บทความนี้ต้องการการจัดหน้า หรือ ให้ คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้เพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
ราชอาณาจักรนาโปลี (อิตาลี: Regno di Napoli; ละติน: Regnum Neapolitanum; : Regno 'e Napule) หรือ ราชอาณาจักรเนเปิลส์ (อังกฤษ: Kingdom of Naples) เป็นอาณาจักรทางตอนใต้ของคาบสมุทรอิตาลี บางครั้งถูกจำสับสนกับ “ราชอาณาจักรซิซิลี” ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ก่อตั้งหลังจากการแยกตัวของซิซิลีจากราชอาณาจักรซิซิลีเดิมที่เป็นผลมาจากกบฏ (Sicilian Vespers) ของปี ค.ศ. 1282 ระหว่างการเป็นราชอาณาจักร ราชอาณาจักรนาโปลีปกครองสลับกันปกครองโดยกษัตริย์ฝรั่งเศสหรือกษัตริย์สเปน ขึ้นอยู่กว่าผู้ใดจะมีอำนาจมากกว่า
ราชอาณาจักรนาโปลี Regno di Napoli | |||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 1282–1799 ค.ศ. 1799–1816 | |||||||||||
ธง (1442–1516) ตราแผ่นดิน | |||||||||||
สถานะ | ราชอาณาจักร | ||||||||||
เมืองหลวง | นาโปลี | ||||||||||
การปกครอง | สมบูรณาญาสิทธิราชย์แบบศักดินา | ||||||||||
ประวัติศาสตร์ | |||||||||||
• ก่อตั้ง | ค.ศ. 1282 | ||||||||||
• รวมเป็นอาณาจักรเดียวกับซิซิลีที่เรียกว่าราชอาณาจักรซิซิลีทั้งสอง | ค.ศ. 1816 | ||||||||||
|
ประวัติศาสตร์
ราชวงศ์โฮเอินชเตาเฟิน
ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 ชาวนอร์มันได้ครอบครองรัฐในอิตาลีตอนใต้และซิซิลีที่ในอดีตเคยเป็นของชาวไบเซนไทน์, ชาวลอมบาร์ด และชาวมุสลิม ปี ค.ศ. 1130 ผู้รวบรวมดินแดนทั้งหมดของชาวนอร์มันเข้าด้วยกันตั้งตนเป็นกษัตริย์แห่งซิซิลีและปุลยา การมีตัวตนของรัฐนอร์มันดังกล่าวนี้ในช่วงแรกถูกคัดค้านจากสมเด็จพระสันตะปาปาและจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ที่อ้างตนเป็นกษัตริย์ปกครองพื้นที่ทางตอนใต้ ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 ราชอาณาจักรถูกส่งต่อให้จักรพรรดิในราชวงศ์โฮเอินชเตาเฟิน (ที่โด่งดังที่สุดคือจักรพรรดิฟรีดริชที่ 2 กษัตริย์แห่งซิซิลีตั้งแต่ ค.ศ. 1198 ถึง ค.ศ. 1250) ภายใต้ผู้ปกครองกลุ่มแรกนี้ราชอาณาจักรเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ในทางการเมืองราชอาณาจักรเป็นรัฐที่รวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางมากที่สุดในยุโรป ในทางเศรษฐกิจราชอาณาจักรเป็นศูนย์กลางสำคัญทางการค้าและผู้ผลิตธัญพืช และในทางวัฒนธรรมราชอาณาจักรซึบซับเอาศาสตร์ของชาวกรีกและชาวอาหรับเข้ามาในยุโรปตะวันตก
ราชวงศ์อ็องฌู
หลังสิ้นเชื้อสายตามกฎหมายของราชวงศ์โฮเอินชเตาเฟิน พระอนุชาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศสได้รับสิทธิ์ในการควบคุมราชอาณาจักรในปี ค.ศ. 1266 ตามคำเชื้อเชิญของสมเด็จพระสันตะปาปาที่กลัวว่าพื้นที่ทางใต้จะตกเป็นของกษัตริย์ที่เป็นปรปักษ์กับพระองค์ ชาร์ลส์ได้ย้ายเมืองหลวงจากปาแลร์โมบนเกาะซิซิลีมาอยู่ที่นาโปลีซึ่งตั้งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ เป็นการแสดงให้เห็นถึงแนวคิดทางการเมืองของพระองค์ที่เอนเอียงไปทางอิตาลีตอนเหนือที่ทรงเป็นผู้นำของฝ่ายเกลฟ์ (ผู้นิยมสมเด็จพระสันตะปาปา) แต่การปกครองที่รุนแรงและการเรียกเก็บภาษีอย่างขูดเลือดขูดเนื้อก่อให้เกิดการปฏิวัติที่มีชื่อว่า "เวสปรี ซีซีลีอานี" ในปี ค.ศ. 1282 ส่งผลให้เกาะซิซิลีแยกตัวออกจากแผ่นดินใหญ่ไปอยู่ในการครอบครองของราชตระกูลอารากอนของชาวสเปน เหตุการณ์นี้ส่งผลอย่างมากต่อทั้งนาโปลีและซิซิลี ความขัดแย้งระหว่างชาวอ็องฌูกับชาวอารากอนดำเนินต่อไปเป็นเวลากว่าหนึ่งศตวรรษ ซึ่งผู้ชนะตัวจริงคือกลุ่มบารอนที่แผ่ขยายอำนาจที่ได้มาจากกษัตริย์ ภาวะอนาธิปไตยที่เกิดขึ้นทำให้ระบอบศักดินาของราชอาณาจักรทั้งสองแข็งแกร่งขึ้น
ราชวงศ์อารากอน
นาโปลีเจริญรุ่งเรืองในช่วงสั้น ๆ ในรัชสมัยของ (ค.ศ. 1309–43) แต่ตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 ไปจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 ประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรมีเพียงเรื่องราวความขัดแย้งภายในราชวงศ์อ็องฌู สุดท้ายในปี ค.ศ. 1422 ราชอาณาจักรนาโปลีก็ตกเป็นของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 5 แห่งอารากอน ผู้ปกครองซิซิลีที่ในปี ค.ศ. 1443 ได้ตั้งตนเป็น "กษัตริย์แห่งนาโปลีและซิซิลี"
ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คและราชวงศ์บูร์บงของสเปน
ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 ราชอาณาจักรนาโปลียังคงพัวพันอยู่ในความขัดแย้งระหว่างกลุ่มอำนาจจากต่างแดนที่เข้ามาครอบงำอิตาลี ในปี ค.ศ. 1495 พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 8 แห่งฝรั่งเศสอ้างตนเป็นผู้ปกครองราชอาณาจักรในช่วงสั้น ๆ หลังตกเป็นของชาวสเปนในปี ค.ศ. 1504 นาโปลีและซิซิลีอยู่ภายใต้การปกครองของอุปราชเป็นเวลาสองศตวรรษ ภายใต้การปกครองของสเปนประเทศถูกมองเป็นเพียงแหล่งรายได้และประสบกับความเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง การเรียกเก็บภาษีที่ขูดเลือดขูดเนื้อก่อให้เกิดการก่อกบฏของชนชั้นกลางและชนชั้นล่างในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1647 (การปฏิวัติของ) แต่ชาวสเปนกับกลุ่มบารอนร่วมมือกันปราบจราจลได้ในปี ค.ศ. 1648
สงครามสืบราชบัลลังก์สเปนในปี ค.ศ. 1701–14 ส่ผลให้ราชอาณาจักรนาโปลีตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คของออสเตรีย (ซิซิลีตกอยู่ภายในการปกครองของปีเยมอนเตในช่วงสั้น ๆ) ปี ค.ศ. 1734 ดอนการ์โลส เด บูร์บง เจ้าชายสเปนที่ต่อมากลายเป็นพระเจ้าการ์โลสที่ 3 ได้พิชิตนาโปลีและซิซิลีที่ขณะนั้นอยู่ภายใต้การบริหารราชการของราชวงศ์บูร์บงของสเปนในฐานะราชอาณาจักรแยก ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 กษัตริย์ราชวงศ์บูร์บงที่ปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อันทรงภูมิธรรมได้สนับสนุนการปฏิรูปเพื่อเปลี่ยนจากความอยุติธรรมในทางสังคมและการเมืองมาเป็นรัฐสมัยใหม่
ราชอาณาจักรของนโปเลียน
แห่งราชวงศ์บูร์บงหยุดโครงการปฏิรูปชั่วคราวโดยมีการปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากปล่อยให้แนวคิดเรื่องสาธารณรัฐและระบอบประชาธิปไตยดำเนินต่อไป แนวคิดดังกล่าวเป็นที่เรียกร้องของกลุ่มเสรีชน อันได้แก่ กลุ่มปัญญาชนชั้นกลาง, กลุ่มขุนนาง และกลุ่มนักบวช ที่มองว่าการปฏิรูปของราชวงศ์บูร์บงเป็นการทำเพื่อเพิ่มอำนาจให้กษัตริย์มากกว่าเพื่อผลประโยชน์ของชาติ กลุ่มผู้รักชาติเริ่มวางแผนการสมคบคิดและถูกตอบโต้ด้วยความรุนแรง กองทัพของพระเจ้าเฟร์นันโดร่วมมือกับกองทัพพันธมิตรต่อต้านสาธารณรัฐฝรั่งเศสในซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือความหายนะ นาโปลีถูกชาวฝรั่งเศสแย่งชิงไป พระเจ้าเฟร์นันโดหนีไปซิซิลี วันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1799 มีการประกาศตั้งสาธารณรัฐปาเตโนเปอาแต่ถูกทอดทิ้งไม่ได้รับการคุ้มครอง นครนาโปลีที่ถูกชาวฝรั่งเศสทอดทิ้งถูกกองกำลังของพระเจ้าเฟร์นันโดตีแตกในวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 1799 กลุ่มคนรักชาติที่ต้านทานด้วยความสิ้นหวังได้รับการสัญญาว่าจะให้อิสรภาพในการตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือจะออกจากประเทศจึงยอมแพ้ แต่ในวันที่ 24 มิถุนายน กองเรือของโฮราชิโอ เนลสันมาถึง เนลสันที่ทำข้อตกลงกับกลุ่มอำนาจในซิซิลีได้ยกเลิกเงื่อนไขในข้อตกลงยอมแพ้ ชาวสาธารณรัฐหลายคนถูกจับตัวและถูกประหารชีวิต พระเจ้าเฟร์นันโดเสด็จกลับนาโปลี แต่การสมคบคิดวางแผนกับชาวออสเตรียและชาวบริเตนของพระองค์ทำให้นโปเลียนเดือดดาล
หลังปราบชาวออสเตรียได้ที่เอาสเทอร์ลิทซ์ นโปเลียนส่งโฌแซ็ฟ น้องชายของตนไปพิชิตราชอาณาจักรของพระเจ้าเฟร์นันโดซึ่งตอนแรกนโปเลียนได้ผนวกเข้ากับราชอาณาจักรฝรั่งเศส แต่ต่อมาในวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1806 ได้ประกาศให้เป็นเอกราชโดยมีโฌแซ็ฟเป็นกษัตริย์ เมื่อโฌแซ็ฟถูกย้ายไปสเปนในปี ค.ศ. 1808 นโปเลียนยกนาโปลีให้ฌออากีม มูว์รา ซึ่งเป็นน้องเขย ภายใต้การปกครองของชาวฝรั่งเศสนาโปลีถูกทำให้เป็นสมัยใหม่มากขึ้นด้วยการล้มเลิกระบอบศักดินาและนำกฏข้อบัญญัติต่าง ๆ มาใช้ มูว์ราเป็นกษัตริย์ที่ได้รับความนิยมพอสมควร พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 4 (ต่อมาคือพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 1 แห่งซิซิลีทั้งสอง) ถูกบีบให้หนีไปซิซิลีสองครั้ง ที่นั่นทรงได้รับการช่วยเหลือจากชาวบริเตน
การฟื้นฟูราชอาณาจักรที่ในตอนนี้ถูกเรียกว่าราชอาณาจักรซิซิลีทั้งสองทำให้สุดท้ายถูกจัดให้เป็นรัฐอนุรักษ์นิยมของยุโรป แม้มีหลายคนในราชอาณาจักรที่รับเอาแนวคิดแบบเสรีชนมา แต่กษัตริย์ยืนยันหลายครั้งว่าราชอาณาจักรปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทำให้เกิดการบดขยี้กันทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การปฏิวัติครั้งรุนแรงเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1820 เมื่อพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 1 ถูกบีบให้มอบรัฐธรรมนูญและเกิดขึ้นอีกครั้งในปี ค.ศ. 1848 ในรัชสมัยของ เมื่อซิซิลีพยายามจะประกาศอิสรภาพ การเมืองและเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของราชอาณาจักรนำไปถูกการแตกพ่ายอย่างง่ายดายเมื่อต้องรับมือกับการรุกรานของจูเซปเป การีบัลดีในปี ค.ศ. 1860 ในการลงประชามติในปีเดียวกันนั้นทั้งนาโปลีกับซิซิลีลงคะแนนเสียงขอรวมตัวกับอิตาลีเหนืออย่างท่วมท้น
การสืบบัลลังก์
ราชวงศ์อ็องฌู
- หรือ พระเจ้าคาร์โลที่ 1 แห่งนาโปลี ปฐมกษัตริย์แห่งนาโปลีซึ่งเป็นพระโอรสคนเล็กของพระเจ้าหลุยส์ที่ 8 แห่งฝรั่งเศสกับพระราชินีบลังกาแห่งกัสติยา ทรงอภิเษกสมรสสองครั้ง ครั้งแรกกับเบียทริซแห่งพรอว็องส์ ซึ่งนับว่าเป็นพระราชินีคู่สมรสคนแรกของนาโปลี หลังพระนางสิ้นพระชนม์ พระเจ้าชาร์ลส์อภิเษกสมรสใหม่กับ
- สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดา กษัตริย์คนก่อนได้จับพระโอรสธิดาสองคนสมรสเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี โดยพระเจ้าคาร์โลที่ 2 ถูกจับให้สมรสกับ ขณะที่พระขนิษฐาของพระองค์อภิเษกสมรสกับ
- สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดา เนื่องจากพระโอรสคนโตของของกษัตริย์คนก่อนสิ้นพระชนม์ก่อนพระราชบิดา พระโอรสคนที่สองบวชเป็นบิชอป ส่วนคาร์โล พระราชนัดดาเป็นเพียงเด็กน้อย พระเจ้าโรแบร์โตซึ่งเป็นพระโอรสคนที่สามจึงได้ขึ้นครองราชย์ พระพระองค์สมรสสองครั้ง ครั้งแรกกับโยลันดาแห่งอารากอนซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1302 ทรงจึงสมรสใหม่กับ
- สมเด็จพระราชินีนาถโจวานนาที่ 1 แห่งนาโปลี สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระอัยกา เนื่องจากกษัตริย์คนก่อนมีพระโอรสเพียงคนเดียวซึ่งสิ้นพระชนม์ก่อนพระราชบิดา ธิดาคนโตของพระโอรสผู้ล่วงลับจึงได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระอัยกา ซึ่งในตอนนั้นพระนางเป็นเด็กกำพร้าเนื่องจากทั้งพระบิดามารดาต่างสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เพื่อให้สายเลือดของพระภาติยะของพระเจ้าโรแบร์โตได้กลับคืนสู่บัลลังก์ พระราชินีโจวานนาถูกจับสมรสกับที่แม้จะได้รับยศเป็นกษัตริย์ แต่มีบทบาทน้อยมากในการบริหารปกครองและถูกฆาตกรรมในเวลาต่อมา พระราชินีนาถโจวานนาได้ให้กำเนิดพระราชโอรสที่ประสูติหลังการสิ้นพระชนม์ของพระบิดา แต่เด็กน้อยมีชีวิตอยู่ได้เพียงสองปี ต่อมาพระนางได้อภิเษกสมรสใหม่กับ เจ้าชายแห่งตารันโต แต่การสมรสไม่เป็นที่นิยมอย่างมาก พระเชษฐาของแอนดรูว์ อดีตพระสวามี ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งฮังการีได้บุกนาโปลี พระราชินีนาถโจวานนาจึงต้องหนีไปจากราชอาณาจักร พระนางได้ให้กำเนิดพระธิดานามว่าแคทเธอรีน ทั้งคู่ได้กลับมานาโปลีอีกครั้งหลังกษัตริย์แห่งฮังการีทิ้งนาโปลีซึ่งกำลังเกิดโรคระบาดไป พระนางได้ให้กำเนิดพระธิดาอีกคนนามว่าฟร็องซัวส์ แต่พระธิดาทั้งสองสิ้นพระชนม์เร็ว จากนั้นพระราชินีนาถโจวานนาก็ไม่ได้ตั้งครรภ์อีกแม้จะทรงอภิเษกสมรสใหม่อีกสองครั้ง พระนางถูกฆาตกรรมอย่างทารุณที่ปราสาทมูโรในปี ค.ศ. 1382
- บุตรคนเดียวของลุยจิแห่งดูรัซโซ บุตรชายคนเล็กของจอห์น ดยุคแห่งดูรัซโซ พระโอรสคนเล็กของพระเจ้าคาร์โลที่ 2 แห่งนาโปลีกับมาเรียแห่งฮังการี พระเจ้าคาร์โลที่ 3 สมรสกับ บุตรสาวของมาเรีย พระขนิษฐาของพระราชินีนาถโจวานนาที่ 1 ลูกพี่ลูกน้องลำดับที่หนึ่งของตนเอง พระองค์ยังครองตำแหน่งเป็นกษัตริย์แห่งฮังการีในช่วงสั้น ๆ กระทั่งถูกลอบสังหารตามคำสั่งของเอลิซาเบธแห่งบอสเนีย พระราชินีม่ายของพระเจ้าลาโยสที่ 1 แห่งฮังการีที่คิดว่ามาเรีย พระธิดาของพระนางสมควรได้เป็นครองราชย์
