พระวิหารในกรุงเยรูซาเลม (อังกฤษ: Temple in Jerusalem) หรือพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ (Holy Temple; ฮีบรู: בית המקדש (Bet HaMikdash = The Holy House)) หมายถึงพระวิหารที่สร้างต่อเนื่องกันมาบนเนินพระวิหารในตัวเมืองเก่าเยรูซาเลม ตามประวัติศาสตร์แล้วตำแหน่งนี้มีการก่อสร้างพระวิหารมาแล้วสองหลัง พระวิหารหลังต่อไปที่ยังไม่ได้สร้างถูกเรียกว่า ซึ่งเชื่อว่าจะถูกสร้างขึ้นในอนาคตตามความเชื่อโบราณของศาสนายูดาห์ พระวิหารหรือเนินพระวิหารเป็นอุปมาของสถานที่ของพระเจ้า (Shechina) บนโลกมนุษย์ โดยสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมแบบฟินิเชียน
คัมภีร์ฮีบรูระบุว่าพระเจ้าซาโลมอน (ปกครองระหว่าง 971 - 931 ก่อน ค.ศ.) โปรดให้สร้างพระวิหารแรก (First Temple) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนายูดาห์ตามบทบันทึกคัมภีร์ฮีบรู เป็นที่เดียวที่เป็นที่ใช้ในการนมัสการ ตัวอาคารพระวิหารสร้างแทนพระวิหารศักดิ์สิทธิ์เดิมที่มีแท่นบูชาที่สร้างหยาบ ๆ บนเนิน “พระวิหารแรก” ถูกทำลายโดยพวกบาบิโลน เมื่อ 587 ก่อนคริสต์ศักราชเมื่อบาบิโลนเข้าปล้นสะดมทำลายกรุงเยรูซาเลม การสร้างพระวิหารใหม่เริ่มขึ้นเมื่อปี 537 ก่อนคริสต์ศักราชแต่หยุดชะงักไปและมาเริ่มใหม่เมื่อปี 520 ก่อนคริสต์ศักราช และเสร็จเมื่อปี 516 ก่อนคริสต์ศักราช และสถาปนาในปี 515 ก่อนคริสต์ศักราช
หนังสือเอสรากล่าวว่าการสร้างพระวิหารเป็นคำสั่งของพระเจ้าไซรัสมหาราชและอนุมัติโดยพระเจ้าดาไรอัสมหาราช ห้าร้อยปีต่อมาพระเจ้าเฮโรดมหาราชก็โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์พระวิหารที่สองราว 20 ปีก่อนคริสต์ศักราช จึงรู้จักกันในชื่อ ต่อมาก็ถูกทำลายโดยโรมัน ในปี ค.ศ. 70 ระหว่าง แต่กำแพงรอบนอกที่เห็นอยู่ทุกวันนี้มิได้ถูกทำลาย และเชื่อกันอยู่เป็นเวลานานว่าเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่
ตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 7 เป็นต้นมาเนินพระวิหารก็เป็นที่ตั้งของโดมแห่งศิลา (Dome of the Rock) และมัสยิดอัลอักศอ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลามจากสมัยใกล้เคียงกัน
อวสานวิทยาศาสนายูดาห์ทำนายการก่อตั้งพระวิหารที่สามในเยรูซาเลมพร้อมกับการมาของพระเมสสิยาห์ ฉะนั้นผู้ที่นับถือศาสนายูดาห์นิกายออร์ทอดอกซ์และคอนเซอร์เวทีฟมีความเชื่อในการสร้าง “พระวิหารที่สาม” ที่จะเกิดขึ้น
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 2007 ก็มีการพบส่วนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นส่วนเหลือจากพระวิหารที่สองระหว่างการติดตั้งท่อในบริเวณนั้น ต่อมาในเดือนตุลาคมปีเดียวกันนักโบราณคดีก็อ้างว่าได้พบสิ่งของที่เชื่อว่าเป็นของ “พระวิหารที่หนึ่ง”
ที่มา
พระคัมภีร์เรียกพระวิหารแห่งเยรูซาเลมว่า “Beit HaMikdash” หรือ “พระวิหาศักดิ์สิทธิ์” และเป็นพระวิหารเดียวในเยรูซาเลมที่ใช้ชื่อนี้ แต่ก็ได้รับชื่ออื่น ๆ ในคัมภีร์ฮีบรูที่รวมทั้ง “Beit Adonai” (พระนิเวศของพระเจ้า) หรือเพียง “Beiti” (นิเวศของฉัน) หรือ “Beitechah” (พระนิเวศของพระองค์)
(พระวิหารของพระเจ้าโซโลมอน) สร้างตามแบบที่พระเจ้าทรงวางไว้โดยเฉพาะให้แก่พระเจ้าดาวิด พระเจ้าดาวิดทรงหวังว่าจะสร้างพระวิหารแรกแต่ถูกพระเจ้าทรงสั่งห้ามและบอกให้รอให้พระโอรสเป็นผู้สร้างพระวิหารแรก ระหว่างรัชสมัยของพระเจ้าเดวิดพระองค์ก็เริ่มรวบรวมวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ต่อไป ตั้งแต่ไม้, หินสำหรับสร้างฐาน ไปจนถึงทอง, เงิน, บรอนซ์ และโลหะต่างที่ต้องใช้ จุดประสงค์ของการสร้างพระวิหารก็เพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งหีบแห่งพันธสัญญา (Ark of the Covenant) สำหรับชนทุกชาติโดยเฉพาะชนชาติอิสราเอล และสำหรับเป็นที่ให้ทุกคนสามารถเข้ามาสักการบูชาพระยาห์เวห์ได้
พระวิหารแรกเรียกว่า “พระวิหารโซโลมอน” สันนิษฐานกันว่าสร้างโดยผู้ที่มาจาก (12 tribes of Israel) เพราะทั้งสิบสองเผ่ามารวมตัวกันภายใต้การนำของพระเจ้าเดวิดและต่อมาพระเจ้าโซโลมอน หลังจากรัชสมัยของพระเจ้าโซโลมอนแล้ว (Rehoboam) พระราชโอรสผู้มีพระนิสัยที่หยิ่งยโสที่ทำให้เผ่าอิสราเอล 10 แยกตัวออกไปก่อตั้งเป็นอาณาจักรเหนือ ขณะที่, และส่วนใหญ่ของยังอยู่กับราชอาณาจักรยูดาห์ พระวิหารที่สองต่อมาสร้างโดยเผ่ายูดาห์ที่ยังหลงเหลืออยู่ผู้ที่ถูกพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ที่ 2 (Nebuchadnezzar) นำไปเป็นเชลยราว 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช เผ่าอิสราเอล 10 อื่นขณะนั้นก็สลายตัวไปก่อนหน้านั้นแล้วหลายร้อยปีเมื่ออาณาจักรถูกทำลายโดยราชอาณาจักรอัสซีเรีย (Assyria)
พระวิหารแรกและพระวิหารที่สอง
พระวิหารทั้งสองครั้งสร้างต่อเนื่องกันบนเนินพระวิหารในกรุงเยรูซาเลม:
พระวิหารแรกหรือพระวิหารโซโลมอนสร้างราวหนึ่งพันปีก่อนคริสต์ศักราชและได้รับการบ่งทางดาราศาสตร์ว่าสร้างเมื่อ 957 ปีก่อนคริสต์ศักราช แทนที่แท่นบูชาเดิม พระวิหารนี้มาถูกทำลายโดยพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ที่ 2 เมื่อ 586 ปีก่อนคริสต์ศักราช ฉะนั้นพระวิหารแรกจึงตั้งอยู่ราว 375 ก่อนที่จะถูกทำลาย ธรรมเนียม (Talmud) กล่าวว่า 410 ปี ตัวสิ่งก่อสร้างมีบทบาทสำคัญในธรรมเนียม
พระวิหารที่สองสร้างหลังจากที่พระเจ้าไซรัสมหาราชพระราชทานพระบรมราชนุญาตให้ชาวยิวกลับมาจากบาบิโลนหลังจากถูกจับไปเป็นเชลยโดยพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ การย้ายกลับมาเกิดขึ้นราว 537 ปีก่อนคริสต์ศักราช และจากที่ชะงักการก่อสร้างไปหลายครั้งในที่สุดก็สร้างเสร็จในปี 516 ปีก่อนคริสต์ศักราช สัดส่วนของเนินพระวิหารขณะนั้นคือ 150 เมตร x 50 เมตร
พระวิหารที่สองถูกทำลายโดยจักรวรรดิโรมันภายใต้การนำของไททัส ใน ค.ศ. 70 ก่อนหน้านั้นพระวิหารที่สองก็ถูกรื้อโดยนายทหารโรมันปอมเปย์ (Pompey) เมื่อยึดเยรูซาเลมเมื่อ 63 ปีก่อนคริสต์ศักราช นักประวัติศาสตร์โจซีฟัสบันทึกว่าปอมเปย์มิได้ยึดสิ่งของใด ๆ จากพระวิหารหรือจากที่เก็บสมบัติของพระวิหาร แต่สังหารปุโรหิตหลวงที่มายืนขวางไม่ให้เข้าพระวิหาร
ในที่สุดปอมเปย์ก็สิ้นอำนาจและเสียชีวิตเมื่อถูกตามไล่สังหาร ซึ่งชนยิวเห็นว่าเป็นการลงโทษโดยพระเจ้า ประมาณ 20 ปีก่อนคริสต์ศักราชพระเจ้าเฮโรดมหาราชก็ทรงเริ่มบูรณปฏิสังขรณ์กลุ่มสิ่งก่อสร้างของพระวิหารเพื่อจะให้มีความใหญ่โตและมีความเป็นสง่าขึ้นกว่าเดิม แต่แทบจะยังไม่ทันสร้างเสร็จก็ถูกทำลายอย่างไม่เหลือหรอจนถึงฐานโดยจักรวรรดิโรมัน
ระหว่างการปฏิวัติครั้งสุดท้ายของชนยิวต่อการยึดครองของโรมันราวระหว่างปี ค.ศ. 132 ถึงปี ค.ศ. 135 (Simon bar Kokhba) และ ต้องการจะสร้างพระวิหารใหม่แต่การปฏิวัติล้มเหลวและชาวยิวถูกห้ามไม่ให้เข้ากรุงเยรูซาเลมโดยจักรวรรดิโรมัน
การพยายามสร้างพระวิหารใหม่ริเริ่มขึ้นอีกครั้งในปี ค.ศ. 363 เมื่อ (Julian the Apostate) สั่งให้บูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของกรุงเยรูซาเลมเพื่อเป็นการแสดงการประท้วงคริสต์ศาสนาแต่ไม่สำเร็จ นักประวัติศาสตร์นอกศาสนาร่วมสมัยอัมมิอานัส มาร์เซลลินัส (Ammianus Marcellinus) บันทึกว่ามีเปลวเพลิงพลุ่งขึ้นมาจากฐานและฆ่าคนงานไปหลายคน[]
พระวิหารที่สาม
ตั้งแต่พระวิหารที่สองถูกทำลายไปการสวดมนต์สำหรับการก่อสร้างพระวิหารที่สามก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของการสวนมนตร์ประจำวันสามครั้งของชาวยิว แต่คำถามที่ว่าเมื่อใดที่จะเหมาะสมในการสร้างพระวิหารที่สามก็ยังเป็นที่ไม่ตกลงกันในบรรดาชาวยิว บางกลุ่มก็เห็นด้วยกับการสร้างแต่บางกลุ่มก็ไม่เห็นด้วย ขณะที่การขยายตัวของศาสนาอับราฮัมตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 เป็นต้นมาเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งกันในความเป็นเจ้าของกรุงเยรูซาเลมซึ่งเป็นเมืองสำคัญของทั้งสามศาสนา—ศาสนายูดาห์, ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม นอกจากนั้นที่ตั้งของกรุงเยรูซาเลมในปัจจุบันก็เป็นการยากที่จะก่อสร้างพระวิหารใหม่บนบริเวณที่ในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของมัสยิดอัลอักศอ และโดมแห่งศิลาซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม
แผนผังพระวิหาร
ตามคัมภีร์พระวิหารมี “Ezrat Nashim” (เอซรัท นาชิม) บริเวณสำหรับสตรีทางด้านตะวันออก และบริเวณหลักทางด้านตะวันตก บริเวณหลักมีบริเวณสำหรับฆ่าสัตว์สำหรับการสังเวย และ “Mizbaeach” หรือแท่นบูชานอกที่ใช้เป็นที่เผาสิ่งที่ใช้ในการสักการะเกือบทั้งหมดและเป็นที่เทหรือพรมเลือด ตัวอาคารพระวิหารประกอบด้วย “Ulam” (อูลาม) หรือห้องรอ (antechamber), “Heichal” (ไฮคาล) และ “Kadosh Hakadashim” (คาโดช ฮาคาดาชิม) หรือห้องศักดิ์สิทธิ์สูงสุด (ห้องอภิสุทธิสถาน) ห้องไฮคาลกับห้องคาโดช ฮาคาดาชิมแยกจากกันด้วยกำแพงในพระวิหารแรกแต่ในพระวิหารที่สองด้วยม่านสองผืน ห้องไฮคาลเป็นที่เก็บคันประทีป (Menorah), ขนมปังเฉพาะพระพักตร์ (Showbread) และแท่นของหอม (Incense Altar)
ลานกลางมีสิบสามประตู ทางด้านใต้เริ่มจากทางมุมตะวันตกเฉียงใต้มีสี่ประตู:
- “Shaar Ha'Elyon” (ประตูบน)
- “Shaar HaDelek” (ประตูฟืน) เป็นประตูสำหรับนำฟืนเข้าพระวิหาร
- “Shaar HaBechorot” (ประตูบุตรคนโต) เป็นประตูสำหรับผู้มีบุตรคนโตที่นำสัตว์สำหรับพิธีสังเวยและพ่อและลูกเข้าเพื่อทำพิธี “Pidyon HaBen”
- “Shaar HaMayim” (ประตูน้ำ) ประตูสำหรับนำ Water Libation เข้ามาสำหรับเทศกาล “Sukkot”
ทางด้านเหนือเริ่มจากทางมุมตะวันตกเฉียงเหนือมีสี่ประตู:
- “Shaar Yechonyah” (ประตูเยโคนยาห์) เป็นประตูสำหรับผู้สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าเดวิดเข้าและเยโคนยาห์ออกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะถูกจับ
- “Shaar HaKorban” (ประตูสักการะ) เป็นประตูสำหรับนักบวชที่นำเครื่องสักการะ “kodshei kodashim” เข้า
- “Shaar HaNashim” (ประตูสตรี)
- “Shaar Hashir” (ประตูนักดนตรี) เป็นประตูทางเข้าสำหรับนักดนตรีและเครื่องดนตรี
ทางด้านตะวันออกเป็น “Shaar Nikanor” ระหว่างลานฝ่ายสตรีและลานหลักของพระวิหารมีประตูเล็ก ๆ สองประตู ประตูซ้ายและประตูขวาซึ่งไม่มีความสำคัญเท่าใดนัก และมีอีกสองประตูที่ไม่มีชื่อ
พระวิหารในบทเขียนของผู้เผยพระวจนะ
พระวิหารในพระคัมภีร์บรรยายมโนทัศน์ของการปรากฏตัวของพระเจ้ามายังที่ตั้งของพระวิหาร
อิสยาห์บันทึกว่า “ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์ ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับ ณ พระที่นั่งสูงและเทิดทูนขึ้น และชายฉลองพระองค์ของพระองค์เต็มพระวิหาร” () ในบันทึกของเยเรมีย์ “เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ ขออย่าทรงเกลียดพวกข้าพระองค์ ขออย่าให้พระที่นั่งรุ่งเรืองของพระองค์ต้องเสื่อมเสีย ขอทรงระลึกถึงและอย่าทรงหักพันธสัญญาของพระองค์ซึ่งมีไว้กับข้าพระองค์” (เยเรมีย์ 14:21) และกล่าวว่า “ที่ตั้งแห่งสถานนมัสการของเราทั้งหลาย เป็นพระที่นั่งรุ่งเรืองซึ่งตั้งอยู่สูงตั้งแต่เดิมนั้น” (เยเรมีย์ 17:12) อิสยาห์กล่าวถึงความสำคัญของการสวดมนต์เท่ากับการทำพิธีสังเวยในพระวิหารและถึงจุดประสงค์โดยทั่วไป:
คนเหล่านี้เราจะนำมายังภูเขาบริสุทธิ์ของเรา และกระทำให้เขาชื่นบานอยู่ในนิเวศอธิษฐานของเรา เครื่องเผาบูชาของเขาและเครื่องสักการบูชาของเขา จะเป็นที่โปรดปรานบนแท่นบูชาของเรา เพราะนิเวศของเราเขาจะเรียกว่าเป็นนิเวศอธิษฐาน สำหรับบรรดาชนชาติทั้งหลาย (อิสยาห์ 56:7)
พิธีกรรม
พระวิหารเป็นที่ประกอบการสักการบูชาที่บรรยายในคัมภีร์ฮีบรูที่รวมทั้งการสังเวยประจำวันเช้าและบ่าย และการสังเวยพิเศษในวันสะบาโต และวันสำคัญทางศาสนาของศาสนายูดายอื่น ๆ ชนขับเพลงสดุดีระหว่างพิธี หรือเพลงสดุดีที่เหมาะแก่โอกาสตามความเหมาะสมเช่นในโอกาสขอบคุณพระเจ้า
อุปมาของสวนอีเด็น
ลานภาพในพระวิหารโซโลมอนเต็มไปด้วยต้นไม้, ดอกไม้ และน้ำพุ เพราะแต่เดิมผู้สร้างพระวิหารตั้งใจจะให้เป็นเป็นการสร้างสวนเอเดน
อ้างอิง
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 2011-11-25.
- "Temple, the." Cross, F. L., ed. The Oxford dictionary of the Christian church. New York: Oxford University Press. 2005
- Books of Chronicles, 1 Chronicles, chapter 22 - 29
- Will Durant. Our Oriental Heritage. New York: Simon and Schuster. 1954. p. 307. See 1 Kings 3:2.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-02-11. สืบค้นเมื่อ 2009-04-24.
- Finds on Temple Mount from First Temple
- Erwin Reidinger: "The Temple Mount Platform in Jerusalem from พระเจ้าโซโลมอน to Herod: An Archaeological Re-Examination." In Assaph, Studies in Art of History, Volume 9, Tel Aviv 2004, 1-64.
- Hecateus of Abdere or pseudo-Hecateus of Abdere, transmitted by Josephus and Eusebius of Caesarea (Contra Appium: 1/22; Evangelical Preparation: 9/4.)
- Josephus, Judaic Antiquities : 15/14
- Sheyibaneh Beit Hamikdash:Women in the Azarya?
- เยเรมีย์ 14
- เยเรมีย์ 17
- อิสยาห์ 56:7
- Juan Rafael de la Cuadra Blanco (2005). «King Philip of Spain as Solomon the Second. The origins of Solomonism of the Escorial in the Netherlands», en The Seventh Window. The King's Window donated by Phillip II and Mary Tudor to Sint Janskerk (1557), p. 169-180 (concept & editing Wim de Groot, Verloren Publishers, Hilversum ed.). ISBN .
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ พระวิหารแรกและพระวิหารที่สองแห่งเยรูซาเลม วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ การทำลายพระวิหารแห่งเยรูซาเลม
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha phrawiharinkrungeyrusaelm xngkvs Temple in Jerusalem hruxphrawiharskdisiththi Holy Temple hibru בית המקדש Bet HaMikdash The Holy House hmaythungphrawiharthisrangtxenuxngknmabneninphrawiharintwemuxngekaeyrusaelm tamprawtisastraelwtaaehnngnimikarkxsrangphrawiharmaaelwsxnghlng phrawiharhlngtxipthiyngimidsrangthukeriykwa sungechuxwacathuksrangkhuninxnakhttamkhwamechuxobrankhxngsasnayudah phrawiharhruxeninphrawiharepnxupmakhxngsthanthikhxngphraeca Shechina bnolkmnusy odysrangtamaebbsthaptykrrmaebbfiniechiynphaphwadkhxngin 40 47 khmphirhibrurabuwaphraecasaolmxn pkkhrxngrahwang 971 931 kxn kh s oprdihsrangphrawiharaerk First Temple sungepnsunyklangkhxngsasnayudahtambthbnthukkhmphirhibru epnthiediywthiepnthiichinkarnmskar twxakharphrawiharsrangaethnphrawiharskdisiththiedimthimiaethnbuchathisranghyab bnenin phrawiharaerk thukthalayodyphwkbabioln emux 587 kxnkhristskrachemuxbabiolnekhaplnsadmthalaykrungeyrusaelm karsrangphrawiharihmerimkhunemuxpi 537 kxnkhristskrachaethyudchangkipaelamaerimihmemuxpi 520 kxnkhristskrach aelaesrcemuxpi 516 kxnkhristskrach aelasthapnainpi 515 kxnkhristskrach hnngsuxexsraklawwakarsrangphrawiharepnkhasngkhxngphraecaisrsmharachaelaxnumtiodyphraecadairxsmharach harxypitxmaphraecaehordmharachkoprdihburnptisngkhrnphrawiharthisxngraw 20 pikxnkhristskrach cungruckkninchux txmakthukthalayodyormn inpi kh s 70 rahwang aetkaaephngrxbnxkthiehnxyuthukwnnimiidthukthalay aelaechuxknxyuepnewlananwaepnsingediywthiehluxxyu tngaetplaykhriststwrrsthi 7 epntnmaeninphrawiharkepnthitngkhxngodmaehngsila Dome of the Rock aelamsyidxlxksx sthanthiskdisiththikhxngsasnaxislamcaksmyiklekhiyngkn