เจ้าชายคาร์ล เอดูอาร์ท ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา (เยอรมัน: Charles Edward, Duke of Saxe-Coburg and Gotha) หรือพระนามเต็ม เลโอโพลด์ คาร์ล เอดูอาร์ท เกออร์ค อัลแบร์ท (เยอรมัน: Leopold Charles Edward George Albert) หรือพระนามแรกประสูติคือ เจ้าชายชาลส์ เอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งออลบานี (อังกฤษ: Charles Edward, Duke of Albany) ทรงเป็นดยุคแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา องค์ที่สี่และสุดท้าย และในฐานะพระราชนัดดาในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ผ่านทางสายพระราชโอรส พระองค์ทรงเป็นเจ้าชายแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ และยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นดยุคแห่งอัลบานีอีกด้วย
ชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ด | |||||
---|---|---|---|---|---|
ดยุกแห่งออลบานี ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา | |||||
(ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา) | |||||
ดำรงพระยศ | 30 กรกฎาคม 1900 – 14 พฤศจิกายน 1918 | ||||
ก่อนหน้า | เจ้าชายอัลเฟรด ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา | ||||
ประสูติ | 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1884 เซอร์รีย์ ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร | ||||
สิ้นพระชนม์ | 6 มีนาคม ค.ศ. 1954 โคบวร์ค ประเทศเยอรมนีตะวันตก | (69 ปี)||||
ฝังพระศพ | โคบวร์ค ประเทศเยอรมนี | ||||
พระชายา | เจ้าหญิงวิกตอเรีย อเดลไฮด์แห่งชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์ | ||||
| |||||
พระบุตร | |||||
ราชวงศ์ | ซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา | ||||
พระบิดา | เจ้าชายลีโอโพลด์ ดยุกแห่งออลบานี | ||||
พระมารดา | เจ้าหญิงเฮเลนาแห่งวัลเด็คและเพือร์ม็อนท์ |
เจ้าชายคาร์ล เอดูอาร์ททรงเป็นบุคคลที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในประเทศอังกฤษ เนื่องจากการมีสถานภาพเป็นศัตรูในฐานะที่ทรงเป็นดยุคครองรัฐแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา อันเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 พระองค์ทรงถูกถอดถอนและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างๆ ของอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1919 ในปี ค.ศ. 1919 พระองค์ทรงถูกบังคับให้สละราชสมบัติ และต่อมาได้ทรงเข้าร่วมพรรคนาซีเยอรมัน ยังความเสื่อมเสียที่ใหญ่หลวงมาให้แก่เจ้าหญิงอลิซ เคาน์เตสแห่งแอธโลน ซึ่งเป็นพระภคินีเพียงพระองค์เดียว สมเด็จพระราชินีแมรี พระภคินีในพระเชษฐภรรดา รวมถึงสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ซึ่งเป็นพระญาติชั้นที่หนึ่งด้วย
พระชนม์ชีพในวัยเยาว์
เจ้าชายคาร์ล เอดูอาร์ท ประสูติในวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1884 ณ ตำหนักแคลร์มอนต์ ใกล้กับเมืองเอสเชอร์ มณฑลเซอร์เรย์ พระชนกของพระองค์คือ เจ้าชายลีโอโพลด์ ดยุกแห่งออลบานี พระราชโอรสองค์ที่สี่ในสมเด็จพระบรมราชินีนาถวิกตอเรีย และ เจ้าฟ้าชายอัลเบิร์ต เจ้าชายพระราชสวามี ส่วนพระชนนีคือ ดัชเชสแห่งออลบานี (พระอิสริยยศเดิม เจ้าหญิงเฮเลนาแห่งวัลเด็คและไพร์มอนต์) พระองค์มีพระนามเรียกเล่นในหมู่พระประยูรญาติว่า "ชาร์ลี"
เนื่องจากว่าพระชนกสิ้นพระชนม์ไปก่อนการประสูติ เจ้าชายจึงทรงสืบพระอิสริยยศทั้งหมดของพระชนกทันทีที่ประสูติและทรงดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จเจ้าฟ้าชายดยุคแห่งออลบานี (His Royal Highness The Duke of Albany)
หลังจากการประชวร พระองค์ทรงเข้ารับศีลล้างบาปเป็นส่วนตัวเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1884 ณ ตำหนักแคลร์มอนต์ ภายหลังการประสูติได้สองสัปดาห์ และอีกสี่เดือนต่อมาจึงเข้ารับศีลล้างบาปต่อสาธารณชนในวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1884 ณ โบสถ์ประจำเมืองเอสเชอร์ มณฑลเซอร์เรย์ โดยมีพ่อและแม่ทูนหัวคือ สมเด็จพระบรมราชินีนาถวิกตอเรีย เจ้าชายแห่งเวลส์ (ในภายหลังคือ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7) เจ้าหญิงคริสเตียนแห่งชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์ เจ้าหญิงลูอีส มาร์เชเนสแห่งลอร์น และเจ้าชายจอร์จ วิกเตอร์ เจ้าชายครองรัฐแห่งวัลเด็คและไพร์มอนต์ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 พระราชปิตุลาได้พระราชทานเครื่องราชอิสรยาภรณ์การ์เตอร์ชั้นอัศวินให้แก่เจ้าชายในปี ค.ศ. 1902
- ทั้งนี้พระองค์ยังทรงมีศักดิ์เป็นพระญาติชั้นที่ 1 ใน สมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮลมินาแห่งเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากพระมารดาทรงเป็นพระขนิษฐาแท้ๆใน เอ็มมาแห่งวัลเด็คและไพร์มอนต์ สมเด็จพระราชินีแห่งเนเธอร์แลนด์
ดยุคแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา
ในปี ค.ศ. 1900 ดยุคแห่งออลบานี ที่มีพระชนมายุ 16 พรรษาได้เสวยราชสมบัติในรัฐดยุคครองนครแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาสืบต่อเจ้าชายอัลเฟรด ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา พระปิตุลาซึ่งเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่สองในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ส่วนเจ้าชายอัลเฟรดแห่งเอดินบะระ (ซึ่งมีพระนามเรียกเล่น "แอฟฟี่หนุ่ม") พระโอรสองค์เดียวในดยุคแห่งเอดินเบอระสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1899 และดยุกแห่งคอนน็อตและสแตรธเอิร์น พระราชโอรสพระองค์ที่สามในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ทรงสละราชสิทธิ์การสืบราชสมบัติก่อนแล้ว เจ้าชายอาร์เธอร์แห่งคอนน็อต พระโอรสในเจ้าชายอาร์เธอร์ กำลังทรงศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่วิทยาลัยอีตันกับเจ้าชายชาร์ลส์ และทรงขู่ที่จะทำร้ายเจ้าชายชาร์ลส์หากไม่ทรงยอมรับการสืบราชสมบัติ เจ้าชายทรงปกครองภายใต้ระบอบผู้สำเร็จราชการโดยเจ้าชายแห่งโฮเฮ็นโลเฮ-แล็งเก็นบูร์กอยู่เป็นเวลาห้าปี เมื่อพระชนมายุครบกำหนดในวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1905 ดยุกแห่งออลบานีก็ทรงเถลิงอำนาจตามรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่มีพระราชสถานะเป็นดยุคแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา ในฐานะที่เป็นพระราชนัดดาพระองค์หนึ่งในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย พระองค์เป็นพระญาติชั้นที่หนึ่งของ เจ้าชายแห่งเวลส์ (ต่อมาคือ สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5) สมเด็จพระจักรพรรดินี อเล็กซานดรา เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย สมเด็จพระราชินีมารีแห่งโรมาเนีย สมเด็จพระราชินีม็อดแห่งนอร์เวย์ สมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย ยูจีเนียแห่งสเปน และสมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮลมินาแห่งเนเธอร์แลนด์ นอกจากนี้แล้วยังเป็นพระญาติชั้นที่หนึ่งในสมเด็จพระจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี แต่จากการดูแลพระญาติหนุ่มพระองค์นี้ของพระจักรพรรดิแสดงให้เห็นว่าเจ้าชายคาร์ล เอดูอาร์ททรงเป็นรู้จักในฐานะพระราชโอรสองค์เจ็ดของพระองค์มากกว่า
อภิเษกสมรส
เจ้าชายคาร์ล เอดูอาร์ท ซึ่งในขณะนี้คือ ดยุคคาร์ล เอ็ดวาร์ดทรงอภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ค.ศ. 1905 ณ ปราสาทกลึกซ์บูร์ก มณฑลฮ็อลชไตน์ กับ เจ้าหญิงวิกตอเรีย อเดลไฮด์แห่งชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์ (วิกตอเรีย อเดลไฮด์ เฮเลนา หลุยซา มารี ฟรีเดริเคอ; 31 ธันวาคม ค.ศ. 1885 - 3 ตุลาคม ค.ศ. 1970) พระธิดาในดยุคฟรีดริช แฟร์ดีนันด์ แห่งชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์-ซอนเดอร์บูร์ก-กลึกซ์บูร์ก ทั้งสองพระองค์มีพระโอรสและธิดา 5 พระองค์ดังนี้
- ดยุคแห่งซัคเซิน (โยฮันน์ เลโอโพลด์ วิลเฮล์ม อัลแบร์ท แฟร์ดีนันด์ วิกเตอร์; 2 สิงหาคม ค.ศ. 1906 - 4 พฤษภาคม ค.ศ. 1972)
- ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าชายรัชทายาทแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา เมื่อแรกประสูติ จนถึงการสละฐานันดรศักดิ์เนื่องมาจากการอภิเษกสมรสกับสามัญชนในวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1932
- ทรงอภิเษกสมรสครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1932 ณ เมืองเดรสเดิน และทรงหย่าร้างในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1962 กับ บารอนเนส ฟีโอดอรา มารี อัลมา มาร์กาเรเท ฟอน แดร์ ออร์สต์ (7 กรกฎาคม ค.ศ. 1905 - 23 ตุลาคม ค.ศ. 1991)
- ทรงอภิเษกสมรสครั้งที่สองเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1963 ณ เมืองบาดไรเชินฮัลล์ กับ มาเรีย เทเรเซีย เอลิซาเบธ ไรน์เดิล (13 มีนาคม ค.ศ. 1908 - 7 เมษายน ค.ศ. 1996)
- เจ้าหญิงซิบิลลาแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา (ซิบิลลา คัลมา มารี อลิซ บาธิลดิส ฟีโอดอรา; 18 มกราคม ค.ศ. 1908 - 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1972)
- ทรงอภิเษกสมรสวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 1932 ณ เมืองโคบวร์ค รัฐบาวาเรีย กับ เจ้าชายกุสตาฟ อดอล์ฟ ดยุกแห่งเวสเตร์บอตเติน (22 เมษายน ค.ศ. 1906 - 26 มกราคม ค.ศ. 1947)
- พระราชชนนีในสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน
- (ฮิวเบอร์ตัส ฟรีดริช วิลเฮล์ม ฟิลิปป์; 24 สิงหาคม ค.ศ. 1909 - 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 1943)
- (พระนามรูปเต็ม แคโรลีน มาธิลด์ เฮเลนา ลุดวิกา ออกัสตา เบียทริซ; 22 มิถุนายน ค.ศ. 1912 - 5 กันยายน ค.ศ. 1983)
- ทรงอภิเษกสมรสครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1931 ณ เมืองโคบวร์ค แต่ทรงหย่าร้างในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1938 กับ เค้านท์ ฟรีดริช วอล์ฟกัง อ็อตโตแห่งคาสเทล-รือเด็นเฮาเซิน (27 มิถุนายน ค.ศ. 1906 - 11 มิถุนายน ค.ศ. 1940)
- ทรงอภิเษกสมรสเป็นครั้งที่สองเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1938 ณ กรุงเบอร์ลิน กับ แม็กซ์ อ็อตโต ชเนียร์ริง (20 พฤษภาคม ค.ศ. 1895 - 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1944)
- ทรงอภิเษกสมรสครั้งที่สามเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1946 ณ เมืองโคบวร์ค แต่ทรงหย่าร้างเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 1947 กับ คาร์ล อ็อตโต อ็องเดร (12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1912 - 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1984)
- ฟรีดริช โยเซียส เจ้าชายแห่งซัคเซิน-โคบวร์กและโกธา (ฟรีดริช โยซิอัส คาร์ล เอ็ดวาร์ด แอร์นส์ คิริล ฮารัลด์; 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 - 23 มกราคม ค.ศ. 1998)
- ทรงดำรงพระอิสริยยศ เจ้าชายรัชทายาทแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1932 หลังการสละฐานันดรศักดิ์ของพระเชษฐา
- ทรงดำรงตำแหน่ง ประมุขแห่งราชวงศ์ซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1954 หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระชนก
- ทรงอภิเษกสมรสครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 1942 ณ เมืองคาเซิล แต่ทรงหย่าร้างวันที่ 19 กันยายน ค.ศ. 1946 กับ เคาน์เตส วิกตอเรีย-หลุยส์ ฟรีเดริเค แคโรลีน มาธิลด์แห่งโซล์มส์-บารูธ (13 มีนาคม ค.ศ. 1921 - 1 มีนาคม ค.ศ. 2003)
- ทรงอภิเษกสมรสครั้งที่สองเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1948 ณ เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ทรงหย่าร้างวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 1964 กับ เดนีส เฮนเรียตตา ฟอน มูราลต์ (23 ธันวาคม ค.ศ. 1923 - 25 เมษายน ค.ศ. 2005)
- ทรงอภิเษกสมรสครั้งที่สามเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1964 ณ เมืองฮัมบวร์ค กับ แคทริน แอนนา โดโรเธีย เบรมเมอ (เกิด 22 เมษายน ค.ศ. 1940)
สงครามโลกครั้งที่ 1
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เจ้าชายคาร์ล เอดูอาร์ททรงสนับสนุนประเทศเยอรมนีและทรงปฏิบัติราชการเป็นนายพลในกองทัพบกเยอรมัน (แม้ว่าจะมิเคยทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่) ดังนั้นสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 มีพระราชโองการให้ถอดถอนพระนามของเจ้าชายออกจากทะเบียนอัศวินแห่งการ์เตอร์ในปี ค.ศ. 1915 ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1917 เพื่อที่จะออกจากพื้นเพที่เป็นเยอรมันของราชวงศ์ สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ทรงเปลี่ยนชื่อพระราชวงศ์อังกฤษจากราชวงศ์ซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาเป็นราชวงศ์วินด์เซอร์ ในปีนั้นรัฐสภาอังกฤษได้ผ่านพระราชบัญญัติการถอดถอนฐานันดรศักดิ์ซึ่งให้อำนาจสภาองคมนตรีที่จะสืบสวน "บุคคลใดก็ตามอันมีศักดิ์เป็นขุนนางหรือเจ้าชายอังกฤษ ซึ่งได้ถืออาวุธต่อต้านพระเจ้าอยู่หัวหรือพันธมิตรของพระองค์ หรือซึ่งร่วมเป็นภาคีกับศัตรูของพระเจ้าอยู่หัว" ภายใต้เงื่อนไขในพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว พระบรมราชโองการตามคำแนะนำของคณะองคมนตรีลงวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1919 ได้ถอดถอนบรรดาศักดิ์ขุนนางอังกฤษ ดยุคแห่งออลบานี เอิร์ลแห่งคลาเรนซ์ และบารอนแห่งอาร์คโลว์ของเจ้าชายคาร์ล เอดูอาร์ทออกอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้พระองค์และพระโอรสธิดายังทรงสูญเสียฐานันดรศักดิ์เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งสหราชอาณาจักร รวมทั้งพระอิสริยยศในชั้นเจ้าฟ้า (Royal Highness) อีกด้วย
พลเรือนสามัญ
ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 สภาทหารและแรงงานแห่งเมืองโกทาได้ปลดดยุคแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาออกจากราชบัลลังก์ อีกห้าวันต่อมา พระองค์ได้ทรงลงนามในประกาศการสละราชสิทธิในการสืบราชสมบัติ เมื่อทรงกลายเป็นพลเรือนสามัญในขณะนี้ ดยุคคาร์ล เอ็ดวาร์ดซึ่งได้ทรงถูกปลดออกจากราชบัลลังก์ทรงเกี่ยวข้ององค์การทางการเมืองและลักษณะแบบทหารฝ่ายขวามากมาย เมื่อปี ค.ศ. 1932 พระองค์ทรงมีส่วนร่วมในการก่อตั้งแนวร่วมฮาร์ซบูร์ก ซึ่งพรรค Deutschnationale Partei (พรรคแห่งชาติเยอรมัน) ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคนาซีโดยผ่านทางแนวร่วม พระองค์ทรงเข้าร่วมพรรคนาซีและเป็นสมาชิกของ Sturmabteilung (ซึ่งแปลว่า หน่วยพายุ หรือ พวกเสื้อน้ำตาล) โดยขึ้นถึงตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มอาวุโส (Obergruppenführer) นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นสมาชิกในรัฐสภาจักรวรรดิตั้งแต่ปี ค.ศ. 1937 ถึงปี ค.ศ. 1943 และประธานสภากาชาดเยอรมันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1933 ถึงปี ค.ศ. 1945 อีกด้วย พระองค์ทรงเข้าร่วมพรรคนาซีอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1936
