรื่องการอภิเษก
ในที่สุดเอลิซาเบธก็ยอมตกลงที่จะอภิเษกกับเจ้าชายเบอร์ตี แม้ว่าจะยังหวาดหวั่นกับชีวิตในพระราชวงศ์ก็ตาม ได้มีการประกาศการหมั้นในเดือนมกราคม ค.ศ. 1923 เสรีภาพของเจ้าชายอัลเบิร์ตในการเลือกเอลิซาเบธ ซึ่งเป็นสามัญชนเป็นพระชายาถือว่าเป็นสัญญาณไปสู่ความทันสมัยในทางการเมือง เนื่องจากในสมัยก่อนบรรดาเจ้าชายต้องอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงจากราชวงศ์อื่น ทั้งสองได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1923 ณ เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ กรุงลอนดอน เอลิซาเบธได้วางช่อดอกไม้ลงบนหลุมฝังศพของทหารนิรนามระหว่างทางไปยังวิหาร ซึ่งนับว่าเป็นธรรมเนียมที่เจ้าสาวในราชวงศ์ปฏิบัติสืบต่อ ๆ กันมา แม้ว่าในเวลาต่อมาเจ้าสาวเลือกที่จะมาวางช่อดอกไม้หลังจากเข้าพิธีอภิเษกแล้วมากกว่าระหว่างทางที่จะไปเข้าพิธี นับแต่นั้นเอลิซาเบธจึงดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าหญิงดัชเชสแห่งยอร์ก (HRH The Duchess of York) ทั้งสองพระองค์เสด็จไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ ซึงเป็นคฤหาสน์ตั้งอยู่ในและต่อจากนั้นก็ได้เสด็จไปยังสก็อตแลนด์
ในปี ค.ศ. 1926 ทั้งสองพระองค์ก็มีพระธิดาพระองค์แรกคือ เจ้าหญิงเอลิซาเบธ ที่ต่อมาได้เสวยราชสมบัติเป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ส่วนพระธิดาอีกพระองค์หนึ่งคือ เจ้าหญิงมาร์กาเรต โรส ที่ประสูติอีกสี่ปีต่อมา ดยุกและดัชเชสแห่งยอร์กเสด็จเยือนประเทศออสเตรเลียเพื่อเปิดอาคารรัฐสภาในกรุงแคนเบอร์ราในปี ค.ศ. 1927
สมเด็จพระราชินีในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 (ค.ศ. 1936 - ค.ศ. 1952)
การเสวยราชย์และสละราชย์ของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 และการเสวยราชย์ของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6
ในวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 1936 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 เสด็จสวรรคตและการสืบราชสมบัติก็ตกทอดไปสู่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ พระเชษฐาในเจ้าชายอัลเบิร์ต ซึ่งได้เถลิงราชสมบัติเป็นสมเด็จพระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8 ทั้งสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 และ สมเด็จพระราชินีแมรีได้เตรียมรับมือกับความขัดแย้งต่อพระราชโอรสองค์โต อันที่จริงแล้วสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ทรงแสดงความประสงค์ไว้ว่า "ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระเป็นเจ้าว่าขอให้ลูกชายคนโตของข้าพเจ้าจะไม่ได้อภิเษกและจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเบอร์ตีและลิลีเบ็ต และราชบัลลังก์ได้"
ราวกับว่าความประสงค์ของพระบิดาและพระมารดาเป็นจริง เอ็ดเวิร์ดทำให้เกิดขึ้นโดยการยืนยันจะอภิเษกสมรสกับนางวอลลิส ซิมป์สัน แม่ม่ายชาวอเมริกัน แม้ว่าในทางกฎหมายเอ็ดเวิร์ดจะทรงสามารถอภิเษกสมรสกับนางซิมป์สันได้และคงดำรงพระอิสริยยศพระมหากษัตริย์ แต่คณะรัฐมนตรีของพระองค์เสนอแนะว่าประชาชนจะไม่มีทางยอมรับนางซิมป์สันในฐานะพระราชินีได้และยังขัดค้านการอภิเษกสมรสนี้ด้วย อันที่จริงถ้าสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงเพิกเฉยต่อคำแนะนำเหล่านั้น พวกเขาก็จะตัองลาออก และจะทำให้เป็นการทำลายสถานภาพของพระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างยากที่จะเยียวยาได้ จึงทำให้ทรงยอมรับคำแนะนำจากคณะรัฐมนตรีโดยดี พระองค์จึงได้ทรงเลือกที่จะสละราชสมบัติให้แก่เจ้าชายอัลเบิร์ต ซึ่งมิได้ทรงมีความปรารถนาจะเป็นกษัตริย์และทรงได้รับการอบรมมาเพียงน้อยนิด (แม้ว่าทั้งพระชนกและพระชนนีจะคาดหวังกับพระองค์ไว้ล่วงหน้าแล้ว) เจ้าชายอัลเบิร์ตทรงเลือกพระปรมาภิไธยว่า จอร์จที่ 6 พระองค์และเอลิซาเบธ พระชายา ทรงเข้าพิธีราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์และพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ ไอร์แลนด์และดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร สมเด็จพระจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งอินเดียเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1937 ซึ่งเป็นวันที่กำหนดไว้สำหรับพระราชพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8
สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธทรงสนับสนุนการตัดสินใจของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ที่จะไม่พระราชทานพระอิสริยยศชั้นรอยัลไฮเนส (Royal Highness) ให้กับพระชายาและเชื้อสายคนใดในอดีตพระมหากษัตริย์ เมื่อเอ็ดเวิร์ดและวอลลิส ซิมป์สันอภิเษกกัน จึงทำให้นางซิมป์สันเป็นดัชเชสแห่งวินด์เซอร์
การเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1939
ในปี ค.ศ. 1939 สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ และพระราชสวามีทรงเป็นกษัตริย์และพระราชินีในราชบัลลังก์พระองค์ที่เสด็จเยือนประเทศแคนาดาและสหรัฐ การเสด็จเยือนสถานที่ต่าง ๆ ทำให้สองพระองค์ต้องเสด็จไปทั่วประเทศแคนาดาจากอีกฝั่งทะเลหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งทั้งขาไปและกลับ พร้อมทั้งเสด็จอ้อมไปยังสหรัฐอเมริกาในช่วงสั้น โดยทรงพบกับที่ทำเนียบขาวและบ้านพักในบริเวณหุบเขาแม่น้ำฮัดสันด้วย การต้อนรับทั้งสองพระองค์จากชาวแคนาดาและสาธารณชนอเมริกันเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้ความรู้สึกว่าทั้งสองพระองค์เป็นตัวแทนที่ไม่มีความสลักสำคัญของสมเด็จเจ้าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ที่หลงเหลืออยู่มลายหายไป สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธเคยตรัสกับ นายกรัฐมนตรีของแคนาดาว่า "การมาเยือนนี้ทำให้เราเป็นที่รู้จัก" และพระองค์ได้เสด็จกลับมาเยือนแคนาดาอีกหลายครั้งทั้งแบบราชการและส่วนพระองค์
ในประเทศแคนาดาพระองค์ทรงได้รับการกล่าวถึงตลอดพระชนม์ชีพเกี่ยวกับคำตอบแบบฉับพลันตามที่มีรายงานในคราวเสด็จมาถึงในปี ค.ศ. 1939 เมื่อมีทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คนหนึ่งทูลถามพระองค์ในระหว่างการพบปะพสกนิกรติดต่อกันครั้งหนึ่งของทั้งสองพระองค์ในช่วงแรกสุดว่า "ฝ่าพระบาทรงเป็นชาวสก็อตหรือชาวอังกฤษ" พระราชินีตรัสตอบว่า "เราก็เป็นชาวแคนาดาไงล่ะ!"
