บทความนี้ต้องการการจัดหน้า หรือ ให้ คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้เพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
พระปทุมเทวาภิบาล (ถึงอสัญกรรม 20 มีนาคม พ.ศ. 2395) หรือ บุญมา ณ หนองคาย เป็นเจ้าเมืองหนองคายคนแรก อดีตบรรดาศักดิ์ที่ ท้าวสุวอธรรมา กรมการเมืองยโสธร (เมืองยศสุนทร) ต่อมาเลื่อนยศในตำแหน่งคณะอาญาสี่เมืองยโสธรเป็นที่ พระอุปฮาต เป็นต้นสกุลพระราชทาน ณ หนองคาย
พระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา ณ หนองคาย) | |
---|---|
อนุสาวรีย์พระประทุมเทวาภิบาล บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑสถานคุ้มเจ้าเมืองหนองคาย | |
(เจ้าเมืองหนองคาย) | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2370 – พ.ศ. 2395 | |
ก่อนหน้า | จัดตั้งตำแหน่ง |
ถัดไป | พระปทุมเทวาภิบาล (ราชบุตร) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เสียชีวิต | 20 มีนาคม พ.ศ. 2395 |
บุตร | พระปทุมเทวาภิบาล (เคน ณ หนองคาย) |
บุพการี |
|
พระประวัติ
ตระกูล
พระปทุมเทวาภิบาล มีนามเดิมว่า ท้าวบุญมา เป็นบุตรชายพระอุปฮาด (ท้าวแพง) อุปฮาด (อุปราช) เมืองยโสธร ท้าวบุญมาเป็นนัดดา (หลานปู่) ใน เจ้าเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัยประเทศราช ต้นสกุล ณ อุบล และพระวิไชยสุริยวงษขัติยราช (ท้าวฝ่ายหน้า) พระประเทศราชผู้ครองนครจำปาศักดิ์ องค์ที่ ๓ และเป็นปนัดดา (เหลน) พระตาแห่งเมืองหนองบัวลุ่มภูหรือนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ปัจจุบันคือจังหวัดหนองบัวลำภู ในภาคอีสานของประเทศไทย สืบเชื้อสายจากราชวงศ์
พระอุปฮาตเมืองยโสธร
ท้าวบุญมา มีตำแหน่งเป็นที่ ท้าวสุวอธรรมา กรมการเมืองยโสธร ผู้ช่วยราชการ เจ้าเมืองยโสธร ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกผู้พี่ของท้าวสุวอธรรมา (บุญมา) ภายหลังจากพระอุปฮาด (แพง) ผู้เป็นบิดาถึงแก่อนิจกรรมลง ท้าวสุวอธรรมา (บุญมา) จึงได้เลื่อนขึ้นเป็นพระอุปฮาดเมืองยโสธรแทนตำแหน่งของบิดา
เลื่อนเป็นเจ้าเมืองหนองคาย
ในปี พ.ศ. ๒๓๗๐ เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ได้ยกทัพลงมาตีเมืองนครราชสีมา เจ้าเมืองนครราชสีมาขอกำลังจากกองทัพฝ่ายสยามเข้าไปช่วย กองทัพของเจ้าอนุวงศ์พ่ายกองทัพสยามจึงหนีไปพึ่งญวน โดยครั้งนั้นกองทัพสยามยังไม่ได้รื้อทำลายเมืองเวียงจันทน์ลง สยามเกรงว่าเจ้าอนุวงศ์จะนำทัพญวนกลับเข้ามาตั้งตัวได้อีกครั้ง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) จึงเกณฑ์ไพร่พลหัวเมืองลาวอีสานไปตีเมืองเวียงจันทน์อีกครั้ง โดยครั้งนั้นพระสุนทรราชวงศาเจ้าเมืองยโสธร สั่งให้พระอุปฮาด (บุญมา) และราชบุตร (เคน) บุตรชายของพระอุปฮาด คุมกำลังพลเมืองยโสธรเข้าร่วมกองทัพเจ้าพระยาราชสุภาวดีด้วย แต่เมื่อกองทัพสยามยกไปถึงเมืองเวียงจันทน์ได้ต้องกลอุบายศึกของเจ้าอนุวงศ์ เป็นเหตุให้สยามเข้าใจว่าพระองค์จะเข้ามาสวามิภักดิ์ รุ่งขึ้น พระราชโอรสในเจ้าอนุวงศ์ได้ยกกำลังเข้าโจมตีกองข้าหลวงของพระพิชัยสงครามและทหารไทยล้มตายเป็นอันมาก เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) ซึ่งตั้งทัพอยู่ (เมืองพันพร้าว) ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำโขงยังไม่ข้ามไปเวียงจันทน์เห็นกำลังทัพเมืองเวียงจันทน์ตามมาไล่ฆ่าฟันถึงชายหาดหน้าเมืองก็ทราบว่าเกิดเหตุร้าย และพิจารณาเห็นว่าทัพเมืองเวียงจันทน์และญวนมีมากกว่าทัพสยามจึงถอนกำลังกลับลงไปยังเมืองยโสธร
เจ้าอนุวงศ์โปรดฯ ให้เจ้าราชวงศ์ (เหง้า) นำกำลังพลข้ามตามมาและปะทะกับทัพไทยที่บ้านบกหวานเกิดการต่อสู้กันถึงขั้นตะลุมบอน แม่ทัพทั้งสองฝ่ายได้รบกันตัวต่อตัวจนถึงขั้นบาดเจ็บ กองทัพเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิง สิงหเสนี) พ่ายแพ้ ฝ่ายทัพเจ้าราชวงศ์ (เหง้า) ล่าถอยด้วยต้องกระสุนปืนของฝ่ายสยาม สยามเห็นดังนั้นจึงได้เร่งติดตามกองทัพลาวไปจนถึงเมืองพันพร้าว ปรากฏว่ากองทัพลาวข้ามแม่น้ำโขงไปแล้วและเจ้าอนุวงศ์ก็เสด็จหนีไปยังเมืองพวน การรบครั้งนั้นปรากฏว่าพระอุปฮาด (บุญมา) เมืองยโสธร และราชบุตร (เคน) บุตรชายพระอุปฮาด (บุญมา) มีความดีความชอบมาก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านหนองค่ายอันเป็นที่ตั้งทัพนั้นขึ้นเป็น เมืองหนองคาย ตามนามโบราณของเมืองเก่าซึ่งมีชื่อปรากฏมาแต่เดิมในคัมภีร์อุรังธาตุเทศนาว่า เมืองหล้าหนองคาย หรือ เมืองลาหนองคาย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้พระอุปฮาด (บุญมา) อาญาสี่เมืองยโสธรเป็นที่ พระปทุมเทวาภิบาล เจ้าเมืองหนองคาย มอบพระราชอำนาจให้ปกครองหัวเมืองลาวใหญ่น้อยที่เคยขึ้นกับเมืองเวียงจันทน์แทนเมืองเวียงจันทน์ที่ถูกทำลายไป ยกฐานะเมืองหนองคายเสมอด้วยเมืองชายพระราชอาณาเขต ยกฐานะผู้ปกครองเมืองเสมอด้วยเมืองพระประเทศราช (ต่อมาจึงลดฐานะลงเป็นหัวเมืองชั้นเอก) ในการณ์นี้ทรงโปรดเกล้าฯ ตั้งราชบุตร (เคน) เป็นที่ พระอุปฮาดเมืองหนองคายด้วย
ผลงาน
ตั้งเมืองหนองคาย
บริเวณที่ตั้งของตัวอำเภอเมืองหนองคายในปัจจุบัน ครั้งอดีตเป็นชุมชนโบราณและเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กนามว่า บ้านไผ่ สันนิษฐานว่าเป็นชุมชนในเขตการปกครองของเมืองเวียงคุกหรือเวียงคุคำซึ่งเป็นหัวเมืองสำคัญขนาดใหญ่ของราชอาณาจักรล้านช้างในทางฝั่งขวาแม่น้ำโขง เมื่อกองทัพสยามยกทัพมาต่อสู้กับกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ในปี พ.ศ. ๒๓๖๙-๒๔๗๑ และตั้งมั่นอยู่ที่ค่ายพานพร้าว เขตเมืองพันพร้าว ฝั่งตรงข้ามกับนครเวียงจันทน์ ภายหลังจากสยามหลงกลทัพของเจ้าอนุวงศ์จึงละทิ้งค่ายพานพร้าวมาตั้งมั่นที่ ค่ายบกหวาน ซึ่งห่างจากค่ายพานพร้าวมาทางใต้ประมาณ ๕๐ กิโลเมตร ภายหลังเมื่อสยามรบชนะทัพเจ้าอนุวงศ์จึงมีการตั้งเมืองใหม่บริเวณค่ายบกหวานแทนที่เมืองเวียงจันทน์เดิม ซี่งกองทัพไทยได้ทำลายจนไม่เหลือสภาพให้เป็นที่ตั้งมั่นของชาวลาวล้านช้างได้อีกต่อไป สยามเห็นว่าค่ายบกหวานเป็นชัยภูมิที่เหมาะสมในการย้ายฐานการปกครองจากเมืองเวียงจันทน์มายังชัยภูมิแห่งใหม่ เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทำลายราชวงศ์เวียงจันทน์และทำลายเมืองเวียงจันทน์ลงแล้ว พระองค์ทรงโปรดฯ ให้เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) ว่าที่สมุหนายกมาตั้งเมืองใหม่ขึ้นแทนที่เมืองเวียงจันทน์ในคราวนั้นด้วย สันนิษฐานว่า โหราจารย์ฝ่ายสยามได้ผูกศัพท์นามเมืองเป็นฤกษ์ชัยโดยใช้ชื่อค่ายบกหวานใกล้บ้านไผ่เป็นนิมิตนามเมือง ค่ายบกหวานเป็นสถานที่ไม่ติดแม่น้ำ ทหารจึงต้องอาศัยน้ำจากหนองบึงค่ายมาอุปโภคบริโภค สันนิษฐานว่าหนองบึงนั้นคงเรียกกันในคราวนั้นว่า บึงค่าย หรือ หนองค่าย ด้วยเป็นสถานที่ตั้งค่ายของกองทัพสยามวึ่งใช้รบชนะทัพเวียงจันทน์ถึงสองครั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๑ และ พ.ศ. ๒๓๗๑ สยามจึงตั้งนามเมืองใหม่แห่งนี้ว่า เมืองหนองค่าย ต่อมาจึงเพี้ยนเป็น เมืองหนองคาย สยามได้ใช้รูปดอกบัวซึ่งเป็นไม้พุทธอาสน์หรืออาสนะพระพุทธเจ้าและเป็นไม้น้ำตามนิมิตชื่อเมืองหนองค่ายมาเป็นตราประจำเมือง ส่วนราชทินนามของเจ้าเมืองที่ พระปทุมเทวาภิบาล นั้นแปลว่า ดอกบัวที่มีเทวดารักษาอยู่ สันนิษฐานว่า เป็นราชทินนามที่ตั้งให้พ้องกับราชทินนามเจ้าเมืองอุบลราชธานี และให้พ้องกับนามเมืองหนองบัวลุ่มภูซึ่งเป็นเมืองบรรพบุรุษของพระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา)
เมื่อสยามยกบ้านไผ่ขึ้นเป็นเมืองหนองคายริมแม่น้ำโขงฝั่งขวาแล้ว ได้ตั้งค่ายกองทหารส่วนหน้าอยู่บริเวณศาลากลางหลังที่ ๑ และ ๒ เดิม ปัจจุบันมีถนนสายหนึ่งของตัวเมืองเรียกว่า ถนนท่าค่าย สืบมา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้เมืองหนองคายทำหน้าที่ปกครองหัวเมืองลาวล้านช้างทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาแม่น้ำโขงแทนเมืองเวียงจันทน์ ราษฎรของเมืองหนองคายส่วนใหญ่คือชาวลาวเวียงจันทน์ ต่อมาเมืองหนองคายถูกลดฐานะเป็นหัวเมืองเอก ๑ ใน ๑๕ หัวเมือง รวมเมืองขึ้น ๕๒ หัวเมือง หลังสิ้นสุดสงครามเจ้าอนุวงศ์และหลังการทำลายราชวงศ์เวียงจันทน์ลงแล้ว เมืองหนองคายนับว่ามีบทบาททางการเมืองการปกครองมากที่สุดเมืองหนึ่งในหัวเมืองฝ่ายลาวอีสาน และเป็นที่มั่นด่านหน้าของกองทัพสยามในการทำสงครามกับญวนอีก ๑๕ ปี คือ ใน พ.ศ. ๒๓๗๑-๒๓๘๖ ภายหลังจักรพรรดิมินมางของญวนได้พยายามเข้ามามีอิทธิพลในดินแดนอาณาจักรล้านช้างและอาณาจักรกัมพูชา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯให้ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สมุหนายก เป็นแม่ทัพใหญ่ยกทัพรบญวนจนถึงเมืองไซ่ง่อน โดยมีเมืองหนองคาย นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี ช่วยสกัดทัพด้านนี้แทน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าราษฎรเมืองต่างๆ ในอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์และอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ต่างระส่ำระสายเพราะบ้านเมืองกลายเป็นสมรภูมิ จึงทรงมีพระบรมราโชบายให้เจ้าเมืองพาราษฎรอพยพมายังฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง โดยพระราชทานที่ทำกินและสืบตระกูลได้ จึงปรากฏว่ามีชาวเมืองพวนจากแคว้นเชียงขวางและชาวญวนอพยพมาอยู่ฝั่งเมืองหนองคายมากขึ้น
สร้างวัดโพธิ์ชัย
ภายหลังการสิ้นสงครามเจ้าอนุวงศ์แห่งเมืองเวียงจันทน์ กองทัพสยามได้ชิงเอาพระเสริมและพระใสมาประดิษฐานไว้ที่เมืองหนองคาย พระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา) เจ้าเมืองหนองคายก็เอาธุระในการเคารพบูชาตามสมควรเนื่องจากบรรพบุรุษแห่งราชวงศืเวียงจันทน์ของพระองค์เป็นผู้สร้าง และประกอบกับบ้านเมืองสมัยนั้นยังอยู่ในภาวะสงคราม ดังจะปรากฏว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๗๒-๒๓๗๖ นั้นมีการยกกองทัพมาผ่านและแวะพักที่เมืองหนองคายหลายครั้ง ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๗๙ ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นที่วัดหอก่อง กล่าวคือ เกิดแผ่นดินไหวทำให้เกิดเป็นรอยแยกขนาดใหญ่ต่อหน้าพระเสริม ดังปรากฏในพงศาวดารย่อเมืองเวียงจันทน์ฉบับที่ ๒ ว่า
"ศักราชได้ ๑๙๘ ปีฮวยสัน เดือน ๖ ขึ้นแปดค่ำ วันเสาร์ มื้อเต่าสี ยามกองแลง (ประมาณบ่าย ๓ โมงเศษ) แผ่นดินยะ (แยก) ณ วัดหอก่อง ตรงหน้าพระเสริมแล"
การเกิดเหตุอัศจรรย์ดังกล่าวทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันของชาวเมืองและขุนนางข้าราชการไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าเป็นอาเพศบ้านเมืองจะทุกข์ร้อน บ้างก็ว่าเป็นลางบอกเหตุว่าพระเสริมต้องการเสด็จไปวัดอื่น บ้างก็ว่าวัดหอก่องเป็นวัดเล็กไม่เหมาะสมที่จะนำพระพุทธรูปที่พระมหากษัตริย์เวียงจันทน์ทรงสร้างมาประดิษฐานไว้ในที่แคบๆ เช่นนี้ เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนั้นพระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา) ผู้เป็นเจ้าเมืองและกรมการเมืองหนองคายจึงได้ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไร ในที่สุดก็มีมติว่าจะต้องหาสถานที่เพื่อสร้างเป็นวัดใหญ่ และอัญเชิญพระเสริมไปประดิษฐานอยู่ซึ่งสถานที่ดังกล่าวก็คือ วัดผีผิว วัดผีผิวเป็นวัดร้างที่มีความสำคัญมาแต่ครั้งอดีต ภายในประดิษฐานพระธาตุเจดีย์ลาวโบราณที่งดงาม และไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ดังนั้น จึงมีมติในการบูรณะวัดผีผิวและเปลี่ยนนามใหม่เป็น วัดโพธิ์ชัย เมื่อกรมเมืองหนองคายมีมติดังกล่าวแล้ว พระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา) ผู้เป็นเจ้าเมืองก็ได้นำความเข้าปรึกษากับท่านญาครูหลักคำผู้เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่สุดของเมืองหนองคาย ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๘๒ พระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา) เจ้าเมืองหนองคาย จึงเป็นประธานฝ่ายฆราวาสโดยมีท่านญาคูหลักคำเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทำการยกวัดโพธิ์ชัย คือการยกฐานะจากวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาให้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษา พร้อมกับบูรณะปฏิสังขรณ์เสนาสนะที่เป็นที่จำพรรษาของพระภิกษุและสามเณรขึ้น เมื่อวันที่ ๒๑ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๘๒ ดังปรากฏในพงศาวดารย่อเมืองเวียงจันทน์ว่า
"ศักราชได้ ๒๐๑ ปีกัดไค้ เจ้าเมืองหนองคาย (ยก) วัดโพไซย เดือน ๓ แรม ๔ ค่ำ วันเสาร์แล"
เมื่อทำการบูรณะและยกวัดเสร็จแล้ว พระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา) ได้นิมนต์ท่านญาคูหลักคำมาเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย และได้ประกอบพิธีอัญเชิญพระเสริมจากวัดหอก่องมาประดิษฐานที่สิม (พระอุโบสถ) วัดโพธิ์ชัย แต่นั้นมาวัดโพธิ์ชัยก็กลายมาเป็นวัดหลวงประจำเมืองหนองคาย เนื่องจากเจ้าเมืองเป็นผู้สร้างหรือบูรณะขึ้น อนึ่ง ภายหลังจากประกอบพิธียกวัดโพธิ์ชัยและอัญเชิญพระเสิมมาประดิษฐานยังวัดโพธิ์ชัยแล้ว ถัดจากนั้นมาอีก ๑๓ วัน คือ วันที่ ๔ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๓๘๒ ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญคือเกิดสุริยุปราคาขึ้น
หลัง พ.ศ. ๒๓๘๒ เป็นต้นมา พระเสิมและพระใสก็ได้รับการเคารพบูชาจากชาวเมืองหนองคายรวมถึงขุนนางข้าราชการจากกรุงเทพมหานครที่ได้เดินทางมาราชการที่เมืองหนองคายเป็นนิจ สมัยนั้นวัดโพธิ์ชัยมีท่านญาคูหลักคำเป็นเจ้าอาวาสก็ดำเนินการปกครองและพัฒนาวัดตามสมควร โดยได้รับการอุปถัมภ์บำรุงจากท่านเจ้าเมืองคือพระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา) ทำให้วัดได้รับความเจริญมาตามลำดับ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์จะได้พระพุทธรูปขนาดใหญ่เพื่อมาประดิษฐานเป็นพระประธานที่วัดบวรสถานมงคลหรือวัดพระแก้ววังหน้าที่ทรงให้สร้างขึ้นที่บริเวณพระราชวังบวรสถานมงคล และได้ทรงทราบว่ามีพระพุทธรูปล้านช้างที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ทรงมีพระรับสั่งให้อัญเชิญมาตั้งตั้งครั้งสงครามปราบกบฎเวียงจันทน์แต่ยังคงค้างอยู่ที่เมืองหนองคาย ในปีพ.ศ. ๒๓๙๙ พระองค์ทรงมีพระบวราชโองการให้ขุนวรราชธานี และเจ้าเหม็น (โอรสเจ้าอนุวงศ์)เป็นข้าหลวงขึ้นมาอัญเชิญพระเสริมจากเมืองหนองคายไปกรุงเทพฯ ดังปรากฏในพงศาวดารย่อฯ ความตอนหนึ่งว่า
"เดือน ๓ ขึ้น ๙ ค่ำ มื้อเต่าเส็ด ขุนวรธานีแลเจ้าเหม็น เปนข้าหลวงมาเอาพระเสิมยกจากเมืองหนองคายไปไทยก็ปีนั้น"
และเมื่อขุนวรธานีและเจ้าเหม็น เป็นข้าหลวงอัญเชิญพระเสริมจากวัดโพธิ์ชัยลงไปยังกรุงเทพฯ ขุนวรธานีจะอัญเชิญพระใสไปพร้อมกับพระเสริมด้วย แต่เกิดปาฏิหาริย์ โดยพราหมณ์ผู้อัญเชิญนั้นไม่สามารถขับเกวียนนำพระใสไปได้ แม้จะใช้กำลังคนหรืออ้อนวอนอย่างไรก็ตาม จนในที่สุดเกวียนได้หักลง เมื่อหาเกวียนใหม่มาแทนก็ไม่สามารถเคลื่อนไปได้อีก จึงปรึกษาตกลงกันว่าให้อัญเชิญพระใสมาไว้ที่วัดโพธิ์ชัยแทนพระเสริม ดังนั้นหลวงพ่อพระใสจึงประดิษฐานที่วัดโพธิ์ชัยจนถึงปัจจุบัน
ถึงอสัญกรรม
พระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา) เจ้าเมืองหนองคาย ครองเมืองหนองคายได้ ๒๕ ปี ก็ถึงอสัญกรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๓๙๕ ตรงกับวันขึ้น ๑๑ ค่ำเดือน ๕ เวลาประมาณ ๓ โมงเช้า ชาวเมืองได้พากันจัดงานบำเพ็ญพระกุศลถวายแด่พระองค์และเก็บพระศพของพระองค์ไว้รอจัดงานและสร้างพระเมรุฌาปนกิจ ต่อมากรมการเมืองและชาวเมืองหนองคายได้ทำการฌาปนกิจพระศพพระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา) เมื่อวันที่ ๑๖ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๙๖ ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๔ ค่ำ เดือน ๓ โดยมิได้ปรากฏหลักฐานการขอพระราชทานเพลิงและหีบศิลาหน้าเพลิงจากพระเจ้าแผ่นดินกรุงสยามแต่ประการใด
บุตร
๑. พระยาวุฒาธิคุณ (ท้าวเคน) ผู้สำเร็จราชการเมืองหนองคาย คนที่ ๓
๒. พระวิชิตหงษ์พิไสย (ท้าวขัติยะ) เจ้าเมืองทุรคมหงษ์สถิตย์ คนที่ ๑
พงศาวลี
พงศาวลีของพระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา ณ หนองคาย) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-23. สืบค้นเมื่อ 2015-06-13.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-09-26. สืบค้นเมื่อ 2015-06-13.
ก่อนหน้า | พระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา ณ หนองคาย) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เริ่มตั้งเมืองหนองคาย | เจ้าเมืองหนองคาย (พ.ศ. 2370 - พ.ศ. 2395) | พระปทุมเทวาภิบาล (ราชบุตร) |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnitxngkarkarcdhna cdhmwdhmu islingkphayin hruxekbkwadenuxha ihmikhunphaphdikhun khunsamarthprbprungaekikhbthkhwamniid aelanapayxxk phicarnaichpaykhxkhwamxunephuxchichdkhxbkphrxng phrapthumethwaphibal thungxsykrrm 20 minakhm ph s 2395 hrux buyma n hnxngkhay epnecaemuxnghnxngkhaykhnaerk xditbrrdaskdithi thawsuwxthrrma krmkaremuxngyosthr emuxngyssunthr txmaeluxnysintaaehnngkhnaxayasiemuxngyosthrepnthi phraxuphat epntnskulphrarachthan n hnxngkhayphrapthumethwaphibal buyma n hnxngkhay ifl phrapthumethwaphibal buyma jpg xnusawriyphraprathumethwaphibal briewndanhnaphiphithphnthsthankhumecaemuxnghnxngkhayecaemuxnghnxngkhaydarngtaaehnng ph s 2370 ph s 2395kxnhnacdtngtaaehnngthdipphrapthumethwaphibal rachbutr khxmulswnbukhkhlesiychiwit20 minakhm ph s 2395butrphrapthumethwaphibal ekhn n hnxngkhay buphkarixuprachaephng bida phraprawtitrakul phrapthumethwaphibal minamedimwa thawbuyma epnbutrchayphraxuphad thawaephng xuphad xuprach emuxngyosthr thawbuymaepnndda hlanpu in ecaemuxngxublrachthanisriwnalypraethsrach tnskul n xubl aelaphrawiichysuriywngskhtiyrach thawfayhna phrapraethsrachphukhrxngnkhrcapaskdi xngkhthi 3 aelaepnpndda ehln phrataaehngemuxnghnxngbwlumphuhruxnkhrekhuxnkhnthkabaekwbwban pccubnkhuxcnghwdhnxngbwlaphu inphakhxisankhxngpraethsithy subechuxsaycakrachwngs phraxuphatemuxngyosthr thawbuyma mitaaehnngepnthi thawsuwxthrrma krmkaremuxngyosthr phuchwyrachkar ecaemuxngyosthr sungmiskdiepnlukphuphikhxngthawsuwxthrrma buyma phayhlngcakphraxuphad aephng phuepnbidathungaekxnickrrmlng thawsuwxthrrma buyma cungideluxnkhunepnphraxuphademuxngyosthraethntaaehnngkhxngbida eluxnepnecaemuxnghnxngkhay inpi ph s 2370 ecaxnuwngsaehngewiyngcnthnidykthphlngmatiemuxngnkhrrachsima ecaemuxngnkhrrachsimakhxkalngcakkxngthphfaysyamekhaipchwy kxngthphkhxngecaxnuwngsphaykxngthphsyamcunghniipphungywn odykhrngnnkxngthphsyamyngimidruxthalayemuxngewiyngcnthnlng syamekrngwaecaxnuwngscanathphywnklbekhamatngtwidxikkhrng phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwcungoprdekla ihecaphrayarachsuphawdi singh singhesni cungeknthiphrphlhwemuxnglawxisaniptiemuxngewiyngcnthnxikkhrng odykhrngnnphrasunthrrachwngsaecaemuxngyosthr sngihphraxuphad buyma aelarachbutr ekhn butrchaykhxngphraxuphad khumkalngphlemuxngyosthrekharwmkxngthphecaphrayarachsuphawdidwy aetemuxkxngthphsyamykipthungemuxngewiyngcnthnidtxngklxubaysukkhxngecaxnuwngs epnehtuihsyamekhaicwaphraxngkhcaekhamaswamiphkdi rungkhun phrarachoxrsinecaxnuwngsidykkalngekhaocmtikxngkhahlwngkhxngphraphichysngkhramaelathharithylmtayepnxnmak ecaphrayarachsuphawdi singh singhesni sungtngthphxyu emuxngphnphraw fngtrngkhamaemnaokhngyngimkhamipewiyngcnthnehnkalngthphemuxngewiyngcnthntammailkhafnthungchayhadhnaemuxngkthrabwaekidehturay aelaphicarnaehnwathphemuxngewiyngcnthnaelaywnmimakkwathphsyamcungthxnkalngklblngipyngemuxngyosthr ecaxnuwngsoprd ihecarachwngs ehnga nakalngphlkhamtammaaelapathakbthphithythibanbkhwanekidkartxsuknthungkhntalumbxn aemthphthngsxngfayidrbkntwtxtwcnthungkhnbadecb kxngthphecaphrayarachsuphawdi sing singhesni phayaeph faythphecarachwngs ehnga lathxydwytxngkrasunpunkhxngfaysyam syamehndngnncungiderngtidtamkxngthphlawipcnthungemuxngphnphraw praktwakxngthphlawkhamaemnaokhngipaelwaelaecaxnuwngskesdchniipyngemuxngphwn karrbkhrngnnpraktwaphraxuphad buyma emuxngyosthr aelarachbutr ekhn butrchayphraxuphad buyma mikhwamdikhwamchxbmak phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw cungthrngphrakrunaoprdekla ihykbanhnxngkhayxnepnthitngthphnnkhunepn emuxnghnxngkhay tamnamobrankhxngemuxngekasungmichuxpraktmaaetediminkhmphirxurngthatuethsnawa emuxnghlahnxngkhay hrux emuxnglahnxngkhay thrngphrakrunaoprdekla sthapnaihphraxuphad buyma xayasiemuxngyosthrepnthi phrapthumethwaphibal ecaemuxnghnxngkhay mxbphrarachxanacihpkkhrxnghwemuxnglawihynxythiekhykhunkbemuxngewiyngcnthnaethnemuxngewiyngcnthnthithukthalayip ykthanaemuxnghnxngkhayesmxdwyemuxngchayphrarachxanaekht ykthanaphupkkhrxngemuxngesmxdwyemuxngphrapraethsrach txmacungldthanalngepnhwemuxngchnexk inkarnnithrngoprdekla tngrachbutr ekhn epnthi phraxuphademuxnghnxngkhaydwyphlngantngemuxnghnxngkhay briewnthitngkhxngtwxaephxemuxnghnxngkhayinpccubn khrngxditepnchumchnobranaelaepnhmubankhnadelknamwa baniph snnisthanwaepnchumchninekhtkarpkkhrxngkhxngemuxngewiyngkhukhruxewiyngkhukhasungepnhwemuxngsakhykhnadihykhxngrachxanackrlanchanginthangfngkhwaaemnaokhng emuxkxngthphsyamykthphmatxsukbkxngthphkhxngecaxnuwngsinpi ph s 2369 2471 aelatngmnxyuthikhayphanphraw ekhtemuxngphnphraw fngtrngkhamkbnkhrewiyngcnthn phayhlngcaksyamhlngklthphkhxngecaxnuwngscunglathingkhayphanphrawmatngmnthi khaybkhwan sunghangcakkhayphanphrawmathangitpraman 50 kiolemtr phayhlngemuxsyamrbchnathphecaxnuwngscungmikartngemuxngihmbriewnkhaybkhwanaethnthiemuxngewiyngcnthnedim singkxngthphithyidthalaycnimehluxsphaphihepnthitngmnkhxngchawlawlanchangidxiktxip syamehnwakhaybkhwanepnchyphumithiehmaasminkaryaythankarpkkhrxngcakemuxngewiyngcnthnmayngchyphumiaehngihm emuxphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw thrngthalayrachwngsewiyngcnthnaelathalayemuxngewiyngcnthnlngaelw phraxngkhthrngoprd ihecaphrayarachsuphawdi singh singhesni wathismuhnaykmatngemuxngihmkhunaethnthiemuxngewiyngcnthninkhrawnndwy snnisthanwa ohracaryfaysyamidphuksphthnamemuxngepnvkschyodyichchuxkhaybkhwaniklbaniphepnnimitnamemuxng khaybkhwanepnsthanthiimtidaemna thharcungtxngxasynacakhnxngbungkhaymaxupophkhbriophkh snnisthanwahnxngbungnnkhngeriykkninkhrawnnwa bungkhay hrux hnxngkhay dwyepnsthanthitngkhaykhxngkxngthphsyamwungichrbchnathphewiyngcnthnthungsxngkhrngemux ph s 2321 aela ph s 2371 syamcungtngnamemuxngihmaehngniwa emuxnghnxngkhay txmacungephiynepn emuxnghnxngkhay syamidichrupdxkbwsungepnimphuththxasnhruxxasnaphraphuththecaaelaepnimnatamnimitchuxemuxnghnxngkhaymaepntrapracaemuxng swnrachthinnamkhxngecaemuxngthi phrapthumethwaphibal nnaeplwa dxkbwthimiethwdarksaxyu snnisthanwa epnrachthinnamthitngihphxngkbrachthinnamecaemuxngxublrachthani aelaihphxngkbnamemuxnghnxngbwlumphusungepnemuxngbrrphburuskhxngphrapthumethwaphibal buyma emuxsyamykbaniphkhunepnemuxnghnxngkhayrimaemnaokhngfngkhwaaelw idtngkhaykxngthharswnhnaxyubriewnsalaklanghlngthi 1 aela 2 edim pccubnmithnnsayhnungkhxngtwemuxngeriykwa thnnthakhay subma phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw oprd ihemuxnghnxngkhaythahnathipkkhrxnghwemuxnglawlanchangthngfngsayaelafngkhwaaemnaokhngaethnemuxngewiyngcnthn