ในปี ค.ศ. 1936 อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ได้ส่งดยุคแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาไปยังประเทศอังกฤษในฐานะประธานสมาคมมิตรภาพอังกฤษ-เยอรมัน ภารกิจของพระองค์คือ การพัฒนาสัมพันธภาพระหว่างอังกฤษและเยอรมนีและสืบหาความเป็นไปได้ในการทำสัญญาระหว่างทั้งสองประเทศ ดยุคซึ่งทรงเข้าร่วมพระราชพิธีศพของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ในชุดเครื่องแบบของหน่วยพายุ ทรงยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการทำสัญญาตกลงกับสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นจากการเจรจาครั้งนี้ แต่กระนั้นพระองค์ยังทรงส่งรายงานให้กำลังใจฮิตเลอร์เกี่ยวกับความฝักใฝ่ฝ่ายเยอรมันอันแข็งแกร่งในหมู่ชนชั้นสูงของอังกฤษ ในภายหลังจาก พระองค์ทรงทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพต้อนรับอดีตพระมหากษัตริย์และพระชายา ซึ่งในขณะนี้ทรงเป็นดยุคและดัชเชสแห่งวินด์เซอร์ ในระหว่างการเสด็จเยือนประเทศเยอรมนีอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1938
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง รัฐบาลทางการทหารอเมริกันในรัฐบาวาเรีย ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพลจอร์จ สมิธ แพ็ตตันได้ทำการกักบริเวณดยุคแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาอยู่ภายในพระตำหนักที่ประทับอันเนื่องมาจากการสนับสนุนฝ่ายนาซีเยอรมัน ในปี ค.ศ. 1946 พระองค์ทรงถูกพิพากษาคดีในศาลการกำจัดระบอบนาซีและทรงถูกปรับอย่างหนัก ทรัพย์สมบัติจำนวนมากในเมืองซัคเซินและโคบวร์คถูกยึดโดยกองทัพโซเวียต
ดยุคแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาทรงดำรงพระชนม์ชีพบั้นปลายด้วยความโดดเดี่ยว พระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1954 ณ เมืองโคบวร์ค โดยเป็นพระราชนัดดาผู้ชายพระองค์ที่ทรงมีอาวุโสมากกว่าในสองพระองค์ที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย โดยพระราชนัดดาอีกพระองค์หนึ่ง คือ อเล็กซานเดอร์ เมานท์แบ็ตเต็น มาร์ควิสแห่งคาริสบรูค อดีตเจ้าชายแห่งแบ็ตเต็นเบิร์ก ซึ่งสิ้นพระชนม์ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1960
พระอิสริยยศและเครื่องราชอิสริยาภรณ์
พระอิสริยยศ
- 19 กรกฎาคม 1884 - 30 กรกฎาคม 1900: ฮิสรอยัลไฮนิส ดยุกแห่งออลบานี (His Royal Highness The Duke of Albany)
- 30 กรกฎาคม 1900 - 28 มีนาคม 1919: ฮิสรอยัลไฮนิส ดยุกแห่งออลบานีและแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา (His Royal Highness The Duke of Albany and of Saxe-Coburg and Gotha)
- 28 มีนาคม 1919 - 6 มีนาคม 1954: ฮิสไฮนิส ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา (His Highness The Duke of Saxe-Coburg and Gotha)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์อัศวินแห่งการ์เตอร์ (Knight of the Most Noble Order of the Garter)
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวิกตอเรีย ชั้นที่ 1 (Knight Grand Cross of the Royal Victorian Order)
อ้างอิง
- "Burke's Genealogical and Heraldic History of Peerage, Baronetage and Knightage". Burke's Peerage Limited. 31 December 1885. สืบค้นเมื่อ 2017-12-31 – โดยทาง Google Books.
- Winterbottom, Derek (31 July 2016). The Grand Old Duke of York : A Life of Prince Frederick, Duke of York and Albany 1763–1827. Pen and Sword. p. 181. ISBN . สืบค้นเมื่อ 2017-12-31 – โดยทาง Google Books.
- Bouton, S. Miles (31 December 2017). And the Kaiser Abdicates: the German Revolution November 1918-August 1919. Library of Alexandria. ISBN . สืบค้นเมื่อ 2017-12-31 – โดยทาง Google Books.
- Sandner, Harold. "II.8.0 Herzog Carl Eduard". Das Haus von Sachsen-Coburg und Gotha 1826 bis 2001 (ภาษาเยอรมัน). Andreas, Prinz von Sachsen-Coburg und Gotha (preface). 96450 Coburg: Neue Presse GmbH. p. 195. ISBN .
Der deutsche Kaiser Wilhelm II. kummert sich persönlich um ihn, Carl Eduard ist wiederholt Gast am kaiserlich Hof in Berlin und wird der "siebte Sohn des Kaisers" genannt.
