สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (12 เมษายน พ.ศ. 2403 - 2 สิงหาคม พ.ศ. 2464) เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์ที่ 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จสถิต ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ได้รับมหาสมณุตตมาภิเษกเมื่อปี พ.ศ. 2453 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ดำรงพระอิสริยยศ 11 พรรษา สิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. 2464 พระชันษา 61 ปี 112 วัน
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส | |
---|---|
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก | |
สมเด็จพระสังฆราชไทย พระองค์ที่ 10 | |
ดำรงพระยศ | 5 ธันวาคม พ.ศ. 2453 - 2 สิงหาคม พ.ศ. 2464 (10 ปี 241 วัน) |
สมณุตตมาภิเษก | 5 ธันวาคม พ.ศ. 2453 |
ก่อนหน้า | สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (สา ปุสฺสเทโว) |
ถัดไป | พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์จักรี |
ประสูติ | 12 เมษายน พ.ศ. 2403 |
สิ้นพระชนม์ | 2 สิงหาคม พ.ศ. 2464 (61 ปี) วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร |
พระบิดา | พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
พระมารดา | เจ้าจอมมารดาแพ ในรัชกาลที่ 4 |
พระประวัติ
พระกำเนิด
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาแพ ประสูติเมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2403 ในวันที่พระองค์ประสูตินั้นฝนตกหนักมากราวกับฟ้ารั่ว เหมือนนาคให้น้ำบริเวณนั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัวจึงพระราชทานนามว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ต่อมา เจ้าจอมมารดาแพถึงแก่กรรมลงในขณะที่พระองค์มีพระชันษาเพียง 1 ปี พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุตรี ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระมาตุจฉา จึงทรงรับไปเลี้ยงดู เมื่อทรงเจริญวัยทรงพระดำเนินได้ รับสั่งได้คล่องแคล่ว จึงเสด็จพำนักอยู่กับ ซึ่งเป็นยายแท้ ๆ
ผนวช
เมื่อพระชันษาได้ 8 ปี ทรงเริ่มศึกษาภาษาบาลี จนสามารถแปลธรรมบทได้ก่อนผนวชเป็นสามเณร นอกจากนี้ยังทรงศึกษาภาษาอังกฤษและโหราศาสตร์ อีกด้วย ถึงปี พ.ศ. 2416 เมื่อพระชันษาได้ 13 ปี ได้ทรงผนวชเป็นสามเณร โดยมีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และหม่อมเจ้าพระธรรมมุณหิศธาดา (สีขเรศ วุฑฺฒิสฺสโร) ทรงเป็นผู้ประทานศีล 10 หลังจากทรงบรรพชาแล้วได้ประทับอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ประมาณ 2 เดือน จึงทรงลาผนวช
ครั้นครบปีบวช (พระชันษา 20 ปี) ได้ทรงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2422 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌายาจารย์ และพระจันทรโคจรคุณ (ยิ้ม จนฺทรํสี) วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร อยู่ 1 พรรษา จึงย้ายไปประทับที่วัดมกุฏกษัตริยารามเพื่อศึกษาข้อวัตรปฏิบัติของพระจันทรโคจรคุณผู้เป็นพระอาจารย์ ในระหว่างนั้นได้ทรงทำหรือการบวชซ้ำ ที่วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร โดยมีพระจันทรโคจรคุณ (ยิ้ม จนฺทรํสี) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาเดช ฐานจาโร วัดโสมนัสวิหาร เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอิสริยยศ
ธรรมเนียมพระยศของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส | |
---|---|
ตราประจำพระองค์ | |
การทูล | ใต้ฝ่าพระบาท |
การแทนตน | ข้าพระพุทธเจ้า |
การขานรับ | พะยะค่ะ/เพคะ |
