พระเจ้าฟัยศ็อลที่ 2 แห่งอิรัก (อาหรับ: الملك فيصل الثان, Al-Malik Fayṣal Ath-thānī) พระนามเต็ม อัลมะลิก ฟัยศ็อล อัษษานี (2 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 - 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2501) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์อิรัก ระหว่างปีพ.ศ. 2482 ถึงพ.ศ. 2501 เมื่อพระองค์ทรงถูกปลงพระชนม์พร้อมพระราชวงศ์อิรักใน การปลงพระชนม์หมู่พระเจ้าฟัยศ็อลและพระราชวงศ์ถือเป็นจุดสิ้นสุด 37 ปีแห่งระบอบกษัตริย์แห่งในอิรัก ที่ซึ่งได้กลายมาเป็นสาธารณรัฐในปัจจุบัน
พระเจ้าฟัยศ็อลที่ 2 แห่งอิรัก | |
---|---|
อัลมะลิก ฟัยศ็อล อัษษานี (الملك فيصل الثاني) พระเจ้าฟัยศ็อลที่ 2 แห่งอิรัก | |
เจ้าชายแห่งอิรัก พระมหากษัตริย์แห่งอิรัก | |
ครองราชย์ | 4 เมษายน พ.ศ. 2482 - 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2501 |
รัชสมัย | 19 ปี 101 วัน |
ราชาภิเษก | 2 มิถุนายน พ.ศ. 2496 |
รัชกาลก่อนหน้า | พระเจ้าฆอซีแห่งอิรัก |
รัชกาลถัดไป | ไม่มี ระบอบกษัตริย์ถูกล้มล้าง ดำรงเป็นประธานาธิบดี |
ประสูติ | 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 แบกแดด ประเทศอิรัก |
สวรรคต | 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2501 แบกแดด ประเทศอิรัก (พระชนมายุ 23 พรรษา) |
พระอัครมเหสี | เจ้าหญิงซาบิฮา ฟาซิละ ฮานิม สุลต่าน |
พระเจ้าฟัยศ็อลที่ 2 แห่งอิรัก | |
ราชวงศ์ | (ฮาชิม) |
พระราชบิดา | พระเจ้าฆอซีแห่งอิรัก |
พระราชมารดา | เจ้าหญิงอะลียะฮ์ บินต์ อะลีแห่งเฮแจซ |
พระราชวงศ์และช่วงต้นพระชนม์ชีพ
พระราชสมภพและช่วงต้นพระชนม์ชีพ
เจ้าชายฟัยศ็อลเสด็จพระบรมราชสมภพวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ณ แบกแดด ประเทศอิรัก เป็นพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวในพระเจ้าฆอซีแห่งอิรัก พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์อิรักพระองค์ที่สองกับ สมเด็จพระราชินีอะลียะฮ์แห่งอิรัก ซึ่งเป็นพระธิดาใน แห่งมักกะฮ์ ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2482 พระราชบิดาของเจ้าชายเสด็จสวรรคตหลังจากรถยนต์ปริศนาพุ่งชนรถพระที่นั่งขณะที่เจ้าชายมีพระชนมายุเพียง 3 ชันษา เจ้าชายฟัยศ็อลจึงครองราชสมบัติสืบต่อเป็น พระเจ้าฟัยศ็อลที่ 2 แห่งอิรัก บางคนเชื่อว่าพระเจ้าฆอซีทรงถูกลอบปลงพระชนม์ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ในพระราชพิธีฝังพระบรมศพ ฝูงชนได้ตะโกนร้องว่า
นูรี แกจะต้องชดใช้ด้วยพระโลหิตขององค์กษัตริย์ฆอซี
นูรีถูกสงสัยว่าเขาได้รับพระราชเสาวนีย์จากสมเด็จพระราชินีอะลียะฮ์ พระมเหสีของพระเจ้าฆอซีเองและเขาได้วางแผนกับเจ้าชายอับดัลอิละฮ์ พระอนุชาในพระราชินีเพื่อดำเนินการถอดถอนองค์กษัตริย์ ซึ่งเป็นพระราชมาตุลาของพระองค์ได้ดำรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จนกระทั่งพระเจ้าพระเจ้าฟัยศ็อลทรงบรรลุนิติภาวะในปีพ.ศ. 2496
พระเจ้าฟัยศ็อลที่ 2 ทรงกลายเป็นต้นแบบของตัวละครการ์ตูนของแอร์เชนักวาดการ์ตูนชาวเบลเยียม สำหรับตัวละครในเรื่องการผจญภัยของตินติน พระเจ้าฟัยศ็อลประชวรด้วยพระโรคหอบหืดมาตั้งแต่ประสูติ
รัฐประหารพ.ศ. 2484
พระมหากษัตริย์มีพระชนม์ชีพช่วงวัยเยาว์เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งอิรักได้เป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับจักรวรรดิอังกฤษและฝ่ายสัมพันธมิตร ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2484 พระมาตุลาของพระองค์ทรงถูกขับไล่ออกจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เพียงเวลาสั้นๆจากการที่กองทัพได้ก่อรัฐประหารที่ซึ่งต้องการให้อิรักเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ
การรัฐประหารนำโดยโดยวางแผนจะลอบปลงพระชนม์ผู้สำเร็จราชการเพื่อยึดอำนาจในวันที่ 1 เมษายน แต่ในวันที่ 31 มีนาคม เจ้าชายอับดัลอิละฮ์ทรงทราบแผนการพระองค์จึงเสด็จลี้ภัยออกนอกประเทศ ราชิด อะลี อัล-เกละนิได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและดำเนินการกำจัดอิทธิพลของอังกฤษในอิรัก จากการส่งผลให้เกิดสงครามอังกฤษ-อิรัก การสนับสนุนจากนาซีเยอรมนีที่ตกลงกันไว้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตามเจ้าชายอับดัลอิละฮ์ได้กลับคืนสู่อำนาจโดยการรวมกลุ่มของกองทัพสัมพันธมิตรซึ่งประกอบด้วยจอร์แดน, และทหารอังกฤษหน่วยอื่นๆ อิรักได้ดำเนินสัมพันธไมตรีกับอังกฤษอีกครั้งและเข้าร่วมองค์การสหประชาชาติหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนราชิด อะลี อัล-เกละนิหลังจากแพ้สงครามต้องลี้ภัยไปยังเปอร์เซีย ก่อนที่เขาจะหนีออกจากแบกแดด เขาได้ติดต่อกับ และแจ้งต่อเขาว่า เขาได้มอบบ้านของเขาเองให้เป็นที่พำนักที่ปลอดภัยสำหรับพระราชวงศ์โดยให้ทรงประทับจนกว่าความขัดแย้งจะสิ้นสุดลง ซึ่งเป็นที่สังเกตว่าราชิด อะลี อัล-เกละนิเป็นผู้จงรักภักดีต่อราชวงศ์อย่างยิ่ง
ในระหว่างช่วงต้นพระชนม์ชีพ พระเจ้าฟัยศ็อลทรงได้รับการศึกษาที่พระราชวังร่วมกับเด็กชายชาวอิรักอื่นๆ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 พระองค์ทรงประทับร่วมกับพระมารดาในกรูฟ ล็อดที่หมู่บ้านในบาร์กเชอร์ สหราชอาณาจักร เมื่อทรงเจริญพระชันษา พระองค์ทรงเข้าศึกษาที่ร่วมกับพระญาติของพระองค์ สมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซนแห่งจอร์แดน ทั้งสองพระองค์เป็นพระสหายสนิทกันและมีการบันทึกว่าทรงวางแผนที่จะรวมทั้งสองราชอาณาจักรเข้าด้วยกัน เพื่อต่อต้านสิ่งที่ทั้งสองพระองค์เชื่อว่ากระทำการคุกคามลัทธิชาตินิยม
ในปีพ.ศ. 2495 พระเจ้าฟัยศ็อลเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกา โดยทรงพบปะกับประธานาธิบดีแฮร์รี เอส. ทรูแมน, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นักแสดง, นักเบสบอล และอีกหลายคน
การเร่งให้พระเจ้าฟัยศ็อลเสด็จสวรรคตเป็นการตัดสินพระทัยของพระมาตุลาซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการของพระเจ้าฟัยศ็อล(ภายหลังได้รับคำยืนยันโดยพระองค์) ที่ต้องการให้สหราชอาณาจักรสามารถรักษาบทบาทของตนอย่างต่อเนื่องในอิรัก โดยผ่านทางและหลังจากนั้นแผนแบกแดด ที่ลงนามในปีพ.ศ. 2498 ผู้คนจำนวนมากออกมาประท้วงอิทธิพลสัมพันธมิตรนี้ เป็นผลให้มีการปราบปรามและผู้เดินขบวนประท้วงหลายร้อยคนเสียชีวิตและนำไปสู่ความตกต่ำของกระแสความจงรักภักดีต่อพระราชวงศ์อิรัก
สิ้นสุดการสำเร็จราชการแทนพระองค์
พระเจ้าฟัยศ็อลที่ 2 แห่งอิรักทรงบรรลุนิติภาวะในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2496 พระองค์ทรงเริ่มปกครองด้วยประสบการณ์ที่ทรงมีเล็กน้อยและในระหว่างการเปลี่ยนสภาวะทรงการเมืองและสังคมของอิรัก ซึ่งถูกทำให้แย่ลงจากการพัฒนาลัทธิชาตินิยมแพน-อาหรับอย่างรวดเร็ว
พระเจ้าฟัยศ็อลทรงเริ่มต้นด้วยการอาศัยคำแนะนำทางการเมืองจากพระมาตุลา และพลเอก ซึ่งเป็นนักการเมืองที่มีประสบการณ์และเป็นนักชาตินิยมที่ดำรงเป็นนายกรัฐมนตรีหลายสมัย ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1960 พระองค์และคณะที่ปรึกษาทรงใช้ทรัพย์ของตนเองลงทุนในโครงการพัฒนาที่ซึ่งสร้างความบาดหมางกับกลุ่มชนชั้นกลางและชาวไร่อย่างรวดเร็ว ได้เพิ่มอิทธิพลขึ้น อย่างไรก็ตามการปกครองของพระองค์ดูเหมือนว่าจะปลอดภัย ความไม่พอใจที่เข้มข้นมากขึ้นต่อสถานะของอิรักยังเป็นแต่ใต้ผิวหน้า การที่สามารถขยายช่องว่างระหว่างคนรวยโดยกลุ่มคนที่มีอภิสิทธิ์ทางการเมือง, ผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและผู้สนับสนุนอำนาจในมือบุคคลเดียวอื่นๆและความยากจนของกรรมกรและชาวนาอื่นๆ เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลของพระเจ้าฟัยศ็อลอย่างรุนแรง ตั้งแต่ชนชั้นสูงควบคุมรัฐสภา นักปฏิรูปได้เล็งเห็นกระแสการปฏิวัติที่มีเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นไปตามที่พวกเขาคาดหวัง เพื่อล้มล้างระบอบกษัตริย์อียิปต์ภายใต้โดยญะมาล อับดุนนาศิร เป็นการรับรองสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันในอิรัก
ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 ซีเรียประเทศเพื่อนบ้านของอิรักได้ร่วมมือกับนาศิรแห่งอียิปต์ในการก่อตั้ง ส่งผลให้ราชอาณาจักรอิรักและจอร์แดนสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกัน สองสัปดาห์ถัดมาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ สันนิบาตนี้ได้รับการก่อตั้งอย่างเป็นทางการในชื่อ สหพันธรัฐอาหรับแห่งอิรักและจอร์แดน พระเจ้าฟัยศ็อลที่ 2 แห่งอิรักเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ที่อาวุโสที่สุดในราชวงศ์ จึงทรงได้รับเกียรติให้ดำรงเป็นพระประมุขของสหพันธรัฐ
หายนะและการสังหารหมู่พระราชวงศ์
รูปแบบของฝ่ายต่อต้าน
สถานการณ์ทางการเมืองของพระเจ้าฟัยศ็อลเริ่มเลวร้ายลงในปีพ.ศ. 2499 ด้วยการลุกฮือของประชาชนในเมืองและฮะวี ขณะที่กองทัพอิสราเอลโจมตีอียิปต์ในกรณีวิกฤติการณ์สุเอซ โดยการร่วมมือกับสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสซึ่งตอบโต้นโยบายชาตินิยมของญะมาล อับดุนนาศิรแห่งอียิปต์ ความนิยมที่ย่ำแย่ลงในแผนแบกแดดก็ดีหรือการปกครองของพระเจ้าฟัยศ็อลก็ดี ฝ่ายต่อต้านได้เริ่มการเคลื่อนไหว ในเดือนกุมภาพันธ์พ.ศ. 2500 ก่อตั้ง "ด่านหน้าสหภาพแห่งชาติ" (Front of National Union) ดำเนินการร่วมกันกับกลุมประชาธิปไตยแห่งชาติ, กลุ่มอิสรภาพ, คอมมิวนิสต์และ กลุ่มดำเนินการที่เหมือนกันได้ดำเนินการแทรกแซงอย่างใกล้ชิดภายในเจ้าหน้าที่อิรัก ด้วยการก่อตั้ง "คณะเสนาธิการทหารอิสระสูงสุด" (Supreme Committee of Free Officers) คณะรัฐบาลของพระเจ้าฟัยศ็อลได้พยายามรักษาความจงรักภักดีในกองทัพโดยผ่านทางสวัสดิการต่างๆ แต่วิธีนี้ให้ผลที่ไม่ยั่งยืนมากเมื่อกองทัพเห็นด้วยกับพวกต่อต้านระบอบกษัตริย์
ปฏิวัติ 14 กรกฎาคมและการปลงพระชนม์หมู่พระราชวงศ์อิรัก
ในฤดูร้อน พ.ศ. 2501 สมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซนแห่งจอร์แดนส่งขอความช่วยเหลือทางการทหารกับอิรักในช่วงวิกฤตการณ์เลบานอน พ.ศ. 2501 ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น กองทหารภายใต้การบังคับบัญชาของพลเอกอิบด์ อัล-คะริม กอซิมได้กำหนดเดินทัพไปที่จอร์แดนแต่ได้หันกลับมาที่กรุงแบกแดด ซึ่งได้กระทำการรัฐประหารปฏิวัติในวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2501 ในระหว่างการปฏิวัติ 14 กรกฎาคม กองทัพนำโดยพันเอกอับดุล ซะลาม อะริฟและพลเอกอิบด์ อัล-คะริม กอซิมได้เข้ายึดกรุงแบกแดดภายใต้การช่วยเหลือของพันเอกอิบด์ อัล-ละทิฟ อัล-ดะร์ระจี ในช่วงเช้าตรู่กองกำลังของอะริฟได้เข้ายึดสถานีโทรทัศน์ต่างๆ และได้แถลงการณ์คณะปฏิวัติครั้งแรกความว่า "....ล้มล้างจักรวรรดินิยมและกลุ่มพรรคพวกในคณะเจ้าหน้าที่ ประกาศสาธารณรัฐใหม่และจุดจบยุคสมัยเก่า.... ประกาศสภาชั่วคราวแห่งสามสมัชชาเพื่อรับรองอำนาจประธานาธิบดีและสัญญาว่าจะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ต่อไป"
จากนั้นอะรีฟได้ส่งกองทหารสองกอง กองแรกมุ่งหน้าไปยังพระราชวังอัล-ราฮับเพื่อกราบทูลพระเจ้าฟัยศ็อลและมกุฎราชกุมารอับดัลอิละฮ์ให้ทรงทราบถึงการปฏิวัติ อีกกองหนึ่งมุ่งหน้าไปยังทำเนียบนายกรัฐมนตรีนูรี อัสซะอีด เมื่อกองทัพมาถึงพระราชวัง พระเจ้าฟัยศ็อลมีพระบัญชาให้ทหารกรมวังวางอาวุธเพื่อไม่ให้ชาวอิรักต้องหลั่งเลือด และพระองค์ทรงยอมจำนนต่อฝ่ายต่อต้านด้วยพระองค์เอง แม้ว่าไม่มีรายงานใดๆถึงจำนวนกองกำลังที่บุกเข้าไปในพระราชวัง
ในเวลา 8.00 น. หัวหน้ากองทหาร อับดุล ซัททาร์ ซะบาอะ อัล-อิโบซี ได้นำกองทัพปฏิวัติเข้าทำร้ายข้าราชสำนักในพระราชวัง มีคำสั่งกราบทูลพระบรมวงศานุวงศ์ได้แก่ พระเจ้าฟัยศ็อล, , (พระชายาในมกุฎราชกุมารและเป็นพระมาตุจฉาในกษัตริย์), (พระมารดาในสมเด็จพระราชชนนีอะลียะฮ์และมกุฎราชกุมารอับดัลอิละฮ์ และเป็นพระอัยยิกาในกษัตริย์), (พระเชษฐภคินีในสมเด็จพระราชชนนีอะลียะฮ์และมกุฎราชกุมารอับดัลอิละฮ์ และเป็นพระมาตุจฉาในกษัตริย์) และข้าราชบริพารจำนวนหนึ่งให้เสด็จลงมายังลานสนามในพระราชวังพร้อมๆกัน จากนั้นมีคำสั่งให้ทุกพระองค์หันพระองค์เข้ากับกำแพง ที่ซึ่งทุกพระองค์ถูกกราดยิงด้วยปืนกลในทันที ร่างของทั้งห้าพระองค์ร่วงลงพื้นสนามพร้อมกับร่างของข้าราชบริพาร พระเจ้าฟัยศ็อลยังไม่สวรรคตในทันทีหลังการระดมยิงครั้งแรก ทรงถูกนำพระองค์ส่งโรงพยาบาลโดยผู้จงรักภักดีแต่ก็เสด็จสวรรคตระหว่างทาง สิริพระชนมายุ 23 พรรษา เจ้าหญิงฮิยามทรงรอดพระชนม์ชีพจากการปลงพระชนม์หมู่มาได้แต่ก็ทรงพระประชวรอย่างสาหัสจากการระดมยิงและทรงถูกผู้จงรักภักดีพาพระองค์เสด็จออกนอกประเทศ พระศพของมกุฎราชกุมารอับดัลอิละฮ์ถูกลากไปตามถนนและถูกตัดเป็นชิ้นๆ ข่าวการปลงพระชนม์หมู่เกี่ยวกับมกุฎราชกุมารอับดัลอิละฮ์ได้มีการรายงานว่า "ประชาชนนักปฏิวัติโยนพระศพของมกุฎราชกุมารอับดัลอิละฮ์ลงบนถนนดั่งเช่นสุนัขและฉีกพระศพออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นพวกเขาก็ทำการเผาพระศพ" ถือเป็นจุดสิ้นสุดระบอบกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์อิรักและเป็นโศกนาฏกรรมของระบอบกษัตริย์ 37 ปีในอิรัก
นายกรัฐมนตรีนูรี อัสซะอีดก็ถูกสังหารด้วยเช่นกัน ซึ่งหลังจากที่นูรีทราบข่าวการปลงพระชนม์พระบรมวงศานุวงศ์ เขาได้พยายามหลบหนี พลเอกอิบด์ อัล-คะริม กอซิมได้ประกาศมอบรางวัลจำนวน 10,000 ดินาร์แก่ทหารที่สามารถจับตัวนูรีได้และได้มีการค้นหาตัวครั้งใหญ่ ในวันที่ 15 กรกฎาคม นูรีได้ถูกจับตัวได้ที่เขตอัล-บัทตาวินในแบกแดดซึ่งพยายามหนีโดยปลอมตัวเป็นผู้หญิงสวมใส่ (ชุดคลุมยาวของสตรีอิสลาม) นูรีและผู้ติดตามได้ถูกยิงถึงแก่อสัญกรรมทันที ม็อบหัวรุนแรงได้ทำการไล่ล่าสังหารชาวต่างชาติทุกคนทั่งแบกแดด จนพลเอก กอซิมต้องประกาศเคอร์ฟิว
ระบอบกษัตริย์ถูกล้มล้างอย่างเป็นทางการ และประเทศถูกเข้าควบคุมแบบไตรภาคีภายใต้ "สภาปกครอง" ประกอบด้วยผู้แทนอิรักจากสามกลุ่มชาติพันธุ์หลัก ความไม่เสถียรภาพทางการเมืองระยะยาวได้ทวีความรุนแรงขึ้นและถึงจุดสูงสุดเนื่องจากชัยชนะของในปีพ.ศ. 2511 ที่ซึ่งเป็นการก้าวขึ้นสู่อำนาจของซัดดัม ฮุสเซน
พระคู่หมั้น
พระเจ้าฟัยศ็อลที่ 2 แห่งอิรักทรงหมั้นครั้งแรกกับ เชื้อสายของราชวงศ์มัมลูกในอิรัก ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2501 การหมั้นถูกยกเลิกในอีกสามเดือนต่อมา
พระเจ้าฟัยศ็อลทรงสู่ขอเจ้าหญิงชาห์นาซ ปาห์ลาวี พระราชธิดาในพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวีแห่งอิหร่านกับเจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งอียิปต์ แต่เจ้าหญิงชาห์นาซทรงปฏิเสธพระเจ้าฟัยศ็อล ในช่วงก่อนที่จะพระองค์สวรรคต ทรงหมั้นหมายและจะอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงซาบิฮา ฟาซิละ ฮานิม สุลต่าน พระธิดาเพียงพระองค์เดียวในแห่งอียิปต์กับ
พระอิศริยยศทางทหาร
พระองค์มีพระอิศริยยศทางทหารดังนี้
- (กิตติมศักดิ์)
ดูเพิ่ม
- พระญาติของพระเจ้าฟัยศ็อลที่ 2 แห่งอิรักและเป็นนักการเมืองก่อตั้ง(ICM)
- ประมุขราชวงศ์อิรัก
- นายกรัฐมนตรีที่ถูกประหารชีวิตตามคำสั่งของพลเอกอิบด์ อัล-คะริม กอซิม
เชิงอรรถ
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-09-29. สืบค้นเมื่อ 2012-09-03.
- Michael Farr, Tintin: The Complete Companion, John Murray, 2001.
- S9.com 2021-05-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Retrieved on 14 July 2008.
- Ibid
- . Time Magazine. 21 July 1958. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-01-20. สืบค้นเมื่อ 27 July 2009.
- Ibid, page 157
- Royal Ark
อ้างอิง
- Khadduri, Majid. Independent Iraq, 1932–1958. 2nd ed. Oxford University Press, 1960.
- Lawrence, T. E. Seven Pillars of Wisdom. Retrieved 14 July 2008
- Longrigg, Stephen H. Iraq, 1900 to 1950. Oxford University Press, 1953.
- Morris, James. The Hashemite Kings. London, 1959.
อ่านเพิ่มเติม
- Khadduri, Majid. Independent Iraq, 1932–1958. 2nd ed. Oxford University Press, 1960.
- Lawrence, T. E. Seven Pillars of Wisdom. Retrieved 14 July 2008
- Longrigg, Stephen H. Iraq, 1900 to 1950. Oxford University Press, 1953.
- Morris, James. The Hashemite Kings. London, 1959.
- De Gaury, Gerald. Three kings in Baghdad, 1921-1958 (Hutchinson, 1961).
แหล่งข้อมูลอื่น
- . Time Magazine. 17 April 1939. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-12-22. สืบค้นเมื่อ 17 August 2009.
- . Time Magazine. 21 July 1958. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-01-20. สืบค้นเมื่อ 27 July 2009.
- . Time Magazine. 28 July 1958. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-08-07. สืบค้นเมื่อ 27 July 2009.
- "Coins of Faisal II". สืบค้นเมื่อ 30 August 2009.
ก่อนหน้า | พระเจ้าฟัยศ็อลที่ 2 แห่งอิรัก | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าฆอซีแห่งอิรัก | พระมหากษัตริย์แห่งอิรัก (4 เมษายน พ.ศ. 2482 - 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2501) | ระบอบกษัตริย์ถูกล้มล้างใน ดำรงเป็นประธานาธิบดี | ||
ระบอบกษัตริย์ถูกล้มล้างใน | ผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์อิรัก (14 กรกฎาคม พ.ศ. 2501) | หรือ |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phraecafysxlthi 2 aehngxirk xahrb الملك فيصل الثان Al Malik Fayṣal Ath thani phranametm xlmalik fysxl xssani 2 phvsphakhm ph s 2478 14 krkdakhm ph s 2501 thrngepnphramhakstriyphraxngkhsudthayaehngrachxanackrhchimtxirk rahwangpiph s 2482 thungph s 2501 emuxphraxngkhthrngthukplngphrachnmphrxmphrarachwngsxirkin karplngphrachnmhmuphraecafysxlaelaphrarachwngsthuxepncudsinsud 37 piaehngrabxbkstriyaehnginxirk thisungidklaymaepnsatharnrthinpccubnphraecafysxlthi 2 aehngxirkxlmalik fysxl xssani الملك فيصل الثاني phraecafysxlthi 2 aehngxirkecachayaehngxirk phramhakstriyaehngxirkkhrxngrachy4 emsayn ph s 2482 14 krkdakhm ph s 2501rchsmy19 pi 101 wnrachaphiesk2 mithunayn ph s 2496rchkalkxnhnaphraecakhxsiaehngxirkrchkalthdipimmi rabxbkstriythuklmlang darngepnprathanathibdiprasuti2 phvsphakhm ph s 2478 aebkaedd praethsxirkswrrkht14 krkdakhm ph s 2501 aebkaedd praethsxirk phrachnmayu 23 phrrsa phraxkhrmehsiecahyingsabiha fasila hanim sultanphraecafysxlthi 2 aehngxirkrachwngs hachim phrarachbidaphraecakhxsiaehngxirkphrarachmardaecahyingxaliyah bint xaliaehngehaecsphrarachwngsaelachwngtnphrachnmchiphphrarachsmphphaelachwngtnphrachnmchiph phraecafysxlthi 2 aehngxirkkhnamiphrachnmayu 5 phrrsa ecachayfysxlesdcphrabrmrachsmphphwnthi 2 phvsphakhm ph s 2478 n aebkaedd praethsxirk epnphrarachoxrsephiyngphraxngkhediywinphraecakhxsiaehngxirk phramhakstriyaehngrachxanackrhchimtxirkphraxngkhthisxngkb smedcphrarachinixaliyahaehngxirk sungepnphrathidain aehngmkkah inwnthi 4 emsayn ph s 2482 phrarachbidakhxngecachayesdcswrrkhthlngcakrthyntprisnaphungchnrthphrathinngkhnathiecachaymiphrachnmayuephiyng 3 chnsa ecachayfysxlcungkhrxngrachsmbtisubtxepn phraecafysxlthi 2 aehngxirk bangkhnechuxwaphraecakhxsithrngthuklxbplngphrachnmtamkhasngkhxngnaykrthmntri inphrarachphithifngphrabrmsph fungchnidtaoknrxngwa nuri aekcatxngchdichdwyphraolhitkhxngxngkhkstriykhxsi nurithuksngsywaekhaidrbphrarachesawniycaksmedcphrarachinixaliyah phramehsikhxngphraecakhxsiexngaelaekhaidwangaephnkbecachayxbdlxilah phraxnuchainphrarachiniephuxdaeninkarthxdthxnxngkhkstriy sungepnphrarachmatulakhxngphraxngkhiddarngepnphusaercrachkaraethnphraxngkhcnkrathngphraecaphraecafysxlthrngbrrlunitiphawainpiph s 2496 phraecafysxlthi 2 thrngklayepntnaebbkhxngtwlakhrkartunkhxngaexrechnkwadkartunchawebleyiym sahrbtwlakhrineruxngkarphcyphykhxngtintin phraecafysxlprachwrdwyphraorkhhxbhudmatngaetprasuti rthpraharph s 2484 phramhakstriymiphrachnmchiphchwngwyeyawekidkhuninewlaiklekhiyngknkbsngkhramolkkhrngthi 2 sungxirkidepnphnthmitrxyangepnthangkarkbckrwrrdixngkvsaelafaysmphnthmitr ineduxnemsayn ph s 2484 phramatulakhxngphraxngkhthrngthukkhbilxxkcaktaaehnngphusaercrachkaraethnphraxngkhephiyngewlasncakkarthikxngthphidkxrthpraharthisungtxngkarihxirkekharwmkbfayxksaphraecafysxlthi 2 aehngxirkthrngchayphraruprwmkbsmedcphrarachchnnixaliyahaela phramatulaaelaphusaercrachkar karrthpraharnaodyodywangaephncalxbplngphrachnmphusaercrachkarephuxyudxanacinwnthi 1 emsayn aetinwnthi 31 minakhm ecachayxbdlxilahthrngthrabaephnkarphraxngkhcungesdcliphyxxknxkpraeths rachid xali xl eklaniiddarngtaaehnngnaykrthmntriaeladaeninkarkacdxiththiphlkhxngxngkvsinxirk cakkarsngphlihekidsngkhramxngkvs xirk karsnbsnuncaknasieyxrmnithitklngkniwimidekidkhuncring xyangirktamecachayxbdlxilahidklbkhunsuxanacodykarrwmklumkhxngkxngthphsmphnthmitrsungprakxbdwycxraedn aelathharxngkvshnwyxun xirkiddaeninsmphnthimtrikbxngkvsxikkhrngaelaekharwmxngkhkarshprachachatihlngcaksinsudsngkhramolkkhrngthi 2 swnrachid xali xl eklanihlngcakaephsngkhramtxngliphyipyngepxresiy kxnthiekhacahnixxkcakaebkaedd ekhaidtidtxkb aelaaecngtxekhawa ekhaidmxbbankhxngekhaexngihepnthiphankthiplxdphysahrbphrarachwngsodyihthrngprathbcnkwakhwamkhdaeyngcasinsudlng sungepnthisngektwarachid xali xl eklaniepnphucngrkphkditxrachwngsxyangying inrahwangchwngtnphrachnmchiph phraecafysxlthrngidrbkarsuksathiphrarachwngrwmkbedkchaychawxirkxun inrahwangsngkhramolkkhrngthi 2 phraxngkhthrngprathbrwmkbphramardainkruf lxdthihmubaninbarkechxr shrachxanackr emuxthrngecriyphrachnsa phraxngkhthrngekhasuksathirwmkbphrayatikhxngphraxngkh smedcphrarachathibdihusesnaehngcxraedn thngsxngphraxngkhepnphrashaysnithknaelamikarbnthukwathrngwangaephnthicarwmthngsxngrachxanackrekhadwykn ephuxtxtansingthithngsxngphraxngkhechuxwakrathakarkhukkhamlththichatiniym inpiph s 2495 phraecafysxlesdceyuxnshrthxemrika odythrngphbpakbprathanathibdiaehrri exs thruaemn rthmntriwakarkrathrwngkartangpraeths nkaesdng nkebsbxl aelaxikhlaykhn karerngihphraecafysxlesdcswrrkhtepnkartdsinphrathykhxngphramatulasungepnphusaercrachkarkhxngphraecafysxl phayhlngidrbkhayunynodyphraxngkh thitxngkarihshrachxanackrsamarthrksabthbathkhxngtnxyangtxenuxnginxirk odyphanthangaelahlngcaknnaephnaebkaedd thilngnaminpiph s 2498 phukhncanwnmakxxkmaprathwngxiththiphlsmphnthmitrni epnphlihmikarprabpramaelaphuedinkhbwnprathwnghlayrxykhnesiychiwitaelanaipsukhwamtktakhxngkraaeskhwamcngrkphkditxphrarachwngsxirksinsudkarsaercrachkaraethnphraxngkhphraecafysxlthi 2 aehngxirk khwa kbsmedcphrarachathibdihusesnaehngcxraedn say phrayatiaelaphrashaysnith inwnthi 18 kumphaphnth ph s 2498 khnathismedcphrarachathibdihusesnesdceyuxnxirk thngsxngphraxngkhthrngchlxngphraxngkhekhruxngaebbthharephuxaesdngkhwamekharphtxthngsxngpraeths phraecafysxlthi 2 aehngxirkthrngbrrlunitiphawainwnthi 2 phvsphakhm ph s 2496 phraxngkhthrngerimpkkhrxngdwyprasbkarnthithrngmielknxyaelainrahwangkarepliynsphawathrngkaremuxngaelasngkhmkhxngxirk sungthukthaihaeylngcakkarphthnalththichatiniymaephn xahrbxyangrwderw phraecafysxlthrngerimtndwykarxasykhaaenanathangkaremuxngcakphramatula aelaphlexk sungepnnkkaremuxngthimiprasbkarnaelaepnnkchatiniymthidarngepnnaykrthmntrihlaysmy rakhanamnphungsungkhuninchwngthswrrsthi 1960 phraxngkhaelakhnathipruksathrngichthrphykhxngtnexnglngthuninokhrngkarphthnathisungsrangkhwambadhmangkbklumchnchnklangaelachawirxyangrwderw idephimxiththiphlkhun xyangirktamkarpkkhrxngkhxngphraxngkhduehmuxnwacaplxdphy khwamimphxicthiekhmkhnmakkhuntxsthanakhxngxirkyngepnaetitphiwhna karthisamarthkhyaychxngwangrahwangkhnrwyodyklumkhnthimixphisiththithangkaremuxng phumikrrmsiththiinthidinaelaphusnbsnunxanacinmuxbukhkhlediywxunaelakhwamyakcnkhxngkrrmkraelachawnaxun epnptipkstxrthbalkhxngphraecafysxlxyangrunaerng tngaetchnchnsungkhwbkhumrthspha nkptirupidelngehnkraaeskarptiwtithimiephimkhunsungepniptamthiphwkekhakhadhwng ephuxlmlangrabxbkstriyxiyiptphayitodyyamal xbdunnasir epnkarrbrxngsthankarnthikhlaykhlungkninxirk inwnthi 1 kumphaphnth ph s 2501 sieriypraethsephuxnbankhxngxirkidrwmmuxkbnasiraehngxiyiptinkarkxtng sngphlihrachxanackrxirkaelacxraednsrangphnthmitrthiaekhngaekrngkhunechnediywkn sxngspdahthdmainwnthi 14 kumphaphnth snnibatniidrbkarkxtngxyangepnthangkarinchux shphnthrthxahrbaehngxirkaelacxraedn phraecafysxlthi 2 aehngxirkepnphrabrmwngsanuwngsthixawuosthisudinrachwngs cungthrngidrbekiyrtiihdarngepnphrapramukhkhxngshphnthrthhaynaaelakarsngharhmuphrarachwngsrupaebbkhxngfaytxtan khnaesdceyuxnemantewxrnxn shrthxemrika thrngepnphusaercrachkaraethnphraxngkhinrchsmykhxngphrandda txmathrngthukplngphrachnmphrxmphrarachwngsinkarptiwti 14 krkdakhm sthankarnthangkaremuxngkhxngphraecafysxlerimelwraylnginpiph s 2499 dwykarlukhuxkhxngprachachninemuxngaelahawi khnathikxngthphxisraexlocmtixiyiptinkrniwikvtikarnsuexs odykarrwmmuxkbshrachxanackraelafrngesssungtxbotnoybaychatiniymkhxngyamal xbdunnasiraehngxiyipt khwamniymthiyaaeylnginaephnaebkaeddkdihruxkarpkkhrxngkhxngphraecafysxlkdi faytxtaniderimkarekhluxnihw ineduxnkumphaphnthph s 2500 kxtng danhnashphaphaehngchati Front of National Union daeninkarrwmknkbklumprachathipityaehngchati klumxisrphaph khxmmiwnistaela klumdaeninkarthiehmuxnkniddaeninkaraethrkaesngxyangiklchidphayinecahnathixirk dwykarkxtng khnaesnathikarthharxisrasungsud Supreme Committee of Free Officers khnarthbalkhxngphraecafysxlidphyayamrksakhwamcngrkphkdiinkxngthphodyphanthangswsdikartang aetwithiniihphlthiimyngyunmakemuxkxngthphehndwykbphwktxtanrabxbkstriy ptiwti 14 krkdakhmaelakarplngphrachnmhmuphrarachwngsxirk invdurxn ph s 2501 smedcphrarachathibdihusesnaehngcxraednsngkhxkhwamchwyehluxthangkarthharkbxirkinchwngwikvtkarnelbanxn ph s 2501 thwikhwamrunaerngyingkhun kxngthharphayitkarbngkhbbychakhxngphlexkxibd xl kharim kxsimidkahndedinthphipthicxraednaetidhnklbmathikrungaebkaedd sungidkrathakarrthpraharptiwtiinwnthi 14 krkdakhm ph s 2501 inrahwangkarptiwti 14 krkdakhm kxngthphnaodyphnexkxbdul salam xarifaelaphlexkxibd xl kharim kxsimidekhayudkrungaebkaeddphayitkarchwyehluxkhxngphnexkxibd xl lathif xl darraci inchwngechatrukxngkalngkhxngxarifidekhayudsthaniothrthsntang aelaidaethlngkarnkhnaptiwtikhrngaerkkhwamwa lmlangckrwrrdiniymaelaklumphrrkhphwkinkhnaecahnathi prakassatharnrthihmaelacudcbyukhsmyeka prakassphachwkhrawaehngsamsmchchaephuxrbrxngxanacprathanathibdiaelasyyawacacdkareluxktngprathanathibdikhnihmtxip caknnxarifidsngkxngthharsxngkxng kxngaerkmunghnaipyngphrarachwngxl rahbephuxkrabthulphraecafysxlaelamkudrachkumarxbdlxilahihthrngthrabthungkarptiwti xikkxnghnungmunghnaipyngthaeniybnaykrthmntrinuri xssaxid emuxkxngthphmathungphrarachwng phraecafysxlmiphrabychaihthharkrmwngwangxawuthephuximihchawxirktxnghlngeluxd aelaphraxngkhthrngyxmcanntxfaytxtandwyphraxngkhexng aemwaimmiraynganidthungcanwnkxngkalngthibukekhaipinphrarachwng phlexkxibd xl kharim kxsim phunakarptiwti 14 krkdakhmaelaepnphusngplngphrachnmphrabrmwngsanuwngs inewla 8 00 n hwhnakxngthhar xbdul sththar sabaxa xl xiobsi idnakxngthphptiwtiekhatharaykharachsankinphrarachwng mikhasngkrabthulphrabrmwngsanuwngsidaek phraecafysxl phrachayainmkudrachkumaraelaepnphramatucchainkstriy phramardainsmedcphrarachchnnixaliyahaelamkudrachkumarxbdlxilah aelaepnphraxyyikainkstriy phraechsthphkhiniinsmedcphrarachchnnixaliyahaelamkudrachkumarxbdlxilah aelaepnphramatucchainkstriy aelakharachbripharcanwnhnungihesdclngmaynglansnaminphrarachwngphrxmkn caknnmikhasngihthukphraxngkhhnphraxngkhekhakbkaaephng thisungthukphraxngkhthukkradyingdwypunklinthnthi rangkhxngthnghaphraxngkhrwnglngphunsnamphrxmkbrangkhxngkharachbriphar phraecafysxlyngimswrrkhtinthnthihlngkarradmyingkhrngaerk thrngthuknaphraxngkhsngorngphyabalodyphucngrkphkdiaetkesdcswrrkhtrahwangthang siriphrachnmayu 23 phrrsa ecahyinghiyamthrngrxdphrachnmchiphcakkarplngphrachnmhmumaidaetkthrngphraprachwrxyangsahscakkarradmyingaelathrngthukphucngrkphkdiphaphraxngkhesdcxxknxkpraeths phrasphkhxngmkudrachkumarxbdlxilahthuklakiptamthnnaelathuktdepnchin khawkarplngphrachnmhmuekiywkbmkudrachkumarxbdlxilahidmikarraynganwa prachachnnkptiwtioynphrasphkhxngmkudrachkumarxbdlxilahlngbnthnndngechnsunkhaelachikphrasphxxkepnchin caknnphwkekhakthakarephaphrasph thuxepncudsinsudrabxbkstriyaehngrachxanackrhchimtxirkaelaepnosknatkrrmkhxngrabxbkstriy 37 piinxirk naykrthmntrinuri xssaxidkthuksnghardwyechnkn sunghlngcakthinurithrabkhawkarplngphrachnmphrabrmwngsanuwngs ekhaidphyayamhlbhni phlexkxibd xl kharim kxsimidprakasmxbrangwlcanwn 10 000 dinaraekthharthisamarthcbtwnuriidaelaidmikarkhnhatwkhrngihy inwnthi 15 krkdakhm nuriidthukcbtwidthiekhtxl bthtawininaebkaeddsungphyayamhniodyplxmtwepnphuhyingswmis chudkhlumyawkhxngstrixislam nuriaelaphutidtamidthukyingthungaekxsykrrmthnthi mxbhwrunaerngidthakarillasngharchawtangchatithukkhnthngaebkaedd cnphlexk kxsimtxngprakasekhxrfiw rabxbkstriythuklmlangxyangepnthangkar aelapraethsthukekhakhwbkhumaebbitrphakhiphayit sphapkkhrxng prakxbdwyphuaethnxirkcaksamklumchatiphnthuhlk khwamimesthiyrphaphthangkaremuxngrayayawidthwikhwamrunaerngkhunaelathungcudsungsudenuxngcakchychnakhxnginpiph s 2511 thisungepnkarkawkhunsuxanackhxngsddm husesnphrakhuhmnphraecafysxlthi 2 aehngxirk say kbecahyingsabiha fasila hanim sultan aehngxirk phrakhuhmn khwa phraecafysxlthi 2 aehngxirkthrnghmnkhrngaerkkb echuxsaykhxngrachwngsmmlukinxirk ineduxnmkrakhm ph s 2501 karhmnthukykelikinxiksameduxntxma phraecafysxlthrngsukhxecahyingchahnas pahlawi phrarachthidainphraecachah omhmhmd ersa pahlawiaehngxihrankbecahyingefasiyahaehngxiyipt aetecahyingchahnasthrngptiesthphraecafysxl inchwngkxnthicaphraxngkhswrrkht thrnghmnhmayaelacaxphiesksmrskbecahyingsabiha fasila hanim sultan phrathidaephiyngphraxngkhediywinaehngxiyiptkbphraxisriyysthangthharphraxngkhmiphraxisriyysthangthhardngni kittimskdi duephimphrayatikhxngphraecafysxlthi 2 aehngxirkaelaepnnkkaremuxngkxtng ICM pramukhrachwngsxirk naykrthmntrithithukpraharchiwittamkhasngkhxngphlexkxibd xl kharim kxsimechingxrrthwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb phraecafysxlthi 2 aehngxirk khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 09 29 subkhnemux 2012 09 03 Michael Farr Tintin The Complete Companion John Murray 2001 S9 com 2021 05 06 thi ewyaebkaemchchin Retrieved on 14 July 2008 Ibid Time Magazine 21 July 1958 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 01 20 subkhnemux 27 July 2009 Ibid page 157 Royal ArkxangxingKhadduri Majid Independent Iraq 1932 1958 2nd ed Oxford University Press 1960 Lawrence T E Seven Pillars of Wisdom Retrieved 14 July 2008 Longrigg Stephen H Iraq 1900 to 1950 Oxford University Press 1953 Morris James The Hashemite Kings London 1959 xanephimetimKhadduri Majid Independent Iraq 1932 1958 2nd ed Oxford University Press 1960 Lawrence T E Seven Pillars of Wisdom Retrieved 14 July 2008 Longrigg Stephen H Iraq 1900 to 1950 Oxford University Press 1953 Morris James The Hashemite Kings London 1959 De Gaury Gerald Three kings in Baghdad 1921 1958 Hutchinson 1961 aehlngkhxmulxun Time Magazine 17 April 1939 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 12 22 subkhnemux 17 August 2009 Time Magazine 21 July 1958 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 01 20 subkhnemux 27 July 2009 Time Magazine 28 July 1958 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2009 08 07 subkhnemux 27 July 2009 Coins of Faisal II subkhnemux 30 August 2009 kxnhna phraecafysxlthi 2 aehngxirk thdipphraecakhxsiaehngxirk phramhakstriyaehngxirk 4 emsayn ph s 2482 14 krkdakhm ph s 2501 rabxbkstriythuklmlangin darngepnprathanathibdirabxbkstriythuklmlangin phuxangsiththiinrachbllngkxirk 14 krkdakhm ph s 2501 hrux