พระตำหนักแดง สร้างขึ้นภายในพระบรมมหาราชวังในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เพื่อพระราชทานเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ พระโสทรเชษฐภคินีพระองค์เล็ก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงรื้อพระตำหนักฝ่ายในภายในเขตพระราชฐานชั้นในเพื่อเปลี่ยนเป็นตำหนักตึกทั้งหมด ดังนั้น จึงโปรดให้รื้อตำหนักแดงไปปลูกที่พระราชวังเดิม เพื่อเป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีและสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ (ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว) โดยตำหนักแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกนั้นเป็นที่ประทับสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ปัจจุบันตำหนักส่วนนี้ได้ถูกรื้อไปปลูกเป็นกุฏิเจ้าอาวาสวัดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบุรี ส่วนที่สองเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันตั้งอยู่ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
พระตำหนักแดง | |
---|---|
ตำหนักแดง | |
พระตำหนักแดงภายในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 | |
ประเภท | พระตำหนัก |
ที่ตั้ง | แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร |
สร้างโดย | พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว |
การใช้งานดั้งเดิม | สถานที่ประทับส่วนพระองค์ |
สถานะ | ยังมีอยู่ |
สถาปัตยกรรม | สถาปัตยกรรมไทย |
ผู้ดูแล | กรมศิลปากร |
ขึ้นเมื่อ | 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2519 |
เป็นส่วนหนึ่งของ | พระราชวังบวรสถานมงคล |
เลขอ้างอิง | 0000015 |
ประวัติ
พระตำหนักแดงเป็นตำหนักที่สร้างขึ้นด้วยเครื่องไม้เพื่อเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ พระโสทรเชษฐภคินีพระองค์เล็กในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ตั้งอยู่บริเวณหลังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทภายในพระบรมมหาราชวัง โดยพระองค์ทรงมีหน้าที่กำกับเครื่องใหญ่ในโรงวิเสศต้น (ห้องครัว) และการสดึง เป็นต้น เนื่องจากตำหนักแห่งนี้ทาสีแดง จึงเรียกว่า พระตำหนักแดง
พระตำหนักแดงภายในพระบรมมหาราชวัง ประกอบด้วย ตำหนัก 2 หลัง โดยหลังแรกเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ตราบจนพระองค์สิ้นพระชนม์ ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้ว ทรงเชิญสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชชนนีมาประทับภายในพระบรมมหาราชวัง โดยประทับ ณ ตำหนักแดงหลังนี้ ชาววังจึงเรียกตำหนักแห่งนี้ว่า "พระตำหนักตึก" ส่วนตำหนักแดงหลังที่ 2 นั้น สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยบริเวณหลังพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เพื่อใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี พระอัครมเหสี
เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี พระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พร้อมกับพระราชโอรส คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ (ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว) ได้เสด็จออกไปประทับ ณ พระราชวังเดิม ซึ่งในระยะเวลานั้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรื้อหมู่ตำหนักภายในเขตพระราชฐานชั้นในเพื่อสร้างเปลี่ยนตำหนักไม้เป็นตำหนักตึก พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อตำหนักแดงที่ประทับของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีไปปลูกที่พระราชวังเดิมด้วย เมื่อสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีเสด็จสวรรคต ตำหนักแดงในส่วนที่ประทับของพระองค์ได้รื้อไปถวายเป็นกุฏิเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม
ต่อมา เมื่อสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคล พระองค์ได้เสด็จไปประทับ ณ พระบวรราชวัง (พระราชวังบวรสถานมงคล) ทรงให้รื้อตำหนักแดงที่ถวายเป็นกุฏิเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยารามไปปลูกถวายเป็นกุฏิเจ้าอาวาสวัดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบุรี พร้อมทั้งทรงรื้อตำหนักแดงในส่วนที่ประทับเดิมของพระองค์ที่พระราชวังเดิมนั้นมาปลูก ณ พระบวรราชวัง
ลักษณะสถาปัตยกรรม
เป็นอาคารสร้างขึ้นด้วยไม้ทั้งหลังเป็นทรงไทย มีขนาด 7 ห้องเสา ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเรือนทั่วไป หลังคาทรงจั่ว มุงด้วยกระเบื้องเกล็ดเต่า หน้าจั่วเป็นแบบลูกฟักหน้าพรหม หรือลูกฟักปะกน กรอบหน้าบันประกอบไปด้วย ช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ แสดงให้เห็นถึงฐานันดรศักดิ์ของผู้อาศัย ตัวอาคารภายนอก ด้านทิศใต้และตะวันออก มีเสานางเรียงรับเชิงชายคาแสดงให้เห็นถึงลักษณะของอาคารหรือสถานที่สำคัญในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้นที่มักสร้างเสาสูงจากพื้นเพื่อรับเชิงชายคามีทางเข้าสู่ภายในตัวอาคารอยู่ทางด้านทิศเหนือภายในตัวอาคารกั้นแบ่งออกเป็น 2 ห้อง อันแสดงเป็นห้องโถงอยู่ทางทิศตะวันออก และห้องบรรทมอยู่ทางทิศตะวันตก ต่อจากด้านทิศตะวันตกมีห้องท้ายพะไลแต่งเป็นห้องสรง หน้าต่างมีทั้งหมด 16 บาน ลักษณะของหน้าต่างทุกบานมีหย่องหน้าต่างแกะสลักเป็นลวดลายดอกพุดตานและขาสิงห์อยู่ตอนล่างซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ปัจจุบัน
หลังจากได้ย้ายพระตำหนักแดงมาปลูกไว้บริเวณด้านหลังของหมู่พระวิมานแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปพระตำหนักแดงอยู่ในสภาพที่ชำรุดทรุดโทรมอย่างมาก สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าจึงได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อปฏิสังขรณ์ตำหนักให้คืนสู่สภาพดังเดิม หลังจากนั้นกรมศิลปากรได้ทำการย้ายตำหนักแดงจากที่ตั้งเดิมมาตั้งอยู่บริเวณหลังพระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน ปัจจุบันพระตำหนักแดงเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครใช้จัดแสดงสิ่งของส่วนพระองค์ของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี และสิ่งของเครื่องใช้ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
อ้างอิง
- แน่งน้อย ศักดิ์ศรี,หม่อมราชวงศ์, พระราชวังและวังในกรุงเทพฯ (พ.ศ. 2325-2525) , โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2525
- จุลลดา ภักดีภูมินทร์, พระตำหนักเขียวและพระตำหนักแดง ในพระบรมมหาราชวัง 2004-12-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, สกุลไทย, ฉบับที่ 2586, ปีที่ 50, ประจำวันอังคารที่ 11 พฤษภาคม 2547
- จุลลดา ภักดีภูมินทร์, พระตำหนักตึก 2004-12-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, สกุลไทย, ฉบับที่ 2587, ปีที่ 50 ประจำวันอังคารที่ 18 พฤษภาคม 2547
- ตำหนักแดง 2008-04-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จากเว็บไซต์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
แหล่งข้อมูลอื่น
- ตำหนักแดง 2008-09-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จากเว็บไซต์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phratahnkaedng srangkhunphayinphrabrmmharachwnginrchsmyphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach ephuxphrarachthanepnthiprathbkhxngsmedcphraecaphinangethx ecafakrmphrasrisudarks phraosthrechsthphkhiniphraxngkhelk txmaphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwidthrngruxphratahnkfayinphayinekhtphrarachthanchninephuxepliynepntahnktukthnghmd dngnn cungoprdihruxtahnkaedngipplukthiphrarachwngedim ephuxepnthiprathbkhxngsmedcphrasrisurieynthrabrmrachiniaelasmedcphraecanxngyaethx ecafakrmkhunxisersrngsrrkh txmakhuxphrabathsmedcphrapineklaecaxyuhw odytahnkaebngxxkepnsxngswn swnaerknnepnthiprathbsmedcphrasrisurieynthrabrmrachini pccubntahnkswnniidthukruxipplukepnkutiecaxawaswdekhmaphirtaram cnghwdnnthburi swnthisxngepnthiprathbkhxngphrabathsmedcphrapineklaecaxyuhw pccubntngxyuphayinphiphithphnthsthanaehngchati phrankhrphratahnkaedngtahnkaedngphratahnkaedngphayineduxnthnwakhm ph s 2566praephthphratahnkthitngaekhwngphrabrmmharachwng ekhtphrankhr krungethphmhankhrsrangodyphrabathsmedcphrapineklaecaxyuhwkarichngandngedimsthanthiprathbswnphraxngkhsthanayngmixyusthaptykrrmsthaptykrrmithyphuduaelkrmsilpakrobransthanthikhunthaebiynodykrmsilpakrkhunemux9 phvscikayn ph s 2519epnswnhnungkhxngphrarachwngbwrsthanmngkhlelkhxangxing0000015prawtiphratahnkaedngepntahnkthisrangkhundwyekhruxngimephuxepnthiprathbkhxngsmedcphraecaphinangethx ecafakrmphrasrisudarks phraosthrechsthphkhiniphraxngkhelkinphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach tngxyubriewnhlngphrathinngdusitmhaprasathphayinphrabrmmharachwng odyphraxngkhthrngmihnathikakbekhruxngihyinorngwiesstn hxngkhrw aelakarsdung epntn enuxngcaktahnkaehngnithasiaedng cungeriykwa phratahnkaedng phratahnkaedngphayinphrabrmmharachwng prakxbdwy tahnk 2 hlng odyhlngaerkepnthiprathbkhxngsmedcphraecaphinangethx ecafakrmphrasrisudarkstrabcnphraxngkhsinphrachnm txmaemuxphrabathsmedcphraphuththelishlanphalyesdckhunkhrxngrachsmbtiaelw thrngechiysmedcphraxmrinthrabrmrachini smedcphrabrmrachchnnimaprathbphayinphrabrmmharachwng odyprathb n tahnkaednghlngni chawwngcungeriyktahnkaehngniwa phratahnktuk swntahnkaednghlngthi 2 nn srangkhuninrchsmyphrabathsmedcphraphuththelishlanphalybriewnhlngphrathinngckrphrrdiphiman ephuxichepnthiprathbkhxngsmedcphrasrisurieynthrabrmrachini phraxkhrmehsi emuxphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwesdcethlingthwlyrachsmbtiaelw smedcphrasrisurieynthrabrmrachini phraxkhrmehsiinphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly phrxmkbphrarachoxrs khux smedcphraecanxngyaethx ecafakrmkhunxisersrngsrrkh txmakhuxphrabathsmedcphrapineklaecaxyuhw idesdcxxkipprathb n phrarachwngedim sunginrayaewlann phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwthrngruxhmutahnkphayinekhtphrarachthanchninephuxsrangepliyntahnkimepntahnktuk phraxngkhcungoprdekla ihruxtahnkaedngthiprathbkhxngsmedcphrasrisurieynthrabrmrachiniipplukthiphrarachwngedimdwy emuxsmedcphrasrisurieynthrabrmrachiniesdcswrrkht tahnkaednginswnthiprathbkhxngphraxngkhidruxipthwayepnkutiecaxawaswdomliolkyaram txma emuxsmedcphraecanxngyaethx ecafakrmkhunxisersrngsrrkhidrbsthapnakhunepnphrabathsmedcphrapineklaecaxyuhwthikrmphrarachwngbwrsthanmngkhl phraxngkhidesdcipprathb n phrabwrrachwng phrarachwngbwrsthanmngkhl thrngihruxtahnkaedngthithwayepnkutiecaxawaswdomliolkyaramipplukthwayepnkutiecaxawaswdekhmaphirtaram cnghwdnnthburi phrxmthngthrngruxtahnkaednginswnthiprathbedimkhxngphraxngkhthiphrarachwngedimnnmapluk n phrabwrrachwnglksnasthaptykrrmphraaethnbrrthm khxngsmedcphrasrisurieynthrabrmrachini in phratahnkaedng epnxakharsrangkhundwyimthnghlngepnthrngithy mikhnad 7 hxngesa sungmikhnadihykwaeruxnthwip hlngkhathrngcw mungdwykraebuxngekldeta hnacwepnaebblukfkhnaphrhm hruxlukfkpakn krxbhnabnprakxbipdwy chxfa ibraka aelahanghngs aesdngihehnthungthanndrskdikhxngphuxasy twxakharphaynxk danthisitaelatawnxxk miesanangeriyngrbechingchaykhaaesdngihehnthunglksnakhxngxakharhruxsthanthisakhyinchwngrtnoksinthrtxntnthimksrangesasungcakphunephuxrbechingchaykhamithangekhasuphayintwxakharxyuthangdanthisehnuxphayintwxakharknaebngxxkepn 2 hxng xnaesdngepnhxngothngxyuthangthistawnxxk aelahxngbrrthmxyuthangthistawntk txcakdanthistawntkmihxngthayphailaetngepnhxngsrng hnatangmithnghmd 16 ban lksnakhxnghnatangthukbanmihyxnghnatangaekaslkepnlwdlaydxkphudtanaelakhasinghxyutxnlangsungepnlksnaechphaakhxngrtnoksinthrtxntnpccubnhlngcakidyayphratahnkaedngmaplukiwbriewndanhlngkhxnghmuphrawimanaelw emuxewlaphanipphratahnkaedngxyuinsphaphthicharudthrudothrmxyangmak smedcphrasriswrinthirabrmrachethwi phraphnwssaxyyikaecacungidphrarachthanthrphyswnphraxngkhephuxptisngkhrntahnkihkhunsusphaphdngedim hlngcaknnkrmsilpakridthakaryaytahnkaedngcakthitngedimmatngxyubriewnhlngphrathinngsiwomkkhphiman pccubnphratahnkaedngepnswnhnungkhxngphiphithphnthsthanaehngchati phrankhrichcdaesdngsingkhxngswnphraxngkhkhxngsmedcphrasrisurieynthrabrmrachini aelasingkhxngekhruxngichinsmytnkrungrtnoksinthrxangxingaenngnxy skdisri hmxmrachwngs phrarachwngaelawnginkrungethph ph s 2325 2525 orngphimphculalngkrnmhawithyaly 2525 cullda phkdiphuminthr phratahnkekhiywaelaphratahnkaedng inphrabrmmharachwng 2004 12 10 thi ewyaebkaemchchin skulithy chbbthi 2586 pithi 50 pracawnxngkharthi 11 phvsphakhm 2547 cullda phkdiphuminthr phratahnktuk 2004 12 10 thi ewyaebkaemchchin skulithy chbbthi 2587 pithi 50 pracawnxngkharthi 18 phvsphakhm 2547 tahnkaedng 2008 04 14 thi ewyaebkaemchchin cakewbistphiphithphnthsthanaehngchatiphrankhraehlngkhxmulxuntahnkaedng 2008 09 07 thi ewyaebkaemchchin cakewbistphiphithphnthsthanaehngchatiphrankhr