- สืบทอดตำแหน่งในนาโปลีต่อจากพระราชบิดา พระองค์สามครั้ง ครั้งแรกกับคอนสตันซา เคียรามอนเตซึ่งหย่ากันโดยไม่มีพระโอรสธิดา ทรงสมรสใหม่กับมารีแห่งลุยซินญ็องซึ่งสิ้นพระชนม์หลังสมรสได้เพียงหนึ่งปี พระเจ้าลาดิสเลาสมรสใหม่อีกครั้งกับ แต่ก็ไม่มีพระโอรสธิดาด้วยกัน
- พระเชษฐภคินีของกษัตริย์คนก่อน มีพระชนมายุ 41 พรรษาขณะขึ้นครองราชย์และเคยสมรสกับซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว พระนางอภิเษกสมรสกับ แต่ไม่มีพระโอรสธิดาด้วยกัน เนื่องจากไม่มีทายาทสายตรง พระนางได้ประกาศชื่อเรอเนแห่งอ็องฌูเป็นทายาทของตน
- พระเจ้าเรนาโต (เรอเน) ที่ 1 แห่งนาโปลี สมรสสองครั้ง ครั้งแรกกับซึ่งสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา พระองค์สมรสใหม่กับ มาร์เกอรีต พระธิดาซึ่งเกิดจากพระมเหสีคนแรกค์ต่อมาได้สมรสกับพระเจ้าเฮนรีที่ 6 แห่งอังกฤษ พระเจ้าเรนาโตถูกขับไล่ออกจากนาโปลีโดยพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 5 แห่งอารากอน
ราชวงศ์อารากอน
- พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 5 แห่งอารากอนและที่ 1 แห่งนาโปลี สมรสกับ แต่ไม่มีพระโอรสธิดาด้วยกัน
- พระโอรสนอกสมรสของกษัตริย์คนก่อน พระองค์สมรสกับอีซาแบลแห่งเค]ร์มงต์ซึ่งเป็นหลานสาวจากการสมรสครั้งแรกของมารีแห่งอ็องกิย็อง หลังอีซาแบลสิ้นพระชนม์ พระเจ้าเฟร์ดินันโดสมรสใหม่กับ พระราชธิดาของพระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอน
- สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดา ทรงสมรสกับ
- สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดาซึ่งสละบัลลังก์ ทรงสมรสกับ พระปิตุจฉาวัย 18 พรรษาซึ่งเป็นพระขนิษฐาต่างมารดาของพระราชบิดา
- สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระภาติยะ ทรงสมรสกับกับอานน์แห่งซาวอยซึ่งเสียชีวิตจากการคลอดลูก พระองค์สมรสใหม่กับ ในปี ค.ศ. 1501 ทรงถูกพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 แห่งฝรั่งเศสขับไล่ออกจากตำแหน่งกษัตริย์แห่งนาโปลี ก่อเกิดเป็นสงครามที่ทำให้พระเจ้าเฟร์รันโดที่ 2 แห่งอารากอนกลายเป็นกษัตริย์แห่งนาโปลี
- พระเจ้าเฟร์รันโดที่ 2 แห่งอารากอน
- สมเด็จพระราชินีนาถชวนนา (ฆวนนา) แห่งกัสติยา สืบทอดตำแหน่งกษัตริย์แห่งซิซิลี, กษัตริย์แห่งอารากอน, บาเลนเซีย และมายอร์กา, เคานต์แห่งบาร์เซโลนา, กษัตริย์แห่งกัสติยาและเลออน, กษัตริย์แห่งนาโปลี และกษัตริย์แห่งนาวาร์ต่อจากพระราชบิดา
- จักรพรรดิคาร์ล (การ์โลส) ที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชมารดา
ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คและราชวงศ์บูร์บงของสเปน
ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คปกครองนาโปลีไปจนถึงปี ค.ศ. 1734 เมื่อทั้งนาโปลีและซิซิลีต่างถูกกองทัพสเปนเข้ายึดครอง การ์โลส ดยุคแห่งปาร์มา พระราชโอรสคนเล็กของพระเจ้าเฟลีเปที่ 5 แห่งสเปนได้รับแต่งตั้งเป็นกษัตริย์แห่งนาโปลีและซิซิลีในปี ค.ศ. 1735 ทรงสมรสกับ การ์โลสไม่ถูกนับเป็นกษัตริย์ผู้ปกครอง แต่พระองค์กลับถูกเรียกว่าการ์โลสแห่งบูร์บง ต่อมาทรงขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งสเปน
- พระโอรสคนเล็กของพระเจ้าการ์โลสที่ 3 แห่งสเปน (การ์โลส ดยุคแห่งปาร์มา) ทรงสมรสกับ พระราชธิดาของจักรพรรดินีมาเรีย เธเรเซีย พระองค์ถูกปลดลงจากบัลลังก์นาโปลีสองครั้ง หนึ่งครั้งโดยกลุ่มปฏิวัติสาธารณรัฐปาร์เธโนเปียเป็นระยะเวลา 6 เดือน และอีกครั้งโดยนโปเลียน โบนาปาร์ต ในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1816 พระองค์ได้รวมราชอาณาจักรนาโปลีและราชอาณาจักรซิซิลีเข้าด้วยกันกลายเป็นราชอาณาจักรซิซิลีทั้งสอง
อ้างอิง
- Kingdom of Naples HISTORICAL STATE, ITALY: Britannica
- Lost Kingdoms: Kingdom of Naples: History of Royal Women
- Catholic Encyclopedia: Naples [1]
แหล่งที่มา
- Colletta, Pietro (13 October 2009), The History of the Kingdom of Naples: From the Accession of Charles of Bourbon to the Death of Ferdinand I, I. B. Tauris, ISBN , สืบค้นเมื่อ 20 February 2011
- Musto, Ronald G. (2013). Medieval Naples: A Documentary History 400–1400. New York: Italica Press. ISBN . OCLC 810773043.