เมื่อผนวชได้ 3 พรรษา ทรงเข้าแปลพระปริยัติธรรมหน้าพระที่นั่ง ทรงแปลได้เป็นเปรียญธรรม 5 ประโยค จากนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส และเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองในธรรมยุติกนิกาย เมื่อปี พ.ศ. 2424 พระองค์ได้ครองวัดบวรนิเวศวิหาร สืบต่อจากสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศฯ เมื่อปี พ.ศ. 2434 และในปี พ.ศ. 2436 ได้รับโปรดเกล้าเพิ่มพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระราชาคณะเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต มีราชทินนามว่า พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส สุนทรพรตวิสุทธิพรหมจรรย์ วิมลศีลขันธ์วรธรรมยุตติ์ ศรีวิสุทธิคณะนายก สาสนดิลกธรรมานุวาทย์ บริสัษยนารถสมณุดมบรมบพิตร
วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2449 พระองค์ได้รับสถาปนาเลื่อนพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส สุนทรพรตวิสุทธิพรหมจรรย์ วิมลศีลขันธ์ธรรมวรยุต ศรีวิสุทธิคณนายก สาสนดิลกธรรมานุวาทย์ บริสัษยนารถสมณุดมบรมบพิตร และเมื่อปี พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งพระราชพิธีมหาสมณุตมาภิเษก แต่งตั้งเป็นเจ้าคณะใหญ่แห่งพระสงฆ์ ทั้งกรุงเทพมหานคร และหัวเมืองทั่วพระราชอาณาเขต และเลื่อนพระอิสริยยศจากกรมหลวงขึ้นเป็นกรมพระยา มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ศรีสุคตขัตติยพรหมจารี สรรเพชญรังศีกัลยาณวากย์ มนุษยนาคอเนญชาริยวงษ์ บรมพงศาธิบดี จักรีบรมนาถประนับดา มหามกุฏกษัตรราชวรางกูร จุฬาลงกรณ์ปรมินทรสูรครุฐานิยภาดา วชิราวุธมหาราชหิโตปัธยาจารย์ ศุภศีลสารมหาวิมลมงคลธรรมเจดีย์ สุตพุทธมหากวี ตรีปิฏกาทิโกศล เบญจปฎลเศวตฉัตร ศิริรัตโนปลักษณมหาสมณุตมาภิเษกาภิษิต วิชิตมารสราพกธรรมเสนาบดี อมรโกษินทรโมลีมหาสงฆปรินายก พุทธศาสนดิลกโลกุตมมหาบัณฑิตย์ สิทธรรถนานานิรุกติประติภาน มโหฬารเมตตาภิธยาศรัย พุทธาทิรัตนตรัยสรณารักษ์ เอกอัครมหาอนาคาริยรัตน์ สยามาธิปัตยพุทธบริษัทเนตร สมณคณินทราธิเบศสกลพุทธจักรกฤตโยปการ มหาปาโมกขประธานสถาวีรวโรดม บรมนาถบพิตร
หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริว่า การเรียกพระนามพระราชวงศ์ซึ่งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระประมุขแห่งสังฆมณฑลแต่เดิมนั้นเรียกตามพระอิสริยยศแห่งพระบรมราชวงศ์ ไม่ได้เรียกตามสมณศักดิ์ของพระประมุขแห่งสังฆมณฑล คือ "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ" พระองค์จึงเปลี่ยนคำนำพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระประมุขแห่งสังฆมณฑลว่า "สมเด็จพระมหาสมณเจ้า" เพื่อให้ปรากฏพระนามในส่วนสมณศักดิ์ด้วย โดยพระองค์ได้เปลี่ยนคำนำพระนามของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เพื่อเฉลิมพระเกียรติเป็นพระองค์แรก
ในปีต่อมาคือ ปี พ.ศ. 2454 พระองค์ได้ทรงมีลายพระหัตถ์ถึงเสนาบดีกระทรวงธรรมการ มีความว่า ควรถวายอำนาจในการปกครองคณะสงฆ์แก่พระองค์ ในฐานะที่ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชให้เด็ดขาด เพื่อให้การปกครองคณะสงฆ์เรียบร้อย หลังจากนั้นอีก 6 เดือน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงมอบการทั้งปวงซึ่งเป็นกิจธุระพระศาสนา ถวายแด่พระองค์ผู้เป็นมหาสังฆปริณายก ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2455
สิ้นพระชนม์
สมเด็จพระมหาสมณเจ้าประชวรด้วยวัณโรค มีพระอาการเรื้อรังมานานนับสิบปี จนกำเริบรุนแรงเกินกว่าความสามารถของแพทย์หลวง ในที่สุดสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ก็สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2464 สิริรวมพระชันษาได้ 61 ปี ครองวัดบวรนิเวศวิหารนาน 30 ปี ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชอยู่ 10 ปี 7 เดือน
งานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เริ่มในวันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2465 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปบำเพ็ญพระราชกุศลที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ทุกวันตั้งแต่วันดังกล่าว จนถึงวันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน เวลา 16:00 น. จึงโปรดให้เคลื่อนพระศพไปประดิษฐานยังพระจิตกาธาน ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง แล้วพระราชทานเพลิงพระศพ เช้าวันต่อมาเจ้าพนักงานภูษามาลาดับพระเพลิงแล้วประมวลพระอัฐิ เวลา 07:00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาเก็บพระอัฐิประมวลลงในพระโกศทองลงยา แล้วให้เจ้าพนักงานเชิญพระโกศไปประดิษฐานในบุษบก ณ พระที่นั่งทรงธรรม ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเสร็จแล้ว จึงโปรดให้เจ้าพนักงงานเชิญพระโกศไปประดิษฐานที่พระตำหนักเพ็ชร ช่วงบ่ายเสด็จฯ มาทรงสดับพระพุทธมนต์และพระธรรมเทศนา จากนั้นในวันอังคารที่ 11 เมษายน ได้เสด็จฯ มาบำเพ็ญพระราชกุศลอีกครั้ง แล้วบรรจุพระอังคารเข้าในฐานพระพุทธไสยา มุขหลังวิหารพระศรีศาสดา แล้วเสด็จฯ กลับ
พระกรณียกิจ
ทรงเริ่มพัฒนาการพระศาสนา โดยเริ่มต้นที่วัดบวรนิเวศวิหาร ได้แก่ริเริ่มให้ภิกษุสามเณรที่บวชใหม่ เรียนพระธรรมวินัยในภาษาไทย มีการสอบความรู้ด้วยวิธีเขียน ต่อมาจึงกำหนดให้เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับคณะสงฆ์ เรียกว่า นักธรรม ทรงจัดตั้ง มหามกุฎราชวิทยาลัย เป็นการริเริ่มจัดการศึกษาของพระภิกษุ สามเณรแบบใหม่ คือ เรียนพระปริยัติธรรม ประกอบกับวิชาการอื่น ที่เอื้ออำนวยต่อการสอนพระพุทธศาสนา ผู้ที่สอบได้จะได้เป็นเปรียญเช่นเดียวกับที่สอบได้ในสนามหลวง เรียกว่า เปรียญมหามงกุฎ แต่ได้เลิกไปในอีก 8 ปีต่อมา ทรงออกนิตยสาร ธรรมจักษุ ซึ่งเป็นนิตยสารทางพระพุทธศาสนา ฉบับแรกของไทย
ทรงอำนวยการจัดการศึกษาหัวเมืองทั่วราชอาณาจักรเมื่อปี พ.ศ. 2441 ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่จะขยายการศึกษาขั้นพื้นฐานไปยังประชาชนทั่วราชอาณาจักร ทรงเห็นว่า วัดเป็นแหล่งให้การศึกษาแก่คนไทยมาแต่โบราณกาล เป็นการขยายการศึกษาได้เร็วและทั่วถึง เพราะมีวัดอยู่ทั่วไปในพระราชอาณาจักร ไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน งานนี้มีกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยสนับสนุน พระองค์ดำเนินการอยู่ 5 ปี ก็สามารถขยายการศึกษาขั้นพื้นฐานคือ ชั้นประถมศึกษา ออกไปได้ทั่วประเทศ จากนั้นจึงให้กระทรวงธรรมการ ดำเนินการต่อไป
ทรงปรับปรุงการปกครองคณะสงฆ์ เพื่อให้การปกครองคณะสงฆ์เป็นไปด้วยดี เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาตนเอง และประเทศชาติ จึงเกิด พ.ร.บ. ลักษณะปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. 121 (พ.ศ. 2445) ขึ้น ซึ่งเป็น พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ฉบับแรกของไทย สาระสำคัญของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ได้จัดคณะสงฆ์ออกเป็น 4 คณะ คือ คณะเหนือ คณะใต้ คณะกลาง และคณะธรรมยุติกา มีสมเด็จพระราชาคณะเป็นเจ้าคณะ และมีพระราชาคณะรอง คณะละหนึ่งรูป รวมเป็น 8 รูป ทั้ง 8 รูปนี้ยกขึ้นเป็น มหาเถรสมาคม เป็นองค์กรสูงสุดของคณะสงฆ์ และเป็นที่ปรึกษาในการพระศาสนา และการคณะสงฆ์ของพระมหากษัตริย์ มีเจ้าคณะปกครองลดหลั่นไปตามลำดับคือ เจ้าคณะมณฑล เจ้าคณะเมือง เจ้าคณะแขวง และเจ้าอาวาส มีเสนาบดีกระทรวงธรรมการ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ มหาเถรสมาคมเป็นเพียง ที่ทรงปรึกษา ขององค์พระมหากษัตริย์ ดังนั้นกระทรวงธรรมการ จึงต้องทำหน้าที่สังฆราชโดยปริยาย
พระองค์ได้ทรงปรับปรุงการพระพุทธศาสนา และทางคณะสงฆ์ในด้านต่าง ๆ เป็นอันมากโดยเริ่มงานตั้งแต่เสด็จไปตรวจการคณะสงฆ์ในหัวเมืองต่าง ๆ เกือบทั่วราชอาณาจักร โดยกระทำอย่างต่อเนื่องทุกปีเกือบ ตลอดพระชนม์ชีพ ทำให้ทรงทราบความเป็นไปของคณะสงฆ์ และของประชาชนในภูมิภาคต่าง ๆ เป็นอย่างดี และนำข้อมูลและปัญหาต่าง ๆ มาปรับปรุง แก้ไขในทุก ๆ ด้าน พอประมวลได้ดังนี้
- ด้านการพระศาสนา พระองค์ได้พัฒนาภิกษุสามเณร ให้มีความรู้ความสามารถในพระธรรมวินัย เพื่อจะได้แนะนำสั่งสอนประชาชนได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ทรงผลิตตำราและหนังสือทางพระพุทธศาสนา ที่คนทั่วไปสามารถอ่านทำความเข้าใจได้ง่าย
- ด้านการคณะสงฆ์ ทรงออกพระมหาสมณาณัติ ประทานพระวินิจฉัยและทรงวางระเบียบ แบบแผน เกี่ยวกับความประพฤติปฏิบัติของพระภิกษุสามเณรในด้านต่าง ๆ ให้ถูกต้องเป็นมาตรฐาน เช่น ระเบียบเกี่ยวกับพระอุปัชฌาย์ การบรรพชาอุปสมบท การปกครองภิกษุสามเณรและศิษย์วัด การวินิจฉัยอธิกรณ์ ระเบียบเกี่ยวกับ สมณศักดิ์ พัดยศ นิตยภัต ดวงตราประจำตำแหน่ง เป็นต้น
- ด้านการศึกษา ทรงปรับปรุงการศึกษาของคณะสงฆ์ให้ทันสมัย ทรงจัดการศึกษาพระปริยัติ ธรรมเพิ่มขึ้นจากแบบเดิมที่ศึกษาภาษาบาลี โดยให้ศึกษาพระธรรมวินัยในภาษาไทยเรียกว่า หลักสูตร นักธรรม
- งานพระนิพนธ์ พระองค์ทรงรอบรู้ภาษาต่าง ๆ หลายภาษา คือ ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส ได้ทรงนิพนธ์เรื่องต่าง ๆ ไว้เป็นอันมาก เช่น พระประวัติตรัสเล่า หนังสือหลักสูตรนักธรรมชั้นตรี โท เอก หลักสูตรบาลี ไวยากรณ์ทั้งชุด รวมพระนิพนธ์ทั้งหมดมีมากกว่า 200 เรื่อง นอกจากนี้ยังทรงชำระ คัมภีร์บาลีไว้กว่า 20 คัมภีร์
พงศาวลี
พงศาวลีของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- พระประวัติตรัสเล่า, หน้า 9
- 19 สมเด็จพระสังฆราชกรุงรัตนโกสินทร์, หน้า 143
- 19 สมเด็จพระสังฆราชกรุงรัตนโกสินทร์, หน้า 144
- พระประวัติตรัสเล่า, หน้า 67
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศตั้งตำแหน่งพระสงฆ์, เล่ม 10, หน้า 391
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศเลื่อนพระนามกรม, เล่ม 23, หน้า 848-850
- ราชกิจจานุเบกษา, พระราชพิธีมหาสมณุตมาภิเศก สมเด็จพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส, เล่ม ๒๗, ตอน ๐ ง , ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๓, หน้า ๒๕๖๒
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศมหาสมณุตมาภิเศก, เล่ม 27, หน้า 2579-2587
- ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า, เล่ม ๓๘, ตอน ๐ ก ,๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๔, หน้า ๑๐
- พระเกียรติคุณสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ), หน้า 37
- ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส, เล่ม ๓๘, ตอน ง, ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๔, หน้า ๑๒๓๙
- 19 สมเด็จพระสังฆราชกรุงรัตนโกสินทร์, หน้า 151
- ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวในพระราชสำนัก วันศุกร์ที่ ๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๖๕, เล่ม ๓๙, ตอน ๐ ง, ๑๖ เมษายน ๒๔๖๕, หน้า ๑๒๑
- ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวในพระราชสำนัก วันอาทิตย์ที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๖๕, เล่ม ๓๙, ตอน ๐ ง, ๑๖ เมษายน ๒๔๖๕, หน้า ๑๒๒-๓
- ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวในพระราชสำนัก วันจันทร์ที่ ๑๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๖๕, เล่ม ๓๙, ตอน ๐ ง, ๑๖ เมษายน ๒๔๖๕, หน้า ๑๒๓-๔
- ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวในพระราชสำนัก วันอังคารที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๖๕, เล่ม ๓๙, ตอน ๐ ง, ๑๖ เมษายน ๒๔๖๕, หน้า ๑๒๔
- พระเกียรติคุณสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ), หน้า 53-55
- พระเกียรติคุณสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ), หน้า 58
- . ราชสกุลเกษมสันต์. 26 มกราคม 2556. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-04-14. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2557.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help))
- บรรณานุกรม
- โกวิท ตั้งตรงจิตร. 19 สมเด็จพระสังฆราชกรุงรัตนโกสินทร์. --กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น, 2554.
- วชิรญาณวโรรส, สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา. พระประวัติตรัสเล่า. กรุงเทพฯ : มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2544. 107 หน้า. ISBN
- สุเชาวน์ พลอยชุม. พระเกียรติคุณสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ). กรุงเทพฯ : มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2541. 165 หน้า. ISBN
ก่อนหน้า | สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (สา ปุสฺสเทโว) | สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2453 - พ.ศ. 2464) | พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า | ||
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ | เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต (พ.ศ. 2436 - พ.ศ. 2464) | พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า | ||
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ | (เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร) (พ.ศ. 2435–พ.ศ. 2464) | สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
smedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs 12 emsayn ph s 2403 2 singhakhm ph s 2464 epnsmedcphrasngkhrach sklmhasngkhprinayk phraxngkhthi 10 aehngkrungrtnoksinthr esdcsthit n wdbwrniewsrachwrwihar idrbmhasmnuttmaphieskemuxpi ph s 2453 inrchsmyphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw darngphraxisriyys 11 phrrsa sinphrachnmemuxpi ph s 2464 phrachnsa 61 pi 112 wnsmedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrssmedcphrasngkhrach sklmhasngkhprinayksmedcphrasngkhrachithy phraxngkhthi 10darngphrays5 thnwakhm ph s 2453 2 singhakhm ph s 2464 10 pi 241 wn smnuttmaphiesk5 thnwakhm ph s 2453kxnhnasmedcphraxriywngsakhtyan sa pus sethow thdipphraecawrwngsethx krmhlwngchinwrsiriwthn smedcphrasngkhrachecarachwngsrachwngsckriprasuti12 emsayn ph s 2403sinphrachnm2 singhakhm ph s 2464 61 pi wdbwrniewsrachwrwiharphrabidaphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwphramardaecacxmmardaaeph inrchkalthi 4phraprawtiphrakaenid smedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs epnphrarachoxrsinphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwaelaecacxmmardaaeph prasutiemuxwnthi 12 emsayn ph s 2403 inwnthiphraxngkhprasutinnfntkhnkmakrawkbfarw ehmuxnnakhihnabriewnnn phrabathsmedcphracxmeklaxyuhwcungphrarachthannamwa phraecalukyaethx phraxngkhecamnusynakhmanph txma ecacxmmardaaephthungaekkrrmlnginkhnathiphraxngkhmiphrachnsaephiyng 1 pi phraecarachwrwngsethx phraxngkhecabutri sungmiskdiepnphramatuccha cungthrngrbipeliyngdu emuxthrngecriywythrngphradaeninid rbsngidkhlxngaekhlw cungesdcphankxyukb sungepnyayaeth phnwch phraecanxngyaethx phraxngkhecamnusynakhmanph kxnthrngphnwchepnphraphiksu emuxphrachnsaid 8 pi thrngerimsuksaphasabali cnsamarthaeplthrrmbthidkxnphnwchepnsamenr nxkcakniyngthrngsuksaphasaxngkvsaelaohrasastr xikdwy thungpi ph s 2416 emuxphrachnsaid 13 pi idthrngphnwchepnsamenr odymismedcphramhasmneca krmphrayapwerswriyalngkrn epnphraxupchchay aelahmxmecaphrathrrmmunhisthada sikhers wuth this sor thrngepnphuprathansil 10 hlngcakthrngbrrphchaaelwidprathbxyuthiwdbwrniewswihar praman 2 eduxn cungthrnglaphnwch khrnkhrbpibwch phrachnsa 20 pi idthrngxupsmbthepnphraphiksu emuxwnthi 27 mithunayn ph s 2422 n wdphrasrirtnsasdaram odymismedcphramhasmneca krmphrayapwerswriyalngkrn epnphraxupchchayacary aelaphracnthrokhcrkhun yim cn thrsi wdmkutkstriyaramrachwrwihar epnphrakrrmwacacary prathbcaphrrsa n wdbwrniewswihar xyu 1 phrrsa cungyayipprathbthiwdmkutkstriyaramephuxsuksakhxwtrptibtikhxngphracnthrokhcrkhunphuepnphraxacary inrahwangnnidthrngthahruxkarbwchsa thiwdrachathiwasrachwrwihar odymiphracnthrokhcrkhun yim cn thrsi epnphraxupchchay phramhaedch thancaor wdosmnswihar epnphrakrrmwacacaryphraxisriyysthrrmeniymphrayskhxng smedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrstrapracaphraxngkhkarthulitfaphrabathkaraethntnkhaphraphuththecakarkhanrbphayakha ephkhaphrarupthrngchaythihnaphraxuobsthwdbwrniewswihar khnathrngdarngphraxisriyysepnphraecanxngyaethx krmhmunwchiryanworrs raw ph s 2436 emuxphnwchid 3 phrrsa thrngekhaaeplphrapriytithrrmhnaphrathinng thrngaeplidepnepriyythrrm 5 praoykh caknnphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwthrngsthapnaphraxisriyysepn phraecanxngyaethx krmhmunwchiryanworrs aelaepnphrarachakhnaecakhnarxnginthrrmyutiknikay emuxpi ph s 2424 phraxngkhidkhrxngwdbwrniewswihar subtxcaksmedcphramhasmnecakrmphrayapwers emuxpi ph s 2434 aelainpi ph s 2436 idrboprdeklaephimphraxisriyysepnsmedcphrarachakhnaecakhnaihykhnathrrmyut mirachthinnamwa phraecanxngyaethx krmhmunwchiryanworrs sunthrphrtwisuththiphrhmcrry wimlsilkhnthwrthrrmyutti sriwisuththikhnanayk sasndilkthrrmanuwathy brissynarthsmnudmbrmbphitr wnthi 2 phvscikayn ph s 2449 phraxngkhidrbsthapnaeluxnphraxisriyysepn phraecanxngyaethx krmhlwngwchiryanworrs sunthrphrtwisuththiphrhmcrry wimlsilkhnththrrmwryut sriwisuththikhnnayk sasndilkthrrmanuwathy brissynarthsmnudmbrmbphitr aelaemuxpi ph s 2453 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw esdckhunkhrxngrachsmbti thrngphrakrunaoprdekla ihtngphrarachphithimhasmnutmaphiesk aetngtngepnecakhnaihyaehngphrasngkh thngkrungethphmhankhr aelahwemuxngthwphrarachxanaekht aelaeluxnphraxisriyyscakkrmhlwngkhunepnkrmphraya miphranamtamcarukinphrasuphrrnbtwa smedcphraecabrmwngsethx krmphrayawchiryanworrs srisukhtkhttiyphrhmcari srrephchyrngsiklyanwaky mnusynakhxenychariywngs brmphngsathibdi ckribrmnathpranbda mhamkutkstrrachwrangkur culalngkrnprminthrsurkhruthaniyphada wchirawuthmharachhiotpthyacary suphsilsarmhawimlmngkhlthrrmecdiy sutphuththmhakwi tripitkathioksl ebycpdleswtchtr sirirtonplksnmhasmnutmaphieskaphisit wichitmarsraphkthrrmesnabdi xmroksinthromlimhasngkhprinayk phuththsasndilkolkutmmhabnthity siththrrthnananiruktipratiphan mohlaremttaphithyasry phuththathirtntrysrnarks exkxkhrmhaxnakhariyrtn syamathiptyphuththbristhentr smnkhninthrathiebssklphuththckrkvtoypkar mhapaomkkhprathansthawirwordm brmnathbphitr hlngcaknn phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwmiphrarachdariwa kareriykphranamphrarachwngssungdarngsmnskdiepnphrapramukhaehngsngkhmnthlaetedimnneriyktamphraxisriyysaehngphrabrmrachwngs imideriyktamsmnskdikhxngphrapramukhaehngsngkhmnthl khux smedcphraxriywngsakhtyan phraxngkhcungepliynkhanaphranamkhxngphrabrmwngsanuwngssungdarngsmnskdiepnphrapramukhaehngsngkhmnthlwa smedcphramhasmneca ephuxihpraktphranaminswnsmnskdidwy odyphraxngkhidepliynkhanaphranamkhxngsmedcphraecabrmwngsethx krmphrayawchiryanworrs epn smedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs ephuxechlimphraekiyrtiepnphraxngkhaerk inpitxmakhux pi ph s 2454 phraxngkhidthrngmilayphrahtththungesnabdikrathrwngthrrmkar mikhwamwa khwrthwayxanacinkarpkkhrxngkhnasngkhaekphraxngkh inthanathithrngepnsmedcphrasngkhrachiheddkhad ephuxihkarpkkhrxngkhnasngkheriybrxy hlngcaknnxik 6 eduxn phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwidthrngmxbkarthngpwngsungepnkicthuraphrasasna thwayaedphraxngkhphuepnmhasngkhprinayk tngaeteduxnknyayn ph s 2455sinphrachnmthipradisthanphraxngkharinthanphraphuththisya mukhhlngwiharphrasrisasda smedcphramhasmnecaprachwrdwywnorkh miphraxakareruxrngmanannbsibpi cnkaeribrunaerngekinkwakhwamsamarthkhxngaephthyhlwng inthisudsmedcphramhasmneca ksinphrachnmemuxwnthi 2 singhakhm ph s 2464 sirirwmphrachnsaid 61 pi khrxngwdbwrniewswiharnan 30 pi darngtaaehnngsmedcphrasngkhrachxyu 10 pi 7 eduxn nganphrarachthanephlingphrasphsmedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs eriminwnsukrthi 7 emsayn ph s 2465 odyphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw idesdcphrarachdaeninipbaephyphrarachkuslthitahnkephchr wdbwrniewsrachwrwihar thukwntngaetwndngklaw cnthungwnxathitythi 9 emsayn ewla 16 00 n cungoprdihekhluxnphrasphippradisthanyngphracitkathan n phraemru thxngsnamhlwng aelwphrarachthanephlingphrasph echawntxmaecaphnknganphusamaladbphraephlingaelwpramwlphraxthi ewla 07 00 n phrabathsmedcphraecaxyuhwesdcphrarachdaeninmaekbphraxthipramwllnginphraoksthxnglngya aelwihecaphnknganechiyphraoksippradisthaninbusbk n phrathinngthrngthrrm thrngbaephyphrarachkuslesrcaelw cungoprdihecaphnkngnganechiyphraoksippradisthanthiphratahnkephchr chwngbayesdc mathrngsdbphraphuththmntaelaphrathrrmethsna caknninwnxngkharthi 11 emsayn idesdc mabaephyphrarachkuslxikkhrng aelwbrrcuphraxngkharekhainthanphraphuththisya mukhhlngwiharphrasrisasda aelwesdc klbphrakrniykicthrngerimphthnakarphrasasna odyerimtnthiwdbwrniewswihar idaekrierimihphiksusamenrthibwchihm eriynphrathrrmwinyinphasaithy mikarsxbkhwamrudwywithiekhiyn txmacungkahndihepnhlksutrkarsuksasahrbkhnasngkh eriykwa nkthrrm thrngcdtng mhamkudrachwithyaly epnkarrierimcdkarsuksakhxngphraphiksu samenraebbihm khux eriynphrapriytithrrm prakxbkbwichakarxun thiexuxxanwytxkarsxnphraphuththsasna phuthisxbidcaidepnepriyyechnediywkbthisxbidinsnamhlwng eriykwa epriyymhamngkud aetidelikipinxik 8 pitxma thrngxxknitysar thrrmcksu sungepnnitysarthangphraphuththsasna chbbaerkkhxngithy thrngxanwykarcdkarsuksahwemuxngthwrachxanackremuxpi ph s 2441 tamphrarachdarikhxngphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwthicakhyaykarsuksakhnphunthanipyngprachachnthwrachxanackr thrngehnwa wdepnaehlngihkarsuksaaekkhnithymaaetobrankal epnkarkhyaykarsuksaiderwaelathwthung ephraamiwdxyuthwipinphrarachxanackr imtxngsinepluxngngbpramanaephndin ngannimikrathrwngmhadithyepnhnwysnbsnun phraxngkhdaeninkarxyu 5 pi ksamarthkhyaykarsuksakhnphunthankhux chnprathmsuksa xxkipidthwpraeths caknncungihkrathrwngthrrmkar daeninkartxip thrngprbprungkarpkkhrxngkhnasngkh ephuxihkarpkkhrxngkhnasngkhepnipdwydi exuxxanwytxkarphthnatnexng aelapraethschati cungekid ph r b lksnapkkhrxngkhnasngkh r s 121 ph s 2445 khun sungepn phrarachbyytikhnasngkhchbbaerkkhxngithy sarasakhykhxng ph r b chbbni idcdkhnasngkhxxkepn 4 khna khux khnaehnux khnait khnaklang aelakhnathrrmyutika mismedcphrarachakhnaepnecakhna aelamiphrarachakhnarxng khnalahnungrup rwmepn 8 rup thng 8 rupniykkhunepn mhaethrsmakhm epnxngkhkrsungsudkhxngkhnasngkh aelaepnthipruksainkarphrasasna aelakarkhnasngkhkhxngphramhakstriy miecakhnapkkhrxngldhlniptamladbkhux ecakhnamnthl ecakhnaemuxng ecakhnaaekhwng aelaecaxawas miesnabdikrathrwngthrrmkar epnphurbsnxngphrabrmrachoxngkar mhaethrsmakhmepnephiyng thithrngpruksa khxngxngkhphramhakstriy dngnnkrathrwngthrrmkar cungtxngthahnathisngkhrachodypriyay phraxngkhidthrngprbprungkarphraphuththsasna aelathangkhnasngkhindantang epnxnmakodyerimngantngaetesdciptrwckarkhnasngkhinhwemuxngtang ekuxbthwrachxanackr odykrathaxyangtxenuxngthukpiekuxb tlxdphrachnmchiph thaihthrngthrabkhwamepnipkhxngkhnasngkh aelakhxngprachachninphumiphakhtang epnxyangdi aelanakhxmulaelapyhatang maprbprung aekikhinthuk dan phxpramwliddngni dankarphrasasna phraxngkhidphthnaphiksusamenr ihmikhwamrukhwamsamarthinphrathrrmwiny ephuxcaidaenanasngsxnprachachnidxyangthuktxngaelaehmaasm thrngphlittaraaelahnngsuxthangphraphuththsasna thikhnthwipsamarthxanthakhwamekhaicidngay dankarkhnasngkh thrngxxkphramhasmnanti prathanphrawinicchyaelathrngwangraebiyb aebbaephn ekiywkbkhwampraphvtiptibtikhxngphraphiksusamenrindantang ihthuktxngepnmatrthan echn raebiybekiywkbphraxupchchay karbrrphchaxupsmbth karpkkhrxngphiksusamenraelasisywd karwinicchyxthikrn raebiybekiywkb smnskdi phdys nitypht dwngtrapracataaehnng epntn dankarsuksa thrngprbprungkarsuksakhxngkhnasngkhihthnsmy thrngcdkarsuksaphrapriyti thrrmephimkhuncakaebbedimthisuksaphasabali odyihsuksaphrathrrmwinyinphasaithyeriykwa hlksutr nkthrrm nganphraniphnth phraxngkhthrngrxbruphasatang hlayphasa khux phasabali phasasnskvt phasaxngkvs aelaphasafrngess idthrngniphntheruxngtang iwepnxnmak echn phraprawtitrsela hnngsuxhlksutrnkthrrmchntri oth exk hlksutrbali iwyakrnthngchud rwmphraniphnththnghmdmimakkwa 200 eruxng nxkcakniyngthrngchara khmphirbaliiwkwa 20 khmphirphngsawliphngsawlikhxngsmedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs 16 22 smedcphrapthmbrmmhachnk 8 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach 17 23 phraxkhrchaya hyk 4 phrabathsmedcphraphuththelishlanphaly 18 thxng n bangchang 9 smedcphraxmrinthrabrmrachini 19 smedcphrarupsiriosphakhymhanakhnari 2 phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw 20 esrsthicinhkekiynaestn 10 engin aestn 21 nxngsawkhxngthanphuhyingchanaybrirks nxy 5 smedcphrasrisurieynthrabrmrachini 22 16 smedcphrapthmbrmmhachnk 11 smedcphraecaphinangethx ecafakrmphrasrisudarks 23 17 phraxkhrchaya hyk 1 smedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs 24 ecaphrayaxphyracha ecakhunpratucin 12 ecaphrayathrrmathikrnathibdi thxngdi 6 phrasarayhvthy xaw thrrmsorch 3 ecacxmmardaaeph inrchkalthi 4 7 thawthrngkndal si thrrmsorch xangxingechingxrrthphraprawtitrsela hna 9 19 smedcphrasngkhrachkrungrtnoksinthr hna 143 19 smedcphrasngkhrachkrungrtnoksinthr hna 144 phraprawtitrsela hna 67 rachkiccanuebksa prakastngtaaehnngphrasngkh elm 10 hna 391 rachkiccanuebksa prakaseluxnphranamkrm elm 23 hna 848 850 rachkiccanuebksa phrarachphithimhasmnutmaphiesk smedcphraecabrmwngsethx krmphrayawchiryanworrs elm 27 txn 0 ng 28 mkrakhm ph s 2453 hna 2562 rachkiccanuebksa prakasmhasmnutmaphiesk elm 27 hna 2579 2587 rachkiccanuebksa phrabrmrachoxngkar prakas sthapnasmedcphramhasmneca elm 38 txn 0 k 12 emsayn ph s 2464 hna 10 phraekiyrtikhunsmedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs phraxngkhecamnusynakhmanph hna 37 rachkiccanuebksa khawsinphrachnm smedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs elm 38 txn ng 7 singhakhm ph s 2464 hna 1239 19 smedcphrasngkhrachkrungrtnoksinthr hna 151 rachkiccanuebksa khawinphrarachsank wnsukrthi 7 emsayn phuththskrach 2465 elm 39 txn 0 ng 16 emsayn 2465 hna 121 rachkiccanuebksa khawinphrarachsank wnxathitythi 9 emsayn phuththskrach 2465 elm 39 txn 0 ng 16 emsayn 2465 hna 122 3 rachkiccanuebksa khawinphrarachsank wncnthrthi 10 emsayn phuththskrach 2465 elm 39 txn 0 ng 16 emsayn 2465 hna 123 4 rachkiccanuebksa khawinphrarachsank wnxngkharthi 11 emsayn phuththskrach 2465 elm 39 txn 0 ng 16 emsayn 2465 hna 124 phraekiyrtikhunsmedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs phraxngkhecamnusynakhmanph hna 53 55 phraekiyrtikhunsmedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs phraxngkhecamnusynakhmanph hna 58 rachskuleksmsnt 26 mkrakhm 2556 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2017 04 14 subkhnemux 29 tulakhm 2557 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help brrnanukrmokwith tngtrngcitr 19 smedcphrasngkhrachkrungrtnoksinthr krungethph suwiriyasasn 2554 wchiryanworrs smedcphramhasmneca krmphraya phraprawtitrsela krungethph mhamkutrachwithyaly 2544 107 hna ISBN 974 399 407 6 suechawn phlxychum phraekiyrtikhunsmedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs phraxngkhecamnusynakhmanph krungethph mhamkutrachwithyaly 2541 165 hna ISBN 974 580 851 2 wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb smedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs kxnhna smedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs thdipsmedcphraxriywngsakhtyan sa pus sethow smedcphrasngkhrachaehngkrungrtnoksinthr ph s 2453 ph s 2464 phraecawrwngsethx krmhlwngchinwrsiriwthn smedcphrasngkhrachecasmedcphramhasmneca krmphrayapwerswriyalngkrn ifl thrrmyutinikay gif ecakhnaihykhnathrrmyut ph s 2436 ph s 2464 phraecawrwngsethx krmhlwngchinwrsiriwthn smedcphrasngkhrachecasmedcphramhasmneca krmphrayapwerswriyalngkrn ifl thrrmyutinikay gif ecaxawaswdbwrniewswihar ph s 2435 ph s 2464 smedcphrasngkhracheca krmhlwngwchiryanwngs