- ระวังสับสนกับ เมืองฝาง (เชียงใหม่)
สวางคบุรี หรือ ฝาง เป็นเมืองโบราณที่มีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของผู้คนสืบต่อเนื่องยาวนานมากที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัย เคยเป็นเมืองที่อยู่เหนือสุดปลายพระราชอาณาเขตและเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญของอาณาจักรอยุธยาโบราณ โดยอาณาเขตเมืองสวางคบุรีโบราณครอบคลุมพื้นที่ ตำบลผาจุก, ตำบลคุ้งตะเภา และตำบลแสนตอ ในปัจจุบัน
เมืองสวางคบุรี เมืองฝาง | |
---|---|
เมืองโบราณสมัยสุโขทัย | |
ภาพจากบนลงล่าง, ซ้ายไปขวา: พระมหาธาตุเมืองฝาง ศูนย์กลางทางศาสนาของเมืองสวางคบุรีโบราณ, วิหารหลวง ดนตรีมังคละเมืองฝาง และชาวเมืองสวางคบุรีในปัจจุบัน, บานประตูวิหารวัดพระฝาง ศิลปะอยุธยาตอนปลาย, พระพุทธรูปพระฝาง ในอุโบสถวัดพระฝาง ถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2441, ซากอิฐโบราณสถานบริเวณค่ายพระตำหนักหาดสูงวัดคุ้งตะเภา, ยานมาศวัดใหญ่ท่าเสา ศิลปะอยุธยาตอนปลาย เดิมเป็นยานมาศแห่พระของเมืองสวางคบุรีโบราณ | |
เมืองสวางคบุรี ที่ตั้งในประเทศไทย เมืองสวางคบุรี เมืองสวางคบุรี (ประเทศไทย) | |
พิกัด: 17°39′12.39″N 100°8′24.44″E / 17.6534417°N 100.1401222°E | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | อุตรดิตถ์ |
อำเภอ | เมืองอุตรดิตถ์ |
ตำบล | , คุ้งตะเภา, |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าราชการเมืองฝาง (ถือศักดินา ๑,๐๐๐) | พระสวางคบุรานุรักษ์ ขึ้นเมืองพิไชย (ราชทินนามผู้ว่าราชการคนสุดท้าย ก่อนยุบสถานะเมือง ในสมัยรัชกาลที่ ๕) |
เขตเวลา | () |
เมืองสวางคบุรี ปรากฏหลักฐานการมีอยู่ในพงศาวดารเหนือ ระบุว่าเป็นที่ตั้งของพระมหาธาตุที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระรากขวัญของพระพุทธเจ้า และปรากฏชื่อเมืองในศิลาจารึกสุโขทัยหลายหลัก รวมถึงพระราชพงศาวดารตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ และจากการเคยเป็นเมืองชายแดนพระราชอาณาเขต ทำให้เมืองนี้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้คนจากแคว้นล้านนาและล้านช้าง ผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองส่วนใหญ่สืบทอดขนบวัฒนธรรมแบบคนหัวเมืองเหนือโบราณ (ภาษาถิ่นสุโขทัย) ซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ของเมืองนี้
หลังการสิ้นสุดลงของชุมนุมเจ้าพระฝาง ระหว่างปี พ.ศ. 2310 - 2313 ที่มีเมืองสวางคบุรีเป็นศูนย์กลาง และการขับไล่พม่ารวบรวมหัวเมืองล้านนาไว้ภายในพระราชอาณาเขตได้ในสมัยกรุงธนบุรี ประกอบกับตำแหน่งภูมิศาสตร์ทางการค้าลุ่มแม่น้ำน่านในยุคต่อมาเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เมืองสวางคบุรีร่วงโรยลงในระยะต่อมา
เมืองสวางคบุรีได้ลดฐานะความเป็นเมืองสำคัญทางศาสนาลงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เนื่องจากเมืองสวางคบุรีไม่ได้เป็นเมืองเหนือสุดปลายพระราชอาณาเขตอีกต่อไป อีกทั้งชาวเมืองสวางคบุรีส่วนใหญ่ได้โยกย้ายไปอยู่ในบริเวณที่กลายมาเป็นเมืองบางโพ (ท่าอิฐ, ท่าเสา) และได้รับยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดอุตรดิตถ์ในปัจจุบัน
ประวัติ
ชื่อเมืองสวางคบุรี
ตั้งแต่อดีต มีการเรียกชื่อเมืองสวางคบุรีในหลากหลายชื่อ เช่น เมืองฝาง เมืองพระฝาง หรือเมืองสวางคบุรี เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในหลักฐานทั้งศิลาจารึกและพระราชพงศาวดาร ดังนี้
เมืองฝาง
เมืองฝาง เป็นชื่อที่เก่าแก่ที่สุด ปรากฏในศิลาจารึกสุโขทัยสองหลัก ได้แก่ จารึกสุโขทัยหลักที่ 3 จารึกนครชุม และจารึกสุโขทัยหลักที่ 11 จารึกวัดเขากบ สำหรับที่มาของชื่อเมืองฝาง มีความเห็นต่างกันเป็นสองแนวคิด คือ
แนวคิดแรกเชื่อว่ามีที่มาจากสภาพที่ตั้งเมืองเป็นเมืองด่านสำหรับขวางข้าศึก จึงมีชื่อเมืองว่า “เมืองขวาง” ซึ่งมาจากคำว่า “ฉวาง” ในภาษาเขมรหมายความว่า “ขวาง”
ส่วนแนวคิดที่สองสันนิษฐานว่ามาจากชื่อต้นฝาง มีที่มาจากชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งเนื้อไม้นำไปต้มออกสีแดงคล้ำสำหรับย้อมผ้า ในสมัยอยุธยาเป็นที่ต้องการของชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เป็นสินค้าที่ทำรายได้มาสู่ท้องพระคลังอย่างสม่ำเสมอ เมืองสวางคบุรีในสมัยโบราณจึงมีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจโดยตรงอีกอย่างหนึ่งด้วย ซึ่งเดิมทีบริเวณแห่งนี้มีต้นฝางขึ้นอยู่มาก ในจดหมายเหตุ ลาลูแบร์ ซึ่งเป็นราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ประเทศฝรั่งเศสที่เข้ามากรุงศรีอยุธยาสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้กล่าวถึงชื่อของเมืองฝางว่า “...สำหรับเมืองฝางนั้น โดยที่ฝางเป็นชื่อของต้นไม้ชนิดหนึ่งซึ่งขึ้นชื่อว่าใช้ในการย้อมสี ที่ชาวปอรตุเกศเรียกว่า ซาปัน ลางคนก็แปลว่า เมืองป่าฝาง...” สำหรับแนวคิดที่สองนี้ค่อนข้างจะเป็นที่ยอมรับกันในปัจจุบัน
เมืองสวางคบุรี
เมืองสวางคบุรี ชื่อนี้ปรากฏหลักฐานในสมัยอยุธยาตอนปลายสืบเนื่องมาจนถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีผู้ในเอกสารประกาศเทวดาบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ 4 พบการเรียกชื่อเมืองนี้ว่า “เมืองฉวาง” ซึ่งน่าจะเกิดจากการรับรู้เกี่ยวกับการออกเสียงที่ต่างกัน จึงทำให้เกิดการเขียนพยัญชนะต่างกันตามไปด้วย
ถึงแม้ว่าในระยะหลังจะมีการเรียกเมืองฝางว่าเมืองสวางคบุรี แต่ชื่อเมืองฝางก็ยังมีการใช้เรียกปะปนกับชื่อสวางคบุรีมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอกสารประวัติศาสตร์ล้านนา เช่น ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ และตำนานพื้นเมืองน่าน หรือแม้แต่ในพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงเรียกว่า “เมืองฝาง” แสดงให้เห็นว่าชื่อเมืองฝางจะเป็นที่รับรู้ของผู้คนโดยทั่วไปมากกว่าชื่อสวางคบุรี ซึ่งน่าจะเป็นชื่อที่มีการตั้งชื่อขึ้นใหม่โดยราชสำนักที่กรุงศรีอยุธยาในภายหลัง
ขอบเขตที่ตั้งเมืองสวางคบุรีโบราณ
เมืองสวางคบุรี มีใจกลางอยู่ในเขตบ้านพระฝาง ตำบลผาจุก อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ เป็นชุมชนที่มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบขนาดเล็ก ตั้งอยู่ริมฝั่งทางด้านใต้ของลำน้ำน่าน
ศูนย์กลางเมือง
ลักษณะเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านไม่เท่าขนานไปกับลำน้ำ ปัจจุบันร่องรอยของแนวคันดินเหลือให้เห็นบางตอนทางด้านใต้เท่านั้น บริเวณส่วนหนึ่งของเมืองถูกน้ำเซาะทลายลง สิ่งที่เหลือเป็นหลักฐานสำคัญก็คือ วัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถ เป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด ภายในวัดมีพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมธาตุ มีวิหารหลวงและพระประธาน รวมทั้งโบสถ์ขนาดเล็ก จากลักษณะผังเมืองและโบราณวัตถุสถานที่พบแสดงให้เห็นว่า เมืองสวางคบุรีน่าจะเป็นชุมชนขนาดใหญ่มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
ขอบเขตด้านตะวันออก
บริเวณเมืองสวางคบุรี ริมแม่น้ำน่าน เป็นจุดที่เรือสินค้าขนาดใหญ่จากทางใต้สามารถเดินทางมาจอดเทียบเรือเป็นจุดเหนือสุดในเส้นทางแม่น้ำน่านตอนล่าง เนื่องจากเหนือตัวเมืองสวางคบุรีโดยแม่น้ำน่านขึ้นไปเล็กน้อย เป็นบริเวณที่ชาวบ้านเรียกว่า “ด่านคุ้งยาง” คุ้งยางเป็นคุ้งน้ำในแม่น้ำน่านที่มีต้นยางขึ้นอยู่มาก ใต้คุ้งยางลงมาก็มีแก่งและโขดหินขนาดใหญ่ขวางกระแสน้ำน่านอยู่ ในหน้าแล้งสามารถเดินข้ามแม่น้ำไปได้
ในขณะเดียวกันบริเวณนั้นก็เป็นที่ตั้งด่านของเมืองสวางคบุรี ซึ่งมีฐานะเป็นด่านชายแดนพระราชอาณาจักรของกรุงศรีอยุธยาที่ติดต่อกับเมืองน่านด้วย บริเวณดังกล่าวจึงมีชุมชนชื่อว่า “บ้านด่าน” และปรากฏชื่อบ้านด่านนี้ในแผนที่โบราณสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นด้วย
เหนือจากด่านคุ้งยางไปตามแม่น้ำน่านราว 10 กิโลเมตรบริเวณตำบลแสนตอ ด้านใต้ของบ้านผาเลือด อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นบริเวณหลักเขตแดนระหว่างกรุงศรีอยุธยากับเมืองน่าน ปรากฏในแผนที่โบราณว่า “หลักประโคน” ซึ่งหมายถึง เสาใหญ่ปักหมายเขตแดนระหว่างประเทศหรือเมือง ปัจจุบันยังปรากฏหลักฐานอยู่ ชาวบ้านเรียกว่า “หลักมั่นหลักคง”
สำหรับบ้านผาเลือดซึ่งอยู่เหนือหลักประโคนขึ้นมานี้ เดิมขึ้นอยู่กับเมืองท่าปลาในเขตปกครองของเมืองน่าน และเป็นชุมชนสุดท้ายชายแดนของเมืองน่านทางทิศใต้ด้วย แต่ด้วยความที่เมืองท่าปลาอยู่ใกล้ศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์มากกว่าศาลากลางจังหวัดน่าน พ.ศ. 2465 กระทรวงมหาดไทยจึงตัดเขตพื้นที่ของจังหวัดน่านมาอยู่ในความปกครองของจังหวัดอุตรดิตถ์ กลายเป็นอำเภอท่าปลาในปัจจุบัน
ขอบเขตด้านตะวันตก
บริเวณใต้เมืองสวางคบุรีโดยแม่น้ำน่าน หรือขอบเขตด้านตะวันตกของเมืองสวางคบุรี โดยทางบก เป็นพื้นที่บึงกะโล่ พื้นที่ชุ่มน้ำรับน้ำหลากโบราณ และเป็นพื้นที่ที่เรียกกันในปัจจุบันว่า "ทุ่งบ่อพระ" เนื่องจากเคยเป็นสมรภูมิคราวปราบชุมนุมเจ้าพระฝางเมืองสวางคบุรีในสมัยธนบุรี พ.ศ. 2313
นอกจากนี้ ใต้เมืองสวางคบุรีทางฝั่งซ้ายแม่น้ำน่าน บริเวณที่เรียกกันในปัจจุบันว่าวัดคุ้งตะเภา สันนิษฐานว่าเป็นสถานที่ตั้งของค่ายหาดสูงในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี คราวพักทัพหลังจากปราบชุมนุมเจ้าพระฝางเมืองสวางคบุรี ปรากฏหลักฐานการอพยพเคลื่อนย้ายการสร้างวัดและตั้งถิ่นฐานของผู้คนจากเมืองสวางคบุรี การค้นพบหลักฐานพระราชกำหนดบทพระอัยการสมัยอยุธยาจำนวนมาก และซากโบราณสถานทั้งที่เป็นไม้และอิฐโบราณ ในเขตพื้นที่โบราณสถานวัดคุ้งตะเภาในปัจจุบัน
ซึ่งบริเวณดังกล่าวสันนิษฐานว่าอาจเคยเป็นศูนย์กลางทางการปกครองชั่วคราวของเมืองสวางคบุรีในสมัยธนบุรี ก่อนจะมีการเคลื่อนย้ายผู้คนไปอยู่บริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำบางโพ ท่าอิฐ ท่าเสา เนื่องจากการเปลี่ยนเส้นทางการค้ากับหัวเมืองล้านนาในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ในระยะต่อมา
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์
เมืองสวางคบุรีนั้นมีพัฒนาการของการเป็นชุมชนมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จากนั้นก็กลายเป็นเมืองที่มีพระมหาธาตุเป็นศูนย์กลาง จนในที่สุดกลายเป็นเมืองที่มีบทบาททางการเมืองหลังจากเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2
เมืองสวางคบุรี มีนักวิชาการประวัติศาสตร์หลายท่านสันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากชุมชนทางการค้า ในขณะเดียวกันภาพปูนปั้นที่โบสถ์ของวัดพระฝางสวางคบุรียังเป็นรูปปั้นที่คล้ายพ่อค้าแขกเปอร์เซียยืนถือกริช ซึ่งสะท้อนให้เห็นภาพทางการค้าของสมัยอยุธยาตอนปลาย ที่ขุนนางราชสำนักส่วนใหญ่เป็นเปอร์เซียที่คุมการค้าในกรมท่าขวา ทำให้เกิดการพบปะของผู้คนมากมายหลายเชื้อชาติที่มาทำการค้า และนอกเหนือจากความรุ่งเรืองทางศาสนาที่ทำให้เมืองสวางคบุรีต้องขยายตัวแล้ว เมืองสวางคบุรียังได้ขยายตัวจากการค้าของป่าที่รุ่งเรืองในสมัยอยุธยาตอนปลายและอาจจะเป็นตลาดใหญ่ในหัวเมืองเหนือ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ถูกส่งมาจากหัวเมืองลาว ทั้งลาวในกลุ่มวัฒนธรรมล้านนาและล้านช้าง แต่หลังจากการปราบปรามชุมนุมเจ้าพระฝางของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี คงทำให้ตลาดการค้าของป่าที่เมืองสวางคบุรีซบเซา และย้ายตลาดการค้ามาอยู่ที่บริเวณเมืองบางโพ-ท่าอิฐ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้เมืองสวางคบุรีลงมา
ยุคก่อนอาณาจักรสุโขทัย
ด้วยเมืองสวางคบุรีที่ตั้งอยู่ที่เหนือสุดในที่ราบลุ่มแม่น้ำน่านตอนล่าง มีความอุดมสมบูรณ์มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และติดกับแหล่งน้ำซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการอุปโภคบริโภค รวมทั้งเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญด้วย จึงเหมาะสมอย่างยิ่งในการตั้งถิ่นฐานที่อยู่อาศัยของมนุษย์
จากการขุดค้นทางโบราณคดีที่วัดพระฝาง พบว่า ในชั้นดินล่างสุด เป็นชั้นดินสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งน่าจะมีการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ระหว่าง 3,500-2,000 ปี มาแล้ว มีการพบเครื่องมือหินขัดที่พบมีขนาดใหญ่ 8 x 25 เซนติเมตรและเครื่องปั้นดินเผาจำนวนมากตามริมฝั่งแม่น้ำน่านที่ระดับ 4 เมตรจากผิวดิน ต่อมาชุมชนโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ก็ได้มีพัฒนาการทางสังคมเกิดขึ้น โดยคงมีการรวมกันเป็นชุมชนขนาดใหญ่อยู่บริเวณริมฝั่งทางด้านซ้ายของแม่น้ำน่าน และกลายเป็นเมืองขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 11-16
พัฒนาการของเมืองสวางคบุรีน่าจะเริ่มต้นจากการขยายตัวทางการค้าของจีนในราวพุทธศตวรรษที่ 16 ซึ่งจีนได้เปลี่ยนนโยบายทางการค้าจากเดิมที่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพ่อค้าแคว้นศรีวิชัย มาเป็นการค้าที่จีนส่งคนเข้ามาทำการค้าโดยตรงกับบ้านเมืองต่างๆ ในบริเวณสุวรรณภูมิ
ในพุทธศตวรรษที่ 18 การค้าก็ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการขยายตัวของกลุ่มคนไปตามที่ราบลุ่มแม่น้ำสายใหญ่ๆ และตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งที่มีทรัพยากรสำคัญซึ่งเป็นสินค้าที่จีนต้องการ หรือตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณที่เป็นชุมทางการคมนาคม ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ทำให้เมืองสวางคบุรีได้ก่อตัวขึ้นเป็นชุมชนขนาดใหญ่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่าน อันเป็นพื้นที่ที่มีไม้ฝางซึ่งเป็นสินค้าที่จีนต้องการ และอยู่บนเส้นทางคมนาคมระหว่างบ้านเมืองทางตอนในนี้ด้วย นอกจากเมืองสวางคบุรีแล้ว ยังมีเมืองอื่นๆ ที่เกิดขึ้นไล่เลี่ยกัน อย่างเช่น เมืองทุ่งยั้งที่เป็นชุมทางการค้าทางบกและเมืองนครไทย ซึ่งมีสินค้าจำพวกของป่ามากมาย
เมื่อเข้าสู่พุทธศตวรรษที่ 19 บ้านเมืองที่อยู่บนเส้นทางคมนาคมหลักได้พัฒนาการเป็นรัฐขึ้น เช่น รัฐสุโขทัย รัฐอโยธยา นครรัฐน่านและรัฐล้านช้าง (หลวงพระบาง) เมืองสวางคบุรีได้กลายเป็นเมืองชายขอบของรัฐสุโขทัยที่ติดต่อกับนครรัฐน่านและรัฐล้านช้าง ทำให้เมืองสวางคบุรีมีสภาพหรือฐานะเป็นเมืองด่านที่ควบคุมเส้นทางคมนาคมที่จะต่อไปยังเมืองน่านและบรรดาเมืองทางลุ่มแม่น้ำโขง ในแถบเมืองหลวงพระบางด้วย อาจกล่าวได้ว่าตำแหน่งที่เมืองสวางคบุรีตั้งอยู่นี้ อยู่ในบริเวณตอนเหนือสุดของลุ่มแม่น้ำน่านตอนล่าง หรืออีกนัยหนึ่งอยู่ตอนเหนือสุดเขตแคว้นสุโขทัย
เมืองสวางคบุรีจึงตั้งอยู่ในจุดกึ่งกลางบนเส้นทางคมนาคมระหว่างรัฐโบราณถึง 3 รัฐ นั่นก็คือ 1. รัฐสุโขทัยซึ่งต่อมาก็จะเป็นส่วนหนึ่งของรัฐอยุธยา 2. รัฐล้านช้างซึ่งระยะแรกมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองหลวงพระบางต่อมาได้ย้ายลงมาอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ และ 3. นครรัฐน่าน
ยุคอาณาจักรสุโขทัย
เมืองสวางคบุรีได้รับการพัฒนาเป็นเมืองหน้าด่านและเป็นเมืองสำคัญทางพระพุทธศาสนาของอาณาจักรสุโขทัยไปด้วยกัน ในศิลาจารึกหลักที่ 3 จารึกนครชุม พบที่วัดพระบรมธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร จารึกเมื่อ ปีมหาศักราช 1279 (พ.ศ. 1900) ในรัชสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) มีเนื้อหาบางส่วนกล่าวถึงศิลาจารึกและรอยพระพุทธบาทต่างๆ ที่พระธรรมราชาทรงสร้างในหัวเมืองต่างๆในอาณาเขตของพระองค์ พบเนื้อความที่กล่าวถึงเมืองฝางด้วย
ถ้าหากพิจารณาข้อมูลแล้วจะทำให้พบว่า เมืองสวางคบุรีได้พัฒนาความเป็นเมืองมาจากข้าพระธาตุ ที่ต่อมามีมากจนกลายเป็นชุมชนที่ดูแลพระมหาธาตุโดยเฉพาะ ในระยะหลังก็คงมีประชาชนส่วนอื่นมาอาศัยอยู่ร่วมด้วย เมืองสวางคบุรีในยุคนี้คงเป็นชุมชนที่สงบเรียบง่าย และยึดมั่นในความเชื่อทางด้านพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง
ความสำคัญของการถือกำเนิดขึ้นมาของเมืองสวางคบุรีในระยะแรกนั้น คงไม่ได้มีความสำคัญอยู่ในเรื่องเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองเพียงด้านเดียว แต่น่าจะอยู่ที่พระมหาธาตุอันเป็นเรื่องทางศาสนาและพิธีกรรมด้วย เพราะการปลอดการครอบงำทางการเมือง จะเป็นเหตุให้คนจากบ้านเมืองต่างๆ รวมทั้งเจ้านายและขุนนางได้พามากราบไหว้กันได้สะดวก นับได้ว่าเป็นเบ้าหลอมทางวัฒนธรรม ที่ทำให้ผู้คนหรือผู้นำที่ต่างบ้านเมืองกัน มามีความสัมพันธ์กันในลักษณะที่มีวัฒนธรรมร่วมสมัยเดียวกัน
ยุคอาณาจักรอยุธยา
เมืองสวางคบุรีได้ขยายตัวอย่างมากจากการค้าของป่าที่รุ่งเรืองในสมัยอยุธยาตอนปลาย และอาจจะเป็นตลาดใหญ่ในหัวเมืองเหนือ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ถูกส่งมาจากหัวเมืองลาว ทั้งลาวในกลุ่มวัฒนธรรมล้านนาและล้านช้าง
และเนื่องจากไม้ฝาง ที่มีอยู่ทั่วไปโดยรอบเมืองสวางคบุรี เป็นหนึ่งในสินค้าต้องห้ามในสมัยอยุธยา โดยมากตัดมาจากป่าทางภาคเหนือและทางตะวันตก ไม้ชนิดนี้เหมาะกับงานยอมผ้า ฟรังซัวส์ อังรี ตุรแปง บันทึกว่าสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ราชสำนักอยุธยาส่งไม้ฝางลงเรือสำเภาไปขายที่จีนและญี่ปุ่นปีละหลายลำ โดยเฉพาะจีนนั้นนอกจากอยุธยาจะส่งออกไปจำหน่ายแล้ว ยังส่งเป็นบรรณาการแด่ฮ่องเต้จีนตั้งแต่เริ่มแรกอีกด้วย เมืองสวางคบุรีคงเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งทางหัวเมืองเหนือ ที่ส่งไม้ฝางไปยังกรุงศรีอยุธยา
ยุคธนบุรี (ภาวะจลาจลหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2)
หลังจากเหตุการณ์ที่พม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาจนต้องเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2310 บรรดาหัวเมืองใหญ่ที่มีกำลังมากและไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามระหว่างกรุงศรีอยุธยากับพม่า ต่างก็ตั้งตัวเป็นอิสระ และขยายอำนาจรวบรวมเมืองใกล้เคียงที่อ่อนแอกว่าไว้ในอำนาจ เพื่อที่จะสร้างอาณาจักรขึ้นมาใหม่ เมืองสวางคบุรีซึ่งเดิมตกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามครั้งนี้ ก็ได้ตั้งตัวเป็นอิสระในการปกครองอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้การนำของพระพากุลเถร สังฆราชาแห่งเมืองสวางคบุรี หรือที่คุ้นชื่อกันดีในนาม “เจ้าพระฝาง” แต่หลังจากที่มีความรุ่งเรืองอยู่ไม่นานก็ถูกกองทัพของพระเจ้ากรุงธนบุรีปราบปรามลง ในปี พ.ศ. 2313 จนทำให้เมืองถูกทำลายเป็นอย่างมาก
สาเหตุที่กองทัพเจ้าพระฝางพ่ายแพ้ต่อกองทัพของพระเจ้ากรุงธนบุรีอย่างง่ายดายนั้น นอกจากจะมีกำลังพลที่น้อยกว่าและขาดอาวุธที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพแล้ว ยังมีนักวิชาการบางท่านวิเคราะห์ว่า กองทัพเจ้าพระฝางซึ่งแม้จะตีพิษณุโลกได้แล้วก็มิได้ย้ายศูนย์อำนาจจากเมืองฝางหรือสวางคบุรีมาตั้งมั่นที่เมืองพิษณุโลก เพราะอำนาจปาฏิหาริย์ของเจ้าพระฝาง หัวหน้าชุมนุมผูกพันอยู่กับความศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุเมืองฝางซึ่งผู้คนนับถือมาก จึงทำให้ชุมนุมนี้มีคนเข้าร่วมอย่างกว้างขวาง แต่ขาดระเบียบและการบริหารที่ดี เมื่อกองทัพของพระเจ้ากรุงธนบุรียกมาตีจึงแตกโดยง่าย