- Porter, Jeanne Chenault (2000). Baroque Naples: A Documentary History 1600–1800. New York: Italica Press. ISBN . OCLC 43167960.
- Santore, John (2001). Modern Naples: A Documentary History 1799–1999. New York: Italica Press. pp. 1–186. ISBN . OCLC 45087196.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnitxngkarkarcdhna cdhmwdhmu islingkphayin hruxekbkwadenuxha ihmikhunphaphdikhun khunsamarthprbprungaekikhbthkhwamniid aelanapayxxk phicarnaichpaykhxkhwamxunephuxchichdkhxbkphrxng rachxanackrnaopli xitali Regno di Napoli latin Regnum Neapolitanum Regno e Napule hrux rachxanackrenepils xngkvs Kingdom of Naples epnxanackrthangtxnitkhxngkhabsmuthrxitali bangkhrngthukcasbsnkb rachxanackrsisili sungepnxanackrthikxtnghlngcakkaraeyktwkhxngsisilicakrachxanackrsisiliedimthiepnphlmacakkbt Sicilian Vespers khxngpi kh s 1282 rahwangkarepnrachxanackr rachxanackrnaoplipkkhrxngslbknpkkhrxngodykstriyfrngesshruxkstriysepn khunxyukwaphuidcamixanacmakkwarachxanackrnaopli Regno di Napolikh s 1282 1799 kh s 1799 1816thng 1442 1516 traaephndinsthanarachxanackremuxnghlwngnaoplikarpkkhrxngsmburnayasiththirachyaebbskdina prawtisastr kxtngkh s 1282 rwmepnxanackrediywkbsisilithieriykwarachxanackrsisilithngsxngkh s 1816kxnhna thdiprachxanackrsisili rachxanackrsisilithngsxngrachxanackrnaopli nopeliyn prawtisastrrachwngsohexinchetaefin tnkhriststwrrsthi 12 chawnxrmnidkhrxbkhrxngrthinxitalitxnitaelasisilithiinxditekhyepnkhxngchawibesnithn chawlxmbard aelachawmuslim pi kh s 1130 phurwbrwmdinaednthnghmdkhxngchawnxrmnekhadwykntngtnepnkstriyaehngsisiliaelapulya karmitwtnkhxngrthnxrmndngklawniinchwngaerkthukkhdkhancaksmedcphrasntapapaaelackrphrrdiormnxnskdisiththithixangtnepnkstriypkkhrxngphunthithangtxnit playkhriststwrrsthi 12 rachxanackrthuksngtxihckrphrrdiinrachwngsohexinchetaefin thiodngdngthisudkhuxckrphrrdifridrichthi 2 kstriyaehngsisilitngaet kh s 1198 thung kh s 1250 phayitphupkkhrxngklumaerknirachxanackrecriyrungeruxngthungkhidsud inthangkaremuxngrachxanackrepnrththirwmxanacekhasusunyklangmakthisudinyuorp inthangesrsthkicrachxanackrepnsunyklangsakhythangkarkhaaelaphuphlitthyphuch aelainthangwthnthrrmrachxanackrsubsbexasastrkhxngchawkrikaelachawxahrbekhamainyuorptawntk rachwngsxxngchu thngxxngchukhxngnaopli kh s 1282 1442 hlngsinechuxsaytamkdhmaykhxngrachwngsohexinchetaefin phraxnuchakhxngphraecahluysthi 9 aehngfrngessidrbsiththiinkarkhwbkhumrachxanackrinpi kh s 1266 tamkhaechuxechiykhxngsmedcphrasntapapathiklwwaphunthithangitcatkepnkhxngkstriythiepnprpkskbphraxngkh charlsidyayemuxnghlwngcakpaaelrombnekaasisilimaxyuthinaoplisungtngxyubnaephndinihy epnkaraesdngihehnthungaenwkhidthangkaremuxngkhxngphraxngkhthiexnexiyngipthangxitalitxnehnuxthithrngepnphunakhxngfayeklf phuniymsmedcphrasntapapa aetkarpkkhrxngthirunaerngaelakareriykekbphasixyangkhudeluxdkhudenuxkxihekidkarptiwtithimichuxwa ewspri sisilixani inpi kh s 1282 sngphlihekaasisiliaeyktwxxkcakaephndinihyipxyuinkarkhrxbkhrxngkhxngrachtrakulxarakxnkhxngchawsepn ehtukarnnisngphlxyangmaktxthngnaopliaelasisili khwamkhdaeyngrahwangchawxxngchukbchawxarakxndaenintxipepnewlakwahnungstwrrs sungphuchnatwcringkhuxklumbarxnthiaephkhyayxanacthiidmacakkstriy phawaxnathipitythiekidkhunthaihrabxbskdinakhxngrachxanackrthngsxngaekhngaekrngkhun rachwngsxarakxn thnghlngphraecaxlfxnosthi 1 phraecaxlfxnosthi 5 aehngxarakxn aehngrachwngstrstamarakhunepnkstriy kh s 1442 1516 naopliecriyrungeruxnginchwngsn inrchsmykhxng kh s 1309 43 aettngaetklangkhriststwrrsthi 14 ipcnthungkhriststwrrsthi 15 prawtisastrkhxngrachxanackrmiephiyngeruxngrawkhwamkhdaeyngphayinrachwngsxxngchu sudthayinpi kh s 1422 rachxanackrnaopliktkepnkhxngphraecaxlfxnosthi 5 aehngxarakxn phupkkhrxngsisilithiinpi kh s 1443 idtngtnepn kstriyaehngnaopliaelasisili rachwngshaphsbwrkhaelarachwngsburbngkhxngsepn ichthngkhxngckrwrrdisepnhlngphraecakarolsthi 5 aehngrachwngshaphsbwrkhkhunepnkstriyinpi kh s 1516 playkhriststwrrsthi 15 rachxanackrnaopliyngkhngphwphnxyuinkhwamkhdaeyngrahwangklumxanaccaktangaednthiekhamakhrxbngaxitali inpi kh s 1495 phraecacharlsthi 8 aehngfrngessxangtnepnphupkkhrxngrachxanackrinchwngsn hlngtkepnkhxngchawsepninpi kh s 1504 naopliaelasisilixyuphayitkarpkkhrxngkhxngxuprachepnewlasxngstwrrs phayitkarpkkhrxngkhxngsepnpraethsthukmxngepnephiyngaehlngrayidaelaprasbkbkhwamesuxmthxythangesrsthkicxyangtxenuxng kareriykekbphasithikhudeluxdkhudenuxkxihekidkarkxkbtkhxngchnchnklangaelachnchnlangineduxnkrkdakhm kh s 1647 karptiwtikhxng aetchawsepnkbklumbarxnrwmmuxknprabcraclidinpi kh s 1648 epliynthnghlngckrphrrdikharlthi 6 khunepnkstriy kh s 1714 1738 sngkhramsubrachbllngksepninpi kh s 1701 14 sphlihrachxanackrnaoplitkxyuphayitxiththiphlkhxngrachwngshaphsbwrkhkhxngxxsetriy sisilitkxyuphayinkarpkkhrxngkhxngpieymxnetinchwngsn pi kh s 1734 dxnkarols ed burbng ecachaysepnthitxmaklayepnphraecakarolsthi 3 idphichitnaopliaelasisilithikhnannxyuphayitkarbriharrachkarkhxngrachwngsburbngkhxngsepninthanarachxanackraeyk inchwngkhriststwrrsthi 18 kstriyrachwngsburbngthipkkhrxngaebbsmburnayasiththirachyxnthrngphumithrrmidsnbsnunkarptirupephuxepliyncakkhwamxyutithrrminthangsngkhmaelakaremuxngmaepnrthsmyihm rachxanackrkhxngnopeliyn kh s 1738 1806 aela kh s 1815 1816 epliynthnghlngphraecakarolsthi 3 klayepnkstriyaehngnaopli thngthuknaklbmaichepnthngchatinaoplixikkhrnghlngsngkhramnopeliyn aehngrachwngsburbnghyudokhrngkarptirupchwkhrawodymikarptiwtifrngessepntwxyangihehnwacaekidxairkhunhakplxyihaenwkhideruxngsatharnrthaelarabxbprachathipitydaenintxip aenwkhiddngklawepnthieriykrxngkhxngklumesrichn xnidaek klumpyyachnchnklang klumkhunnang aelaklumnkbwch thimxngwakarptirupkhxngrachwngsburbngepnkarthaephuxephimxanacihkstriymakkwaephuxphlpraoychnkhxngchati klumphurkchatierimwangaephnkarsmkhbkhidaelathuktxbotdwykhwamrunaerng kxngthphkhxngphraecaefrnnodrwmmuxkbkxngthphphnthmitrtxtansatharnrthfrngessinsungphllphththiidkhuxkhwamhayna naoplithukchawfrngessaeyngchingip phraecaefrnnodhniipsisili wnthi 24 mkrakhm kh s 1799 mikarprakastngsatharnrthpaetonepxaaetthukthxdthingimidrbkarkhumkhrxng nkhrnaoplithithukchawfrngessthxdthingthukkxngkalngkhxngphraecaefrnnodtiaetkinwnthi 13 mithunayn kh s 1799 klumkhnrkchatithitanthandwykhwamsinhwngidrbkarsyyawacaihxisrphaphinkartdsinicwacaxyutxhruxcaxxkcakpraethscungyxmaeph aetinwnthi 24 mithunayn kxngeruxkhxngohrachiox enlsnmathung enlsnthithakhxtklngkbklumxanacinsisiliidykelikenguxnikhinkhxtklngyxmaeph chawsatharnrthhlaykhnthukcbtwaelathukpraharchiwit phraecaefrnnodesdcklbnaopli aetkarsmkhbkhidwangaephnkbchawxxsetriyaelachawbrietnkhxngphraxngkhthaihnopeliyneduxddal kh s 1806 1808 epliynthngchatinaopliihmhlngochaesf obnapart khunepnkstriykh s 1808 1811 thngchatinaopliepliynhlngchxxakim muwrakhunepnkstriy hlngprabchawxxsetriyidthiexasethxrliths nopeliynsngochaesf nxngchaykhxngtnipphichitrachxanackrkhxngphraecaefrnnodsungtxnaerknopeliynidphnwkekhakbrachxanackrfrngess aettxmainwnthi 30 minakhm kh s 1806 idprakasihepnexkrachodymiochaesfepnkstriy emuxochaesfthukyayipsepninpi kh s 1808 nopeliynyknaopliihchxxakim muwra sungepnnxngekhy phayitkarpkkhrxngkhxngchawfrngessnaoplithukthaihepnsmyihmmakkhundwykarlmelikrabxbskdinaaelanaktkhxbyytitang