สำหรับเจ้าชายในราชวงศ์ที่ 4 ดูที่ เจ้าชายราโฮเทป
เซคเอมเร-วาห์คาอู | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เรโฮเทป, ราฮอทเป, เรฮอทเป,เซคเอมอูอาฮ์คารา,เซคเอมเร วาคาอู | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ฟาโรห์ราโฮเทป (คนที่ชูแขน) ถวายเครื่องบูชาแด่เทพโอซิริส ศิลาจารึกรหัส BM EA 833 คัดลอกภาพโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ฟาโรห์ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รัชกาล | 1580 – 1576 ก่อนคริสตศักราช | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ถัดไป | โซเบคเอมซาฟที่ 1 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ราชวงศ์ | (ราชวงศ์ที่ 17) |
เซคเอมเรวาห์คาอู ราโฮเทป (อักษรโรมัน: Sekhemre-Wahkhau Rahotep) เป็นฟาโรห์ชาวอียิปต์โบราณ เสวยราชในระยะเวลา สมัยที่อียิปต์มีฟาโรห์ปกครองเป็นอิสระแก่กันหลายพระองค์ นักไอยคุปต์วิทยาคิม ไรโฮลท์ และดาร์เรล เบเกอร์ เสนอว่าฟาโรห์ราโฮเทปเป็นฟาโรห์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์ที่ 17
หลักฐานที่เกี่ยวเนื่องกับพระองค์
หลักฐานของฟาโรห์ราโฮเทปมีการพบเจอที่อไบดอส และคอปโตส มีดังนี้
[1] ศิลาจารึก UC 14327 ที่พบจากการบูรณะเทวสถานที่คอปโตส ปัจจุบันจารึกหลักนี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Petrie ปรากฏความในศิลาจารึกความว่า
(ปี ... ภายใต้) พระเป็นเจ้าฮอรัส วาห์อังค์, สตรีสองแผ่นดิน ยูเซอร์เรนพุต, ฮอรัสทองคำ วาด ... (... บุตรแห่ง)รา ราโฮเทป, พระผู้พระราชทานชีวิต พระองค์ (ตรัส?) แก่ขุนนางของพระองค์และข้าราชบริพารที่ติดตามทั้งหลาย ... พระวิหาร ... พระองค์ทรงพบ (เกี่ยวกับ) บิดาของข้า (มิน), ผู้เป็นประมุขแห่งเทวดาเจ้าทั้งหลาย, ประตูและบานประตูของท่านพังทลายลงเป็นซาก, (เคยถวายบังคม ? มาก่อน) พระองค์ทรงตรัสว่า: แต่คา(คำสั่ง) จะเกิดขึ้น, ข้าแต่กษัตริย์, เจ้าของเรา คือฮู, แท้จริง, ผู้ที่อยู่ในปาก, และซิอา (ผู้ที่อยู่ในใจ) ... พระผู้สร้างท่าน ... เพื่อท่านจะกระทำให้พวกเขาได้พบพระวิหาร ... ท่านผู้รวบรวมอียิปต์ตอนบนและอียิปต์ตอนล่างเข้าด้วยกัน ขอให้จิตใจท่านเบิกบานบนบัลลังก์ฮอรัสแห่งชีวิต ... ท่านผู้ปกครองสิ่งที่ดวงอาทิตย์ (ล้อมรอบ) ... พระเป็นเจ้า (...) แห่งราษฎร, ผู้เป็นที่พึ่งตลอด...กลางคืน ... ในยามหลับ ... พระเป็นเจ้าในการแสวงหาสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่แผ่นดินนี้ ราผู้ประทับรูปท่าน ... สิ่งที่ถูกลบ (?)... ดังเช่นในสมัยพระบิดาของท่าน, กษัตริย์ที่ติดตามฮอรัส ไม่เคย ... หายไปในเวลาของเรา ... ซึ่งมีอยู่ก่อนแล้ว ข้าพเจ้าได้สร้างอนุสาวรีย์สำหรับเทพยดา ... สิ่งก่อสร้าง, ที่ถูกนำมา ...
[2] ศิลาหินปูน BM EA 833 ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์บริติช ภาพในศิลาหลักนี้แสดงรูปคือฟาโรห์ราโฮเทปกำลังถวายเครื่องบูชาแด่เทพโอซิริส แก่ผู้เสียชีวิตสองคนได้แก่เจ้าหน้าที่และนักบวช โดยศิลาแผ่นนี้น่าจะสร้างขึ้นในแหล่งการผลิตที่อไบดอส รวมถึงศิลาของฟาโรห์พันทเจนี และศิลาของฟาโรห์เวปวาเวทเอมซาฟ ก็ผลิตขึ้นจากแหล่งเดียวกัน โดยฟาโรห์ทั้งสามพระองค์นี้ขึ้นครองราชย์ในระยะเวลาใกล้เคียงกัน
[3] พระองค์ยังถูกกล่าวถึงในเครื่องถ้วยของ อเมนีพระราชโอรสกษัตริย์ ซึ่งอุทิศให้แด่ "การปรนนิบัติมินในทุกงานเลี้ยงของเทพมิน" ที่คอปโตส
[4] นิยายเรื่อง ซึ่งแต่งขึ้นช่วงปลายสมัยราชอาณาจักรใหม่ ตัวเอกพบกับผีที่อ้างว่าเคยเป็น "ของฟาโรห์ราโฮเทป" อย่างไรก็ตามผียังอ้างว่าเสียชีวิตในปีที่ 14 ของรัชกาลฟาโรห์เมนทูโฮเทปซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ครองราชสืบต่อมา ข้อความเหล่านี้ดูจะขัดแย้งกันเนื่องจากในระยะเวลาที่ยาวนาน พระนามฟาโรห์ที่ครองราชถัดจากฟาโรห์ราโฮเทปไม่มีพระนามเมนทูโฮเทปเลย ดังนั้นการระบุกษัตริย์ทั้งสองพระองค์นี้จึงมีปัญหา
ทฤษฎีของนักวิชาการ
ในขณะที่ไรโฮลท์ และเบเกอร์ เสนอให้ฟาโรห์ราโฮเทป เป็นกษัตริย์พระองค์แรกของราชวงศ์ที่ 17 แต่ Jürgen von Beckerath เสนอว่าทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ที่สองของราชวงศ์ อีกด้านหนึ่ง Claude Vandersleyen ได้ให้ช่วงเวลาครองราชย์ของฟาโรห์ราโฮเทปอย่างไม่แน่นอนโดยจัดให้พระองค์อยู่ในราชวงศ์ที่ 13 ซึ่งเขาเชื่อว่าฟาโรห์ราโฮเทปมีความเกี่ยวข้องกับฟาโรห์โซเบคเอมซาฟที่ 1 การที่ Vandersleyen จัดช่วงเวลาของพระองค์อยู่ในราชวงศ์ที่ 13 เนื่องจากจำนวนและสภาพหลักฐานของพระองค์ เบเกอร์เห็นว่าข้อโต้แย้งเหล่านี้ "เบาบางและถูกปฏิเสธโดยนักวิชาการส่วนใหญ่"
หากพระองค์เป็นฟาโรห์ช่วงต้นราชวงศ์ที่ 17 จริง พระองค์คงมีพระราชอำนาจในอียิปต์ตอนบนและไปไกลถึงอไบดอส จากการสันนิฐานใหม่ของช่วงรอยต่อครั้งที่สองของไรโฮลท์ รัชกาลของฟาโรห์ราโฮเทปจะเกิดขึ้นไม่นานหลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ที่ 16 หลังจากการพิชิตทีปส์โดยชาวฮิกซอส จนเมื่อกองทัพของชาวฮิกซอสได้ออกไปภายหลัง ชาวฮิกซอสได้สร้างความเสียหายไว้ คือการปล้นทำลายเทวสถานและพระราชวัง ดังนั้นฟาโรห์ราโฮเทปจึง "โอ้อวดการบูรณะ [ที่พระองค์ดำเนินการ] ในเทวสถานที่อไบดอส และคอปโตส" ในอไบดอส พระองค์ก็ทรงบูรณะกำแพงล้อมรอบเทวสถานเทพโอซิริส และที่คอปโตสพระองค์ทรงบูรณะเทวสถานเทพมินที่ "ประตูและบานประตู [ได้] พังทลายลงเป็นซาก" ลำดับเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน รวมถึงนักวิชาการบางคนโต้แย้งว่า หากทีปส์ที่เคยถูกพิชิตโดยฮิกซอส ดังนั้นฟาโรห์แห่งอียิปต์ตอนบนที่มีเมืองทีปส์เป็นศูนย์กลางก็ต้องตกเป็นประเทศราชของฮิกซอส
อ้างอิง
- Darrell D. Baker: The Encyclopedia of the Pharaohs: Volume I - Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300–1069 BC, , ISBN , 2008, p. 341-342
- Wallis Budge: Hieroglyphic texts from Egyptian stelae, &c., in the British Museum, Part IV, London: Printed by order of the Trustees [by] , 1913, available not-in-copyright here, pl. 24.
- K.S.B. Ryholt: The Political Situation in Egypt during the Second Intermediate Period, c.1800–1550 BC,Carsten Niebuhr Institute Publications, vol. 20. Copenhagen: , 1997, excerpts available online here.
- Number 54 on the
- H.M. Stewart: Egyptian Stelae, Reliefs and Paintings from the Petrie Collection. Part Two: Archaic to Second Intermediate Period, Warminster 1979, 17-18, no. 78
- Image of the stele with translation
- Stele on the Petrie Museum catalogue[]
- Stele on the British Museum catalogue
- Marcel Marée: A sculpture workshop at Abydos from the late Sixteenth or early Seventeenth Dynasty, in: Marcel Marée (editor): The Second Intermediate period (Thirteenth-Seventeenth Dynasties), Current Research, Future Prospects, Leuven, Paris, Walpole, MA. 2010 ISBN . p. 247, 268
- O. D. Berlev: Un don du roi Rahotep, OLP 6-7 (1975/1976), p. 31-41 pl II.
- (1973). The Literature of Ancient Egypt. New Haven and London: Yale University Press. ISBN ., pp. 139–40
- : Scarabs and cylinders with names (1917), available copyright-free here, pl. XXIII
- Jürgen von Beckerath: Untersuchungen zur politischen Geschichte der Zweiten Zwischenzeit in Ägypten, Glückstadt, 1964
- Jürgen von Beckerath: Chronologie des pharaonischen Ägyptens, Münchner Ägyptologische Studien 46. Mainz am Rhein, 1997
- Claude Vandersleyen: Rahotep, Sébekemsaf Ier et Djéhouty, rois de la 13e Dynastie,
- Janine Bourriau, Ian Shaw (edit), The Oxford History of Ancient Egypt Oxford University Press, 2000. p.205 ISBN
ก่อนหน้า | ฟาโรห์ราโฮเทป | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ไม่ทราบ | ฟาโรห์แห่งอียิปต์ (ราชวงศ์ที่สิบเจ็ด) | โซเบคเอมซาฟที่ 1 |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
sahrbecachayinrachwngsthi 4 duthi ecachayraohethpeskhexmer wahkhaxuerohethp rahxthep erhxthep eskhexmxuxahkhara eskhexmer wakhaxufaorhraohethp khnthichuaekhn thwayekhruxngbuchaaedethphoxsiris silacarukrhs BM EA 833 khdlxkphaphodyfaorhrchkal1580 1576 kxnkhristskrachthdiposebkhexmsafthi 1phraprmaphiithyphranamhxrsxah xngkh ˁnḫ w3ḥ chiwitthiepnxmtaphranamenbtiyuesxr ernphuth Wsr rnpwt thrngphlngaehngpiphranamhxrsthxngkhawa d bik nbw w3ḏ hxrsthxngkhaphufunphlakalng rayphranamkstriykharnk eskhexm erwahkhaxu phlngkhxng ra karpracksthiyunyngphranamkhrxngrachyeskhexmerwahkhaxu sḫm rˁ w3ḥ ḫaw xanackhxng karyngyunepnthipracksphranamprasutiraohethp Rˁ ḥtp phxphrathyrachwngs rachwngsthi 17 eskhexmerwahkhaxu raohethp xksrormn Sekhemre Wahkhau Rahotep epnfaorhchawxiyiptobran eswyrachinrayaewla smythixiyiptmifaorhpkkhrxngepnxisraaekknhlayphraxngkh nkixykhuptwithyakhim irohlth aeladarerl ebekxr esnxwafaorhraohethpepnfaorhphraxngkhaerkaehngrachwngsthi 17hlkthanthiekiywenuxngkbphraxngkhhlkthankhxngfaorhraohethpmikarphbecxthixibdxs aelakhxpots midngni 1 silacaruk UC 14327 thiphbcakkarburnaethwsthanthikhxpots pccubncarukhlknixyuthiphiphithphnth Petrie praktkhwaminsilacarukkhwamwa pi phayit phraepnecahxrs wahxngkh strisxngaephndin yuesxrernphut hxrsthxngkha wad butraehng ra raohethp phraphuphrarachthanchiwit phraxngkh trs aekkhunnangkhxngphraxngkhaelakharachbripharthitidtamthnghlay phrawihar phraxngkhthrngphb ekiywkb bidakhxngkha min phuepnpramukhaehngethwdaecathnghlay pratuaelabanpratukhxngthanphngthlaylngepnsak ekhythwaybngkhm makxn phraxngkhthrngtrswa aetkha khasng caekidkhun khaaetkstriy ecakhxngera khuxhu aethcring phuthixyuinpak aelasixa phuthixyuinic phraphusrangthan ephuxthancakrathaihphwkekhaidphbphrawihar thanphurwbrwmxiyipttxnbnaelaxiyipttxnlangekhadwykn khxihciticthanebikbanbnbllngkhxrsaehngchiwit thanphupkkhrxngsingthidwngxathity lxmrxb phraepneca aehngrasdr phuepnthiphungtlxd klangkhun inyamhlb phraepnecainkaraeswnghasingthiepnpraoychnaekaephndinni raphuprathbrupthan singthithuklb dngechninsmyphrabidakhxngthan kstriythitidtamhxrs imekhy hayipinewlakhxngera sungmixyukxnaelw khaphecaidsrangxnusawriysahrbethphyda singkxsrang thithuknama 2 silahinpun BM EA 833 pccubnxyuthiphiphithphnthbritich phaphinsilahlkniaesdngrupkhuxfaorhraohethpkalngthwayekhruxngbuchaaedethphoxsiris aekphuesiychiwitsxngkhnidaekecahnathiaelankbwch odysilaaephnninacasrangkhuninaehlngkarphlitthixibdxs rwmthungsilakhxngfaorhphnthecni aelasilakhxngfaorhewpwaewthexmsaf kphlitkhuncakaehlngediywkn odyfaorhthngsamphraxngkhnikhunkhrxngrachyinrayaewlaiklekhiyngkn 3 phraxngkhyngthukklawthunginekhruxngthwykhxng xemniphrarachoxrskstriy sungxuthisihaed karprnnibtimininthuknganeliyngkhxngethphmin thikhxpots 4 niyayeruxng sungaetngkhunchwngplaysmyrachxanackrihm twexkphbkbphithixangwaekhyepn khxngfaorhraohethp xyangirktamphiyngxangwaesiychiwitinpithi 14 khxngrchkalfaorhemnthuohethpsungepnkstriythikhrxngrachsubtxma khxkhwamehlaniducakhdaeyngknenuxngcakinrayaewlathiyawnan phranamfaorhthikhrxngrachthdcakfaorhraohethpimmiphranamemnthuohethpely dngnnkarrabukstriythngsxngphraxngkhnicungmipyhathvsdikhxngnkwichakarskharb 2 chinthiprakdcarukphranam raohethp echuxwakhuxphraxngkh inkhnathiirohlth aelaebekxr esnxihfaorhraohethp epnkstriyphraxngkhaerkkhxngrachwngsthi 17 aet Jurgen von Beckerath esnxwathrngepnkstriyphraxngkhthisxngkhxngrachwngs xikdanhnung Claude Vandersleyen idihchwngewlakhrxngrachykhxngfaorhraohethpxyangimaennxnodycdihphraxngkhxyuinrachwngsthi 13 sungekhaechuxwafaorhraohethpmikhwamekiywkhxngkbfaorhosebkhexmsafthi 1 karthi Vandersleyen cdchwngewlakhxngphraxngkhxyuinrachwngsthi 13 enuxngcakcanwnaelasphaphhlkthankhxngphraxngkh ebekxrehnwakhxotaeyngehlani ebabangaelathukptiesthodynkwichakarswnihy hakphraxngkhepnfaorhchwngtnrachwngsthi 17 cring phraxngkhkhngmiphrarachxanacinxiyipttxnbnaelaipiklthungxibdxs cakkarsnnithanihmkhxngchwngrxytxkhrngthisxngkhxngirohlth rchkalkhxngfaorhraohethpcaekidkhunimnanhlngcakkarlmslaykhxngrachwngsthi 16 hlngcakkarphichitthipsodychawhiksxs cnemuxkxngthphkhxngchawhiksxsidxxkipphayhlng chawhiksxsidsrangkhwamesiyhayiw khuxkarplnthalayethwsthanaelaphrarachwng dngnnfaorhraohethpcung oxxwdkarburna thiphraxngkhdaeninkar inethwsthanthixibdxs aelakhxpots inxibdxs phraxngkhkthrngburnakaaephnglxmrxbethwsthanethphoxsiris aelathikhxpotsphraxngkhthrngburnaethwsthanethphminthi pratuaelabanpratu id phngthlaylngepnsak ladbehtukarnniyngkhngepnthithkethiyngkn rwmthungnkwichakarbangkhnotaeyngwa hakthipsthiekhythukphichitodyhiksxs dngnnfaorhaehngxiyipttxnbnthimiemuxngthipsepnsunyklangktxngtkepnpraethsrachkhxnghiksxswikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb faorhraohethpxangxingDarrell D Baker The Encyclopedia of the Pharaohs Volume I Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300 1069 BC ISBN 978 1 905299 37 9 2008 p 341 342 Wallis Budge Hieroglyphic texts from Egyptian stelae amp c in the British Museum Part IV London Printed by order of the Trustees by 1913 available not in copyright here pl 24 K S B Ryholt The Political Situation in Egypt during the Second Intermediate Period c 1800 1550 BC Carsten Niebuhr Institute Publications vol 20 Copenhagen 1997 excerpts available online here Number 54 on the H M Stewart Egyptian Stelae Reliefs and Paintings from the Petrie Collection Part Two Archaic to Second Intermediate Period Warminster 1979 17 18 no 78 Image of the stele with translation Stele on the Petrie Museum catalogue lingkesiy Stele on the British Museum catalogue Marcel Maree A sculpture workshop at Abydos from the late Sixteenth or early Seventeenth Dynasty in Marcel Maree editor The Second Intermediate period Thirteenth Seventeenth Dynasties Current Research Future Prospects Leuven Paris Walpole MA 2010 ISBN 978 90 429 2228 0 p 247 268 O D Berlev Un don du roi Rahotep OLP 6 7 1975 1976 p 31 41 pl II 1973 The Literature of Ancient Egypt New Haven and London Yale University Press ISBN 0 300 01711 1 pp 139 40 Scarabs and cylinders with names 1917 available copyright free here pl XXIII Jurgen von Beckerath Untersuchungen zur politischen Geschichte der Zweiten Zwischenzeit in Agypten Gluckstadt 1964 Jurgen von Beckerath Chronologie des pharaonischen Agyptens Munchner Agyptologische Studien 46 Mainz am Rhein 1997 Claude Vandersleyen Rahotep Sebekemsaf Ier et Djehouty rois de la 13e Dynastie Janine Bourriau Ian Shaw edit The Oxford History of Ancient Egypt Oxford University Press 2000 p 205 ISBN 978 0 19 280458 7 kxnhna faorhraohethp thdipimthrab faorhaehngxiyipt rachwngsthisibecd osebkhexmsafthi 1