ใน รูปสี่เหลี่ยม คือรูปหลายเหลี่ยมที่มีด้านสี่ด้าน (หรือ) และมุมสี่มุม (หรือจุดยอด)
รูปสี่เหลี่ยม | |
---|---|
รูปสี่เหลี่ยมต่าง ๆ หกชนิด | |
และจุดยอด | 4 |
สัญลักษณ์ชเลฟลี | {4} (สำหรับจัตุรัส) |
พื้นที่ | คำนวณได้หลายวิธี; ดูด้านล่าง |
มุมภายใน (องศา) | 90° (สำหรับจัตุรัส) |
รูปสี่เหลี่ยมมีทั้งที่เป็น (ไม่มีด้านที่ตัดกันเอง) และ (มีด้านที่ตัดกันเอง หรือเรียกว่ารูปสี่เหลี่ยมไขว้) รูปสี่เหลี่ยมอย่างง่ายอาจเป็นรูปสี่เหลี่ยมนูน (convex) หรือรูปสี่เหลี่ยมเว้า (concave) อย่างใดอย่างหนึ่ง
มุมภายในของรูปสี่เหลี่ยมอย่างง่ายรวมกันได้ 360 องศา ส่วนรูปสี่เหลี่ยมซับซ้อน เนื่องจากมุมภายในที่ด้านตรงข้ามเป็นมุมกลับ ทำให้รวมกันได้ 720 องศา
รูปสี่เหลี่ยมนูนทุกรูปสามารถ[เทสเซลเลชัน|ปูเต็มปริภูมิ]โดยการหมุนรอบจุดกึ่งกลางที่ด้านของมัน
การจำแนกชั้น
ของรูปสี่เหลี่ยมสามารถแสดงได้ตามแผนภาพทางขวามือ รูปแบบที่ต่ำกว่าเป็นกรณีพิเศษของรูปแบบที่สูงกว่า คำว่า trapezium ในภาพเป็นชื่อแบบบริเตน (ชื่อแบบอเมริกันคือ trapezoid) คือรูปสี่เหลี่ยมคางหมูทั่วไป และ kite นอกจากจะหมายถึงรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าวแล้ว ยังหมายถึงรูปสี่เหลี่ยมหัวลูกศรด้วย
รูปสี่เหลี่ยมนูน: กลุ่มด้านขนาน
- รูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน คือรูปสี่เหลี่ยมที่มีด้านกันสองคู่ เทียบเท่ากับเงื่อนไขว่าด้านตรงข้ามมีความยาวเท่ากัน หรือมุมตรงข้ามมีขนาดเท่ากัน หรือเส้นทแยงมุมแบ่งครึ่งซึ่งกันและกัน รูปสี่เหลี่ยมด้านขนานรวมไปถึงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก และรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนด้วย
- รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน หรือรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด หรือรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า คือรูปสี่เหลี่ยมที่มีด้านทั้งสี่ยาวเท่ากัน เทียบเท่ากับเงื่อนไขว่าด้านตรงข้ามขนานกันและมุมตรงข้ามมีขนาดเท่ากัน หรือเส้นทแยงมุมแบ่งครึ่งและตั้งฉากซึ่งกันและกัน รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนรวมไปถึงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
- คือรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานซึ่งด้านที่อยู่ติดกันยาวไม่เท่ากันและมุมทั้งสี่ไม่เป็นมุมฉาก มีความหมายตรงข้ามกับรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
- รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก คือรูปสี่เหลี่ยมที่มีมุมทั้งสี่เป็นมุมฉาก นั่นคือมุมเท่ากันทุกมุม เทียบเท่ากับเงื่อนไขว่าเส้นทแยงมุมแบ่งครึ่งซึ่งกันและกัน รูปสี่เหลี่ยมมุมฉากรวมไปถึงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
- รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือรูปสี่เหลี่ยมปรกติ หรือรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า คือรูปสี่เหลี่ยมที่มีด้านทั้งสี่ยาวเท่ากันและมุมทั้งสี่เป็นมุมฉาก เทียบเท่ากับเงื่อนไขว่าด้านตรงข้ามขนานกัน และเส้นทแยงมุมแบ่งครึ่งและตั้งฉากซึ่งกันและกัน และด้านทั้งสี่ยาวเท่ากัน รูปสี่เหลี่ยมจะถือว่าเป็นจัตุรัสก็ต่อเมื่อถูกจัดว่าเป็นทั้งรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนและรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
- รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า คือรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากซึ่งด้านที่อยู่ติดกันยาวไม่เท่ากัน นั่นคือไม่เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
รูปสี่เหลี่ยมนูน: กลุ่มอื่น ๆ
- รูปสี่เหลี่ยมรูปว่าว คือรูปสี่เหลี่ยมซึ่งด้านที่อยู่ติดกันยาวเท่ากันสองคู่ เป็นนัยว่าถ้าลากเส้นทแยงมุมหนึ่งเส้นแบ่งรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าวออกเป็นสองรูป จะได้ว่ามุมที่อยู่ตรงข้ามเส้นทแยงมุมมีขนาดเท่ากัน และเส้นทแยงมุมทั้งสองตั้งฉากซึ่งกันและกัน (สมบัติเหล่านี้อาจหมายถึงรูปสี่เหลี่ยมเว้าที่เรียกว่ารูปสี่เหลี่ยมหัวลูกศร ในบริบทของเทสเซลเลชัน แต่ในแนวคิดทั่วไปหมายถึงรูปสี่เหลี่ยมนูนอย่างเดียว)
- คือรูปสี่เหลี่ยมที่เส้นทแยงมุมทั้งสองตั้งฉากซึ่งกันและกัน หมายรวมถึงรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส รูปสี่เหลี่ยมรูปว่าว และรูปสี่เหลี่ยมหัวลูกศร
- รูปสี่เหลี่ยมคางหมู คือรูปสี่เหลี่ยมที่มีด้านตรงข้ามขนานกันหนึ่งคู่
- คือรูปสี่เหลี่ยมที่มีด้านตรงข้ามขนานกัน มีขนาดเท่ากัน เป็นนัยว่าด้านอื่นอีกสองด้านยาวเท่ากัน และเส้นทแยงมุมยาวเท่ากัน คำนิยามอื่นคือรูปสี่เหลี่ยมที่มีแกนสมมาตรแบ่งครึ่งด้านคู่ขนานหนึ่งคู่
- คือรูปสี่เหลี่ยมที่จุดยอดทั้งสี่อยู่บนรูปวงกลมแนบนอก รูปสี่เหลี่ยมจะเป็นวงกลมล้อมก็ต่อเมื่อมุมตรงข้ามรวมกันได้ 180 องศา
- คือรูปสี่เหลี่ยมที่ด้านทั้งสี่สัมผัสกับรูปวงกลมแนบใน
- รูปสี่เหลี่ยมวงกลมล้อมและสัมผัส คือรูปสี่เหลี่ยมที่เป็นทั้งรูปสี่เหลี่ยมวงกลมล้อมและรูปสี่เหลี่ยมวงกลมสัมผัส
- รูปสี่เหลี่ยมด้านไม่ขนาน หรือรูปสี่เหลี่ยมด้านไม่เท่า หรือรูปสี่เหลี่ยมไม่ปรกติ คือรูปสี่เหลี่ยมที่ไม่มีด้านใดขนานกันเลย แต่บางกรณีบางด้านและบางมุมอาจมีขนาดเท่ากันก็ได้
รูปสี่เหลี่ยมอื่น ๆ
- รูปสี่เหลี่ยมหัวลูกศร คือรูปสี่เหลี่ยมเว้าซึ่งด้านที่อยู่ติดกันยาวเท่ากันสองคู่ สมบัติเหมือนรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าว แต่มีมุมภายในมุมหนึ่งเป็นมุมกลับ
- รูปสี่เหลี่ยมไขว้ หรือรูปสี่เหลี่ยมผีเสื้อ หรือรูปสี่เหลี่ยมหูกระต่าย คือรูปสี่เหลี่ยมซับซ้อนซึ่งมีด้านที่ตัดกันเอง
- รูปสี่เหลี่ยมเบ้ คือรูปสี่เหลี่ยมที่จุดยอดไม่อยู่บนระนาบสองมิติ สูตรสำหรับคำนวณมุมระหว่างหน้าบนขอบ และมุมระหว่างขอบที่อยู่ติดกัน ได้รับทอดมาจากการศึกษาสมบัติของโมเลกุลเช่น ซึ่งมีวงแหวนที่ประกอบด้วยอะตอมสี่ตัวร่นเข้าหากัน
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมนูน
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมนูนทั่วไปสามารถคำนวณได้หลายสูตรดังต่อไปนี้
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยม ABCD สามารถคำนวณโดยใช้เวกเตอร์ กำหนดให้เวกเตอร์ AC และเวกเตอร์ BD เป็นเส้นทแยงมุมจาก A ไปยัง C และจาก B ไปยัง D ตามลำดับ พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมนี้คือ
ซึ่งเป็นขนาดของผลคูณไขว้ระหว่างเวกเตอร์ AC กับเวกเตอร์ BD ถ้าเขียนแทนเวกเตอร์เหล่านี้ด้วยเวกเตอร์ลอยตัวในปริภูมิสองมิติแบบยูคลิด นั่นคือเวกเตอร์ AC เขียนเป็น และเวกเตอร์ BD เขียนเป็น พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมนี้คือ
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมก็ยังสามารถเขียนด้วยพจน์ตรีโกณมิติได้เป็น
เมื่อ p และ q เป็นความยาวของเส้นทแยงมุมและ θ คือมุมที่เส้นทแยงมุมทั้งสองตัดกัน (มุมใดก็ได้เมื่อผ่านฟังก์ชันไซน์จะได้ค่าเดียวกัน) สำหรับรูปสี่เหลี่ยมเส้นทแยงมุมตั้งฉาก อาทิรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าว สูตรนี้จะลดรูปกลายเป็น เนื่องจาก θ เท่ากับ 90°
(Bretschneider's formula) คำนวณพื้นที่ด้วยขนาดของด้านและมุมดังนี้
เมื่อ a, b, c, d คือความยาวของด้านทั้งสี่ s คือครึ่งหนึ่งของความยาวรอบรูป และ γ, λ คือมุมที่อยู่ตรงข้ามคู่ใด ๆ สูตรนี้จะลดรูปลงเป็น (Brahmagupta's formula) สำหรับรูปสี่เหลี่ยมวงกลมล้อมเมื่อ γ + λ = 180°
อีกสูตรหนึ่งสำหรับคำนวณพื้นที่ด้วยขนาดของด้านและมุม เมื่อ γ อยู่ระหว่างด้าน b กับ c และ λ อยู่ระหว่างด้าน a กับd (ด้านคู่ประชิดของมุมนั้น)
ในกรณีของรูปสี่เหลี่ยมวงกลมล้อม สูตรนี้จะกลายเป็น
และสำหรับรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน เนื่องจากด้านตรงข้ามมีขนาดเท่ากันและมุมตรงข้ามก็มีขนาดเท่ากัน สุดท้ายแล้วสูตรจะลดรูปเหลือเพียง
สูตรต่อไปนี้เป็นสูตรคำนวณพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมด้วยขนาดของด้านและเส้นทแยงมุม
เมื่อ p และ q เป็นความยาวของเส้นทแยงมุม สูตรนี้จะลดรูปลงเป็นสูตรของพรัหมคุปตะสำหรับรูปสี่เหลี่ยมวงกลมล้อมเช่นเดียวกัน เมื่อ
นอกจากนี้ยังมีสูตรพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมที่คำนวณจากด้านทั้งสี่ และมุมที่เส้นทแยงมุมทั้งสองตัดกันเท่ากับ θ ซึ่งไม่เท่ากับ 90°
ในกรณีของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน สูตรนี้จะกลายเป็น
สมบัติของรูปสี่เหลี่ยมชนิดพิเศษ
- เส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมไขว้หรือรูปสี่เหลี่ยมเว้า ไม่ตัดกันภายในรูปสี่เหลี่ยม
- เส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนแบ่งครึ่งมุมภายในพอดี
- กำหนดให้ ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูที่มีจุดยอด A, B, C, D เรียงตามลำดับและมีด้านคู่ขนาน AB กับ DC ; ให้ E เป็นจุดตัดของเส้นทแยงมุม และให้ F กับ G เป็นจุดจุดหนึ่งที่อยู่บนด้าน DA กับ BC ตามลำดับซึ่งทำให้ FEG ขนานกับด้านคู่ขนาน AB กับ DC ; จะได้ว่า FG คือของ AB กับ DC นั่นคือ
- รูปสี่เหลี่ยมด้านขนานที่มีเส้นทแยงมุมยาวเท่ากันคือรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
- รูปสี่เหลี่ยมวงกลมล้อมที่มีด้าน a, b, c, d เรียงตามลำดับและมีเส้นทแยงมุม p, q จะมีสมบัติว่า
- รูปสี่เหลี่ยมวงกลมล้อมที่มีจุดยอด A, B, C, D เรียงตามลำดับ มีด้าน a=AB, b=BC, c=CD, d=DA และมีเส้นทแยงมุม p=AC, q=BD จะมีสมบัติว่า
- รูปสี่เหลี่ยมวงกลมล้อมที่มีด้าน a, b, c, d เรียงตามลำดับและครึ่งหนึ่งของความยาวรอบรูป s ; รัศมีของรูปวงกลมแนบนอกคำนวณได้จาก
- รูปสี่เหลี่ยมด้านขนานที่มีด้าน a, b, c, d เรียงตามลำดับโดยที่ d=b, c=a และมีเส้นทแยงมุม p, q จะมีสมบัติว่า
- กำหนดให้ P เป็นจุดใด ๆ ที่อยู่ภายในรูปสี่เหลี่ยมที่มีจุดยอด A, B, C, D เรียงตามลำดับ จะมีสมบัติว่า
- เส้นตรงใด ๆ ที่ลากผ่านจุดกึ่งกลางของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานจะแบ่งครึ่งพื้นที่เสมอ
- รูปสี่เหลี่ยมเส้นทแยงมุมตั้งฉากที่มีด้าน a, b, c, d เรียงตามลำดับ จะมีสมบัติว่า : p.136
- ไม่มีรูปสี่เหลี่ยมวงกลมล้อม ที่มีด้านยาวไม่เท่ากันเป็นจำนวนตรรกยะในการก้าวหน้าเลขคณิตและมีพื้นที่เป็นจำนวนตรรกยะ
- ไม่มีรูปสี่เหลี่ยมวงกลมล้อม ที่มีด้านยาวไม่เท่ากันเป็นจำนวนตรรกยะในการก้าวหน้าเรขาคณิตและมีพื้นที่เป็นจำนวนตรรกยะ
สมบัติของรูปสี่เหลี่ยมใด ๆ
- ความยาวของเส้นทแยงมุมที่อยู่ตรงข้ามกับด้าน a และ b ที่อยู่ติดกันและทำมุม θ คือ ซึ่งกลายมาจากกฎของโคไซน์
- เมื่อเชื่อมจุดกึ่งกลางบนแต่ละด้านของรูปสี่เหลี่ยมใด ๆ เข้าด้วยกัน จะได้รูปสี่เหลี่ยมด้านขนานเสมอ พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานภายในเท่ากับครึ่งหนึ่งของพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมภายนอก และเส้นรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานภายในก็ยาวเท่ากับผลบวกของเส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมภายนอก
- สมมติให้รูปสี่เหลี่ยมใด ๆ รูปหนึ่ง มีรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสประกอบอยู่บนด้านทั้งสี่ ซึ่งมีขนาดเท่ากับแต่ละด้านของรูปสี่เหลี่ยมนั้น ส่วนของเส้นตรงที่เชื่อมจุดกึ่งกลางของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่อยู่ตรงข้าม จะยาวเท่ากันและตั้งฉากซึ่งกันและกัน
- ส่วนของเส้นตรงที่เชื่อมจุดกึ่งกลางของด้านตรงข้ามจำนวนสองคู่ และส่วนของเส้นตรงที่เชื่อมจุดกึ่งกลางของเส้นทแยงมุม รวมทั้งสามเส้นจะตัดกันที่จุดเดียว และแบ่งครึ่งของส่วนของเส้นตรงนั้น ๆ ด้วย : p.125
- ผลรวมของกำลังสองของเส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมใด ๆ เท่ากับสองเท่าของผลรวมของกำลังสองของส่วนของเส้นตรงที่เชื่อมจุดกึ่งกลางของด้านตรงข้ามจำนวนสองคู่ : p.126
- เส้นแบ่งครึ่งมุมภายในทั้งสี่ของรูปสี่เหลี่ยมใด ๆ เมื่อประกอบกันจะทำให้เกิดรูปสี่เหลี่ยมวงกลมล้อม : p.127
อ้างอิง
- Stars: A Second Look 2016-03-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, p. 2
- M.P. Barnett and J.F. Capitani, Modular chemical geometry and symbolic calculation, International Journal of Quantum Chemistry, 106 (1) 215--227, 2006.
- Harries, J. "Area of a quadrilateral," Mathematical Gazette 86, July 2002, 310-311.
- R. A. Johnson, Advanced Euclidean Geometry, 2007, Dover Publ., p. 82.
- E. W. Weisstein. "Bretschneider's formula". MathWorld -- A Wolfram Web Resource.[]
- Mitchell, Douglas W., "The area of a quadrilateral," Mathematical Gazette 93, July 2009, 306-309.
- Hoehn, Larry, "Circumradius of a cyclic quadrilateral," Mathematical Gazette 84, March 2000, 69-70.
- Altshiller-Court, Nathan, College Geometry, Dover Publ., 2007.
- Buchholz, R. H., and MacDougall, J. A. "Heron quadrilaterals with sides in arithmetic or geometric progression", Bull. Austral. Math. Soc. 59 (1999), 263-269. http://journals.cambridge.org/article_S0004972700032883
แหล่งข้อมูลอื่น
- เอริก ดับเบิลยู. ไวส์สไตน์, "Quadrilateral" จากแมทเวิลด์.
- Compendium Geometry Analytic Geometry of Quadrilaterals
- Quadrilaterals Formed by Perpendicular Bisectors, Projective Collinearity and Interactive Classification of Quadrilaterals from
- Definitions and examples of quadrilaterals and Definition and properties of tetragons from Mathopenref
- Venn Diagram of Quadrilaterals
- An extended classification of quadrilaterals 2019-12-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน at Dynamic Math Learning Homepage 2018-08-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- The role and function of a hierarchical classification of quadrilaterals 2011-07-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน by Michael de Villiers
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
in rupsiehliym khuxruphlayehliymthimidansidan hrux aelamumsimum hruxcudyxd rupsiehliymrupsiehliymtang hkchnidaelacudyxd4sylksnchelfli 4 sahrbcturs phunthikhanwnidhlaywithi dudanlangmumphayin xngsa 90 sahrbcturs rupsiehliymmithngthiepn immidanthitdknexng aela midanthitdknexng hruxeriykwarupsiehliymikhw rupsiehliymxyangngayxacepnrupsiehliymnun convex hruxrupsiehliymewa concave xyangidxyanghnung mumphayinkhxngrupsiehliymxyangngayrwmknid 360 xngsa swnrupsiehliymsbsxn enuxngcakmumphayinthidantrngkhamepnmumklb thaihrwmknid 720 xngsa rupsiehliymnunthukrupsamarth ethseslelchn puetmpriphumi odykarhmunrxbcudkungklangthidankhxngmnkarcaaenkchnkarcaaenkchnkhxngrupsiehliym rupaebbthitakwaepnkrniphiesskhxngrupaebbthisungkwa khxngrupsiehliymsamarthaesdngidtamaephnphaphthangkhwamux rupaebbthitakwaepnkrniphiesskhxngrupaebbthisungkwa khawa trapezium inphaphepnchuxaebbbrietn chuxaebbxemriknkhux trapezoid khuxrupsiehliymkhanghmuthwip aela kite nxkcakcahmaythungrupsiehliymrupwawaelw ynghmaythungrupsiehliymhwluksrdwyrupsiehliymnun klumdankhnanrupsiehliymdankhnan khuxrupsiehliymthimidanknsxngkhu ethiybethakbenguxnikhwadantrngkhammikhwamyawethakn hruxmumtrngkhammikhnadethakn hruxesnthaeyngmumaebngkhrungsungknaelakn rupsiehliymdankhnanrwmipthungrupsiehliymcturs rupsiehliymmumchak aelarupsiehliymkhnmepiykpundwy rupsiehliymkhnmepiykpun hruxrupsiehliymkhawhlamtd hruxrupsiehliymdanetha khuxrupsiehliymthimidanthngsiyawethakn ethiybethakbenguxnikhwadantrngkhamkhnanknaelamumtrngkhammikhnadethakn hruxesnthaeyngmumaebngkhrungaelatngchaksungknaelakn rupsiehliymkhnmepiykpunrwmipthungrupsiehliymcturs khuxrupsiehliymdankhnansungdanthixyutidknyawimethaknaelamumthngsiimepnmumchak mikhwamhmaytrngkhamkbrupsiehliymmumchak rupsiehliymmumchak khuxrupsiehliymthimimumthngsiepnmumchak nnkhuxmumethaknthukmum ethiybethakbenguxnikhwaesnthaeyngmumaebngkhrungsungknaelakn rupsiehliymmumchakrwmipthungrupsiehliymctursaelarupsiehliymphunpha rupsiehliymcturs hruxrupsiehliymprkti hruxrupsiehliymdanethamumetha khuxrupsiehliymthimidanthngsiyawethaknaelamumthngsiepnmumchak ethiybethakbenguxnikhwadantrngkhamkhnankn aelaesnthaeyngmumaebngkhrungaelatngchaksungknaelakn aeladanthngsiyawethakn rupsiehliymcathuxwaepnctursktxemuxthukcdwaepnthngrupsiehliymkhnmepiykpunaelarupsiehliymmumchak rupsiehliymphunpha khuxrupsiehliymmumchaksungdanthixyutidknyawimethakn nnkhuximepnrupsiehliymctursrupsiehliymnun klumxun rupsiehliymrupwaw khuxrupsiehliymsungdanthixyutidknyawethaknsxngkhu epnnywathalakesnthaeyngmumhnungesnaebngrupsiehliymrupwawxxkepnsxngrup caidwamumthixyutrngkhamesnthaeyngmummikhnadethakn aelaesnthaeyngmumthngsxngtngchaksungknaelakn smbtiehlanixachmaythungrupsiehliymewathieriykwarupsiehliymhwluksr inbribthkhxngethseslelchn aetinaenwkhidthwiphmaythungrupsiehliymnunxyangediyw khuxrupsiehliymthiesnthaeyngmumthngsxngtngchaksungknaelakn hmayrwmthungrupsiehliymkhnmepiykpun rupsiehliymcturs rupsiehliymrupwaw aelarupsiehliymhwluksr rupsiehliymkhanghmu khuxrupsiehliymthimidantrngkhamkhnanknhnungkhu khuxrupsiehliymthimidantrngkhamkhnankn mikhnadethakn epnnywadanxunxiksxngdanyawethakn aelaesnthaeyngmumyawethakn khaniyamxunkhuxrupsiehliymthimiaeknsmmatraebngkhrungdankhukhnanhnungkhu khuxrupsiehliymthicudyxdthngsixyubnrupwngklmaenbnxk rupsiehliymcaepnwngklmlxmktxemuxmumtrngkhamrwmknid 180 xngsa khuxrupsiehliymthidanthngsismphskbrupwngklmaenbin rupsiehliymwngklmlxmaelasmphs khuxrupsiehliymthiepnthngrupsiehliymwngklmlxmaelarupsiehliymwngklmsmphs rupsiehliymdanimkhnan hruxrupsiehliymdanimetha hruxrupsiehliymimprkti khuxrupsiehliymthiimmidanidkhnanknely aetbangkrnibangdanaelabangmumxacmikhnadethaknkidrupsiehliymxun rupsiehliymhwluksr khuxrupsiehliymewasungdanthixyutidknyawethaknsxngkhu smbtiehmuxnrupsiehliymrupwaw aetmimumphayinmumhnungepnmumklb rupsiehliymikhw hruxrupsiehliymphiesux hruxrupsiehliymhukratay khuxrupsiehliymsbsxnsungmidanthitdknexng rupsiehliymeb khuxrupsiehliymthicudyxdimxyubnranabsxngmiti sutrsahrbkhanwnmumrahwanghnabnkhxb aelamumrahwangkhxbthixyutidkn idrbthxdmacakkarsuksasmbtikhxngomelkulechn sungmiwngaehwnthiprakxbdwyxatxmsitwrnekhahaknphunthikhxngrupsiehliymnunphunthikhxngrupsiehliymnunthwipsamarthkhanwnidhlaysutrdngtxipni phunthikhxngrupsiehliym ABCD samarthkhanwnodyichewketxr kahndihewketxr AC aelaewketxr BD epnesnthaeyngmumcak A ipyng C aelacak B ipyng D tamladb phunthikhxngrupsiehliymnikhux Area 12 AC BD displaystyle Area frac 1 2 AC times BD dd sungepnkhnadkhxngphlkhunikhwrahwangewketxr AC kbewketxr BD thaekhiynaethnewketxrehlanidwyewketxrlxytwinpriphumisxngmitiaebbyukhlid nnkhuxewketxr AC ekhiynepn x1 y1 displaystyle x 1 y 1 aelaewketxr BD ekhiynepn x2 y2 displaystyle x 2 y 2 phunthikhxngrupsiehliymnikhux Area 12 x1y2 x2y1 displaystyle Area frac 1 2 x 1 y 2 x 2 y 1 dd phunthikhxngrupsiehliymkyngsamarthekhiyndwyphcntrioknmitiidepn Area 12pq sin 8 displaystyle Area frac 1 2 pq cdot sin theta dd emux p aela q epnkhwamyawkhxngesnthaeyngmumaela 8 khuxmumthiesnthaeyngmumthngsxngtdkn mumidkidemuxphanfngkchnisncaidkhaediywkn sahrbrupsiehliymesnthaeyngmumtngchak xathirupsiehliymkhnmepiykpun rupsiehliymcturs aelarupsiehliymrupwaw sutrnicaldrupklayepn 12pq displaystyle tfrac 1 2 pq enuxngcak 8 ethakb 90 Bretschneider s formula khanwnphunthidwykhnadkhxngdanaelamumdngni Area s a s b s c s d 12abcd 1 cos g l s a s b s c s d abcd cos2 g l2 s 12 a b c d displaystyle begin aligned Area amp sqrt s a s b s c s d tfrac 1 2 abcd 1 cos gamma lambda amp sqrt s a s b s c s d abcd left cos 2 left tfrac gamma lambda 2 right right s amp frac 1 2 a b c d end aligned dd emux a b c d khuxkhwamyawkhxngdanthngsi s khuxkhrunghnungkhxngkhwamyawrxbrup aela g l khuxmumthixyutrngkhamkhuid sutrnicaldruplngepn Brahmagupta s formula sahrbrupsiehliymwngklmlxmemux g l 180 xiksutrhnungsahrbkhanwnphunthidwykhnadkhxngdanaelamum emux g xyurahwangdan b kb c aela l xyurahwangdan a kbd dankhuprachidkhxngmumnn Area 12bc sin g 12ad sin l displaystyle Area frac 1 2 bc cdot sin gamma frac 1 2 ad cdot sin lambda dd inkrnikhxngrupsiehliymwngklmlxm sutrnicaklayepn Area 12 bc ad sin g displaystyle Area frac 1 2 bc ad sin gamma dd aelasahrbrupsiehliymdankhnan enuxngcakdantrngkhammikhnadethaknaelamumtrngkhamkmikhnadethakn sudthayaelwsutrcaldrupehluxephiyng ab sin g displaystyle ab cdot sin gamma sutrtxipniepnsutrkhanwnphunthikhxngrupsiehliymdwykhnadkhxngdanaelaesnthaeyngmum Area s a s b s c s d 14 ac bd pq ac bd pq 144p2q2 a2 c2 b2 d2 2 displaystyle begin aligned Area amp sqrt s a s b s c s d tfrac 1 4 ac bd pq ac bd pq amp frac 1 4 sqrt 4p 2 q 2 left a 2 c 2 b 2 d 2 right 2 end aligned dd emux p aela q epnkhwamyawkhxngesnthaeyngmum sutrnicaldruplngepnsutrkhxngphrhmkhuptasahrbrupsiehliymwngklmlxmechnediywkn emux pq ac bd displaystyle pq ac bd nxkcakniyngmisutrphunthikhxngrupsiehliymthikhanwncakdanthngsi aelamumthiesnthaeyngmumthngsxngtdknethakb 8 sungimethakb 90 Area tan 8 4 a2 c2 b2 d2 displaystyle Area frac tan theta 4 cdot left a 2 c 2 b 2 d 2 right dd inkrnikhxngrupsiehliymdankhnan sutrnicaklayepn Area tan 8 2 a2 b2 displaystyle Area frac tan theta 2 cdot left a 2 b 2 right dd smbtikhxngrupsiehliymchnidphiessesnthaeyngmumkhxngrupsiehliymikhwhruxrupsiehliymewa imtdknphayinrupsiehliym esnthaeyngmumkhxngrupsiehliymkhnmepiykpunaebngkhrungmumphayinphxdi kahndih ABCD epnrupsiehliymkhanghmuthimicudyxd A B C D eriyngtamladbaelamidankhukhnan AB kb DC ih E epncudtdkhxngesnthaeyngmum aelaih F kb G epncudcudhnungthixyubndan DA kb BC tamladbsungthaih FEG khnankbdankhukhnan AB kb DC caidwa FG khuxkhxng AB kb DC nnkhux 1FG 12 1AB 1DC displaystyle frac 1 FG frac 1 2 left frac 1 AB frac 1 DC right rupsiehliymdankhnanthimiesnthaeyngmumyawethaknkhuxrupsiehliymmumchak rupsiehliymwngklmlxmthimidan a b c d eriyngtamladbaelamiesnthaeyngmum p q camismbtiwa pq ac bd displaystyle pq ac bd rupsiehliymwngklmlxmthimicudyxd A B C D eriyngtamladb midan a AB b BC c CD d DA aelamiesnthaeyngmum p AC q BD camismbtiwa pq ad cbab cd displaystyle frac p q frac ad cb ab cd p2 ac bd ad bc ab cd displaystyle p 2 frac ac bd ad bc ab cd q2 ac bd ab dc ad bc displaystyle q 2 frac ac bd ab dc ad bc rupsiehliymwngklmlxmthimidan a b c d eriyngtamladbaelakhrunghnungkhxngkhwamyawrxbrup s rsmikhxngrupwngklmaenbnxkkhanwnidcak 14 ab cd ac bd ad bc s a s b s c s d displaystyle frac 1 4 sqrt frac ab cd ac bd ad bc s a s b s c s d rupsiehliymdankhnanthimidan a b c d eriyngtamladbodythi d b c a aelamiesnthaeyngmum p q camismbtiwa p2 q2 a2 b2 c2 d2 displaystyle p 2 q 2 a 2 b 2 c 2 d 2 kahndih P epncudid thixyuphayinrupsiehliymthimicudyxd A B C D eriyngtamladb camismbtiwa AP 2 CP 2 BP 2 DP 2 displaystyle AP 2 CP 2 BP 2 DP 2 esntrngid thilakphancudkungklangkhxngrupsiehliymdankhnancaaebngkhrungphunthiesmx rupsiehliymesnthaeyngmumtngchakthimidan a b c d eriyngtamladb camismbtiwa a2 c2 b2 d2 displaystyle a 2 c 2 b 2 d 2 p 136 immirupsiehliymwngklmlxm thimidanyawimethaknepncanwntrrkyainkarkawhnaelkhkhnitaelamiphunthiepncanwntrrkya immirupsiehliymwngklmlxm thimidanyawimethaknepncanwntrrkyainkarkawhnaerkhakhnitaelamiphunthiepncanwntrrkyasmbtikhxngrupsiehliymid khwamyawkhxngesnthaeyngmumthixyutrngkhamkbdan a aela b thixyutidknaelathamum 8 khux a2 b2 2abcos 8 displaystyle sqrt a 2 b 2 2ab cos theta sungklaymacakkdkhxngokhisn emuxechuxmcudkungklangbnaetladankhxngrupsiehliymid ekhadwykn caidrupsiehliymdankhnanesmx phunthikhxngrupsiehliymdankhnanphayinethakbkhrunghnungkhxngphunthikhxngrupsiehliymphaynxk aelaesnrxbrupkhxngrupsiehliymdankhnanphayinkyawethakbphlbwkkhxngesnthaeyngmumkhxngrupsiehliymphaynxk smmtiihrupsiehliymid ruphnung mirupsiehliymctursprakxbxyubndanthngsi sungmikhnadethakbaetladankhxngrupsiehliymnn swnkhxngesntrngthiechuxmcudkungklangkhxngrupsiehliymctursthixyutrngkham cayawethaknaelatngchaksungknaelakn swnkhxngesntrngthiechuxmcudkungklangkhxngdantrngkhamcanwnsxngkhu aelaswnkhxngesntrngthiechuxmcudkungklangkhxngesnthaeyngmum rwmthngsamesncatdknthicudediyw aelaaebngkhrungkhxngswnkhxngesntrngnn dwy p 125 phlrwmkhxngkalngsxngkhxngesnthaeyngmumkhxngrupsiehliymid ethakbsxngethakhxngphlrwmkhxngkalngsxngkhxngswnkhxngesntrngthiechuxmcudkungklangkhxngdantrngkhamcanwnsxngkhu p 126 esnaebngkhrungmumphayinthngsikhxngrupsiehliymid emuxprakxbkncathaihekidrupsiehliymwngklmlxm p 127 xangxingStars A Second Look 2016 03 03 thi ewyaebkaemchchin p 2 M P Barnett and J F Capitani Modular chemical geometry and symbolic calculation International Journal of Quantum Chemistry 106 1 215 227 2006 Harries J Area of a quadrilateral Mathematical Gazette 86 July 2002 310 311 R A Johnson Advanced Euclidean Geometry 2007 Dover Publ p 82 E W Weisstein Bretschneider s formula MathWorld A Wolfram Web Resource lingkesiy Mitchell Douglas W The area of a quadrilateral Mathematical Gazette 93 July 2009 306 309 Hoehn Larry Circumradius of a cyclic quadrilateral Mathematical Gazette 84 March 2000 69 70 Altshiller Court Nathan College Geometry Dover Publ 2007 Buchholz R H and MacDougall J A Heron quadrilaterals with sides in arithmetic or geometric progression Bull Austral Math Soc 59 1999 263 269 http journals cambridge org article S0004972700032883aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb rupsiehliym exrik dbebilyu iwssitn Quadrilateral cakaemthewild Compendium Geometry Analytic Geometry of Quadrilaterals Quadrilaterals Formed by Perpendicular Bisectors Projective Collinearity and Interactive Classification of Quadrilaterals from Definitions and examples of quadrilaterals and Definition and properties of tetragons from Mathopenref Venn Diagram of Quadrilaterals An extended classification of quadrilaterals 2019 12 30 thi ewyaebkaemchchin at Dynamic Math Learning Homepage 2018 08 25 thi ewyaebkaemchchin The role and function of a hierarchical classification of quadrilaterals 2011 07 19 thi ewyaebkaemchchin by Michael de Villiers