ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
เลออโคออนและบุตร (อังกฤษ: Laocoön and His Sons) หรือ กลุ่มเลออโคออน (Laocoön Group) เป็นประติมากรรมหินอ่อนขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วาติกันในนครรัฐวาติกันในประเทศอิตาลี
งานประติมากรรม | ||
---|---|---|
เลออโคออนและบุตร | ||
ไม่ทราบนามศิลปิน | ||
ประติมากรรมหินอ่อน | ||
ก่อนคริสต์ศักราช | ||
พิพิธภัณฑ์วาติกัน, นครรัฐวาติกัน, อิตาลี | ||
นักประพันธ์และนักปรัชญาพลินิผู้อาวุโสกล่าวว่าเป็นงานที่อาจจะสร้างโดยประติมากรสามคนจากเกาะโรดส์: (Agesander of Rhodes), (Athenodoros) หรือ (Polydorus) ประติมากรรมชิ้นนี้เป็นภาพของนักบวชโทรจันเลออโคออนและบุตรอันทิฟานทีส (Antiphantes) และ ไทม์บราเอียส (Thymbraeus) ถูกกำลังถูกรัดโดยงูทะเล
ประวัติ
เรื่องราวของเลออโคออนเป็นหัวเรื่องของบทละครโดย (Sophocles) ที่ปัจจุบันสูญหายไปแล้ว และกล่าวถึงโดยนักเขียนกรีกคนอื่นๆ ที่กล่าวว่าเลออโคออนถูกสังหารหลังจากที่พยายามเปิดเผยอุบายของม้าโทรจันที่ฝ่ายกรีกส่งเข้ามาในทรอยโดยการพุ่งด้วยหอก อพอลโลหรือโพไซดอนจึงส่งงูทะเลสองตัวมาสังหารเลออโคออนและบุตร ซึ่งทำให้ฝ่ายโทรจันตีความหมายว่าม้าโทรจันเป็นม้าศักดิ์สิทธิ์ เหตุการณ์นี้บรรยายโดยเวอร์จิลใน "" (Aeneid) แต่อาจจะเป็นคำบรรยายที่เขียนหลังจากประติมากรรมชิ้นนี้สร้างเสร็จแล้วก็เป็นได้
เวลาที่สร้างก็สันนิษฐานกันว่าอาจจะประมาณระหว่างราว 160 ปีไปจนถึงราว 20 ปีก่อนคริสต์ศักราช คำจารึกที่พบที่ (Lindos) ในโรดส์กล่าวถึง และ ในช่วง 42 ปีก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งทำให้ช่วงเวลาระหว่าง 42 ถึง 20 ปีก่อนคริสต์ศักราชเป็นช่วงเวลาที่มีเหตุผลที่สุดสำหรับเวลาที่ใช้ในการสร้างงานชิ้นนี้ อีกข้อหนึ่งที่ยังไม่ทราบกันคือไม่ทราบว่าเป็นงานต้นฉบับหรือเป็นงานก็อปปีจากงานต้นฉบับที่สร้างก่อนหน้านั้น มีผู้เสนอว่าประติมากรทั้งสามคนที่กล่าวเป็นนักก็อปปีผู้อาจจะก็อปปีจากประติมากรรมสัมริดจาก (Pergamon) ที่สร้างราว 200 ก่อนคริสต์ศักราช ในหนังสือ "Natural History" (XXXVI, 37) พลินิกล่าวว่าเป็นประติมากรรมที่ตั้งอยู่ที่พระราชวังของจักรพรรดิไททัส และอ้างต่อไปอีกว่าเป็นงานที่แกะสลักจากหินอ่อนก้อนเดียว แต่ต่อมาพบว่าเป็นงานที่แกะสลักจากหินอ่อนเจ็ดก้อนที่ผสานกันอย่างแนบเนียน.