สงครามโลกครั้งที่ 2
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พระมหากษัตริย์และพระราชินีทรงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความอดทนของชาติ ภายหลังจากการประกาศสงครามได้ไม่นาน ได้มีการจัดทำหนังสือ "The Queen's Book of the Red Cross" (หนังสือกาชาดในสมเด็จพระราชินี) ขึ้น นักประพันธ์และศิลปินจำนวนห้าสิบคนได้ช่วยกันเขียนเนื้อหาภายในเล่ม โดยหน้าปกเป็นพระฉายาลักษณ์ที่ถ่ายโดยและนำออกขายเพื่อช่วยเหลือกาชาด สมเด็จพระราชินีทรงปฏิเสธที่จะเสด็จออกจาก กรุงลอนดอนแม้ว่าจะมีการทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องเมื่อทรงได้รับการถวายคำแนะนำจากเหล่าคณะรัฐมนตรี พระองค์ตรัสว่า "เด็ก ๆ จะไม่ไปไหนทั้งนั้นหากไม่มีเราไปด้วย เราจะไม่ทิ้งพระเจ้าอยู่หัว และพระเจ้าอยู่หัวจะไม่เสด็จหนีไปไหนเด็ดขาด"
พระองค์เสด็จเยี่ยมสถานที่ต่าง ๆ ที่ตกเป็นเป้าทิ้งระเบิดจากกองทัพอากาศนาซีเยอรมันในกรุงลอนดอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตใน East End ใกล้กับเขต London's docks การเสด็จเยี่ยมในตอนแรกทำให้เกิดการต่อต้าน ผู้คนปาเศษขยะและหัวเราะเยาะใส่พระองค์ ส่วนหนึ่งมาจากการที่ฉลองพระองค์ด้วยอาภรณ์ที่หรูหราราคาแพง ซึ่งทำให้พระองค์ผิดแผกแปลกไปจากคนอื่นซึ่งทุกข์ทรมานจากการขาดแคลนสิ่งจำเป็นในการดำรงชีพอันเกิดจากสงคราม พระองค์ตรัสอธิบายว่าถ้าสาธารณชนมาเห็นพระองค์ก็จะแต่งตัวให้ดีที่สุดเช่นกัน ดังนั้นพระองค์จึงต้องตอบสนองไปในแบบเดียวกัน ช่างพระภูษาประจำราชวงศ์ได้ฉลองพระองค์ให้สมเด็จพระราชินีด้วยสีอ่อนหวานและไม่ใช้สีดำเลย เพื่อแสดงให้เห็นถึง "สายรุ้งแห่งความหวัง" เมื่อพระราชวังบักกิงแฮมโดนระเบิดหลายครั้งระหว่างการทิ้งระเบิดหนักที่สุด พระองค์ตรัสว่า "ข้าพเจ้าดีใจที่พวกเราโดนทิ้งระเบิด มันทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าสามารถมองเห็น East End อยู่ไม่ไกลนัก"
แม้ว่าพระมหากษัตริย์และพระราชินีทรงปฏิบัติพระราชภารกิจระหว่างวันที่พระราชวังบักกิงแฮม ในส่วนของความปลอดภัยและเหตุผลของครอบครัวทั้งสองพระองค์จึงประทับค้างคืนที่ปราสาทวินด์เซอร์ (ประมาณ 20 ไมล์ หรือ 35 กิโลเมตรไปทางตะวันตกจากใจกลางกรุงลอนดอน) พร้อมกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธ มกุฎราชกุมารีและเจ้าหญิงมาร์กาเรต สำนักพระราชวังต้องสูญเสียข้าราชบริพารจำนวนมากให้กับกองทัพและห้องในพระราชวังส่วนมากก็ถูกปิดลง
เนื่องจากอิทธิพลของสมเด็จพระราชินีต่อจิตใจชาวอังกฤษ กล่าวกันอดอล์ฟ ฮิตเลอร์เรียกพระองค์เป็น "ผู้หญิงที่อันตรายที่สุดในยุโรป" อย่างไรก็ดี ก่อนสงครามจะประทุขึ้น พระองค์และพระราชสวามี เช่นเดียวกับเสียงข้างมากในรัฐสภาและสาธารณชนอังกฤษได้สนับสนุนการยอมอ่อนข้อและ ที่เชื่อในประสบการณ์จากสงครามโลกครั้งที่ 1 เห็นว่าจะต้องหลีกเลี่ยงสงครามไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลังจากการลาออกของแชมเบอร์เลน สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ทรงขอให้ตั้งรัฐบาลขึ้นมา แม้ว่าในตอนแรกพระองค์ยังทรงลังเลที่จะสนับสนุนเชอร์ชิลล์ แต่ทั้งพระองค์และสมเด็จพระราชินีก็ทรงเคารพนับถือและชื่นชอบในความกล้าหาญและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของเขา
สมเด็จพระราชชนนี (ค.ศ. 1952 - ค.ศ. 2002)
บทบาทใหม่ในความเป็นหม้าย
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1952 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 เสด็จสวรรคตด้วยพระโรคมะเร็งที่บัปผาสะ หลังจากนั้นไม่นานสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น "สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี" พระราชอิสริยยศนี้ได้ถูกนำเอามาใช้เพราะว่าพระราชอิสริยยศตามธรรมดาของพระราชินีหม้ายในกษัตริย์องค์ก่อน "สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ" คล้ายคลึงกับพระราชอิสริยยศของพระธิดาองค์โต ซึ่งตอนนี้คือ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 มากเกินไป พระองค์ทรงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายว่า "สมเด็จพระราชชนนี" หรือ "ควีนมัม"
พระองค์ทรงโทมนัสกับการเสด็จสวรรคตของพระราชสวามีเป็นอย่างมากและได้ทรงปลีกพระองค์ไปประทับยังสก็อตแลนด์ แต่กระนั้นหลังจากการพบปะกับนายวินส์ตัน เชอร์ชิลล์ นายกรัฐมนตรีแล้วก็ทรงเลิกเก็บพระองค์อยู่โดดเดี่ยวและเสด็จกลับมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจเช่นเดิม ในที่สุดพระองค์ก็ทรงงานมากมายในฐานะพระราชชนนีอย่างที่เคยทรงกระทำในสมัยเป็นพระราชินี ในช่วงเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1953 พระองค์เสด็จเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกตั้งแต่งานพระราชพิธีพระบรมศพของพระราชสวามี ไปในการวางฐานเสาหินที่เมือง Mount Pleasant ซึ่งเป็นที่ตั้งของในปัจจุบัน
สมเด็จพระราชชนนียังทรงควบคุมงานบูรณปฏิสังขรณ์ที่ตั้งอยู่ไกลออกไปตรงชายฝั่งมณฑล สก็อตแลนด์ ซึ่งได้เคยทรงใช้เป็นที่ "หลบให้พ้นจากทุกสิ่งทุกอย่าง" เป็นเวลาสามสัปดาห์ในเดือนสิงหาคมและสิบวันในเดือนตุลาคม พระองค์ทรงเริ่มสนพระทัยในการแข่งม้าที่ยังอยู่ต่อเนื่องตลอดพระชนม์ชีพ โดยทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ผู้ชนะจากการแข่งขันจำนวนห้าร้อยรายการ สีฟ้าอ่อนที่โดดเด่นของพระองค์ได้นำมาผูกไว้กับม้ามากมาย อย่างเช่น Special Cargo ซึ่งเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน Whitbread Gold Cup และ The Argonaut ในปี ค.ศ. 1984 แม้ (ตรงข้ามกับข่าวลือ) พระองค์ไม่ทรงเคยวางพนัน แต่ก็ทรงได้บทวิจารณ์การณ์การแข่งขันโดยตรงยัง พระราชฐานในกรุงลอนดอนของพระองค์ ดังนั้นจึงทรงติดตามการแข่งขันได้