หลังชุมนุมเจ้าพระฝางถูกปราบลงสำเร็จ พระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทรงพักทัพอยู่ที่ค่ายพระตำหนักหาดสูง เมืองสวางคบุรี 3 เดือน ตลอดฤดูน้ำ เพื่อบัญชาการจัดระเบียบคณะสงฆ์หัวเมืองเหนือใหม่ทั้งหมดในปีเดียวกันนั้น และให้เกลี่ยกล่อมรวบรวมราษฎรที่หลบหนีภัยสงครามตามป่าเขา และจัดการการปกครองหัวเมืองฝ่ายเหนือใหม่ พร้อมทั้งสร้างวัดคุ้งตะเภา และสร้างศาลาบอกมูลฯ ขึ้นในจุดที่ตั้งของที่พักทัพไพร่พลของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช คราวกระทำศึกปราบชุมนุมเจ้าพระฝาง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมชุมชนและเป็นที่พำนักสั่งสอนของพระสงฆ์ผู้ทรงภูมิธรรมที่ทรงอาราธนานิมนต์มาจากกรุงธนบุรี ปัจจุบันปรากฏซากเสาอาคารไม้ เศษอิฐโบราณ นอกจากนี้ยังพบหลักฐานสมุดไทยดำพระราชกำหนดบทพระอัยการลักษณะต่าง ๆ จำนวนมาก แสดงถึงการเป็นจุดศูนย์รวมสำคัญของชุมนุมผู้คนในสมัยอดีต ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ตกค้างมาจากการที่บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งศูนย์กลางชั่วคราวของเมืองสวางคบุรีในอดีตหลังสงครามปราบชุมนุมเจ้าพระฝางยุติลง
หลังจากการทำสงครามดังกล่าวเสร็จสิ้น เจ้าพระฝางก็หายสาบสูญไป อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเมืองสวางคบุรีของเจ้าพระฝางก็ล่มสลายลง ศูนย์กลางเมืองเหลือไว้แต่เพียงวัดพระมหาธาตุเมืองฝาง อันเคยเป็นศูนย์รวมใจของชาวเมืองสวางคบุรี ที่มีสภาพทรุดโทรมลงในระยะต่อมาจากการเคลื่อนย้ายของผู้คน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการปราบปรามชุมนุมเจ้าพระฝางของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ส่งผลให้ตลาดการค้าของป่าที่เมืองสวางคบุรีซบเซา เพราะบอบช้ำจากภัยสงคราม และผู้คนจำนวนหนึ่งก็ค่อย ๆ อพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น บริเวณคุ้งตะเภา ท่าเสา ท่าอิฐ บางโพ ตามลำดับ จึงอาจเรียกได้ว่าภาวะจลาจลหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เป็นยุคที่เมืองสวางคบุรีมีความผกผันจากจุดรุ่งเรืองสูงสุด ลงสู่จุดที่บ้านเมืองมีสภาพบอบช้ำจากการสงครามในเวลาไม่นานนัก
ยุคกรุงรัตนโกสินทร์
ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองบางโพ-ท่าอิฐ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้เมืองสวางคบุรีลงมา ได้กลายเป็นตลาดชุมทางการค้าที่มีบทบาทไม่ต่างไปจากเมืองฝาง เนื่องจากเป็นชุมทางการค้าขนาดใหญ่และขยายตัวอย่างรวดเร็ว ที่เจริญขึ้นมาจากการค้าขายทั้งทางน้ำและทางบกกับหัวเมืองล้านนาและล้านช้างในบริเวณดังกล่าว นอกจากนั้น ยังมีความเหมาะสมในทางภูมิศาสตร์ไม่ต่างไปจากเมืองสวางคบุรี และยังสามารถเป็นทั้งชุมทางการค้าทางน้ำและทางบกที่สามารถเชื่อมต่อยังเมืองแพร่และเมืองสวรรคโลกได้ จนทำให้ได้รับพระราชทานชื่อ "อุตรดิตถ์" ในสมัยรัชกาลที่ 4 จนภายหลังมีการสร้างทางรถไฟ ได้มีการย้ายเมืองพิชัยมาตั้งอยู่ที่นั่น และกลายเป็นที่ตั้งของตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ในปัจจุบัน
สภาพภูมิศาสตร์
ตำแหน่งที่ตั้งของเมืองสวางคบุรีเป็นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำน่าน มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การทำเกษตรกรรมเป็นอย่างมาก ที่ราบลุ่มแห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาถึงสามด้านด้วยกัน ยกเว้นทางทิศตะวันตกด้านเดียวเท่านั้นที่ไม่มีภูเขากั้น มีลักษณะเป็นแอ่งที่ราบลุ่มหุบเขา และถือว่าเป็นที่ราบลุ่มแห่งแรกในลุ่มแม่น้ำน่านตอนล่าง สภาพที่ตั้งเมืองสวางคบุรีจึงถือได้ว่าอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแก่การตั้งถิ่นฐานของมนุษย์
ไม่เพียงแต่จะเป็นที่ราบลุ่มเท่านั้น บริเวณที่ตั้งเมืองสวางคบุรีนี้ยังเป็นชายขอบอำนาจการปกครองอาณาจักรสุโขทัย ต่อมาก็เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาและมีสถานะเป็นเมืองชายขอบเช่นเดิม การที่เมืองฝางเป็นเมืองชายขอบอำนาจรัฐ และอยู่บริเวณติดกับเขตแดนรอยต่อระหว่างกรุงศรีอยุธยากับรัฐล้านช้างและนครรัฐน่าน ทำให้ในบางครั้งอำนาจจากส่วนกลางก็ไม่สามารถควบคุมเมืองสวางคบุรีโดยตรงได้ บางครั้งอาณาจักรล้านนาก็ยกทัพลงมายึดเอาเมืองสวางคบุรี
นอกจากนี้ การที่เมืองสวางคบุรีตั้งอยู่บริเวณรอยต่อของอาณาจักรสุโขทัยซึ่งต่อมาเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยากับรัฐล้านช้างและนครรัฐน่าน ทำให้เมืองฝางได้รับอิทธิพลทางศิลปกรรมจากรัฐต่างๆ เหล่านี้ อย่างเช่น การวางผังวิหารหลวงกับพระมหาธาตุแบบที่นิยมกันในสมัยสุโขทัย รูปแบบโบสถ์วัดพระฝางที่มีสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาตอนกลาง-ตอนปลาย พระพุทธรูปพระฝางที่ประดิษฐานในโบสถ์ก็เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องปางมารวิชัยสมัยอยุธยาตอนปลาย พระพุทธรูปไม้สลักซึ่งเป็นศิลปะผสมระหว่างสกุลช่างท้องถิ่นกับสกุลช่างเมืองน่าน หลวงพ่อเชียงแสนซึ่งพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ พุทธลักษณะก็เป็นศิลปะผสมผสานระหว่างศิลปะสุโขทัย ล้านนาและล้านช้าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการเดินทางหรือติดต่อสัมพันธ์ของผู้คนจากถิ่นต่างๆ กับชาวเมืองฝางเกิดขึ้นภายในเมืองนี้
โบราณสถานและสถานที่สำคัญในเขตเมืองสวางคบุรี
- วัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถ วัดพระฝางหรือวัดพระมหาธาตุเมืองฝางเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระฝาง ซึ่งชาวบ้านบางคนเชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บารมีของเจ้าพระฝาง เป็นที่ตั้งของพระมหาธาตุเมืองฝาง ปูชนียสถานสำคัญและเป็นศูนย์กลางของเมืองสวางคบุรี
- โบราณสถานวัดโพธิ์ผียก ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของเมืองสวางคบุรี ใกล้กับหอประปาบ้านพระฝางหมู่ที่ 4 เดิมเคยเป็นที่ตั้งของที่ทำการป่าไม้แขวง บริเวณนี้มีเคยมีการพบฐานวิหารและฐานเจดีย์ ในสมัยอยุธยาตอนกลาง-ตอนปลาย ซึ่งถูกทำลาย ปัจจุบันพบเพียงเศษอิฐและกระเบื้องแตกกระจายอยู่ทั่วบริเวณไร่อ้อย วัดนี้อยู่ทางตะวันออกของบ้านพระฝางในปัจจุบัน และคงถูกได้รับความเสียหายในช่วงศึกเมืองสวางคบุรี พ.ศ. 2313 ต่อมาจึงถูกทิ้งร้าง เนื่องจากมีผู้คนและแรงงานในการปฏิสังขรณ์ไม่เพียงพอ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามีชาวเมืองสวางคบุรีมีการย้ายถิ่นฐานหลังสิ้นศึกครั้งนี้ เหตุที่ชาวบ้านเรียกชื่อวัดโพธิ์ผียกนั้น มาจากในอดีตบริเวณนี้มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ ต่อมาในถูกพายุพัดโค่นลงในตอนเย็นของวัน ๆ หนึ่ง พอถึงรุ่งเช้าชาวบ้านมาดูอีกครั้งพบว่าต้นโพธิ์กลับยืนต้นอยู่เหมือนเดิม ชาวบ้านจึงเชื่อว่ามีผีมายกต้นโพธิ์ขึ้น จึงเรียกชื่อว่าโพธิ์ผียกตั้งแต่นั้นมา
- ซากโบราณสถานใกล้กำแพงวัดพระฝางทางทิศตะวันออก ซากโบราณสถานแห่งนี้ปัจจุบันอยู่ในที่ดินของชาวบ้าน อยู่ใกล้กับแนวกำแพงและประตูวัดพระฝางทางทิศตะวันออก แต่เดิมบริเวณนี้เคยมีการพบซากโบราณสถานกลุ่มหนึ่ง แต่ถูกชาวบ้านขุดหาของมีค่า ในระยะหลังมีการนำดินมาถมทับซากโบราณสถานจนไม่เหลือร่องรอยแล้ว
- โบราณสถานวัดคุ้งตะเภา อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองสวางคบุรี เป็นจุดที่ตั้งของที่พักทัพไพร่พลของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช คราวกระทำศึกปราบชุมนุมเจ้าพระฝาง เมืองสวางคบุรี และมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เกลี่ยกล่อมรวบรวมราษฎรที่หลบหนีภัยสงครามตามป่าเขา และจัดการการปกครองหัวเมืองฝ่ายเหนือใหม่ พร้อมทั้งสถาปนาวัดคุ้งตะเภา และสร้างศาลาบอกมูลฯ ขึ้นในคราวเดียวกันนั้น เพื่อให้เป็นศูนย์รวมชุมชนและเป็นที่พำนักสั่งสอนของพระสงฆ์ผู้ทรงภูมิธรรมที่ทรงอาราธนานิมนต์มาจากกรุงธนบุรี วัดคุ้งตะเภาเคยปรากฏหลักฐานการเป็นที่สถิตย์จำพรรษาของพระครูสวางคมุนี ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่เมืองฝาง มาแต่โบราณ ปัจจุบันปรากฏซากอาคารไม้ เศษอิฐโบราณ นอกจากนี้ยังพบหลักฐานสมุดไทยดำพระราชกำหนดบทพระอัยการลักษณะต่าง ๆ จำนวนมาก แสดงถึงการเป็นจุดศูนย์รวมสำคัญของชุมนุมผู้คนในสมัยอดีต ซึ่งเป็นสิ่งที่ตกค้างมาจากการที่บริเวณนี้ได้เคยเป็นที่ตั้งศูนย์กลางชั่วคราวของเมืองสวางคบุรีในอดีต ก่อนการอพยพเคลื่อนย้ายผู้คนไปยังบริเวณท่าเสา ท่าอิฐ และเจริญขึ้นมาจากการค้าขายทั้งทางน้ำและทางบกกับหัวเมืองล้านนาและล้านช้าง จนทำให้ได้รับพระราชทานชื่อ "อุตรดิตถ์" ในสมัยรัชกาลที่ 4 และได้รับยกฐานะเป็นที่ตั้งตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ ในระยะต่อมา
- โบราณสถานวัดใหญ่ท่าเสา อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองสวางคบุรี ท่าเสาเป็นชุมชนที่เริ่มมีมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 23-24 เป็นอย่างน้อย ดังปรากฏหลักฐานว่าโบสถ์และหอไตรภายในวัดใหญ่ท่าเสาเป็นศิลปะอยุธยาตอนปลาย-ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เคยเสด็จมาทอดพระเนตรโบราณวัดใหญ่ท่าเสาเมื่อปี พ.ศ. 2444 ทรงพระนิพนธ์ไว้ว่าวัดนี้เป็นวัดเก่ามาก แต่เดิมชุมชนแห่งนี้น่าจะเป็นเพียงชุมชนเล็กๆ ชื่อของบ้านคือ ท่าเสา จากเรื่องราวชีวประวัติพระยาพิชัยดาบหักที่แต่งขึ้นโดยพระยาศรีสัชนาลัยบดีว่า นายทองดี (พระยาพิชัยดาบหัก) ได้เคยมาศึกษาวิชามวยกับครูเมฆที่บ้านท่าเสาด้วย
- หลักประโคน หรือหลักมั่นหลักคง ตั้งอยู่ที่ บ้านผาเต่า ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นหลักหินขนาดใหญ่ สูงราว 1.20 เมตร กว้างราว 40 เซนติเมตร ขาวบ้านเรียกว่า หลักมั่น อีกหลักมีขนาดเล็กกว่า สูงราว 50 เซนติเมตร เรียกว่า หลักคง เป็นแผ่นหินธรรมชาติ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเขตแดนระหว่างเมืองน่านกับเมืองสวางคบุรี ในจุดที่ห้วยสามแสน และห้วยไหวตามอย มาสบกันที่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำน่าน เสานี้ปรากฏในแผนที่โบราณว่า “หลักประโคน”
- วัดวังยาง อยู่ที่บ้านวังยาง ตำบลผาจุก ที่ได้ชื่อว่าวังยางนั้น มาจากแม่น้ำน่านบริเวณดังกล่าวเป็นแอ่งน้ำลึก และมีต้นยางขึ้นอยู่ริมฝั่งจำนวนมาก จากตำนานเจ้าพระฝางทำให้ทราบว่าวัดวังยาง เป็นที่อยู่ของพระครูคิริมานนท์ สหธรรมิก (เพื่อน) ของเจ้าพระฝาง ผู้เป็นกำลังสำคัญในการปกครองและควบคุมผู้คนสู้รบกับกองทัพจากกรุงธนบุรี
- อุโบสถโบราณวัดดอยแก้ว อยู่ในเขตหมู่ที่ 4 ตำบลแสนตอ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ใช้อิฐและศิลาแลงจากวัดทุ่งอ้อมโบราณ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2326 ในโบสถ์เคยประดิษฐานพระพุทธรูปไม้หน้าตักกว้าง 80 เซนติเมตร สูง 2 เมตร ที่ฐานมีจารึกว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2326 พร้อมกับโบสถ์หลังเดิม แต่ปัจจุบันนี้โบสถ์ชำรุดทรุดโทรมมาก
- ม่อนพระพุทธบาทสี่รอยบ้านนาตารอด ตั้งอยู่ที่ยอดม่อนภูเขาสูงกลางป่าชุมชนบ้านนาตารอด อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยรอบอาคารพระพุทธบาท มีที่พักสงฆ์และศาลาขนาดเล็กที่สร้างมาตั้งแต่สมัยก่อน พ.ศ. 2500 โดยพระครูนิกรธรรมรักษ์ (ไซร้) เจ้าอาวาสวัดช่องลม เกจิอาจารย์ใหญ่แห่งเมืองอุตรดิตถ์ในสมัยนั้น
- ด่านคุ้งยาง อยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง ในเขตตำบลบ้านด่าน อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ คุ้งยางเป็นคุ้งน้ำในแม่น้ำน่านที่มีต้นยางขึ้นอยู่มาก ใต้คุ้งยางลงมาก็จะมีแก่งและโขดหินที่สามารถเดินข้ามไปได้ในหน้าแล้ง ในขณะเดียวกันก็เป็นด่านทางด้านเหนือของเมืองสวางคบุรีด้วย ด่านคุ้งยางเป็นบริเวณที่เจ้าพระฝางเดินทางมาหลังตีฝ่าวงล้อมของกองทัพกรุงธนบุรีออกมาจากเมืองสวางคบุรีได้ โดยมีทหารหามเสลี่ยงหรือยานมาศ พามาจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ได้ข้ามแม่น้ำน่านที่ด่านคุ้งยางพร้อมกับลูกช้างพังเผือก
- ด่านกุมภีร์ทอง อยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง เหนือด่านคุ้งยางขึ้นมาเล็กน้อย ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของวัดกุมภีร์ทอง
- น้ำพุเจ้าพระฝาง คือ แหล่งน้ำซับที่ซึมไหลออกมาจากภูเขาทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองสวางคบุรี ปัจจุบันอยู่ในเขตสำนักสงฆ์วัดพระบาทน้ำพุ (ชาวบ้านพระฝางเรียกว่า วัดเหนือ) ชาวบ้านเชื่อว่าน้ำพุที่นี่เป็นน้ำบริสุทธิ์ที่ผุดมาจากใต้ดิน เจ้าพระฝางจึงได้ใช้น้ำที่นี่อาบสรงแทนน้ำในแม่น้ำน่าน เพื่อเพิ่มความเข้มขลัง อยู่ยงคงกระพันและสร้างความยิ่งใหญ่ในการเป็นผู้นำชุมนุม ในอดีตชาวบ้านพระฝางยังนำน้ำที่บ่อน้ำพุมาสรงน้ำพระ และรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุในเทศกาลสงกรานต์ น้ำพุเจ้าพระฝางยังเป็นต้นกำเนิดของคลองน้ำพุ คูเมืองธรรมชาติทางทิศตะวันออกของเมืองสวางคบุรีอีกด้วย
- ขุนฝาง คือ เทือกเขาที่เป็นต้นกำเนิดของห้วยปากฝางหรือห้วยฝาง อยู่ในเขตตำบลขุนฝาง อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ เหตุที่ภูเขาลูกนี้มีชื่อว่า ขุนฝาง เนื่องจากมีความเชื่อว่าตอนที่เจ้าพระฝางหลบหนีกองทัพของกรุงธนบุรีนั้น ได้เดินทางไปข้ามแม่น้ำน่านที่ด่านคุ้งยางแล้วขึ้นเหนือไปภูเขาลูกหนึ่ง และหายตัวไปอย่างไม่ทราบชะตากรรม บ้างก็ว่าท่านมรณภาพที่นั่น บ้างก็ว่าท่านเดินทางไปยังเมืองแพร่หรือไปยังเมืองหลวงพระบาง ต่อมาชาวบ้านจึงเรียกชื่อภูเขาลูกนั้นว่า “ขุนฝาง”
- คลองพระฝาง เป็นคลองสายสั้นๆ ที่มีต้นกำเนิดอยู่ที่ภูเขาเหนือบ่อน้ำพุเจ้าพระฝางขึ้นไปเล็กน้อย แล้วไหลมาทางด้านทิศใต้และทิศตะวันตกของเมืองสวางคบุรี ไหลลงแม่น้ำน่านทางตะวันตกของเมืองที่บริเวณบ้านบุ่ง มีความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร
- ห้วยฝาง หรือ ห้วยปากฝาง เป็นลำห้วยที่มีต้นกำเนิดอยู่ที่บริเวณเทือกเขาขุนฝาง วังเย็นและพญาพ่อ ในเขตตำบลขุนฝาง แล้วไหลมาลงแม่น้ำน่านที่ปากฝาง บริเวณบ้านปากฝาง ตำบลงิ้วงาม มีความยาวประมาณ 20 กิโลเมตร
- บึงกะโล่ หนองน้ำขนาดใหญ่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองสวางคบุรี คำว่า “บึงกะโล่” ไม่มีใครทราบว่าทำไมจึงเรียกบึงกะโล่ แต่สันนิษฐานว่าอาจมาจากคำว่า “โล้” ซึ่งมีความหมายว่า “ล่ม” ตามความหมายในภาษาถิ่นโบราณ เนื่องจากศัพท์นี้ใช้กันในแถบชุมชนโบราณรอบบึงกะโล่ คือบ้านวังหมู บ้านคุ้งตะเภา และบ้านพระฝาง ซึ่งมีสำเนียงถิ่นสุโขทัย
- หัวไผ่หลวง-ทุ่งบ่อพระ หัวไผ่หลวงเป็นพื้นที่ป่าไม้หนาทึบในที่ดอน ที่ชาวบ้านคุ้งตะเภาและใกล้เคียงเมื่อกว่า 40 ปีก่อนนับถือว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ มีเจ้าที่เจ้าทางคุ้มครองดูแลรักษาอยู่ มีเรื่องเล่าว่านายพรานหรือชาวบ้านที่ไปจับสัตว์ในไผ่หลวงแล้วหาทางออกไม่ได้ หรือไปทำลบหลู่ในบริเวณไผ่หลวงจนเกิดมีอันเป็นไปต่าง ๆ นานา บริเวณหัวไผ่หลวงนี้ ชาวบ้านเล่าสืบมาว่าเคยเป็นที่ตั้งกองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชตอนยกมาปราบเจ้าพระฝาง และเกิดการรบกันในทุ่งบ่อพระ
ดูเพิ่ม
- วัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถ ศูนย์กลางเมืองสวางคบุรีโบราณ
- ชุมนุมพระเจ้าฝาง ชุมนุมอิสระหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง
- พระครูสวางคมุนี (จัน) เจ้าคณะใหญ่เมืองฝางสวางคบุรีรูปสุดท้ายในสมัยรัชกาลที่ 5
- โบราณสถานวัดคุ้งตะเภา สถานที่เกี่ยวเนื่องกับที่ตั้งค่ายพระตำหนักหาดสูงคราวปราบชุมนุมพระเจ้าฝางตามพระราชพงศาวดาร
- อนุสาวรีย์คู่บารมีกู้แผ่นดิน อนุสรณ์สถานการสิ้นสุดสภาพจลาจลหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองในเมืองสวางคบุรี
อ้างอิง
- ______. (๒๕๒๑). การแต่งตั้งขุนนางไทยในสมัยรัชกาลที่ ๕: สำเนาสัญญาบัตร เล่ม ๑ การแต่งตั้งขุนนางหัวเมือง ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ปีมโรง สัมฤทธิศก ๑๒๓๐ ถึงปีจอ อัฐศก ๑๒๔๘ (พ.ศ. ๒๔๑๑ - ๒๔๒๙). กองหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร : กรุงเทพมหานคร. หน้า ๖๗
- ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๑. กรุงเทพฯ : กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๔๒.
- “พระราชพงศาวดารเหนือ”. (2542). ใน ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 1. กรุงเทพฯ : กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร.
- ประชุมจารึก ภาคที่ 8 จารึกสุโขทัย. (2548). กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร.
- พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา (ภาคจบ). (2505). พระนคร : โอเดียสโตร์.
- พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ (ขำ บุนนาค). (2547). กรุงเทพฯ : พิมพ์ดี.
- “พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)”. (2542). ใน ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 3. กรุงเทพฯ : กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร.
- “พระราชพงศาวดารกรุงสยาม จากต้นฉบับของบริติชมิวเซียม กรุงลอนดอน”. (2542). ใน ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 2. กรุงเทพฯ : กอง วรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร.
- ลาลูแบร์. (2552). จดหมายเหตุ ลา ลูแบร์ ราชอาณาจักรสยาม. สันต์ ท.โกมลบุตร (แปล). นนทบุรี : ศรีปัญญา.
- “พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)”. (2542). ใน ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 3. กรุงเทพฯ : กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ. เที่ยวตามทางรถไฟ. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงรจิตจักรภัณฑ์ (รจิต ดุละลัมพะ) และฌาปนกิจศพนางรจิตจักรภัณฑ์ (เจือ ดุละลัมพะ) วันที่ 4 กันยายน 2510. หน้า 60
- พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. “เจ้าพระฝาง วีรบุรุษของใคร?”. ใน ศิลปวัฒนธรรม. ปีที่ 21 ฉบับที่ 6 เมษายน 2543. หน้า 52-53
- ลาลูแบร์, มองซิเออร์ (เขียน) สันต์ ท.โกมลบุตร (แปล). จดหมายเหตุ ลา ลูแบร์ราชอาณาจักรสยาม. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2548. หน้า 31
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ศุภวัฒย์ เกษมศรี, พลตรี หม่อมราชวงศ์. พระราชพงศาวการกรุงศรีอยุธยา ฉบับเยเรเมียส ฟาน ฟลีต และผลงานคัดสรร พลตรี หม่อมราชวงศ์ ศุภวัฒย์ เกษมศรี นักประวัติศาสตร์อาวุโสดีเด่น. กรุงเทพฯ : สมาคมประวัติศาสตร์ในพระราชูปถัมภ์ฯ, 2552. หน้า 116
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว และ เดวิด เค. วัยอาจ (ปริวรรต). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่. เชียงใหม่ : ซิลค์เวอร์บุคส์, 2547. หน้า 85
- สรัสวดี อ๋องสกุล (ปริวรรต). พื้นเมืองน่าน ฉบับวัดพระเกิด. กรุงเทพฯ : อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนพับลิชชิ่ง, 2539. หน้า 60-62
- จิราภรณ์ สถาปนะวรรธนะ และคณะ. รายงานการวิจัยเอกสารประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการเสด็จประพาสมณฑลฝ่ายเหนือของรัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2444 (ร.ศ.120). พิษณุโลก : รัตนสุวรรณการพิมพ์ 3, 2551. หน้า 71
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ศรีศักร วัลลิโภดม. (2532). เมืองโบราณในอาณาจักรสุโขทัย. กรุงเทพฯ : สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
- Santanee Phasuk and Philip Stott. (2004). ROYAL SIAMESE MAPS : War and Trade in Nineteenth Century Thailand. Bangkok : River Books.
- Santanee Phasuk and Philip Stott. (2004). ROYAL SIAMESE MAPS : War and Trade in Nineteenth Century Thailand. Bangkok : River Books.
- เอนก นาวิกมูล. (2552). หลัก-ฐาน-บ้าน-เมือง. กรุงเทพฯ : แสงดาว.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2553 ข). “หลักมั่นหลักคง:เรื่องราวหลักประโคนเขตแดนสยาม-น่าน”. ใน จดหมายข่าวมูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์. ปีที่ 15 ฉบับที่ 84 พฤษภาคม-มิถุนายน.
- ราชกิจจานุเบกษา. (2465). “ประกาศโอนอำเภอท่าปลาจากจังหวัดน่านมาขึ้นจังหวัดอุตรดิฐ”. เล่ม 39. 4 มิถุนายน พ.ศ. 2465.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ขวัญเมือง จันทโรจนี. อาลัยรักขวัญเอยเมืองเอย. พิษณุโลก : รัตนสุวรรณ 3, 2541. หน้า 84
- ขวัญเมือง จันทโรจนี. อาลัยรักขวัญเอยเมืองเอย. พิษณุโลก : รัตนสุวรรณ 3, 2541. หน้า 84
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. (2545). ศาสนาการเมืองในประวัติศาสตร์สุโขทัย-อยุธยา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มติชน.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- จารึก วิไลแก้ว. “โบราณคดีภาคเหนือตอนล่าง”. ใน ปราณี วงศ์เทศ (บรรณาธิการ). สังคมและวัฒนธรรมในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน), 2542. หน้า 413
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- สุจิตต์ วงษ์เทศ. สุโขทัยไม่ใช่ราชธานีแห่งแรกของไทย. กรุงเทพฯ : ศิลปวัฒนธรรม, 2526. หน้า 78-85
- ศรีศักร วัลลิโภดม. เมืองโบราณในอาณาจักรสุโขทัย. กรุงเทพฯ : สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2532.หน้า 61
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ประชุมจารึก ภาคที่ 8 จารึกสุโขทัย. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2548.
- ศรีศักร วัลลิโภดม. ความหมายพระบรมธาตุในอารยธรรมสยามประเทศ. กรุงเทพฯ :เมืองโบราณ, 2546. หน้า 160
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ขวัญเมือง จันทโรจนี. อาลัยรักขวัญเอยเมืองเอย. พิษณุโลก : รัตนสุวรรณ 3, 2541.
- ธวัชชัย องค์วุฒิเวทย์ และวิไลรัตน์ ยังรอต. อยุธยา. กรุงเทพฯ : มิวเซียมเพรส, 2550. หน้า 17
- วรางคณา นิพัทธ์สุขกิจ. หนังกวาง ไม้ฝาง ช้าง ของป่า : การค้าอยุธยาสมัยพุทธศตวรรษที่ 22-23. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, 2550. หน้า 31
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- สุดารา สุจฉายา. ประวัติศาสตร์สมัยธนบุรี. กรุงเทพฯ : สารคดี, 2550. หน้า 58
- "พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)," (2542). ใน ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 3. กรุงเทพฯ : กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร. หน้า 339.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2559). "ศึกเจ้าพระฝาง พ.ศ. 2313 : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กับการปราบ "พวกสงฆ์อลัชชี" ที่เมืองสวางคบุรี," ใน ศิลปวัฒนธรรม. ปีที่ 37 ฉบับที่ 5 มีนาคม
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- “พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ”. (2542). ใน ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 3. กรุงเทพฯ : กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ราชกิจจานุเบกษา, ตั้งตำแหน่งพระสงฆ์, เล่ม ๕ตอน ๑๗, ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๑, หน้า ๑๓๘
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- Santanee Phasuk and Philip Stott. (2004). ROYAL SIAMESE MAPS : War and Trade in Nineteenth Century Thailand. Bangkok : River Books.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
- ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). 'สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ 245 ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม.
แหล่งข้อมูลอื่น
- ธีระวัฒน์ แสนคำ (แต่ง), สุรพันธ์ เจริญทรัพย์ (บก.), สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิต (เผยแพร่). (สิงหาคม, 2564). เมืองสวางคบุรี : พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของชุมชนโบราณริมฝั่งแม่น้ำน่าน จังหวัดอุตรดิตถ์. 2021-11-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน พิษณุโลก : พิษณุโลกดอทคอม. 120 หน้า.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
rawngsbsnkb emuxngfang echiyngihm swangkhburi hrux fang epnemuxngobranthimihlkthankartngthinthankhxngphukhnsubtxenuxngyawnanmakthisudaehnghnungincnghwdxutrditth epnemuxngthimiprawtisastryawnanmatngaetsmyxanackrsuokhthy ekhyepnemuxngthixyuehnuxsudplayphrarachxanaekhtaelaepnsunyklangthangsasnathisakhykhxngxanackrxyuthyaobran odyxanaekhtemuxngswangkhburiobrankhrxbkhlumphunthi tablphacuk tablkhungtaepha aelatablaesntx inpccubnemuxngswangkhburi emuxngfangemuxngobransmysuokhthyphaphcakbnlnglang sayipkhwa phramhathatuemuxngfang sunyklangthangsasnakhxngemuxngswangkhburiobran wiharhlwng dntrimngkhlaemuxngfang aelachawemuxngswangkhburiinpccubn banpratuwiharwdphrafang silpaxyuthyatxnplay phraphuththrupphrafang inxuobsthwdphrafang thayemux ph s 2441 sakxithobransthanbriewnkhayphratahnkhadsungwdkhungtaepha yanmaswdihythaesa silpaxyuthyatxnplay edimepnyanmasaehphrakhxngemuxngswangkhburiobranemuxngswangkhburithitnginpraethsithyaesdngaephnthicnghwdxutrditthemuxngswangkhburiemuxngswangkhburi praethsithy aesdngaephnthipraethsithyphikd 17 39 12 39 N 100 8 24 44 E 17 6534417 N 100 1401222 E 17 6534417 100 1401222praethsithycnghwdxutrditthxaephxemuxngxutrditthtabl khungtaepha karpkkhrxng phuwarachkaremuxngfang thuxskdina 1 000 phraswangkhburanurks khunemuxngphiichy rachthinnamphuwarachkarkhnsudthay kxnyubsthanaemuxng insmyrchkalthi 5 ekhtewlaUTC 7 emuxngswangkhburi prakthlkthankarmixyuinphngsawdarehnux rabuwaepnthitngkhxngphramhathatuthibrrcuphrabrmsaririkthatuswnphrarakkhwykhxngphraphuththeca aelapraktchuxemuxnginsilacaruksuokhthyhlayhlk rwmthungphrarachphngsawdartngaetsmyxyuthyacnthungrtnoksinthr aelacakkarekhyepnemuxngchayaednphrarachxanaekht thaihemuxngnimikhwamsmphnthekiywkhxngkbphukhncakaekhwnlannaaelalanchang phuthixyuxasyinemuxngswnihysubthxdkhnbwthnthrrmaebbkhnhwemuxngehnuxobran phasathinsuokhthy sungepnchnklumihykhxngemuxngni hlngkarsinsudlngkhxngchumnumecaphrafang rahwangpi ph s 2310 2313 thimiemuxngswangkhburiepnsunyklang aelakarkhbilphmarwbrwmhwemuxnglannaiwphayinphrarachxanaekhtidinsmykrungthnburi prakxbkbtaaehnngphumisastrthangkarkhalumaemnananinyukhtxmaepliynaeplngip thaihemuxngswangkhburirwngorylnginrayatxma emuxngswangkhburiidldthanakhwamepnemuxngsakhythangsasnalnginsmykrungrtnoksinthr enuxngcakemuxngswangkhburiimidepnemuxngehnuxsudplayphrarachxanaekhtxiktxip xikthngchawemuxngswangkhburiswnihyidoykyayipxyuinbriewnthiklaymaepnemuxngbangoph thaxith thaesa aelaidrbykthanakhunepncnghwdxutrditthinpccubnprawtichuxemuxngswangkhburi tngaetxdit mikareriykchuxemuxngswangkhburiinhlakhlaychux echn emuxngfang emuxngphrafang hruxemuxngswangkhburi epntn sungthnghmdlwnepnphthnakarthangprawtisastrthipraktinhlkthanthngsilacarukaelaphrarachphngsawdar dngni emuxngfang emuxngfang epnchuxthiekaaekthisud praktinsilacaruksuokhthysxnghlk idaek caruksuokhthyhlkthi 3 caruknkhrchum aelacaruksuokhthyhlkthi 11 carukwdekhakb sahrbthimakhxngchuxemuxngfang mikhwamehntangknepnsxngaenwkhid khux aenwkhidaerkechuxwamithimacaksphaphthitngemuxngepnemuxngdansahrbkhwangkhasuk cungmichuxemuxngwa emuxngkhwang sungmacakkhawa chwang inphasaekhmrhmaykhwamwa khwang swnaenwkhidthisxngsnnisthanwamacakchuxtnfang mithimacakchuxtnimchnidhnung sungenuximnaiptmxxksiaedngkhlasahrbyxmpha insmyxyuthyaepnthitxngkarkhxngchawyipunepnxyangmak epnsinkhathitharayidmasuthxngphrakhlngxyangsmaesmx emuxngswangkhburiinsmyobrancungmikhwamsakhythangdanesrsthkicodytrngxikxyanghnungdwy sungedimthibriewnaehngnimitnfangkhunxyumak incdhmayehtu laluaebr sungepnrachthutkhxngphraecahluysthi 14 praethsfrngessthiekhamakrungsrixyuthyasmysmedcphranaraynmharach idklawthungchuxkhxngemuxngfangwa sahrbemuxngfangnn odythifangepnchuxkhxngtnimchnidhnungsungkhunchuxwaichinkaryxmsi thichawpxrtuekseriykwa sapn langkhnkaeplwa emuxngpafang sahrbaenwkhidthisxngnikhxnkhangcaepnthiyxmrbkninpccubn emuxngswangkhburi emuxngswangkhburi chuxniprakthlkthaninsmyxyuthyatxnplaysubenuxngmacnthungsmytnkrungrtnoksinthr miphuinexksarprakasethwdabrmrachaphieskrchkalthi 4 phbkareriykchuxemuxngniwa emuxngchwang sungnacaekidcakkarrbruekiywkbkarxxkesiyngthitangkn cungthaihekidkarekhiynphyychnatangkntamipdwy thungaemwainrayahlngcamikareriykemuxngfangwaemuxngswangkhburi aetchuxemuxngfangkyngmikaricheriykpapnkbchuxswangkhburimatlxd odyechphaaxyangyinginexksarprawtisastrlanna echn tananphunemuxngechiyngihm aelatananphunemuxngnan hruxaemaetinphrarachhtthelkhainphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwkthrngeriykwa emuxngfang aesdngihehnwachuxemuxngfangcaepnthirbrukhxngphukhnodythwipmakkwachuxswangkhburi sungnacaepnchuxthimikartngchuxkhunihmodyrachsankthikrungsrixyuthyainphayhlngkhxbekhtthitngemuxngswangkhburiobranemuxngswangkhburi miicklangxyuinekhtbanphrafang tablphacuk xaephxemuxngxutrditth epnchumchnthimikhunaaelakhndinlxmrxbkhnadelk tngxyurimfngthangdanitkhxnglananan sunyklangemuxng silacarukwdphrafangxksrithyobransmysuokhthy snnisthanwaepncarukthiklawthungincaruknkhrchum waphyaliithoprdihsrangkhun epnsilacarukobranthiihythisudincnghwdxutrditth pccubnyngimidmikarxanaelaaeplkhwam lksnaemuxngepnrupsiehliymdanimethakhnanipkblana pccubnrxngrxykhxngaenwkhndinehluxihehnbangtxnthangdanitethann briewnswnhnungkhxngemuxngthuknaesaathlaylng singthiehluxepnhlkthansakhykkhux wdphrafangswangkhburimuninath epnwdthisakhyaehnghnungkhxngcnghwd phayinwdmiphraecdiythibrrcuphrabrmthatu miwiharhlwngaelaphraprathan rwmthngobsthkhnadelk caklksnaphngemuxngaelaobranwtthusthanthiphbaesdngihehnwa emuxngswangkhburinacaepnchumchnkhnadihymatngaetsmysuokhthy khxbekhtdantawnxxk briewnemuxngswangkhburi rimaemnanan epncudthieruxsinkhakhnadihycakthangitsamarthedinthangmacxdethiyberuxepncudehnuxsudinesnthangaemnanantxnlang enuxngcakehnuxtwemuxngswangkhburiodyaemnanankhunipelknxy epnbriewnthichawbaneriykwa dankhungyang khungyangepnkhungnainaemnananthimitnyangkhunxyumak itkhungyanglngmakmiaekngaelaokhdhinkhnadihykhwangkraaesnananxyu inhnaaelngsamarthedinkhamaemnaipid hlkpraokhn ekhtaednsyam nan banphaeta x thapla hmudhmayehnuxsudkhxngemuxngswangkhburi aelaxanackrxyuthyaobran inkhnaediywknbriewnnnkepnthitngdankhxngemuxngswangkhburi sungmithanaepndanchayaednphrarachxanackrkhxngkrungsrixyuthyathitidtxkbemuxngnandwy briewndngklawcungmichumchnchuxwa bandan aelapraktchuxbandanniinaephnthiobransmyrtnoksinthrtxntndwy ehnuxcakdankhungyangiptamaemnananraw 10 kiolemtrbriewntablaesntx danitkhxngbanphaeluxd xaephxthapla cnghwdxutrditth epnbriewnhlkekhtaednrahwangkrungsrixyuthyakbemuxngnan praktinaephnthiobranwa hlkpraokhn sunghmaythung esaihypkhmayekhtaednrahwangpraethshruxemuxng pccubnyngprakthlkthanxyu chawbaneriykwa hlkmnhlkkhng sahrbbanphaeluxdsungxyuehnuxhlkpraokhnkhunmani edimkhunxyukbemuxngthaplainekhtpkkhrxngkhxngemuxngnan aelaepnchumchnsudthaychayaednkhxngemuxngnanthangthisitdwy aetdwykhwamthiemuxngthaplaxyuiklsalaklangcnghwdxutrditthmakkwasalaklangcnghwdnan ph s 2465 krathrwngmhadithycungtdekhtphunthikhxngcnghwdnanmaxyuinkhwampkkhrxngkhxngcnghwdxutrditth klayepnxaephxthaplainpccubn khxbekhtdantawntk smudithydakdhmayphraxykarobranthicdaesdnginphiphithphnththxngthinwdkhungtaepha briewnitemuxngswangkhburiodyaemnanan hruxkhxbekhtdantawntkkhxngemuxngswangkhburi odythangbk epnphunthibungkaol phunthichumnarbnahlakobran aelaepnphunthithieriykkninpccubnwa thungbxphra enuxngcakekhyepnsmrphumikhrawprabchumnumecaphrafangemuxngswangkhburiinsmythnburi ph s 2313 nxkcakni itemuxngswangkhburithangfngsayaemnanan briewnthieriykkninpccubnwawdkhungtaepha snnisthanwaepnsthanthitngkhxngkhayhadsunginsmysmedcphraecakrungthnburi khrawphkthphhlngcakprabchumnumecaphrafangemuxngswangkhburi prakthlkthankarxphyphekhluxnyaykarsrangwdaelatngthinthankhxngphukhncakemuxngswangkhburi karkhnphbhlkthanphrarachkahndbthphraxykarsmyxyuthyacanwnmak aelasakobransthanthngthiepnimaelaxithobran inekhtphunthiobransthanwdkhungtaephainpccubn sungbriewndngklawsnnisthanwaxacekhyepnsunyklangthangkarpkkhrxngchwkhrawkhxngemuxngswangkhburiinsmythnburi kxncamikarekhluxnyayphukhnipxyubriewnphunthilumnabangoph thaxith thaesa enuxngcakkarepliynesnthangkarkhakbhwemuxnglannainsmytnkrungrtnoksinthr inrayatxmaphthnakarthangprawtisastremuxngswangkhburinnmiphthnakarkhxngkarepnchumchnmatngaetsmykxnprawtisastr caknnkklayepnemuxngthimiphramhathatuepnsunyklang cninthisudklayepnemuxngthimibthbaththangkaremuxnghlngcakehtukarnesiykrungsrixyuthyakhrngthi 2 emuxngswangkhburi minkwichakarprawtisastrhlaythansnnisthanwa nacaekidcakchumchnthangkarkha inkhnaediywknphaphpunpnthiobsthkhxngwdphrafangswangkhburiyngepnruppnthikhlayphxkhaaekhkepxresiyyunthuxkrich sungsathxnihehnphaphthangkarkhakhxngsmyxyuthyatxnplay thikhunnangrachsankswnihyepnepxresiythikhumkarkhainkrmthakhwa thaihekidkarphbpakhxngphukhnmakmayhlayechuxchatithimathakarkha aelanxkehnuxcakkhwamrungeruxngthangsasnathithaihemuxngswangkhburitxngkhyaytwaelw emuxngswangkhburiyngidkhyaytwcakkarkhakhxngpathirungeruxnginsmyxyuthyatxnplayaelaxaccaepntladihyinhwemuxngehnux sungsinkhaswnihythuksngmacakhwemuxnglaw thnglawinklumwthnthrrmlannaaelalanchang aethlngcakkarprabpramchumnumecaphrafangkhxngsmedcphraecakrungthnburi khngthaihtladkarkhakhxngpathiemuxngswangkhburisbesa aelayaytladkarkhamaxyuthibriewnemuxngbangoph thaxith sungxyuthangtxnitemuxngswangkhburilngma yukhkxnxanackrsuokhthy say klxngmohrathuksaridinwthnthrrmdxngsxn khudphbthimxnwdslyphngs tablthaesa inpi ph s 2470 klang sakkradukthiklayepnhinaelaobranwtthukhxngmnusysmykxnprawtisastr phbthibanbungwngngiw iklkbbungkaol sxnghlkthansakhythiaesdngihehnthungkarekhluxnihwaelakartngthinthankhxngaehlngchumchnkxnprawtisastrthimixayumakkwa 2 000 pi iklkbemuxngswangkhburi khwa thwykraebuxngaebbcin phbbneninthrayklangaemnananbriewnbankhungtaepha hlkthansakhythiaesdngihehnthungkhwamrungeruxngkhxngesnthangkhmnakhmaelachumnumkarkhasakhykhxngswangkhburichwngtxma kxncahmdkhwamsakhylnginyukhtnkrungrtnoksinthr dwyemuxngswangkhburithitngxyuthiehnuxsudinthirablumaemnanantxnlang mikhwamxudmsmburnmatngaetxditcnthungpccubn aelatidkbaehlngnasungepnsingcaepninkarxupophkhbriophkh rwmthngepnesnthangkhmnakhmthisakhydwy cungehmaasmxyangyinginkartngthinthanthixyuxasykhxngmnusy cakkarkhudkhnthangobrankhdithiwdphrafang phbwa inchndinlangsud epnchndinsmykxnprawtisastr sungnacamikartngthinthankhxngmnusyrahwang 3 500 2 000 pi maaelw mikarphbekhruxngmuxhinkhdthiphbmikhnadihy 8 x 25 esntiemtraelaekhruxngpndinephacanwnmaktamrimfngaemnananthiradb 4 emtrcakphiwdin txmachumchnobransmykxnprawtisastrkidmiphthnakarthangsngkhmekidkhun odykhngmikarrwmknepnchumchnkhnadihyxyubriewnrimfngthangdansaykhxngaemnanan aelaklayepnemuxngkhuninrawphuththstwrrsthi 11 16 phthnakarkhxngemuxngswangkhburinacaerimtncakkarkhyaytwthangkarkhakhxngcininrawphuththstwrrsthi 16 sungcinidepliynnoybaythangkarkhacakedimthitxngphanphxkhakhnklangodyechphaaxyangyingklumphxkhaaekhwnsriwichy maepnkarkhathicinsngkhnekhamathakarkhaodytrngkbbanemuxngtang inbriewnsuwrrnphumi inphuththstwrrsthi 18 karkhakyngkhyaytwxyangtxenuxng thaihekidkarkhyaytwkhxngklumkhniptamthirablumaemnasayihy aelatngthinthanxyubriewnthimikhwamxudmsmburn epnaehlngthimithrphyakrsakhysungepnsinkhathicintxngkar hruxtngthinthanxyubriewnthiepnchumthangkarkhmnakhm dwyehtuphldngklawnithaihemuxngswangkhburiidkxtwkhunepnchumchnkhnadihyxyurimfngaemnanan xnepnphunthithimiimfangsungepnsinkhathicintxngkar aelaxyubnesnthangkhmnakhmrahwangbanemuxngthangtxninnidwy nxkcakemuxngswangkhburiaelw yngmiemuxngxun thiekidkhunileliykn xyangechn emuxngthungyngthiepnchumthangkarkhathangbkaelaemuxngnkhrithy sungmisinkhacaphwkkhxngpamakmay emuxekhasuphuththstwrrsthi 19 banemuxngthixyubnesnthangkhmnakhmhlkidphthnakarepnrthkhun echn rthsuokhthy rthxoythya nkhrrthnanaelarthlanchang hlwngphrabang emuxngswangkhburiidklayepnemuxngchaykhxbkhxngrthsuokhthythitidtxkbnkhrrthnanaelarthlanchang thaihemuxngswangkhburimisphaphhruxthanaepnemuxngdanthikhwbkhumesnthangkhmnakhmthicatxipyngemuxngnanaelabrrdaemuxngthanglumaemnaokhng inaethbemuxnghlwngphrabangdwy xacklawidwataaehnngthiemuxngswangkhburitngxyuni xyuinbriewntxnehnuxsudkhxnglumaemnanantxnlang hruxxiknyhnungxyutxnehnuxsudekhtaekhwnsuokhthy emuxngswangkhburicungtngxyuincudkungklangbnesnthangkhmnakhmrahwangrthobranthung 3 rth nnkkhux 1 rthsuokhthysungtxmakcaepnswnhnungkhxngrthxyuthya 2 rthlanchangsungrayaaerkmisunyklangxyuthiemuxnghlwngphrabangtxmaidyaylngmaxyuthiemuxngewiyngcnthn aela 3 nkhrrthnan yukhxanackrsuokhthy phramhathrrmrachaliith aehngxanackrsuokhthy ekhyesdcmaemuxngswangkhburi aelasthapnasilacarukiwaekphramhathatuemuxngfang sungsnnisthanwaepncarukthiklawthungincaruknkhrchum waphyaliithoprdihsrangkhun emuxngswangkhburiidrbkarphthnaepnemuxnghnadanaelaepnemuxngsakhythangphraphuththsasnakhxngxanackrsuokhthyipdwykn insilacarukhlkthi 3 caruknkhrchum phbthiwdphrabrmthatu xaephxemuxng cnghwdkaaephngephchr carukemux pimhaskrach 1279 ph s 1900 inrchsmyphramhathrrmrachathi 1 liithy mienuxhabangswnklawthungsilacarukaelarxyphraphuththbathtang thiphrathrrmrachathrngsranginhwemuxngtanginxanaekhtkhxngphraxngkh phbenuxkhwamthiklawthungemuxngfangdwy thahakphicarnakhxmulaelwcathaihphbwa emuxngswangkhburiidphthnakhwamepnemuxngmacakkhaphrathatu thitxmamimakcnklayepnchumchnthiduaelphramhathatuodyechphaa inrayahlngkkhngmiprachachnswnxunmaxasyxyurwmdwy emuxngswangkhburiinyukhnikhngepnchumchnthisngberiybngay aelayudmninkhwamechuxthangdanphraphuththsasnaepnxyangying khwamsakhykhxngkarthuxkaenidkhunmakhxngemuxngswangkhburiinrayaaerknn khngimidmikhwamsakhyxyuineruxngesrsthkic sngkhmaelakaremuxngephiyngdanediyw aetnacaxyuthiphramhathatuxnepneruxngthangsasnaaelaphithikrrmdwy ephraakarplxdkarkhrxbngathangkaremuxng caepnehtuihkhncakbanemuxngtang rwmthngecanayaelakhunnangidphamakrabihwknidsadwk nbidwaepnebahlxmthangwthnthrrm thithaihphukhnhruxphunathitangbanemuxngkn mamikhwamsmphnthkninlksnathimiwthnthrrmrwmsmyediywkn yukhxanackrxyuthya phaphbukhkhlpunpnthiphnngobsthwdphrafangdannxk khlayphxkhaaekhkepxresiyyunthuxkrich aesdngihehnwa mikhnhlayklumedinthangma odyechphaainsmysmedcphranaraynmharach emuxngswangkhburiidkhyaytwxyangmakcakkarkhakhxngpathirungeruxnginsmyxyuthyatxnplay aelaxaccaepntladihyinhwemuxngehnux sungsinkhaswnihythuksngmacakhwemuxnglaw thnglawinklumwthnthrrmlannaaelalanchang aelaenuxngcakimfang thimixyuthwipodyrxbemuxngswangkhburi epnhnunginsinkhatxnghaminsmyxyuthya odymaktdmacakpathangphakhehnuxaelathangtawntk imchnidniehmaakbnganyxmpha frngsws xngri turaepng bnthukwasmysmedcphranarayn rachsankxyuthyasngimfanglngeruxsaephaipkhaythicinaelayipunpilahlayla odyechphaacinnnnxkcakxyuthyacasngxxkipcahnayaelw yngsngepnbrrnakaraedhxngetcintngaeterimaerkxikdwy emuxngswangkhburikhngepnemuxngsakhyemuxnghnungthanghwemuxngehnux thisngimfangipyngkrungsrixyuthya yukhthnburi phawaclaclhlngesiykrungsrixyuthyakhrngthi 2 hlngcakehtukarnthiphmaykthphmatikrungsrixyuthyacntxngesiykrungsrixyuthyakhrngthi 2 inpi ph s 2310 brrdahwemuxngihythimikalngmakaelaimidrbphlkrathbcaksngkhramrahwangkrungsrixyuthyakbphma tangktngtwepnxisra aelakhyayxanacrwbrwmemuxngiklekhiyngthixxnaexkwaiwinxanac ephuxthicasrangxanackrkhunmaihm emuxngswangkhburisungedimtkepnswnhnungkhxngxanackrkrungsrixyuthya aetimidrbphlkrathbcaksngkhramkhrngni kidtngtwepnxisrainkarpkkhrxngxikkhrnghnung phayitkarnakhxngphraphakulethr sngkhrachaaehngemuxngswangkhburi hruxthikhunchuxkndiinnam ecaphrafang aethlngcakthimikhwamrungeruxngxyuimnankthukkxngthphkhxngphraecakrungthnburiprabpramlng inpi ph s 2313 cnthaihemuxngthukthalayepnxyangmak phrabrmrachanusawriy smedcphraecataksinmharach pradisthan n thitngphratahnkkhayhadsung tamphrarachphngsawdar wdkhungtaepha saehtuthikxngthphecaphrafangphayaephtxkxngthphkhxngphraecakrungthnburixyangngaydaynn nxkcakcamikalngphlthinxykwaaelakhadxawuththithnsmyaelamiprasiththiphaphaelw yngminkwichakarbangthanwiekhraahwa kxngthphecaphrafangsungaemcatiphisnuolkidaelwkmiidyaysunyxanaccakemuxngfanghruxswangkhburimatngmnthiemuxngphisnuolk ephraaxanacpatihariykhxngecaphrafang hwhnachumnumphukphnxyukbkhwamskdisiththikhxngphrathatuemuxngfangsungphukhnnbthuxmak cungthaihchumnumnimikhnekharwmxyangkwangkhwang aetkhadraebiybaelakarbriharthidi emuxkxngthphkhxngphraecakrungthnburiykmaticungaetkodyngay ruphlxbukhkhlinphiphithphnthwdphrafang sungchawbanechuxwaepnruphlxkhxngecaphrafangeruxn xditphunachumnumxisrahlngesiykrungsrixyuthyakhrngthisxng hlngchumnumecaphrafangthukprablngsaerc phraecakrungthnburiidthrngphkthphxyuthikhayphratahnkhadsung emuxngswangkhburi 3 eduxn tlxdvduna ephuxbychakarcdraebiybkhnasngkhhwemuxngehnuxihmthnghmdinpiediywknnn aelaihekliyklxmrwbrwmrasdrthihlbhniphysngkhramtampaekha aelacdkarkarpkkhrxnghwemuxngfayehnuxihm phrxmthngsrangwdkhungtaepha aelasrangsalabxkmul khunincudthitngkhxngthiphkthphiphrphlkhxngsmedcphraecataksinmharach khrawkrathasukprabchumnumecaphrafang ephuxepnswnhnungkhxngkarrwbrwmchumchnaelaepnthiphanksngsxnkhxngphrasngkhphuthrngphumithrrmthithrngxarathnanimntmacakkrungthnburi pccubnpraktsakesaxakharim essxithobran nxkcakniyngphbhlkthansmudithydaphrarachkahndbthphraxykarlksnatang canwnmak aesdngthungkarepncudsunyrwmsakhykhxngchumnumphukhninsmyxdit sungxacepnsingthitkkhangmacakkarthibriewnniekhyepnthitngsunyklangchwkhrawkhxngemuxngswangkhburiinxdithlngsngkhramprabchumnumecaphrafangyutilng hlngcakkarthasngkhramdngklawesrcsin ecaphrafangkhaysabsuyip xanacthiyingihykhxngxanackremuxngswangkhburikhxngecaphrafangklmslaylng sunyklangemuxngehluxiwaetephiyngwdphramhathatuemuxngfang xnekhyepnsunyrwmickhxngchawemuxngswangkhburi thimisphaphthrudothrmlnginrayatxmacakkarekhluxnyaykhxngphukhn odyechphaaxyangying hlngcakkarprabpramchumnumecaphrafangkhxngsmedcphraecakrungthnburi sngphlihtladkarkhakhxngpathiemuxngswangkhburisbesa ephraabxbchacakphysngkhram aelaphukhncanwnhnungkkhxy xphyphyaythinthanipxyuthixun briewnkhungtaepha thaesa thaxith bangoph tamladb cungxaceriykidwaphawaclaclhlngesiykrungsrixyuthyakhrngthi 2 epnyukhthiemuxngswangkhburimikhwamphkphncakcudrungeruxngsungsud lngsucudthibanemuxngmisphaphbxbchacakkarsngkhraminewlaimnannk yukhkrungrtnoksinthr insmytnkrungrtnoksinthr emuxngbangoph thaxith sungxyuthangtxnitemuxngswangkhburilngma idklayepntladchumthangkarkhathimibthbathimtangipcakemuxngfang enuxngcakepnchumthangkarkhakhnadihyaelakhyaytwxyangrwderw thiecriykhunmacakkarkhakhaythngthangnaaelathangbkkbhwemuxnglannaaelalanchanginbriewndngklaw nxkcaknn yngmikhwamehmaasminthangphumisastrimtangipcakemuxngswangkhburi aelayngsamarthepnthngchumthangkarkhathangnaaelathangbkthisamarthechuxmtxyngemuxngaephraelaemuxngswrrkholkid cnthaihidrbphrarachthanchux xutrditth insmyrchkalthi 4 cnphayhlngmikarsrangthangrthif idmikaryayemuxngphichymatngxyuthinn aelaklayepnthitngkhxngtwcnghwdxutrditthinpccubnsphaphphumisastrtaaehnngthitngkhxngemuxngswangkhburiepnthirablumrimfngaemnanan mikhwamxudmsmburnehmaaaekkarthaekstrkrrmepnxyangmak thirablumaehngnithuklxmrxbdwyphuekhathungsamdandwykn ykewnthangthistawntkdanediywethannthiimmiphuekhakn milksnaepnaexngthirablumhubekha aelathuxwaepnthirablumaehngaerkinlumaemnanantxnlang sphaphthitngemuxngswangkhburicungthuxidwaxyuintaaehnngthiehmaasmaekkartngthinthankhxngmnusy imephiyngaetcaepnthirablumethann briewnthitngemuxngswangkhburiniyngepnchaykhxbxanackarpkkhrxngxanackrsuokhthy txmakepnswnhnungkhxngxanackrkrungsrixyuthyaaelamisthanaepnemuxngchaykhxbechnedim karthiemuxngfangepnemuxngchaykhxbxanacrth aelaxyubriewntidkbekhtaednrxytxrahwangkrungsrixyuthyakbrthlanchangaelankhrrthnan thaihinbangkhrngxanaccakswnklangkimsamarthkhwbkhumemuxngswangkhburiodytrngid bangkhrngxanackrlannakykthphlngmayudexaemuxngswangkhburi phuekhakhunfang thangdanthisehnuxkhxngemuxngswangkhburi thaybriewnthungsmrphumiswangkhburi thungbxphra nxkcakni karthiemuxngswangkhburitngxyubriewnrxytxkhxngxanackrsuokhthysungtxmaepnswnhnungkhxngkrungsrixyuthyakbrthlanchangaelankhrrthnan thaihemuxngfangidrbxiththiphlthangsilpkrrmcakrthtang ehlani xyangechn karwangphngwiharhlwngkbphramhathatuaebbthiniymkninsmysuokhthy rupaebbobsthwdphrafangthimisthaptykrrmaebbxyuthyatxnklang txnplay phraphuththrupphrafangthipradisthaninobsthkepnphraphuththrupthrngekhruxngpangmarwichysmyxyuthyatxnplay phraphuththrupimslksungepnsilpaphsmrahwangskulchangthxngthinkbskulchangemuxngnan hlwngphxechiyngaesnsungphraphuththrupsaridkhnadihy phuththlksnakepnsilpaphsmphsanrahwangsilpasuokhthy lannaaelalanchang sungaesdngihehnwamikaredinthanghruxtidtxsmphnthkhxngphukhncakthintang kbchawemuxngfangekidkhunphayinemuxngniobransthanaelasthanthisakhyinekhtemuxngswangkhburiphaphekawdphrafangswangkhburimuninath sthanthipradisthanphramhathatusunyklangkhxngemuxngswangkhburiwdphrafangswangkhburimuninath wdphrafanghruxwdphramhathatuemuxngfangepnthipradisthanphraphuththrupphrafang sungchawbanbangkhnechuxwaepnphraphuththrupskdisiththikhubarmikhxngecaphrafang epnthitngkhxngphramhathatuemuxngfang puchniysthansakhyaelaepnsunyklangkhxngemuxngswangkhburi obransthanwdophthiphiyk tngxyuthangdantawnxxkkhxngemuxngswangkhburi iklkbhxprapabanphrafanghmuthi 4 edimekhyepnthitngkhxngthithakarpaimaekhwng briewnnimiekhymikarphbthanwiharaelathanecdiy insmyxyuthyatxnklang txnplay sungthukthalay pccubnphbephiyngessxithaelakraebuxngaetkkracayxyuthwbriewnirxxy wdnixyuthangtawnxxkkhxngbanphrafanginpccubn aelakhngthukidrbkhwamesiyhayinchwngsukemuxngswangkhburi ph s 2313 txmacungthukthingrang enuxngcakmiphukhnaelaaerngnganinkarptisngkhrnimephiyngphx sungsathxnihehnwamichawemuxngswangkhburimikaryaythinthanhlngsinsukkhrngni ehtuthichawbaneriykchuxwdophthiphiyknn macakinxditbriewnnimitnophthikhnadihykhunxyu txmainthukphayuphdokhnlngintxneynkhxngwn hnung phxthungrungechachawbanmaduxikkhrngphbwatnophthiklbyuntnxyuehmuxnedim chawbancungechuxwamiphimayktnophthikhun cungeriykchuxwaophthiphiyktngaetnnma sakobransthaniklkaaephngwdphrafangthangthistawnxxk sakobransthanaehngnipccubnxyuinthidinkhxngchawban xyuiklkbaenwkaaephngaelapratuwdphrafangthangthistawnxxk aetedimbriewnniekhymikarphbsakobransthanklumhnung aetthukchawbankhudhakhxngmikha inrayahlngmikarnadinmathmthbsakobransthancnimehluxrxngrxyaelwsakobransthanwdkhungtaepha thitngkhayphratahnkhadsungtamphrarachphngsawdarobransthanwdkhungtaepha xyuthangthistawntkkhxngemuxngswangkhburi epncudthitngkhxngthiphkthphiphrphlkhxngsmedcphraecataksinmharach khrawkrathasukprabchumnumecaphrafang emuxngswangkhburi aelamiphramhakrunathikhunoprdekla ihekliyklxmrwbrwmrasdrthihlbhniphysngkhramtampaekha aelacdkarkarpkkhrxnghwemuxngfayehnuxihm phrxmthngsthapnawdkhungtaepha aelasrangsalabxkmul khuninkhrawediywknnn ephuxihepnsunyrwmchumchnaelaepnthiphanksngsxnkhxngphrasngkhphuthrngphumithrrmthithrngxarathnanimntmacakkrungthnburi wdkhungtaephaekhyprakthlkthankarepnthisthitycaphrrsakhxngphrakhruswangkhmuni phudarngtaaehnngecakhnaihyemuxngfang maaetobran pccubnpraktsakxakharim essxithobran nxkcakniyngphbhlkthansmudithydaphrarachkahndbthphraxykarlksnatang canwnmak aesdngthungkarepncudsunyrwmsakhykhxngchumnumphukhninsmyxdit sungepnsingthitkkhangmacakkarthibriewnniidekhyepnthitngsunyklangchwkhrawkhxngemuxngswangkhburiinxdit kxnkarxphyphekhluxnyayphukhnipyngbriewnthaesa thaxith aelaecriykhunmacakkarkhakhaythngthangnaaelathangbkkbhwemuxnglannaaelalanchang cnthaihidrbphrarachthanchux xutrditth insmyrchkalthi 4 aelaidrbykthanaepnthitngtwcnghwdxutrditth inrayatxma obransthanwdihythaesa xyuthangthistawntkkhxngemuxngswangkhburi thaesaepnchumchnthierimmimatngaetphuththstwrrsthi 23 24 epnxyangnxy dngprakthlkthanwaobsthaelahxitrphayinwdihythaesaepnsilpaxyuthyatxnplay tnkrungrtnoksinthr smedcecafakrmphrayanrisranuwdtiwngsekhyesdcmathxdphraentrobranwdihythaesaemuxpi ph s 2444 thrngphraniphnthiwwawdniepnwdekamak aetedimchumchnaehngninacaepnephiyngchumchnelk chuxkhxngbankhux thaesa cakeruxngrawchiwprawtiphrayaphichydabhkthiaetngkhunodyphrayasrischnalybdiwa naythxngdi phrayaphichydabhk idekhymasuksawichamwykbkhruemkhthibanthaesadwyobransthanxuobsthwddxyaekw t aesntx misthaptykrrmkhlaykhlungkbxuobsthwdphrafanghlkpraokhn hruxhlkmnhlkkhng tngxyuthi banphaeta tablphaeluxd xaephxthapla cnghwdxutrditth epnhlkhinkhnadihy sungraw 1 20 emtr kwangraw 40 esntiemtr khawbaneriykwa hlkmn xikhlkmikhnadelkkwa sungraw 50 esntiemtr eriykwa hlkkhng epnaephnhinthrrmchati chawbanechuxwaepnekhtaednrahwangemuxngnankbemuxngswangkhburi incudthihwysamaesn aelahwyihwtamxy masbknthithngsxngfngkhxngaemnanan esanipraktinaephnthiobranwa hlkpraokhn wdwngyang xyuthibanwngyang tablphacuk thiidchuxwawngyangnn macakaemnananbriewndngklawepnaexngnaluk aelamitnyangkhunxyurimfngcanwnmak caktananecaphrafangthaihthrabwawdwngyang epnthixyukhxngphrakhrukhirimannth shthrrmik ephuxn khxngecaphrafang phuepnkalngsakhyinkarpkkhrxngaelakhwbkhumphukhnsurbkbkxngthphcakkrungthnburi xuobsthobranwddxyaekw xyuinekhthmuthi 4 tablaesntx xaephxemuxngxutrditth ichxithaelasilaaelngcakwdthungxxmobran srangkhunemux ph s 2326 inobsthekhypradisthanphraphuththrupimhnatkkwang 80 esntiemtr sung 2 emtr thithanmicarukwasrangkhunemux ph s 2326 phrxmkbobsthhlngedim aetpccubnniobsthcharudthrudothrmmak mxnphraphuththbathsirxybannatarxd tngxyuthiyxdmxnphuekhasungklangpachumchnbannatarxd xaephxemuxng cnghwdxutrditth odyrxbxakharphraphuththbath mithiphksngkhaelasalakhnadelkthisrangmatngaetsmykxn ph s 2500 odyphrakhrunikrthrrmrks isr ecaxawaswdchxnglm ekcixacaryihyaehngemuxngxutrditthinsmynn dankhungyang xyuthangthistawnxxkkhxngemuxng inekhttablbandan xaephxemuxngxutrditth khungyangepnkhungnainaemnananthimitnyangkhunxyumak itkhungyanglngmakcamiaekngaelaokhdhinthisamarthedinkhamipidinhnaaelng inkhnaediywknkepndanthangdanehnuxkhxngemuxngswangkhburidwy dankhungyangepnbriewnthiecaphrafangedinthangmahlngtifawnglxmkhxngkxngthphkrungthnburixxkmacakemuxngswangkhburiid odymithharhamesliynghruxyanmas phamacanwnhnung caknnkidkhamaemnananthidankhungyangphrxmkblukchangphngephuxkobransthanwdkhungtaepha cudthitngkhxngthiphkthphiphrphlkhxngsmedcphraecataksinmharach khrawkrathasukprabchumnumecaphrafang emuxngswangkhburidankumphirthxng xyuthangthistawnxxkkhxngemuxng ehnuxdankhungyangkhunmaelknxy pccubnepnthitngkhxngwdkumphirthxng naphuecaphrafang khux aehlngnasbthisumihlxxkmacakphuekhathangdanthistawnxxkechiyngitkhxngemuxngswangkhburi pccubnxyuinekhtsanksngkhwdphrabathnaphu chawbanphrafangeriykwa wdehnux chawbanechuxwanaphuthiniepnnabrisuththithiphudmacakitdin ecaphrafangcungidichnathinixabsrngaethnnainaemnanan ephuxephimkhwamekhmkhlng xyuyngkhngkraphnaelasrangkhwamyingihyinkarepnphunachumnum inxditchawbanphrafangyngnanathibxnaphumasrngnaphra aelardnadahwphusungxayuinethskalsngkrant naphuecaphrafangyngepntnkaenidkhxngkhlxngnaphu khuemuxngthrrmchatithangthistawnxxkkhxngemuxngswangkhburixikdwy khunfang khux ethuxkekhathiepntnkaenidkhxnghwypakfanghruxhwyfang xyuinekhttablkhunfang xaephxemuxngxutrditth ehtuthiphuekhaluknimichuxwa khunfang enuxngcakmikhwamechuxwatxnthiecaphrafanghlbhnikxngthphkhxngkrungthnburinn idedinthangipkhamaemnananthidankhungyangaelwkhunehnuxipphuekhalukhnung aelahaytwipxyangimthrabchatakrrm bangkwathanmrnphaphthinn bangkwathanedinthangipyngemuxngaephrhruxipyngemuxnghlwngphrabang txmachawbancungeriykchuxphuekhaluknnwa khunfang khlxngphrafang epnkhlxngsaysn thimitnkaenidxyuthiphuekhaehnuxbxnaphuecaphrafangkhunipelknxy aelwihlmathangdanthisitaelathistawntkkhxngemuxngswangkhburi ihllngaemnananthangtawntkkhxngemuxngthibriewnbanbung mikhwamyawpraman 5 kiolemtr hwyfang hrux hwypakfang epnlahwythimitnkaenidxyuthibriewnethuxkekhakhunfang wngeynaelaphyaphx inekhttablkhunfang aelwihlmalngaemnananthipakfang briewnbanpakfang tablngiwngam mikhwamyawpraman 20 kiolemtr bungkaol hnxngnakhnadihyxyuthangthistawntkechiyngitkhxngemuxngswangkhburi khawa bungkaol immiikhrthrabwathaimcungeriykbungkaol aetsnnisthanwaxacmacakkhawa ol sungmikhwamhmaywa lm tamkhwamhmayinphasathinobran enuxngcaksphthniichkninaethbchumchnobranrxbbungkaol khuxbanwnghmu bankhungtaepha aelabanphrafang sungmisaeniyngthinsuokhthy hwiphhlwng thungbxphra hwiphhlwngepnphunthipaimhnathubinthidxn thichawbankhungtaephaaelaiklekhiyngemuxkwa 40 pikxnnbthuxwaepnphunthiskdisiththi miecathiecathangkhumkhrxngduaelrksaxyu mieruxngelawanayphranhruxchawbanthiipcbstwiniphhlwngaelwhathangxxkimid hruxipthalbhluinbriewniphhlwngcnekidmixnepniptang nana briewnhwiphhlwngni chawbanelasubmawaekhyepnthitngkxngthphkhxngsmedcphraecataksinmharachtxnykmaprabecaphrafang aelaekidkarrbkninthungbxphraduephimwdphrafangswangkhburimuninath sunyklangemuxngswangkhburiobran chumnumphraecafang chumnumxisrahlngesiykrungsrixyuthyakhrngthisxng phrakhruswangkhmuni cn ecakhnaihyemuxngfangswangkhburirupsudthayinsmyrchkalthi 5 obransthanwdkhungtaepha sthanthiekiywenuxngkbthitngkhayphratahnkhadsungkhrawprabchumnumphraecafangtamphrarachphngsawdar xnusawriykhubarmikuaephndin xnusrnsthankarsinsudsphaphclaclhlngkaresiykrungsrixyuthyakhrngthisxnginemuxngswangkhburixangxing 2521 karaetngtngkhunnangithyinsmyrchkalthi 5 saenasyyabtr elm 1 karaetngtngkhunnanghwemuxng insmyrchkalthi 5 pimorng smvththisk 1230 thungpicx xthsk 1248 ph s 2411 2429 kxnghxcdhmayehtuaehngchati krmsilpakr krungethphmhankhr hna 67 prachumphngsawdarchbbkaycnaphiesk elm 1 krungethph kxngwrrnkrrmaelaprawtisastr krmsilpakr 2542 phrarachphngsawdarehnux 2542 in prachumphngsawdarchbbkaycnaphiesk elm 1 krungethph kxngwrrnkrrmaelaprawtisastr krmsilpakr prachumcaruk phakhthi 8 caruksuokhthy 2548 krungethph krmsilpakr phrarachphngsawdarchbbphrarachhtthelkha phakhcb 2505 phrankhr oxediysotr phrarachphngsawdarkrungrtnoksinthr rchkalthi 4 chbbecaphrayathiphakrwngs kha bunnakh 2547 krungethph phimphdi phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbphncnthnumas ecim 2542 in prachumphngsawdarchbbkaycnaphiesk elm 3 krungethph kxngwrrnkrrmaelaprawtisastr krmsilpakr phrarachphngsawdarkrungsyam caktnchbbkhxngbritichmiwesiym krunglxndxn 2542 in prachumphngsawdarchbbkaycnaphiesk elm 2 krungethph kxng wrrnkrrmaelaprawtisastr krmsilpakr laluaebr 2552 cdhmayehtu la luaebr rachxanackrsyam snt th okmlbutr aepl nnthburi sripyya phrarachphngsawdarkrungthnburi chbbphncnthnumas ecim 2542 in prachumphngsawdarchbbkaycnaphiesk elm 3 krungethph kxngwrrnkrrmaelaprawtisastr krmsilpakr thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 smedckrmphrayadarngrachanuphaph ethiywtamthangrthif phimphepnxnusrninnganphrarachthanephlingsphhlwngrcitckrphnth rcit dulalmpha aelachapnkicsphnangrcitckrphnth ecux dulalmpha wnthi 4 knyayn 2510 hna 60 phiess eciycnthrphngs ecaphrafang wirburuskhxngikhr in silpwthnthrrm pithi 21 chbbthi 6 emsayn 2543 hna 52 53 laluaebr mxngsiexxr ekhiyn snt th okmlbutr aepl cdhmayehtu la luaebrrachxanackrsyam nnthburi sripyya 2548 hna 31 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 suphwthy eksmsri phltri hmxmrachwngs phrarachphngsawkarkrungsrixyuthya chbbeyeremiys fan flit aelaphlngankhdsrr phltri hmxmrachwngs suphwthy eksmsri nkprawtisastrxawuosdiedn krungethph smakhmprawtisastrinphrarachupthmph 2552 hna 116 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 xrunrtn wiechiyrekhiyw aela edwid ekh wyxac priwrrt tananphunemuxngechiyngihm echiyngihm silkhewxrbukhs 2547 hna 85 srswdi xxngskul priwrrt phunemuxngnan chbbwdphraekid krungethph xmrinthrphrintingaexnphblichching 2539 hna 60 62 ciraphrn sthapnawrrthna aelakhna rayngankarwicyexksarprawtisastrekiywkbkaresdcpraphasmnthlfayehnuxkhxngrchkalthi 5 ph s 2444 r s 120 phisnuolk rtnsuwrrnkarphimph 3 2551 hna 71 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 sriskr wlliophdm 2532 emuxngobraninxanackrsuokhthy krungethph sthabnithykhdisuksa mhawithyalythrrmsastr Santanee Phasuk and Philip Stott 2004 ROYAL SIAMESE MAPS War and Trade in Nineteenth Century Thailand Bangkok River Books Santanee Phasuk and Philip Stott 2004 ROYAL SIAMESE MAPS War and Trade in Nineteenth Century Thailand Bangkok River Books exnk nawikmul 2552 hlk than ban emuxng krungethph aesngdaw thirawthn aesnkha 2553 kh hlkmnhlkkhng eruxngrawhlkpraokhnekhtaednsyam nan in cdhmaykhawmulnithielk praiph wiriyaphnthu pithi 15 chbbthi 84 phvsphakhm mithunayn rachkiccanuebksa 2465 prakasoxnxaephxthaplacakcnghwdnanmakhuncnghwdxutrdith elm 39 4 mithunayn ph s 2465 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 khwyemuxng cnthorcni xalyrkkhwyexyemuxngexy phisnuolk rtnsuwrrn 3 2541 hna 84 khwyemuxng cnthorcni xalyrkkhwyexyemuxngexy phisnuolk rtnsuwrrn 3 2541 hna 84 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 phiess eciycnthrphngs 2545 sasnakaremuxnginprawtisastrsuokhthy xyuthya krungethph sankphimphmtichn thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 caruk wiilaekw obrankhdiphakhehnuxtxnlang in prani wngseths brrnathikar sngkhmaelawthnthrrminpraethsithy krungethph sunymanusywithyasirinthr xngkhkarmhachn 2542 hna 413 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 sucitt wngseths suokhthyimichrachthaniaehngaerkkhxngithy krungethph silpwthnthrrm 2526 hna 78 85 sriskr wlliophdm emuxngobraninxanackrsuokhthy krungethph sthabnithykhdisuksa mhawithyalythrrmsastr 2532 hna 61 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 prachumcaruk phakhthi 8 caruksuokhthy krungethph krmsilpakr 2548 sriskr wlliophdm khwamhmayphrabrmthatuinxarythrrmsyampraeths krungethph emuxngobran 2546 hna 160 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 khwyemuxng cnthorcni xalyrkkhwyexyemuxngexy phisnuolk rtnsuwrrn 3 2541 thwchchy xngkhwuthiewthy aelawiilrtn yngrxt xyuthya krungethph miwesiymephrs 2550 hna 17 wrangkhna niphththsukhkic hnngkwang imfang chang khxngpa karkhaxyuthyasmyphuththstwrrsthi 22 23 krungethph emuxngobran 2550 hna 31 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 sudara succhaya prawtisastrsmythnburi krungethph sarkhdi 2550 hna 58 phrarachphngsawdarkrungthnburi chbbphncnthnumas ecim 2542 in prachumphngsawdarchbbkaycnaphiesk elm 3 krungethph kxngwrrnkrrmaelaprawtisastr krmsilpakr hna 339 thirawthn aesnkha 2559 sukecaphrafang ph s 2313 smedcphraecataksinmharach kbkarprab phwksngkhxlchchi thiemuxngswangkhburi in silpwthnthrrm pithi 37 chbbthi 5 minakhm thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbphncnthnumas ecim 2542 in prachumphngsawdarchbbkaycnaphiesk elm 3 krungethph kxngwrrnkrrmaelaprawtisastr krmsilpakr thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 rachkiccanuebksa tngtaaehnngphrasngkh elm 5txn 17 25 singhakhm ph s 2431 hna 138 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 Santanee Phasuk and Philip Stott 2004 ROYAL SIAMESE MAPS War and Trade in Nineteenth Century Thailand Bangkok River Books thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1 thirawthn aesnkha 2558 swangkhburisrikhungtaepha smedcphraecataksinmharachkbsmrphumiswangkhburi khungtaepha xnusrn 245 pi aehngkarsthapnawdkhungtaepha xutrditth sankngansphawthnthrrmcnghwdxutrditth krathrwngwthnthrrm ISBN 978 616 543 334 1aehlngkhxmulxunthirawthn aesnkha aetng surphnth ecriythrphy bk sanknganwthnthrrmcnghwdxutrdit ephyaephr singhakhm 2564 emuxngswangkhburi phthnakarthangprawtisastrkhxngchumchnobranrimfngaemnanan cnghwdxutrditth 2021 11 02 thi ewyaebkaemchchin phisnuolk phisnuolkdxthkhxm 120 hna ISBN 978 616 543 722 6