ประติมากรรมชิ้นนี้อาจจะเป็นงานต้นฉบับที่ถูกสั่งให้ทำสำหรับบ้านของชาวโรมันผู้มั่งคั่งที่หายไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่มาพบอีกครั้งในปี ค.ศ. 1506 ไม่ไกลจาก (Domus Aurea) ของจักรพรรดิเนโรผู้ครองจักรวรรดิโรมันระหว่างปี ค.ศ. 54 ถึงปี ค.ศ. 68 อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นงานที่เป็นของพระองค์เอง เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ผู้เป็นนักสะสมงานศิลปะกรีกโรมันตัวยงได้งานชิ้นนี้มาเป็นเจ้าของ พระองค์ก็ได้นำไปตั้งไว้ที่สวนเบลเวเดียร์ในวังวาติกันที่ในปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์วาติกัน ในปี ค.ศ. 2005 ลินน์ แค็ทเทอร์สันเสนอว่าเป็นงานปลอมที่แกะสลักโดยไมเคิล แอนเจโล แต่ริชาร์ด บริลเลียนท์ผู้ประพันธ์ "เลออโคออนของฉัน" ค้านว่าข้อเสนอนี้ "ไม่มีมูลใดใดทั้งสิ้น"
การบูรณปฏิสังขรณ์
เมื่อพบประติมากรรมชิ้นนี้ถูกขุดพบ บางส่วนก็หายไปบ้างเช่นแขนขวาของเลออโคออน และมือและแขนของลูก นักนิยมศิลปะต่างก็ถกเถียงกันถึงรูปทรงที่ควรจะเป็นของส่วนที่หายไป ไมเคิล แอนเจโลเสนอว่าแขนที่หายไปเป็นท่าที่เอี้ยวข้ามไหล่ไปทางข้างหลัง แต่ผู้อื่นเชื่อว่าควรจะยื่นขึ้นไปเหนือศีรษะอย่างแสดงความเป็นวีรบุรุษ พระสันตะปาปาจูเลียสจึงทรงจัดให้มีการแข่งขันกันอย่างลำลองในการสร้างแขนใหม่โดยมีราฟาเอลเป็นผู้ตัดสิน ฝ่ายที่ชนะคือฝ่ายที่อ้างว่าเป็นแขนที่เหยียดขึ้นไป แขนใหม่ในรูปนี้จึงได้รับการต่อเติม
ในปี ค.ศ. 1906 นักโบราณคดี, นักค้าขายศิลปะ และผู้อำนายการพิพิธภัณฑ์บาร์รัคโค (Ludwig Pollak) พบแขนหินอ่อนในลานการก่อสร้างในกรุงโรม เมื่อสังเกตเห็นความคล้ายคลึงของสิ่งที่พบกับประติมากรรมเลออโคออน พอลลัคก็นำไปให้พิพิธภัณฑ์วาติกัน แต่พิพิธภัณฑ์นำไปเก็บทิ้งไว้ในห้องเก็บของอยู่ราวห้าสิบ จนในคริสต์ทศวรรษ 1950 ทางพิพิธภัณฑ์ก็ตัดสินใจว่าแขนที่พบนี้—ที่เอี้ยวไปทางข้างหลังเช่นที่ไมเคิล แอนเจโลเสนอ—เป็นส่วนหนึ่งของประติมากรรมเลออโคออน ส่วนที่ได้รับการต่อเติมก็ถูกถอดออกและแทนที่ด้วยแขนที่พบใหม่ ส่วนมือและแขนของลูกที่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ก็ถูกถอดออก จากการสังเกตองค์ประกอบต่างๆ ระหว่างการบูรณปฏิสังขรณ์ ผู้ทำการก็พบว่าทรงเดิมของกลุ่มประติมากรรมนี้เป็นทรงที่แน่นหรือบีบตัวกว่าส่วนที่มาขยายให้โปร่งขึ้นโดยการซ่อมแซมในภายหลัง ลักษณะที่เปิดกว้างออกไปที่เห็นกันอย่างคุ้นเคยเป็นผลมาจากการบูรณปฏิสังขรณ์มาตั้งแต่สมัยโรมันจนมาถึงสมัยยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา
งานชิ้นนี้ได้รับการเลียนแบบหลายครั้งรวมทั้งชิ้นที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปที่ (Palace of the Grand Master of the Knights of Rhodes) ของอัศวินเซนต์จอห์นที่โรดส์ งานก็อปปีหลายชิ้นยังเป็นงานที่เป็นแขนยืดขึ้นไปเหนือศีรษะ แต่งานก็อปปีที่วังแกรนด์มาสเตอร์ได้รับการแก้ไขให้เป็นแขนเอี้ยวไปข้างหลังแล้ว
อิทธิพล
การพบประติมากรรม "เลออโคออนและบุตร" สร้างความประทับใจและมีผลต่อประติมากรชาวอิตาลี และมีอิทธิพลต่อการวิวัฒนาการงานศิลปะในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลี กล่าวกันว่าไมเคิล แอนเจโลมีความประทับใจในขนาดและความยั่วยวนของงานประติมากรรมของกรีกเป็นอันมาก โดยเฉพาะการแกะสลักร่างกายของชาย อิทธิพลของ "เลออโคออน" จะเห็นได้ชัดในงานประติมากรรมหลายชิ้นที่สร้างโดยไมเคิล แอนเจโลในตอนปลายเช่น "ทาสปฏิวัติ" (Rebellious Slave) หรือ "ทาสใกล้ตาย" (Dying Slave) ที่สร้างสำหรับอนุสรณ์ผู้ตายของสมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2
(Gotthold Ephraim Lessing) เขียนบทความศึกษางานประติมากรรมชิ้นนี้ในบทความ "เลออโคออน" ที่กล่าวถึงการเสียชีวิตอย่างวีรบุรุษในหัวข้องหนึ่ง บทความ "เลออโคออน" ถือกันว่าเป็นงานเขียนวิจารณ์ศิลปะหนึ่งในบรรดางานเขียนประเภทนี้เป็นครั้งแรก
สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 10 ทรงจ้างให้ประติมากรชาวฟลอเรนซ์บาร์โทโลเมโอ บันดิเนลลิ สร้างก็อปปีของงานชิ้นนี้ "เลออโคออน" ของบาดิเนลลิ (ที่ได้รับการก็อปปีหลายครั้ง) ปัจจุบันอยู่ที่หอศิลป์อุฟฟิซิ ส่วนงานชิ้นที่หล่อด้วยสำริดที่หล่อจากพิมพ์ที่สร้างจากงานต้นฉบับสำหรับพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศสเพื่อนำไปตั้งที่ในปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์
ทิเชียนสร้างงานล้อชิ้นหนึ่งที่เป็นภาพลิงสามตัวแทนที่จะเป็นมนุษย์ งานล้อนี้ตีความหมายกันว่าเป็นการเยาะเย้ยงานก็อปปีที่ไม่ถึงขั้นของบันดิเนลลิ แต่ก็มีผู้ค้านว่าเป็นงานที่สร้างขึ้นเพื่อโต้ตอบการโต้เถียงกันเกี่ยวกับความคล้ายคลึงของกายวิภาคระหว่างมนุษย์และลิง
ประติมากรรมชิ้นที่เป็นต้นฉบับถูกจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 นำกลับไปปารีสหลังจากที่ทรงพิชิตอิตาลีได้ในปี ค.ศ. 1799 และทรงนำไปตั้งไว้ที่พิพิธภัณฑ์นโปเลียนที่ลูฟร์ ที่กลายมาเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่องานศิลปะในฝรั่งเศสในสมัยฟื้นฟูคลาสสิก หลังจากที่จักรพรรดินโปเลียนสิ้นอำนาจแล้ว "เลออโคออน" ก็ถูกนำกลับไปยังวาติกันโดยฝ่ายอังกฤษในปี ค.ศ. 1816
เลออโคออนในปรัชญาศิลปะ
คำบรรยาย "เลออโคออน" ของพลินิที่ว่า "เป็นงานที่ควรจะเป็นที่ชื่นชมกว่างานใดใด ไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรมหรือประติมากรรมตั้งแต่ได้ที่ได้สร้างกันขึ้นมา" นำไปสู่การอภิปรายที่อ้างว่างานชิ้นนี้เป็นงานศิลปะที่ดีที่สุดในบรรดางานศิลปะทั้งหมดที่สร้างกันมา นักประวัติศาตร์ชาวเยอรมัน (Johann Joachim Winkelmann) เขียนถึงความขัดแย้งของการชื่นชมความงามขณะที่เป็นฉากของความตายและความหายนะ แต่ความเห็นที่มีอิทธิพลที่สุดคือความเห็นของ ในบทความ "เลออโคออน: บทความเกี่ยวกับความจำกัดของจิตรกรรมและร้อยกรอง" (Laocoon: An Essay on the Limits of Painting and Poetry) ที่พิจารณาถึงความแตกต่างระหว่างการสร้างศิลปะทางตาและการสร้างศิลปะทางวรรณกรรม โดยเปรียบเทียบประติมากรรม "เลออโคออน" กับ งานเขียนของเวอร์จิล เลสซิงกล่าวว่าศิลปินไม่อาจจะสร้างงานที่แสดงความทุกขทรมานทางกายอย่างเป็นจริงเป็นจังได้นอกไปจากว่าจะต้องสร้างให้มีความงามในตัว ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นภาพที่ทารุณจนเกินกว่าที่จะดูได้
แต่ปฏิกิริยาที่แตกต่างจากสิ่งอื่นใดที่เกี่ยวกับการอภิปรายของหัวข้อนี้คืองานของวิลเลียม เบลคที่เป็นภาพ "เลออโคออน"[1] พร้อมด้วยความเห็นที่เขียนเป็นกราฟฟิตีเป็นอักขระภาษาต่างๆ รอบทิศทางรอบภาพ ที่เป็นการแสดงทฤษฎีของเบลคที่ว่าการเลียนแบบศิลปะกรีกและโรมันเป็นสิ่งที่มีอันตรายต่อความสร้างสรรค์ทางศิลปะ และงานประติมากรรมของกรีกและโรมันเป็นสัญลักษณ์ของความงามที่ไม่น่าสนใจเท่าใดนักเมื่อเปรียบเทียบกับศิลปะจูเดโอ-คริสเตียน
"เลออโคออน" ในประติมากรรม "เลออโคออนและบุตร" มีอิทธิพลต่อตัวแบบอเมริกันอินเดียนในงานประติมากรรม "" (The Rescue) โดย (Horatio Greenough) ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของ (U.S. Capitol) มาเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว
ในตอนใกล้จะจบของหนังสือ "" (A Christmas Carol) โดยชาร์ลส์ ดิคเก้นส์ เอเบเนเซอร์ สครูจออกความเห็นกับตัวเองว่าทำตัวสมเป็น "เลออโคออน" ด้วยถุงเท้าถุงน่องของตัวเอง เพราะความรีบที่จะแต่งตัวจนพัวพันไปด้วยเสื้อผ้ารุงรังรอบตัว ซึ่งเป็นการอ้างอิงโดยตรงถึงประติมากรรมเลออโคออน
ในปี ค.ศ. 1910 นักวิจารณ์ตั้งชื่อบทความว่า "เลออโคออนใหม่: บทความเกี่ยวกับความสับสนของศิลปะ" (The New Laokoon: An Essay on the Confusion of the Arts) ที่เป็นบทความเกี่ยวกับวัฒนธรรมร่วมสมัยของต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ในปี ค.ศ. 1940 เขียนบทความ "ทางไปสู่เลออโคออนใหม่" ที่กรีนเบิร์กกล่าวว่าศิลปะนามธรรมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการวัดคุณค่าของงาน ชื่อเดียวกันนี้นำไปเป็นชื่องานแสดงศิลปะ 2008-12-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนที่ ในปี ค.ศ. 2007 ที่เป็นงานแสดงศิลปะที่แสดงงานของศิลปินสมัยใหม่ที่ได้รับอิทธิพลจากประติมากรรม "เลออโคออนและบุตร"
อ้างอิง
- William Smith, Dictionary of Greek and Roman Biography and Mythology, Taylor and Walton, 1846, p. 776.
- Stewart, Andrew W. (1996), "Hagesander, Athanodorus and Polydorus", in Hornblower, Simon, Oxford Classical Dictionary, Oxford: Oxford University Press.
- Richard Brilliant, My Laocoön - alternative claims in the interpretation of artworks, University of California Press, 2000, p.29
- Rose, Herbert Jennings (1996), "Laocoön", ใน Hornblower, Simon (บ.ก.), , Oxford:
- Catterson, Lynn, "Michelangelo's 'Laocoön?'" Artibus et historiae. 52 2005: 29
- An Ancient Masterpiece Or a Master's Forgery?, New York Times, April 18, 2005
- See Beard, Mary (2 February 2001), "Arms and the Man: The restoration and reinvention of classical sculpture", Times Literary Supplement. Beard, in fact, is highly sceptical of the identification, noting that ‘the new arm does not directly join with the father's broken shoulder (a wedge of plaster has had to be inserted); it appears to be on a smaller scale and in a slightly differently coloured marble’.
- Seymour Howard, "Laocoon Re-restored" American Journal of Archaeology 93.3 (July 1989, pp. 417-422), p. 422.
- (BANDINELLI, Baccio. Web Gallery of Art. Retrieved on March 27, 2009.
- H. W. Janson, "Titian's Laocoon Caricature and the Vesalian-Galenist Controversy", The Art Bulletin, Vol. 28, No. 1 (Mar., 1946), pp. 49-53
- Pliny The Laocoon in Antiquity 2008-09-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Institute of Design + Culture, Rome. Retrieved on March 27, 2009.
- Haskell, Francis, and Nicholas Penny, 1981. Taste and the Antique: The Lure of Classical Sculpture 1500-1900 (Yale University Press), cat. no. 52, pp. 243-47 (illustrated with the extended arm).
- Catterson, Lynn. "Michelangelo's 'Laocoön?'" Artibus et historiae. 52. 2005
ดูเพิ่ม
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
lingkkhamphasa inbthkhwamni miiwihphuxanaelaphurwmaekikhbthkhwamsuksaephimetimodysadwk enuxngcakwikiphiediyphasaithyyngimmibthkhwamdngklaw krann khwrribsrangepnbthkhwamodyerwthisud elxxokhxxnaelabutr xngkvs Laocoon and His Sons hrux klumelxxokhxxn Laocoon Group epnpratimakrrmhinxxnkhnadihythipccubntngaesdngxyuthiphiphithphnthwatikninnkhrrthwatikninpraethsxitalinganpratimakrrmelxxokhxxnaelabutrimthrabnamsilpinpratimakrrmhinxxnkxnkhristskrachphiphithphnthwatikn nkhrrthwatikn xitalipratimakrrmkrikobran nkpraphnthaelankprchyaphliniphuxawuosklawwaepnnganthixaccasrangodypratimakrsamkhncakekaaords Agesander of Rhodes Athenodoros hrux Polydorus pratimakrrmchinniepnphaphkhxngnkbwchothrcnelxxokhxxnaelabutrxnthifanthis Antiphantes aela ithmbraexiys Thymbraeus thukkalngthukrdodynguthaelprawtieruxngrawkhxngelxxokhxxnepnhweruxngkhxngbthlakhrody Sophocles thipccubnsuyhayipaelw aelaklawthungodynkekhiynkrikkhnxun thiklawwaelxxokhxxnthuksngharhlngcakthiphyayamepidephyxubaykhxngmaothrcnthifaykriksngekhamainthrxyodykarphungdwyhxk xphxlolhruxophisdxncungsngnguthaelsxngtwmasngharelxxokhxxnaelabutr sungthaihfayothrcntikhwamhmaywamaothrcnepnmaskdisiththi ehtukarnnibrryayodyewxrcilin Aeneid aetxaccaepnkhabrryaythiekhiynhlngcakpratimakrrmchinnisrangesrcaelwkepnid ewlathisrangksnnisthanknwaxaccapramanrahwangraw 160 piipcnthungraw 20 pikxnkhristskrach khacarukthiphbthi Lindos inordsklawthung aela inchwng 42 pikxnkhristskrach sungthaihchwngewlarahwang 42 thung 20 pikxnkhristskrachepnchwngewlathimiehtuphlthisudsahrbewlathiichinkarsrangnganchinni xikkhxhnungthiyngimthrabknkhuximthrabwaepnngantnchbbhruxepnngankxppicakngantnchbbthisrangkxnhnann miphuesnxwapratimakrthngsamkhnthiklawepnnkkxppiphuxaccakxppicakpratimakrrmsmridcak Pergamon thisrangraw 200 kxnkhristskrach inhnngsux Natural History XXXVI 37 phliniklawwaepnpratimakrrmthitngxyuthiphrarachwngkhxngckrphrrdiithths aelaxangtxipxikwaepnnganthiaekaslkcakhinxxnkxnediyw aettxmaphbwaepnnganthiaekaslkcakhinxxnecdkxnthiphsanknxyangaenbeniyn pratimakrrmchinnixaccaepnngantnchbbthithuksngihthasahrbbankhxngchawormnphumngkhngthihayipchwrayaewlahnung aetmaphbxikkhrnginpi kh s 1506 imiklcak Domus Aurea khxngckrphrrdienorphukhrxngckrwrrdiormnrahwangpi kh s 54 thungpi kh s 68 xaccaepnipidwaepnnganthiepnkhxngphraxngkhexng emuxsmedcphrasntapapacueliysthi 2 phuepnnksasmngansilpakrikormntwyngidnganchinnimaepnecakhxng phraxngkhkidnaiptngiwthiswneblewediyrinwngwatiknthiinpccubnepnswnhnungkhxngphiphithphnthwatikn inpi kh s 2005 linn aekhthethxrsnesnxwaepnnganplxmthiaekaslkodyimekhil aexnecol aetrichard brileliynthphupraphnth elxxokhxxnkhxngchn khanwakhxesnxni immimulididthngsin karburnptisngkhrndanhnakhxngpratimakrrmthiidrbkarburnakxnkhriststwrrsthi 20danhnakhxngpratimakrrminpccubndankhangthiehnaekhnbidipkhanghlng khwamchwyehlux odyohrachiox krinon elxxokhxxn ody exl ekror emuxphbpratimakrrmchinnithukkhudphb bangswnkhayipbangechnaekhnkhwakhxngelxxokhxxn aelamuxaelaaekhnkhxngluk nkniymsilpatangkthkethiyngknthungrupthrngthikhwrcaepnkhxngswnthihayip imekhil aexnecolesnxwaaekhnthihayipepnthathiexiywkhamihlipthangkhanghlng aetphuxunechuxwakhwrcayunkhunipehnuxsirsaxyangaesdngkhwamepnwirburus phrasntapapacueliyscungthrngcdihmikaraekhngkhnknxyanglalxnginkarsrangaekhnihmodymirafaexlepnphutdsin faythichnakhuxfaythixangwaepnaekhnthiehyiydkhunip aekhnihminrupnicungidrbkartxetim inpi kh s 1906 nkobrankhdi nkkhakhaysilpa aelaphuxanaykarphiphithphnthbarrkhokh Ludwig Pollak phbaekhnhinxxninlankarkxsranginkrungorm emuxsngektehnkhwamkhlaykhlungkhxngsingthiphbkbpratimakrrmelxxokhxxn phxllkhknaipihphiphithphnthwatikn aetphiphithphnthnaipekbthingiwinhxngekbkhxngxyurawhasib cninkhristthswrrs 1950 thangphiphithphnthktdsinicwaaekhnthiphbni thiexiywipthangkhanghlngechnthiimekhil aexnecolesnx epnswnhnungkhxngpratimakrrmelxxokhxxn swnthiidrbkartxetimkthukthxdxxkaelaaethnthidwyaekhnthiphbihm swnmuxaelaaekhnkhxnglukthiidrbkarburnptisngkhrnkthukthxdxxk cakkarsngektxngkhprakxbtang rahwangkarburnptisngkhrn phuthakarkphbwathrngedimkhxngklumpratimakrrmniepnthrngthiaennhruxbibtwkwaswnthimakhyayihoprngkhunodykarsxmaesminphayhlng lksnathiepidkwangxxkipthiehnknxyangkhunekhyepnphlmacakkarburnptisngkhrnmatngaetsmyormncnmathungsmyyukhfunfusilpwithya nganchinniidrbkareliynaebbhlaykhrngrwmthngchinthiepnthiruckknodythwipthi Palace of the Grand Master of the Knights of Rhodes khxngxswinesntcxhnthiords ngankxppihlaychinyngepnnganthiepnaekhnyudkhunipehnuxsirsa aetngankxppithiwngaekrndmasetxridrbkaraekikhihepnaekhnexiywipkhanghlngaelwxiththiphlkarphbpratimakrrm elxxokhxxnaelabutr srangkhwamprathbicaelamiphltxpratimakrchawxitali aelamixiththiphltxkarwiwthnakarngansilpainyukhfunfusilpwithyaxitali klawknwaimekhil aexnecolmikhwamprathbicinkhnadaelakhwamywywnkhxngnganpratimakrrmkhxngkrikepnxnmak odyechphaakaraekaslkrangkaykhxngchay xiththiphlkhxng elxxokhxxn caehnidchdinnganpratimakrrmhlaychinthisrangodyimekhil aexnecolintxnplayechn thasptiwti Rebellious Slave hrux thasikltay Dying Slave thisrangsahrbxnusrnphutaykhxngsmedcphrasntapapacueliysthi 2 Gotthold Ephraim Lessing ekhiynbthkhwamsuksanganpratimakrrmchinniinbthkhwam elxxokhxxn thiklawthungkaresiychiwitxyangwirburusinhwkhxnghnung bthkhwam elxxokhxxn thuxknwaepnnganekhiynwicarnsilpahnunginbrrdanganekhiynpraephthniepnkhrngaerk smedcphrasntapapalioxthi 10 thrngcangihpratimakrchawflxernsbarotholemox bndienlli srangkxppikhxngnganchinni elxxokhxxn khxngbadienlli thiidrbkarkxppihlaykhrng pccubnxyuthihxsilpxuffisi swnnganchinthihlxdwysaridthihlxcakphimphthisrangcakngantnchbbsahrbphraecafrxngswsthi 1 aehngfrngessephuxnaiptngthiinpccubnxyuthiphiphithphnthlufr thiechiynsrangnganlxchinhnungthiepnphaphlingsamtwaethnthicaepnmnusy nganlxnitikhwamhmayknwaepnkareyaaeyyngankxppithiimthungkhnkhxngbndienlli aetkmiphukhanwaepnnganthisrangkhunephuxottxbkarotethiyngknekiywkbkhwamkhlaykhlungkhxngkaywiphakhrahwangmnusyaelaling pratimakrrmchinthiepntnchbbthukckrphrrdinopeliynthi 1 naklbipparishlngcakthithrngphichitxitaliidinpi kh s 1799 aelathrngnaiptngiwthiphiphithphnthnopeliynthilufr thiklaymaepnsingthimixiththiphltxngansilpainfrngessinsmyfunfukhlassik hlngcakthickrphrrdinopeliynsinxanacaelw elxxokhxxn kthuknaklbipyngwatiknodyfayxngkvsinpi kh s 1816elxxokhxxninprchyasilpakhabrryay elxxokhxxn khxngphlinithiwa epnnganthikhwrcaepnthichunchmkwanganidid imwacaepnngancitrkrrmhruxpratimakrrmtngaetidthiidsrangknkhunma naipsukarxphipraythixangwanganchinniepnngansilpathidithisudinbrrdangansilpathnghmdthisrangknma nkprawtisatrchaweyxrmn Johann Joachim Winkelmann ekhiynthungkhwamkhdaeyngkhxngkarchunchmkhwamngamkhnathiepnchakkhxngkhwamtayaelakhwamhayna aetkhwamehnthimixiththiphlthisudkhuxkhwamehnkhxng inbthkhwam elxxokhxxn bthkhwamekiywkbkhwamcakdkhxngcitrkrrmaelarxykrxng Laocoon An Essay on the Limits of Painting and Poetry thiphicarnathungkhwamaetktangrahwangkarsrangsilpathangtaaelakarsrangsilpathangwrrnkrrm odyepriybethiybpratimakrrm elxxokhxxn kb nganekhiynkhxngewxrcil elssingklawwasilpinimxaccasrangnganthiaesdngkhwamthukkhthrmanthangkayxyangepncringepncngidnxkipcakwacatxngsrangihmikhwamngamintw imechnnnkcaepnphaphthitharuncnekinkwathicaduid aetptikiriyathiaetktangcaksingxunidthiekiywkbkarxphipraykhxnghwkhxnikhuxngankhxngwileliym eblkhthiepnphaph elxxokhxxn 1 phrxmdwykhwamehnthiekhiynepnkraffitiepnxkkhraphasatang rxbthisthangrxbphaph thiepnkaraesdngthvsdikhxngeblkhthiwakareliynaebbsilpakrikaelaormnepnsingthimixntraytxkhwamsrangsrrkhthangsilpa aelanganpratimakrrmkhxngkrikaelaormnepnsylksnkhxngkhwamngamthiimnasnicethaidnkemuxepriybethiybkbsilpacuedox khrisetiyn elxxokhxxn inpratimakrrm elxxokhxxnaelabutr mixiththiphltxtwaebbxemriknxinediyninnganpratimakrrm The Rescue ody Horatio Greenough thitngxyudanhnakhxng U S Capitol maepnewlakwahnungrxypiaelw intxniklcacbkhxnghnngsux A Christmas Carol odycharls dikhekns exebenesxr skhrucxxkkhwamehnkbtwexngwathatwsmepn elxxokhxxn dwythungethathungnxngkhxngtwexng ephraakhwamribthicaaetngtwcnphwphnipdwyesuxpharungrngrxbtw sungepnkarxangxingodytrngthungpratimakrrmelxxokhxxn inpi kh s 1910 nkwicarntngchuxbthkhwamwa elxxokhxxnihm bthkhwamekiywkbkhwamsbsnkhxngsilpa The New Laokoon An Essay on the Confusion of the Arts thiepnbthkhwamekiywkbwthnthrrmrwmsmykhxngtnkhriststwrrsthi 20 inpi kh s 1940 ekhiynbthkhwam thangipsuelxxokhxxnihm thikrinebirkklawwasilpanamthrrmepnsingthidithisudinkarwdkhunkhakhxngngan chuxediywknninaipepnchuxnganaesdngsilpa 2008 12 16 thi ewyaebkaemchchinthi inpi kh s 2007 thiepnnganaesdngsilpathiaesdngngankhxngsilpinsmyihmthiidrbxiththiphlcakpratimakrrm elxxokhxxnaelabutr xangxingWilliam Smith Dictionary of Greek and Roman Biography and Mythology Taylor and Walton 1846 p 776 Stewart Andrew W 1996 Hagesander Athanodorus and Polydorus in Hornblower Simon Oxford Classical Dictionary Oxford Oxford University Press Richard Brilliant My Laocoon alternative claims in the interpretation of artworks University of California Press 2000 p 29 Rose Herbert Jennings 1996 Laocoon in Hornblower Simon b k Oxford Catterson Lynn Michelangelo s Laocoon Artibus et historiae 52 2005 29 An Ancient Masterpiece Or a Master s Forgery New York Times April 18 2005 See Beard Mary 2 February 2001 Arms and the Man The restoration and reinvention of classical sculpture Times Literary Supplement Beard in fact is highly sceptical of the identification noting that the new arm does not directly join with the father s broken shoulder a wedge of plaster has had to be inserted it appears to be on a smaller scale and in a slightly differently coloured marble Seymour Howard Laocoon Re restored American Journal of Archaeology 93 3 July 1989 pp 417 422 p 422 BANDINELLI Baccio Web Gallery of Art Retrieved on March 27 2009 H W Janson Titian s Laocoon Caricature and the Vesalian Galenist Controversy The Art Bulletin Vol 28 No 1 Mar 1946 pp 49 53 Pliny The Laocoon in Antiquity 2008 09 08 thi ewyaebkaemchchin Institute of Design Culture Rome Retrieved on March 27 2009 Haskell Francis and Nicholas Penny 1981 Taste and the Antique The Lure of Classical Sculpture 1500 1900 Yale University Press cat no 52 pp 243 47 illustrated with the extended arm Catterson Lynn Michelangelo s Laocoon Artibus et historiae 52 2005duephimpratimakrrm elxxokhxxn sngkhramemuxngthrxy