maich muwraepnkstriythiidrbkhwamniymphxsmkhwr phraecaefrnnodthi 4 txmakhuxphraecaefrnnodthi 1 aehngsisilithngsxng thukbibihhniipsisilisxngkhrng thinnthrngidrbkarchwyehluxcakchawbrietn kh s 1811 1815 thngchatinaopliepliyn karfunfurachxanackrthiintxnnithukeriykwarachxanackrsisilithngsxngthaihsudthaythukcdihepnrthxnurksniymkhxngyuorp aemmihlaykhninrachxanackrthirbexaaenwkhidaebbesrichnma aetkstriyyunynhlaykhrngwarachxanackrpkkhrxngdwyrabxbsmburnayasiththirachy thaihekidkarbdkhyiknthangkaremuxngxyanghlikeliyngimid karptiwtikhrngrunaerngekidkhuninpi kh s 1820 emuxphraecaefrnnodthi 1 thukbibihmxbrththrrmnuyaelaekidkhunxikkhrnginpi kh s 1848 inrchsmykhxng emuxsisiliphyayamcaprakasxisrphaph karemuxngaelaesrsthkicthiyaaeykhxngrachxanackrnaipthukkaraetkphayxyangngaydayemuxtxngrbmuxkbkarrukrankhxngcuespep karibldiinpi kh s 1860 inkarlngprachamtiinpiediywknnnthngnaoplikbsisililngkhaaennesiyngkhxrwmtwkbxitaliehnuxxyangthwmthnkarsubbllngkrachwngsxxngchu hrux phraecakharolthi 1 aehngnaopli pthmkstriyaehngnaoplisungepnphraoxrskhnelkkhxngphraecahluysthi 8 aehngfrngesskbphrarachiniblngkaaehngkstiya thrngxphiesksmrssxngkhrng khrngaerkkbebiythrisaehngphrxwxngs sungnbwaepnphrarachinikhusmrskhnaerkkhxngnaopli hlngphranangsinphrachnm phraecacharlsxphiesksmrsihmkb subthxdtaaehnngtxcakphrarachbida kstriykhnkxnidcbphraoxrsthidasxngkhnsmrsephuxechuxmsmphnthimtri odyphraecakharolthi 2 thukcbihsmrskb khnathiphrakhnisthakhxngphraxngkhxphiesksmrskb subthxdtaaehnngtxcakphrarachbida enuxngcakphraoxrskhnotkhxngkhxngkstriykhnkxnsinphrachnmkxnphrarachbida phraoxrskhnthisxngbwchepnbichxp swnkharol phrarachnddaepnephiyngedknxy phraecaoraebrotsungepnphraoxrskhnthisamcungidkhunkhrxngrachy phraphraxngkhsmrssxngkhrng khrngaerkkboylndaaehngxarakxnsungsinphrachnminpi kh s 1302 thrngcungsmrsihmkb smedcphrarachininathocwannathi 1 aehngnaopli subthxdtaaehnngtxcakphraxyka enuxngcakkstriykhnkxnmiphraoxrsephiyngkhnediywsungsinphrachnmkxnphrarachbida thidakhnotkhxngphraoxrsphulwnglbcungidkhunkhrxngrachytxcakphraxyka sungintxnnnphranangepnedkkaphraenuxngcakthngphrabidamardatangsinphrachnmipaelw ephuxihsayeluxdkhxngphraphatiyakhxngphraecaoraebrotidklbkhunsubllngk phrarachiniocwannathukcbsmrskbthiaemcaidrbysepnkstriy aetmibthbathnxymakinkarbriharpkkhrxngaelathukkhatkrrminewlatxma phrarachininathocwannaidihkaenidphrarachoxrsthiprasutihlngkarsinphrachnmkhxngphrabida aetedknxymichiwitxyuidephiyngsxngpi txmaphranangidxphiesksmrsihmkb ecachayaehngtarnot aetkarsmrsimepnthiniymxyangmak phraechsthakhxngaexndruw xditphraswami sungepnkstriyaehnghngkariidbuknaopli phrarachininathocwannacungtxnghniipcakrachxanackr phranangidihkaenidphrathidanamwaaekhthethxrin thngkhuidklbmanaoplixikkhrnghlngkstriyaehnghngkarithingnaoplisungkalngekidorkhrabadip phranangidihkaenidphrathidaxikkhnnamwafrxngsws aetphrathidathngsxngsinphrachnmerw caknnphrarachininathocwannakimidtngkhrrphxikaemcathrngxphiesksmrsihmxiksxngkhrng phranangthukkhatkrrmxyangtharunthiprasathmuorinpi kh s 1382 butrkhnediywkhxngluyciaehngdursos butrchaykhnelkkhxngcxhn dyukhaehngdursos phraoxrskhnelkkhxngphraecakharolthi 2 aehngnaoplikbmaeriyaehnghngkari phraecakharolthi 3 smrskb butrsawkhxngmaeriy phrakhnisthakhxngphrarachininathocwannathi 1 lukphiluknxngladbthihnungkhxngtnexng phraxngkhyngkhrxngtaaehnngepnkstriyaehnghngkariinchwngsn krathngthuklxbsnghartamkhasngkhxngexlisaebthaehngbxseniy phrarachinimaykhxngphraecalaoysthi 1 aehnghngkarithikhidwamaeriy phrathidakhxngphranangsmkhwridepnkhrxngrachy subthxdtaaehnnginnaoplitxcakphrarachbida phraxngkhsamkhrng khrngaerkkbkhxnstnsa ekhiyramxnetsunghyaknodyimmiphraoxrsthida thrngsmrsihmkbmariaehngluysinyxngsungsinphrachnmhlngsmrsidephiynghnungpi phraecaladiselasmrsihmxikkhrngkb aetkimmiphraoxrsthidadwykn phraechsthphkhinikhxngkstriykhnkxn miphrachnmayu 41 phrrsakhnakhunkhrxngrachyaelaekhysmrskbsungthungaekkrrmipaelw phranangxphiesksmrskb aetimmiphraoxrsthidadwykn enuxngcakimmithayathsaytrng phranangidprakaschuxerxenaehngxxngchuepnthayathkhxngtn phraecaernaot erxen thi 1 aehngnaopli smrssxngkhrng khrngaerkkbsungsinphrachnminewlatxma phraxngkhsmrsihmkb marekxrit phrathidasungekidcakphramehsikhnaerkkhtxmaidsmrskbphraecaehnrithi 6 aehngxngkvs phraecaernaotthukkhbilxxkcaknaopliodyphraecaxlfxnosthi 5 aehngxarakxnrachwngsxarakxn phraecaxlfxnosthi 5 aehngxarakxnaelathi 1 aehngnaopli smrskb aetimmiphraoxrsthidadwykn phraoxrsnxksmrskhxngkstriykhnkxn phraxngkhsmrskbxisaaeblaehngekh rmngtsungepnhlansawcakkarsmrskhrngaerkkhxngmariaehngxxngkiyxng hlngxisaaeblsinphrachnm phraecaefrdinnodsmrsihmkb phrarachthidakhxngphraecachwnthi 2 aehngxarakxn subthxdtaaehnngtxcakphrarachbida thrngsmrskb subthxdtaaehnngtxcakphrarachbidasungslabllngk thrngsmrskb phrapitucchawy 18 phrrsasungepnphrakhnisthatangmardakhxngphrarachbida subthxdtaaehnngtxcakphraphatiya thrngsmrskbkbxannaehngsawxysungesiychiwitcakkarkhlxdluk phraxngkhsmrsihmkb inpi kh s 1501 thrngthukphraecahluysthi 12 aehngfrngesskhbilxxkcaktaaehnngkstriyaehngnaopli kxekidepnsngkhramthithaihphraecaefrrnodthi 2 aehngxarakxnklayepnkstriyaehngnaopli phraecaefrrnodthi 2 aehngxarakxn smedcphrarachininathchwnna khwnna aehngkstiya subthxdtaaehnngkstriyaehngsisili kstriyaehngxarakxn baelnesiy aelamayxrka ekhantaehngbaresolna kstriyaehngkstiyaaelaelxxn kstriyaehngnaopli aelakstriyaehngnawartxcakphrarachbida ckrphrrdikharl karols thi 5 aehngckrwrrdiormnxnskdisiththi subthxdtaaehnngtxcakphrarachmardarachwngshaphsbwrkhaelarachwngsburbngkhxngsepn rachwngshaphsbwrkhpkkhrxngnaopliipcnthungpi kh s 1734 emuxthngnaopliaelasisilitangthukkxngthphsepnekhayudkhrxng karols dyukhaehngparma phrarachoxrskhnelkkhxngphraecaefliepthi 5 aehngsepnidrbaetngtngepnkstriyaehngnaopliaelasisiliinpi kh s 1735 thrngsmrskb karolsimthuknbepnkstriyphupkkhrxng aetphraxngkhklbthukeriykwakarolsaehngburbng txmathrngkhunepnkstriyaehngsepn phraoxrskhnelkkhxngphraecakarolsthi 3 aehngsepn karols dyukhaehngparma thrngsmrskb phrarachthidakhxngckrphrrdinimaeriy etheresiy phraxngkhthukpldlngcakbllngknaoplisxngkhrng hnungkhrngodyklumptiwtisatharnrthparethonepiyepnrayaewla 6 eduxn aelaxikkhrngodynopeliyn obnapart inwnthi 8 minakhm kh s 1816 phraxngkhidrwmrachxanackrnaopliaelarachxanackrsisiliekhadwyknklayepnrachxanackrsisilithngsxngxangxingKingdom of Naples HISTORICAL STATE ITALY Britannica Lost Kingdoms Kingdom of Naples History of Royal WomenCatholic Encyclopedia Naples 1 aehlngthimaColletta Pietro 13 October 2009 The History of the Kingdom of Naples From the Accession of Charles of Bourbon to the Death of Ferdinand I I B Tauris ISBN 978 1 84511 881 5 subkhnemux 20 February 2011 Musto Ronald G 2013 Medieval Naples A Documentary History 400 1400 New York Italica Press ISBN 9781599102474 OCLC 810773043 Porter Jeanne Chenault 2000 Baroque Naples A Documentary History 1600 1800 New York Italica Press ISBN 9780934977524 OCLC 43167960 Santore John 2001 Modern Naples A Documentary History 1799 1999 New York Italica Press pp 1 186 ISBN 9780934977531 OCLC 45087196 bthkhwamprawtisastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk