ประติมากรรมคลาสสิก (อังกฤษ: Classical sculpture) หมายถึงลักษณะของประติมากรรมตั้งแต่ของกรีกโบราณและของโรมันโบราณและของประชากรในภูมิภาคต่างๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากกรีซและโรมันภายใต้การปกครองของสองมหาอำนาจนี้ตั้งแต่ราว 500 ก่อนคริสต์ศักราชจนถึงการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันในปี ค.ศ. 476 นอกจากนั้นก็ยังครอบคลุมลักษณะประติมากรรมสมัยใหม่ที่สร้างขึ้นตามรูปแบบเดียวกับงานศิลปะคลาสสิก ประติมากรรมคลาสสิกเป็นที่นิยมกันมาตั้งแต่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา แต่งานประติมากรรมที่มีรูปแบบของศิลปะคลาสสิกเท่านั้นจึงเรียกว่าประติมากรรมคลาสสิก
นอกจากประติมากรรมลอยตัวแล้วคำว่าประติมากรรมคลาสสิกก็ยังหมายถึงประติมากรรมนูนเช่นหน้าบันเอลกินของพาร์เธนอนอันมีชื่อเสียง และประติมากรรมนูนต่ำ งานประติมากรรมลอยตัวมักจะเน้นรูปทรงของมนุษย์ แต่ประติมากรรมนูนจะเน้นการสร้างเป็นฉากเรื่องราวอันซับซ้อน
ประติมากรรมคลาสสิกแบ่งออกเป็นหลายสมัย:
สมัยอาร์เคอิค
ลักษณะรูปทรงที่สำคัญที่สุดของประติมากรรมสมัยอาร์เคอิคคือ “” (Kouros) ที่เป็นประติมากรรมชายยืนเปลือยเช่น “”
ประติมากรอาร์เคอิคกรีกเดิมได้รับอิทธิพลจากประติมากรรมของอียิปต์ ประติมากรรมกรีกสมัยแรกดูแทบจะคล้ายกับงานประติมากรรมอียิปต์แบบชนบท แต่สิ่งที่แตกต่างจากของอียิปต์คือตั้งแต่แรกคือถ้าเป็นประติมากรรมของชายงานของกรีกจะเป็นชายเปลือย ซึ่งจะไม่ปรากฏในงานของอียิปต์ไม่ว่าจะในสมัยใด นอกไปจากภาพของเชลยศึก แต่ถ้าเป็นประติมากรรมสตรียังคงสวมเสื้อผ้าอยู่
ในช่วงนี้การเน้นความเป็นธรรมชาติของสรีรของกระดูกและกล้ามเนื้อต่อมายังไม่ปรากฏ ที่จะสังเกตได้จากรายละเอียดในบริเวณหัวเข่าและข้อต่อที่สำคัญ รายละเอียดบางอย่างดูเหมือนจะเป็นรายละเอียดที่เป็นลักษณะการสร้างงานแบบที่เคยทำกันมา และการวางท่าหรือการเคลื่อนไหวก็ยังไม่ดูเป็นธรรมชาติ แต่ประติมากรรมสมัยอาร์เคอิคก็ค่อยพัฒนาขึ้นมาเป็นลักษณะที่เรียกว่า “ลักษณะคลาสสิก” ที่เริ่มจะแสดงให้เห็นความรู้ทางเทคนิคและความชำนาญที่เพิ่มมากขึ้น
- “คูรอสอนาวิสซอส”
Kouros Anavissos
ศิลปินไม่ทราบนาม
ราว 530 ปีก่อนคริสต์ศักราช - “Treasury of Syphnos”
ศิลปินไม่ทราบนาม
ราว 525 ปีก่อนคริสต์ศักราช - “นักรบโทรจันสิ้นใจ”
“Fallen Trojan warrior”
เชื่อว่าสร้างโดย หรือ
ประติมากรในตระกูล
สมัยคลาสสิก
