นักองค์ศิริวงษ์, พระองค์เจ้าศิริวงษ์ หรือ นักพระองค์ศิริวงศ์ (พระนามเดิม พระองค์เจ้าจอจแรด; ประสูติ พ.ศ. 2385 ถึง 2387 – สิ้นพระชนม์ ไม่มีข้อมูล) เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี ประสูติแต่พระแม่นางผลทิพย์สุวรรณ (เขียว) เป็นพระอนุชาต่างพระชนนีของพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร และพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ ต่อมานักองค์ศิริวงษ์เข้าฝ่ายกับนักองค์วัตถา ก่อกบฏแย่งชิงราชบัลลังก์พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร
นักองค์ศิริวงษ์ | |
---|---|
ประสูติ | ช่วง พ.ศ. 2385–2387 |
ราชวงศ์ | ตรอซ็อกผแอม |
พระบิดา | สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี |
พระมารดา | พระแม่นางผลทิพย์สุวรรณ (เขียว) |
พระประวัติ
พระชนม์ชีพช่วงต้น
นักองค์ศิริวงษ์ มีพระนามเดิมว่า จอจแรด เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี ประสูติแต่พระแม่นางผลทิพย์สุวรรณ (เขียว) เข้าพระราชพิธีเกศากันต์เมื่อเดือนสี่ ปีมะโรงอัฐศก จ.ศ 1218 ตรงกับ พ.ศ. 2399 สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดีพระราชทานพระนามใหม่ว่า "ศิริวงษ์"
นักองค์วัตถาถูกส่งตัวกลับไปปฏิบัติราชการในกรุงกัมพูชาก่อน พ.ศ. 2400 อันเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชานุญาตให้ นักองค์ราชาวดี เป็นที่พระมหาอุปราช และนักองค์ศรีสวัสดิ เป็นที่สมเด็จพระแก้วฟ้า กลับไปปฏิบัติราชการกรุงกัมพูชา และทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้ นักองค์ราชาวดีขึ้นเป็นที่สมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์ มหาอุปราช และนักองค์ศรีสวัสดิเป็นที่พระหริราชดนัยไกรแก้วฟ้า (เอกสารเขมรเรียก สมเด็จพระหริราชรัตไนไกรแก้วฟ้า) สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดีก็ส่งตัวนักองค์เจ้าวัตถาและนักองค์ศิริวงษ์ไปรับใช้ราชกิจของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่กรุงเทพมหานครแทน กระทั่งหลังการพิราลัยของสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดีเมื่อ พ.ศ. 2403 ด้วยโรคริดสีดวงทวารที่ประชวรมานานหลายเดือน นักองค์วัตถาได้เข้าร่วมพระราชพิธีพระบรมศพด้วย สมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์ มหาอุปราช ทรงปลูกพระตำหนักทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวังในอุดงฦๅไชยแก่นักองค์วัตถา นักองค์วัตถาขอให้พระองค์เจ้าศิริวงษ์ พระอนุชาต่างพระชนนีไปประทับที่พระตำหนักด้วยกัน
การก่อกบฏ
ครั้น พ.ศ. 2404 สนองโสร์ กรมการของเมืองบาพนมซึ่งเป็นพระมาตุลาหรือน้าชายของวัตถา เกลี้ยกล่อมชาวเมืองบาพนมเป็นพวกจำนวนมาก โดยยุยงให้ชาวเมืองกระด้างกระเดื่องต่อพระยาธรรมเดโชซึ่งเป็นเจ้าเมืองดังกล่าว ในเอกสารไทยระบุว่า สนองโสร์เห็นว่าสมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์นั้น "...ไม่โอบอ้อมอารีต่อพี่น้อง..." ก็คุมสมัครพรรคพวกก่อกบฏขึ้น สมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์จึงตรัสให้เอาตัวสนองโสร์ไปไต่สวน แต่สนองโสร์ไม่ยินยอม กลับไปพักพิงอยู่กับนักองค์วัตถาและศิริวงษ์แทน ซึ่งนักองค์วัตถาก็ออกตัวปกป้องสนองโสร์ พร้อมกับกล่าวว่า ตนรับใช้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้มาดูแลน้ำใจของเหล่าเจ้านายเขมรและขุนนางเขมรมิให้เอาใจออกหาก หากใครประพฤติผิดไปจากนี้ก็จะนำความกราบบังคมทูลให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบความประพฤติของเจ้านายและขุนนางเขมรทุกประการ หลังจากเหตุการณ์นั้น ทั้งนักองค์วัตถาและศิริวงษ์ก็มิได้เฝ้าแหนสมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์ตามเคย และทั้งสองพระองค์นี้ก็มิได้เสด็จออกไปร่วมพระราชพิธีพระบรมศพของพระชนกเลย ใน ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา ระบุว่าพระยาราชประสิทธิไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระมหาสังฆราช (เที่ยง สุวณฺณเกสโร) ที่วัดปราง เพื่อเชิญนักองค์วัตถาและศิริวงษ์เพื่อกราบทูลเจรจาเรื่องราวแต่ก็ล้มเหลว ในช่วงเวลาดังกล่าว นักองค์วัตถาได้แต่งตั้งให้สนองโสร์ ซึ่งเป็นพระมาตุลาขึ้นเป็นออกญามหาฤทธิรงค์ชาญไชย
พ.ศ. 2404 สมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์ ทรงให้ไพร่พลนำปืนไปยิงพระตำหนักนักองค์วัตถาและศิริวงษ์ เพื่อไล่ให้ตื่น จะได้หนีกลับไปยังกรุงเทพมหานครโดยเร็ว ฝ่ายออกญามหาฤทธิณรงค์ (โสร์) และออกญากำแหงโยธา (แก้ว) ก็พาสมัครพรรคพวกราว 40-50 คน ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กันไปมากับฝ่ายสมเด็จพระนโรดม จนฝ่ายของนักองค์วัตถาล้มตายไป 7-8 คน นักองค์วัตถาเห็นว่าสู้ไม่ได้จึงพาครอบครัว คือ นักขำ มารดา หม่อมดอกบัว ภรรยา และยายแก้ว พระอัยยิกา พร้อมด้วยบ่าวไพร่ ขี่ม้าหนีไปเมืองพระตะบอง ซึ่งเป็นเขตแดนของสยาม เพื่อมุ่งสู่กรุงเทพมหานครต่อไป พระบาทสมเด็จพระนโรดมตรัสให้ออกญาเสนาธิบดี (เล็ก) กับออกญาราชเดชะ (เอก) ยกไพร่พลไล่ตามพวกนักองค์วัตถาจนสุดเขตแดน แล้วให้จับพระแม่นางผลทิพย์สุวรรณ (เขียว) พระชนนีของพระองค์เจ้าศิริวงษ์ จำขังไว้ในพระราชวัง แม้ตัววัตถาและศิริวงษ์จะลี้ภัยไปกรุงเทพมหานครแล้ว แต่ออกญามหาฤทธิณรงค์ (โสร์) และออกญากำแหงโยธา (แก้ว) ยังปฏิบัติการอยู่ในเขมรต่อไป ด้วยประสงค์จะให้นักองค์วัตถาเสวยราชสมบัติสืบต่อไป เรื่องราวดังกล่าว ปรากฏอยู่ในพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปัทมราช ซึ่งทรงสนิทสนมกัน ความว่า
"...ราชการในกรุงเทพมหานครทุกวันนี้ มีแต่ด้วยเรื่องเมืองเขมร เกิดรบพุ่งยุ่งยิ่งกันมาก เปนเหตุด้วยบุตร์ชายหญิงขององค์สมเดจพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี ที่ถึงแก่พิราลัยนั้นนั้นไม่มีความสมัคสโมสรแก่กัน ต่างคนต่างจะชิงกันเปนเจ้าเมืองเขมรต่อไป แต่งพวกพ้องออกไปหัวเมืองเกลี้ยกล่อมคนเปนกองทัพแล้ว รบกันหลายแห่งหลายตำบล นักองค์วัถา นักองค์ศิริวงษ์ ๆ เปนผู้ก่อเหตุเดิม แล้วบัดนี้หนีเข้ามาอยู่ในกรุงเทพมหานคร องค์พระนโรดมพรหมบริรักษ์ มหาอุปราช กับพระยาเขมรก็อพยพครอบครัวหนีเข้ามาอยู่ที่เมืองพัตบอง เมืองอุดงมีไชย ยังอยู่แต่องค์พระหริราชดนัยไกรแก้วฟ้ากับเจ้าผู้หญิง บัดนี้ที่กรุงเทพมหานครได้แต่งให้พระยามุขมนตรี แลพระยาสีหราชฤทธิไกรยกออกไปทางบก โดยทางเมืองพัตบอง แลให้พระยาฤทธิไกรเกรียงหาญ กับพระ (ราช) เสนายกออกไปทางเรือ ขึ้นเมืองกำปอด เพื่อจะให้รงับการเมืองเขมรให้สงบ บัดนี้การเรื่องนั้นก็ยังไม่จบลง..."
ลี้ภัยในสยาม
หลังเสด็จลี้ภัยอยู่ในกรุงสยามพร้อมกับนักองค์วัตถา นักองค์ศิริวงษ์ได้ผนวชเป็นพระภิกษุ มีฉายาธรรมว่า "ปุวํโส" หม่อมราชวงศ์ศุภวัฒย์ เกษมศรี ระบุว่าในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวผนวชเป็นสามเณรเมื่อ พ.ศ. 2409 ทรงให้พระปุวํโส (นักองค์ศิริวงษ์) แปลศิลาจารึกที่เป็นภาษาเขมร
พงศาวลี
พงศาวลีของนักองค์ศิริวงษ์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- เรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์), พันตรี หลวง. ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2563, หน้า 283
- รำไพพรรณี พระบรมราชินี, สมเด็จพระนางเจ้า (2481). ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 71. พระนคร: กรุงเทพบรรณาคาร. p. 102.
- ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. "นิราสนครวัด (3. อยู่เมืองพนมเพ็ญครั้งแรก)". วชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 21 พฤษภาคม 2565.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - เรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์), พันตรี หลวง. ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2563, หน้า 297
- เรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์), พันตรี หลวง. ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2563, หน้า 291-292
- เรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์), พันตรี หลวง. ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2563, หน้า 294
- สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี (2505). ไทยสถาปนากษัตริย์เขมร (PDF). พระนคร: ธนะการพิมพ์จำกัด. p. 49.
- เรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์), พันตรี หลวง. ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2563, หน้า 300
- เรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์), พันตรี หลวง. ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2563, หน้า 301-302
- ทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2563, หน้า 249
- เรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์), พันตรี หลวง. ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2563, หน้า 303
- เรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์), พันตรี หลวง. ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2563, หน้า 305
- เรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์), พันตรี หลวง. ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2563, หน้า 306
- เทวะวงศ์วโรปการ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา (2465). พระราชหัดถเลขาในพระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมครั้งที่ 3 (PDF). พระนคร: โสภณพิพรรฒธนากร. p. 28.
- ประเสริฐ ณ นคร, ศาสตราจารย์ ดร. (2547). ประมวลข้อมูลเกี่ยวกับจารึกพ่อขุนรามคำแหง (PDF). กรุงเทพฯ: สำนักหอสมุดแห่งชาติ. p. 110-111.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
nkxngkhsiriwngs phraxngkhecasiriwngs hrux nkphraxngkhsiriwngs phranamedim phraxngkhecacxcaerd prasuti ph s 2385 thung 2387 sinphrachnm immikhxmul epnphrarachoxrsinsmedcphrahrirksrammhaxisrathibdi prasutiaetphraaemnangphlthiphysuwrrn ekhiyw epnphraxnuchatangphrachnnikhxngphrabathsmedcphranordm brmramethwawtar aelaphrabathsmedcphrasisuwtthi txmankxngkhsiriwngsekhafaykbnkxngkhwttha kxkbtaeyngchingrachbllngkphrabathsmedcphranordm brmramethwawtarnkxngkhsiriwngsprasutichwng ph s 2385 2387rachwngstrxsxkphaexmphrabidasmedcphrahrirksrammhaxisrathibdiphramardaphraaemnangphlthiphysuwrrn ekhiyw phraprawtiphrachnmchiphchwngtn nkxngkhsiriwngs miphranamedimwa cxcaerd epnphrarachoxrsinsmedcphrahrirksrammhaxisrathibdi prasutiaetphraaemnangphlthiphysuwrrn ekhiyw ekhaphrarachphithieksakntemuxeduxnsi pimaorngxthsk c s 1218 trngkb ph s 2399 smedcphrahrirksrammhaxisrathibdiphrarachthanphranamihmwa siriwngs nkxngkhwtthathuksngtwklbipptibtirachkarinkrungkmphuchakxn ph s 2400 xnepnpithiphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw miphrabrmrachanuyatih nkxngkhrachawdi epnthiphramhaxuprach aelankxngkhsriswsdi epnthismedcphraaekwfa klbipptibtirachkarkrungkmphucha aelathrngmiphrakrunaoprdekla sthapnaih nkxngkhrachawdikhunepnthismedcphranordm phrhmbrirks mhaxuprach aelankxngkhsriswsdiepnthiphrahrirachdnyikraekwfa exksarekhmreriyk smedcphrahrirachrtinikraekwfa smedcphrahrirksrammhaxisrathibdiksngtwnkxngkhecawtthaaelankxngkhsiriwngsiprbichrachkickhxngphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwthikrungethphmhankhraethn krathnghlngkarphiralykhxngsmedcphrahrirksrammhaxisrathibdiemux ph s 2403 dwyorkhridsidwngthwarthiprachwrmananhlayeduxn nkxngkhwtthaidekharwmphrarachphithiphrabrmsphdwy smedcphranordm phrhmbrirks mhaxuprach thrngplukphratahnkthangthistawnxxkechiyngehnuxkhxngphrarachwnginxudngliichyaeknkxngkhwttha nkxngkhwtthakhxihphraxngkhecasiriwngs phraxnuchatangphrachnniipprathbthiphratahnkdwykn karkxkbt khrn ph s 2404 snxngosr krmkarkhxngemuxngbaphnmsungepnphramatulahruxnachaykhxngwttha ekliyklxmchawemuxngbaphnmepnphwkcanwnmak odyyuyngihchawemuxngkradangkraeduxngtxphrayathrrmedochsungepnecaemuxngdngklaw inexksarithyrabuwa snxngosrehnwasmedcphranordm phrhmbrirksnn imoxbxxmxaritxphinxng kkhumsmkhrphrrkhphwkkxkbtkhun smedcphranordm phrhmbrirkscungtrsihexatwsnxngosripitswn aetsnxngosrimyinyxm klbipphkphingxyukbnkxngkhwtthaaelasiriwngsaethn sungnkxngkhwtthakxxktwpkpxngsnxngosr phrxmkbklawwa tnrbichphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwihmaduaelnaickhxngehlaecanayekhmraelakhunnangekhmrmiihexaicxxkhak hakikhrpraphvtiphidipcaknikcanakhwamkrabbngkhmthulihphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwthrngthrabkhwampraphvtikhxngecanayaelakhunnangekhmrthukprakar hlngcakehtukarnnn thngnkxngkhwtthaaelasiriwngskmiidefaaehnsmedcphranordm phrhmbrirkstamekhy aelathngsxngphraxngkhnikmiidesdcxxkiprwmphrarachphithiphrabrmsphkhxngphrachnkely in rachphngsawdarkrungkmphucha rabuwaphrayarachprasiththiipekhaefasmedcphramhasngkhrach ethiyng suwn neksor thiwdprang ephuxechiynkxngkhwtthaaelasiriwngsephuxkrabthulecrcaeruxngrawaetklmehlw inchwngewladngklaw nkxngkhwtthaidaetngtngihsnxngosr sungepnphramatulakhunepnxxkyamhavththirngkhchayichy ph s 2404 smedcphranordm phrhmbrirks thrngihiphrphlnapunipyingphratahnknkxngkhwtthaaelasiriwngs ephuxilihtun caidhniklbipyngkrungethphmhankhrodyerw fayxxkyamhavththinrngkh osr aelaxxkyakaaehngoytha aekw kphasmkhrphrrkhphwkraw 40 50 khn ichxawuthpunyingtxsuknipmakbfaysmedcphranordm cnfaykhxngnkxngkhwtthalmtayip 7 8 khn nkxngkhwtthaehnwasuimidcungphakhrxbkhrw khux nkkha marda hmxmdxkbw phrrya aelayayaekw phraxyyika phrxmdwybawiphr khimahniipemuxngphratabxng sungepnekhtaednkhxngsyam ephuxmungsukrungethphmhankhrtxip phrabathsmedcphranordmtrsihxxkyaesnathibdi elk kbxxkyarachedcha exk ykiphrphliltamphwknkxngkhwtthacnsudekhtaedn aelwihcbphraaemnangphlthiphysuwrrn ekhiyw phrachnnikhxngphraxngkhecasiriwngs cakhngiwinphrarachwng aemtwwtthaaelasiriwngscaliphyipkrungethphmhankhraelw aetxxkyamhavththinrngkh osr aelaxxkyakaaehngoytha aekw yngptibtikarxyuinekhmrtxip dwyprasngkhcaihnkxngkhwtthaeswyrachsmbtisubtxip eruxngrawdngklaw praktxyuinphrarachhtthelkhakhxngphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw thungphraecarachwrwngsethx phraxngkhecapthmrach sungthrngsnithsnmkn khwamwa rachkarinkrungethphmhankhrthukwnni miaetdwyeruxngemuxngekhmr ekidrbphungyungyingknmak epnehtudwybutrchayhyingkhxngxngkhsmedcphrahrirksrammhaxisrathibdi thithungaekphiralynnnnimmikhwamsmkhsomsraekkn tangkhntangcachingknepnecaemuxngekhmrtxip aetngphwkphxngxxkiphwemuxngekliyklxmkhnepnkxngthphaelw rbknhlayaehnghlaytabl nkxngkhwtha nkxngkhsiriwngs epnphukxehtuedim aelwbdnihniekhamaxyuinkrungethphmhankhr xngkhphranordmphrhmbrirks mhaxuprach kbphrayaekhmrkxphyphkhrxbkhrwhniekhamaxyuthiemuxngphtbxng emuxngxudngmiichy yngxyuaetxngkhphrahrirachdnyikraekwfakbecaphuhying bdnithikrungethphmhankhridaetngihphrayamukhmntri aelphrayasihrachvththiikrykxxkipthangbk odythangemuxngphtbxng aelihphrayavththiikrekriynghay kbphra rach esnaykxxkipthangerux khunemuxngkapxd ephuxcaihrngbkaremuxngekhmrihsngb bdnikareruxngnnkyngimcblng liphyinsyam hlngesdcliphyxyuinkrungsyamphrxmkbnkxngkhwttha nkxngkhsiriwngsidphnwchepnphraphiksu michayathrrmwa pu wos hmxmrachwngssuphwthy eksmsri rabuwainchwngthiphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwphnwchepnsamenremux ph s 2409 thrngihphrapu wos nkxngkhsiriwngs aeplsilacarukthiepnphasaekhmrphngsawliphngsawlikhxngnkxngkhsiriwngs 16 smedcphraxuithyracha nkxngkhosr 8 phranaraynracharamathibdi 17 smedcphramhakrastri nkxngkhepha 4 smedcphranaraynramathibdisrisurioyphrrn 9 nknangichy 2 smedcphrahrirksrammhaxisrathibdi 5 smedcphramihyika khtiyawngssiriesothwordm 1 nkxngkhwttha 3 phraaemnangphlthiphysuwrrn ekhiyw xangxingeruxngedchxnnt thxngdi thnrcht phntri hlwng rachphngsawdarkrungkmphucha krungethph ithykhwxlitibukhs 2006 2563 hna 283 raiphphrrni phrabrmrachini smedcphranangeca 2481 prachumphngsawdar phakhthi 71 phrankhr krungethphbrrnakhar p 102 darngrachanuphaph smedcphraecabrmwngsethx krmphraya nirasnkhrwd 3 xyuemuxngphnmephykhrngaerk wchiryan subkhnemux 21 phvsphakhm 2565 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help eruxngedchxnnt thxngdi thnrcht phntri hlwng rachphngsawdarkrungkmphucha krungethph ithykhwxlitibukhs 2006 2563 hna 297 eruxngedchxnnt thxngdi thnrcht phntri hlwng rachphngsawdarkrungkmphucha krungethph ithykhwxlitibukhs 2006 2563 hna 291 292 eruxngedchxnnt thxngdi thnrcht phntri hlwng rachphngsawdarkrungkmphucha krungethph ithykhwxlitibukhs 2006 2563 hna 294 sankthaeniybnaykrthmntri 2505 ithysthapnakstriyekhmr PDF phrankhr thnakarphimphcakd p 49 eruxngedchxnnt thxngdi thnrcht phntri hlwng rachphngsawdarkrungkmphucha krungethph ithykhwxlitibukhs 2006 2563 hna 300 eruxngedchxnnt thxngdi thnrcht phntri hlwng rachphngsawdarkrungkmphucha krungethph ithykhwxlitibukhs 2006 2563 hna 301 302 thiphakrwngsmhaoksathibdi kha bunnakh ecaphraya phrarachphngsawdarkrungrtnoksinthr rchkalthi 4 krungethph ithykhwxlitibukhs 2006 2563 hna 249 eruxngedchxnnt thxngdi thnrcht phntri hlwng rachphngsawdarkrungkmphucha krungethph ithykhwxlitibukhs 2006 2563 hna 303 eruxngedchxnnt thxngdi thnrcht phntri hlwng rachphngsawdarkrungkmphucha krungethph ithykhwxlitibukhs 2006 2563 hna 305 eruxngedchxnnt thxngdi thnrcht phntri hlwng rachphngsawdarkrungkmphucha krungethph ithykhwxlitibukhs 2006 2563 hna 306 ethwawngsworpkar smedcphraecabrmwngsethx krmphraya 2465 phrarachhdthelkhainphrabathsmedc phracxmeklaecaxyuhw rwmkhrngthi 3 PDF phrankhr osphnphiphrrththnakr p 28 praesrith n nkhr sastracary dr 2547 pramwlkhxmulekiywkbcarukphxkhunramkhaaehng PDF krungethph sankhxsmudaehngchati p 110 111