{{}}
: CS1 maint: location () - ในฐานะพระราชนัดดาของพระประมุขแห่งอังกฤษ ผ่านทางพระราชโอรส เจ้าชายคาร์ล เอดูอาร์ททรงดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าชายแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ ในฐานันดรศักดิ์ชั้นเจ้าฟ้า ตามพระราชหัตถเลขาของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียฉบับวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1864 และวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1898 การงดเว้นบรรดาศักดิ์ขุนนางตามพระราชบัญญัติถอดถอนฐานันดรศักดิ์ไม่มีผลต่อลำดับการสืบราชบัลลังก์อังกฤษของเจ้าชาย ตามข้อกำหนดที่วางไว้เมื่อปี ค.ศ. 1715 พระโอรสและธิดาของเจ้าชาย ซึ่งเป็นพระราชปนัดดาในสายพระราชโอรสที่ถูกกฎหมายของพระประมุขแห่งอังกฤษ ทรงดำรงพระอิสริยยศเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ ฐานันดรศักดิ์ชั้นเจ้าฟ้า แต่กระนั้นสิทธิในการใช้พระอิสริยยศและฐานันดรศักดิ์ของอังกฤษได้ถูกยกเลิกโดยพระราชหัตถเลขาของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1917
- อภิสิทธิ์ทางกฎหมายและสืบทอดตามสายเลือดต่างๆ ของราชวงศ์กษัตริย์ เจ้าครองรัฐ ดยุคและขุนนางเยอรมันสิ้นสุดลงในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1919 เมื่อรัฐธรรมนูญของสาธารณรัฐไวมาร์มีผลบังคับใช้ แต่กระนั้นสาธารณรัฐไวมาร์ไม่ได้ห้ามการใช้พระอิสริยยศและราชทินนามชั้นสูงอย่างเช่น ประเทศออสเตรีย แต่รัฐสภาแห่งจักรวรรดิ (Reichstag) ได้ผ่านกฎหมายซึ่งให้เปลี่ยนพระอิสริยยศราชวงศ์และขุนนางที่เคยมีอยู่มาเป็นส่วนหนึ่งของนามสกุลแทน ดังนั้นดยุคครองรัฐแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาจึงทรงกลายเป็น "คาร์ล เอดูอาร์ด แอร์ซ็อก ฟอน ซักเซิน-โคบวร์ค อุนด์ โกทา"
ดูเพิ่ม
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
ecachaykharl exduxarth dyukaehngskhesin okhbwrkhaelaoktha eyxrmn Charles Edward Duke of Saxe Coburg and Gotha hruxphranametm eloxophld kharl exduxarth ekxxrkh xlaebrth eyxrmn Leopold Charles Edward George Albert hruxphranamaerkprasutikhux ecachaychals exdewird dyukaehngxxlbani xngkvs Charles Edward Duke of Albany thrngepndyukhaehngskhesin okhbwrkhaelaoktha xngkhthisiaelasudthay aelainthanaphrarachnddainsmedcphrarachininathwiktxeriy phanthangsayphrarachoxrs phraxngkhthrngepnecachayaehngshrachxanackrbrietnihyaelaixraelnd aelayngthrngdarngphraxisriyysepndyukhaehngxlbanixikdwycharls exdewirddyukaehngxxlbani dyukaehngskhesin okhbwrkhaelaokthadyukaehngskhesin okhbwrkhaelaokthadarngphrays30 krkdakhm 1900 14 phvscikayn 1918kxnhnaecachayxlefrd dyukaehngskhesin okhbwrkhaelaokthaprasuti19 krkdakhm kh s 1884 1884 07 19 esxrriy praethsxngkvs shrachxanackrsinphrachnm6 minakhm kh s 1954 1954 03 06 69 pi okhbwrkh praethseyxrmnitawntkfngphrasphokhbwrkh praethseyxrmniphrachayaecahyingwiktxeriy xedlihdaehngchelswich hxlchitnphranametmeloxophld kharl exduxarth ekxxrkh xlaebrthphrabutrecahyingsibillarachwngsskhesin okhbwrkhaelaokthaphrabidaecachaylioxophld dyukaehngxxlbaniphramardaecahyingehelnaaehngwledkhaelaephuxrmxnth ecachaykharl exduxarththrngepnbukhkhlthikxihekidkhwamkhdaeynginpraethsxngkvs enuxngcakkarmisthanphaphepnstruinthanathithrngepndyukhkhrxngrthaehngskhesin okhbwrkhaelaoktha xnepnswnhnungkhxngckrwrrdieyxrmninchwngsngkhramolkkhrngthi 1 phraxngkhthrngthukthxdthxnaelaekhruxngrachxisriyaphrntang khxngxngkvsemuxpi kh s 1919 inpi kh s 1919 phraxngkhthrngthukbngkhbihslarachsmbti aelatxmaidthrngekharwmphrrkhnasieyxrmn yngkhwamesuxmesiythiihyhlwngmaihaekecahyingxlis ekhanetsaehngaextholn sungepnphraphkhiniephiyngphraxngkhediyw smedcphrarachiniaemri phraphkhiniinphraechsthphrrda rwmthungsmedcphraecacxrcthi 5 sungepnphrayatichnthihnungdwyphrachnmchiphinwyeyawecachaykharl exduxarth prasutiinwnthi 19 krkdakhm kh s 1884 n tahnkaekhlrmxnt iklkbemuxngexsechxr mnthlesxrery phrachnkkhxngphraxngkhkhux ecachaylioxophld dyukaehngxxlbani phrarachoxrsxngkhthisiinsmedcphrabrmrachininathwiktxeriy aela ecafachayxlebirt ecachayphrarachswami swnphrachnnikhux dchechsaehngxxlbani phraxisriyysedim ecahyingehelnaaehngwledkhaelaiphrmxnt phraxngkhmiphranameriykelninhmuphraprayuryatiwa charli enuxngcakwaphrachnksinphrachnmipkxnkarprasuti ecachaycungthrngsubphraxisriyysthnghmdkhxngphrachnkthnthithiprasutiaelathrngdarngphraxisriyys smedcecafachaydyukhaehngxxlbani His Royal Highness The Duke of Albany hlngcakkarprachwr phraxngkhthrngekharbsillangbapepnswntwemuxwnthi 4 singhakhm kh s 1884 n tahnkaekhlrmxnt phayhlngkarprasutiidsxngspdah aelaxiksieduxntxmacungekharbsillangbaptxsatharnchninwnthi 4 thnwakhm kh s 1884 n obsthpracaemuxngexsechxr mnthlesxrery odymiphxaelaaemthunhwkhux smedcphrabrmrachininathwiktxeriy ecachayaehngewls inphayhlngkhux smedcphraecaexdewirdthi 7 ecahyingkhrisetiynaehngchelswich hxlchitn ecahyingluxis marechensaehnglxrn aelaecachaycxrc wiketxr ecachaykhrxngrthaehngwledkhaelaiphrmxnt smedcphraecaexdewirdthi 7 phrarachpitulaidphrarachthanekhruxngrachxisryaphrnkaretxrchnxswinihaekecachayinpi kh s 1902 thngniphraxngkhyngthrngmiskdiepnphrayatichnthi 1 in smedcphrarachininathwilehlminaaehngenethxraelnd enuxngcakphramardathrngepnphrakhnisthaaethin exmmaaehngwledkhaelaiphrmxnt smedcphrarachiniaehngenethxraelnddyukhaehngskhesin okhbwrkhaelaokthainpi kh s 1900 dyukhaehngxxlbani thimiphrachnmayu 16 phrrsaideswyrachsmbtiinrthdyukhkhrxngnkhraehngskhesin okhbwrkhaelaokthasubtxecachayxlefrd dyukaehngskhesin okhbwrkhaelaoktha phrapitulasungepnphrarachoxrsphraxngkhthisxnginsmedcphrarachininathwiktxeriy swnecachayxlefrdaehngexdinbara sungmiphranameriykeln aexffihnum phraoxrsxngkhediywindyukhaehngexdinebxrasinphrachnminpi kh s 1899 aeladyukaehngkhxnnxtaelasaetrthexirn phrarachoxrsphraxngkhthisaminsmedcphrarachininathwiktxeriy thrngslarachsiththikarsubrachsmbtikxnaelw ecachayxarethxraehngkhxnnxt phraoxrsinecachayxarethxr kalngthrngsuksaelaeriynxyuthiwithyalyxitnkbecachaycharls aelathrngkhuthicatharayecachaycharlshakimthrngyxmrbkarsubrachsmbti ecachaythrngpkkhrxngphayitrabxbphusaercrachkarodyecachayaehngohehnoleh aelngeknburkxyuepnewlahapi emuxphrachnmayukhrbkahndinwnthi 19 krkdakhm kh s 1905 dyukaehngxxlbanikthrngethlingxanactamrththrrmnuyxyangetmthimiphrarachsthanaepndyukhaehngskhesin okhbwrkhaelaoktha inthanathiepnphrarachnddaphraxngkhhnunginsmedcphrarachininathwiktxeriy phraxngkhepnphrayatichnthihnungkhxng ecachayaehngewls txmakhux smedcphraecacxrcthi 5 smedcphrackrphrrdini xelksandra efoxodrxfnaaehngrsesiy smedcphrarachinimariaehngormaeniy smedcphrarachinimxdaehngnxrewy smedcphrarachiniwiktxeriy yucieniyaehngsepn aelasmedcphrarachininathwilehlminaaehngenethxraelnd nxkcakniaelwyngepnphrayatichnthihnunginsmedcphrackrphrrdiwilehlmthi 2 aehngeyxrmni aetcakkarduaelphrayatihnumphraxngkhnikhxngphrackrphrrdiaesdngihehnwaecachaykharl exduxarththrngepnruckinthanaphrarachoxrsxngkhecdkhxngphraxngkhmakkwaxphiesksmrsecachaykharl exduxarth sunginkhnanikhux dyukhkharl exdwardthrngxphiesksmrsemuxwnthi 11 tulakhm kh s 1905 n prasathkluksburk mnthlhxlchitn kb ecahyingwiktxeriy xedlihdaehngchelswich hxlchitn wiktxeriy xedlihd ehelna hluysa mari friedriekhx 31 thnwakhm kh s 1885 3 tulakhm kh s 1970 phrathidaindyukhfridrich aefrdinnd aehngchelswich hxlchitn sxnedxrburk kluksburk thngsxngphraxngkhmiphraoxrsaelathida 5 phraxngkhdngni dyukhaehngskhesin oyhnn eloxophld wilehlm xlaebrth aefrdinnd wiketxr 2 singhakhm kh s 1906 4 phvsphakhm kh s 1972 thrngdarngphraxisriyysepn ecachayrchthayathaehngskhesin okhbwrkhaelaoktha emuxaerkprasuti cnthungkarslathanndrskdienuxngmacakkarxphiesksmrskbsamychninwnthi 14 minakhm kh s 1932 thrngxphiesksmrskhrngaerkemuxwnthi 14 minakhm kh s 1932 n emuxngedrsedin aelathrnghyaranginwnthi 27 kumphaphnth kh s 1962 kb barxnens fioxdxra mari xlma markaereth fxn aedr xxrst 7 krkdakhm kh s 1905 23 tulakhm kh s 1991 thrngxphiesksmrskhrngthisxngemuxwnthi 5 phvsphakhm kh s 1963 n emuxngbadirechinhll kb maeriy etheresiy exlisaebth irnedil 13 minakhm kh s 1908 7 emsayn kh s 1996 ecahyingsibillaaehngskhesin okhbwrkhaelaoktha sibilla khlma mari xlis bathildis fioxdxra 18 mkrakhm kh s 1908 28 phvscikayn kh s 1972 thrngxphiesksmrswnthi 20 tulakhm kh s 1932 n emuxngokhbwrkh rthbawaeriy kb ecachaykustaf xdxlf dyukaehngewsetrbxtetin 22 emsayn kh s 1906 26 mkrakhm kh s 1947 phrarachchnniinsmedcphrarachathibdikharlthi 16 kustafaehngswiedn hiwebxrts fridrich wilehlm filipp 24 singhakhm kh s 1909 26 phvscikayn kh s 1943 phranamrupetm aekhorlin mathild ehelna ludwika xxksta ebiythris 22 mithunayn kh s 1912 5 knyayn kh s 1983 thrngxphiesksmrskhrngaerkemuxwnthi 14 thnwakhm kh s 1931 n emuxngokhbwrkh aetthrnghyaranginwnthi 2 phvsphakhm kh s 1938 kb ekhanth fridrich wxlfkng xxtotaehngkhasethl ruxednehaesin 27 mithunayn kh s 1906 11 mithunayn kh s 1940 thrngxphiesksmrsepnkhrngthisxngemuxwnthi 22 mithunayn kh s 1938 n krungebxrlin kb aemks xxtot cheniyrring 20 phvsphakhm kh s 1895 7 krkdakhm kh s 1944 thrngxphiesksmrskhrngthisamemuxwnthi 21 thnwakhm kh s 1946 n emuxngokhbwrkh aetthrnghyarangemuxwnthi 27 thnwakhm kh s 1947 kb kharl xxtot xxngedr 12 kumphaphnth kh s 1912 16 phvscikayn kh s 1984 fridrich oyesiys ecachayaehngskhesin okhbwrkaelaoktha fridrich oysixs kharl exdward aexrns khiril harld 29 phvscikayn kh s 1918 23 mkrakhm kh s 1998 thrngdarngphraxisriyys ecachayrchthayathaehngskhesin okhbwrkhaelaoktha emuxwnthi 14 minakhm kh s 1932 hlngkarslathanndrskdikhxngphraechstha thrngdarngtaaehnng pramukhaehngrachwngsskhesin okhbwrkhaelaoktha emuxwnthi 6 minakhm kh s 1954 hlngcakkarsinphrachnmkhxngphrachnk thrngxphiesksmrskhrngaerkemuxwnthi 25 mkrakhm kh s 1942 n emuxngkhaesil aetthrnghyarangwnthi 19 knyayn kh s 1946 kb ekhanets wiktxeriy hluys friedriekh aekhorlin mathildaehngoslms baruth 13 minakhm kh s 1921 1 minakhm kh s 2003 thrngxphiesksmrskhrngthisxngemuxwnthi 14 kumphaphnth kh s 1948 n emuxngsanfransisok rthaekhlifxreniy aetthrnghyarangwnthi 17 knyayn kh s 1964 kb ednis ehneriytta fxn muralt 23 thnwakhm kh s 1923 25 emsayn kh s 2005 thrngxphiesksmrskhrngthisamemuxwnthi 30 tulakhm kh s 1964 n emuxnghmbwrkh kb aekhthrin aexnna odorethiy ebrmemx ekid 22 emsayn kh s 1940 sngkhramolkkhrngthi 1inchwngsngkhramolkkhrngthi 1 ecachaykharl exduxarththrngsnbsnunpraethseyxrmniaelathrngptibtirachkarepnnayphlinkxngthphbkeyxrmn aemwacamiekhythrngdarngtaaehnngphubychakarihy dngnnsmedcphraecacxrcthi 5 miphrarachoxngkarihthxdthxnphranamkhxngecachayxxkcakthaebiynxswinaehngkaretxrinpi kh s 1915 txmaineduxnkrkdakhm kh s 1917 ephuxthicaxxkcakphunephthiepneyxrmnkhxngrachwngs smedcphraecacxrcthi 5 thrngepliynchuxphrarachwngsxngkvscakrachwngsskhesin okhbwrkhaelaokthaepnrachwngswindesxr inpinnrthsphaxngkvsidphanphrarachbyytikarthxdthxnthanndrskdisungihxanacsphaxngkhmntrithicasubswn bukhkhlidktamxnmiskdiepnkhunnanghruxecachayxngkvs sungidthuxxawuthtxtanphraecaxyuhwhruxphnthmitrkhxngphraxngkh hruxsungrwmepnphakhikbstrukhxngphraecaxyuhw phayitenguxnikhinphrarachbyytichbbdngklaw phrabrmrachoxngkartamkhaaenanakhxngkhnaxngkhmntrilngwnthi 28 minakhm kh s 1919 idthxdthxnbrrdaskdikhunnangxngkvs dyukhaehngxxlbani exirlaehngkhlaerns aelabarxnaehngxarkholwkhxngecachaykharl exduxarthxxkxyangepnthangkar nxkcakniphraxngkhaelaphraoxrsthidayngthrngsuyesiythanndrskdiecachayaelaecahyingaehngshrachxanackr rwmthngphraxisriyysinchnecafa Royal Highness xikdwyphleruxnsamyinwnthi 18 phvscikayn kh s 1918 sphathharaelaaerngnganaehngemuxngokthaidplddyukhaehngskhesin okhbwrkhaelaokthaxxkcakrachbllngk xikhawntxma phraxngkhidthrnglngnaminprakaskarslarachsiththiinkarsubrachsmbti emuxthrngklayepnphleruxnsamyinkhnani dyukhkharl exdwardsungidthrngthukpldxxkcakrachbllngkthrngekiywkhxngxngkhkarthangkaremuxngaelalksnaaebbthharfaykhwamakmay emuxpi kh s 1932 phraxngkhthrngmiswnrwminkarkxtngaenwrwmharsburk sungphrrkh Deutschnationale Partei phrrkhaehngchatieyxrmn idekhamamiswnekiywkhxngkbphrrkhnasiodyphanthangaenwrwm phraxngkhthrngekharwmphrrkhnasiaelaepnsmachikkhxng Sturmabteilung sungaeplwa hnwyphayu hrux phwkesuxnatal odykhunthungtaaehnngkhxnghwhnaklumxawuos Obergruppenfuhrer nxkcakniphraxngkhyngthrngepnsmachikinrthsphackrwrrditngaetpi kh s 1937 thungpi kh s 1943 aelaprathansphakachadeyxrmntngaetpi kh s 1933 thungpi kh s 1945 xikdwy phraxngkhthrngekharwmphrrkhnasixyangepnthangkarinpi kh s 1936 inpi kh s 1936 xdxlf hitelxridsngdyukhaehngskhesin okhbwrkhaelaokthaipyngpraethsxngkvsinthanaprathansmakhmmitrphaphxngkvs eyxrmn pharkickhxngphraxngkhkhux karphthnasmphnthphaphrahwangxngkvsaelaeyxrmniaelasubhakhwamepnipidinkarthasyyarahwangthngsxngpraeths dyukhsungthrngekharwmphrarachphithisphkhxngsmedcphraecacxrcthi 5 inchudekhruxngaebbkhxnghnwyphayu thrngyunkhxesnxekiywkbkhwamepnipidinkarthasyyatklngkbsmedcphraecaexdewirdthi 8 phramhakstriyphraxngkhihm aetimmisingidekidkhuncakkarecrcakhrngni aetkrannphraxngkhyngthrngsngraynganihkalngichitelxrekiywkbkhwamfkiffayeyxrmnxnaekhngaekrnginhmuchnchnsungkhxngxngkvs inphayhlngcak phraxngkhthrngthahnathiepnecaphaphtxnrbxditphramhakstriyaelaphrachaya sunginkhnanithrngepndyukhaeladchechsaehngwindesxr inrahwangkaresdceyuxnpraethseyxrmnixyangepnthangkarinpi kh s 1938 emuxsngkhramolkkhrngthi 2 sinsudlng rthbalthangkarthharxemrikninrthbawaeriy phayitkarbngkhbbychakhxngnayphlcxrc smith aephttnidthakarkkbriewndyukhaehngskhesin okhbwrkhaelaokthaxyuphayinphratahnkthiprathbxnenuxngmacakkarsnbsnunfaynasieyxrmn inpi kh s 1946 phraxngkhthrngthukphiphaksakhdiinsalkarkacdrabxbnasiaelathrngthukprbxyanghnk thrphysmbticanwnmakinemuxngskhesinaelaokhbwrkhthukyudodykxngthphosewiyt dyukhaehngskhesin okhbwrkhaelaokthathrngdarngphrachnmchiphbnplaydwykhwamoddediyw phraxngkhsinphrachnmemuxwnthi 6 minakhm kh s 1954 n emuxngokhbwrkh odyepnphrarachnddaphuchayphraxngkhthithrngmixawuosmakkwainsxngphraxngkhthiyngmiphrachnmchiphxyukhxngsmedcphrarachininathwiktxeriy odyphrarachnddaxikphraxngkhhnung khux xelksanedxr emanthaebtetn markhwisaehngkharisbrukh xditecachayaehngaebtetnebirk sungsinphrachnminwnthi 23 kumphaphnth kh s 1960phraxisriyysaelaekhruxngrachxisriyaphrnphraxisriyys traxarmpracaphraxngkh19 krkdakhm 1884 30 krkdakhm 1900 hisrxylihnis dyukaehngxxlbani His Royal Highness The Duke of Albany 30 krkdakhm 1900 28 minakhm 1919 hisrxylihnis dyukaehngxxlbaniaelaaehngskhesin okhbwrkhaelaoktha His Royal Highness The Duke of Albany and of Saxe Coburg and Gotha 28 minakhm 1919 6 minakhm 1954 hisihnis dyukaehngskhesin okhbwrkhaelaoktha His Highness The Duke of Saxe Coburg and Gotha ekhruxngrachxisriyaphrn ekhruxngrachxisriyaphrnxswinaehngkaretxr Knight of the Most Noble Order of the Garter ekhruxngrachxisriyaphrnrachwiktxeriy chnthi 1 Knight Grand Cross of the Royal Victorian Order xangxing Burke s Genealogical and Heraldic History of Peerage Baronetage and Knightage Burke s Peerage Limited 31 December 1885 subkhnemux 2017 12 31 odythang Google Books Winterbottom Derek 31 July 2016 The Grand Old Duke of York A Life of Prince Frederick Duke of York and Albany 1763 1827 Pen and Sword p 181 ISBN 9781473845800 subkhnemux 2017 12 31 odythang Google Books Bouton S Miles 31 December 2017 And the Kaiser Abdicates the German Revolution November 1918 August 1919 Library of Alexandria ISBN 9781465538109 subkhnemux 2017 12 31 odythang Google Books Sandner Harold II 8 0 Herzog Carl Eduard Das Haus von Sachsen Coburg und Gotha 1826 bis 2001 phasaeyxrmn Andreas Prinz von Sachsen Coburg und Gotha preface 96450 Coburg Neue Presse GmbH p 195 ISBN 3000085254 Der deutsche Kaiser Wilhelm II kummert sich personlich um ihn Carl Eduard ist wiederholt Gast am kaiserlich Hof in Berlin und wird der siebte Sohn des Kaisers genannt a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint location inthanaphrarachnddakhxngphrapramukhaehngxngkvs phanthangphrarachoxrs ecachaykharl exduxarththrngdarngphraxisriyysepnecachayaehngshrachxanackrbrietnihyaelaixraelnd inthanndrskdichnecafa tamphrarachhtthelkhakhxngsmedcphrarachininathwiktxeriychbbwnthi 30 mkrakhm kh s 1864 aelawnthi 27 phvsphakhm kh s 1898 karngdewnbrrdaskdikhunnangtamphrarachbyytithxdthxnthanndrskdiimmiphltxladbkarsubrachbllngkxngkvskhxngecachay tamkhxkahndthiwangiwemuxpi kh s 1715 phraoxrsaelathidakhxngecachay sungepnphrarachpnddainsayphrarachoxrsthithukkdhmaykhxngphrapramukhaehngxngkvs thrngdarngphraxisriyysecachayaelaecahyingaehngshrachxanackrbrietnihyaelaixraelnd thanndrskdichnecafa aetkrannsiththiinkarichphraxisriyysaelathanndrskdikhxngxngkvsidthukykelikodyphrarachhtthelkhakhxngsmedcphraecacxrcthi 5 lngwnthi 30 phvscikayn kh s 1917 xphisiththithangkdhmayaelasubthxdtamsayeluxdtang khxngrachwngskstriy ecakhrxngrth dyukhaelakhunnangeyxrmnsinsudlngineduxnsinghakhm kh s 1919 emuxrththrrmnuykhxngsatharnrthiwmarmiphlbngkhbich aetkrannsatharnrthiwmarimidhamkarichphraxisriyysaelarachthinnamchnsungxyangechn praethsxxsetriy aetrthsphaaehngckrwrrdi Reichstag idphankdhmaysungihepliynphraxisriyysrachwngsaelakhunnangthiekhymixyumaepnswnhnungkhxngnamskulaethn dngnndyukhkhrxngrthaehngskhesin okhbwrkhaelaokthacungthrngklayepn kharl exduxard aexrsxk fxn skesin okhbwrkh xund oktha duephimdyukhaehngxlbani