rasdrkhxngemuxnghnxngkhayswnihykhuxchawlawewiyngcnthn txmaemuxnghnxngkhaythukldthanaepnhwemuxngexk 1 in 15 hwemuxng rwmemuxngkhun 52 hwemuxng hlngsinsudsngkhramecaxnuwngsaelahlngkarthalayrachwngsewiyngcnthnlngaelw emuxnghnxngkhaynbwamibthbaththangkaremuxngkarpkkhrxngmakthisudemuxnghnunginhwemuxngfaylawxisan aelaepnthimndanhnakhxngkxngthphsyaminkarthasngkhramkbywnxik 15 pi khux in ph s 2371 2386 phayhlngckrphrrdiminmangkhxngywnidphyayamekhamamixiththiphlindinaednxanackrlanchangaelaxanackrkmphucha phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw cungoprdeklaih ecaphrayabdinthredcha singh singhesni smuhnayk epnaemthphihyykthphrbywncnthungemuxngisngxn odymiemuxnghnxngkhay nkhrphnm mukdahar xublrachthani chwyskdthphdanniaethn phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw thrngehnwarasdremuxngtang inxanackrlanchangewiyngcnthnaelaxanackrlanchangcapaskditangrasarasayephraabanemuxngklayepnsmrphumi cungthrngmiphrabrmraochbayihecaemuxngpharasdrxphyphmayngfngsayaemnaokhng odyphrarachthanthithakinaelasubtrakulid cungpraktwamichawemuxngphwncakaekhwnechiyngkhwangaelachawywnxphyphmaxyufngemuxnghnxngkhaymakkhun srangwdophthichy phayhlngkarsinsngkhramecaxnuwngsaehngemuxngewiyngcnthn kxngthphsyamidchingexaphraesrimaelaphraismapradisthaniwthiemuxnghnxngkhay phrapthumethwaphibal buyma ecaemuxnghnxngkhaykexathurainkarekharphbuchatamsmkhwrenuxngcakbrrphburusaehngrachwngsuewiyngcnthnkhxngphraxngkhepnphusrang aelaprakxbkbbanemuxngsmynnyngxyuinphawasngkhram dngcapraktwatngaetpi ph s 2372 2376 nnmikarykkxngthphmaphanaelaaewaphkthiemuxnghnxngkhayhlaykhrng txmainpi ph s 2379 idekidehtuxscrrykhunthiwdhxkxng klawkhux ekidaephndinihwthaihekidepnrxyaeykkhnadihytxhnaphraesrim dngpraktinphngsawdaryxemuxngewiyngcnthnchbbthi 2 wa skrachid 198 pihwysn eduxn 6 khunaepdkha wnesar muxetasi yamkxngaelng pramanbay 3 omngess aephndinya aeyk n wdhxkxng trnghnaphraesrimael karekidehtuxscrrydngklawthaihmikarwiphakswicarnknkhxngchawemuxngaelakhunnangkharachkariptang nana bangkwaepnxaephsbanemuxngcathukkhrxn bangkwaepnlangbxkehtuwaphraesrimtxngkaresdcipwdxun bangkwawdhxkxngepnwdelkimehmaasmthicanaphraphuththrupthiphramhakstriyewiyngcnthnthrngsrangmapradisthaniwinthiaekhb echnni epntn emuxepnechnnnphrapthumethwaphibal buyma phuepnecaemuxngaelakrmkaremuxnghnxngkhaycungidpruksaknwacathaxyangir inthisudkmimtiwacatxnghasthanthiephuxsrangepnwdihy aelaxyechiyphraesrimippradisthanxyusungsthanthidngklawkkhux wdphiphiw wdphiphiwepnwdrangthimikhwamsakhymaaetkhrngxdit phayinpradisthanphrathatuecdiylawobranthingdngam aelaimmiphrasngkhcaphrrsa dngnn cungmimtiinkarburnawdphiphiwaelaepliynnamihmepn wdophthichy emuxkrmemuxnghnxngkhaymimtidngklawaelw phrapthumethwaphibal buyma phuepnecaemuxngkidnakhwamekhapruksakbthanyakhruhlkkhaphuepnphraethrachnphuihysudkhxngemuxnghnxngkhay txmainpi ph s 2382 phrapthumethwaphibal buyma ecaemuxnghnxngkhay cungepnprathanfaykhrawasodymithanyakhuhlkkhaepnprathanfaysngkh thakarykwdophthichy khuxkarykthanacakwdthiimmiphrasngkhcaphrrsaihepnwdthimiphrasngkhxyucaphrrsa phrxmkbburnaptisngkhrnesnasnathiepnthicaphrrsakhxngphraphiksuaelasamenrkhun emuxwnthi 21 eduxnkumphaphnth ph s 2382 dngpraktinphngsawdaryxemuxngewiyngcnthnwa skrachid 201 pikdikh ecaemuxnghnxngkhay yk wdophisy eduxn 3 aerm 4 kha wnesarael emuxthakarburnaaelaykwdesrcaelw phrapthumethwaphibal buyma idnimntthanyakhuhlkkhamaepnecaxawaswdophthichy aelaidprakxbphithixyechiyphraesrimcakwdhxkxngmapradisthanthisim phraxuobsth wdophthichy aetnnmawdophthichykklaymaepnwdhlwngpracaemuxnghnxngkhay enuxngcakecaemuxngepnphusranghruxburnakhun xnung phayhlngcakprakxbphithiykwdophthichyaelaxyechiyphraesimmapradisthanyngwdophthichyaelw thdcaknnmaxik 13 wn khux wnthi 4 eduxnminakhm ph s 2382 kekidehtukarnsakhykhuxekidsuriyuprakhakhun hlng ph s 2382 epntnma phraesimaelaphraiskidrbkarekharphbuchacakchawemuxnghnxngkhayrwmthungkhunnangkharachkarcakkrungethphmhankhrthiidedinthangmarachkarthiemuxnghnxngkhayepnnic smynnwdophthichymithanyakhuhlkkhaepnecaxawaskdaeninkarpkkhrxngaelaphthnawdtamsmkhwr odyidrbkarxupthmphbarungcakthanecaemuxngkhuxphrapthumethwaphibal buyma thaihwdidrbkhwamecriymatamladb txmainsmyrchkalthi 4 phrabathsmedcphrapineklaecaxyuhwmiphrarachprasngkhcaidphraphuththrupkhnadihyephuxmapradisthanepnphraprathanthiwdbwrsthanmngkhlhruxwdphraaekwwnghnathithrngihsrangkhunthibriewnphrarachwngbwrsthanmngkhl aelaidthrngthrabwamiphraphuththruplanchangthismedcphrabwrrachecamhaskdiphlesph thrngmiphrarbsngihxyechiymatngtngkhrngsngkhramprabkbdewiyngcnthnaetyngkhngkhangxyuthiemuxnghnxngkhay inpiph s 2399 phraxngkhthrngmiphrabwrachoxngkarihkhunwrrachthani aelaecaehmn oxrsecaxnuwngs epnkhahlwngkhunmaxyechiyphraesrimcakemuxnghnxngkhayipkrungethph dngpraktinphngsawdaryx khwamtxnhnungwa eduxn 3 khun 9 kha muxetaesd khunwrthaniaelecaehmn epnkhahlwngmaexaphraesimykcakemuxnghnxngkhayipithykpinn aelaemuxkhunwrthaniaelaecaehmn epnkhahlwngxyechiyphraesrimcakwdophthichylngipyngkrungethph khunwrthanicaxyechiyphraisipphrxmkbphraesrimdwy aetekidpatihariy odyphrahmnphuxyechiynnimsamarthkhbekwiynnaphraisipid aemcaichkalngkhnhruxxxnwxnxyangirktam cninthisudekwiynidhklng emuxhaekwiynihmmaaethnkimsamarthekhluxnipidxik cungpruksatklngknwaihxyechiyphraismaiwthiwdophthichyaethnphraesrim dngnnhlwngphxphraiscungpradisthanthiwdophthichycnthungpccubnthungxsykrrmphrapthumethwaphibal buyma ecaemuxnghnxngkhay khrxngemuxnghnxngkhayid 25 pi kthungxsykrrmemuxwnxathitythi 20 eduxnminakhm ph s 2395 trngkbwnkhun 11 khaeduxn 5 ewlapraman 3 omngecha chawemuxngidphakncdnganbaephyphrakuslthwayaedphraxngkhaelaekbphrasphkhxngphraxngkhiwrxcdnganaelasrangphraemruchapnkic txmakrmkaremuxngaelachawemuxnghnxngkhayidthakarchapnkicphrasphphrapthumethwaphibal buyma emuxwnthi 16 eduxnkumphaphnth ph s 2396 trngkbwnphvhsbdi aerm 4 kha eduxn 3 odymiidprakthlkthankarkhxphrarachthanephlingaelahibsilahnaephlingcakphraecaaephndinkrungsyamaetprakaridbutr1 phrayawuthathikhun thawekhn phusaercrachkaremuxnghnxngkhay khnthi 3 2 phrawichithngsphiisy thawkhtiya ecaemuxngthurkhmhngssthity khnthi 1phngsawliphngsawlikhxngphrapthumethwaphibal buyma n hnxngkhay 8 phrawrrachpita phrata aehngnkhrekhuxnkhnthkabaekwbwban 4 phraprathumwrrachsuriywngs thawkhaphng aehngemuxngxublrachthanisriwnailypraethsrach 9 phranangbusdiethwi 2 xuprachaephng 10 ecaxuprachthrrmethow aehngxanackrlanchangcapask 5 phranangtuy 11 phramehsi 1 phrapthumethwaphibal buyma n hnxngkhay xangxing khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2020 10 23 subkhnemux 2015 06 13 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2009 09 26 subkhnemux 2015 06 13 kxnhna phrapthumethwaphibal buyma n hnxngkhay thdiperimtngemuxnghnxngkhay ecaemuxnghnxngkhay ph s 2370 ph s 2395 phrapthumethwaphibal rachbutr bthkhwamchiwprawtiniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk