Azərbaycanca AzərbaycancaБеларускі БеларускіDansk DanskDeutsch DeutschEspañola EspañolaFrançais FrançaisIndonesia IndonesiaItaliana Italiana日本語 日本語Қазақ ҚазақLietuvos LietuvosNederlands NederlandsPortuguês PortuguêsРусский Русскийසිංහල සිංහලแบบไทย แบบไทยTürkçe TürkçeУкраїнська Українська中國人 中國人United State United StateAfrikaans Afrikaans
สนับสนุน
www.wiki3.th-th.nina.az
  • วิกิพีเดีย

ช องไขส นหล งท เอวต บ อ งกฤษ Lumbar spinal stenosis ต วย อ LSS เป นอาการทางการแพทย ท ช องไขส นหล งแคบลงแล วกดอ ดไขส นหล

Lumbar spinal stenosis

Lumbar spinal stenosis
www.wiki3.th-th.nina.azhttps://www.wiki3.th-th.nina.az

ช่องไขสันหลังที่เอวตีบ (อังกฤษ: Lumbar spinal stenosis ตัวย่อ LSS) เป็นอาการทางการแพทย์ที่ช่องไขสันหลังแคบลงแล้วกดอัดไขสันหลังและเส้นประสาทที่กระดูกสันหลังระดับเอว (lumbar vertebra) โดยมักมีเหตุจากสันหลังเสื่อมที่สามัญเมื่ออายุมากขึ้น หรือจากหมอนกระดูกสันหลังเคลื่อน จากภาวะกระดูกพรุน หรือจากเนื้องอก อาการที่คอ (cervical) หรือที่เอว (lumbar) ก็อาจจะเป็นภาวะแต่กำเนิดด้วย อนึ่ง เป็นอาการสามัญสำหรับคนไข้ที่มีการเติบโตทางโครงกระดูกผิดปกติเช่น กระดูกอ่อนไม่เจริญเทียม (pseudoachondroplasia) และกระดูกอ่อนไม่เจริญ (achondroplasia) ตั้งแต่อายุน้อย ๆ

ช่องไขสันหลังที่เอวตีบ
(Lumbar spinal stenosis)
image
กระดูกสันหลังที่เอวแสดงช่องไขสันหลังตีบตรงกลาง (central) และซอกข้าง ๆ (lateral recess) โดยปรากฏเป็นรูปสามเหลี่ยม (TREFOIL)
บัญชีจำแนกและลิงก์ไปภายนอก
ICD-10M48.0
ICD-723.0-724.0
31116
MeSHD013130

การตีบอาจจะอยู่ที่คอ (cervical) หรืออก (thoracic) ซึ่งก็จะเรียกว่า ช่องไขสันหลังที่คอตีบ (cervical spinal stenosis) หรือ ช่องไขสันหลังที่อกตีบ (thoracic spinal stenosis) ในบางกรณี คนไข้อาจจะมีการตีบทั้ง 3 บริเวณ[] ช่องไขสันหลังที่เอวตีบทำให้ปวดหลัง รวมทั้งปวดหรือรู้สึกผิดปกติที่บั้นท้าย ต้นขา ขา หรือเท้า หรือทำให้ไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะอุจจาระได้

อาการ

งานทบทวนวรรณกรรมปี 2553 ในวารสารการแพทย์ JAMA เน้นว่า สามารถพิจารณาว่ามีอาการนี้ได้ถ้าส่วนล่างของร่างกายปวดบวกกับหลังปวด อาการนี้เกิดขึ้นในชายผู้มีอายุ 12% โดยทั่วไป และ 21% ในชายที่อยู่ในชุมชนคนเกษียณ

อาการที่ขาคล้ายกับที่พบในอาการปวดขาเหตุขาดเลือด (vascular claudication) ทำให้ได้ชื่อว่า อาการปวดขาเหตุขาดเลือดเทียม (pseudoclaudication) อาการที่ขารวมทั้งปวด กะปลกกะเปลี้ย ซ่า / ชา / เหมือนมีอะไรจิ้มซึ่งอาจวิ่งไปสู่เท้า ความล้า หนักขา ตะคริว และปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ โดยมักจะเป็นทั้งสองข้างเหมือน ๆ กัน ถึงแม้จะเป็นข้างเดียวได้เหมือนกัน ความปวดขามักจะเป็นปัญหามากกว่าความปวดหลัง

อาการปวดขาเทียม ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า อาการปวดขาเหตุประสาท (neurogenic claudication) มักจะแย่ลงถ้ายืนหรือเดินและจะดีขึ้นถ้านั่งลง บ่อยครั้งสัมพันธ์กับอากัปกิริยาและการยืดเอว การนอนตะแคงมักจะสบายกว่านอนหงายเพราะงอเอวได้มากกว่า แต่อาการปวดขาเหตุขาดเลือดก็คล้ายกับช่องไขสันหลังตีบได้เหมือนกัน และบางคนก็ยังมีอาการวิ่งลงเท้าแบบขาเดียวหรือสองขาด้วย ซึ่งไม่สามัญในอาการปวดขาเหตุขาดเลือดจริง ๆ

อาการแรก ๆ ของช่องไขสันหลังตีบรวมทั้งการปวดหลังและปวดคอเป็นระยะสั้น ๆ ซึ่งหลังจากผ่านไป 2-3 เดือนหรือเป็นปี ๆ ก็อาจแย่ลงเป็นอาการปวดขา ความปวดอาจจะแล่นไปตามเส้นประสาท ซึ่งเกิดเมื่อเส้นประสาทของไขสันหลังหรือไขสันหลังเองอัดแน่นขึ้นเนื่องจากช่องไขสันหลังแคบลง อาการนี้บางครั้งกำหนดในผู้สูงอายุได้ยาก ว่าความปวดมีเหตุจากการขาดเลือดหรือช่องไขสันหลังตีบ แม้การตรวจปกติจะแยกเหตุทั้งสองได้ แต่คนไข้ก็อาจมีเหตุทั้งสองพร้อม ๆ กัน[]

ในบรรดาบุคคลที่ปวดขาบวกกับปวดหลัง[] ช่องไขสันหลังที่เอวตีบมีโอกาสเป็นเหตุ 2 เท่ามากกว่าในผู้สูงอายุเกิน 70 ปี เทียบกับโอกาสที่ 0.40 สำหรับผู้ที่อายุน้อยกว่า 60 ปี ลักษณะความปวดก็ช่วยแยกแยะได้ด้วย ถ้านั่งแล้วสบาย โอกาสว่ามีเหตุจาก LSS เพิ่มขึ้นถึง 7.4 เท่า ลักษณะอื่น ๆ ที่เพิ่มโอกาสว่ามีเหตุจาก LSS ก็คือ อาการดีขึ้นถ้าโค้งเอวก้มหน้า (6.4 เท่า) ปวดที่บั้นท้ายทั้งสองหรือขาทั้งสอง (6.3 เท่า) และมีอาการปวดขาเหตุประสาท (3.7 เท่า) โดยกลับกัน การไม่มีอาการปวดขาเหตุประสาทก็จะลดโอกาสอย่างมาก ว่าช่องไขสันหลังที่เอวตีบเป็นเหตุความปวด

เหตุ

ช่องไขสันหลังที่เอวตีบอาจเป็นแต่กำเนิด (น้อยมาก), หรือเกิดทีหลัง (เพราะความเสื่อม) อันเป็นความเปลี่ยนแปลงสามัญในกระดูกสันหลังของผู้สูงอายุ

กระดูกสันหลังเคลื่อนเพราะเสื่อม

การมีลำกระดูกสันหลังเคลื่อนไปข้างหน้าเทียบกับลำที่อยู่ติดกันโดยที่ส่วนโค้งกระดูกสันหลัง (vertebral arch) ไม่เสียหาย ประกอบกับลักษณะเสื่อม เป็นอาการที่เรียกว่า กระดูกสันหลังเคลื่อนเพราะเสื่อม (degenerative spondylolisthesis) ซึ่งทำช่องไขสันหลังให้แคบลงโดยมีอาการของช่องไขสันหลังตีบอย่างสามัญ ในบรรดาอาการเหล่านี้ อาการปวดขาเหตุประสาทสามัญที่สุด

ลำกระดูกที่เคลื่อนไปข้างหน้าเทียบกับอีกลำหนึ่งสามารถเป็นเหตุให้ช่องไขสันหลังตีบ คือถ้าเคลื่อนไปพอจนมีผลบีบไขสันหลัง นั่นก็คือช่องไขสันหลังตีบโดยนิยาม ถ้ามีอาการที่สัมพันธ์กัน นั่นก็จะยืนยันการวินิจฉัยว่ามีช่องไขสันหลังตีบ กระดูกสันหลังเคลื่อนเพราะเสื่อมก็จะสามัญยิ่งขึ้นตามอายุที่มากขึ้น

ลำกระดูกที่เป็นเหตุสามัญที่สุดก็คือ L4 เคลื่อนออกจาก L5 นักวิชาการพบว่า กระดูกสันหลังเคลื่อนพร้อมกับช่องไขสันหลังตีบในหญิงโรคเบาหวานที่ตัดรังไข่ออกสามัญมากกว่า เหตุของอาการที่ขาอาจกำหนดได้ยาก เพราะโรคเส้นประสาทนอกส่วนกลาง (peripheral neuropathy) ที่เป็นอาการทุตยิภูมิของโรคเบาหวานก็อาจมีอาการเหมือนกับช่องไขสันหลังตีบ

กระดูกสันหลังอักเสบแบบแข็งตัว (Ankylosing spondylitis)

  • image
    กระดูกสันหลังอักเสบที่ L5 เคลื่อนออกจาก S1 (Grade II, <50%)
  • image
    กระดูกสันหลังอักเสบแบบแข็งตัวที่เอวและเป็นมาก ซึ่งอาจทำให้ช่องไขสันหลังตีบ

การวินิจฉัย

image
กระดูกสันหลังที่เอวปกติจะมีช่องไขสันหลังกลมใหญ่

การวินิจฉัยจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่แพทย์ตรวจพบ คนไข้บางคนอาจมีช่องไขสันหลังตีบโดยไม่มีอาการ และไม่จำเป็นต้องรักษา ช่องอาจตีบแบบตรงกลาง (central stenosis) หรือที่รูประสาทผ่าน (foraminal stenosis) ออกจากช่องไขสันหลัง ส่วนการตีบมากที่ด้านข้างของช่องเรียกว่า lateral recess stenosis (ช่องไขสันหลังตีบที่ซอกข้าง ๆ)

เอ็น ligamentum flavum (เอ็นสีเหลือง) เป็นโครงสร้างสำคัญที่อยู่ชิดกับส่วนหลังของ dural sac (ปลอกเยื่อดูรา) และสามารถหนาขึ้นเป็นเหตุต่อช่องไขสันหลังตีบ หน้าประกอบข้อต่อ (articular facet) ซึ่งอยู่ที่ส่วนหลังของสันกระดูกก็สามารถหนาใหญ่ขึ้นเป็นเหตุต่อช่องไขสันหลังตีบได้เช่นกัน ความเปลี่ยนแปลงเยี่ยงนี้มักจะเรียกว่า “trophic changes” หรือ “facet trophism” ในรายงานแพทย์รังสีวิทยา เมื่อช่องเล็กลงจนกลายเป็นรูป 3 เหลี่ยม ก็จะเรียกว่า trefoil canal (ช่องสามเหลี่ยม)[]

ช่องไขสันหลังที่เอวปกติมีเส้นผ่านศูนย์กลางจากหน้าไปหลังมากกว่า 13 มม. และมีพื้นที่ 1.45 ซม2 จะค่อนข้างตีบก็เมื่อเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ระหว่าง 10-13 มม. และจะตีบจริง ๆ เมื่ออยู่ที่ 10 มม. หรือน้อยกว่า

ภาพเอ็กซเรย์ธรรมดาของกระดูกสันหลังที่เอวหรือคออาจจะไม่แสดงช่องไขสันหลังตีบ การวินิจฉัยที่แน่นอนจะทำด้วย CT Scan หรือ MRI การระบุว่าช่องแคบลงก็คือการวินิจฉัยว่ามีช่องไขสันหลังตีบ

การทดสอบด้วยจักรยานของแวนเจลเดอเร็น

มีรายงานปี 2520 เกี่ยวกับการทดสอบด้วยจักรยานของแวนเจลเดอเร็น ซึ่งเป็นการทดสอบแบบง่ายที่ให้คนไข้ปั่นจักรยานอยู่กับที่ ถ้าอาการเกิดจากโรคหลอดเลือดที่ขา คนไข้จะปวดขาเนื่องจากมีเลือดไปเลี้ยงขาไม่พอ ถ้าอาการมีเหตุจากช่องไขสันหลังที่เอวตีบ อาการจะดีขึ้นถ้าคนไข้โค้งตัวไปข้างหน้าเมื่อถีบจักรยาน แม้จะมีวิธีการทดสอบที่ก้าวหน้ากว่าอื่น ๆ วิธีการทดสอบนี้ก็ยังมีค่าใช้จ่ายน้อยและง่าย เพื่อแยกแยะอาการปวดขาที่เกิดจากโรคหลอดเลือดหรือช่องไขสันหลังตีบ

นักวิจัยของรายงานเขียนไว้ว่า "ผู้เขียนได้พรรณนาถึงการทดสอบทางคลินิกแบบง่ายอย่างหนึ่ง ที่เสริมการตรวจทางประสาททั่วไปสำหรับคนไข้ที่มีอาการกลุ่มรากประสาทคล้ายหางม้า (cauda equina compression) ถูกบีบเป็นระยะ ๆ 'การทดสอบด้วยจักรยาน' ช่วยกันอาการปวดขาเป็นระยะ ๆ เนื่องจากความบกพร่องของหลอดเลือด และบ่อยครั้งช่วยยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างอากัปกิริยากับความปวดที่เกิดจากรากประสาท"

การสร้างภาพด้วย MRI

MRI เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อวินิจฉัยและประเมินช่องไขสันหลังตีบที่กระดูกสันหลังทุกช่วง ร่วมทั้งที่คอ ที่อก และที่เอว MRI มีประโยชน์ในการวินิจฉัยโรคไขสันหลังเหตุกระดูกไขสันหลังที่คอเสื่อม (เพราะข้ออักเสบแบบเสื่อมของกระดูกสันหลังที่คอ สัมพันธ์กับความเสียหายของไขสันหลัง) การพบความเสื่อมของไขสันหลังที่คอโดยใช้ MRI อาจดูน่ากลัว เป็นอาการที่เรียกว่า myelomalacia หรือไขสันหลังเสื่อม (cord degeneration) และจะเห็นเป็นส่วนที่สว่างกว่า (increased signal) ในภาพ MRI ในโรคไขสันหลังที่เกิดจากความเสื่อม อาการที่พบจะคงถาวรและการตัดแผ่นกระดูกปกไขสันหลังเพื่อลดแรงกด (decompressive laminectomy) จะไม่สามารถคืนสภาพอาการเช่นนี้ แต่สามารถหยุดอาการไม่ให้แย่ลง ในกรณีที่ความเปลี่ยนแปลงที่พบในภาพ MRI มีเหตุจากการขาดวิตามินบี12 โอกาสหายก็จะดีกว่า

เกณฑ์การวินิจฉัย

การตรวจพบช่องไขสันหลังตีบที่คอ ที่อก หรือที่เอว จะยืนยันเพียงแค่ลักษณะทางกายวิภาคที่แสดงว่ามีการตีบ แต่อาจไม่สัมพันธ์กับอาการช่องไขสันหลังตีบ ซึ่งจะปรากฏเป็นอาการโรครากประสาท (radiculopathy) อาการปวดขาเหตุประสาท (neurogenic claudication) กะปลกกะเปลี้ย ปัญหาการถ่ายปัสสาวะอุจจาระ กล้ามเนื้อกระตุก (spasticity) กล้ามเนื้อไม่มีแรง ภาวะรีเฟล็กซ์เกิน (hyperreflexia) และกล้ามเนื้อฝ่อ อาการเหล่านี้ ซึ่งพบโดยประวัติคนไข้และการตรวจของแพทย์ พร้อมกับภาพแสดงช่องไขสันหลังตีบจาก MRI หรือ CT Scan จะพอให้วินิจฉัยว่ามีอาการช่องไขสันหลังตีบ

การจัดการบริหาร

การบำบัดที่ไม่ใช่เป็นการผ่าตัด และการตัดแผ่นกระดูกปกไขสันหลัง (laminectomy) เป็นวิธีการรักษามาตรฐานของ LSS แพทย์ปกติจะแนะนำการรักษาซึ่งเสี่ยงน้อยที่สุด (conservative คือแบบธรรมดา) แนะนำให้เลี่ยงการออกแรงที่หลังส่วนล่าง โดยเฉพาะเมื่อกระดูกสันหลังยืดออก และอาจแนะนำกายภาพบำบัดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงทั่วไปของร่างกาย และให้ออกกำลังกายเพิ่มประสิทธิภาพของปอดและหัวใจ แต่หลักฐานวิทยาศาสตร์ทั่วไปยังสรุปไม่ได้ว่าการรักษาที่เสี่ยงน้อยหรือการผ่าตัดดีกว่ากัน

ยา

หลักฐานการใช้ยาเพื่อรักษาอาการนี้ไม่ดี ฮอร์โมน calcitonin สำหรับฉีดแต่ไม่ใช่สำหรับสูดทางจมูก มีประโยชน์บรรเทาความปวดในระยะสั้น การสะกดประสาทโดยฉีดยาเข้าที่ช่องไขสันหลัง (Epidural block) อาจลดความปวดได้ชั่วคราว แต่ไม่มีหลักฐานว่ามีผลระยะยาว การเพิ่มฉีดสเตอรอยด์ด้วยก็ไม่ได้เพิ่มประสิทธิผล และการฉีดสเตอรอยด์เข้าที่ช่องไขสันหลัง (epidural steroid injections, ESIs) ก็เป็นวิธีรักษาที่สร้างความขัดแย้ง และหลักฐานว่ามีประสิทธิผลก็ไม่ชัดเจน

ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์ (NSAID) ยาคลายกล้ามเนื้อ และยาระงับปวดกลุ่มโอปิออยด์บ่อยครั้งใช้แก้ความปวดหลัง แต่หลักฐานว่ามีประสิทธิผลหรือไม่ก็มีน้อยมาก

การผ่าตัด

การผ่าตัดดูจะให้ผลดีกว่าถ้าได้พยายามรักษาตามปกติแต่ยังมีอาการอยู่หลังจาก 3-6 เดือน การตัดแผ่นกระดูกปกไขสันหลังมีประสิทธิผลดีที่สุดในบรรดาการผ่าตัดทั้งหลาย ในคนไข้ที่แย่ลงเมื่อรักษาด้วยวิธีปกติ การผ่าตัดจะทำให้ดีขึ้นในกรณี 60-70% วิธีการผ่าตัดเพื่อใช้อุปกรณ์ยึดกับกระดูกสันหลังที่เรียกว่า X-STOP มีประสิทธิผลน้อยกว่าและจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเมื่อต้องแก้ปัญหาลำกระดูกสันหลังมากกว่า 1 ลำ การผ่าตัดด้วยวิธีทั้งสองต่างก็มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรักษาธรรมดา

พยากรณ์โรค

ผู้มีอาการน้อยหรือปานกลางโดยมากไม่แย่ลง แม้ว่าหลายคนจะดีขึ้นในระยะสั้น ๆ หลังจากการผ่าตัด แต่ก็จะดีลดลงบ้างตามกาลเวลา มีปัจจัยหลายอย่างก่อนการผ่าตัดที่ช่วยพยากรณ์ผลที่ได้จากการผ่าตัด คนที่มีโรคซึมเศร้า โรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ กระดูกสันหลังคด (scoliosis) โดยทั่วไปจะได้ผลแย่กว่า ในขณะที่ผู้ที่มีช่องไขสันหลังตีบรุนแรงแต่มีสุขภาพทั่วไปดีก่อนหน้าจะได้ผลดีกว่า

โรคหรือการเสื่อมของหมอนกระดูกสันหลังมักจะทำให้ข้อต่อกระดูกแข็ง ซึ่งจะทำให้เกิดปุ่มกระดูก (osteophyte) ที่ข้อต่อ กระบวนการนี้เรียกว่ากระดูกสันหลังเสื่อม (spondylosis) อันเป็นเรื่องปกติเมื่ออายุมากขึ้น โดยเห็นในงานศึกษากระดูกสันหลังทั้งแบบปกติและมีโรค ความเสื่อมจะเริ่มโดยไม่มีอาการอาจตั้งแต่อายุ 25-30 ปี เป็นเรื่องธรรมดาที่จะปวดหลังอย่างรุนแรงอย่างน้อย 1 ครั้งโดยอายุ 35 ปี ซึ่งหวังได้ว่าจะดีขึ้นและเกิดถี่น้อยลงเมื่อเกิดปุ่มกระดูกที่หมอนรองกระดูก

ในระบบค่าสินไหมแรงงานในสหรัฐเนื่องกับการผ่าตัดกระดูกสันหลัง เมื่อได้ผ่าตัดใหญ่ถึงสองครั้ง ผู้ทำงานโดยมากจะไม่กลับไปทำงานเพื่อรายได้ใด ๆ อีก เพราะเมื่อผ่าเกินสองครั้งแล้ว ครั้งต่อ ๆ ไปมีโอกาสทำให้แย่ลงมากกว่าทำให้ดีขึ้น

ประวัติ

การพรรณนาถึง LSS ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2443 แต่รายงานทางคลินิกแรกมักจะให้เครดิตกับประสาทศัลยแพทย์ชาวดัตช์ที่ตีพิมพ์ในปี 2497

ช่องไขสันหลังตีบเริ่มพิจารณาว่าเป็นสภาวะโรคในคริสต์ทศวรรษ 1960 และ 1970 ในปี 2521 แพทย์ได้พบว่า บุคคลที่ปวดหลังส่วนล่างและมีอาการอื่น ๆ มีโอกาสมีช่องไขสันหลังตีบมากกว่าผู้ที่ไม่มีอาการ ในปี 2525 แพทย์รายงานว่า บุคคลที่มีโรคหมอนกระดูกสันหลังหรือต้องผ่าตัดแผ่นกระดูกปกไขสันหลัง (laminectomy) โดยมากจะมีช่องไขสันหลังที่เอวตีบ

ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 และ 1980 รายงานกรณีคนไข้แสดงผลการรักษาด้วยการผ่าตัดในอัตราที่ดี แต่รายงานเหล่านี้เป็นไปตามการประเมินผลแบบอัตวิสัยของศัลยแพทย์ ต่อมาในปี 2535 แพทย์คู่หนึ่งจึงได้พรรณนาถึงวิถีการดำเนินของ LSS แล้วให้ข้อสรุปเกี่ยวกับพยากรณ์โรคสัมพันธ์กับการรักษาที่ต่างกัน คือ "70% ของคนไข้รายงานว่าอาการไม่ได้เปลี่ยน 15% แสดงว่าดีขึ้นอย่างสำคัญ เทียบกับ 15% ที่แสดงว่าแย่ลง" ซึ่งรายงานภายหลังสรุปว่า "นักวิจัยได้สรุปว่า การเฝ้าดูอาการเป็นทางเลือกการรักษาที่ดีพอสมควรสำหรับช่องไขสันหลังที่เอวตีบ โดยอาการที่แย่ลงทางประสาทอย่างสำคัญมีน้อยมาก"

สังคมวัฒนธรรม

สหรัฐอเมริกา

ภายใต้ระเบียบการประกันสังคมสหรัฐอเมริกา ช่องไขสันหลังตีบจัดว่าเป็นภาวะพิการโดยเฉพาะในรายการ 1.04 C ซึ่งกำหนดว่า "ช่องไขสันหลังที่เอวตีบซึ่งมีผลเป็นอาการปวดขาเหตุขาดเลือดเทียม (คืออาการปวดขาเหตุประสาท), ที่ยืนยันโดยการตรวจสอบด้วยการสร้างภาพทางการแพทย์ (เช่น CT Scan, MRI) อันสมควร, ที่ปรากฏเป็นความปวดและความกะปลกกะเปลี้ยแบบ nonradicular, และที่มีผลไม่สามารถเดินได้ถนัดดังกำหนดใน 1.00B2b" เทียบกับช่องไขสันหลังที่คอตีบ ซึ่งต้องมีการประชุมตัดสินว่าเป็นความพิการหรือไม่[]

เชิงอรรถและอ้างอิง

  1. Suri, P; Rainville, J; Kalichman, L; Katz, JN (December 2010). "Does this older adult with lower extremity pain have the clinical syndrome of lumbar spinal stenosis?". JAMA. 304 (23): 2628–36. doi:10.1001/jama.2010.1833. PMC 3260477. PMID 21156951.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  2. Vogt, MT; Cawthon, PM; Kang, JD; Donaldson, WF; Cauley, JA; Nevitt, MC (June 2006). "Prevalence of symptoms of cervical and lumbar stenosis among participants in the Osteoporotic Fractures in Men Study". Spine. 31 (13): 1445–51. doi:10.1097/01.brs.0000219875.19688.a6. PMID 16741453.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  3. Hicks, GE; Gaines, JM; Shardell, M; Simonsick, EM (September 2008). "Associations of back and leg pain with health status and functional capacity of older adults: findings from the retirement community back pain study". Arthritis Rheum. 59 (9): 1306–13. doi:10.1002/art.24006. PMID 18759261.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  4. Englund, J (January 2007). "Lumbar spinal stenosis". Curr Sports Med Rep. 6 (1): 50–5. doi:10.1007/s11932-007-0012-0. PMID 17212913.
  5. Genevay, S; Atlas, SJ (April 2010). "Lumbar spinal stenosis". Best Pract Res Clin Rheumatol. 24 (2): 253–65. doi:10.1016/j.berh.2009.11.001. PMC 2841052. PMID 20227646.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  6. Djurasovic, M; Glassman, SD; Carreon, LY; Dimar, JR (April 2010). "Contemporary management of symptomatic lumbar spinal stenosis". Orthop. Clin. North Am. 41 (2): 183–91. doi:10.1016/j.ocl.2009.12.003. PMID 20399357.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  7. Konno, S; Hayashino, Y; Fukuhara, S (2007). "Development of a clinical diagnosis support tool to identify patients with lumbar spinal stenosis". Eur Spine J. 16 (11): 1951–1957. doi:10.1007/s00586-007-0402-2. PMC 2223350. PMID 17549525.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  8. Takahashi, K; Kitahara, H; Yamagata, M (November 1990). "Long-term results of anterior interbody fusion for treatment of degenerative spondylolisthesis". Spine. 15 (11): 1211–5. doi:10.1097/00007632-199011010-00022. PMID 2267618.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  9. Wiltse, LL; Newman, PH; Macnab, I (June 1976). "Classification of spondylolisis and spondylolisthesis". Clin. Orthop. Relat. Res. (117): 23–9. doi:10.1097/00003086-197606000-00003. PMID 1277669.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  10. Frymoyer, JW (January 1994). "Degenerative Spondylolisthesis: Diagnosis and Treatment". J Am Acad Orthop Surg. 2 (1): 9–15. PMID 10708989.
  11. Ullrich, CG; Binet, EF; Sanecki, MG; Kieffer, SA (January 1980). "Quantitative assessment of the lumbar spinal canal by computed tomography". Radiology. 134 (1): 137–43. doi:10.1148/radiology.134.1.7350593. PMID 7350593.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  12. Verbiest, H (1966). Orthop. Clin. North Am. 6: 177–96. {{}}: |title= ไม่มีหรือว่างเปล่า ((help))CS1 maint: uses authors parameter ()
  13. Eisenstein, S (May 1977). . J Bone Joint Surg Br. 59 (2): 173–80. PMID 873978. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2011. สืบค้นเมื่อ 2017-08-01.
  14. Lane, JM; Gardner, MJ; Lin, JT; van der Meulen, MC; Myers, E (October 2003). "The aging spine: new technologies and therapeutics for the osteoporotic spine". Eur Spine J. 12 Suppl 2: S147-54. doi:10.1007/s00586-003-0636-6. PMC 3591818. PMID 14534849.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  15. Benoist, M (October 2003). "Natural history of the aging spine". Eur Spine J. 12 Suppl 2: S86-9. doi:10.1007/s00586-003-0593-0. PMC 3591827. PMID 12961079.
  16. Szpalski, M; Gunzburg, R (October 2003). "Lumbar spinal stenosis in the elderly: an overview". Eur Spine J. 12 Suppl 2: S170-5. doi:10.1007/s00586-003-0612-1. PMC 3591819. PMID 13680315.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  17. Dyck, P; Doyle, JB (May 1977). ""Bicycle test" of van Gelderen in diagnosis of intermittent cauda equina compression syndrome. Case report". J. Neurosurg. 46 (5): 667–70. doi:10.3171/jns.1977.46.5.0667. PMID 845655.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  18. Sheehan, NJ (June 2010). "Magnetic resonance imaging for low back pain: indications and limitations". Postgrad Med J. 86 (1016): 374–8. doi:10.1136/ard.2009.110973. PMID 20547606.
  19. Cousins, JP; Haughton, VM (January 2009). "Magnetic resonance imaging of the spine". J Am Acad Orthop Surg. 17 (1): 22–30. PMID 19136424.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  20. Tracy, JA; Bartleson, JD (May 2010). "Cervical spondylotic myelopathy". Neurologist. 16 (3): 176–87. doi:10.1097/NRL.0b013e3181da3a29. PMID 20445427.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  21. Kiers, L; Desmond, P (January 1999). "Magnetic resonance imaging in subacute combined degeneration of the spinal cord". J Clin Neurosci. 6 (1): 49–50. doi:10.1016/S0967-5868(99)90604-5. PMID 18639123.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  22. Rimbot, A; Juglard, R; Stéphant, E; (March 2004). "[Subacute combined degeneration of the spinal cord: contribution of MRI]". J Radiol (ภาษาฝรั่งเศส). 85 (3): 326–8. doi:10.1016/S0221-0363(04)97586-5. PMID 15192526.{{}}: CS1 maint: extra punctuation () CS1 maint: uses authors parameter ()
  23. Srikanth, SG; Jayakumar, PN; Vasudev, MK; Taly, AB; Chandrashekar, HS (September 2002). "MRI in subacute combined degeneration of spinal cord: a case report and review of literature". Neurol India. 50 (3): 310–2. PMID 12391459.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  24. . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 4, 2016. สืบค้นเมื่อ 2014-08-27.
  25. Burnett, MG; Stein, SC; Bartels, RH (July 2010). "Cost-effectiveness of current treatment strategies for lumbar spinal stenosis: nonsurgical care, laminectomy, and X-STOP". J Neurosurg Spine. 13 (1): 39–46. doi:10.3171/2010.3.SPINE09552. PMID 20594016.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  26. Zaina, F; Tomkins-Lane, C; Carragee, E; Negrini, S (2016-01-29). "Surgical versus non-surgical treatment for lumbar spinal stenosis". The Cochrane database of systematic reviews. 1: CD010264. doi:10.1002/14651858.CD010264.pub2. PMID 26824399.
  27. de QH, Tran; Duong, S; Finlayson, RJ (July 2010). "Lumbar spinal stenosis: a brief review of the nonsurgical management". Can J Anaesth. 57 (7): 694–703. doi:10.1007/s12630-010-9315-3. PMID 20428988.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  28. Parr, AT; Diwan, S; Abdi, S (2009). "Lumbar interlaminar epidural injections in managing chronic low back and lower extremity pain: a systematic review". Pain Physician. 12 (1): 163–88. PMID 19165302.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  29. Kovacs, FM; Urrútia, G; Alarcón, JD (September 2011). "Surgery versus conservative treatment for symptomatic lumbar spinal stenosis: a systematic review of randomized controlled trials". Spine. 36 (20): E1335-51. doi:10.1097/BRS.0b013e31820c97b1. PMID 21311394.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  30. Rothman Rh; Semeone FA, บ.ก. (1982). The Spine. Philadelphia: Saunders. p. 518. ISBN .
  31. Waddell, G; Kummel, EG; Lotto, WN; Graham, JD; Hall, H; McCulloch, JA (March 1979). "Failed lumbar disc surgery and repeat surgery following industrial injuries". J Bone Joint Surg Am. 61 (2): 201–7. PMID 422604.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  32. Sachs, B; Frankel, V (1900). "Progressive and kyphotic rigidity of the spine". J Nerv Ment Dis. 27: 1–15. doi:10.1097/00005053-190001000-00001.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  33. Verbiest, H (May 1954). . J Bone Joint Surg Br. 36-B (2): 230–7. PMID 13163105. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ July 24, 2011. สืบค้นเมื่อ 2017-08-01.
  34. Porter, RW; Hibbert, CS; Wicks, M (November 1978). . J Bone Joint Surg Br. 60-B (4): 485–7. PMID 711794. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2011. สืบค้นเมื่อ 2017-08-01.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  35. Johnsson, KE; Rosén, I; Udén, A (June 1992). "The natural course of lumbar spinal stenosis". Clin. Orthop. Relat. Res. (279): 82–6. PMID 1534726.{{}}: CS1 maint: uses authors parameter ()
  36. "Disability programs". US Social Security Administration. September 2008. สืบค้นเมื่อ 2010-12-26. Lumbar spinal stenosis resulting in pseudoclaudication, established by findings on appropriate medically acceptable imaging, manifested by chronic nonradicular pain and weakness, and resulting in inability to ambulate effectively, as defined in 1.00B2b
  37. (PDF). US Social Security Administration. January 2003. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-01-01. สืบค้นเมื่อ 2010-12-26.

แหล่งข้อมูลอื่น

  • "Diseases and conditions:Spinal stenosis". The Mayo Clinic. 11 March 2008. สืบค้นเมื่อ 2008-11-12.

wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์

chxngikhsnhlngthiexwtib xngkvs Lumbar spinal stenosis twyx LSS epnxakarthangkaraephthythichxngikhsnhlngaekhblngaelwkdxdikhsnhlngaelaesnprasaththikraduksnhlngradbexw lumbar vertebra odymkmiehtucaksnhlngesuxmthisamyemuxxayumakkhun hruxcakhmxnkraduksnhlngekhluxn cakphawakradukphrun hruxcakenuxngxk xakarthikhx cervical hruxthiexw lumbar kxaccaepnphawaaetkaeniddwy xnung epnxakarsamysahrbkhnikhthimikaretibotthangokhrngkradukphidpktiechn kradukxxnimecriyethiym pseudoachondroplasia aelakradukxxnimecriy achondroplasia tngaetxayunxy chxngikhsnhlngthiexwtib Lumbar spinal stenosis kraduksnhlngthiexwaesdngchxngikhsnhlngtibtrngklang central aelasxkkhang lateral recess odypraktepnrupsamehliym TREFOIL bychicaaenkaelalingkipphaynxkICD 10M48 0ICD 723 0 724 031116MeSHD013130 kartibxaccaxyuthikhx cervical hruxxk thoracic sungkcaeriykwa chxngikhsnhlngthikhxtib cervical spinal stenosis hrux chxngikhsnhlngthixktib thoracic spinal stenosis inbangkrni khnikhxaccamikartibthng 3 briewn txngkarxangxing chxngikhsnhlngthiexwtibthaihpwdhlng rwmthngpwdhruxrusukphidpktithibnthay tnkha kha hruxetha hruxthaihimsamarthkhwbkhumkarpssawaxuccaraidxakarnganthbthwnwrrnkrrmpi 2553 inwarsarkaraephthy JAMA ennwa samarthphicarnawamixakarniidthaswnlangkhxngrangkaypwdbwkkbhlngpwd xakarniekidkhuninchayphumixayu 12 odythwip aela 21 inchaythixyuinchumchnkhneksiyn xakarthikhakhlaykbthiphbinxakarpwdkhaehtukhadeluxd vascular claudication thaihidchuxwa xakarpwdkhaehtukhadeluxdethiym pseudoclaudication xakarthikharwmthngpwd kaplkkaepliy sa cha ehmuxnmixaircimsungxacwingipsuetha khwamla hnkkha takhriw aelapyhaekiywkbkraephaapssawa odymkcaepnthngsxngkhangehmuxn kn thungaemcaepnkhangediywidehmuxnkn khwampwdkhamkcaepnpyhamakkwakhwampwdhlng xakarpwdkhaethiym sungpccubneriykwa xakarpwdkhaehtuprasath neurogenic claudication mkcaaeylngthayunhruxedinaelacadikhunthannglng bxykhrngsmphnthkbxakpkiriyaaelakaryudexw karnxntaaekhngmkcasbaykwanxnhngayephraangxexwidmakkwa aetxakarpwdkhaehtukhadeluxdkkhlaykbchxngikhsnhlngtibidehmuxnkn aelabangkhnkyngmixakarwinglngethaaebbkhaediywhruxsxngkhadwy sungimsamyinxakarpwdkhaehtukhadeluxdcring xakaraerk khxngchxngikhsnhlngtibrwmthngkarpwdhlngaelapwdkhxepnrayasn sunghlngcakphanip 2 3 eduxnhruxepnpi kxacaeylngepnxakarpwdkha khwampwdxaccaaelniptamesnprasath sungekidemuxesnprasathkhxngikhsnhlnghruxikhsnhlngexngxdaennkhunenuxngcakchxngikhsnhlngaekhblng xakarnibangkhrngkahndinphusungxayuidyak wakhwampwdmiehtucakkarkhadeluxdhruxchxngikhsnhlngtib aemkartrwcpkticaaeykehtuthngsxngid aetkhnikhkxacmiehtuthngsxngphrxm kn txngkarxangxing inbrrdabukhkhlthipwdkhabwkkbpwdhlng chxngikhsnhlngthiexwtibmioxkasepnehtu 2 ethamakkwainphusungxayuekin 70 pi ethiybkboxkasthi 0 40 sahrbphuthixayunxykwa 60 pi lksnakhwampwdkchwyaeykaeyaiddwy thanngaelwsbay oxkaswamiehtucak LSS ephimkhunthung 7 4 etha lksnaxun thiephimoxkaswamiehtucak LSS kkhux xakardikhunthaokhngexwkmhna 6 4 etha pwdthibnthaythngsxnghruxkhathngsxng 6 3 etha aelamixakarpwdkhaehtuprasath 3 7 etha odyklbkn karimmixakarpwdkhaehtuprasathkcaldoxkasxyangmak wachxngikhsnhlngthiexwtibepnehtukhwampwdehtuchxngikhsnhlngthiexwtibxacepnaetkaenid nxymak hruxekidthihlng ephraakhwamesuxm xnepnkhwamepliynaeplngsamyinkraduksnhlngkhxngphusungxayu kraduksnhlngekhluxnephraaesuxm karmilakraduksnhlngekhluxnipkhanghnaethiybkblathixyutidknodythiswnokhngkraduksnhlng vertebral arch imesiyhay prakxbkblksnaesuxm epnxakarthieriykwa kraduksnhlngekhluxnephraaesuxm degenerative spondylolisthesis sungthachxngikhsnhlngihaekhblngodymixakarkhxngchxngikhsnhlngtibxyangsamy inbrrdaxakarehlani xakarpwdkhaehtuprasathsamythisud lakradukthiekhluxnipkhanghnaethiybkbxiklahnungsamarthepnehtuihchxngikhsnhlngtib khuxthaekhluxnipphxcnmiphlbibikhsnhlng nnkkhuxchxngikhsnhlngtibodyniyam thamixakarthismphnthkn nnkcayunynkarwinicchywamichxngikhsnhlngtib kraduksnhlngekhluxnephraaesuxmkcasamyyingkhuntamxayuthimakkhun lakradukthiepnehtusamythisudkkhux L4 ekhluxnxxkcak L5 nkwichakarphbwa kraduksnhlngekhluxnphrxmkbchxngikhsnhlngtibinhyingorkhebahwanthitdrngikhxxksamymakkwa ehtukhxngxakarthikhaxackahndidyak ephraaorkhesnprasathnxkswnklang peripheral neuropathy thiepnxakarthutyiphumikhxngorkhebahwankxacmixakarehmuxnkbchxngikhsnhlngtib kraduksnhlngxkesbaebbaekhngtw Ankylosing spondylitis kraduksnhlngxkesbthi L5 ekhluxnxxkcak S1 Grade II lt 50 kraduksnhlngxkesbaebbaekhngtwthiexwaelaepnmak sungxacthaihchxngikhsnhlngtibkarwinicchykraduksnhlngthiexwpkticamichxngikhsnhlngklmihy karwinicchycakhunxyukbsingthiaephthytrwcphb khnikhbangkhnxacmichxngikhsnhlngtibodyimmixakar aelaimcaepntxngrksa chxngxactibaebbtrngklang central stenosis hruxthiruprasathphan foraminal stenosis xxkcakchxngikhsnhlng swnkartibmakthidankhangkhxngchxngeriykwa lateral recess stenosis chxngikhsnhlngtibthisxkkhang exn ligamentum flavum exnsiehluxng epnokhrngsrangsakhythixyuchidkbswnhlngkhxng dural sac plxkeyuxdura aelasamarthhnakhunepnehtutxchxngikhsnhlngtib hnaprakxbkhxtx articular facet sungxyuthiswnhlngkhxngsnkradukksamarthhnaihykhunepnehtutxchxngikhsnhlngtibidechnkn khwamepliynaeplngeyiyngnimkcaeriykwa trophic changes hrux facet trophism inraynganaephthyrngsiwithya emuxchxngelklngcnklayepnrup 3 ehliym kcaeriykwa trefoil canal chxngsamehliym txngkarxangxing chxngikhsnhlngthiexwpktimiesnphansunyklangcakhnaiphlngmakkwa 13 mm aelamiphunthi 1 45 sm2 cakhxnkhangtibkemuxesnphansunyklangxyurahwang 10 13 mm aelacatibcring emuxxyuthi 10 mm hruxnxykwa phaphexkserythrrmdakhxngkraduksnhlngthiexwhruxkhxxaccaimaesdngchxngikhsnhlngtib karwinicchythiaennxncathadwy CT Scan hrux MRI karrabuwachxngaekhblngkkhuxkarwinicchywamichxngikhsnhlngtib karthdsxbdwyckryankhxngaewnecledxern miraynganpi 2520 ekiywkbkarthdsxbdwyckryankhxngaewnecledxern sungepnkarthdsxbaebbngaythiihkhnikhpnckryanxyukbthi thaxakarekidcakorkhhlxdeluxdthikha khnikhcapwdkhaenuxngcakmieluxdipeliyngkhaimphx thaxakarmiehtucakchxngikhsnhlngthiexwtib xakarcadikhunthakhnikhokhngtwipkhanghnaemuxthibckryan aemcamiwithikarthdsxbthikawhnakwaxun withikarthdsxbnikyngmikhaichcaynxyaelangay ephuxaeykaeyaxakarpwdkhathiekidcakorkhhlxdeluxdhruxchxngikhsnhlngtib nkwicykhxngraynganekhiyniwwa phuekhiynidphrrnnathungkarthdsxbthangkhlinikaebbngayxyanghnung thiesrimkartrwcthangprasaththwipsahrbkhnikhthimixakarklumrakprasathkhlayhangma cauda equina compression thukbibepnraya karthdsxbdwyckryan chwyknxakarpwdkhaepnraya enuxngcakkhwambkphrxngkhxnghlxdeluxd aelabxykhrngchwyyunynkhwamsmphnthrahwangxakpkiriyakbkhwampwdthiekidcakrakprasath karsrangphaphdwy MRI MRI epnwithithidithisudephuxwinicchyaelapraeminchxngikhsnhlngtibthikraduksnhlngthukchwng rwmthngthikhx thixk aelathiexw MRI mipraoychninkarwinicchyorkhikhsnhlngehtukradukikhsnhlngthikhxesuxm ephraakhxxkesbaebbesuxmkhxngkraduksnhlngthikhx smphnthkbkhwamesiyhaykhxngikhsnhlng karphbkhwamesuxmkhxngikhsnhlngthikhxodyich MRI xacdunaklw epnxakarthieriykwa myelomalacia hruxikhsnhlngesuxm cord degeneration aelacaehnepnswnthiswangkwa increased signal inphaph MRI inorkhikhsnhlngthiekidcakkhwamesuxm xakarthiphbcakhngthawraelakartdaephnkradukpkikhsnhlngephuxldaerngkd decompressive laminectomy caimsamarthkhunsphaphxakarechnni aetsamarthhyudxakarimihaeylng inkrnithikhwamepliynaeplngthiphbinphaph MRI miehtucakkarkhadwitaminbi12 oxkashaykcadikwa eknthkarwinicchy kartrwcphbchxngikhsnhlngtibthikhx thixk hruxthiexw cayunynephiyngaekhlksnathangkaywiphakhthiaesdngwamikartib aetxacimsmphnthkbxakarchxngikhsnhlngtib sungcapraktepnxakarorkhrakprasath radiculopathy xakarpwdkhaehtuprasath neurogenic claudication kaplkkaepliy pyhakarthaypssawaxuccara klamenuxkratuk spasticity klamenuximmiaerng phawarieflksekin hyperreflexia aelaklamenuxfx xakarehlani sungphbodyprawtikhnikhaelakartrwckhxngaephthy phrxmkbphaphaesdngchxngikhsnhlngtibcak MRI hrux CT Scan caphxihwinicchywamixakarchxngikhsnhlngtibkarcdkarbriharkarbabdthiimichepnkarphatd aelakartdaephnkradukpkikhsnhlng laminectomy epnwithikarrksamatrthankhxng LSS aephthypkticaaenanakarrksasungesiyngnxythisud conservative khuxaebbthrrmda aenanaiheliyngkarxxkaerngthihlngswnlang odyechphaaemuxkraduksnhlngyudxxk aelaxacaenanakayphaphbabdephuxephimkhwamaekhngaerngthwipkhxngrangkay aelaihxxkkalngkayephimprasiththiphaphkhxngpxdaelahwic aethlkthanwithyasastrthwipyngsrupimidwakarrksathiesiyngnxyhruxkarphatddikwakn ya hlkthankarichyaephuxrksaxakarniimdi hxromn calcitonin sahrbchidaetimichsahrbsudthangcmuk mipraoychnbrrethakhwampwdinrayasn karsakdprasathodychidyaekhathichxngikhsnhlng Epidural block xacldkhwampwdidchwkhraw aetimmihlkthanwamiphlrayayaw karephimchidsetxrxyddwykimidephimprasiththiphl aelakarchidsetxrxydekhathichxngikhsnhlng epidural steroid injections ESIs kepnwithirksathisrangkhwamkhdaeyng aelahlkthanwamiprasiththiphlkimchdecn yaaekxkesbchnidimichsetxrxyd NSAID yakhlayklamenux aelayarangbpwdklumoxpixxydbxykhrngichaekkhwampwdhlng aethlkthanwamiprasiththiphlhruximkminxymak karphatd karphatdducaihphldikwathaidphyayamrksatampktiaetyngmixakarxyuhlngcak 3 6 eduxn kartdaephnkradukpkikhsnhlngmiprasiththiphldithisudinbrrdakarphatdthnghlay inkhnikhthiaeylngemuxrksadwywithipkti karphatdcathaihdikhuninkrni 60 70 withikarphatdephuxichxupkrnyudkbkraduksnhlngthieriykwa X STOP miprasiththiphlnxykwaaelacamikhaichcaysungkwaemuxtxngaekpyhalakraduksnhlngmakkwa 1 la karphatddwywithithngsxngtangkmikhaichcaysungkwakarrksathrrmdaphyakrnorkhphumixakarnxyhruxpanklangodymakimaeylng aemwahlaykhncadikhuninrayasn hlngcakkarphatd aetkcadildlngbangtamkalewla mipccyhlayxyangkxnkarphatdthichwyphyakrnphlthiidcakkarphatd khnthimiorkhsumesra orkhhlxdeluxdeliynghwic kraduksnhlngkhd scoliosis odythwipcaidphlaeykwa inkhnathiphuthimichxngikhsnhlngtibrunaerngaetmisukhphaphthwipdikxnhnacaidphldikwa orkhhruxkaresuxmkhxnghmxnkraduksnhlngmkcathaihkhxtxkradukaekhng sungcathaihekidpumkraduk osteophyte thikhxtx krabwnkarnieriykwakraduksnhlngesuxm spondylosis xnepneruxngpktiemuxxayumakkhun odyehninngansuksakraduksnhlngthngaebbpktiaelamiorkh khwamesuxmcaerimodyimmixakarxactngaetxayu 25 30 pi epneruxngthrrmdathicapwdhlngxyangrunaerngxyangnxy 1 khrngodyxayu 35 pi sunghwngidwacadikhunaelaekidthinxylngemuxekidpumkradukthihmxnrxngkraduk inrabbkhasinihmaerngnganinshrthenuxngkbkarphatdkraduksnhlng emuxidphatdihythungsxngkhrng phuthanganodymakcaimklbipthanganephuxrayidid xik ephraaemuxphaekinsxngkhrngaelw khrngtx ipmioxkasthaihaeylngmakkwathaihdikhunprawtikarphrrnnathung LSS tiphimphinwarsarkaraephthyepnkhrngaerkinpi ph s 2443 aetraynganthangkhlinikaerkmkcaihekhrditkbprasathslyaephthychawdtchthitiphimphinpi 2497 chxngikhsnhlngtiberimphicarnawaepnsphawaorkhinkhristthswrrs 1960 aela 1970 inpi 2521 aephthyidphbwa bukhkhlthipwdhlngswnlangaelamixakarxun mioxkasmichxngikhsnhlngtibmakkwaphuthiimmixakar inpi 2525 aephthyraynganwa bukhkhlthimiorkhhmxnkraduksnhlnghruxtxngphatdaephnkradukpkikhsnhlng laminectomy odymakcamichxngikhsnhlngthiexwtib inchwngkhristthswrrs 1970 aela 1980 rayngankrnikhnikhaesdngphlkarrksadwykarphatdinxtrathidi aetraynganehlaniepniptamkarpraeminphlaebbxtwisykhxngslyaephthy txmainpi 2535 aephthykhuhnungcungidphrrnnathungwithikardaeninkhxng LSS aelwihkhxsrupekiywkbphyakrnorkhsmphnthkbkarrksathitangkn khux 70 khxngkhnikhraynganwaxakarimidepliyn 15 aesdngwadikhunxyangsakhy ethiybkb 15 thiaesdngwaaeylng sungraynganphayhlngsrupwa nkwicyidsrupwa karefaduxakarepnthangeluxkkarrksathidiphxsmkhwrsahrbchxngikhsnhlngthiexwtib odyxakarthiaeylngthangprasathxyangsakhyminxymak sngkhmwthnthrrmshrthxemrika phayitraebiybkarpraknsngkhmshrthxemrika chxngikhsnhlngtibcdwaepnphawaphikarodyechphaainraykar 1 04 C sungkahndwa chxngikhsnhlngthiexwtibsungmiphlepnxakarpwdkhaehtukhadeluxdethiym khuxxakarpwdkhaehtuprasath thiyunynodykartrwcsxbdwykarsrangphaphthangkaraephthy echn CT Scan MRI xnsmkhwr thipraktepnkhwampwdaelakhwamkaplkkaepliyaebb nonradicular aelathimiphlimsamarthedinidthnddngkahndin 1 00B2b ethiybkbchxngikhsnhlngthikhxtib sungtxngmikarprachumtdsinwaepnkhwamphikarhruxim txngkarxangxing echingxrrthaelaxangxingSuri P Rainville J Kalichman L Katz JN December 2010 Does this older adult with lower extremity pain have the clinical syndrome of lumbar spinal stenosis JAMA 304 23 2628 36 doi 10 1001 jama 2010 1833 PMC 3260477 PMID 21156951 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Vogt MT Cawthon PM Kang JD Donaldson WF Cauley JA Nevitt MC June 2006 Prevalence of symptoms of cervical and lumbar stenosis among participants in the Osteoporotic Fractures in Men Study Spine 31 13 1445 51 doi 10 1097 01 brs 0000219875 19688 a6 PMID 16741453 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Hicks GE Gaines JM Shardell M Simonsick EM September 2008 Associations of back and leg pain with health status and functional capacity of older adults findings from the retirement community back pain study Arthritis Rheum 59 9 1306 13 doi 10 1002 art 24006 PMID 18759261 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Englund J January 2007 Lumbar spinal stenosis Curr Sports Med Rep 6 1 50 5 doi 10 1007 s11932 007 0012 0 PMID 17212913 Genevay S Atlas SJ April 2010 Lumbar spinal stenosis Best Pract Res Clin Rheumatol 24 2 253 65 doi 10 1016 j berh 2009 11 001 PMC 2841052 PMID 20227646 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Djurasovic M Glassman SD Carreon LY Dimar JR April 2010 Contemporary management of symptomatic lumbar spinal stenosis Orthop Clin North Am 41 2 183 91 doi 10 1016 j ocl 2009 12 003 PMID 20399357 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Konno S Hayashino Y Fukuhara S 2007 Development of a clinical diagnosis support tool to identify patients with lumbar spinal stenosis Eur Spine J 16 11 1951 1957 doi 10 1007 s00586 007 0402 2 PMC 2223350 PMID 17549525 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Takahashi K Kitahara H Yamagata M November 1990 Long term results of anterior interbody fusion for treatment of degenerative spondylolisthesis Spine 15 11 1211 5 doi 10 1097 00007632 199011010 00022 PMID 2267618 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Wiltse LL Newman PH Macnab I June 1976 Classification of spondylolisis and spondylolisthesis Clin Orthop Relat Res 117 23 9 doi 10 1097 00003086 197606000 00003 PMID 1277669 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Frymoyer JW January 1994 Degenerative Spondylolisthesis Diagnosis and Treatment J Am Acad Orthop Surg 2 1 9 15 PMID 10708989 Ullrich CG Binet EF Sanecki MG Kieffer SA January 1980 Quantitative assessment of the lumbar spinal canal by computed tomography Radiology 134 1 137 43 doi 10 1148 radiology 134 1 7350593 PMID 7350593 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Verbiest H 1966 Orthop Clin North Am 6 177 96 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a title immihruxwangepla help CS1 maint uses authors parameter Eisenstein S May 1977 J Bone Joint Surg Br 59 2 173 80 PMID 873978 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux July 24 2011 subkhnemux 2017 08 01 Lane JM Gardner MJ Lin JT van der Meulen MC Myers E October 2003 The aging spine new technologies and therapeutics for the osteoporotic spine Eur Spine J 12 Suppl 2 S147 54 doi 10 1007 s00586 003 0636 6 PMC 3591818 PMID 14534849 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Benoist M October 2003 Natural history of the aging spine Eur Spine J 12 Suppl 2 S86 9 doi 10 1007 s00586 003 0593 0 PMC 3591827 PMID 12961079 Szpalski M Gunzburg R October 2003 Lumbar spinal stenosis in the elderly an overview Eur Spine J 12 Suppl 2 S170 5 doi 10 1007 s00586 003 0612 1 PMC 3591819 PMID 13680315 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Dyck P Doyle JB May 1977 Bicycle test of van Gelderen in diagnosis of intermittent cauda equina compression syndrome Case report J Neurosurg 46 5 667 70 doi 10 3171 jns 1977 46 5 0667 PMID 845655 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Sheehan NJ June 2010 Magnetic resonance imaging for low back pain indications and limitations Postgrad Med J 86 1016 374 8 doi 10 1136 ard 2009 110973 PMID 20547606 Cousins JP Haughton VM January 2009 Magnetic resonance imaging of the spine J Am Acad Orthop Surg 17 1 22 30 PMID 19136424 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Tracy JA Bartleson JD May 2010 Cervical spondylotic myelopathy Neurologist 16 3 176 87 doi 10 1097 NRL 0b013e3181da3a29 PMID 20445427 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Kiers L Desmond P January 1999 Magnetic resonance imaging in subacute combined degeneration of the spinal cord J Clin Neurosci 6 1 49 50 doi 10 1016 S0967 5868 99 90604 5 PMID 18639123 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Rimbot A Juglard R Stephant E March 2004 Subacute combined degeneration of the spinal cord contribution of MRI J Radiol phasafrngess 85 3 326 8 doi 10 1016 S0221 0363 04 97586 5 PMID 15192526 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint extra punctuation CS1 maint uses authors parameter Srikanth SG Jayakumar PN Vasudev MK Taly AB Chandrashekar HS September 2002 MRI in subacute combined degeneration of spinal cord a case report and review of literature Neurol India 50 3 310 2 PMID 12391459 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux March 4 2016 subkhnemux 2014 08 27 Burnett MG Stein SC Bartels RH July 2010 Cost effectiveness of current treatment strategies for lumbar spinal stenosis nonsurgical care laminectomy and X STOP J Neurosurg Spine 13 1 39 46 doi 10 3171 2010 3 SPINE09552 PMID 20594016 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Zaina F Tomkins Lane C Carragee E Negrini S 2016 01 29 Surgical versus non surgical treatment for lumbar spinal stenosis The Cochrane database of systematic reviews 1 CD010264 doi 10 1002 14651858 CD010264 pub2 PMID 26824399 de QH Tran Duong S Finlayson RJ July 2010 Lumbar spinal stenosis a brief review of the nonsurgical management Can J Anaesth 57 7 694 703 doi 10 1007 s12630 010 9315 3 PMID 20428988 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Parr AT Diwan S Abdi S 2009 Lumbar interlaminar epidural injections in managing chronic low back and lower extremity pain a systematic review Pain Physician 12 1 163 88 PMID 19165302 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Kovacs FM Urrutia G Alarcon JD September 2011 Surgery versus conservative treatment for symptomatic lumbar spinal stenosis a systematic review of randomized controlled trials Spine 36 20 E1335 51 doi 10 1097 BRS 0b013e31820c97b1 PMID 21311394 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Rothman Rh Semeone FA b k 1982 The Spine Philadelphia Saunders p 518 ISBN 0 7216 7718 5 Waddell G Kummel EG Lotto WN Graham JD Hall H McCulloch JA March 1979 Failed lumbar disc surgery and repeat surgery following industrial injuries J Bone Joint Surg Am 61 2 201 7 PMID 422604 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Sachs B Frankel V 1900 Progressive and kyphotic rigidity of the spine J Nerv Ment Dis 27 1 15 doi 10 1097 00005053 190001000 00001 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Verbiest H May 1954 J Bone Joint Surg Br 36 B 2 230 7 PMID 13163105 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux July 24 2011 subkhnemux 2017 08 01 Porter RW Hibbert CS Wicks M November 1978 J Bone Joint Surg Br 60 B 4 485 7 PMID 711794 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux July 24 2011 subkhnemux 2017 08 01 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Johnsson KE Rosen I Uden A June 1992 The natural course of lumbar spinal stenosis Clin Orthop Relat Res 279 82 6 PMID 1534726 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Disability programs US Social Security Administration September 2008 subkhnemux 2010 12 26 Lumbar spinal stenosis resulting in pseudoclaudication established by findings on appropriate medically acceptable imaging manifested by chronic nonradicular pain and weakness and resulting in inability to ambulate effectively as defined in 1 00B2b PDF US Social Security Administration January 2003 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2011 01 01 subkhnemux 2010 12 26 aehlngkhxmulxun Diseases and conditions Spinal stenosis The Mayo Clinic 11 March 2008 subkhnemux 2008 11 12

วันที่เผยแพร่: กรกฎาคม 08, 2024, 17:58 pm
อ่านมากที่สุด
  • ตุลาคม 11, 2024

    ประจวบ กีรติบุตร

  • สิงหาคม 22, 2024

    ปรีไบโอติกส์

  • สิงหาคม 14, 2024

    ปฐมกาล 1:1

  • ตุลาคม 12, 2024

    ปฏิบัติการโพนีเอกซ์เพรส

  • สิงหาคม 10, 2024

    ปฏิบัติการเพาลา

รายวัน

  • สารานุกรม

  • การปฏิวัติยุคหินใหม่

  • ยุคหินใหม่

  • อารยธรรม

  • ทะเลเดดซี

  • ฝ่ายนิยมกษัตริย์

  • พ.ศ. 2528

  • พ.ศ. 2543

  • เปโซฟิลิปปินส์

  • 14 พฤศจิกายน

NiNa.Az - สตูดิโอ

  • วิกิพีเดีย

การลงทะเบียนจดหมายข่าว

โดยการสมัครรับรายชื่อผู้รับจดหมายของเราคุณจะได้รับข่าวสารล่าสุดจากเราเสมอ
ได้รับการติดต่อ
ติดต่อเรา
DMCA Sitemap Feeds
© 2019 nina.az - สงวนลิขสิทธิ์.
ลิขสิทธิ์: Dadaş Mammedov
สูงสุด