xwsanwithyasasnayudahthanaykarkxtngphrawiharthisamineyrusaelmphrxmkbkarmakhxngphraemssiyah channphuthinbthuxsasnayudahnikayxxrthxdxksaelakhxnesxrewthifmikhwamechuxinkarsrang phrawiharthisam thicaekidkhun emuxwnthi 30 singhakhm kh s 2007 kmikarphbswnthiduehmuxnwacaepnswnehluxcakphrawiharthisxngrahwangkartidtngthxinbriewnnn txmaineduxntulakhmpiediywknnkobrankhdikxangwaidphbsingkhxngthiechuxwaepnkhxng phrawiharthihnung thimaphrakhmphireriykphrawiharaehngeyrusaelmwa Beit HaMikdash hrux phrawihaskdisiththi aelaepnphrawiharediywineyrusaelmthiichchuxni aetkidrbchuxxun inkhmphirhibruthirwmthng Beit Adonai phraniewskhxngphraeca hruxephiyng Beiti niewskhxngchn hrux Beitechah phraniewskhxngphraxngkh phrawiharkhxngphraecaosolmxn srangtamaebbthiphraecathrngwangiwodyechphaaihaekphraecadawid phraecadawidthrnghwngwacasrangphrawiharaerkaetthukphraecathrngsnghamaelabxkihrxihphraoxrsepnphusrangphrawiharaerk rahwangrchsmykhxngphraecaedwidphraxngkhkerimrwbrwmwsdukxsrangtang thicanamaichtxip tngaetim hinsahrbsrangthan ipcnthungthxng engin brxns aelaolhatangthitxngich cudprasngkhkhxngkarsrangphrawiharkephuxichepnsthanthitnghibaehngphnthsyya Ark of the Covenant sahrbchnthukchatiodyechphaachnchatixisraexl aelasahrbepnthiihthukkhnsamarthekhamaskkarbuchaphrayahewhid phrawiharaerkeriykwa phrawiharosolmxn snnisthanknwasrangodyphuthimacak 12 tribes of Israel ephraathngsibsxngephamarwmtwknphayitkarnakhxngphraecaedwidaelatxmaphraecaosolmxn hlngcakrchsmykhxngphraecaosolmxnaelw Rehoboam phrarachoxrsphumiphranisythihyingyosthithaihephaxisraexl 10 aeyktwxxkipkxtngepnxanackrehnux khnathi aelaswnihykhxngyngxyukbrachxanackryudah phrawiharthisxngtxmasrangodyephayudahthiynghlngehluxxyuphuthithukphraecaenbukhdenssarthi 2 Nebuchadnezzar naipepnechlyraw 600 pikxnkhristskrach ephaxisraexl 10 xunkhnannkslaytwipkxnhnannaelwhlayrxypiemuxxanackrthukthalayodyrachxanackrxssieriy Assyria phrawiharaerkaelaphrawiharthisxngrupcalxngkhxng phrawiharthngsxngkhrngsrangtxenuxngknbneninphrawiharinkrungeyrusaelm phrawiharaerkhruxphrawiharosolmxnsrangrawhnungphnpikxnkhristskrachaelaidrbkarbngthangdarasastrwasrangemux 957 pikxnkhristskrach aethnthiaethnbuchaedim phrawiharnimathukthalayodyphraecaenbukhdenssarthi 2 emux 586 pikxnkhristskrach channphrawiharaerkcungtngxyuraw 375 kxnthicathukthalay thrrmeniym Talmud klawwa 410 pi twsingkxsrangmibthbathsakhyinthrrmeniym phrawiharthisxngsranghlngcakthiphraecaisrsmharachphrarachthanphrabrmrachnuyatihchawyiwklbmacakbabiolnhlngcakthukcbipepnechlyodyphraecaenbukhdenssar karyayklbmaekidkhunraw 537 pikxnkhristskrach aelacakthichangkkarkxsrangiphlaykhrnginthisudksrangesrcinpi 516 pikxnkhristskrach sdswnkhxngeninphrawiharkhnannkhux 150 emtr x 50 emtr phrawiharthisxngthukthalayodyckrwrrdiormnphayitkarnakhxngithths in kh s 70 kxnhnannphrawiharthisxngkthukruxodynaythharormnpxmepy Pompey emuxyudeyrusaelmemux 63 pikxnkhristskrach nkprawtisastrocsifsbnthukwapxmepymiidyudsingkhxngid cakphrawiharhruxcakthiekbsmbtikhxngphrawihar aetsngharpuorhithlwngthimayunkhwangimihekhaphrawihar karplnsadmphrawiharthisxngbndaninkhxng Arch of Titus inkrungorm inthisudpxmepyksinxanacaelaesiychiwitemuxthuktamilsnghar sungchnyiwehnwaepnkarlngothsodyphraeca praman 20 pikxnkhristskrachphraecaehordmharachkthrngerimburnptisngkhrnklumsingkxsrangkhxngphrawiharephuxcaihmikhwamihyotaelamikhwamepnsngakhunkwaedim aetaethbcayngimthnsrangesrckthukthalayxyangimehluxhrxcnthungthanodyckrwrrdiormn rahwangkarptiwtikhrngsudthaykhxngchnyiwtxkaryudkhrxngkhxngormnrawrahwangpi kh s 132 thungpi kh s 135 Simon bar Kokhba aela txngkarcasrangphrawiharihmaetkarptiwtilmehlwaelachawyiwthukhamimihekhakrungeyrusaelmodyckrwrrdiormn karphyayamsrangphrawiharihmrierimkhunxikkhrnginpi kh s 363 emux Julian the Apostate sngihburnptisngkhrnsthanthiskdisiththikhxngkrungeyrusaelmephuxepnkaraesdngkarprathwngkhristsasnaaetimsaerc nkprawtisastrnxksasnarwmsmyxmmixans maresllins Ammianus Marcellinus bnthukwamieplwephlingphlungkhunmacakthanaelakhakhnnganiphlaykhn txngkarxangxing phrawiharthisamtngaetphrawiharthisxngthukthalayipkarswdmntsahrbkarkxsrangphrawiharthisamkklayepnswnhnungkhxngkarswnmntrpracawnsamkhrngkhxngchawyiw aetkhathamthiwaemuxidthicaehmaasminkarsrangphrawiharthisamkyngepnthiimtklngkninbrrdachawyiw bangklumkehndwykbkarsrangaetbangklumkimehndwy khnathikarkhyaytwkhxngsasnaxbrahmtngaetkhriststwrrsthi 1 epntnmaepnsingthikxihekidkhwamkhdaeyngkninkhwamepnecakhxngkrungeyrusaelmsungepnemuxngsakhykhxngthngsamsasna sasnayudah sasnakhrist aelasasnaxislam nxkcaknnthitngkhxngkrungeyrusaelminpccubnkepnkaryakthicakxsrangphrawiharihmbnbriewnthiinpccubnepnthitngkhxngmsyidxlxksx aelaodmaehngsilasungepnsthanthiskdisiththikhxngsasnaxislamaephnphngphrawiharechingethiynemonrahaebbcalxngkhxngphrawiharthisxngsrangodyimekhil xxsniscakekhdunim tamkhmphirphrawiharmi Ezrat Nashim exsrth nachim briewnsahrbstrithangdantawnxxk aelabriewnhlkthangdantawntk briewnhlkmibriewnsahrbkhastwsahrbkarsngewy aela Mizbaeach hruxaethnbuchanxkthiichepnthiephasingthiichinkarskkaraekuxbthnghmdaelaepnthiethhruxphrmeluxd twxakharphrawiharprakxbdwy Ulam xulam hruxhxngrx antechamber Heichal ihkhal aela Kadosh Hakadashim khaodch hakhadachim hruxhxngskdisiththisungsud hxngxphisuththisthan hxngihkhalkbhxngkhaodch hakhadachimaeykcakkndwykaaephnginphrawiharaerkaetinphrawiharthisxngdwymansxngphun hxngihkhalepnthiekbkhnprathip Menorah khnmpngechphaaphraphktr Showbread aelaaethnkhxnghxm Incense Altar lanklangmisibsampratu thangdaniterimcakthangmumtawntkechiyngitmisipratu Shaar Ha Elyon pratubn Shaar HaDelek pratufun epnpratusahrbnafunekhaphrawihar Shaar HaBechorot pratubutrkhnot epnpratusahrbphumibutrkhnotthinastwsahrbphithisngewyaelaphxaelalukekhaephuxthaphithi Pidyon HaBen Shaar HaMayim pratuna pratusahrbna Water Libation ekhamasahrbethskal Sukkot thangdanehnuxerimcakthangmumtawntkechiyngehnuxmisipratu Shaar Yechonyah pratueyokhnyah epnpratusahrbphusubechuxsaymacakphraecaedwidekhaaelaeyokhnyahxxkepnkhrngsudthaykxnthicathukcb Shaar HaKorban pratuskkara epnpratusahrbnkbwchthinaekhruxngskkara kodshei kodashim ekha Shaar HaNashim pratustri Shaar Hashir pratunkdntri epnpratuthangekhasahrbnkdntriaelaekhruxngdntri thangdantawnxxkepn Shaar Nikanor rahwanglanfaystriaelalanhlkkhxngphrawiharmipratuelk sxngpratu pratusayaelapratukhwasungimmikhwamsakhyethaidnk aelamixiksxngpratuthiimmichuxphrawiharinbthekhiynkhxngphuephyphrawcnaphrawiharinphrakhmphirbrryaymonthsnkhxngkarprakttwkhxngphraecamayngthitngkhxngphrawihar xisyahbnthukwa inpithikstriyxussiyahsinphrachnm khaphecaehnxngkhphraphuepnecaprathb n phrathinngsungaelaethidthunkhun aelachaychlxngphraxngkhkhxngphraxngkhetmphrawihar inbnthukkhxngeyermiy ephraaehnaekphranamkhxngphraxngkh khxxyathrngekliydphwkkhaphraxngkh khxxyaihphrathinngrungeruxngkhxngphraxngkhtxngesuxmesiy khxthrngralukthungaelaxyathrnghkphnthsyyakhxngphraxngkhsungmiiwkbkhaphraxngkh eyermiy 14 21 aelaklawwa thitngaehngsthannmskarkhxngerathnghlay epnphrathinngrungeruxngsungtngxyusungtngaetedimnn eyermiy 17 12 xisyahklawthungkhwamsakhykhxngkarswdmntethakbkarthaphithisngewyinphrawiharaelathungcudprasngkhodythwip khnehlanieracanamayngphuekhabri suththi khxngera aelakrathaihekhachunbanxyuinniewsxthisthankhxngera ekhruxngephabuchakhxngekhaaelaekhruxngskkarbuchakhxngekha caep nthi oprdpranbnaethnbuchakhxngera ephraaniewskhxngeraekhacaeriykwaepnniewsxthisthan sahrbbrrdachnchati thnghlay xisyah 56 7 phithikrrmphrawiharepnthiprakxbkarskkarbuchathibrryayinkhmphirhibruthirwmthngkarsngewypracawnechaaelabay aelakarsngewyphiessinwnsabaot aelawnsakhythangsasnakhxngsasnayudayxun chnkhbephlngsdudirahwangphithi hruxephlngsdudithiehmaaaekoxkastamkhwamehmaasmechninoxkaskhxbkhunphraecaxupmakhxngswnxiednexlexsokeriyl El Escorial inpraethssepnthisrangcakphngthibrryaythungphrawiharosolmxn lanphaphinphrawiharosolmxnetmipdwytnim dxkim aelanaphu ephraaaetedimphusrangphrawihartngiccaihepnepnkarsrangswnexednxangxing khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 03 05 subkhnemux 2011 11 25 Temple the Cross F L ed The Oxford dictionary of the Christian church New York Oxford University Press 2005 Books of Chronicles 1 Chronicles chapter 22 29 Will Durant Our Oriental Heritage New York Simon and Schuster 1954 p 307 See 1 Kings 3 2 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 02 11 subkhnemux 2009 04 24 Finds on Temple Mount from First Temple Erwin Reidinger The Temple Mount Platform in Jerusalem from phraecaosolmxn to Herod An Archaeological Re Examination In Assaph Studies in Art of History Volume 9 Tel Aviv 2004 1 64 Hecateus of Abdere or pseudo Hecateus of Abdere transmitted by Josephus and Eusebius of Caesarea Contra Appium 1 22 Evangelical Preparation 9 4 Josephus Judaic Antiquities 15 14 Sheyibaneh Beit Hamikdash Women in the Azarya eyermiy 14 eyermiy 17 xisyah 56 7 Juan Rafael de la Cuadra Blanco 2005 King Philip of Spain as Solomon the Second The origins of Solomonism of the Escorial in the Netherlands en The Seventh Window The King s Window donated by Phillip II and Mary Tudor to Sint Janskerk 1557 p 169 180 concept amp editing Wim de Groot Verloren Publishers Hilversum ed ISBN 90 6550 822 8 aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb phrawiharaerkaelaphrawiharthisxngaehngeyrusaelm wikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb karthalayphrawiharaehngeyrusaelm bthkhwammhawihar wihar obsth hruxsthanthisakhythangkhristsasnaniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk