การแก้ไขบทความนี้ของหรือถูกปิดใช้งาน ดูและปูมการป้องกันสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม หากคุณไม่สามารถแก้ไขบทความนี้และคุณประสงค์เปลี่ยนแปลง คุณสามารถส่งคำขอแก้ไข อภิปรายการเปลี่ยนแปลงทาง ขอเลิกป้องกัน หรือ |
นครวัด (เขมร: អង្គរវត្ត) เป็นหมู่ปราสาทในประเทศกัมพูชาและเป็นศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่รวมกว่า 162.6 เฮกเตอร์ (1.6 ล้านตารางเมตร ซึ่งเท่ากับ 402 เอเคอร์) แรกเริ่มนั้นสร้างขึ้นเป็นเทวลัยในศาสนาฮินดูเพื่ออุทิศแด่พระวิษณุ ก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงกลายเป็นวัดในศาสนาพุทธในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 นครวัดสร้างขึ้นในช่วงต้นของคริสศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าสูรยวรรมันที่ 2 แห่งเมืองยโสธรปุระ (ในปัจจุบันคือเมืองพระนคร) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิเขมร สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นเทวลัยประจำรัฐและเป็นสุสานฝังพระศพ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงการนับถือในลัทธิไศวนิกายของกษัตริย์องค์ก่อน ๆ เหตุเพราะนครวัดนั้นสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่พระวิษณุแทนที่จะเป็นพระศิวะ และเนื่องจากเป็นปราสาทที่ได้รับการอนุรักษ์ดีที่สุดในบริเวณที่ตั้งโดยรอบ นครวัดจึงเป็นปราสาทเพียงแห่งเดียวที่ยังคงความเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่มีความสำคัญมาตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง โดยนครวัดถือเป็นจุดสูงสุดของรูปแบบการสร้างสถาปัตยกรรมเขมรแบบดั้งเดิม และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา มีการปรากฏอยู่บนธงชาติ และได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศกัมพูชาที่มีความสำคัญที่สุดในหมู่ของนักท่องเที่ยว
អង្គរវត្ត | |
มุมมองนครวัดจากสระเก็บน้ำ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2562 | |
สถานที่ตั้งในประเทศกัมพูชา | |
ที่ตั้ง | เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา |
---|---|
พิกัด | 13°24′45″N 103°52′01″E / 13.41250°N 103.86694°E |
ค่าระดับความสูง | 65 m (213 ft) |
ความเป็นมา | |
ผู้สร้าง | พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 |
สร้าง | ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 |
วัฒนธรรม | จักรวรรดิเขมร |
สถาปัตยกรรม | |
รูปแบบสถาปัตยกรรม | สถาปัตยกรรมเขมร (รูปแบบนครวัด) |
ชื่อที่ขึ้นทะเบียน | เมืองพระนคร |
ประเภท | วัฒนธรรม |
เกณฑ์ | (i), (ii), (iii), (iv) |
ขึ้นเมื่อ | ค.ศ. 1992 (วาระการประชุมมรดกโลกครั้งที่ 16) |
เลขอ้างอิง | 668 |
ภูมิภาค | เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ |
นครวัดได้รวมเอาการวางผังพื้นฐานในสถาปัตยกรรมเขมรสองแบบมาใช้ประกอบเข้าด้วยกัน ซึ่งก็ได้แก่ ผังการสร้างปราสาทให้เสมือนภูเขา (ปราสาทบนฐานชั้น) และการสร้างปราสาทแบบมีระเบียงคดที่มีภาพสลัก การสร้างปราสาทรูปแบบนี้ได้สื่อถึงเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นสถานที่ที่สถิตของเทพเทวัญในปกรณัมของศาสนาฮินดู ด้านนอกมีคูน้ำและกำแพงล้อม ความยาวรวมกว่า 3.6 กิโลเมตร โดยตัวปราสาทประกอบด้วยระเบียงคดสี่เหลี่ยมที่มีภาพสลักทั้งหมดสามชั้น แต่ละชั้นตั้งอยู่สูงกว่าชั้นล่าง ตรงกลางของปราสาทคือพระปรางค์ที่มีทั้งหมด 5 ยอด นครวัดมีความแตกต่างจากปราสาทในพระนครปราสาทอื่น ๆ เนื่องจากมีการหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ซึ่งนักวิชาการต่างก็มีความเห็นที่แตกต่างออกไปในเรื่องนัยยะของการสร้างในลักษณะนี้ นครวัดยังได้รับการยกย่องในด้านความงามและความกลมกลืนของตัวสถาปัตยกรรม เช่น ภาพสลักนูนต่ำที่ใหญ่โต รวมถึงภาพเทวดาที่มีการตกแต่งตามผนังเป็นจำนวนมาก
นครวัดและสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงในจังหวัดเสียมราฐขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกในนาม "เมืองพระนคร (อังกอร์)" ใน ค.ศ. 1992
ประวัติ
นครวัดตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองเสียมราฐในปัจจุบัน ห่างออกไป 5.5 กิโลเมตรจากตัวเมือง แต่หากวัดจากเมืองหลวงก่อนหน้าซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ปราสาทบาปวน นครวัดจะมีระยะห่างจากเมืองหลวงเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยนครวัดจะตั้งอยู่ทางทิศใต้เยื้องไปทางทิศตะวันออกเล็กน้อย และถือเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของบริเวณเมืองพระนคร
ตามตำนานแล้ว การก่อสร้างปราสาทนครวัดนั้นสร้างขึ้นตามคำสั่งของพระอินทร์ ซึ่งต้องการสร้างปราสาทนี้ให้เป็นวังที่ประทับของพระโอรสของพระองค์ ตามบันทึกในช่วงคริสศตวรรษที่ 13 ของนักเดินทางนามว่า โจว ตากวน ได้ระบุว่ามีผู้คนบางส่วนเชื่อกันว่าปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นโดยเทพแห่งสถาปัตยกรรมศาสตร์ในเวลาเพียงหนึ่งคืน
การออกแบบในขั้นต้นและการก่อสร้างตัวปราสาทเริ่มต้นขึ้นในช่วงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 12 ในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าสูรยวรรมันที่ 2 (ครองราชย์ในปี ค.ศ. 1113-1150) โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นปราสาทประจำพระองค์และประจำเมืองพระนคร เพื่ออุทิศให้แก่พระวิษณุ และเนื่องจากไม่มีการพบหลักฐานที่เป็นจารึกสมัยการก่อสร้างหรือจารึกสมัยใหม่ที่ระบุว่าได้มีการสร้างปราสาทขึ้น จึงไม่สามารถทราบชื่อดั้งเดิมของปราสาทได้ แต่อาจเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “ปราสาทวิษณุโลก” ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งตามเทพองค์ประธานของปราสาท คาดกันว่าการก่อสร้างน่าจะหยุดลงไม่นานหลังการสวรรคตของพระเจ้าสูรยวรรมันที่ 2 ทำให้ภาพสลักนูนต่ำบางส่วนนั้นยังแกะสลักไม่เสร็จสิ้น ในปี 1177 หลังการสวรรคตของพระเจ้าสุรยวรรมันที่ 2 ราว 27 ปี เมืองพระนครถูกยึดครองโดยชาวจามที่เป็นศัตรูเดิมของชาวเขมร ภายหลังจึงมีการฟื้นฟูอาณาจักรขึ้นมาอีกครั้งโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งได้สถาปนาเมืองหลวงและปราสาทประจำเมืองแห่งใหม่ขึ้นคือนครธมและปราสาทบายน ตามลำดับ ซึ่งอยู่ห่างจากนครวัดไปทางเหนือไม่กี่กิโลเมตร
ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 นครวัดได้ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงจากศูนย์กลางด้านจิตใจในศาสนาฮินดูไปเป็นศาสนาพุทธซึ่งก็ได้สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน นครวัดมีความแตกต่างจากปราสาทอื่นในเมืองพระนคร แม้ตัวปราสาทจะหมดความสำคัญลงไปหลังคริสศตวรรษที่ 16 แต่ตัวปราสาทกลับไม่เคยถูกทิ้งร้างอย่างสมบูรณ์เลย ซึ่งต่างจากปราสาทหลังอื่น ๆ ในเมืองพระนคร ปราสาทแห่งนี้ได้รับการปกป้องจากการรุกล้ำของป่าเนื่องด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าคูน้ำรอบปราสาทนั้นได้สามารถทำหน้าที่ป้องกันตัวปราสาทได้
หนึ่งในชาวตะวันตกคนแรก ๆ ที่ได้พบเห็นนครวัดคือ แอนโตนิโอ ดา มาดาลีนา นักบวชชาวโปรตุเกส ผู้เดินทางมาถึงในปี 1586 และกล่าวเอาไว้ว่านครวัดคือ “สิ่งก่อสร้างที่น่าพิศวง ซึ่งไม่สามารถอธิบายมันออกมาผ่านปลายปากกาได้ ที่สำคัญคือ ปราสาทหลังนี้ไม่เหมือนสิ่งก่อสร้างใด ๆ บนโลกนี้เลย ปราสาทมียอดหลายยอด มีการตกแต่ง และมีความวิจิตรที่มีเพียงคนอัจฉริยะเท่านั้นที่จะสามารถสร้างสรรค์ออกมาได้เช่นนี้”
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 นครวัดไม่ได้ถูกทิ้งร้างโดยสมบูรณ์ ยังคงทำหน้าที่เป็นวัดในศาสนาพุทธอยู่เช่นเดิม มีการค้นพบศิลาจารึกที่มีอายุอยู่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 กว่า 14 หลักในบริเวณพื้นที่เมืองพระนคร ระบุถึงผู้แสวงบุญชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้แสวงบุญในศาสนาพุทธที่ได้มาตั้งชุมชนเล็ก ๆ ติดกับชาวเขมรท้องถิ่น โดยในตอนนั้นชาวญี่ปุ่นที่มาเยือนนครวัดคิดว่าปราสาทแห่งนี้คือสวนของวัดเชตวันมหาวิหารอันเลื่องชื่อของพระพุทธเจ้า ซึ่งแท้จริงแล้วตั้งอยู่ในแคว้นมคธ ประเทศอินเดีย โดยจารึกที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดคือจารึกเรื่องราวของอูกนดายุ คาซูฟูสะ นักแสวงบุญผู้ได้เฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่เขมรที่นครวัดในปี ค.ศ. 1632
ในช่วงกลางของคริสต์ศตวรรษที่ 19 อ็องรี มูโอ นักสำรวจและนักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศสได้เดินทางมาที่ปราสาทแห่งนี้ โดยมูโอได้ทำให้นครวัดเป็นที่รู้จักกันในหมู่ชาวตะวันตกผ่านบันทึกการเดินทางที่ได้รับการตีพิมพ์ของเขา เขาได้เขียนไว้ว่า
หนึ่งในปราสาทเหล่านี้ ซึ่งน่าจะเป็นคู่ปรับกับ ถูกสร้างสรรค์โดยมีเกลันเจโลแห่งยุคโบราณ อาจจะเป็นสถานที่ที่น่ายกย่องพอ ๆ กับสิ่งก่อสร้างที่งดงามของพวกเรา ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด ๆ ที่กรีกหรือโรมันทิ้งเอาไว้ แต่ก็ช่างขัดแย้งอย่างน่าเศร้ากับดินแดนที่เสื่อมอำนาจจนกลายเป็นแดนป่าเถื่อนไปแล้ว
เช่นเดียวกันกับชาวตะวันตกกลุ่มแรกที่พบเห็นนครวัด มูโอนั้นแทบจะไม่เชื่อว่าชาวเขมรจะสามารถสร้างปราสาทหลังนี้ได้และเขียนบันทึกไว้ว่า:-
One seeks in vain for any historical souvenirs of the many kings who must have succeeded one another on the throne of the powerful empire of Maha-Nocor-Khmer. There exists a tradition of a leprous king, to whom is attributed the commencement of the great temple, but all else is totally forgotten. The inscriptions, with which some of the columns are covered, are illegible; and, if you interrogate the Cambodians as to the founders of Ongcor-Wat, you invariably receive one of these four replies: “It is the work of Pra-Eun, the king of the angels;” “It is the work of the giants;” “It was built by the leprous king;” or else, “It made itself.”
(คำแปล): แม้จะมีผู้พยายามเพียรค้นคว้าร่องรอยของกษัตริย์พระองค์อื่น ๆ ที่สืบทอดราชบัลลังก์ของอาณาจักรมหานครเขมรรุ่นต่อๆ มาด้วยก็ตาม จึงเท่ากับว่าเรื่องราวอื่น ๆ ที่เหลือได้ถูกลบไปจากความทรงจำ แม้จารึกบางหลักที่ปรากฏบนผนังกำแพงก็ไม่มีผู้เชี่ยวชาญทางอักษรศาสตร์ชาวเขมรคนใดสามารถอ่านถอดความได้ ครั้นเมื่อเราซักถามคนพื้นถิ่นที่นี่ว่าใครเป็นผู้สถาปนานครวัด มักได้รับคำตอบวนอยู่ใน ๔ ข้อที่ยกมาต่อไปนี้ “นี่เป็นผลงานของพระอินทร์ เจ้าแห่งเทพเทวา” หรือ “นี่เป็นฝีมือของยักษ์” ไม่ก็ “พระเจ้าขี้เรื้อนคือองค์พระผู้สร้าง” หรือจบลงด้วยว่า “ปราสาทแห่งนี้เกิดขึ้นมาอย่างนั้นเอง” คำตอบที่ว่า “เป็นฝีมือของยักษ์” น่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องในเชิงเปรียบเปรย
— อ็องรี มูโอต์ (1858-1860), บันทึกการเดินทางของอ็องรี มูโอต์ ในสยาม กัมพูชา ลาว และอินโดจีนตอนกลางส่วนอื่นๆ (1864), (แปลโดย กรรณีกา จรรย์แสง).
และได้กำหนดอายุสมัยของนครวัดเอาไว้อย่างผิดพลาด โดยระบุว่าน่าจะอยู่ในช่วงยุคสมัยเดียวกันกับกรุงโรม ประวัติที่แท้จริงของนครวัดได้รับจากเพียงแค่หลักฐานด้านรูปแบบการสร้างและจารึกที่ถูกรวบรวมขึ้นในระหว่างการเก็บกวาดและบูรณะพื้นที่ในช่วงหลังที่มีการดำเนินการในพื้นที่ทั้งหมดของเมืองพระนคร ในการบูรณะพื้นที่นั้นไม่มีการค้นพบร่องรอยการตั้งถิ่นฐานหรือที่พักอาศัยทั่วไปเลย ทั้งนี้ยังรวมไปถึงอุปกรณ์ประกอบอาหาร อาวุธ หรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการแต่งกายซึ่งมักจะพบเจอในบริเวณเขตเมืองโบราณ แต่ถึงอย่างนั้น หลักฐานที่ค้นพบก็คือสิ่งก่อสร้างทั้งหลายนั่นเอง
ในช่วงศตวรรษที่ 20 นั้น นครวัดมีความจำเป็นต้องได้รับการบูรณะเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นการกำจัดวัชพืชและกองดินเสียส่วนใหญ่ แต่งานบูรณะก็ต้องหยุดชะงักลงเนื่องจากเกิดสงครามกลางเมืองในประเทศกัมพูชาและกองกำลังเขมรแดงก็ได้เข้ามาควบคุมประเทศตลอดในช่วงปีทศวรรษที่ 1970 ถึงทศวรรษที่ 1980 แต่ตลอดระยะเวลานั้น ตัวปราสาทก็ได้รับความเสียหายไม่มากนัก กองกำลังเขมรแดงที่ต้องพักแรมได้ใช้ไม้ทุกชนิดที่เหลืออยู่ในปราสาทเพื่อเป็นฟืน หนึ่งในโคปุระในพื้นที่นั้นถูกทำลายลงด้วยปลอกระเบิดของทหารฝั่งสหรัฐอเมริกา ในขณะที่การยิงตอบโต้กันของกองกำลังเขมรแดงและทหารเวียดนามก็ได้สร้างร่องรอยกระสุนเล็กน้อยบนภาพสลักนูนต่ำ ความเสียหายที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นภายหลังสงครามยุติลง โดยเหล่าหัวขโมยงานศิลปะที่ปฏิบัติการกันนอกประเทศไทย ซึ่งในช่วงปลายของทศวรรษที่ 1980 ถึงช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 ได้อ้างสิทธิ์ครอบครองพระเศียรแทบทุกชิ้นที่สามารถตัดออกจากส่วนพระศอทั้งจากประติมากรรมและจากงานบูรณะได้
ปราสาทแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ที่มีอิทธิพลที่สุดของประเทศกัมพูชา และยังเป็นความภาคภูมิใจของชาติที่มีส่วนช่วยในเรื่องความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกาและประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศไทย ภาพลายเส้นของนครวัดยังถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของธงชาติกัมพูชามานับตั้งแต่ ค.ศ. 1863 ซึ่งเป็นธงรุ่นแรกที่ใช้ภาพของนครวัดบนตัวธง อย่างไรก็ตาม หากดูจากมุมมองทางด้านวัฒนธรรมข้ามชาติหรือแม้แต่ทางด้านประวัติศาสตร์ให้กว้างขึ้นก็จะพบว่านครวัดนั้นไม่ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาติกัมพูชาเพียงชาติเดียว แต่นครวัดยังถูกจดจำด้วยกระบวนการด้านวัฒนธรรมการเมืองที่เกิดจากมรดกที่ตกทอดมาของจักรวรรดิอาณานิคมฝรั่งเศส โดยได้มีการจัดแสดงปราสาทนครวัดที่จำลองไว้ในนิทรรศการของอาณานิคมฝรั่งเศสที่ปารีสและมาร์แซย์ระหว่างปี ค.ศ. 1889 ถึงปี ค.ศ. 1937 และความงดงามของนครวัดยังถูกจัดแสดงในรูปแบบแม่พิมพ์ปูนพลาสเตอร์ที่พิพิธภัณฑ์ของที่ชื่อว่าพิพิธภัณฑ์อินโดจีนแห่งตรอกาเดโร ซึ่งจัดแสดงอยู่ในวังพาริเซิน ตรอกาเดโล ให้ชาวฝรั่งเศสได้ชื่นชมในความเกรียงไกรของการแผ่ขยายอาณานิคมของตนตั้งแต่ช่วง ค.ศ. 1880 ถึงช่วงกลางทศวรรษที่ 20
ตำนานเกี่ยวกับความงามด้านศิลปะของนครวัดและสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ในเขตเมืองพระนคร ได้ส่งผลโดยตรงต่อการที่ฝรั่งเศสเลือกประเทศกัมพูชาเป็นรัฐในอารักขาเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1863 และเริ่มบุกรุกสยาม เพื่อหวังเข้ามาควบคุมและจัดการโบราณสถานต่าง ๆ การกระทำดังกล่าวได้ส่งผลให้ประเทศกัมพูชาอ้างสิทธิ์ในการครอบครองดินแดนทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ คืนจากการครอบครองของสยามอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งดินแดนดังกล่าวได้อยู่ภายใต้การปกครองของสยามมานับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1351 หรือตั้งแต่ปี ค.ศ. 1431 ตามที่บันทึกบางชิ้นได้อ้างถึงกัมพูชาได้รับอิสรภาพคืนจากฝรั่งเศสในวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1953 และได้เข้ามาดูแลปราสาทนครวัดมานับแต่นั้นเป็นต้นมา อาจกล่าวได้ว่านับตั้งแต่ช่วงที่ประเทศตกเป็นอาณานิคมเรื่อยมาจนถึงช่วงที่นครวัดได้รับการเสนอชื่อให้เป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกใน ค.ศ. 1992 ตัวปราสาทนครวัดนั้นเป็นส่วนสำคัญในโครงสร้างแห่งยุคสมัยใหม่ และช่วยเผยแพร่แนวคิดเรื่องมรดกทางวัฒนธรรมประเภทสิ่งปลูกสร้างได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2015 ได้มีการประกาศว่าทีมวิจัยจากได้ค้นพบกลุ่มซากปราสาทฝังอยู่ใต้ดิน ซึ่งยังไม่เคยมีการค้นพบมาก่อน โดยคาดว่ามีการสร้างและพังทลายลงในช่วงการก่อสร้างนครวัดเช่นเดียวกับป้อมปราการที่ทำจากไม้และสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ทางทิศใต้ที่ยังไม่รู้จุดประสงค์ของการสร้าง การค้นพบครั้งนี้ยังรวมไปถึงการค้นหลักฐานเรื่องการตั้งถิ่นที่อยู่ของผู้คนที่ไม่ได้หนาแน่นนัก รวมไปถึงการตัดถนนแบบตาราง สระน้ำ และคันดิน ซึ่งได้ชี้ให้เห็นว่าบริเวณของปราสาทที่แม้จะมีการล้อมอาณาเขตด้วยคูน้ำและกำแพงนั้นก็อาจจะไม่ได้เป็นสถานที่ที่ถูกจำกัดเอาไว้ให้คนชนชั้นสูงที่เป็นนักบวชเพียงอย่างเดียวดังที่เคยสันนิษฐานไว้ในตอนแรก ทีมวิจัยยังได้ใช้ไลดาร์ ให้สัญญาณเรดาร์ทะลุทะลวงลงไปในพื้นดินและพื้นที่ขุดค้นที่สนใจเพื่อทำแผนที่ของนครวัดขึ้น
สถาปัตยกรรม
ที่ตั้งและผัง
นครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นด้วยการรวมเอาลักษณะการสร้างปราสาทให้เสมือนภูเขา (แบบแผนของการออกแบบปราสาทของอาณาจักร) เข้ากับแบบผังของอาคารในสมัยหลังที่มีการทำระเบียงคดล้อมจุดศูนย์กลาง การก่อสร้างนครวัดยังได้บ่งบอกให้ทราบว่าปราสาทยังมีนัยยะสำคัญเกี่ยวข้องกับท้องฟ้าเนื่องด้วยองค์ประกอบบางส่วนของตัวปราสาท นัยยะดังกล่าวคือในบริเวณด้านทิศตะวันออกและตะวันตกของปราสาท ซึ่งระเบียงภายในได้มีการออกแบบให้เชื่อมต่อเข้าหากันโดยปราศจากสิ่งกำบัง ส่งผลให้ปราสาททั้งสองทิศตั้งอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับพระอาทิตย์ที่ขึ้นช่วงวันอายัน ปราสาทแห่งนี้คืออาคารที่สื่อถึงเขาพระสุเมรุอันเป็นที่สถิตของเทพเจ้า โดยปรางค์ประธานตรงกลางทั้งห้านั้นเป็นสัญลักษณ์แทนถึงยอดห้ายอดของภูเขา ส่วนกำแพงแต่ละชั้นและคูน้ำนั้นก็แทนถึงเขาสัตบริภัณฑ์และมหาสมุทร แต่เดิมพื้นที่ส่วนบนของปราสาทนั้นถูกจำกัดสิทธิการเข้าถึงมาโดยตลอด ผู้ที่เป็นฆราวาสจึงถูกจำกัดให้อยู่แค่บริเวณส่วนล่างของปราสาทเท่านั้น
นครวัดมีความแตกต่างจากปราสาทเขมรหลังอื่นในเรื่องของการวางทิศประธานที่หันไปทางทิศตะวันตกแทนที่จะเป็นทิศตะวันออก ความต่างนี้ได้ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมาก (รวมไปถึง และ ยอร์ช เซเดส์) ออกมาสรุปว่าพระเจ้าสุริยวรรมันนั้นประสงค์ที่จะสร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นให้เป็นปราสาทที่เก็บพระบรมศพของพระองค์ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานอื่น ๆ ที่ได้จากการศึกษาภาพสลักนูนต่ำที่เรียงลำดับเรื่องราวในทิศทวนเข็มนาฬิกา ซึ่งต่างไปจากเทวสถานฮินดูทั่วไป โดยพิธีกรรมต่าง ๆ ของพราหมณ์ในพิธีพระบรมศพก็ยังจัดขึ้นแบบย้อนลำดับอีกด้วย นักโบราณคดี ชาร์ล ไฮแฮม ยังได้อธิบายถึงภาชนะชิ้นหนึ่งว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นพระโกศบรรจุพระบรมอัฐิ โดยภาชนะนี้ถูกขุดขึ้นมาจากปรางค์ประธานตรงกลาง โดยบุคคลบางกลุ่มได้เสนอแนวคิดที่ว่าปรางค์ประธานตรงกลางนั้นเหมาะสมที่สุดในการทำพิธีจัดการกับพระบรมศพ เพราะเชื่อกันว่าเปรียบเสมือนศูนย์รวมของพลังอำนาจทั้งปวง อย่างไรก็ตาม นักวิชาการบางคนได้ระบุว่าปราสาทหลายหลังในเมืองพระนครเองก็ไม่ได้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกตามธรรมเนียมเสียหมด และได้เสนอว่าการที่นครวัดมีการวางทิศเช่นนี้ก็เพราะปราสาทหลังนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่พระวิษณุ ซึ่งเป็นเทพเจ้าประจำทิศตะวันตก
เอเลนอร์ แมนนิกกาได้นำเสนอการตีความนครวัดในแบบที่แตกต่างออกไป โดยได้วิเคราะห์จากการวางทิศ มิติของอาคาร และจากลำดับการเล่าเรื่องและเนื้อหาของภาพสลักนูนต่ำ เธอได้แย้งว่า ปราสาทแห่งนี้ได้อ้างถึงยุคสมัยใหม่แห่งความสงบสุขในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรรมันที่ 2 โดยได้ระบุว่า “เนื่องจากมีการคำนวณวงจรเวลาการขึ้นของพระอาทิตย์และพระจันทร์ไว้ในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของนครวัด ภาพเทพเทวดาผู้อยู่ในอาณัติของการปกครองจึงได้ปรากฏอยู่บนตัวเรือนธาตุและเฉลียง สื่อความหมายถึงปกปักษ์ให้อำนาจของกษัตริย์เป็นนิจนิรันดร เป็นการเฉลิมพระเกียรติและสร้างความสงบแก่เหล่าเทวดาที่ประทัพอยู่บนสรวงสวรรค์” ข้อเสนอของแมนนิกกานั้นได้มอบทั้งความสนใจและข้อแคลงใจในแวดวงวิชาการ เธอได้ฉีกหนีข้อสันนิษฐานของนักวิชาการคนอื่น ๆ เช่น แกรแฮม แฮนคอก ด้วยข้อสันนิษฐานที่ว่านครวัดนั้นคือสิ่งหนึ่งที่แสดงถึงกลุ่มดาวมังกร
รูปแบบ
นครวัดถือเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมเขมรรูปแบบคลาสสิคที่สำคัญที่สุด ซึ่งชื่อเรียกรูปแบบศิลปะในสมัยคลาสสิคนี้ยังเรียกกันว่า “ศิลปะนครวัด” อีกด้วย ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 นั้น สถาปนิกเขมรได้มีทั้งทักษะความสามารถและความมั่นใจในการใช้หินทรายเป็นวัสดุโครงสร้างหลักของอาคาร (จากเดิมที่ใช้อิฐหรือศิลาแลงในการก่อสร้าง) ส่วนของปราสาทที่มองเห็นได้นั้นทำมาจากหินทรายที่มีการตัดเป็นบล็อก ในขณะที่กำแพงภายนอกและโครงสร้างภายในนั้นทำจากศิลาแลงแต่ใช้บล็อกหินทรายปิดบังเอาไว้ภายนอก ยังไม่มีการชี้ชัดว่าวัสดุที่ใช้เชื่อมหินแต่ละก้อนให้ติดกันนั้นคืออะไร แม้จะมีจะมีการเสนอว่าเป็นยางไม้และน้ำปูนใสมาโดยตลอดก็ตาม
ปราสาทแห่งนี้ได้รับการยกย่องเหนือปราสาทหลังอื่น ๆ เนื่องด้วยความกลมกลืนของการออกแบบ มอริส เกรซ นักอนุรักษ์ของปราสาทนครวัดในช่วงศตวรรษที่ 20 ได้ระบุว่า ปราสาทหลังนี้ “ได้บรรลุถึงความสมบูรณ์แบบที่คลาสสิกด้วยการเป็นอนุสรณ์แห่งองค์ประกอบที่มีความพอดีอย่างประณีต มีการจัดสัดส่วนที่แม่นยำ เป็นผลงานที่เปี่ยมไปด้วยพลัง มีความเป็นหนึ่งเดียว และเต็มไปด้วยลีลา”
งานประติมากรรม
ทางด้านกำแพงชั้นนอกรอบปราสาทนั้น มีความยาวกว่า 800 เมตร มีงานแกะสลักเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 และเรื่องราววรรณคดีเรื่อง รามายณะ รูปแกะสลักที่มีชื่อที่สุดคือรูปแกะสลักการกวนเกษียรสมุทร มีรูปแกะสลักนางอัปสรมากกว่า 1,796 นาง ที่ทั้งหมดมีเครื่องแต่งกายและทรงผมที่ไม่ซ้ำกัน
ระเบียงภาพ
- ปราสาทหลักของปราสาทหินนครวัด
- หอสมุด
- ระเบียงคต
- ภาพสลักการกวนเกษียรสมุทร
- ภาพสลักนูนสูงรูปนางอัปสรฟ้อนรำ
- ปราสาทด้านข้าง
- ทางขึ้นปราสาท
- ปราสาทสูงบริเวณศูนย์กลางของปราสาทหินนครวัด
อ้างอิง
- Editors, History com. "Angkor Wat". History.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 5 April 2021.
{{}}
:|last=
มีชื่อเรียกทั่วไป ((help)) - "What the world's largest Hindu temple complex can teach India's size-obsessed politicians".
- "Largest religious structure". Guinness World Records. สืบค้นเมื่อ 29 April 2016.
- Ashley M. Richter (8 September 2009). "Recycling Monuments: The Hinduism/Buddhism Switch at Angkor". . สืบค้นเมื่อ 7 June 2015.
- Higham, C. (2014). Early Mainland Southeast Asia. Bangkok: River Books Co., Ltd. pp. 372, 378–379. ISBN .
- . CIA World Factbook. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-12-29. สืบค้นเมื่อ 2017-03-13.
- "Cambodia's Angkor Wat Breaking Records for Visitors Again | News from Tourism Cambodia". Tourism of Cambodia.
- J. Hackin; Clayment Huart; Raymonde Linossier; Raymonde Linossier; H. de Wilman Grabowska; Charles-Henri Marchal; Henri Maspero; Serge Eliseev (1932). Asiatic Mythology:A Detailed Description and Explanation of the Mythologies of All the Great Nations of Asia. p. 194.
- daguan Zhou (2007). A Record of Cambodia: The Land and Its People. Translated by Peter Harris. Silkworm Books.
- . The Huntington Archive of Buddhist and Related Art. College of the Arts, The Ohio State University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-01-06. สืบค้นเมื่อ 27 April 2008.
- Coedès, George (1968). Walter F. Vella (บ.ก.). The Indianized States of Southeast Asia. trans.Susan Brown Cowing. University of Hawaii Press. p. 164. ISBN .
- Glaize, The Monuments of the Angkor Group p. 59.
- Higham, The Civilization of Angkor pp. 1–2.
- Masako Fukawa; Stan Fukawa (6 Nov 2014). "Japanese Diaspora - Cambodia". Discover Nikkei. สืบค้นเมื่อ 18 October 2015.
- Abdoul-Carime Nasir. (PDF) (ภาษาฝรั่งเศส). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2015-12-23. สืบค้นเมื่อ 18 October 2015.
{{}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
((help)) - . Cambodia Travel. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-09-11. สืบค้นเมื่อ 18 October 2015.
- Quoted in Brief Presentation by Venerable Vodano Sophan Seng
- Mouhot H., and Mouhot C. (1864). Travels in the Central Parts of Indo-China (Siam), Cambodia, and Laos during the years 1858, 1859, and 1860 with illustrations. Vol. I. LONDON: William Clowes and Sons. p. 279.
- มูโอต์, อ็องรี. (2561). บันทึกการเดินทางของ อ็องรี มูโอต์ ในสยาม กัมพูชา ลาว และอินโดจีนตอนกลางส่วนอื่นๆ. (แปลโดย กรรณีกา จรรย์แสง). กรุงเทพฯ: มติชน. หน้า 233. ISBN
- Time Life Lost Civilizations series: Southeast Asia: A Past Regained (1995). p.67–99
- Glaize p. 59.
- Russell Ciochon & Jamie James (14 October 1989). "The Battle of Angkor Wat". New Scientist. pp. 52–57. สืบค้นเมื่อ 22 November 2015.
- Flags of the World, Cambodian Flag History
- Falser, Michael (2011). Krishna and the Plaster Cast. Translating the Cambodian Temple of Angkor Wat in the French Colonial Period 2012-02-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน.
- Falser, Michael (2013). From Gaillon to Sanchi, from Vézelay to Angkor Wat. The Musée Indo-Chinois in Paris: A Transcultural Perspective on Architectural Museums..
- Cambodge: The Cultivation of a Nation, 1860–1945 by Penny Edwards. 2007. ISBN
- Falser, Michael: Clearing the Path towards Civilization - 150 Years of "Saving Angkor". In: Michael Falser (ed.) Cultural Heritage as Civilizing Mission. From Decay to Recovery. Springer: Heidelberg, New York, pp. 279–346.
- "Recent research has transformed archaeologists' understanding of Angkor Wat and its surroundings". University of Sydney. 9 December 2015. สืบค้นเมื่อ 10 December 2015.
- Fleming, Stuart. "The City of Angkor Wat: A Royal Observatory on Life?" (PDF). jstor.org. Archaeological Institute of America.
- Freeman and Jacques p. 48.
- Glaize p. 62.
- Coedès, George (1968). Walter F. Vella (บ.ก.). The Indianized States of Southeast Asia. trans.Susan Brown Cowing. University of Hawaii Press. p. 162. ISBN .
- The diplomatic envoy Zhou Da Guan sent by Emperor to Angkor in 1295 reported that the head of state was buried in a tower after his death, and he referred to Angkor Wat as a mausoleum
- Higham, The Civilization of Angkor p. 118.
- Scarre, Chris editor "The Seventy Wonders of the Ancient World", p. 81–85 (1999) Thames & Hudson, London
- . Angkor Wat, 1113–1150 2006-01-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. (This page does not cite an author's name.)
- Stencel, Robert, Fred Gifford, and Eleanor Moron. "Astronomy and Cosmology at Angkor Wat." Science 193 (1976): 281–287. (Mannikka, née Moron)
- Transcript of Atlantis Reborn, broadcast BBC2 4 November 1999.
- German Apsara Conservation Project Building Techniques, p. 5.
- Glaize p. 25.
- Higham, Early Cultures of Mainland Southeast Asia p. 318.
- Angkor Wat devata inventory - February 2010 23 เมษายน 2010 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
บรรณานุกรม
- Albanese, Marilia (2006). The Treasures of Angkor (Paperback). Vercelli: White Star Publishers. ISBN .
- Briggs, Lawrence Robert (1951, reprinted 1999). The Ancient Khmer Empire. White Lotus. .
- Forbes, Andrew; Henley, David (2011). Angkor, Eighth Wonder of the World. Chiang Mai: Cognoscenti Books. ASIN: B0085RYW0O
- Freeman, Michael and Jacques, Claude (1999). Ancient Angkor. River Books. .
- Higham, Charles (2001). The Civilization of Angkor. Phoenix. .
- Higham, Charles (2003). Early Cultures of Mainland Southeast Asia. Art Media Resources. .
- Hing Thoraxy. Achievement of "APSARA": Problems and Resolutions in the Management of the Angkor Area.
- Jessup, Helen Ibbitson; Brukoff, Barry (2011). Temples of Cambodia - The Heart of Angkor (Hardback). Bangkok: River Books. ISBN .
- Petrotchenko, Michel (2011). Focusing on the Angkor Temples: The Guidebook, 383 pages, Amarin Printing and Publishing, 2nd edition,
- Ray, Nick (2002). Lonely Planet guide to Cambodia (4th edition). .
แหล่งข้อมูลอื่น
- Buckley, Michael (1998). Vietnam, Cambodia and Laos Handbook. Avalon Travel Publications. Online excerpt The Churning of the Ocean of Milk retrieved 25 July 2005.
- Glaize, Maurice (2003 edition of an English translation of the 1993 French fourth edition). The Monuments of the Angkor Group. Retrieved 14 July 2005.
- University of Applied Sciences Cologne. German Apsara Conservation Project Retrieved 2 May 2010.
- University of Heidelberg, Germany, Chair of Global Art History, Project (Michael Falser): Heritage as a Transcultural Concept – Angkor Wat from an Object of Colonial Archaeology to a Contemporary Global Icon [1] 2018-03-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- BBC Horizon (4 November 1999). Atlantis Reborn (script). Broadcast BBC2 4 November 1999, retrieved 25 July 2005.
- Angkor Wat and Angkor photo gallery by Jaroslav Poncar May 2010
- Angkor digital media archive 2014-07-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน – Photos, laser scans, panoramas of Angkor Wat's Western Causeway and Banteay Kdei from a //University of California partnership.
- BBC: Map reveals ancient urban sprawl August 2007
- Guide to the Angkor Monuments – PDF Downloadable English translation of Maurice Glaize's 1944 guide
- February 2010
- Laser technology reveals lost city around Angkor Wat June 2013
- Roland Fletcher, director of the Greater Angkor Project, lectures on "LiDAR, Water and the Demise of Greater Angkor" in November, 2013 เก็บถาวร 2015-04-22 ที่
- Voice of Angkor, an Angkor Temples Guide 2014-10-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
karaekikhbthkhwamnikhxngphuichihmhruxphuichimlngthaebiynthukpidichngan dunoybaykarpxngknaelapumkarpxngknsahrbraylaexiydephimetim hakkhunimsamarthaekikhbthkhwamniaelakhunprasngkhepliynaeplng khunsamarthsngkhakhxaekikh xphipraykarepliynaeplngthanghnakhuy khxelikpxngkn lxkxin hruxsrangbychi nkhrwd ekhmr អង គរវត ត epnhmuprasathinpraethskmphuchaaelaepnsasnsthanthiihythisudinolk dwyphunthirwmkwa 162 6 ehketxr 1 6 lantarangemtr sungethakb 402 exekhxr aerkerimnnsrangkhunepnethwlyinsasnahinduephuxxuthisaedphrawisnu kxncakhxy epliynaeplngklayepnwdinsasnaphuththinchwngplaykhriststwrrsthi 12 nkhrwdsrangkhuninchwngtnkhxngkhrisstwrrsthi 12 odyphraecasurywrrmnthi 2 aehngemuxngyosthrpura inpccubnkhuxemuxngphrankhr sungepnemuxnghlwngkhxngckrwrrdiekhmr srangkhunephuxihepnethwlypracarthaelaepnsusanfngphrasph thuxepnkarepliynaeplngkarnbthuxinlththiiswnikaykhxngkstriyxngkhkxn ehtuephraankhrwdnnsrangkhunephuxxuthisaedphrawisnuaethnthicaepnphrasiwa aelaenuxngcakepnprasaththiidrbkarxnurksdithisudinbriewnthitngodyrxb nkhrwdcungepnprasathephiyngaehngediywthiyngkhngkhwamepnsunyklangthangsasnathimikhwamsakhymatngaeterimkxsrang odynkhrwdthuxepncudsungsudkhxngrupaebbkarsrangsthaptykrrmekhmraebbdngedim aelaidklayepnsylksnkhxngpraethskmphucha mikarpraktxyubnthngchati aelaidepnsthanthithxngethiywkhxngpraethskmphuchathimikhwamsakhythisudinhmukhxngnkthxngethiywnkhrwdអង គរវត តmummxngnkhrwdcaksraekbna ineduxnkrkdakhm ph s 2562sthanthitnginpraethskmphuchathitngesiymrath praethskmphuchaphikd13 24 45 N 103 52 01 E 13 41250 N 103 86694 E 13 41250 103 86694kharadbkhwamsung65 m 213 ft khwamepnmaphusrangphraecasuriywrmnthi 2srangtnkhriststwrrsthi 12wthnthrrmckrwrrdiekhmrsthaptykrrmrupaebbsthaptykrrmsthaptykrrmekhmr rupaebbnkhrwd aehlngmrdkolkodyyuensokchuxthikhunthaebiynemuxngphrankhrpraephthwthnthrrmeknth i ii iii iv khunemuxkh s 1992 warakarprachummrdkolkkhrngthi 16 elkhxangxing668phumiphakhexechiytawnxxkechiyngitphaphbriewnlanraebiyngaehngekiyrtiys Terrace of Honor inpi kh s 2019 kxnekhasuphayinnkhrwd nkhrwdidrwmexakarwangphngphunthaninsthaptykrrmekhmrsxngaebbmaichprakxbekhadwykn sungkidaek phngkarsrangprasathihesmuxnphuekha prasathbnthanchn aelakarsrangprasathaebbmiraebiyngkhdthimiphaphslk karsrangprasathrupaebbniidsuxthungekhaphrasuemru sungepnsthanthithisthitkhxngethphethwyinpkrnmkhxngsasnahindu dannxkmikhunaaelakaaephnglxm khwamyawrwmkwa 3 6 kiolemtr odytwprasathprakxbdwyraebiyngkhdsiehliymthimiphaphslkthnghmdsamchn aetlachntngxyusungkwachnlang trngklangkhxngprasathkhuxphraprangkhthimithnghmd 5 yxd nkhrwdmikhwamaetktangcakprasathinphrankhrprasathxun enuxngcakmikarhnhnaipthangthistawntk sungnkwichakartangkmikhwamehnthiaetktangxxkipineruxngnyyakhxngkarsranginlksnani nkhrwdyngidrbkarykyxngindankhwamngamaelakhwamklmklunkhxngtwsthaptykrrm echn phaphslknuntathiihyot rwmthungphaphethwdathimikartkaetngtamphnngepncanwnmak nkhrwdaelasingkxsrangxun thixyuiklekhiyngincnghwdesiymrathkhunthaebiynepnmrdkolkkhxngxngkhkaryuensokinnam emuxngphrankhr xngkxr in kh s 1992prawtiphraecasurywrrmnthi 2 phusrangnkhrwd nkhrwdtngxyuthangthisehnuxkhxngemuxngesiymrathinpccubn hangxxkip 5 5 kiolemtrcaktwemuxng aethakwdcakemuxnghlwngkxnhnasungmisunyklangxyuthiprasathbapwn nkhrwdcamirayahangcakemuxnghlwngedimephiyngelknxyethann odynkhrwdcatngxyuthangthisiteyuxngipthangthistawnxxkelknxy aelathuxepnprasaththitngxyuthangtxnitsudkhxngbriewnemuxngphrankhr tamtananaelw karkxsrangprasathnkhrwdnnsrangkhuntamkhasngkhxngphraxinthr sungtxngkarsrangprasathniihepnwngthiprathbkhxngphraoxrskhxngphraxngkh tambnthukinchwngkhrisstwrrsthi 13 khxngnkedinthangnamwa ocw takwn idrabuwamiphukhnbangswnechuxknwaprasathaehngnisrangkhunodyethphaehngsthaptykrrmsastrinewlaephiynghnungkhun karxxkaebbinkhntnaelakarkxsrangtwprasatherimtnkhuninchwngkhrungaerkkhxngkhriststwrrsthi 12 inchwngrchsmykhxngphraecasurywrrmnthi 2 khrxngrachyinpi kh s 1113 1150 odysrangkhunephuxepnprasathpracaphraxngkhaelapracaemuxngphrankhr ephuxxuthisihaekphrawisnu aelaenuxngcakimmikarphbhlkthanthiepncaruksmykarkxsranghruxcaruksmyihmthirabuwaidmikarsrangprasathkhun cungimsamarththrabchuxdngedimkhxngprasathid aetxacepnthiruckkninchux prasathwisnuolk sungepnchuxthitngtamethphxngkhprathankhxngprasath khadknwakarkxsrangnacahyudlngimnanhlngkarswrrkhtkhxngphraecasurywrrmnthi 2 thaihphaphslknuntabangswnnnyngaekaslkimesrcsin inpi 1177 hlngkarswrrkhtkhxngphraecasurywrrmnthi 2 raw 27 pi emuxngphrankhrthukyudkhrxngodychawcamthiepnstruedimkhxngchawekhmr phayhlngcungmikarfunfuxanackrkhunmaxikkhrngodyphraecachywrmnthi 7 sungidsthapnaemuxnghlwngaelaprasathpracaemuxngaehngihmkhunkhuxnkhrthmaelaprasathbayn tamladb sungxyuhangcaknkhrwdipthangehnuximkikiolemtr inchwngplaykhriststwrrsthi 12 nkhrwdidkhxy epliynaeplngcaksunyklangdanciticinsasnahinduipepnsasnaphuththsungkidsubenuxngmacnthungpccubn nkhrwdmikhwamaetktangcakprasathxuninemuxngphrankhr aemtwprasathcahmdkhwamsakhylngiphlngkhrisstwrrsthi 16 aettwprasathklbimekhythukthingrangxyangsmburnely sungtangcakprasathhlngxun inemuxngphrankhr prasathaehngniidrbkarpkpxngcakkarruklakhxngpaenuxngdwykhxethccringthiwakhunarxbprasathnnidsamarththahnathipxngkntwprasathid hnunginchawtawntkkhnaerk thiidphbehnnkhrwdkhux aexnotniox da madalina nkbwchchawoprtueks phuedinthangmathunginpi 1586 aelaklawexaiwwankhrwdkhux singkxsrangthinaphiswng sungimsamarthxthibaymnxxkmaphanplaypakkaid thisakhykhux prasathhlngniimehmuxnsingkxsrangid bnolkniely prasathmiyxdhlayyxd mikartkaetng aelamikhwamwicitrthimiephiyngkhnxcchriyaethannthicasamarthsrangsrrkhxxkmaidechnni inchwngkhriststwrrsthi 17 nkhrwdimidthukthingrangodysmburn yngkhngthahnathiepnwdinsasnaphuththxyuechnedim mikarkhnphbsilacarukthimixayuxyuinchwngkhriststwrrsthi 17 kwa 14 hlkinbriewnphunthiemuxngphrankhr rabuthungphuaeswngbuychawyipunsungepnphuaeswngbuyinsasnaphuthththiidmatngchumchnelk tidkbchawekhmrthxngthin odyintxnnnchawyipunthimaeyuxnnkhrwdkhidwaprasathaehngnikhuxswnkhxngwdechtwnmhawiharxneluxngchuxkhxngphraphuththeca sungaethcringaelwtngxyuinaekhwnmkhth praethsxinediy odycarukthiepnthiruckknmakthisudkhuxcarukeruxngrawkhxngxukndayu khasufusa nkaeswngbuyphuidechlimchlxngwnkhunpiihmekhmrthinkhrwdinpi kh s 1632 phaphwadbriewnthangedinhlk causeway ekhasukhxngnkhrwd wadody xxngri muox emuxpramanpi kh s 1860phaphrangprasathnkhrwd wadody hluys edxlapxrt emuxpramanpi kh s 1880 inchwngklangkhxngkhriststwrrsthi 19 xxngri muox nksarwcaelankthrrmchatiwithyachawfrngessidedinthangmathiprasathaehngni odymuoxidthaihnkhrwdepnthiruckkninhmuchawtawntkphanbnthukkaredinthangthiidrbkartiphimphkhxngekha ekhaidekhiyniwwa hnunginprasathehlani sungnacaepnkhuprbkb thuksrangsrrkhodymieklnecolaehngyukhobran xaccaepnsthanthithinaykyxngphx kbsingkxsrangthingdngamkhxngphwkera yingihykwasingid thikrikhruxormnthingexaiw aetkchangkhdaeyngxyangnaesrakbdinaednthiesuxmxanaccnklayepnaednpaethuxnipaelw echnediywknkbchawtawntkklumaerkthiphbehnnkhrwd muoxnnaethbcaimechuxwachawekhmrcasamarthsrangprasathhlngniidaelaekhiynbnthukiwwa One seeks in vain for any historical souvenirs of the many kings who must have succeeded one another on the throne of the powerful empire of Maha Nocor Khmer There exists a tradition of a leprous king to whom is attributed the commencement of the great temple but all else is totally forgotten The inscriptions with which some of the columns are covered are illegible and if you interrogate the Cambodians as to the founders of Ongcor Wat you invariably receive one of these four replies It is the work of Pra Eun the king of the angels It is the work of the giants It was built by the leprous king or else It made itself khaaepl aemcamiphuphyayamephiyrkhnkhwarxngrxykhxngkstriyphraxngkhxun thisubthxdrachbllngkkhxngxanackrmhankhrekhmrruntx madwyktam cungethakbwaeruxngrawxun thiehluxidthuklbipcakkhwamthrngca aemcarukbanghlkthipraktbnphnngkaaephngkimmiphuechiywchaythangxksrsastrchawekhmrkhnidsamarthxanthxdkhwamid khrnemuxeraskthamkhnphunthinthiniwaikhrepnphusthapnankhrwd mkidrbkhatxbwnxyuin 4 khxthiykmatxipni niepnphlngankhxngphraxinthr ecaaehngethphethwa hrux niepnfimuxkhxngyks imk phraecakhieruxnkhuxxngkhphraphusrang hruxcblngdwywa prasathaehngniekidkhunmaxyangnnexng khatxbthiwa epnfimuxkhxngyks nacaepnkhatxbthithuktxnginechingepriybepry xxngri muoxt 1858 1860 bnthukkaredinthangkhxngxxngri muoxt insyam kmphucha law aelaxinodcintxnklangswnxun 1864 aeplody krrnika crryaesng aelaidkahndxayusmykhxngnkhrwdexaiwxyangphidphlad odyrabuwanacaxyuinchwngyukhsmyediywknkbkrungorm prawtithiaethcringkhxngnkhrwdidrbcakephiyngaekhhlkthandanrupaebbkarsrangaelacarukthithukrwbrwmkhuninrahwangkarekbkwadaelaburnaphunthiinchwnghlngthimikardaeninkarinphunthithnghmdkhxngemuxngphrankhr inkarburnaphunthinnimmikarkhnphbrxngrxykartngthinthanhruxthiphkxasythwipely thngniyngrwmipthungxupkrnprakxbxahar xawuth hruxsingkhxngthiekiywkhxngkbkaraetngkaysungmkcaphbecxinbriewnekhtemuxngobran aetthungxyangnn hlkthanthikhnphbkkhuxsingkxsrangthnghlaynnexng inchwngstwrrsthi 20 nn nkhrwdmikhwamcaepntxngidrbkarburnaepnxyangmak sungepnkarkacdwchphuchaelakxngdinesiyswnihy aetnganburnaktxnghyudchangklngenuxngcakekidsngkhramklangemuxnginpraethskmphuchaaelakxngkalngekhmraedngkidekhamakhwbkhumpraethstlxdinchwngpithswrrsthi 1970 thungthswrrsthi 1980 aettlxdrayaewlann twprasathkidrbkhwamesiyhayimmaknk kxngkalngekhmraedngthitxngphkaermidichimthukchnidthiehluxxyuinprasathephuxepnfun hnunginokhpurainphunthinnthukthalaylngdwyplxkraebidkhxngthharfngshrthxemrika inkhnathikaryingtxbotknkhxngkxngkalngekhmraedngaelathharewiydnamkidsrangrxngrxykrasunelknxybnphaphslknunta khwamesiyhaythirunaerngkwaekidkhunphayhlngsngkhramyutilng odyehlahwkhomyngansilpathiptibtikarknnxkpraethsithy sunginchwngplaykhxngthswrrsthi 1980 thungchwngtnthswrrsthi 1990 idxangsiththikhrxbkhrxngphraesiyraethbthukchinthisamarthtdxxkcakswnphrasxthngcakpratimakrrmaelacaknganburnaid prasathaehngnithuxepnsylksnthimixiththiphlthisudkhxngpraethskmphucha aelayngepnkhwamphakhphumiickhxngchatithimiswnchwyineruxngkhwamsmphnththangkarthutkbpraethsfrngess shrthxemrikaaelapraethsephuxnbanxyangpraethsithy phaphlayesnkhxngnkhrwdyngthukichepnswnhnungkhxngthngchatikmphuchamanbtngaet kh s 1863 sungepnthngrunaerkthiichphaphkhxngnkhrwdbntwthng xyangirktam hakducakmummxngthangdanwthnthrrmkhamchatihruxaemaetthangdanprawtisastrihkwangkhunkcaphbwankhrwdnnimidklaymaepnsylksnaehngkhwamphakhphumiickhxngchatikmphuchaephiyngchatiediyw aetnkhrwdyngthukcdcadwykrabwnkardanwthnthrrmkaremuxngthiekidcakmrdkthitkthxdmakhxngckrwrrdixananikhmfrngess odyidmikarcdaesdngprasathnkhrwdthicalxngiwinnithrrskarkhxngxananikhmfrngessthiparisaelamaraesyrahwangpi kh s 1889 thungpi kh s 1937 aelakhwamngdngamkhxngnkhrwdyngthukcdaesdnginrupaebbaemphimphpunphlasetxrthiphiphithphnthkhxngthichuxwaphiphithphnthxinodcinaehngtrxkaedor sungcdaesdngxyuinwngphariesin trxkaedol ihchawfrngessidchunchminkhwamekriyngikrkhxngkaraephkhyayxananikhmkhxngtntngaetchwng kh s 1880 thungchwngklangthswrrsthi 20 tananekiywkbkhwamngamdansilpakhxngnkhrwdaelasingkxsrangxun inekhtemuxngphrankhr idsngphlodytrngtxkarthifrngesseluxkpraethskmphuchaepnrthinxarkkhaemuxwnthi 11 singhakhm kh s 1863 aelaerimbukruksyam ephuxhwngekhamakhwbkhumaelacdkarobransthantang karkrathadngklawidsngphlihpraethskmphuchaxangsiththiinkarkhrxbkhrxngdinaednthangdanthistawntkechiyngehnuxkhxngpraeths khuncakkarkhrxbkhrxngkhxngsyamxikkhrnghnung sungdinaedndngklawidxyuphayitkarpkkhrxngkhxngsyammanbtngaetpi kh s 1351 hruxtngaetpi kh s 1431 tamthibnthukbangchinidxangthungkmphuchaidrbxisrphaphkhuncakfrngessinwnthi 9 phvscikayn kh s 1953 aelaidekhamaduaelprasathnkhrwdmanbaetnnepntnma xacklawidwanbtngaetchwngthipraethstkepnxananikhmeruxymacnthungchwngthinkhrwdidrbkaresnxchuxihepnaehlngmrdkolkkhxngyuensokin kh s 1992 twprasathnkhrwdnnepnswnsakhyinokhrngsrangaehngyukhsmyihm aelachwyephyaephraenwkhideruxngmrdkthangwthnthrrmpraephthsingpluksrangidxyangkhxyepnkhxyip ineduxnthnwakhm kh s 2015 idmikarprakaswathimwicycakidkhnphbklumsakprasathfngxyuitdin sungyngimekhymikarkhnphbmakxn odykhadwamikarsrangaelaphngthlaylnginchwngkarkxsrangnkhrwdechnediywkbpxmprakarthithacakimaelasingkxsrangkhnadihythangthisitthiyngimrucudprasngkhkhxngkarsrang karkhnphbkhrngniyngrwmipthungkarkhnhlkthaneruxngkartngthinthixyukhxngphukhnthiimidhnaaennnk rwmipthungkartdthnnaebbtarang srana aelakhndin sungidchiihehnwabriewnkhxngprasaththiaemcamikarlxmxanaekhtdwykhunaaelakaaephngnnkxaccaimidepnsthanthithithukcakdexaiwihkhnchnchnsungthiepnnkbwchephiyngxyangediywdngthiekhysnnisthaniwintxnaerk thimwicyyngidichildar ihsyyanerdarthaluthalwnglngipinphundinaelaphunthikhudkhnthisnicephuxthaaephnthikhxngnkhrwdkhunsthaptykrrmphngkhxngnkhrwdphngodyrwmkhxngnkhrwdsungmikarsrangprasathiwtrngcudsunyklangphngkhxngprasathodylaexiyd thitngaelaphng phaphnkhrwdcakmumsung nkhrwdepnsingkxsrangthioddedndwykarrwmexalksnakarsrangprasathihesmuxnphuekha aebbaephnkhxngkarxxkaebbprasathkhxngxanackr ekhakbaebbphngkhxngxakharinsmyhlngthimikartharaebiyngkhdlxmcudsunyklang karkxsrangnkhrwdyngidbngbxkihthrabwaprasathyngminyyasakhyekiywkhxngkbthxngfaenuxngdwyxngkhprakxbbangswnkhxngtwprasath nyyadngklawkhuxinbriewndanthistawnxxkaelatawntkkhxngprasath sungraebiyngphayinidmikarxxkaebbihechuxmtxekhahaknodyprascaksingkabng sngphlihprasaththngsxngthistngxyuintaaehnngediywknkbphraxathitythikhunchwngwnxayn prasathaehngnikhuxxakharthisuxthungekhaphrasuemruxnepnthisthitkhxngethpheca odyprangkhprathantrngklangthnghannepnsylksnaethnthungyxdhayxdkhxngphuekha swnkaaephngaetlachnaelakhunannkaethnthungekhastbriphnthaelamhasmuthr aetedimphunthiswnbnkhxngprasathnnthukcakdsiththikarekhathungmaodytlxd phuthiepnkhrawascungthukcakdihxyuaekhbriewnswnlangkhxngprasathethann nkhrwdmikhwamaetktangcakprasathekhmrhlngxunineruxngkhxngkarwangthisprathanthihnipthangthistawntkaethnthicaepnthistawnxxk khwamtangniidsngphlihphukhncanwnmak rwmipthung aela yxrch eseds xxkmasrupwaphraecasuriywrrmnnnprasngkhthicasrangprasathaehngnikhunihepnprasaththiekbphrabrmsphkhxngphraxngkh aenwkhidniidrbkarsnbsnuncakhlkthanxun thiidcakkarsuksaphaphslknuntathieriyngladberuxngrawinthisthwnekhmnalika sungtangipcakethwsthanhinduthwip odyphithikrrmtang khxngphrahmninphithiphrabrmsphkyngcdkhunaebbyxnladbxikdwy nkobrankhdi charl ihaehm yngidxthibaythungphachnachinhnungwamikhwamepnipidwacaepnphraoksbrrcuphrabrmxthi odyphachnanithukkhudkhunmacakprangkhprathantrngklang odybukhkhlbangklumidesnxaenwkhidthiwaprangkhprathantrngklangnnehmaasmthisudinkarthaphithicdkarkbphrabrmsph ephraaechuxknwaepriybesmuxnsunyrwmkhxngphlngxanacthngpwng xyangirktam nkwichakarbangkhnidrabuwaprasathhlayhlnginemuxngphrankhrexngkimidhnhnaipthangthistawnxxktamthrrmeniymesiyhmd aelaidesnxwakarthinkhrwdmikarwangthisechnnikephraaprasathhlngnisrangkhunephuxxuthisaedphrawisnu sungepnethphecapracathistawntk exelnxr aemnnikkaidnaesnxkartikhwamnkhrwdinaebbthiaetktangxxkip odyidwiekhraahcakkarwangthis mitikhxngxakhar aelacakladbkarelaeruxngaelaenuxhakhxngphaphslknunta ethxidaeyngwa prasathaehngniidxangthungyukhsmyihmaehngkhwamsngbsukhinrchsmykhxngphraecasuriywrrmnthi 2 odyidrabuwa enuxngcakmikarkhanwnwngcrewlakarkhunkhxngphraxathityaelaphracnthriwinphunthiskdisiththikhxngnkhrwd phaphethphethwdaphuxyuinxantikhxngkarpkkhrxngcungidpraktxyubntweruxnthatuaelaechliyng suxkhwamhmaythungpkpksihxanackhxngkstriyepnnicnirndr epnkarechlimphraekiyrtiaelasrangkhwamsngbaekehlaethwdathiprathphxyubnsrwngswrrkh khxesnxkhxngaemnnikkannidmxbthngkhwamsnicaelakhxaekhlngicinaewdwngwichakar ethxidchikhnikhxsnnisthankhxngnkwichakarkhnxun echn aekraehm aehnkhxk dwykhxsnnisthanthiwankhrwdnnkhuxsinghnungthiaesdngthungklumdawmngkr rupaebb phaphnkhrwdcakmummxngdankhang nkhrwdthuxepntwxyangkhxngsthaptykrrmekhmrrupaebbkhlassikhthisakhythisud sungchuxeriykrupaebbsilpainsmykhlassikhniyngeriykknwa silpankhrwd xikdwy inchwngkhriststwrrsthi 12 nn sthapnikekhmridmithngthksakhwamsamarthaelakhwammnicinkarichhinthrayepnwsduokhrngsranghlkkhxngxakhar cakedimthiichxithhruxsilaaelnginkarkxsrang swnkhxngprasaththimxngehnidnnthamacakhinthraythimikartdepnblxk inkhnathikaaephngphaynxkaelaokhrngsrangphayinnnthacaksilaaelngaetichblxkhinthraypidbngexaiwphaynxk yngimmikarchichdwawsduthiichechuxmhinaetlakxnihtidknnnkhuxxair aemcamicamikaresnxwaepnyangimaelanapunismaodytlxdktam prasathaehngniidrbkarykyxngehnuxprasathhlngxun enuxngdwykhwamklmklunkhxngkarxxkaebb mxris ekrs nkxnurkskhxngprasathnkhrwdinchwngstwrrsthi 20 idrabuwa prasathhlngni idbrrluthungkhwamsmburnaebbthikhlassikdwykarepnxnusrnaehngxngkhprakxbthimikhwamphxdixyangpranit mikarcdsdswnthiaemnya epnphlnganthiepiymipdwyphlng mikhwamepnhnungediyw aelaetmipdwylila nganpratimakrrmthangdankaaephngchnnxkrxbprasathnn mikhwamyawkwa 800 emtr minganaekaslkekiywkbphrarachkrniykickhxngphraecasuriywrmnthi 2 aelaeruxngrawwrrnkhdieruxng ramayna rupaekaslkthimichuxthisudkhuxrupaekaslkkarkwneksiyrsmuthr mirupaekaslknangxpsrmakkwa 1 796 nang thithnghmdmiekhruxngaetngkayaelathrngphmthiimsaknraebiyngphaphprasathhlkkhxngprasathhinnkhrwd hxsmud raebiyngkht phaphslkkarkwneksiyrsmuthr phaphslknunsungrupnangxpsrfxnra prasathdankhang thangkhunprasath prasathsungbriewnsunyklangkhxngprasathhinnkhrwdxangxingEditors History com Angkor Wat History com phasaxngkvs subkhnemux 5 April 2021 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a last michuxeriykthwip help What the world s largest Hindu temple complex can teach India s size obsessed politicians Largest religious structure Guinness World Records subkhnemux 29 April 2016 Ashley M Richter 8 September 2009 Recycling Monuments The Hinduism Buddhism Switch at Angkor subkhnemux 7 June 2015 Higham C 2014 Early Mainland Southeast Asia Bangkok River Books Co Ltd pp 372 378 379 ISBN 978 616 7339 44 3 CIA World Factbook khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2010 12 29 subkhnemux 2017 03 13 Cambodia s Angkor Wat Breaking Records for Visitors Again News from Tourism Cambodia Tourism of Cambodia J Hackin Clayment Huart Raymonde Linossier Raymonde Linossier H de Wilman Grabowska Charles Henri Marchal Henri Maspero Serge Eliseev 1932 Asiatic Mythology A Detailed Description and Explanation of the Mythologies of All the Great Nations of Asia p 194 daguan Zhou 2007 A Record of Cambodia The Land and Its People Translated by Peter Harris Silkworm Books The Huntington Archive of Buddhist and Related Art College of the Arts The Ohio State University khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2006 01 06 subkhnemux 27 April 2008 Coedes George 1968 Walter F Vella b k The Indianized States of Southeast Asia trans Susan Brown Cowing University of Hawaii Press p 164 ISBN 978 0 8248 0368 1 Glaize The Monuments of the Angkor Group p 59 Higham The Civilization of Angkor pp 1 2 Masako Fukawa Stan Fukawa 6 Nov 2014 Japanese Diaspora Cambodia Discover Nikkei subkhnemux 18 October 2015 Abdoul Carime Nasir PDF phasafrngess khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2015 12 23 subkhnemux 18 October 2015 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a Cite journal txngkar journal help Cambodia Travel khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2019 09 11 subkhnemux 18 October 2015 Quoted in Brief Presentation by Venerable Vodano Sophan Seng Mouhot H and Mouhot C 1864 Travels in the Central Parts of Indo China Siam Cambodia and Laos during the years 1858 1859 and 1860 with illustrations Vol I LONDON William Clowes and Sons p 279 muoxt xxngri 2561 bnthukkaredinthangkhxng xxngri muoxt insyam kmphucha law aelaxinodcintxnklangswnxun aeplody krrnika crryaesng krungethph mtichn hna 233 ISBN 978 974 0 21436 6 Time Life Lost Civilizations series Southeast Asia A Past Regained 1995 p 67 99 Glaize p 59 Russell Ciochon amp Jamie James 14 October 1989 The Battle of Angkor Wat New Scientist pp 52 57 subkhnemux 22 November 2015 Flags of the World Cambodian Flag History Falser Michael 2011 Krishna and the Plaster Cast Translating the Cambodian Temple of Angkor Wat in the French Colonial Period 2012 02 10 thi ewyaebkaemchchin Falser Michael 2013 From Gaillon to Sanchi from Vezelay to Angkor Wat The Musee Indo Chinois in Paris A Transcultural Perspective on Architectural Museums Cambodge The Cultivation of a Nation 1860 1945 by Penny Edwards 2007 ISBN 978 0 8248 2923 0 Falser Michael Clearing the Path towards Civilization 150 Years of Saving Angkor In Michael Falser ed Cultural Heritage as Civilizing Mission From Decay to Recovery Springer Heidelberg New York pp 279 346 Recent research has transformed archaeologists understanding of Angkor Wat and its surroundings University of Sydney 9 December 2015 subkhnemux 10 December 2015 Fleming Stuart The City of Angkor Wat A Royal Observatory on Life PDF jstor org Archaeological Institute of America Freeman and Jacques p 48 Glaize p 62 Coedes George 1968 Walter F Vella b k The Indianized States of Southeast Asia trans Susan Brown Cowing University of Hawaii Press p 162 ISBN 978 0 8248 0368 1 The diplomatic envoy Zhou Da Guan sent by Emperor to Angkor in 1295 reported that the head of state was buried in a tower after his death and he referred to Angkor Wat as a mausoleum Higham The Civilization of Angkor p 118 Scarre Chris editor The Seventy Wonders of the Ancient World p 81 85 1999 Thames amp Hudson London Angkor Wat 1113 1150 2006 01 06 thi ewyaebkaemchchin This page does not cite an author s name Stencel Robert Fred Gifford and Eleanor Moron Astronomy and Cosmology at Angkor Wat Science 193 1976 281 287 Mannikka nee Moron Transcript of Atlantis Reborn broadcast BBC2 4 November 1999 German Apsara Conservation Project Building Techniques p 5 Glaize p 25 Higham Early Cultures of Mainland Southeast Asia p 318 Angkor Wat devata inventory February 2010 23 emsayn 2010 thi ewyaebkaemchchinbrrnanukrmAlbanese Marilia 2006 The Treasures of Angkor Paperback Vercelli White Star Publishers ISBN 88 544 0117 X Briggs Lawrence Robert 1951 reprinted 1999 The Ancient Khmer Empire White Lotus ISBN 974 8434 93 1 Forbes Andrew Henley David 2011 Angkor Eighth Wonder of the World Chiang Mai Cognoscenti Books ASIN B0085RYW0O Freeman Michael and Jacques Claude 1999 Ancient Angkor River Books ISBN 0 8348 0426 3 Higham Charles 2001 The Civilization of Angkor Phoenix ISBN 1 84212 584 2 Higham Charles 2003 Early Cultures of Mainland Southeast Asia Art Media Resources ISBN 1 58886 028 0 Hing Thoraxy Achievement of APSARA Problems and Resolutions in the Management of the Angkor Area Jessup Helen Ibbitson Brukoff Barry 2011 Temples of Cambodia The Heart of Angkor Hardback Bangkok River Books ISBN 978 616 7339 10 8 Petrotchenko Michel 2011 Focusing on the Angkor Temples The Guidebook 383 pages Amarin Printing and Publishing 2nd edition ISBN 978 616 305 096 0 Ray Nick 2002 Lonely Planet guide to Cambodia 4th edition ISBN 1 74059 111 9 aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb nkhrwd wikithxngethiyw mikhaaenanakarthxngethiywsahrb Angkor Archaeological Park Buckley Michael 1998 Vietnam Cambodia and Laos Handbook Avalon Travel Publications Online excerpt The Churning of the Ocean of Milk retrieved 25 July 2005 Glaize Maurice 2003 edition of an English translation of the 1993 French fourth edition The Monuments of the Angkor Group Retrieved 14 July 2005 University of Applied Sciences Cologne German Apsara Conservation Project Retrieved 2 May 2010 University of Heidelberg Germany Chair of Global Art History Project Michael Falser Heritage as a Transcultural Concept Angkor Wat from an Object of Colonial Archaeology to a Contemporary Global Icon 1 2018 03 29 thi ewyaebkaemchchin BBC Horizon 4 November 1999 Atlantis Reborn script Broadcast BBC2 4 November 1999 retrieved 25 July 2005 Angkor Wat and Angkor photo gallery by Jaroslav Poncar May 2010 Angkor digital media archive 2014 07 01 thi ewyaebkaemchchin Photos laser scans panoramas of Angkor Wat s Western Causeway and Banteay Kdei from a University of California partnership BBC Map reveals ancient urban sprawl August 2007 Guide to the Angkor Monuments PDF Downloadable English translation of Maurice Glaize s 1944 guide February 2010 Laser technology reveals lost city around Angkor Wat June 2013 Roland Fletcher director of the Greater Angkor Project lectures on LiDAR Water and the Demise of Greater Angkor in November 2013 ekbthawr 2015 04 22 thi Voice of Angkor an Angkor Temples Guide 2014 10 20 thi ewyaebkaemchchin