สมัยคลาสสิกเป็นสมัยที่ลักษณะของทั้งรูปทรงและการใช้สอยของประติมากรรมเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม การวางท่าเพิ่มความเป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่นที่เห็นในประติมากรรม “” (-Charioteer of Delphi) และความเชี่ยวชาญทางเทคนิคของประติมากรกรีกในการสร้างรูปทรงของร่างกายของมนุษย์ในการวางท่าต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ราว 500 ก่อนคริสต์ศักราชประติมากรรมก็เริ่มจะเป็นรูปแบบของมนุษย์เดินดิน เช่นประติมากรรมของ “”(ภาพ-Harmodius and Aristogeiton) ที่ตั้งอยู่ในกรุงเอเธนส์ที่เป็นประติมากรรมของชายสองคนผู้ทำการโค่นทรชนของไพซิสทราทัส ฮิปปาร์คัส ผู้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อปราชาธิปไตย ประติมากรรมชิ้นนี้จึงถือว่าเป็นอนุสาวรีย์สำหรับสาธารณชนของบุคคลจริงอนุสาวรีย์แรกในประวัติศาสตร์
เมื่อศิลปินกรีกเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับกายวิภาคและการเคลื่อนไหวของร่างกาย ก็พบว่ามนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่มักจะ “ย้ายน้ำหนัก” (weight shift) หรือเป็น “” (Contrapposto) เมื่อยืน
ประติมากรรมกรีกชิ้นแรกที่เป็นท่าตริภังค์คือประติมากรรมชิ้นที่มีชื่อเสียงชื่อ “” (ภาพ-Kritios Boy) ที่สร้างมาตั้งแต่ราว 480 ก่อนคริสต์ศักราช “” ไม่นานก็กลายมาเป็นองค์ประกอบหรือ “กฎ” (Canon) อันสำคัญในการสร้างงานประติมากรรม “” (Doryphoros) หรือ “คนถือหอก” ที่ใช้การวางท่าตริภังค์อย่างมีพลังเป็นอันมากของการสร้างความสมดุลเป็นอย่างดีระหว่างแขนขาที่ยืนและแขนขาที่เคลื่อนไหว
ประติมากรรมส่วนใหญ่ของยุคนี้สร้างขึ้นเพื่อแสดงการสำนึกบุญคุณแด่เทพเจ้าผู้ทรงช่วยนำความสำเร็จมาให้, เพื่อช่วยให้นำโชคลาภที่จะตามมาในอนาคต และ เพื่อให้เทพเจ้าทราบว่ายังคงมีความเคารพอยู่ เทวสถานของกรีกในยุคนี้ต่างก็สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ตั้งของรูปสักการะขนาดใหญ่เหล่านี้ ชาวกรีกเชื่อว่าการตั้งเทวสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไว้ ณ ที่ใดก็จะทำความพึงพอใจให้แก่เทพเจ้า ณ ที่นั้น เทพเจ้ากรีกเป็นเทพเจ้าที่มาจากตำนานอันลึกลับที่มีรากฐานมาจากเรื่องราวของมนุษย์จริงซึ่งทำให้เป็นเรื่องราวผสมผสานระหว่างมนุษย์/เทพที่บางครั้งแทบจะแยกไม่ออก ฉะนั้นการสร้างประติมากรรมที่เหมือนคนจริงจึงเกิดขึ้นได้ ประติมากรรมส่วนใหญ่ที่สร้างขึ้นสามารถเข้าใจได้ว่าเป็นประติมากรรมที่เป็นสัญลักษณ์ของตำนานเทพ, ตัวแทน (archetype) หรือ วัตถุประสงค์ของชีวิต
ระหว่างสมัยคลาสสิกประติมากรมิได้จะเพียงแต่จะสร้างงานสำหรับเทวสถานเท่านั้น แต่ยังสร้างงานสำหรับที่เก็บศพเพื่อเป็นการสดุดีผู้ที่เป็นที่รักผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ประติมากรรมประเภทหลังนี้มักจะวางท่าที่สบายๆ นักกีฬาผู้ประสบความสำเร็จ หรือ ครอบครัวผู้มีฐานะมั่งคั่งก็มักจะจ้างให้สร้างประติมากรรมของตนเองสำหรับเทวสถานเพื่อเป็นการแสดงการสักการะต่อเทพเจ้า ในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราชภาพเหมือนก็เริ่มมีความนิยมกันมากขึ้น รูปปั้นครึ่งตัวของนายพล, นักปรัชญา และ ผู้นำทางการเมืองก็เริ่มปรากฏให้เห็นกันบ้าง
งานที่มีคุณภาพสูงของกรีกเป็นที่สนใจของชาวอิตาลี และมีอิทธิพลต่อทั้งงานศิลปะของและต่อมาโรมันโบราณ ความตื่นตาตื่นใจต่องานศิลปะกรีกของโรมันมีความสำคัญไม่แต่เพียงการถ่ายทอดศิลปะให้แก่วัฒนธรรมอีกวัฒนธรรมหนึ่งแต่ยังเป็นการ “ต่ออายุ” ของประติมากรรมกรีกอีกด้วย เพราะประติมากรรมกรีกที่ยังมีเหลือให้เห็นส่วนใหญ่แล้วเป็นงานก็อปปีของงานต้นฉบับของประติมากรรมสัมริดของกรีก เพราะสัมริดเป็นโลหะมีค่างานสัมริดเดิมส่วนใหญ่ต่างก็ถูกหลอมไป งานสัมริดของแท้ถ้าพบก็จะพบอยู่ก้นทะเลกับเรือแตก
แต่ประติมากรรมกรีกมีการแกะสลักหินอ่อน และงานประติมากรรมกรีกคลาสสิกที่ทำด้วยหินอ่อนยังคงมีหลงเหลืออยู่ให้เห็น เช่น “” หรือ “” ที่ยังตั้งอยู่ในสถานที่ที่ติดตั้งไว้แต่เดิมมาจนกระทั่งต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ก่อนที่จะถูกขนย้ายไปยังสหราชอาณาจักร และประติมากรรมแกะหินอ่อนของกรีกที่ยังหลงเหลืออยู่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรม
-
- “แพริส” หรือ “เพอร์เซียส”
ระบุว่าโดย
จากเรือแตก Atikythera
ราว 340-330 ก่อน ค.ศ.
พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติแห่งเอเธนส์ -
- “แอฟรอไดทีบราสคี”
งานก็อปปี
(ศตวรรษที่ 1 ก่อน ค.ศ.)
จากรูปสักการะ
ในคนิดัส
แบบ “แอฟรอไดทีแห่งคนิดัส”
ราว 350–340 ก่อน ค.ศ.
Glyptothek, มิวนิก
สมัยเฮเลนนิสติค
ความเปลี่ยนแปลงจากประติมากรรมคลาสสิกไปเป็นประติมากรรมเฮเลนนิสติคเกิดขึ้นระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 4 งานประติมากรรมในช่วงนี้เพิ่มความเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้นไปอีก หัวข้อของงานที่สร้างก็ขยายไปครอบคลุมบุคคลธรรมดา, สตรี, เด็ก, สัตว์ และ ฉากในบ้าน ที่จ้างโดยครอบครัวที่มีฐานะดีเพื่อใช้ในการตกแต่งที่อยู่อาศัยและสวน ประติมากรรมเหมือนของชายและหญิงทุกวัยก็เริ่มสร้างกันขึ้นและประติมากรก็มีอิสระพอที่สร้างงานที่ไม่จำเป็นต้องมีลักษณะที่มีร่างกายหรือความงามที่พร้อมสรรพอย่างอุดมคติ ประติมากรรมชายกรีกส่วนใหญ่จะวางท่ายืนเอียงสะโพกไปข้างหนึ่ง เมื่อยืนในท่านี้แล้วก็จะใช้กล้ามเนื้อมากขึ้นเพื่อต้องการที่จะแสดงสรีระที่มีความใกล้เคียงกับความงามของเทพเจ้า
- “เลอาโคอันและบุตร”
ระบุว่าโดย พลินิผู้อาวุโสว่าโดย
งานก็อปปีจากงานต้นฉบับของเฮเลนนิสติค
ราว 200 ก่อน ค.ศ.
พิพิธภัณฑ์วาติกัน -
- “Nereus, Doris, a giant, Oceanus”
จาก
งานก็อปปีจากงานต้นฉบับของเฮเลนนิสติค
ราวศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ.
พิพิธภัณฑ์เพอร์กามอน
เบอร์ลิน -
สมัยโรมัน
ประติมากรรมโรมันเริ่มขึ้นด้วยการก็อปปีงานประติมากรรมของกรีก แต่ต่อมาก็พัฒนาขึ้นเป็นรูปลักษณ์ที่เน้นความเป็นเอกลักษณ์ของผู้เป็นแบบ ที่เห็นได้จากประติมากรรมภาพเหมือนของจักรพรรดิโรมันหลายพระองค์
- รูปสลักครึ่งตัวของ
“จักรพรรดิเฮเดรียน”
ราว ค.ศ.117-138
Palazzo Massimo alle Terme - รูปสลักครึ่งตัวของ
เฮอร์คิวลีส
คริสต์ศตวรรษที่ 1 - ภาพเหมือนสตรี
ราว ค.ศ. 170-180
Museo Chiaramonti - ประติมากรรมนูนบน
เป็นฉากการต่อสู้ระหว่าง
ทหารโรมันและเยอรมัน
ราว ค.ศ. 180–190
Museo Chiaramonti - รายละเอียดประติมากรรมนูน
เป็นเกลียวรอบเสาบน
คอลัมน์มาร์คัส ออเรลิอัส
เป็นฉากการต่อสู้ใน
ราว ค.ศ. 193
, กรุงโรม
อิทธิพล
ประติมากรรมกรีก-โรมันมีอิทธิพลต่อศิลปะตะวันตกอย่างลึกซึ้ง ในการวางรากฐานของแนวโน้มในการสร้างงานศิลปะในเชิงสัจนิยม ความคงทนของงานศิลปะที่ตกค้างมาให้คนรุ่นหลังให้เห็นทำให้กลายเป็นแหล่งข้อมูลของศิลปินของหลายวัฒนธรรมหลายสมัยต่อมาทั้งในยุโรปและในเอเชีย และ ในปัจจุบันทั้งโลก
ขณะที่ศิลปะคลาสสิกค่อยลดความนิยมกันไปในยุโรปหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันในปี ค.ศ. 476 แล้ว งานศิลปะคลาสสิกก็หันกลับมาเป็นที่นิยมกันอีกครั้งหนึ่งอย่างจริงจังเมื่อต้นยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลี บุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการรื้อฟื้นความนิยมในศิลปะคลาสสิกกันขึ้นอีกครั้งคือโดนาเทลโล ประติมากรผู้อื่นเช่นไมเคิล แอนเจโลก็สร้างงานประติมากรรมที่อาจจะถือกันว่าเป็นงานศิลปะคลาสสิก ศิลปะคลาสสิกสมัยใหม่ตรงกันข้ามกับศิลปะคลาสสิกของคริสต์ศตวรรษที่ 19 ตรงการเน้นความเป็นธรรมชาติ เช่นในงานประติมากรรมโดย (Antoine-Louis Barye) หรือ ความเป็นนาฏกรรมในงานของ (François Rude) หรืองานเชิงอารมณ์ในงานของ (Jean Baptiste Carpeaux) หรือ เชิงโอ่อวดอลังการในงานของ (Frederic Leighton, 1st Baron Leighton) เมื่อมาถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ประติมากรรมคลาสสิกก็แยกออกเป็นหลายสาขา แต่การศึกษาจากแบบที่มีชีวิตและการศึกษาแบบหลังยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาก็ยังคงเป็นรากฐานที่ปฏิบัติกันอยู่
อ้างอิง
- มะลิฉัตร เอื้ออานันท์. “พจนานุกรมศัพท์ศิลปะ” สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พ.ศ. 2545
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-07-15. สืบค้นเมื่อ 2010-01-21.
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ประติมากรรมคลาสสิก
- Gallery: Gods in Greco-Roman Sculpture 2009-12-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Giust Gallery Classical Sculpture Replicas
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha pratimakrrmkhlassik xngkvs Classical sculpture hmaythunglksnakhxngpratimakrrmtngaetkhxngkrikobranaelakhxngormnobranaelakhxngprachakrinphumiphakhtang thiidrbxiththiphlcakkrisaelaormnphayitkarpkkhrxngkhxngsxngmhaxanacnitngaetraw 500 kxnkhristskrachcnthungkarlmslaykhxngckrwrrdiormninpi kh s 476 nxkcaknnkyngkhrxbkhlumlksnapratimakrrmsmyihmthisrangkhuntamrupaebbediywkbngansilpakhlassik pratimakrrmkhlassikepnthiniymknmatngaetyukhfunfusilpwithya aetnganpratimakrrmthimirupaebbkhxngsilpakhlassikethanncungeriykwapratimakrrmkhlassik kh s 130 kh s 140 ody eloxkharis ngankxppicakpratimakrrmsmridkhxngkrikthisrangrawpi 330 320 kxnkhristskrach phiphithphnthwatikn nxkcakpratimakrrmlxytwaelwkhawapratimakrrmkhlassikkynghmaythungpratimakrrmnunechnhnabnexlkinkhxngpharethnxnxnmichuxesiyng aelapratimakrrmnunta nganpratimakrrmlxytwmkcaennrupthrngkhxngmnusy aetpratimakrrmnuncaennkarsrangepnchakeruxngrawxnsbsxn pratimakrrmkhlassikaebngxxkepnhlaysmy smyxarekhxikhlksnarupthrngthisakhythisudkhxngpratimakrrmsmyxarekhxikhkhux Kouros thiepnpratimakrrmchayyunepluxyechn pratimakrxarekhxikhkrikedimidrbxiththiphlcakpratimakrrmkhxngxiyipt pratimakrrmkriksmyaerkduaethbcakhlaykbnganpratimakrrmxiyiptaebbchnbth aetsingthiaetktangcakkhxngxiyiptkhuxtngaetaerkkhuxthaepnpratimakrrmkhxngchayngankhxngkrikcaepnchayepluxy sungcaimpraktinngankhxngxiyiptimwacainsmyid nxkipcakphaphkhxngechlysuk aetthaepnpratimakrrmstriyngkhngswmesuxphaxyu inchwngnikarennkhwamepnthrrmchatikhxngsrirkhxngkradukaelaklamenuxtxmayngimprakt thicasngektidcakraylaexiydinbriewnhwekhaaelakhxtxthisakhy raylaexiydbangxyangduehmuxncaepnraylaexiydthiepnlksnakarsrangnganaebbthiekhythaknma aelakarwangthahruxkarekhluxnihwkyngimduepnthrrmchati aetpratimakrrmsmyxarekhxikhkkhxyphthnakhunmaepnlksnathieriykwa lksnakhlassik thierimcaaesdngihehnkhwamruthangethkhnikhaelakhwamchanaythiephimmakkhun khurxsxnawissxs Kouros Anavissos silpinimthrabnam raw 530 pikxnkhristskrach Treasury of Syphnos silpinimthrabnam raw 525 pikxnkhristskrach nkrbothrcnsinic Fallen Trojan warrior echuxwasrangody hrux pratimakrintrakulsmykhlassikswnhnungkhxng smykhlassikepnsmythilksnakhxngthngrupthrngaelakarichsxykhxngpratimakrrmerimepliynaeplngipcakedim karwangthaephimkhwamepnthrrmchatimakkhun echnthiehninpratimakrrm Charioteer of Delphi aelakhwamechiywchaythangethkhnikhkhxngpratimakrkrikinkarsrangrupthrngkhxngrangkaykhxngmnusyinkarwangthatang thiephimkhun raw 500 kxnkhristskrachpratimakrrmkerimcaepnrupaebbkhxngmnusyedindin echnpratimakrrmkhxng phaph Harmodius and Aristogeiton thitngxyuinkrungexethnsthiepnpratimakrrmkhxngchaysxngkhnphuthakarokhnthrchnkhxngiphsisthraths hipparkhs phuklaymaepnsylksnkhxngkartxsuephuxprachathipity pratimakrrmchinnicungthuxwaepnxnusawriysahrbsatharnchnkhxngbukhkhlcringxnusawriyaerkinprawtisastr emuxsilpinkrikerimeriynruekiywkbkaywiphakhaelakarekhluxnihwkhxngrangkay kphbwamnusythiyngmichiwitxyumkca yaynahnk weight shift hruxepn Contrapposto emuxyun pratimakrrmkrikchinaerkthiepnthatriphngkhkhuxpratimakrrmchinthimichuxesiyngchux phaph Kritios Boy thisrangmatngaetraw 480 kxnkhristskrach imnankklaymaepnxngkhprakxbhrux kd Canon xnsakhyinkarsrangnganpratimakrrm Doryphoros hrux khnthuxhxk thiichkarwangthatriphngkhxyangmiphlngepnxnmakkhxngkarsrangkhwamsmdulepnxyangdirahwangaekhnkhathiyunaelaaekhnkhathiekhluxnihw pratimakrrmswnihykhxngyukhnisrangkhunephuxaesdngkarsanukbuykhunaedethphecaphuthrngchwynakhwamsaercmaih ephuxchwyihnaochkhlaphthicatammainxnakht aela ephuxihethphecathrabwayngkhngmikhwamekharphxyu ethwsthankhxngkrikinyukhnitangksrangkhunephuxepnthitngkhxngrupskkarakhnadihyehlani chawkrikechuxwakartngethwsthanthiskdisiththiiw n thiidkcathakhwamphungphxicihaekethpheca n thinn ethphecakrikepnethphecathimacaktananxnluklbthimirakthanmacakeruxngrawkhxngmnusycringsungthaihepneruxngrawphsmphsanrahwangmnusy ethphthibangkhrngaethbcaaeykimxxk channkarsrangpratimakrrmthiehmuxnkhncringcungekidkhunid pratimakrrmswnihythisrangkhunsamarthekhaicidwaepnpratimakrrmthiepnsylksnkhxngtananethph twaethn archetype hrux wtthuprasngkhkhxngchiwit rahwangsmykhlassikpratimakrmiidcaephiyngaetcasrangngansahrbethwsthanethann aetyngsrangngansahrbthiekbsphephuxepnkarsdudiphuthiepnthirkphuthiesiychiwitipaelw pratimakrrmpraephthhlngnimkcawangthathisbay nkkilaphuprasbkhwamsaerc hrux khrxbkhrwphumithanamngkhngkmkcacangihsrangpratimakrrmkhxngtnexngsahrbethwsthanephuxepnkaraesdngkarskkaratxethpheca instwrrsthi 5 kxnkhristskrachphaphehmuxnkerimmikhwamniymknmakkhun ruppnkhrungtwkhxngnayphl nkprchya aela phunathangkaremuxngkerimpraktihehnknbang nganthimikhunphaphsungkhxngkrikepnthisnickhxngchawxitali aelamixiththiphltxthngngansilpakhxngaelatxmaormnobran khwamtuntatunictxngansilpakrikkhxngormnmikhwamsakhyimaetephiyngkarthaythxdsilpaihaekwthnthrrmxikwthnthrrmhnungaetyngepnkar txxayu khxngpratimakrrmkrikxikdwy ephraapratimakrrmkrikthiyngmiehluxihehnswnihyaelwepnngankxppikhxngngantnchbbkhxngpratimakrrmsmridkhxngkrik ephraasmridepnolhamikhangansmridedimswnihytangkthukhlxmip ngansmridkhxngaeththaphbkcaphbxyuknthaelkberuxaetk aetpratimakrrmkrikmikaraekaslkhinxxn aelanganpratimakrrmkrikkhlassikthithadwyhinxxnyngkhngmihlngehluxxyuihehn echn hrux thiyngtngxyuinsthanthithitidtngiwaetedimmacnkrathngtnkhriststwrrsthi 19 kxnthicathukkhnyayipyngshrachxanackr aelapratimakrrmaekahinxxnkhxngkrikthiynghlngehluxxyuswnihyaelwcaepnswnhnungkhxngsthaptykrrm hlxthi mxsok aephris hrux ephxresiys rabuwaody cakeruxaetk Atikythera raw 340 330 kxn kh s phiphithphnthobrankhdiaehngchatiaehngexethns idoxnisxsexn hxngngankhxng cakcwtawnxxkkhxng wiharpharethnxn raw 447 433 kxn kh s phiphithphnthbritich aexfrxidthibraskhi ngankxppi stwrrsthi 1 kxn kh s cakrupskkara inkhnids aebb aexfrxidthiaehngkhnids raw 350 340 kxn kh s Glyptothek miwniksmyehelnnistikhkhwamepliynaeplngcakpratimakrrmkhlassikipepnpratimakrrmehelnnistikhekidkhunrahwangkhriststwrrsthi 4 nganpratimakrrminchwngniephimkhwamepnthrrmchatiyingkhunipxik hwkhxkhxngnganthisrangkkhyayipkhrxbkhlumbukhkhlthrrmda stri edk stw aela chakinban thicangodykhrxbkhrwthimithanadiephuxichinkartkaetngthixyuxasyaelaswn pratimakrrmehmuxnkhxngchayaelahyingthukwykerimsrangknkhunaelapratimakrkmixisraphxthisrangnganthiimcaepntxngmilksnathimirangkayhruxkhwamngamthiphrxmsrrphxyangxudmkhti pratimakrrmchaykrikswnihycawangthayunexiyngsaophkipkhanghnung emuxyuninthaniaelwkcaichklamenuxmakkhunephuxtxngkarthicaaesdngsrirathimikhwamiklekhiyngkbkhwamngamkhxngethpheca elxaokhxnaelabutr rabuwaody phliniphuxawuoswaody ngankxppicakngantnchbbkhxngehelnnistikh raw 200 kxn kh s phiphithphnthwatikn raw 220 190 kxn kh s phiphithphnthlufr Nereus Doris a giant Oceanus cak ngankxppicakngantnchbbkhxngehelnnistikh rawstwrrsthi 2 kxn kh s phiphithphnthephxrkamxn ebxrlin luodwisi kxlaelaphrrya ngankxppicakngantnchbbkhxngehelnnistikh cakxnusawriythisrangsahrbxttalsthi 1 aehngephxrkamxnhlngcakthiidrbchychnatxkxl raw 220 pikxn kh s ormsmyormnpratimakrrmormnerimkhundwykarkxppinganpratimakrrmkhxngkrik aettxmakphthnakhunepnruplksnthiennkhwamepnexklksnkhxngphuepnaebb thiehnidcakpratimakrrmphaphehmuxnkhxngckrphrrdiormnhlayphraxngkh rupslkkhrungtwkhxng ckrphrrdiehedriyn raw kh s 117 138 Palazzo Massimo alle Terme rupslkkhrungtwkhxng ehxrkhiwlis khriststwrrsthi 1 phaphehmuxnstri raw kh s 170 180 Museo Chiaramonti pratimakrrmnunbn epnchakkartxsurahwang thharormnaelaeyxrmn raw kh s 180 190 Museo Chiaramonti raylaexiydpratimakrrmnun epnekliywrxbesabn khxlmnmarkhs xxerlixs epnchakkartxsuin raw kh s 193 krungormxiththiphl xxkstsaehngphrimaphxrta pratimakrrmaekaslkhinxxnkhxngckrphrrdixxksts sisar khriststwrrsthi 1 phiphithphnthwatikn pratimakrrmkrik ormnmixiththiphltxsilpatawntkxyangluksung inkarwangrakthankhxngaenwonminkarsrangngansilpainechingscniym khwamkhngthnkhxngngansilpathitkkhangmaihkhnrunhlngihehnthaihklayepnaehlngkhxmulkhxngsilpinkhxnghlaywthnthrrmhlaysmytxmathnginyuorpaelainexechiy aela inpccubnthngolk khnathisilpakhlassikkhxyldkhwamniymknipinyuorphlngcakkarlmslaykhxngckrwrrdiormninpi kh s 476 aelw ngansilpakhlassikkhnklbmaepnthiniymknxikkhrnghnungxyangcringcngemuxtnyukhfunfusilpwithyaxitali bukhkhlthimibthbathsakhyinkarruxfunkhwamniyminsilpakhlassikknkhunxikkhrngkhuxodnaethlol pratimakrphuxunechnimekhil aexnecolksrangnganpratimakrrmthixaccathuxknwaepnngansilpakhlassik silpakhlassiksmyihmtrngknkhamkbsilpakhlassikkhxngkhriststwrrsthi 19 trngkarennkhwamepnthrrmchati echninnganpratimakrrmody Antoine Louis Barye hrux khwamepnnatkrrminngankhxng Francois Rude hruxnganechingxarmninngankhxng Jean Baptiste Carpeaux hrux echingoxxwdxlngkarinngankhxng Frederic Leighton 1st Baron Leighton emuxmathungtnkhriststwrrsthi 20 pratimakrrmkhlassikkaeykxxkepnhlaysakha aetkarsuksacakaebbthimichiwitaelakarsuksaaebbhlngyukhfunfusilpwithyakyngkhngepnrakthanthiptibtiknxyuxangxingmalichtr exuxxannth phcnanukrmsphthsilpa sankphimphaehngculalngkrnmhawithyaly ph s 2545 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2017 07 15 subkhnemux 2010 01 21 duephimaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb pratimakrrmkhlassik Gallery Gods in Greco Roman Sculpture 2009 12 26 thi ewyaebkaemchchin Giust Gallery Classical Sculpture Replicas