ก่อนการอภิเษกสมรสของไดอานา สเปนเซอร์กับเจ้าชายชาลส์และหลังจากการสิ้นพระชนม์ของไดอานา สมเด็จพระราชชนนีซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องของเสน่ห์ส่วนพระองค์และต่อสาธารณชนทรงเป็นสมาชิกที่น่านิยมชมชอบมากที่สุดในพระราชวงศ์อังกฤษ ฉลองพระองค์อันเป็นสัญลักษณ์ที่มีพระมาลาเปิดหน้าประดับด้วยตาข่ายและชุดกระโปรงที่มีดิ้นประดับลายผ้ากลายมาเป็นรูปแบบส่วนพระองค์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ สมเด็จพระราชชนนีทรงมีความรักอันเข้าถึงได้ต่อศิลปะและทรงซื้อผลงานของ และปีเตอร์ คาร์ล ฟาแบร์เช มากกว่าศิลปินคนอื่น ๆ ภาพเขียนต่าง ๆ ที่ทรงซื้อมาได้โอนย้ายไปสู่ (Royal Collection) ภายหลังจากการเสด็จสวรรคตของพระองค์
หนึ่งร้อยพรรษา
ในช่วงปลายพระชนม์ชีพ สมเด็จพระราชชนนีทรงเป็นที่รู้จักในเรื่องของพระชนมายุที่ยืนยาว งานเฉลิมพระชนมพรรษาครบรอบ 100 พรรษาจัดขึ้นในหลายรูปแบบ เช่น ขบวนพาเหรดที่เฉลิมฉลองเหตุการณ์สำคัญในพระชนม์ชีพของพระองค์ การร่วมแสดงของและจอห์น มิลส์ พระองค์ทรงร่วมเสวยพระกระยาหารกลางวันที่ กรุงลอนดอน กับ อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี ซึ่งพยายามจะดื่มไวน์ในแก้วของพระองค์โดยบังเอิญ แต่การรีบห้ามของพระองค์โดยตรัสว่า "นั่นของเรานะ" ได้สร้างความขบขันไปทั่ว
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2001 สมเด็จพระราชชนนีทรงหกล้ม ทำให้กระดูกเชิงกรานของพระองค์ร้าว แต่ยังทรงยืนกรานที่ยืนเคารพเพลงชาติในงานพระราชพิธีรำลึกถึงพระราชสวามีเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ในปีต่อมา เพียงสามวันต่อมา เจ้าหญิงมาร์กาเรต พระราชธิดาพระองค์ที่สองก็สิ้นพระชนม์ลง นอกจากนี้พระองค์ทรงหกล้มและ เกิดบาดแผลบนพระกรในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2002 ณ แพทย์และรถพยาบาลพร้อมด้วยหน่วยช่วยชีวิต (หน่วยหลังมาเพื่อการป้องกันไว้ล่วงหน้า) ถูกเรียกมายังพระราชวังแซนดริงแฮม ซึ่งแพทย์ได้รักษาบาดแผลที่พระกรให้กับพระองค์ แม้ว่าจะทรงหกล้ม สมเด็จพระราชชนนีมีพระประสงค์จะเสด็จไปในงานพระศพของเจ้าหญิงมาร์กาเรตที่ ปราสาทวินด์เซอร์ในสองวันต่อมา ซึ่งเป็นวันศุกร์ในสัปดาห์นั้น สมเด็จพระราชินีนาถและพระบรมวงศ์ต่างก็ทรงเป็นห่วงกับการเสด็จมาของสมเด็จพระราชชนนีซึ่งต้องเสด็จตรงจากนอร์โฟล์คยังวินด์เซอร์ แม้กระนั้นพระองค์ก็เสด็จมาแต่ทรงยืนกรานว่าจะต้องไม่ทรงเผชิญหน้ากับสื่อมวลชนเลย ดังนั้นจึงไม่มีภาพของพระองค์ประทับบนเก้าอี้รถเข็นให้เห็นเลย ซึ่งทำให้ได้เพียงแค่เป็นภาพที่พระองค์ประทับบนรถพระที่นั่งเท่านั้น
สวรรคต
ในวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 2002 เวลา 15.30 นาฬิกา สมเด็จพระราชชนนีเสด็จสวรรคตอย่างสงบขณะบรรทมหลับที่ตำหนักรอยัลล็อดจ์ เมืองวินด์เซอร์ โดยมีสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระราชธิดายังคงทรงพระชนม์ชีพประทับอยู่เคียงข้าง พระองค์ประชวรด้วยโรคหวัดมาตลอดสี่เดือน มีพระชนมพรรษาได้ 101 พรรษาและยังทรงเป็นเชื้อพระวงศ์ที่มีพระชนม์ชีพยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ
พระองค์ทรงปลูกดอกชาในทุกอุทยานของพระองค์ และด้วยพระบรมศพของพระองค์ถูกนำมาจากตำหนักรอยัลล็อดจ์ เมืองวินด์เซอร์เพื่อตั้งไว้ให้พสกนิกรมาสักการะที่ ดอกชาจากอุทยานของพระองค์จึงถูกนำมาวางบนโลงพระบรมศพคลุมด้วยธงพระอิสริยายศประจำพระองค์ พสกนิกรจำนวนมากกว่าสองแสนคนเรียงแถวมาถวายสักการะพระบรมศพเพราะว่าโลงพระบรมศพตั้งอยู่ในห้องโถงใหญ่เวสต์มินสเตอร์ ในอาคารรัฐสภาเป็นเวลาสามวัน ในช่วงเวลานั้นโลงพระบรมศพจะมีทหารม้าของสำนักพระราชวังและจากเหล่าทัพอื่นคุ้มกันอยู่ พระราชนัดดาทั้ง 4 พระองค์ และ 1 ท่านคือ สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งเอดินบะระ และ เดวิด อาร์มสตรอง-โจนส์ เอิร์ลที่ 2 แห่งสโนว์ดอน ได้ประทับยืนคุ้มกันอยู่สี่มุมของโลงพระบรมศพที่จุดหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีเจมส์ บลันท์ พนักงานหน่วยกู้ชีวิตหนุ่ม ซึ่งต่อมากลายเป็นนักร้องชื่อดัง ร่วมยืนแบกโลงพระศพในช่วงเวลาหนึ่งด้วยเหมือนกัน
9 เมษายน ซึ่งเป็นวันพิธีพระบรมศพ พสกนิกรมากกว่าหนึ่งล้านคนอยู่เต็มลานนอกเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์และยาวตลอด 23 ไมล์จากใจกลางกรุงลอนดอนจนถึงที่พำนักสุดท้ายของพระองค์เคียงข้างพระราชสวามีและพระราชธิดาองค์เล็กในโบสถ์เซ็นต์จอร์จ ที่ปราสาทวินด์เซอร์ และจากความต้องการของพระองค์ หลังจากพิธีพระบรมศพให้นำพวงหรีดที่ได้วางอยู่บนโลงพระศพไปวางไว้บนหลุมฝังศพของทหารนิรนามในเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ ซึ่งสะท้อนให้รำลึกถึงวันอภิเษกสมรสของพระองค์
พระราชอิสริยยศและเครื่องราชอิสริยาภรณ์
พระราชอิสริยยศ
- ค.ศ. 1900 – ค.ศ. 1904: เดอะออเนอเรเบิล เอลิซาเบธ โบวส์-ลีออน (The Honourable Elizabeth Bowes-Lyon)
- ค.ศ. 1904 – ค.ศ. 1923: เลดีเอลิซาเบธ โบวส์-ลีออน (Lady Elizabeth Bowes-Lyon)
- ค.ศ. 1923 – ค.ศ. 1936: เฮอร์รอยัลไฮเนส ดัชเชสแห่งยอร์ก (Her Royal Highness The Duchess of York)
- ในประเทศสกอตแลนด์: เฮอร์รอยัลไฮเนส เคาน์เตสแห่งอินเวอร์นีส (Her Royal Highness The Countess of Inverness)
- ค.ศ. 1936 – ค.ศ. 1952: สมเด็จพระราชินี (Her Majesty The Queen)
- ค.ศ. 1952 – ค.ศ. 2002: สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี (Her Majesty Queen Elizabeth The Queen Mother)
ตราพระนามาภิไธยเเละตราอาร์มประจำพระองค์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์พระราชวงศ์แห่งสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 (Member of the Royal Family Order of King George V)
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญจอห์นแห่งเยรูซาเล็ม ชั้นที่ 1 (Dame Grand Cross of the Order of St. John of Jerusalem)
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งจักรวรรดิอังกฤษ ชั้นที่ 1 (Dame Grand Cross of the Order of the British Empire)
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎแห่งอินเดีย ชั้นที่ 1 (Companion of the Order of the Crown of India)
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์การ์เตอร์ (Lady of the Order of the Garter)
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวิกตอเรีย ชั้นสูงสุด (Grand Master and Principal Dame Grand Cross of the Royal Victorian Order)
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์พระราชวงศ์แห่งสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 (Member of the Royal Family Order of King George VI)
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งธิสเทิล (Lady of the Order of the Thistle)
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์พระบรมราชวงศ์แห่งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 (Member of the Royal Family Order of Queen Elizabeth II)
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์ระลึกสมเด็จพระราชชนนีอย่างเป็นทางการ
- บทกวีไว้อาลัยแด่สมเด็จพระราชชนนี
- Queen Elizabeth the Queen Mother 2007-03-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Order of Canada Citation เก็บถาวร 2003-09-02 ที่
- Telegraph.co.uk เก็บถาวร 2007-03-11 ที่
ก่อนหน้า | สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระราชินีแมรี | สมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร ใน สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6แห่งสหราชอาณาจักร | เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ ในฐานะเจ้าชายพระราชสวามี | ||
สมเด็จพระจักรพรรดินีแมรี่แห่งเทก | สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งอินเดีย ใน สมเด็จพระจักรพรรดิจอร์จที่ 6 | สิ้นสุด (เปลี่ยนตำแหน่งจาก จักรพรรดินี เป็น ราชินี) | ||
พระองค์เอง (สถาปนาพระอิสริยศใหม่) | สมเด็จพระราชินีแห่งอินเดีย ใน สมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 6 | สิ้นสุด (พระอิสริยยศสิ้นสุดเนื่องจากอินเดียประกาศเอกราช) |
- "Lafayette Ltd, 3 Crane Court, Fleet St, London - Queen Elizabeth The Queen Mother (1900-2002) when Lady Elizabeth Bowes Lyon in costume, Glamis, 1909". www.rct.uk (ภาษาอังกฤษ).
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir exlisaebth aexngecla marekxrit obws lixxn xngkvs Elizabeth Angela Marguerite Bowes Lyon 4 singhakhm kh s 1900 30 minakhm kh s 2002 epnphraxkhrmehsiinsmedcphraecacxrcthi 6 aehngshrachxanackr aelaepnsmedcphrarachiniaehngshrachxanackraelapraethsinekhruxckrphphtngaet kh s 1936 cnphrarachswamiesdcswrrkhtin kh s 1952 cungdarngphraxisriyysepn smedcphrarachiniexlisaebth phrarachchnni ephuxhlikeliyngkhwamsbsnkbphrarachthidaphraxngkhihykhux smedcphrarachininathexlisaebththi 2 kxnkaresdckhunkhrxngrachsmbtikhxngphraswamiinchwngrahwangpi 1923 cnthungpi 1936 thrngdarngphraxisriyysepndchechsaehngyxrk xikthngyngthrngepnaelaphraxngkhsudthayxikdwy prachachnniymeriykphraxngkhwa khwinmmexlisaebth obws lixxnphrarachchnnismedcphrarachiniaehngshrachxanackr aelapraethsinekhruxckrphphdarngphrays11 thnwakhm 1936 6 kumphaphnth 1952rachaphiesk12 phvsphakhm 1937kxnhnaaemri phrarachini thdipfilip phrarachswami ckrphrrdinieehngxinediydarngphrays11 thnwakhm 1936 15 singhakhm 1947kxnhnackrphrrdiniaemrithdipsinsudphrarachchnniphnpihlwngdarngphrays6 kumphaphnth 1952 30 minakhm 2002phrarachsmphph4 singhakhm kh s 1900 1900 08 04 lxndxn xngkvsswrrkht30 minakhm kh s 2002 2002 03 30 101 pi windesxr ebirkichrfngphrasph9 emsayn kh s 2002 obsthnxyesntcxrc prasathwindesxr windesxr ebirkichrphrarachswamismedcphraecacxrcthi 6 aehngshrachxanackrphrarachbutrsmedcphrarachininathexlisaebththi 2 aehngshrachxanackr ecahyingmarkaert ekhanetsaehngsonwdxnphranametmexlisaebth aexngecla marekxrit obws lixxnrachwngswindesxr odyxphiesk phrarachbidaphrarachmardalayphraxphiithy exlisaebthsungphrarachsmphphinkhrxbkhrwtrakulphudichawskxt idklaymaepnbukhkhlthimichuxesiynginpi 1923 emuxekhaphithixphiesksmrskbecachayxlebirt dyukaehngyxrk phrarachoxrsphraxngkhthisxnginsmedcphraecacxrcthi 5 aela smedcphrarachiniaemri inthanathiepndchechsaehngyxrk phraxngkh phraswamiaelaphrathidathngsxngkhux aelaecahyingmarkaert idthrngptibtitntamaebbkhrxbkhrwchnchnklang dchechsidthrngptibtiphrarachpharkicdansatharnchntang makmayaelaepnthiruckknwa dchechsphuaeymyim xnepnphlmacakkarpraktxngkhtxhnasatharnchnxyuepnpraca aelaemuxhlngxphiesksmrskbecachayxlebirtcnmisxngphrathida wxllis simpsn kidexylxeliynwaexlisaebthepn aemkhrwxwnchawskxt inpi 1936 exlisaebthidthrngklayepnphrarachinixyangimkhadfnemuxsmedcphraecaexdewirdthi 8 idthrngslarachsmbtixyangkathnhnephuxipxphieskkbnangwxllis simpsn aemmaychawxemriknthiekhyhyarangaelwsxngkhrng inthanasmedcphrarachini phraxngkhidodyesdcphrarachswamiipinkaresdceyuxnthangkarthutyngpraethsfrngessaelathwipxemrikaehnuxinchwngkxnekidsngkhramolkkhrngthi 2 inrahwangsngkhramdwykhwamaekhmaekhngeddediywthiimyxthxxyangehnidchdthaihekidaerngsnbsnunthangcitictxsatharnchnxngkvsxyangmakethakbkarsaehniykruthungpharahnathiinthanathiepnekhruxngmuxinkarchwnechux idthaihxdxlf hitelxrklawthungphraxngkhwaepn phuhyingthixntraythisudinyuorp hlngcaksngkhramphraphlanamykhxngphraswamiidxxnaexlngaelathrngklayepnmayemuxphrachnmayu 52 phrrsa inkaresdcipprathbyngtangpraethskhxngphraechsthphrrdaaelakareswyrachsmbtiepnsmedcphrarachininathkhxngphrathidaxngkhihytxnphrachnmayu 26 phrrsaemuxsmedcphrarachiniaemriesdcswrrkhtinpi kh s 1953 phraxngkhidthrngepnechuxphrawngsthixawuosthisudaelaklayepnhwhnakhrxbkhrw inchwngplayphrachnmchiphkyngthrngepnsmachikinphrarachwngsxngkvsthimichuxesiyngxyuxyangtxenuxng khnathismachikphrarachwngsxngkhxun tkxyuinkaresuxmkhwamniymcaksathanchnmakkhun hlngcakkarprachwraelakarsinphrachnmkhxngecahyingmarkaert phrathidaxngkhelkephiyngimnan phraphlanamykhxngphraxngkhkaeylngeruxy aelaidesdcswrrkhtinxikhkspdahphayhlng khnamiphrachnmphrrsa 101 pi 238 wnphrachnmchiphinwyeyawexlisaebth inpi kh s 1909 exlisaebth obws lixxn epnthidakhnthisiaelathiekainsibkhnkhxngokhld txmakhux aela sthanthiekidkhxngexlisaebthyngimepnthithrabaenchd aetwaknwaekidinkhvhasneblekrf xuthyankrxsewenxr thiepnbankhxngphrabidamardainkrunglxndxnaelainrthphyabalmalakkhnacaipyngorngphyabal karekidkhxngexlisaebthidrbkarcdthaebiynthiemuxng ethsmnthlharthfxrdechxr iklkbban sungepnbanphkchnbthkhxngtrakulstrathmxr aelaepnthiekhaphithibphtismaemuxwnthi 23 knyayn kh s 1900 n obsththxngthininekhtnn exlisaebthichchiwitinwyeyawswnmakthiemuxngaela sungepnbankhxngbrrphburusintrakulxyuinemuxng mnthl skxtaelnd idrbkarsuksakhrngaerkthibanodymikhruphieliyngmasxnaelachunchxbkilaklangaecng lukmaaelasunkhxyangmak emuxxayu 8 pi exlisaebthkidekhaeriyninorngeriynaehnghnunginkrunglxndxn odyidthaihehlakhruphusxnprahladicdwykarerimtnekhiyneriyngkhwamdwyxksrkriksxngtwcakhnngsuxchux Anabasis khxngnkprachykriknamwa aelawichathiekngthisudkhux wrrnkhdiaelapratimakrrm hlngcakklbmaeriynhnngsuxepnswntwkbkhruphieliyngchaweyxrmnksamarthphansxbkhxekhiyninkarsxbekbkhaaenn Oxford Local Examination dwykhwamsamarthphiesskhnamixayuephiyng 13 pi eldiexlisaebth obws lixxn n ngankarkusl inpi kh s 1915 inwnekidkhrbrxb 14 pikhxngexlisaebth praethsxngkvsidprakassngkhramkbpraethseyxrmni phichaykhnotthiekharbrachkarxyuinkxngthph Black Watch esiychiwitinhnathiinpi kh s 1915 thiemuxnglus praethsfrngess swnphichayxikkhnhnungkhux imekhil idrbraynganwasuyhayipineduxnphvsphakhm kh s 1917 xyangirkdi ekhaidthukcbiphlngcakidrbbadaephlchkrrcaelaxyuinkhaykhumkhngechlysuksngkhraminchwngtlxdrayaewlasngkhram prasathklamisklaymaepnsthanthiphkfunkhxngehlabrrdathharthidrbbadaephl sungexlisaebthidekhamachwyehluxdwyxphiesksmrskbecachayxlebirtwnxphiesksmrsrahwangecachayxlebirtaelaexlisaebth kh s 1923 eriyngcaksayipkhwa exlisaebth ecachayxlebirt smedcphrarachiniaemri phraecacxrcthi 5 ecachayxlebirt hrux ebxrti thiruckkninhmuphrarachwngs epnphrarachoxrsphraxngkhthisxnginsmedcphraecacxrcthi 5 phraxngkhidthrngkhxxphiesksmrskbexlisaebthkhrngaerkinpi kh s 1921 aetexlisaebthidptiesthphraxngkhodyklawwa klwcaimidkhid phud aelathainsingthikhwrthaxyangxisraesrixiktxip txmaemuxecachayprakaswacaimxphieskkbikhrxikely smedcphrarachiniaemri phramardacungidesdc ipyngprasathklamisdwyphraxngkhexngephuxphbkbhyingsawthiidkhomyhwicphrarachoxrskhxngphraxngkhip phrarachinithrngechuxwaexlisaebthepn phuhyingkhnediywthicathaihebxrtimikhwamsukhid aetkrannphraxngkhkimptiesththicaekhakawkayineruxngkarxphiesk inthisudexlisaebthkyxmtklngthicaxphieskkbecachayebxrti aemwacaynghwadhwnkbchiwitinphrarachwngsktam idmikarprakaskarhmnineduxnmkrakhm kh s 1923 esriphaphkhxngecachayxlebirtinkareluxkexlisaebth sungepnsamychnepnphrachayathuxwaepnsyyanipsukhwamthnsmyinthangkaremuxng enuxngcakinsmykxnbrrdaecachaytxngxphiesksmrskbecahyingcakrachwngsxun thngsxngidekhaphithixphiesksmrsemuxwnthi 26 emsayn kh s 1923 n ewstminsetxraexbbiy krunglxndxn exlisaebthidwangchxdxkimlngbnhlumfngsphkhxngthharnirnamrahwangthangipyngwihar sungnbwaepnthrrmeniymthiecasawinrachwngsptibtisubtx knma aemwainewlatxmaecasaweluxkthicamawangchxdxkimhlngcakekhaphithixphieskaelwmakkwarahwangthangthicaipekhaphithi nbaetnnexlisaebthcungdarngphraxisriyysepn ecahyingdchechsaehngyxrk HRH The Duchess of York thngsxngphraxngkhesdcipdumnaphungphracnthrthi sungepnkhvhasntngxyuinaelatxcaknnkidesdcipyngskxtaelnd inpi kh s 1926 thngsxngphraxngkhkmiphrathidaphraxngkhaerkkhux ecahyingexlisaebth thitxmaideswyrachsmbtiepnsmedcphrarachininathexlisaebththi 2 swnphrathidaxikphraxngkhhnungkhux ecahyingmarkaert ors thiprasutixiksipitxma dyukaeladchechsaehngyxrkesdceyuxnpraethsxxsetreliyephuxepidxakharrthsphainkrungaekhnebxrrainpi kh s 1927smedcphrarachiniinsmedcphraecacxrcthi 6 kh s 1936 kh s 1952 kareswyrachyaelaslarachykhxngsmedcphraecaexdewirdthi 8 aelakareswyrachykhxngsmedcphraecacxrcthi 6 phrabrmsathislksn wadodyesxrecxrld ekhlli inwnthi 20 mkrakhm kh s 1936 smedcphraecacxrcthi 5 esdcswrrkhtaelakarsubrachsmbtiktkthxdipsuecachayexdewird ecachayaehngewls phraechsthainecachayxlebirt sungidethlingrachsmbtiepnsmedcphraecaexdewirdthi 8 thngsmedcphraecacxrcthi 5 aela smedcphrarachiniaemriidetriymrbmuxkbkhwamkhdaeyngtxphrarachoxrsxngkhot xnthicringaelwsmedcphraecacxrcthi 5 thrngaesdngkhwamprasngkhiwwa khaphecaxthisthantxphraepnecawakhxihlukchaykhnotkhxngkhaphecacaimidxphieskaelacaimmixairekidkhunkbebxrtiaelaliliebt aelarachbllngkid rawkbwakhwamprasngkhkhxngphrabidaaelaphramardaepncring exdewirdthaihekidkhunodykaryunyncaxphiesksmrskbnangwxllis simpsn aemmaychawxemrikn aemwainthangkdhmayexdewirdcathrngsamarthxphiesksmrskbnangsimpsnidaelakhngdarngphraxisriyysphramhakstriy aetkhnarthmntrikhxngphraxngkhesnxaenawaprachachncaimmithangyxmrbnangsimpsninthanaphrarachiniidaelayngkhdkhankarxphiesksmrsnidwy xnthicringthasmedcphraecaexdewirdthrngephikechytxkhaaenanaehlann phwkekhakcatxnglaxxk aelacathaihepnkarthalaysthanphaphkhxngphraxngkhinthanathithrngepnphramhakstriyphayitrththrrmnuyxyangyakthicaeyiywyaid cungthaihthrngyxmrbkhaaenanacakkhnarthmntriodydi phraxngkhcungidthrngeluxkthicaslarachsmbtiihaekecachayxlebirt sungmiidthrngmikhwamprarthnacaepnkstriyaelathrngidrbkarxbrmmaephiyngnxynid aemwathngphrachnkaelaphrachnnicakhadhwngkbphraxngkhiwlwnghnaaelw ecachayxlebirtthrngeluxkphraprmaphiithywa cxrcthi 6 phraxngkhaelaexlisaebth phrachaya thrngekhaphithirachaphieskepnphramhakstriyaelaphrarachiniaehngshrachxanackrbrietnihy ixraelndaeladinaednophnthaelkhxngshrachxanackr smedcphrackrphrrdiaelackrphrrdiniaehngxinediyemuxwnthi 12 phvsphakhm kh s 1937 sungepnwnthikahndiwsahrbphrarachphithirachaphieskkhxngsmedcphraecaexdewirdthi 8 smedcphrarachiniexlisaebththrngsnbsnunkartdsinickhxngsmedcphraecacxrcthi 6 thicaimphrarachthanphraxisriyyschnrxylihens Royal Highness ihkbphrachayaaelaechuxsaykhnidinxditphramhakstriy emuxexdewirdaelawxllis simpsnxphieskkn cungthaihnangsimpsnepndchechsaehngwindesxr karesdcphrarachdaenineyuxnpraethsaekhnadaaelashrthxemrikainpi kh s 1939 inpi kh s 1939 smedcphrarachiniexlisaebth aelaphrarachswamithrngepnkstriyaelaphrarachiniinrachbllngkphraxngkhthiesdceyuxnpraethsaekhnadaaelashrth karesdceyuxnsthanthitang thaihsxngphraxngkhtxngesdcipthwpraethsaekhnadacakxikfngthaelhnungipyngxikfnghnungthngkhaipaelaklb phrxmthngesdcxxmipyngshrthxemrikainchwngsn odythrngphbkbthithaeniybkhawaelabanphkinbriewnhubekhaaemnahdsndwy kartxnrbthngsxngphraxngkhcakchawaekhnadaaelasatharnchnxemriknetmipdwykhwamkratuxruxrnepnxyangmak sungthaihkhwamrusukwathngsxngphraxngkhepntwaethnthiimmikhwamslksakhykhxngsmedcecaphraecaexdewirdthi 8 thihlngehluxxyumlayhayip smedcphrarachiniexlisaebthekhytrskb naykrthmntrikhxngaekhnadawa karmaeyuxnnithaiheraepnthiruck aelaphraxngkhidesdcklbmaeyuxnaekhnadaxikhlaykhrngthngaebbrachkaraelaswnphraxngkh inpraethsaekhnadaphraxngkhthrngidrbkarklawthungtlxdphrachnmchiphekiywkbkhatxbaebbchbphlntamthimiraynganinkhrawesdcmathunginpi kh s 1939 emuxmithharphansuksngkhramolkkhrngthihnung khnhnungthulthamphraxngkhinrahwangkarphbpaphsknikrtidtxknkhrnghnungkhxngthngsxngphraxngkhinchwngaerksudwa faphrabathrngepnchawskxthruxchawxngkvs phrarachinitrstxbwa erakepnchawaekhnadaingla sngkhramolkkhrngthi 2 smedcphraecacxrcthi 6 aelasmedcphrarachiniexlisaebth esdcphrarachdaeninphrxmdwyexelnxr orsewlt klang n krunglxndxn wnthi 23 tulakhm kh s 1942 inchwngsngkhramolkkhrngthisxng phramhakstriyaelaphrarachinithrngklayepnsylksnaehngkhwamxdthnkhxngchati phayhlngcakkarprakassngkhramidimnan idmikarcdthahnngsux The Queen s Book of the Red Cross hnngsuxkachadinsmedcphrarachini khun nkpraphnthaelasilpincanwnhasibkhnidchwyknekhiynenuxhaphayinelm odyhnapkepnphrachayalksnthithayodyaelanaxxkkhayephuxchwyehluxkachad smedcphrarachinithrngptiesththicaesdcxxkcak krunglxndxnaemwacamikarthingraebidxyangtxenuxngemuxthrngidrbkarthwaykhaaenanacakehlakhnarthmntri phraxngkhtrswa edk caimipihnthngnnhakimmieraipdwy eracaimthingphraecaxyuhw aelaphraecaxyuhwcaimesdchniipihneddkhad phraxngkhesdceyiymsthanthitang thitkepnepathingraebidcakkxngthphxakasnasieyxrmninkrunglxndxn odyechphaaxyangyingekhtin East End iklkbekht London s docks karesdceyiymintxnaerkthaihekidkartxtan phukhnpaesskhyaaelahweraaeyaaisphraxngkh swnhnungmacakkarthichlxngphraxngkhdwyxaphrnthihruhrarakhaaephng sungthaihphraxngkhphidaephkaeplkipcakkhnxunsungthukkhthrmancakkarkhadaekhlnsingcaepninkardarngchiphxnekidcaksngkhram phraxngkhtrsxthibaywathasatharnchnmaehnphraxngkhkcaaetngtwihdithisudechnkn dngnnphraxngkhcungtxngtxbsnxngipinaebbediywkn changphraphusapracarachwngsidchlxngphraxngkhihsmedcphrarachinidwysixxnhwanaelaimichsidaely ephuxaesdngihehnthung sayrungaehngkhwamhwng emuxphrarachwngbkkingaehmodnraebidhlaykhrngrahwangkarthingraebidhnkthisud phraxngkhtrswa khaphecadiicthiphwkeraodnthingraebid mnthaihkhaphecarusukwasamarthmxngehn East End xyuimiklnk aemwaphramhakstriyaelaphrarachinithrngptibtiphrarachpharkicrahwangwnthiphrarachwngbkkingaehm inswnkhxngkhwamplxdphyaelaehtuphlkhxngkhrxbkhrwthngsxngphraxngkhcungprathbkhangkhunthiprasathwindesxr praman 20 iml hrux 35 kiolemtripthangtawntkcakicklangkrunglxndxn phrxmkbecahyingexlisaebth mkudrachkumariaelaecahyingmarkaert sankphrarachwngtxngsuyesiykharachbripharcanwnmakihkbkxngthphaelahxnginphrarachwngswnmakkthukpidlng enuxngcakxiththiphlkhxngsmedcphrarachinitxciticchawxngkvs klawknxdxlf hitelxreriykphraxngkhepn phuhyingthixntraythisudinyuorp xyangirkdi kxnsngkhramcaprathukhun phraxngkhaelaphrarachswami echnediywkbesiyngkhangmakinrthsphaaelasatharnchnxngkvsidsnbsnunkaryxmxxnkhxaela thiechuxinprasbkarncaksngkhramolkkhrngthi 1 ehnwacatxnghlikeliyngsngkhramimwaxyangirktam hlngcakkarlaxxkkhxngaechmebxreln smedcphraecacxrcthi 6 thrngkhxihtngrthbalkhunma aemwaintxnaerkphraxngkhyngthrnglngelthicasnbsnunechxrchill aetthngphraxngkhaelasmedcphrarachinikthrngekharphnbthuxaelachunchxbinkhwamklahayaelakhwamepnnahnungicediywkhxngekhasmedcphrarachchnni kh s 1952 kh s 2002 bthbathihminkhwamepnhmay emuxwnthi 6 kumphaphnth kh s 1952 smedcphraecacxrcthi 6 esdcswrrkhtdwyphraorkhmaerngthibpphasa hlngcaknnimnansmedcphrarachiniexlisaebththrngdarngphraxisriyysepn smedcphrarachiniexlisaebth phrarachchnni phrarachxisriyysniidthuknaexamaichephraawaphrarachxisriyystamthrrmdakhxngphrarachinihmayinkstriyxngkhkxn smedcphrarachiniexlisaebth khlaykhlungkbphrarachxisriyyskhxngphrathidaxngkhot sungtxnnikhux smedcphrarachininathexlisaebththi 2 makekinip phraxngkhthrngepnthiruckxyangaephrhlaywa smedcphrarachchnni hrux khwinmm phraxngkhthrngothmnskbkaresdcswrrkhtkhxngphrarachswamiepnxyangmakaelaidthrngplikphraxngkhipprathbyngskxtaelnd aetkrannhlngcakkarphbpakbnaywinstn echxrchill naykrthmntriaelwkthrngelikekbphraxngkhxyuoddediywaelaesdcklbmaptibtiphrarachkrniykicechnedim inthisudphraxngkhkthrngnganmakmayinthanaphrarachchnnixyangthiekhythrngkrathainsmyepnphrarachini inchwngeduxnkrkdakhm kh s 1953 phraxngkhesdceyuxntangpraethsepnkhrngaerktngaetnganphrarachphithiphrabrmsphkhxngphrarachswami ipinkarwangthanesahinthiemuxng Mount Pleasant sungepnthitngkhxnginpccubn smedcphrarachchnniyngthrngkhwbkhumnganburnptisngkhrnthitngxyuiklxxkiptrngchayfngmnthl skxtaelnd sungidekhythrngichepnthi hlbihphncakthuksingthukxyang epnewlasamspdahineduxnsinghakhmaelasibwnineduxntulakhm phraxngkhthrngerimsnphrathyinkaraekhngmathiyngxyutxenuxngtlxdphrachnmchiph odythrngepnxngkhxupthmphphuchnacakkaraekhngkhncanwnharxyraykar sifaxxnthioddednkhxngphraxngkhidnamaphukiwkbmamakmay xyangechn Special Cargo sungepnphuchnainkaraekhngkhn Whitbread Gold Cup aela The Argonaut inpi kh s 1984 aem trngkhamkbkhawlux phraxngkhimthrngekhywangphnn aetkthrngidbthwicarnkarnkaraekhngkhnodytrngyng phrarachthaninkrunglxndxnkhxngphraxngkh dngnncungthrngtidtamkaraekhngkhnid kxnkarxphiesksmrskhxngidxana sepnesxrkbecachaychalsaelahlngcakkarsinphrachnmkhxngidxana smedcphrarachchnnisungepnthiruckineruxngkhxngesnhswnphraxngkhaelatxsatharnchnthrngepnsmachikthinaniymchmchxbmakthisudinphrarachwngsxngkvs chlxngphraxngkhxnepnsylksnthimiphramalaepidhnapradbdwytakhayaelachudkraoprngthimidinpradblayphaklaymaepnrupaebbswnphraxngkhthioddednepnphiess smedcphrarachchnnithrngmikhwamrkxnekhathungidtxsilpaaelathrngsuxphlngankhxng aelapietxr kharl faaebrech makkwasilpinkhnxun phaphekhiyntang thithrngsuxmaidoxnyayipsu Royal Collection phayhlngcakkaresdcswrrkhtkhxngphraxngkh hnungrxyphrrsa inchwngplayphrachnmchiph smedcphrarachchnnithrngepnthiruckineruxngkhxngphrachnmayuthiyunyaw nganechlimphrachnmphrrsakhrbrxb 100 phrrsacdkhuninhlayrupaebb echn khbwnphaehrdthiechlimchlxngehtukarnsakhyinphrachnmchiphkhxngphraxngkh karrwmaesdngkhxngaelacxhn mils phraxngkhthrngrwmeswyphrakrayaharklangwnthi krunglxndxn kb xarchbichxpaehngaekhnethxrebxri sungphyayamcadumiwninaekwkhxngphraxngkhodybngexiy aetkarribhamkhxngphraxngkhodytrswa nnkhxngerana idsrangkhwamkhbkhnipthw ineduxnthnwakhm kh s 2001 smedcphrarachchnnithrnghklm thaihkradukechingkrankhxngphraxngkhraw aetyngthrngyunkranthiyunekharphephlngchatiinnganphrarachphithiralukthungphrarachswamiemuxwnthi 6 kumphaphnthinpitxma ephiyngsamwntxma ecahyingmarkaert phrarachthidaphraxngkhthisxngksinphrachnmlng nxkcakniphraxngkhthrnghklmaela ekidbadaephlbnphrakrinwnthi 13 kumphaphnth kh s 2002 n aephthyaelarthphyabalphrxmdwyhnwychwychiwit hnwyhlngmaephuxkarpxngkniwlwnghna thukeriykmayngphrarachwngaesndringaehm sungaephthyidrksabadaephlthiphrakrihkbphraxngkh aemwacathrnghklm smedcphrarachchnnimiphraprasngkhcaesdcipinnganphrasphkhxngecahyingmarkaertthi prasathwindesxrinsxngwntxma sungepnwnsukrinspdahnn smedcphrarachininathaelaphrabrmwngstangkthrngepnhwngkbkaresdcmakhxngsmedcphrarachchnnisungtxngesdctrngcaknxroflkhyngwindesxr aemkrannphraxngkhkesdcmaaetthrngyunkranwacatxngimthrngephchiyhnakbsuxmwlchnely dngnncungimmiphaphkhxngphraxngkhprathbbnekaxirthekhnihehnely sungthaihidephiyngaekhepnphaphthiphraxngkhprathbbnrthphrathinngethannswrrkhtinwnthi 30 minakhm kh s 2002 ewla 15 30 nalika smedcphrarachchnniesdcswrrkhtxyangsngbkhnabrrthmhlbthitahnkrxyllxdc emuxngwindesxr odymismedcphrarachininathexlisaebththi 2 phrarachthidayngkhngthrngphrachnmchiphprathbxyuekhiyngkhang phraxngkhprachwrdwyorkhhwdmatlxdsieduxn miphrachnmphrrsaid 101 phrrsaaelayngthrngepnechuxphrawngsthimiphrachnmchiphyawnanthisudinprawtisastrxngkvs phraxngkhthrngplukdxkchainthukxuthyankhxngphraxngkh aeladwyphrabrmsphkhxngphraxngkhthuknamacaktahnkrxyllxdc emuxngwindesxrephuxtngiwihphsknikrmaskkarathi dxkchacakxuthyankhxngphraxngkhcungthuknamawangbnolngphrabrmsphkhlumdwythngphraxisriyayspracaphraxngkh phsknikrcanwnmakkwasxngaesnkhneriyngaethwmathwayskkaraphrabrmsphephraawaolngphrabrmsphtngxyuinhxngothngihyewstminsetxr inxakharrthsphaepnewlasamwn inchwngewlannolngphrabrmsphcamithharmakhxngsankphrarachwngaelacakehlathphxunkhumknxyu phrarachnddathng 4 phraxngkh aela 1 thankhux smedcphraecachalsthi 3 aehngshrachxanackr ecachayaexndruw dyukaehngyxrk ecachayexdewird dyukaehngexdinbara aela edwid xarmstrxng ocns exirlthi 2 aehngsonwdxn idprathbyunkhumknxyusimumkhxngolngphrabrmsphthicudhnung nxkcakniyngmiecms blnth phnknganhnwykuchiwithnum sungtxmaklayepnnkrxngchuxdng rwmyunaebkolngphrasphinchwngewlahnungdwyehmuxnkn 9 emsayn sungepnwnphithiphrabrmsph phsknikrmakkwahnunglankhnxyuetmlannxkewstminsetxraexbbiyaelayawtlxd 23 imlcakicklangkrunglxndxncnthungthiphanksudthaykhxngphraxngkhekhiyngkhangphrarachswamiaelaphrarachthidaxngkhelkinobsthesntcxrc thiprasathwindesxr aelacakkhwamtxngkarkhxngphraxngkh hlngcakphithiphrabrmsphihnaphwnghridthiidwangxyubnolngphrasphipwangiwbnhlumfngsphkhxngthharnirnaminewstminsetxraexbbiy sungsathxnihralukthungwnxphiesksmrskhxngphraxngkhphrarachxisriyysaelaekhruxngrachxisriyaphrnphrarachxisriyys kh s 1900 kh s 1904 edxaxxenxerebil exlisaebth obws lixxn The Honourable Elizabeth Bowes Lyon kh s 1904 kh s 1923 eldiexlisaebth obws lixxn Lady Elizabeth Bowes Lyon kh s 1923 kh s 1936 ehxrrxylihens dchechsaehngyxrk Her Royal Highness The Duchess of York inpraethsskxtaelnd ehxrrxylihens ekhanetsaehngxinewxrnis Her Royal Highness The Countess of Inverness kh s 1936 kh s 1952 smedcphrarachini Her Majesty The Queen kh s 1952 kh s 2002 smedcphrarachiniexlisaebth phrarachchnni Her Majesty Queen Elizabeth The Queen Mother traphranamaphiithyeelatraxarmpracaphraxngkhekhruxngrachxisriyaphrn ekhruxngrachxisriyaphrnphrarachwngsaehngsmedcphraecacxrcthi 5 Member of the Royal Family Order of King George V ekhruxngrachxisriyaphrnnkbuycxhnaehngeyrusaelm chnthi 1 Dame Grand Cross of the Order of St John of Jerusalem ekhruxngrachxisriyaphrnaehngckrwrrdixngkvs chnthi 1 Dame Grand Cross of the Order of the British Empire ekhruxngrachxisriyaphrnmngkudaehngxinediy chnthi 1 Companion of the Order of the Crown of India ekhruxngrachxisriyaphrnkaretxr Lady of the Order of the Garter ekhruxngrachxisriyaphrnrachwiktxeriy chnsungsud Grand Master and Principal Dame Grand Cross of the Royal Victorian Order ekhruxngrachxisriyaphrnphrarachwngsaehngsmedcphraecacxrcthi 6 Member of the Royal Family Order of King George VI ekhruxngrachxisriyaphrnaehngthisethil Lady of the Order of the Thistle ekhruxngrachxisriyaphrnphrabrmrachwngsaehngsmedcphrarachininathexlisaebththi 2 Member of the Royal Family Order of Queen Elizabeth II aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb smedcphrarachiniexlisaebth phrarachchnni ewbistraluksmedcphrarachchnnixyangepnthangkar bthkwiiwxalyaedsmedcphrarachchnni Queen Elizabeth the Queen Mother 2007 03 12 thi ewyaebkaemchchin Order of Canada Citation ekbthawr 2003 09 02 thi Telegraph co uk ekbthawr 2007 03 11 thikxnhna smedcphrarachiniexlisaebth phrarachchnni thdipsmedcphrarachiniaemri smedcphrarachiniaehngshrachxanackr in smedcphraecacxrcthi 6aehngshrachxanackr ecachayfilip dyukaehngexdinbara inthanaecachayphrarachswamismedcphrackrphrrdiniaemriaehngethk smedcphrackrphrrdiniaehngxinediy in smedcphrackrphrrdicxrcthi 6 sinsud epliyntaaehnngcak ckrphrrdini epn rachini phraxngkhexng sthapnaphraxisriysihm smedcphrarachiniaehngxinediy in smedcphrarachathibdicxrcthi 6 sinsud phraxisriyyssinsudenuxngcakxinediyprakasexkrach Lafayette Ltd 3 Crane Court Fleet St London Queen Elizabeth The Queen Mother 1900 2002 when Lady Elizabeth Bowes Lyon in costume Glamis 1909 www rct uk phasaxngkvs