บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่
|
ไทลื้อ ไตลื้อ หรือ ชาวลื้อ (ภาษาไทลื้อ: ᨴᩱ᩠ᨿᩃᩨᩢ จีน: 傣仂, Dǎi lè, ลาว: ລື້, เวียดนาม: Người Lự) เป็นชาวไทกลุ่มหนึ่ง พูดภาษาตระกูลภาษาขร้า-ไท มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในแถบเขตปกครองตนเองชนชาติไท สิบสองปันนา ของประเทศจีน มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือการใช้ภาษาไทลื้อ และยังมีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์อื่น ๆ เช่น การแต่งกาย ศิลปะ วัฒนธรรมและประเพณีต่าง ๆ
ᨴᩱ᩠ᨿᩃᩨᩢ 傣仂 | |
---|---|
ชาวไทลื้อในประเทศจีน | |
ประชากรทั้งหมด | |
มากกว่า 556,000 คน | |
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ | |
ประเทศจีน (สิบสองปันนา), พม่า (รัฐฉาน), ลาว (ตอนเหนือ), ไทย (ภาคเหนือ) และเวียดนาม (จังหวัดลายเจิว) | |
จีน | 280,000 (2000) ระบุเป็นชาวไท |
ลาว | 126,229 (2015) ระบุเป็นลื้อ |
ไทย | 100,000 (2001) ระบุเป็นไทลื้อ |
พม่า | 60,000 (2013) ระบุเป็นไทใหญ่ |
เวียดนาม | 6,757 (2019) ระบุเป็น Lự |
สหรัฐ | 4,000 (1998) |
ภาษา | |
ภาษาไทลื้อ , ภาษาจีน , ภาษาไทยถิ่นเหนือ , ภาษาไทยกลาง , ภาษาพม่า , ภาษาลาว , ภาษาเวียดนาม | |
ศาสนา | |
ศาสนาพุทธเถรวาท |
ประวัติ
ไทลื้อ ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณตอนใต้ของประเทศจีน มีเมืองเชียงรุ่ง ในเขตปกครองตนเองชนชาติไท สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน เป็นศูนย์กลางของชาวไทลื้อจึงมีประวัติศาสตร์ร่วมกับจีนมาเป็นเวลายาวนาน ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมามีกลุ่มชาวไทลื้อบางส่วนได้อพยพและถูกกวาดต้อนลงมาอยู่ทางตอนเหนือของพม่า ตอนเหนือของลาว ตอนเหนือของเวียดนาม และทางภาคเหนือของประเทศไทย ในบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ และน่าน เมื่อย้ายมาตั้งถิ่นฐานตามที่ต่าง ๆ แล้ว ชาวไทลื้อก็มีการปรับตัวเข้ากับท้องถิ่นได้อย่างกลมกลืน และมีบางส่วนที่อยู่ร่วมกับชุมชนชาวไทยวนหรือคนเมืองและได้ผสมผสานไปหมดแล้วตั้งแต่โบราณ
การอพยพ
เดิม ไทลื้อ มีถิ่นที่อยู่บริเวณ เมืองลื้อหลวง จีนเรียกว่า "ลือแจง" ต่อมาได้เคลื่อนย้ายลงมาอยู่บริเวณเมืองหนองแส หรือที่เรียกว่าคุนหมิงในปัจจุบัน แล้วย้ายลงมาสู่ลุ่มน้ำน้ำโขง สิบสองปันนาปัจจุบัน ประมาณศตวรรษที่ 12 จึงเกิดมีวีรบุรุษชาวไทลื้อชื่อ เจ้าเจื๋องหาญ ได้รวบรวมหัวเมืองต่าง ๆ ในสิบสองปันนาปัจจุบันตั้งเป็นอาณาจักรแจ่ลื้อ (เซอลี่) โดยได้ตั้งศูนย์อำนาจการปกครองเอาไว้ที่หอคำเชียงรุ่ง นาน 790 ปี ต่อมาถึงสมัยเจ้าอิ่นเมือง ครองราชต่อมาในปี ค.ศ. 1579-1583 (พ.ศ. 2122-2126) ได้แบ่งเขตการปกครองเป็นสิบสองหัวเมือง แต่ละหัวเมืองให้มีที่ทำนา 1,000 หาบข้าว (เชื้อพันธุ์ข้าว) ต่อนาหนึ่งที่/หนึ่งหัวเมือง จึงเป็นที่มาจนถึงปัจจุบันเมืองสิบสองปันนาได้แบ่งเขตการปกครองเอาไว้ในอดีตดังนี้ (ที่มาของคำว่า สิบสองพันนา อ่านออกเสียงเป็น "สิบสองปันนา")
ชาวไทลื้ออาศัยอยู่สองฝั่งแม่น้ำโขง คือ ด้านตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำ มีเมืองต่าง ๆ ดังนี้ภาษาไทลื้อ ได้กล่าวไว้ว่า ห้าเมิงตะวันตก หกเมิงตะวันออก รวมเจงฮุ่ง (เชียงรุ่ง) เป็น 12 ปันนา และทั้ง 12 ปันนานั้น ประกอบด้วยเมืองใหญ่น้อยต่าง ๆ เช่น
- ฝั่งตะวันตก : เชียงรุ่ง, เมืองฮำ, เมืองแช่, เมืองลู, เมืองออง, เมืองลวง, เมืองหุน, เมืองพาน, เมืองเชียงเจิง, เมืองฮาย, เมืองเชียงลอ และเมืองมาง
- ฝั่งตะวันออก : เมืองล่า, เมืองบาน, เมืองแวน, เมืองฮิง, เมืองปาง, เมืองลา, เมืองวัง, เมืองพง, เมืองหย่วน, เมืองมาง และเมืองเชียงทอง
การขยายตัวของชาวไทลื้อสมัยรัชกาลที่ 24 เจ้าอินเมืองได้เข้าตี เชียงตุง เชียงแสน และล้านช้าง กอบกู้บ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่น พร้อมทั้งตั้งหัวเมืองไทลื้อเป็นสิบสองเขต เรียกว่า สิบสองปันนา และในยุคนี้ได้มีการอพยพชาวไทลื้อบางส่วนเพื่อไปตั้งบ้านเรือนปกครองหัวเมืองประเทศราชเหล่านั้น จึงทำให้เกิดการกระจายตัวของชาวไทลื้อ ในลุ่มน้ำโขงตอนกลาง (รัฐฉานปัจจุบัน) อันประกอบด้วยเมืองยู้ เมืองยอง เมืองหลวย เมืองเชียงแขง เมืองเชียงลาบ เมืองเลน เมืองพะยาก เมืองไฮ เมืองโก และเมืองเชียงทอง หรือ หลวงพระบาง (ล้านช้าง) (เดียนเบียนฟู) ซึ่งบางเมืองในแถบนี้เป็นถิ่นที่อยู่ของชาวไทลื้ออยู่แล้ว เช่น อาณาจักรเชียงแขง ซึ่งประกอบด้วย เมืองเชียงแขง เมืองยู้ เมืองหลวย เมืองเชียงกก เมืองเชียงลาบ เมืองกลาง เมืองลอง เมืองอาน เมืองพูเลา เมืองเชียงดาว เมืองสิง เป็นต้น
ชาวไทลื้อบางส่วนได้อพยพหรือถูกกวาดต้อน ออกจากเมืองเหล่านี้เมื่อประมาณหนึ่งร้อยถึงสองร้อยปีที่ผ่านมา แล้วลงมาตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศตอนล่าง เช่น พม่า, ลาว และไทย
ในสมัยรัชกาลที่ 1 เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ (เจ้าผู้ครองนครน่าน) และเจ้าสุมนเทวราช (เจ้าผู้ครองนครน่าน) ยกกองทัพขึ้นไปกวาดต้อนชาวไทลื้อจากสิบสองปันนามายังเมืองน่าน และเมืองบางส่วนในประเทศลาว และต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 เจ้าสุริยะพงษ์ (เจ้าผู้ครองนครน่าน) ก็ได้ยกกองทัพขึ้นไปกวาดต้อนชาวไทลื้อจากสิบสองปันนามายังเมืองน่าน
ไทลื้อปัจจุบัน
ไทลื้อในประเทศอื่น
กระจายตัวอยู่ใน ประเทศจีน พม่า ลาว และเวียดนาม
- ประเทศพม่า มีแถบเมืองยอง เมืองยู้ เมืองหลวย เมืองเชียงลาบ เมืองไร เมืองพะยาก เมืองโก เมืองโต๋น เมืองเลน เชียงตุง
- ประเทศลาว เมืองหลวงน้ำทา เมืองหลวงพูคา เมืองบ่อแก้ว ไชยบุรี (เชียงฮ่อน เชียงลม เงิน) เมืองหลวงพะบาง เมืองหงสา(มีแค่บ้านเวียงแก้ว บ้านเดียวที่เปันลี้อ)
- ประเทศเวียดนาม จังหวัดลายเจิว
ไทลื้อในประเทศไทย
กระจายตัวอยู่ใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน พะเยา ลำปาง แพร่ น่าน
- เชียงราย : อำเภอเมือง อำเภอเวียงแก่น อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงของ อำเภอเชียงแสน อำเภอแม่จันส่วนมากเป็นไทลื้อเมืองยอง อำเภอพญาเม็งรายส่วนมากอยู่ในตำบลเม็งราย,ตำบลตาดควัน,ตำบลแม่ต๋ำ,ตำบลแม่เปาส่วนใหญ่อยู่ในบ้านทุ่งเจ้า ส่วนไทลื้อในตำบลไม้ยาได้กลมกลืนกับชาวไทยวนพื้นถิ่นไปหมดแล้ว อำเภอพานซึ่งเป็นชาวไทลื้อที่อพยพมาจากจังหวัดลำปาง (ส่วนหนึ่งได้อพยพไปเมือง เชียงรุ่ง เมื่อเกิดสงครามไทยพม่า)
- เชียงใหม่ : อำเภอเมือง อำเภอสะเมิง อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอสันกำแพง อำเภอแม่ออน
- น่าน :
อำเภอเมืองน่าน (ตำบลในเวียง บ้านเชียงแขง บ้านเมืองเล็น)
อำเภอท่าวังผา มีชาวไทลื้ออยู่ 5 ตำบล คือ ต.ศรีภูมิ บ้านห้วยเดื่อ ต.ป่าคา เป็นชาวไทลื้อที่มาจากเมืองล่า มี 5 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านหนองบัว บ้านดอนแก้ว บ้านต้นฮ่าง บ้านดอนมูล บ้านแฮะ, ตำบลยม มีชาวไทลื้อ 5 หมู่บ้านเป็นชาวไทลื้อที่มาจากเมืองเชียงลาบ และเมืองยอง ประกอบด้วย บ้านลอมกลาง บ้านทุ่งฆ้อง บ้านเชียงยืน บ้านเสี้ยว บ้านหนองช้างแดง, ต.จอมพระ เป็นชาวไทลื้อที่อพยพมาจากเมืองยองและมีชาวไทลื้อ 5 หมู่บ้าน บ้านถ่อน และถ่อนสอง บ้านยู้ บ้านยู้เหนือ บ้านยู้ใต้
อำเภอปัว เป็นอำเภอที่มีชาวไทลื้ออยู่มากที่สุด ประกอบด้วย ต.ศิลาเพชรเป็นชาวไทลื้อ ที่อพยพมาจากเมืองยอง คือ บ้านดอนไชย บ้านทุ่งรัตนา มาจากเมืองเลน คือ บ้านป่าตอง บ้านนาคำ (หัวโต้ง) บ้านทุ่งศรีบุญยืน, ตำบลศิลาแลง เป็นชาวไทลื้อที่อพยพมาจากเมืองเชียงรุ่ง เมืองเลน เมืองยอง เมืองเงิน และเมืองพวน (ลื้อในเมืองพวนไม่ใช่ไทพวน) คือ บ้านดอนไชย-ไร่อ้อย บ้านฝาย (นาร้าง) บ้านหัวน้ำ บ้านตีนตก บ้านเฮี้ย บ้านหัวดอย, ต.วรนคร อพยพมาจากเมืองเลน (ลิน) เมืองยอง ปัจจุบันอยู่ในเขตพม่า คือ บ้านเก็ต บ้านร้องแง บ้านดอนแก้ว บ้านมอน ต.ปัว อพยพมาจากเมืองขอน เมืองยองและเมืองพวน คือ บ้านขอน บ้านป่าลาน อพยพมาจากเมืองยอง เมืองพวน คือ บ้านดอนแก้ว อพยพมาจากเมืองยอง คือ บ้านปรางค์ ต.สถาน อพยพมาจากเมืองยอง เมืองเชียงลาบ เมืองล้า เมืองเงิน คือ บ้านนาป่าน บ้านสันติสุข นอกนั้นในยังมีอีกไม่ต่ำกว่า 20 หมู่บ้านในอำเภอปัวที่เป็นชาวไทลื้อ
- อำเภอเชียงกลาง ต.พระพุทธบาท อพยพมาจากเมืองยอง เมืองเชียงแขง เมืองเลน คือ บ้านเหล่า บ้านอ้อ ต.เปือ อพยพมาจากเมืองเลน หลวงพระบาง เชียงลม เชียงแสน คือ บ้านหนองแดง ต.เชียงกลาง อพยพมาจากเมืองเลน เชียงลม เมืองเงิน คือ บ้ายเชียงโคม บ้านศรีอุดม บ้านงิ้ว
- อำเภอสองแคว มีชาวไทยลื้ออาศัยอยู่ที่ตำบลนาไร่หลวง มี บ้านปางปุก บ้านหางทุ่ง บ้านใหม่ บ้านปางไฮ ตำบลชนแดน บ้านปางกอม ตำบลยอด ที่บ้านปางส้าน บ้านผาสิงห์และบ้านผาหลัก บ้านยอด
- อำเภอทุ่งช้าง บ้านงอบ บ้านปอน ห้วยโก๋น และส่วนที่อพยพเข้ามาใหม่ ซึ่งจะอยู่ปะปนกะชาวเมืองน่านแถบชายแดน (มีจำนวนมากที่สุด อพยพมาจากแขวงไชยบุรี และ สิบสองปันนา)
- จังหวัดพะเยา อำเภอเชียงม่วน อำเภอเชียงคำ (มีจำนวนมาก) อำเภอภูซาง
- จังหวัดลำปาง อำเภอเมือง ประกอบด้วย 5 หมู่บ้าน บ้านกล้วยหลวง บ้านกล้วยแพะ บ้านกล้วยม่วง บ้านกล้วยกลาง และบ้านกล้วยฝาย และบางส่วนใน อำเภอแม่ทะและอำเภองาว
- จังหวัดลำพูน อำเภอเมือง อำเภอบ้านธิ อำเภอป่าซาง อำเภอแม่ทา
- จังหวัดแพร่ อำเภอเมืองแพร่ ต.บ้านถิ่น
ศิลปะและวัฒนธรรม
ชาวไทลื้อมีชีวิตที่คล้ายคลึงกับชาวไทยหรือชนเผ่าอื่นในภูมิภาค คือมีการสร้างบ้านเรือนเป็นบ้านไม้ มี มีครัวไฟบนบ้าน ใต้ถุนเลี้ยงสัตว์ แต่ในปัจจุบันวิถีชีวิตได้เปลี่ยนไป การสร้างบ้านเรือนก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย เรือนที่ยังคงสภาพเป็นเรือนไม้แบบเดิมสถาปัตยกรรมแบบไทลื้อผสมล้านนายังพอจะมีให้เห็นบ้างในบางชุมชน เช่น บ้านธาตุสบแวน และบ้านหย่วน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา
ภาษา
ชาวไทลื้อมีภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นของตัวเอง เช่นเดียวกับกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ภาษาไทลื้อจัดอยู่ในกลุ่มภาษาตระกูลไท(ไต) ลักษณะเด่นของภาษาไทลื้อคือการเปลี่ยนแปลงเสียงสระภายในคำโดยการเปลี่ยนระดับของลิ้น ภาษาพูดของชาวไทลื้อนั้นเสียงบางเสียงจะแตกต่างไปจากภาษาไทยวน เช่น สระเอีย เป็น เอ เช่น เมีย เป็น เม สระอัว เป็น โอ เช่น ผัว เป็น โผ สระเอือ เป็น เออ เช่น เกลือ เป็น เกอ เสียงวรรณยุกต์ของไทลื้อมี 6เสียง เหมือนภาษาไทยวนแต่มีลักษณะแตกต่างไป คำศัพท์ที่ใช้ในภาษาไทลื้อมักเป็นภาษาถิ่นตระกูลไทหรือคำศัพท์ไทดั้งเดิมเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีความหมายซับซ้อนมากนัก
อักษร
อักษรไทลื้อดั้งเดิม มีลักษณะเหมือนกับอักษรธรรมล้านนาหรืออักษรยวน ซึ่งไทลื้อรับผ่านการเผยแพร่พระพุทธศาสนาจากล้านนา
อักษรไทลื้อใหม่ ประยุกต์อักษรไทลื้อเป็น abugida ใช้ในการเขียนภาษาไทลื้อ New Tai Lue ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นในประเทศจีนในทศวรรษ 1950 โดยมีพื้นฐานมาจากตัวอักษร Tai Tham หรืออักษรธรรมล้านนา แบบดั้งเดิมที่พัฒนาขึ้นในปี ค.ศ. 1200 โดยรัฐบาลจีนส่งเสริมอักษรเพื่อใช้แทนอักษรตัวเก่า ทางรัฐบาลจีนไม่ได้มีการให้เรียนภาษาไทลื้อ หลายคนจึงไม่รู้หนังสือภาษาอักษรไทลื้อใหม่ นอกจากนี้ชุมชนไทลื้อในพม่า , ลาว , ไทย และเวียดนาม ยังคงใช้อักษรธรรมล้านนา
ศาสนา
ชาวไทลื้อส่วนใหญ่เป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัด นิยมสร้างวัดในชุมชนต่าง ๆ แทบทุกชุมชนของชาวไทลื้อ ทั้งยังตกแต่งด้วยศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์งดงาม มีการบูรณะ ซ่อมแซม ให้คงสภาพดีอยู่เสมอ ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่เพียงบางแห่ง เช่น วิหารวัดดอนมูล วิหารวัดหนองแดง วิหารวัดหนองบัว วิหารวัดท่าฟ้าใต้ วิหารวัดแสนเมืองมา(วัดมาง) วิหารวัดหย่วน เป็นต้น
ส่วนชาวไทลื้อที่นับถือศาสนาอิสลามนั้น อันเนื่องมาจากสตรีชาวไทลื้อบางส่วนได้มีการแต่งงานกับชาวหุย ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่นับถือศาสนาอิสลาม สตรีไทลื้อกลุ่มนี้มักเรียกตนเองว่า "ภาสีไท" ("ภาสี" ร่วมรากศัพท์กับคำพม่า ပန်းသေး)
ศิลปะ
ศิลปะที่โดดเด่นของชาวไทลื้อได้แก่งานผ้าทอไทลื้อ นิยมใช้ผ้าฝ้าย บางสมัยนิยมใช้เส้นไหมจากต่างถิ่น ทอลวดลายที่เรียกว่า "ลายเกาะ" ด้วยเทคนิคการล้วง ซึ่งปัจจุบันนิยมเรียกว่า ลายน้ำไหล มีการฟื้นฟูและถ่ายทอดศิลปะการทอผ้าแบบไทลื้อในหลายชุมชนของภาคเหนือในปัจจุบัน
การแต่งกาย
ผู้ชาย ไทลื้อส่วนใหญ่จะนิยมสวมเสื้อขาวแขนยาว สวมทับด้วยเสื้อกั๊กปักลวดลายด้วยเลื่อม เรียกว่า "เสื้อปา" สวมกางเกงหม้อห้อมขายาวต่อหัวกางเกงด้วยผ้าสีขาว เรียกว่า "เต๋วหัวขาว" นิยมโพกศีรษะ ("เคียนหัว") ด้วยผ้าสีขาว สีชมพู
ผู้หญิง ไทลื้อนิยมสวมเสื้อปั๊ด (เป็นเสื้อที่ไม่มีกระดุมแต่สาบเสื้อจะป้ายเฉียงมาผูกไว้ที่เอวด้านข้าง) นุ่งซิ่นต๋าลื้อ สะพายกระเป๋าย่าม ("ถุงย่าม")และนิยมโพกศีรษะด้วยผ้าสีขาวหรือสีชมพู
อาหาร
ชาวไทลื้อเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ทานข้าวเหนียวเป็นหลัก เช่นเดียวกับกลุ่มชาติพันธุ์ไทอื่น ๆ อาหารที่นิยมรับประทานมักจะเป็นแกงผัก ประกอบจากผักหรือพืชพรรณธรรมชาติ หรืออาหารที่หาได้ง่าย เช่น เห็ด หน่อไม้ ไข่มดแดง สาหร่ายน้ำจืด ส่วนพืชผักสวนครัวทั่วไปมักจะปลูกตามข่วงบ้าน ใช้พริกแกงเป็นเครื่องปรุงหลักประกอบด้วย พริก ตะไคร้ หอม กระเทียม ปลาร้า หากเป็นอาหารประเภทหน่อไม้จะใส่น้ำปู๋ลงไปด้วย เช่น ยำหน่อไม้ แกงหน่อไม้ เป็นต้น อาหารของชาวไทลื้อจะไม่ค่อยมีส่วนผสมของไขมัน
นาฏศิลป์
ฟ้อน
ฟ้อนนางนก เป็นการฟ้อนของไทลื้อ อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา มาจากวรรณกรรม เจ้าสุธนกับนางมโนราห์ เรื่องย่อ ๆ เล่าว่า ก่อนนางมโนราห์จะโดนเผ่าไฟ นางขอเอาหางและปีกใส่เพื่อฟ้อนรำก่อนที่จะฆ่านาง เมื่อนางได้ปีกและหางแล้ว นางก็ฟ้อนเป็นแม่เป็นลาย และค่อย ๆ ขยับห่างจากขุนหาญอาชญา แลไพร่เมิง และสะยองเหาะขึ้นก๋างหาว อำลา เจ้าสุธน
ขับลื้อ
ขับลื้อ คือ การขับร้องเพลงชนิดหนึ่งของชาวไตลื้อ ที่ต้องใช้ไหวพริบในการคิดบทร้องทันทีทันใด หรือจะนำเอาเรื่องราวในพระพุทธศาสนา เรื่องราวของการเล่าเรื่องประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวไตลื้อในรอบปี วิถีการดำเนินชีวิต หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำมาหากิน ทั้งนี้ การขับลื้อจะขับร้องร่วมกับเครื่องดนตรีประเภทปี่ หรือที่เรียกว่า ปี่ลื้อ อีก 1 เลา ประวัติความเป็นมาของการขับลื้อ เป็นเรื่องราวการบอกเล่าสืบต่อกันมาเป็นตำนานเรื่องการขับลื้อเพื่อขับไล่ผึ้ง โดยเชื่อว่าการขับลื้อนี้มีการต้นกำเนิดมาไม่น้อยกว่าร้อยปี และพบเห็นการแสดงการขับลื้อมานานตั้งแต่บรรพบุรุษเมื่อครั้งอาศัยอยู่ที่สิบสองปันนา หรือเมืองยอง ขับเล่นกันเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีกิจกรรมงานสำคัญในหมู่บ้านช่างขับเหล่านี้จะได้รับเชิญไปขับแสดงความยินดีหรือขับเพื่อสร้างความรื่นเริงในหมู่บ้านเสมอ การขับลื้อ เป็นการขับที่มีการคิดเนื้อร้องโดยฉับพลัน หลักการสัมผัสของคำร้องจะเป็นไปอย่างไม่ตายตัว บทคำหรือคำขับ เป็นคำประพันธ์ที่คล้ายกับร่าย ใช้บรรยายเรื่องราวให้คล้องตามบังคับสัมผัสต่าง ๆ กันไปทุกวรรค ไม่กำหนดสั้นยาว ขึ้นอยู่กับเนื้อความที่แต่ง ไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์ไว้ว่าจะต้องมีกี่วรรค มีกี่คำแต่ลักษณะของการส่งสัมผัสจะส่งคำท้ายวรรคต้นไปยังคำหนึ่งคำใดในวรรคต่อไป คำขับจะไพเราะด้วยถ้อยคำที่นำมาเรียบเรียง ไม่มีบังคับเอก โท อันใด ลักษณะทางทำนองของการขับลื้อ ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญยิ่งในการขับลื้อ โดยทำนองหลักอยู่ที่ทำนองขับ ส่วนเสียงปี่จะช่วยในการยึดระดับเสียงทำนอง จากนั้นจะสามารถเปลี่ยนเนื้อร้องไปได้เสมอ ๆ หรือที่นิยม เรียกว่า “ร้อยเนื้อทำนองเดียว”
ประเพณี
ชาวไทลื้อได้ตั้งบ้านเรือนอยู่ร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นในล้านนามายาวนาน ทำให้เกิดการผสมผสานด้านวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน แต่ชาวไทลื้อยังคงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม เช่น ประเพณีพิธีกรรมของชาวไทลื้อ เป็นพิธีเลี้ยงผีอารักษ์เรียกว่าเข้าก๋ำหรือเข้ากรรม มีตั้งแต่ก๋ำเฮือน หรือกรรมเรือน ไปจนถึงก๋ำเมืองหรือกรรมเมือง ชาวไทลื้อให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สืบสานงานประเพณี ในแต่ละพื้นที่ เช่น งานจุลกฐิน ตำบลศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ การรวบรวมเครือข่ายไทลื้อจาก 12อำเภอในจังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ ลำพูน เชียงใหม่ น่าน และเชียงราย ในงานสืบสานประเพณีไทลื้อของอำเภอแม่สาย เป็นต้น
ลักษณะบ้าน
1. เป็นเรือนไม้ยกใต้ถุนสูง ใช้งานใต้ถุนเรือน
2. ทางขั้นบันไดหน้าเพียงบันไดเดียว มีหลังคาคลุม ทั้งที่หลังคาผืนใหญ่คลุมและที่ต่อชายคายื่นยาวคลุม
3. หลังคาผืนใหญ่ ยื่นยาว และทำเป็นสองตับ จนแทบมองไม่เห็นผนัง
4. มีและใช้เสาแหล่งหมา
5. มีบริเวณที่เรียกว่า หัวค่อมหรือค่อม เหมือนเติ๋นในเรือนล้านนา แต่นิยมทำม้านั่งยาวโดยรอบแทนการทำราวกันตก
6. ภายในเรือนเป็นโถง แบ่งพื้นที่ซ้ายขวาเป็นส่วนเอนกประสงค์และส่วนนอน ซึ่งอาจแบ่งสองส่วนนี้ด้วยฝาไม้หรือเพียงผ้าม่าน
7. โถงเอนกประสงค์ใช้พักผ่อน ครัวไฟ เก็บของ ส่วนปลายเป็นลานซักล้างหรือ จานกอน
8. ใช้แม่เตาไฟเป็นกระบะไม้ดาดดินเหนียวใช้ตั้งเตาไฟ
9. ส่วนนอนจะกั้นพื้นที่แต่ละคนด้วยผ้าม่าน ใช้เตียงหรือฟูกปูนอน
10. มีหิ้งผีบรรพบุรุษติดตั้งกับฝาบ้านในห้องโถง ไม่มีหิ้งพระ
การผสมผสานวัฒนธรรม
ชาวไทลื้อในสิบสองปันนาบางส่วนได้สมรสกับชาวหุยและเข้ารีตเป็นมุสลิม พวกเขาจะเรียกแทนตัวว่า "ภาสีไท" ("ภาสี" ร่วมรากศัพท์กับคำพม่า ပန်းသေး) พูดภาษาและแต่งกายอย่างไทลื้อแต่สวมหมวกและมีผ้าคลุมศีรษะ ในปี พ.ศ. 2553 มีจำนวนไทหุยทั้งหมด 743 คน ตั้งถิ่นฐานที่หมู่บ้านหม่านล้วนหุย และบ้านหม่านซ่ายหุยในเขตเมืองฮาย
กลุ่มชาติพันธ์ที่เกี่ยวข้อง
ไทยอง
ชาวไทยอง หรือ ชาวเมืองยอง ใช้เรียกกลุ่มคนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณเมืองยอง และกระจายอยู่ในด้านตะวันออกของรัฐฉาน ประเทศพม่า เขตสิบสองพันนา ในมณฑลยูนนานของจีน ภายหลังได้อพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือนใน จังหวัดลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน ในสมัยรัชกาลที่ 1 ภายใต้กุศโลบาย "เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง" ของ พระเจ้าบรมราชาธิบดีกาวิละ แห่งราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ เพื่อรื้อฟื้นอาณาจักรล้านนาภายหลังการยึดครองของพม่าสิ้นสุดลง จากตำนาน ชาวเมืองยองนั้น ได้อพยพมาจากเมืองเชียงรุ่งและเมืองอื่น ๆ ในสิบสองปันนา ซึ่งเป็นคนไทลื้อ และได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานครั้งใหญ่ในเมืองลำพูน และ เชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2348 ด้วยสาเหตุของสงคราม เจ้าเมืองยองพร้อมด้วยบุตรภรรยา น้องทั้ง 4 ญาติพี่น้อง ขุนนาง พระสงฆ์และไพร่พลจากเมืองยอง จำนวน 20,000 คนเข้ามาแผ้วถางเมืองลำพูนที่ร้างอยู่ ตั้งบ้านเรือนตามลุ่มน้ำแม่ทา น้ำแม่ปิง ผู้คนทั่วไปในแถบนั้นจึงเรียกคนที่มาจากเมืองยองว่า ชาวไทยอง [1] ในสมัยนั้นผู้คนต่างเมืองที่มาอยู่ร่วมกัน จะเรียกขานคนที่มาจากอีกเมืองหนึ่งตามนามของคนเมืองเดิม เช่น คนเมืองเชียงใหม่ คนเมืองลำปาง คนเมืองแพร่ คนเมืองน่าน คนเมืองเชียงตุง เป็นต้น แต่ของคนเมืองยองนั้น ต่อมาคำว่าเมืองได้หายไป คงเหลืออยู่คำว่า คนยอง ดังนั้น ยอง จึงมิใช่เป็นเผ่าพันธุ์ และเมื่อวิเคราะห์จากพัฒนาการ ประวัติศาสตร์ของเมืองยองแล้ว ชาวไทยอง ก็คือ ชาวไทลื้อนั่นเอง
ในราวพุทธศตวรรษที่ 19 โอรสเจ้าเมืองเชียงรุ่ง ได้พาบริวารชาวไทลื้อจากเมืองเชียงรุ่ง เข้ามาปกครองเมืองยองเหนือคนพื้นเมือง ซึ่งเป็นชาวลัวะ โดยมีทั้งปัจจัยสนับสนุน ได้แก่
- การผสมผสานระบบความเชื่อและพิธีกรรม และ พระพุทธศาสนาที่เข้ามาในภายหลัง
- ความสัมพันธ์ทางเครือญาติ และระบบบรรณาการกับเมืองเชียงรุ่ง เชียงตุงและการสร้างพันธมิตรทางการเมืองกับกลุ่มเมืองในที่ราบเชียงราย บนฝั่งแม่น้ำโขงตอนกลาง เช่น เชียงแสน เชียงของ เป็นต้น
ดังนั้น ชาวไทยองกับชาวไทลื้อก็คือญาติกันนั่นเอง
อ้างอิง
- "Results of Population and Housing Census 2015" (PDF). Lao Statistics Bureau. สืบค้นเมื่อ 1 May 2020.
- "Report on Results of the 2019 Census". General Statistics Office of Vietnam. สืบค้นเมื่อ 1 May 2020.
- Tai Lue 2021-11-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Infomekong.com
- "ไทลื้อ - สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่". The Center for the Promotion of Arts and Culture, Chiang Mai University.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-12-29. สืบค้นเมื่อ 2007-11-20.
- http://www.lannacorner.net/weblanna/article/article.php?type=A&ID=482[]
- "ไทลื้อ". site.sri.cmu.ac.th.
- . ich.culture.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-18. สืบค้นเมื่อ 2022-01-18.
- เจนิชา ประพฤทธิ์มล (พฤษภาคม 2557). "ไทหุย (มุสลิม) ในสิบสองปันนา" (PDF). สุขสาระ. 11 (125): 10–11.
- Volker Grabowsky and Renoo wichasin, Chronicles of Chiang Khaeng, Bangkok: O.S. Printing House, 2008.
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
- ชนชาติไตในสิบสองปันนา
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniidrbaecngihprbprunghlaykhx krunachwyprbprungbthkhwam hruxxphipraypyhathihnaxphipray bthkhwamnitxngkarcdrupaebbkhxkhwam karcdhna karaebnghwkhx karcdlingkphayin aelaxun bthkhwamnitxngkarphisucnxksr xacepndankarichphasa karsakd iwyakrn rupaebbkarekhiyn hruxkaraeplcakphasaxun ithlux itlux hrux chawlux phasaithlux ᨴ ᨿᩃ cin 傣仂 Dǎi le law ລ ewiydnam Người Lự epnchawithklumhnung phudphasatrakulphasakhra ith mithinthanedimxyuinaethbekhtpkkhrxngtnexngchnchatiith sibsxngpnna khxngpraethscin miexklksnthioddednkhuxkarichphasaithlux aelayngmiwthnthrrmxnepnexklksnxun echn karaetngkay silpa wthnthrrmaelapraephnitang ithluxᨴ ᨿᩃ 傣仂chawithluxinpraethscinprachakrthnghmdmakkwa 556 000 khnphumiphakhthimiprachakrxyangminysakhypraethscin sibsxngpnna phma rthchan law txnehnux ithy phakhehnux aelaewiydnam cnghwdlayeciw cin280 000 2000 rabuepnchawith law126 229 2015 rabuepnlux ithy100 000 2001 rabuepnithlux phma60 000 2013 rabuepnithihy ewiydnam6 757 2019 rabuepn Lự shrth4 000 1998 phasaphasaithlux phasacin phasaithythinehnux phasaithyklang phasaphma phasalaw phasaewiydnamsasnasasnaphuththethrwathprawtiithlux tngthinthanxyubriewntxnitkhxngpraethscin miemuxngechiyngrung inekhtpkkhrxngtnexngchnchatiith sibsxngpnna mnthlyunnan epnsunyklangkhxngchawithluxcungmiprawtisastrrwmkbcinmaepnewlayawnan inchwnghlayrxypithiphanmamiklumchawithluxbangswnidxphyphaelathukkwadtxnlngmaxyuthangtxnehnuxkhxngphma txnehnuxkhxnglaw txnehnuxkhxngewiydnam aelathangphakhehnuxkhxngpraethsithy inbriewncnghwdechiyngihm echiyngray laphun lapang phaeya aephr aelanan emuxyaymatngthinthantamthitang aelw chawithluxkmikarprbtwekhakbthxngthinidxyangklmklun aelamibangswnthixyurwmkbchumchnchawithywnhruxkhnemuxngaelaidphsmphsaniphmdaelwtngaetobrankarxphyphedim ithlux mithinthixyubriewn emuxngluxhlwng cineriykwa luxaecng txmaidekhluxnyaylngmaxyubriewnemuxnghnxngaes hruxthieriykwakhunhminginpccubn aelwyaylngmasulumnanaokhng sibsxngpnnapccubn pramanstwrrsthi 12 cungekidmiwirburuschawithluxchux ecaecuxnghay idrwbrwmhwemuxngtang insibsxngpnnapccubntngepnxanackraeclux esxli odyidtngsunyxanackarpkkhrxngexaiwthihxkhaechiyngrung nan 790 pi txmathungsmyecaxinemuxng khrxngrachtxmainpi kh s 1579 1583 ph s 2122 2126 idaebngekhtkarpkkhrxngepnsibsxnghwemuxng aetlahwemuxngihmithithana 1 000 habkhaw echuxphnthukhaw txnahnungthi hnunghwemuxng cungepnthimacnthungpccubnemuxngsibsxngpnnaidaebngekhtkarpkkhrxngexaiwinxditdngni thimakhxngkhawa sibsxngphnna xanxxkesiyngepn sibsxngpnna chawithluxxasyxyusxngfngaemnaokhng khux dantawnxxkaelatawntkkhxngaemna miemuxngtang dngniphasaithlux idklawiwwa haemingtawntk hkemingtawnxxk rwmecnghung echiyngrung epn 12 pnna aelathng 12 pnnann prakxbdwyemuxngihynxytang echn fngtawntk echiyngrung emuxngha emuxngaech emuxnglu emuxngxxng emuxnglwng emuxnghun emuxngphan emuxngechiyngecing emuxnghay emuxngechiynglx aelaemuxngmang fngtawnxxk emuxngla emuxngban emuxngaewn emuxnghing emuxngpang emuxngla emuxngwng emuxngphng emuxnghywn emuxngmang aelaemuxngechiyngthxng karkhyaytwkhxngchawithluxsmyrchkalthi 24 ecaxinemuxngidekhati echiyngtung echiyngaesn aelalanchang kxbkubanemuxngihepnpukaephn phrxmthngtnghwemuxngithluxepnsibsxngekht eriykwa sibsxngpnna aelainyukhniidmikarxphyphchawithluxbangswnephuxiptngbaneruxnpkkhrxnghwemuxngpraethsrachehlann cungthaihekidkarkracaytwkhxngchawithlux inlumnaokhngtxnklang rthchanpccubn xnprakxbdwyemuxngyu emuxngyxng emuxnghlwy emuxngechiyngaekhng emuxngechiynglab emuxngeln emuxngphayak emuxngih emuxngok aelaemuxngechiyngthxng hrux hlwngphrabang lanchang ediynebiynfu sungbangemuxnginaethbniepnthinthixyukhxngchawithluxxyuaelw echn xanackrechiyngaekhng sungprakxbdwy emuxngechiyngaekhng emuxngyu emuxnghlwy emuxngechiyngkk emuxngechiynglab emuxngklang emuxnglxng emuxngxan emuxngphuela emuxngechiyngdaw emuxngsing epntn chawithluxbangswnidxphyphhruxthukkwadtxn xxkcakemuxngehlaniemuxpramanhnungrxythungsxngrxypithiphanma aelwlngmatngthinthanihminpraethstxnlang echn phma law aelaithy insmyrchkalthi 1 ecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan aelaecasumnethwrach ecaphukhrxngnkhrnan ykkxngthphkhunipkwadtxnchawithluxcaksibsxngpnnamayngemuxngnan aelaemuxngbangswninpraethslaw aelatxmainsmyrchkalthi 5 ecasuriyaphngs ecaphukhrxngnkhrnan kidykkxngthphkhunipkwadtxnchawithluxcaksibsxngpnnamayngemuxngnanithluxpccubnithluxinpraethsxun kracaytwxyuin praethscin phma law aelaewiydnam praethscin ekhtpkkhrxngtnexngchnchatiith sibsxngpnnapraethsphma miaethbemuxngyxng emuxngyu emuxnghlwy emuxngechiynglab emuxngir emuxngphayak emuxngok emuxngotn emuxngeln echiyngtung praethslaw emuxnghlwngnatha emuxnghlwngphukha emuxngbxaekw ichyburi echiynghxn echiynglm engin emuxnghlwngphabang emuxnghngsa miaekhbanewiyngaekw banediywthiepnlix praethsewiydnam cnghwdlayeciwithluxinpraethsithy kracaytwxyuin 8 cnghwdphakhehnux idaek echiyngray echiyngihm laphun aemhxngsxn phaeya lapang aephr nan echiyngray xaephxemuxng xaephxewiyngaekn xaephxaemsay xaephxechiyngkhxng xaephxechiyngaesn xaephxaemcnswnmakepnithluxemuxngyxng xaephxphyaemngrayswnmakxyuintablemngray tabltadkhwn tablaemta tablaemepaswnihyxyuinbanthungeca swnithluxintablimyaidklmklunkbchawithywnphunthiniphmdaelw xaephxphansungepnchawithluxthixphyphmacakcnghwdlapang swnhnungidxphyphipemuxng echiyngrung emuxekidsngkhramithyphma echiyngihm xaephxemuxng xaephxsaeming xaephxdxysaekd xaephxsnkaaephng xaephxaemxxn nan xaephxemuxngnan tablinewiyng banechiyngaekhng banemuxngeln xaephxthawngpha michawithluxxyu 5 tabl khux t sriphumi banhwyedux t pakha epnchawithluxthimacakemuxngla mi 5 hmuban prakxbdwy banhnxngbw bandxnaekw bantnhang bandxnmul banaeha tablym michawithlux 5 hmubanepnchawithluxthimacakemuxngechiynglab aelaemuxngyxng prakxbdwy banlxmklang banthungkhxng banechiyngyun banesiyw banhnxngchangaedng t cxmphra epnchawithluxthixphyphmacakemuxngyxngaelamichawithlux 5 hmuban banthxn aelathxnsxng banyu banyuehnux banyuit xaephxpw epnxaephxthimichawithluxxyumakthisud prakxbdwy t silaephchrepnchawithlux thixphyphmacakemuxngyxng khux bandxnichy banthungrtna macakemuxngeln khux banpatxng bannakha hwotng banthungsribuyyun tablsilaaelng epnchawithluxthixphyphmacakemuxngechiyngrung emuxngeln emuxngyxng emuxngengin aelaemuxngphwn luxinemuxngphwnimichithphwn khux bandxnichy irxxy banfay narang banhwna bantintk banehiy banhwdxy t wrnkhr xphyphmacakemuxngeln lin emuxngyxng pccubnxyuinekhtphma khux banekt banrxngaeng bandxnaekw banmxn t pw xphyphmacakemuxngkhxn emuxngyxngaelaemuxngphwn khux bankhxn banpalan xphyphmacakemuxngyxng emuxngphwn khux bandxnaekw xphyphmacakemuxngyxng khux banprangkh t sthan xphyphmacakemuxngyxng emuxngechiynglab emuxngla emuxngengin khux bannapan bansntisukh nxknninyngmixikimtakwa 20 hmubaninxaephxpwthiepnchawithlux xaephxechiyngklang t phraphuththbath xphyphmacakemuxngyxng emuxngechiyngaekhng emuxngeln khux banehla banxx t epux xphyphmacakemuxngeln hlwngphrabang echiynglm echiyngaesn khux banhnxngaedng t echiyngklang xphyphmacakemuxngeln echiynglm emuxngengin khux bayechiyngokhm bansrixudm banngiw xaephxsxngaekhw michawithyluxxasyxyuthitablnairhlwng mi banpangpuk banhangthung banihm banpangih tablchnaedn banpangkxm tablyxd thibanpangsan banphasinghaelabanphahlk banyxd xaephxthungchang banngxb banpxn hwyokn aelaswnthixphyphekhamaihm sungcaxyupapnkachawemuxngnanaethbchayaedn micanwnmakthisud xphyphmacakaekhwngichyburi aela sibsxngpnna cnghwdphaeya xaephxechiyngmwn xaephxechiyngkha micanwnmak xaephxphusang cnghwdlapang xaephxemuxng prakxbdwy 5 hmuban banklwyhlwng banklwyaepha banklwymwng banklwyklang aelabanklwyfay aelabangswnin xaephxaemthaaelaxaephxngaw cnghwdlaphun xaephxemuxng xaephxbanthi xaephxpasang xaephxaemtha cnghwdaephr xaephxemuxngaephr t banthinsilpaaelawthnthrrmchawithluxmichiwitthikhlaykhlungkbchawithyhruxchnephaxuninphumiphakh khuxmikarsrangbaneruxnepnbanim mi mikhrwifbnban itthuneliyngstw aetinpccubnwithichiwitidepliynip karsrangbaneruxnkepliynaeplngipdwy eruxnthiyngkhngsphaphepneruxnimaebbedimsthaptykrrmaebbithluxphsmlannayngphxcamiihehnbanginbangchumchn echn banthatusbaewn aelabanhywn xaephxechiyngkha cnghwdphaeya phasa chawithluxmiphasaphudaelaphasaekhiynepnkhxngtwexng echnediywkbklumchatiphnthuxun phasaithluxcdxyuinklumphasatrakulith it lksnaednkhxngphasaithluxkhuxkarepliynaeplngesiyngsraphayinkhaodykarepliynradbkhxnglin phasaphudkhxngchawithluxnnesiyngbangesiyngcaaetktangipcakphasaithywn echn sraexiy epn ex echn emiy epn em sraxw epn ox echn phw epn oph sraexux epn exx echn eklux epn ekx esiyngwrrnyuktkhxngithluxmi 6esiyng ehmuxnphasaithywnaetmilksnaaetktangip khasphththiichinphasaithluxmkepnphasathintrakulithhruxkhasphthithdngedimepnswnihy immikhwamhmaysbsxnmaknk xksr xksrithluxdngedim milksnaehmuxnkbxksrthrrmlannahruxxksrywn sungithluxrbphankarephyaephrphraphuththsasnacaklanna xksrithluxihm prayuktxksrithluxepn abugida ichinkarekhiynphasaithlux New Tai Lue sungthukphthnakhuninpraethscininthswrrs 1950 odymiphunthanmacaktwxksr Tai Tham hruxxksrthrrmlanna aebbdngedimthiphthnakhuninpi kh s 1200 odyrthbalcinsngesrimxksrephuxichaethnxksrtweka thangrthbalcinimidmikariheriynphasaithlux hlaykhncungimruhnngsuxphasaxksrithluxihm nxkcaknichumchnithluxinphma law ithy aelaewiydnam yngkhngichxksrthrrmlanna sasna chawithluxswnihyepnphuththsasnikchnthiekhrngkhrd niymsrangwdinchumchntang aethbthukchumchnkhxngchawithlux thngyngtkaetngdwysilpkrrmaelasthaptykrrmthiepnexklksnngdngam mikarburna sxmaesm ihkhngsphaphdixyuesmx sungpccubnehluxxyuephiyngbangaehng echn wiharwddxnmul wiharwdhnxngaedng wiharwdhnxngbw wiharwdthafait wiharwdaesnemuxngma wdmang wiharwdhywn epntn swnchawithluxthinbthuxsasnaxislamnn xnenuxngmacakstrichawithluxbangswnidmikaraetngngankbchawhuy sungepnklumkhnthinbthuxsasnaxislam striithluxklumnimkeriyktnexngwa phasiith phasi rwmraksphthkbkhaphma ပန သ silpa silpathioddednkhxngchawithluxidaeknganphathxithlux niymichphafay bangsmyniymichesnihmcaktangthin thxlwdlaythieriykwa layekaa dwyethkhnikhkarlwng sungpccubnniymeriykwa laynaihl mikarfunfuaelathaythxdsilpakarthxphaaebbithluxinhlaychumchnkhxngphakhehnuxinpccubn karaetngkay phuchay ithluxswnihycaniymswmesuxkhawaekhnyaw swmthbdwyesuxkkpklwdlaydwyeluxm eriykwa esuxpa swmkangeknghmxhxmkhayawtxhwkangekngdwyphasikhaw eriykwa etwhwkhaw niymophksirsa ekhiynhw dwyphasikhaw sichmphu phuhying ithluxniymswmesuxpd epnesuxthiimmikradumaetsabesuxcapayechiyngmaphukiwthiexwdankhang nungsintalux saphaykraepayam thungyam aelaniymophksirsadwyphasikhawhruxsichmphu xahar chawithluxepnklumchatiphnthuthithankhawehniywepnhlk echnediywkbklumchatiphnthuithxun xaharthiniymrbprathanmkcaepnaekngphk prakxbcakphkhruxphuchphrrnthrrmchati hruxxaharthihaidngay echn ehd hnxim ikhmdaedng sahraynacud swnphuchphkswnkhrwthwipmkcapluktamkhwngban ichphrikaekngepnekhruxngprunghlkprakxbdwy phrik taikhr hxm kraethiym plara hakepnxaharpraephthhnximcaisnapulngipdwy echn yahnxim aeknghnxim epntn xaharkhxngchawithluxcaimkhxymiswnphsmkhxngikhmn natsilp fxn fxnnangnk epnkarfxnkhxngithlux xaephxechiyngkha cnghwdphaeya macakwrrnkrrm ecasuthnkbnangmonrah eruxngyx elawa kxnnangmonrahcaodnephaif nangkhxexahangaelapikisephuxfxnrakxnthicakhanang emuxnangidpikaelahangaelw nangkfxnepnaemepnlay aelakhxy khybhangcakkhunhayxachya aeliphreming aelasayxngehaakhunkanghaw xala ecasuthn khblux khblux khux karkhbrxngephlngchnidhnungkhxngchawitlux thitxngichihwphribinkarkhidbthrxngthnthithnid hruxcanaexaeruxngrawinphraphuththsasna eruxngrawkhxngkarelaeruxngpraephniwthnthrrmdngedimkhxngchawitluxinrxbpi withikardaeninchiwit hruxkickrrmtang thiekiywkhxngkbkarthamahakin thngni karkhbluxcakhbrxngrwmkbekhruxngdntripraephthpi hruxthieriykwa pilux xik 1 ela prawtikhwamepnmakhxngkarkhblux epneruxngrawkarbxkelasubtxknmaepntananeruxngkarkhbluxephuxkhbilphung odyechuxwakarkhbluxnimikartnkaenidmaimnxykwarxypi aelaphbehnkaraesdngkarkhbluxmanantngaetbrrphburusemuxkhrngxasyxyuthisibsxngpnna hruxemuxngyxng khbelnknepneruxngthrrmda emuxmikickrrmngansakhyinhmubanchangkhbehlanicaidrbechiyipkhbaesdngkhwamyindihruxkhbephuxsrangkhwamruneringinhmubanesmx karkhblux epnkarkhbthimikarkhidenuxrxngodychbphln hlkkarsmphskhxngkharxngcaepnipxyangimtaytw bthkhahruxkhakhb epnkhapraphnththikhlaykbray ichbrryayeruxngrawihkhlxngtambngkhbsmphstang knipthukwrrkh imkahndsnyaw khunxyukbenuxkhwamthiaetng immikarkahndkdeknthiwwacatxngmikiwrrkh mikikhaaetlksnakhxngkarsngsmphscasngkhathaywrrkhtnipyngkhahnungkhaidinwrrkhtxip khakhbcaipheraadwythxykhathinamaeriyberiyng immibngkhbexk oth xnid lksnathangthanxngkhxngkarkhblux thuxepnxngkhprakxbsakhyyinginkarkhblux odythanxnghlkxyuthithanxngkhb swnesiyngpicachwyinkaryudradbesiyngthanxng caknncasamarthepliynenuxrxngipidesmx hruxthiniym eriykwa rxyenuxthanxngediyw praephni chawithluxidtngbaneruxnxyurwmkbklumchatiphnthuxuninlannamayawnan thaihekidkarphsmphsandanwthnthrrmekhadwykn aetchawithluxyngkhngexklksnthangwthnthrrm echn praephniphithikrrmkhxngchawithlux epnphithieliyngphixarkseriykwaekhakahruxekhakrrm mitngaetkaehuxn hruxkrrmeruxn ipcnthungkaemuxnghruxkrrmemuxng chawithluxihkhwamsakhykbkarxnurkssubsannganpraephni inaetlaphunthi echn nganculkthin tablsridxnchy xaephxechiyngkhxng karrwbrwmekhruxkhayithluxcak 12xaephxincnghwdphakhehnux idaek laphun echiyngihm nan aelaechiyngray inngansubsanpraephniithluxkhxngxaephxaemsay epntn lksnaban 1 epneruxnimykitthunsung ichnganitthuneruxn 2 thangkhnbnidhnaephiyngbnidediyw mihlngkhakhlum thngthihlngkhaphunihykhlumaelathitxchaykhayunyawkhlum 3 hlngkhaphunihy yunyaw aelathaepnsxngtb cnaethbmxngimehnphnng 4 miaelaichesaaehlnghma 5 mibriewnthieriykwa hwkhxmhruxkhxm ehmuxnetinineruxnlanna aetniymthamanngyawodyrxbaethnkartharawkntk 6 phayineruxnepnothng aebngphunthisaykhwaepnswnexnkprasngkhaelaswnnxn sungxacaebngsxngswnnidwyfaimhruxephiyngphaman 7 othngexnkprasngkhichphkphxn khrwif ekbkhxng swnplayepnlansklanghrux cankxn 8 ichaemetaifepnkrabaimdaddinehniywichtngetaif 9 swnnxncaknphunthiaetlakhndwyphaman ichetiynghruxfukpunxn 10 mihingphibrrphburustidtngkbfabaninhxngothng immihingphrakarphsmphsanwthnthrrm chawithluxinsibsxngpnnabangswnidsmrskbchawhuyaelaekharitepnmuslim phwkekhacaeriykaethntwwa phasiith phasi rwmraksphthkbkhaphma ပန သ phudphasaaelaaetngkayxyangithluxaetswmhmwkaelamiphakhlumsirsa inpi ph s 2553 micanwnithhuythnghmd 743 khn tngthinthanthihmubanhmanlwnhuy aelabanhmansayhuyinekhtemuxnghay klumchatiphnththiekiywkhxng ithyxng chawithyxng hrux chawemuxngyxng icheriykklumkhnthitngbaneruxnxyubriewnemuxngyxng aelakracayxyuindantawnxxkkhxngrthchan praethsphma ekhtsibsxngphnna inmnthlyunnankhxngcin phayhlngidxphyphekhamatngbaneruxnin cnghwdlaphun echiyngihm echiyngray aelanan insmyrchkalthi 1 phayitkusolbay ekbphkissa ekbkhaisemuxng khxng phraecabrmrachathibdikawila aehngrachwngsthiphyckrathiwngs ephuxruxfunxanackrlannaphayhlngkaryudkhrxngkhxngphmasinsudlng caktanan chawemuxngyxngnn idxphyphmacakemuxngechiyngrungaelaemuxngxun insibsxngpnna sungepnkhnithlux aelaidxphyphekhamatngthinthankhrngihyinemuxnglaphun aela echiyngihm inpi ph s 2348 dwysaehtukhxngsngkhram ecaemuxngyxngphrxmdwybutrphrrya nxngthng 4 yatiphinxng khunnang phrasngkhaelaiphrphlcakemuxngyxng canwn 20 000 khnekhamaaephwthangemuxnglaphunthirangxyu tngbaneruxntamlumnaaemtha naaemping phukhnthwipinaethbnncungeriykkhnthimacakemuxngyxngwa chawithyxng 1 insmynnphukhntangemuxngthimaxyurwmkn caeriykkhankhnthimacakxikemuxnghnungtamnamkhxngkhnemuxngedim echn khnemuxngechiyngihm khnemuxnglapang khnemuxngaephr khnemuxngnan khnemuxngechiyngtung epntn aetkhxngkhnemuxngyxngnn txmakhawaemuxngidhayip khngehluxxyukhawa khnyxng dngnn yxng cungmiichepnephaphnthu aelaemuxwiekhraahcakphthnakar prawtisastrkhxngemuxngyxngaelw chawithyxng kkhux chawithluxnnexng inrawphuththstwrrsthi 19 oxrsecaemuxngechiyngrung idphabriwarchawithluxcakemuxngechiyngrung ekhamapkkhrxngemuxngyxngehnuxkhnphunemuxng sungepnchawlwa odymithngpccysnbsnun idaek karphsmphsanrabbkhwamechuxaelaphithikrrm aela phraphuththsasnathiekhamainphayhlng khwamsmphnththangekhruxyati aelarabbbrrnakarkbemuxngechiyngrung echiyngtungaelakarsrangphnthmitrthangkaremuxngkbklumemuxnginthirabechiyngray bnfngaemnaokhngtxnklang echn echiyngaesn echiyngkhxng epntn dngnn chawithyxngkbchawithluxkkhuxyatiknnnexngxangxing Results of Population and Housing Census 2015 PDF Lao Statistics Bureau subkhnemux 1 May 2020 Report on Results of the 2019 Census General Statistics Office of Vietnam subkhnemux 1 May 2020 Tai Lue 2021 11 07 thi ewyaebkaemchchin Infomekong com ithlux sanksngesrimsilpwthnthrrm mhawithyalyechiyngihm The Center for the Promotion of Arts and Culture Chiang Mai University khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2007 12 29 subkhnemux 2007 11 20 http www lannacorner net weblanna article article php type A amp ID 482 lingkesiy ithlux site sri cmu ac th ich culture go th khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2022 01 18 subkhnemux 2022 01 18 ecnicha praphvththiml phvsphakhm 2557 ithhuy muslim insibsxngpnna PDF sukhsara 11 125 10 11 Volker Grabowsky and Renoo wichasin Chronicles of Chiang Khaeng Bangkok O S Printing House 2008 duephimphasaithlux ekhtpkkhrxngtnexngchachatiith sibsxbpnna xanackrhxkhaechiyngrung xanackrlanna ithyxng ithekhin banewiyngaekwaehlngkhxmulxunchnchatiitinsibsxngpnna