โน หรือ ละครโน (ญี่ปุ่น: 能; โรมาจิ: Nō, มาจากคำว่า "ทักษะ" หรือ "ความสามารถ" ของคำ) เป็นศิลปะการแสดงนาฏกรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมแขนงใหญ่ที่แสดงมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 พัฒนาโดย และบุตรชายของเขา เซอามิ โมโตกิโยะ ละครโนเป็นศิลปะการแสดงที่เก่าแก่ที่สุดและยังคงสืบทอดต่อกันมาจวบจนถึงทุกวันนี้ แม้คำว่า โน และ (能楽, Nōgaku) จะสามารถนำมาใช้แทนกันได้ก็ตาม แต่โนงากุจะครอบคลุมความหมายของทั้งละครโนและ ตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา การแสดงโนงากุเต็มรูปแบบจะประกอบไปด้วยการแสดงละครโนหลายองก์ที่มีการแสดงตลกเคียวเง็นคั่นกลางระหว่างการสับเปลี่ยนหรือช่วงพักการแสดง ในปัจจุบันนิยมทำการแสดงละครโนสององก์และเคียวเง็นหนึ่งบท นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มการแสดงประกอบพิธีกรรมที่เรียกโอกินะ ({翁, Okina) ในตอนต้นของการแสดงโนงากุ
การละครโนงากุ * | |
---|---|
มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมโดยยูเนสโก | |
การแสดงละครโนที่ศาลเจ้าอิตสึกูชิมะ | |
ประเทศ | ญี่ปุ่น |
ภูมิภาค ** | เอเชียและแปซิฟิก |
สาขา | ศิลปะการแสดง |
อ้างอิง | 00012 |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | 2008 (คณะกรรมการสมัยที่ 3) |
รายการ | ตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ |
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมและการสงวนรักษาที่ดี ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
เนื้อหาของละครโนจะอิงจากนิทานวรรณกรรมโบราณ ซึ่งเป็นเรื่องราวของเทพเจ้าแปลงกายเป็นมนุษย์ รับหน้าที่เป็นตัวเอกคอยบรรยายเนื้อเรื่องตลอดการแสดง ละครโนจะมีการใช้หน้ากาก เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์ประกอบร่วมกับการรำ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้ผู้แสดงและนักดนตรีที่ได้รับการฝึกอย่างดี อารมณ์ความรู้สึกจะถ่ายทอดผ่านนาฏยภาษาที่เป็นแบบแผนและหน้ากากที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งใช้เป็นสัญลักษณ์บอกบทบาทต่าง ๆ เช่น วิญญาณ ผู้หญิง เทพเจ้า และภูตผีปิศาจ ละครโนจะให้น้ำหนักไปทางขนบธรรมเนียมที่สืบต่อกันมามากกว่าการรับนวัตกรรมใหม่ ๆ นอกจากนี้ยังถูกจัดประมวลและวางระเบียบอย่างเป็นแบบแผนโดยระบบ
ประวัติ
ต้นกำเนิด
คันจิของคำว่า โน (能) หมายถึง "ทักษะ" "งานฝีมือ" หรือ "ความสามารถ" อย่างเฉพาะเจาะจงในแวดวงศิลปะการแสดง คำว่า โน อาจใช้อยู่เดี่ยว ๆ หรือคู่กับ กากุ (楽, ความบันเทิงหรือดนตรี) เพื่อสร้างคำโนงากุ ในปัจจุบันละครโนเป็นขนบธรรมเนียมที่ได้รับการเคารพโดยผู้คนจำนวนมาก หากใช้อยู่เดี่ยว ๆ โนจะหมายถึงประเภทของละครทางประวัติศาสตร์ที่มีต้นกำเนิดมาจาก (猿楽, Sarugaku) ในช่วงกลางศตวรรษที่ 14 และยังคงแสดงอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
รากฐานการแสดงละครโนและเคียวเง็นที่เก่าแก่ที่สุดคือชินโตโบราณในนิทานชาวบ้าน) ถูกวิวัฒนาการมาเป็นละครโนและเคียวเง็น
โดยประเทศญี่ปุ่นได้รับมาจากประเทศจีนในศตวรรษที่ 8 ณ ขณะนั้น คำว่าซังงากุ หมายถึงการแสดงหลากหลายประเภทที่มีทั้งกายกรรม ดนตรี และการเต้นรำประกอบอยู่ เช่นเดียวกันกับการแสดงตลกแบบสเก็ตช์คอมเมดี ซึ่งหลังจากการดัดแปลงซังงากุสู่สังคมญี่ปุ่นที่นำพาไปสู่การกลายกลืนของรูปแบบทางศิลปะดั้งเดิมอื่น ๆ องค์ประกอบของศิลปะการแสดงที่หลากหลายของซังงากุ เฉกเช่นเดียวกันกับองค์ประกอบการแสดงของ (田楽, Dengaku; เพลงทุ่งนา, การเฉลิมฉลองการปลูกข้าวในท้องถิ่น) (การแสดงที่ประกอบไปด้วยกายกรรม เล่นพิเรนทร์ และละครใบ้) (白拍子, Shirabyōshi, รำโบราณโดยผู้แสดงหญิงในพระราชวังในศตวรรษที่ 12) (雅楽, Gagaku, การรำและการแสดงดนตรีในพระราชวังตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 7) และ คางูระ (神楽, Kagura, รำการศึกษาทางของนักแสดงละครโนในศตวรรษที่ 14 ชี้ให้เห็นว่าพวกเขาเป็นสมาชิกของครอบครัวที่มีความสามารถในด้านศิลปะการแสดง ตามตำนานแล้วโรงเรียนคนปารุ (ญี่ปุ่น: 金春流; โรมาจิ: Konparuryō) ซึ่งถือเป็นโรงเรียนละครโนที่เก่าแก่ที่สุด ก่อตั้งโดย (ญี่ปุ่น: 秦河勝; โรมาจิ: Hata no Kawakatsu) ในศตวรรษที่ 6 แต่อย่างไรก็ตามผู้ก่อตั้งโรงเรียนคนปารุซึ่งเป็นที่ยอมรับในหมู่นักประวัติศาสตร์คือคนปารุ กนโนกามิ ในยุคราชสำนักเหนือ-ใต้เสียมากกว่า จากพงศาวลีของโรงเรียนดังกล่าว คนปารุ กนโนกามิเป็นทายาทรุ่นที่ 53 ของฮาตะ โนะ คาวากัตสึ โรงเรียนคนปารุสืบทอดมาจากคณะผู้แสดงซารูงากุในศาลเจ้าคาซูงะและวัดโคฟูกุใน (ปัจจุบันคือจังหวัดนาระ)
อีกหนึ่งทฤษฎีโดยชินฮาจิโร มัตสึโมโตะ สันนิษฐานว่าละครโนมีต้นกำเนิดจากผู้ไร้วรรณะที่พยายามยกสถานะทางสังคมของตนให้สูงขึ้นด้วยการมอบความบันเทิงแก่ผู้ที่มีอำนาจในขณะนั้น กล่าวคือซามูไรที่เป็นผู้ปกครองชนชั้นวรรณะ การโอนถ่ายอำนาจของโชกุนจากคามากูระไปยังเกียวโตในตอนต้นของยุคมูโรมาจิซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มอำนาจของชนชั้นซามูไรและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างโชกุนและพระราชวัง ขณะที่ละครโนเป็นรูปแบบทางศิลปะที่เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าโชกุน ละครโนจึงสามารถเป็นศิลปะที่สง่างามได้ผ่านการสร้างความสัมพันธ์ครั้งใหม่นี้ โดยในศตวรรษที่ 14 ด้วยแรงสนับสนุนและการอุปถัมภ์ค้ำชูจากโชกุนอาชิกางะ โยชิมิตสึ บุตรชายของคันอามิ เซอามิ โมโตกิโยะ จึงสามารถทำให้ละครโนเป็นศิลปะการแสดงโรงละครที่มีความโดดเด่นและมีชื่อเสียงได้
การริเริ่มละครโนโดยคันอามิและเซอามิ
ยุคมูโรมาจิในศตวรรษที่ 14 (ค.ศ. 1336–1573) คันอามิ คิโยสึกุ และบุตรชายของเขา เซอามิ โมโตกิโยะ ได้ตีความศิลปะการแสดงดั้งเดิมที่หลากหลายใหม่อีกครั้ง และพัฒนาละครโนให้แตกต่างไปจากแบบดั้งเดิมโดยสิ้นเชิงจนเป็นละครโนในปัจจุบัน คันอามิเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงจากการเล่นเป็นหญิงอรชร เด็กชาย ไปจนถึงชายแกร่ง เมื่อเขาได้ทำการแสดงแก่อาชิกางะ โยชิมิตสึที่ ณ ขณะนั้นอายุ 17 ปี เป็นครั้งแรก เซอามิที่ยังเป็นเด็กอายุราว 12 ปี ในการแสดงครั้งนั้น โยชิมิตสึได้ชื่นชอบการแสดงของเซอามิและชักชวนเขาให้ไปเล่นในพระราชวัง จึงทำให้ละครโนถูกแสดงอยู่บ่อยครั้งเพื่อโยชิมิตสึตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ซึ่งเป็นเหลนของคนปารุ กนโนกามิ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนคนปารุ และสามีของลูกสาวของเซอามินำองค์ประกอบของ ไปใช้ในการแสดงละครโนของเซอามิและพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไป
ในบรรดาโรงเรียนละครโนหลักทั้ง 5 โรง มีโรงเรียน 4 โรงอันได้แก่ โรงเรียนคันเซะ ก่อตั้งโดยคันอามิและเซอามิ โรงเรียนโฮโช ก่อตั้งโดยพี่ชายคนโตของคันอามิ โรงเรียนคนปารุ และโรงเรียนคงโง โรงเรียนเหล่านี้สืบทอดมาจากคณะผู้แสดงซารุงากุในจังหวัดยาโมโตะ รัฐบาลโชกุนอาชิกางะให้การสนับสนุนเพียงแค่โรงเรียนคันเซะจาก 4 โรงเท่านั้น
ยุคโทกูงาวะ
ในช่วงยุคเอโดะ ละครโนถูกมองว่าเป็นศิลปะของชนชั้นสูงที่ได้รับการสนับสนุนจากโชกุน และขุนนางในระบอบศักดินา (ไดเมียว) เช่นเดียวกันกับสามัญชนผู้มีความร่ำรวยและมากประสบการณ์ ในขณะที่คาบูกิและ (ญี่ปุ่น: 浄瑠璃; โรมาจิ: Jōruri) นั้นเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นกลางที่ชื่นชอบความบันเทิงแบบใหม่ที่อยู่ในขั้นลองผิดลองถูก ละครโนจึงต้องพยายามและดิ้นรนในการคงรักษาประวัติศาสตร์ของละครโนที่ถ่องแท้และมาตรฐานการแสดงที่สูงไว้ไม่ให้เปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุนี้จึงแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ตลอดยุคเอโดะ และเพื่อที่จะเก็บเกี่ยวแก่นสาระของการแสดงโดยนักแสดงละครโนมืออาชีพ ทุกรายละเอียดของท่าทางและตำแหน่งการยืนจะถูกทำเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อสืบทอดต่อไปแก่รุ่นอื่น ๆ ในอนาคต ส่งผลให้จังหวะของการแสดงค่อย ๆ ช้าลงตามกาลเวลา
ในยุคโทกูงาวะ รัฐบาลเอโดะได้กำหนดให้โรงเรียนคันเซะเป็นหัวหน้าของโรงเรียนละครโน อีก 4 โรง คิตะ ชิจิดายู (ชิจิดายู โชโน) นักแสดงละครโนที่รับใช้โทกูงาวะ ฮิเดตาดะ ได้ก่อตั้งโรงเรียนคิตะ ซึ่งเป็นโรงเรียนละครโนสุดท้ายในบรรดาโรงเรียนละครโนหลัก 5 โรง
ละครโนสมัยใหม่หลังยุคเมจิ
หลังจากการล่มสลายของรัฐบาลเอโดะในปี 1868 และการจัดตั้งรัฐบาลที่มีความทันสมัยใหม่ ส่งผลให้ละครโนไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐอีกต่อไปและต้องประสบกับวิกฤติทางการเงินครั้งใหญ่ หลังจากการฟื้นฟูเมจิไม่นาน ตัวเลขของผู้แสดงละครโนและเวทีละครโนลดลงอย่างเห็นได้ชัด การสนับสนุนบางส่วนจากรัฐบาลจักรวรรดิได้กลับคืนมาหลังผู้แสดงละครโนยื่นขออุทธรณ์แก่นักการทูตต่างประเทศ บริษัทที่ยังคงอยู่ตลอดยุคเมจิได้ทำให้ละครโนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางขึ้นโดยการทำการแสดงแก่สาธารณชน หรือทำการแสดงที่โรงละครในเมืองใหญ่ ๆ เช่น โตเกียวและโอซากะ
ในปี 1957 รัฐบาลญี่ปุ่น ได้กำหนดให้โนงากุเป็นซึ่งส่งผลให้โนงากุและนักแสดงได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย มีการเปิดให้บริการโรงละครโนแห่งชาติ (ญี่ปุ่น: 国立能楽堂; โรมาจิ: Kokuritsu Nō Gakudō) โดยรัฐบาลในปี 1983 เพื่อทำการแสดงและจัดหลักสูตรฝึกหัดแก่นักแสดงในการรับบทนำในโนงากุ ในปี 2008 โรงละครโนงากุได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติโดยยูเนสโก
แม้คำว่า โน และโนงากุ จะสามารถนำมาใช้แทนกันได้ก็ตาม แต่ตามคำจำกัดความของรัฐบาลญี่ปุ่นนั้นโนงากุจะครอบคลุมความหมายของการแสดงทั้งละครโนและ โดยจะแสดงเคียวเง็นคั่นกลางระหว่างช่วงสับเปลี่ยนการแสดงละครโนบนเวทีเดียวกัน เมื่อเปรียบกับละครโน เคียวเง็นจะไม่ค่อยใช้หน้ากากและแผลงมาจากการแสดงเชิงตลกขบขันเรียกซังงากุดังจะทราบได้จากบทพูดของการแสดง
ผู้หญิงในละครโน
ในยุคเอโดะ ระบบสมาคม (guild system) ที่ห้ามไม่ให้ผู้หญิงทำการแสดงละครโนได้ค่อย ๆ เคร่งขรัดมากยิ่งขึ้น เว้นแต่ (courtesan) ที่สามารถเล่นดนตรีในบางโอกาสได้บ้างเป็นกรณีพิเศษ ต่อมาในยุคเมจิผู้แสดงละครโนได้มีการฝึกสอนการแสดงให้แก่สามัญชนที่มีความร่ำรวยและขุนนางซึ่งนำไปสู่โอกาสที่จะมีผู้แสดงหญิงมากขึ้นเนื่องจากผู้เข้ารับการฝึกที่เป็นผู้หญิงยืนกรานที่จะรับการฝึกจากอาจารย์ที่เป็นผู้หญิงเช่นกัน ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โรงเรียนดนตรีโตเกียว (ปัจจุบันคือ) ได้อนุญาตให้ผู้หญิงเข้ารับการศึกษาได้ ทำให้กฎที่ห้ามผู้หญิงศึกษาในโรงเรียนละครโนต่าง ๆ ได้รับการผ่อนปรน ในปี 1948 และ 2004 ผู้หญิงสามารถเข้าร่วมสมาคมละครโนต่าง ๆ ได้ ในปี 2007 โรงละครโนแห่งชาติเริ่มจัดการแสดงที่มีผู้แสดงเป็นผู้หญิงในทุกปี และในปี 2009 มีนักแสดงละครโนชายประมาณ 1,200 คน และหญิงราว 200 คน
โจฮากีว
โจฮากีวมาจากคำว่า (ดนตรีที่เล่นในพระราชวัง) แนวคิดของโจฮากีวจะควบคุมทุกองค์ประกอบของละครโน เช่น การจัดเรียงลำดับ โครงสร้าง ดนตรี ความเร็วของจังหวะ และการรำของการแสดง เป็นต้น โดย โจ หมายถึงการเริ่มต้น ฮา หมายถึง การแตกหัก และ กีว หมายถึง รวดเร็วเร่งรัด การนำแนวคิดโจฮากีวไปใช้สามารถพบเห็นได้ในจารีตประเพณีต่าง ๆ เช่น ละครโน พิธีน้ำชา กวีนิพนธ์ และการจัดดอกไม้
โจฮากีวจะถูกนำไปใช้ในการแสดง 5 องก์ของละครโน องก์แรกคือโจ องก์ที่สอง สาม และสี่คือฮา และองก์ที่ห้าคือกีว ซึ่งจากการนำแนวคิดโจฮากีวมาใช้ในละครโน จึงมีการแบ่งประเภทของการแสดงออกเป็น 5 ประเภท โดยองก์หนึ่งจะถูกเลือกและแสดงเป็นลำดับ ในแต่ละองก์สามารถแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงแนะนำ ช่วงพัฒนาเนื้อเรื่อง และช่วงสรุป การแสดงจะเริ่มต้นด้วยจังหวะที่ช้า (โจ) ค่อย ๆ เร็วขึ้น (ฮา) และถึงจุดสูงสุด (กีว)
ผู้แสดงและบทบาท
ตามขนบธรรมเนียม นักแสดงละครโนจะเริ่มการฝึกฝนตั้งแต่อายุ 3 ปี
การฝึกหัด
เซอามิได้แบ่งการแสดงละครโนออกเป็น 9 รูปแบบ จากการเน้นอากัปกริยาท่าทางและความรุนแรงไปจนถึงการเปรียบได้ดั่งดอกไม้ที่น่าเกรงขามและความองอาจของจิตวิญญาณ
ในปี 2012 ยังมีโรงเรียนละครโนที่ยังคงเปิดการเรียนการสอนชิเตะ 5 โรงได้แก่ โรงเรียนคันเซะ (ญี่ปุ่น: 観世流) โรงเรียนโฮโช (ญี่ปุ่น: 宝生流) โรงเรียนคนปารุ (ญี่ปุ่น: 金春流) โรงเรียนคงโง และโรงเรียนคิตะ (ญี่ปุ่น: 喜多流) ในชื่อโรงเรียนของแต่ละโรงจะมีชื่อของครอบครัวในระบบอิเอโมโตะที่มีอำนาจในการสร้างบทละครใหม่หรือเปลี่ยนแปลงเนื้อเพลงและรูปแบบการแสดงใหม่ได้ นักแสดงที่ได้รับบทเป็นวากิจะผ่านการฝึกหัดในโรงเรียนทากายาซุ (ญี่ปุ่น: 高安流) โรงเรียนฟูกูโอ (ญี่ปุ่น: 福王流) และโรงเรียนโฮโช สำหรับโรงเรียนอื่น ๆ เช่น โรงเรียนโอกูระ (ญี่ปุ่น: 大蔵流) และโรงเรียนอิซูมิ (ญี่ปุ่น: 和泉流) จะเปิดการสอนและฝึกหัดการแสดงเคียวเง็น และโรงเรียนอีก 11 โรงจะฝึกการเล่นเครื่องดนตรี โดยแต่ละโรงเรียนจะมีความเชี่ยวชาญในเครื่องดนตรีใดเครื่องดนตรีหนึ่งหรืออาจมากกว่านั้นเป็นพิเศษ
สมาคมนักแสดงโนงากุ (ญี่ปุ่น: 能楽協会) ซึ่งนักแสดงละครโนมืออาชีพเป็นสมาชิกนั้นจะคุ้มครองและปกป้องจารีตประเพณีที่สืบต่อมาจากบรรพบุรุษ (อิเอโมโตะ) แต่อย่างไรก็ตาม เอกสารลับหลายฉบับของโรงเรียนคันเซะที่เขียนโดยเซอามิและก็หลุดออกมาสู่ชุมชนของนักวิชาการด้านเวทีการแสดงญี่ปุ่น
บทบาท
สามารถแบ่งประเภทของนักแสดงละครโนได้ออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ได้แก่ ชิเตะ วากิ เคียวเง็น และ ฮายาชิ
- ชิเตะ (ญี่ปุ่น: 仕手, シテ) ตัวเอกหรือตัวชูโรง ในช่วงแรกของการแสดง ชิเตะจะปรากฏตัวเป็นมนุษย์ (เรียกว่า มาเอะชิเตะ) ก่อนที่จะแปลงตนเป็นวิญญาณ (เรียกว่า โนจิชิเตะ)
- วากิ (ญี่ปุ่น: 脇, ワキ) ตัวรองหรือตัวสมทบชิเตะ
- วากิสึเระ (ญี่ปุ่น: 脇連れ, ワキヅレ) เป็นผู้ติดตามรับใช้วากิ
- (ญี่ปุ่น: 狂言) นักแสดงเคียวเง็นจะแสดงในช่วงการเล่นสลับฉากระหว่างองก์ (ญี่ปุ่น: 間狂言) หรือสลับฉากระหว่างบทการแสดง
- ฮายาชิ (ญี่ปุ่น: 囃子) หรือ ฮายาชิคาตะ (ญี่ปุ่น: 囃子方) เป็นผู้เล่นเครื่องดนตรี 4 เครื่องที่ใช้ในโรงละครโน ได้แก่ ขลุ่ย (ญี่ปุ่น: 笛; โรมาจิ: Fue; : ฟูเอะ) กลองใหญ่ (ญี่ปุ่น: 大鼓; โรมาจิ: Ōtsuzumi; : โอสึซูมิ, ญี่ปุ่น: 大皮; โรมาจิ: Ōkawa; : โอกาวะ) กลองเล็ก (ญี่ปุ่น: 小鼓; โรมาจิ: Kotsuzumi; : โคสึซูมิ) และ (ญี่ปุ่น: 太鼓; โรมาจิ: Taiko) ส่วนขลุ่ยที่ใช้เป็นการเฉพาะในละครโนจะเรียกว่าโนกัง (ญี่ปุ่น: 能管; โรมาจิ: Nōkan)
บทละครโนโดยทั่วไปจะมีการขับร้องหมู่ วงมโหรี (กลุ่มของฮายาชิ) ผู้แสดงที่รับบทเป็นชิเตะและวากิอย่างน้อย 1 คน
องค์ประกอบการแสดง
การแสดงละครโนเป็นการผสมผสานระหว่างองค์ประกอบที่หลากหลายให้อยู่ในรูปแบบเดียวกัน เช่น ความบริสุทธิ์ใสสะอาดที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นตามความเชื่อของลัทธิชินโต และแนวคิดแบบมินิมอลลิสม์ตามหลักสุนทรียศาสตร์ของละครโน
หน้ากาก
หน้ากากโน (ญี่ปุ่น: 能面; โรมาจิ: Nōmen; : โนเมง, ญี่ปุ่น: 面; โรมาจิ: Omote; : โอโมเตะ) แกะสลักจากแท่งไม้ (ญี่ปุ่น: 檜; โรมาจิ: Hinoki) และลงสีด้วยสีย้อมธรรมชาติด้วยกาวและผงเปลือกหอยที่มีเบสเป็นกลาง หน้ากากโนมีประมาณทั้งสิ้น 450 แบบที่แตกต่างกัน สามารถแบ่งออกเป็น 60 ประเภทและมีชื่อเฉพาะเป็นของตนเอง หน้ากากบางแบบอาจใช้ได้ในบทละครโนหลายบท ในขณะที่หน้ากากน้อยแบบมีความเฉพาะเจาะจงมากและสามารถใช้ได้ในบทละครโนเพียงแค่ 1 หรือ 2 บทเท่านั้น หน้ากากละครโนบ่งบอกถึงเพศสภาพ อายุ และสถานะทางสังคมของตัวละคร นอกจากนี้นักแสดงละครโนยังสามารถสวมหน้ากากเพื่อแสดงเป็นคนหนุ่มสาว ชายสูงวัย ผู้หญิง หรืออมนุษย์ ( ปิศาจ หรือสัตว์) แต่เฉพาะชิเตะเท่านั้นที่จำเป็นที่จะต้องสวมหน้ากากในทุกบทละคร แม้ว่าสึเระอาจสวมหน้ากากในบางโอกาสเพื่อแสดงเป็นตัวละครเพศหญิง
แม้ว่าหน้ากากจะปิดบังการแสดงออกทางสีหน้าของนักแสดงก็ตาม แต่การใช้หน้ากากในละครโนก็ไม่ได้ละทิ้งการแสดงออกดังกล่าวไปเสียทีเดียว ในทางตรงกันข้าม เจตนาหลักของการสวมหน้ากากคือเพื่อจัดระเบียบการแสดงออกทางสีหน้าให้เป็นแบบแผนผ่านการใช้หน้ากาก และกระตุ้นจินตนาการของผู้รับชมการแสดง นอกจากนี้นักแสดงยังสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกและภาษากายในลักษณะที่ควบคุมได้ดีกว่า หน้ากากบางแบบนำเทคนิคการจัดแสงไฟเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกผ่านการเอียงหรือตะแคงศีรษะเพียงเล็กน้อย กล่าวคือ การแหงนศีรษะขึ้น หรือการทำหน้ากาก "สว่างขึ้น" จะทำให้หน้ากากสามารถรับแสงไฟได้มากขึ้น รูปหน้าอื่น ๆ เช่น หัวเราะ หรือยิ้ม จึงปรากฏขึ้น ในทางกลับกัน การหันหน้าลงหรือการทำหน้ากาก "มืดลง" จะทำให้หน้ากากแสดงใบหน้าเศร้าหมองหรือโกรธเคือง
หน้ากากโนเป็นสมบัติตกทอดมาจากครอบครัวและสถาบันละครโน โรงเรียนละครโนมีหน้ากากโนที่เก่าแก่และทรงคุณค่าที่สุดไว้ในครอบครองโดยจะสะสมไว้เป็นสมบัติส่วนตัวของพวกเขาและมักไม่ได้นำออกมาให้สาธารณชนได้เห็น มีการสันนิษฐานว่า หน้ากากที่มีอายุมากที่สุด ถูกเก็บไว้ในโรงเรียนละครโนที่เก่าแก่ที่สุดเช่นกัน กล่าวคือโรงเรียนคนปารุ โดยอ้างอิงจากครูใหญ่ของโรงเรียน หน้ากากนั้นถูกแกะสลักเมื่อหลายพันปีก่อนโดยเจ้าชายโชโตกุ (ค.ศ. 572–622) ขณะที่ความแม่นยำทางประวัติศาสตร์ของหน้ากากที่เจ้าชายโชโตกุแกะสลักนั้นยังคงเป็นที่ถกเถียง ตำนานดังกล่าวได้รับการกล่าวถึงในศาสตรนิพนธ์ของเซอามิในชื่อ "ฟูชิกาเด็ง (ญี่ปุ่น: 風姿花伝; โรมาจิ: Fūshikaden)" ที่ถูกบันทึกในศตวรรษที่ 14 ทั้งนี้ยังมีหน้ากากบางส่วนของโรงเรียนคนปารุที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียวเป็นผู้เก็บรักษาและจัดแสดงไว้ให้ผู้เข้าชม
เวที
ละครโนโบราณ (บูไต) เป็นเวทีแบบเปิดโดยไม่มีส่วนหน้าของเวที (proscenium) หรือผ้าม่านที่บดบังสายตา ผู้ชมยังสามารถเห็นนักแสดงก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าและออกจากเวทีกลาง (ญี่ปุ่น: 本舞台; โรมาจิ: Honbutai; : ฮงบูไต; เวทีหลัก) ด้วย ซึ่งสร้างความใกล้ชิดระหว่างนักแสดงและผู้ชมตลอดการแสดง โรงละครโนถือเป็นว่าเป็นสัญลักษณ์และได้รับความเคารพนับถือโดยทั้งผู้แสดงและผู้ชม
ลักษณะเด่นของละครโนที่สามารถสังเกตและจดจำได้ที่สุดคือหลังคาที่มีเสาทั้ง 4 ค้ำจุนติดตั้งอยู่บนเวทีแม้ว่าโรงละครจะอยู่ภายในก็ตาม หลังคาดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์ การออกแบบสถาปัตยกรรมของเวทีละครโนได้รับอิทธิพลมาจาก ไฮเด็ง (ศาลาใช้เพื่อการสักการะบูชา) หรือ คางูราเด็ง (ศาลาใช้เพื่อการเต้นรำบูชา) แบบชินโต หลังคายังทำให้พื้นที่บนเวทีเป็นหนึ่งเดียวกันและสื่อให้เห็นถึงเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม
เสาทั้ง 4 ที่ค้ำจุนหลังคาจะเรียกว่าชิเตะบาชิระ (เสาของตัวชูโรง) เมสึเกะบาชิระ (เสานำสายตา) วากิบาชิระ (เสาของตัวสมทบ) และ ฟูเอะบาชิระ (เสาของผู้เป่าขลุ่ย) ตามเข็มนาฬิกาจากหลังเวทีฝั่งขวามือตามลำดับ เสาแต่ละต้นจะสัมพันธ์กับนักแสดงและอากัปกิริยาของพวกเขา เวทีจะทำด้วยต้นไซปรัสญี่ปุ่นหรือไม้ที่ยังไม่ได้ขัดเงาเกือบทั้งหมด นักกวีและนักแต่งนวนิยาย โทซง ชิมาซากิ ได้เขียนไว้ว่า
บนเวทีละครโนนั้นจะไม่มีฉากหรือผ้าม่านกั้นใด ๆ ที่จะเปลี่ยนไปตามองก์ของเรื่อง มีเพียงแต่แผ่นกระดานหลังเวที (ญี่ปุ่น: 鏡板; โรมาจิ: Kagami Ita; : คางามิอิตะ) ที่เป็นภาพวาดของต้นเกี๊ยะสีเขียวซึ่งสร้างความคิดของผู้ชมว่าอะไรก็ตามที่เป็นความมืดมนได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว การหักล้างความซ้ำซากจำเจและการทำบางสิ่งบางอย่างให้เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
อีกหนึ่งลักษณะเด่นของเวทีคือฮาชิงาการิ (ญี่ปุ่น: 橋掛; โรมาจิ: Hashigakari) หรือทางเดินของนักแสดงที่ใช้เดินเข้าเวที ฮาชิงาการิแปลว่าสะพานแขวน ซึ่งสื่อความหมายโดยนัยว่าเป็นสื่อกลางที่เชื่อมโลกสองโลกให้อยู่ในระดับเดียวกัน และยังเป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติของละครโนโบราณที่ผีและวิญญาณมักจะปรากฏตัว เมื่อเปรียบเทียบกับฮานามิจิ (ญี่ปุ่น: 花道; โรมาจิ: Hanamichi) ในโรงละครคาบูกิ ซึ่งก็เป็นทางเดิน (ญี่ปุ่น: 道; โรมาจิ: Michi; ถนน, ทาง) เช่นเดียวกันกับฮาชิงาการิ แต่ฮานามิจิเป็นทางเดินที่ใช้เชื่อมระหว่างสองสถานที่ในโลกเดียวกันเท่านั้น เพราะฉะนั้นแล้วจึงมีความหมายที่แตกต่างกัน
เครื่องแต่งกาย
นักแสดงละครโนจะสวมเสื้อคลุมทำจากผ้าไหมที่เรียกว่าโชโซกุ ตามด้วยผมปลอม หมวก และพัด ด้วยสีสันของเสื้อคลุมที่สะดุดตาและเนื้อผ้าที่เย็บปักถักร้อยอย่างประณีต เสื้อคลุมละครโนจึงจัดเป็นงานศิลปะแขนงหนึ่งด้วยตัวของมันเอง เครื่องแต่งกายโดยเฉพาะของชิเตะนั้นจะมีความหรูหราตระการตาเป็นอย่างยิ่งจากผ้ายกที่มีความแวววาว แต่สำหรับเครื่องแต่งกายของสึเระ วากิสึเระ และนักแสดงเคียวเง็นนั้นจะไม่โออ่าเท่าชิเตะ
เป็นเวลาหลายศตวรรษ มุมมองของเซอามิที่ว่าเครื่องแต่งกายละครโนเป็นการเอาอย่างเสื้อผ้าที่ตัวละครจะสวมใส่จริง ๆ อย่างเช่นเสื้อคลุมของข้าราชสำนักและเครื่องแต่งกายของชาวไร่ชาวนาหรือสามัญชน แต่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 เครื่องแต่งกายละครโนถูกทำให้ทันสมัยขึ้นด้วยจารีตประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ ในยุคเอโดะ (โทกูงาวะ) เสื้อคลุมที่ทำอย่างพิถีพิถันถูกมอบไปยังนักแสดงโดยขุนนางและซามูไรในยุคมูโรมาจิถูกพัฒนาเป็นเครื่องแต่งกายละครโน
โดยปกตินักดนตรีและคณะขับร้องหมู่จะสวมมนสึกิกิโมโน (เสื้อคลุมสีดำประดับตกแต่งด้วยตราประจำตระกูลทั้ง 5) ร่วมกับ (คล้ายกระโปรง) หรือ คามิชิโมะ (เครื่องแต่งกายที่เป็นการผสมผสานระหว่างฮากามะและเสื้อกั๊กแบบไหล่กว้าง) ส่วนผู้ควบคุมเวทีจะสวมเสื้อคลุมสีดำแต่ไม่มีการประดับตกแต่งใด ๆ ลักษณะคล้ายเครื่องแต่งกายของผู้ควบคุมเวทีในโรงละครแบบตะวันตกร่วมสมัย
อุปกรณ์ประกอบการแสดง
อุปกรณ์ประกอบการแสดงในละครโนนั้นมีความทันสมัยและเป็นสารัตถศิลป์ อุปกรณ์ประกอบการแสดงที่จะพบได้บ่อยสุดคือพัด เนื่องจากทุกตัวละครจะถือมันโดยไม่คำนึงถึงบทบาทในการแสดง คณะขับร้องหมู่และนักดนตรีอาจถือพัดในมือระหว่างเดินขึ้นเวทีหรือสอดไว้ในโอบิ (สายคาดเอวรัดชุดกิโมโนให้แน่น) โดยปกติพัดจะถูกวางไว้ทางด้านของผู้แสดงและจะไม่นำออกมาอีกครั้งจนกว่าจะออกจากเวที นอกจากนี้พัดยังสามารถใช้แทนอุปกรณ์ประกอบการแสดงอื่น ๆ ที่ใช้มือถือได้ เช่น ดาบ เหยือกแก้ว ขลุ่ย หรือพู่กัน
เมื่อนำอุปกรณ์การแสดงที่เป็นแบบมือถือนอกเหนือจากพัดมาใช้ก็จะถูกเก็บกลับคืนโดยคูโรโกะ (ญี่ปุ่น: 黒衣; โรมาจิ: Kuroko) ที่ทำหน้าเสมือนผู้ควบคุมเวทีในโรงละครร่วมสมัย คูโรโกะสามารถปรากฏตัวได้ระหว่างการแสดงกำลังดำเนินอยู่หรือจะอยู่บนเวทีจนกว่าการแสดงจะจบก็ได้ โดยทั้งสองกรณีผู้ชมจะมองเห็นพวกเขา คูโรโกะจะสวมเสื้อคลุมสีดำเพื่อแสดงเป็นนัยว่าพวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมบนเวทีและมองไม่เห็น
อุปกรณ์ประกอบฉากในละครโน เช่น เรือ บ่อน้ำ แท่นบูชา และระฆังจะถูกนำมาวางไว้บนเวทีก่อนที่จะเริ่มการแสดงของแต่ละองก์ถ้าต้องการ โดยทั่วไปอุปกรณ์ประกอบฉากเหล่านี้เป็นเพียงแค่สิ่งจำลองของวัตถุจริง ยกเว้นระฆังใบใหญ่เป็นกรณีพิเศษที่ถูกออกแบบเพื่อปิดบังนักแสดงในระหว่างการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายในช่วงการแสดงคั่นกลาง
การขับร้องและดนตรี
โรงละครโนจะมีคณะขับร้องหมู่และวงมโหรี (กลุ่มของฮายาชิ) ที่เรียกโนบายาชิ (ญี่ปุ่น: 能囃子; โรมาจิ: Nōbayashi) ละครโนเป็นละครบทขับร้องที่มีเพียงผู้บรรยายพากย์เป็นบางส่วนเท่านั้น (เปรียบได้เหมือนอุปรากร) แต่อย่างไรก็ตาม การขับร้องในละครโนจะมีข้อจำกัดด้านระดับเสียงที่ยืดยาวและซ้ำหลายครั้งผ่านช่วงความกว้างของระดับความดังเสียงที่แคบ บทขับร้องจะให้น้ำหนักไปทางฉันทลักษณ์แบบห้า-เจ็ดที่มีการจัดเรียงสำนวนอย่างเป็นระบบและเต็มไปด้วยการใช้คำอุปมาตลอดทั้งบท ช่วงการขับร้องของละครโนจะเรียกว่าอูไต (ญี่ปุ่น: 歌い; โรมาจิ: Utai) และบทพูดจะเรียกว่าคาตารุ (ญี่ปุ่น: 語る; โรมาจิ: Kataru) ดนตรีจะมีช่วงพักเป็นจำนวนมากระหว่างเสียงที่แท้จริง ซึ่งช่วงพักเหล่านั้นเป็นหัวใจที่แท้จริงของดนตรีในละครโน นอกจากนี้ วงมโหรี (กลุ่มของฮายาชิ) ประกอบไปด้วยนักดนตรี 4 คน หรือที่รู้จักกันในชื่อฮายาชิคาตะ ซึ่งได้แก่ มือกลอง 3 คนที่เล่น กลองใหญ่ กลองเล็ก ตามลำดับและคนเป่าขลุ่ย
บางครั้งนักแสดงจะพูดบทของตนหรืออธิบายเหตุการณ์จากมุมมองของอีกตัวละครหนึ่งหรือแม้กระทั่งผู้บรรยายที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่อง ซึ่งแตกต่างจากการขัดจังหวะของการแสดงละครโนแบบมูเก็งที่พยายามรักษาความรู้สึกของการอยู่ในโลกอีกใบหนึ่งเป็นอย่างมาก
บทละครโน
มีบทละครโนที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้อยู่ประมาณ 2,000 เรื่อง ในบรรดาบทละครเหล่านั้น 240 เรื่องถูกแสดงโดยโรงเรียนละครโนทั้ง 5 ซึ่งได้รับอิทธิพลจากรสนิยมการชมของชนชั้นขุนนางเป็นอย่างมากในยุคเอโดะ ทำให้ไม่เป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสามัญ บทละครโนสามารถจำแนกประเภทได้หลากหลายวิธี
ตัวละคร
บทละครโนสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่
- เก็นไซโน (ญี่ปุ่น: 現在能; โรมาจิ: Genzai Nō; ละครโนปัจจุบัน) มีตัวละครมนุษย์และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามเส้นเวลาตลอดบทละคร
- มูเก็งโน (ญี่ปุ่น: 夢幻能; โรมาจิ: Mugen Nō; ละครโนจินตนิมิต) เกี่ยวข้องกับโลกเหนือธรรมชาติ ปรากฏด้วยเทพเจ้า วิญญาณ ผี หรือภาพหลอนในบทบาทของชิเตะ ส่วนใหญ่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นตามเส้นเวลาแบบไม่เชิงเส้น และการกระทำของตัวละครอาจมีการสลับสับเปลี่ยนระหว่างช่วงเวลาสองช่วงหรือมากกว่ารวมถึงภาพย้อนหลังในอดีต
- เรียวกาเกะโน (ญี่ปุ่น: 両掛能; โรมาจิ: Ryokake Nō; ละครโนผสม) เป็นการผสมผสานระหว่างเก็นไซโนและมูเก็งโน ในปัจจุบันหาชมได้ยาก
ในขณะที่ เก็นไซโนใช้ความขัดแย้งทั้งภายในและภายนอกในการขับเคลื่อนโครงเรื่องและถ่ายทอดอารมรณ์ความรู้สึกออกมา มูเก็งโนเป็นการแสดงที่ให้น้ำหนักไปการใช้ภาพย้อนหลังของเหตุการณ์ในอดีตหรือเรื่องราวของคนที่เสียชีวิตไปแล้วเพื่อกระตุ้นความรู้สึกของผู้ชม
รูปแบบการแสดง
นอกจากนี้ยังสามารถจำแนกประเภทละครโนได้จากรูปแบบการแสดง
- เงกิโน (ญี่ปุ่น: 劇能; โรมาจิ: Geki Nō) เป็นบทละครที่ให้น้ำหนักไปทางการพัฒนาเนื้อเรื่องและการบรรยายการกระทำของตัวละคร
- ฟูรีวโน (ญี่ปุ่น: 風流能; โรมาจิ: Furyū Nō) เป็นบทละครที่ให้น้ำหนักทางการแสดงบทเวทีที่วางแผนด้วยความประณีต มักจะมีการนำ กายกรรม อุปกรณ์ประกอบการแสดงหรือฉาก และตัวละครที่หลากหลาย
แก่นเรื่อง
บทละครโนสามารถจำแนกประเภทตามแก่นเรื่องออกเป็น 5 ประเภท ซึ่งนับว่าสามารถใช้ได้จริงที่สุดและถูกใช้เป็นการ โดยแต่ดั้งเดิมแล้ว "การแสดงละครโน 5 องก์" จะมีแก่นเรื่องอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้
- คามิโมโนะ (ญี่ปุ่น: 神物; โรมาจิ: Kami Mono) หรือ วากิโน (ญี่ปุ่น: 脇能; โรมาจิ: Waki Nō) โดยปกติชิเตะจะปรากฏตัวในบทของเทพเจ้าที่จะเล่าเรื่องราวลึกลับของศาลเจ้าหรือกล่าวคำสรรเสริญต่อพระเจ้าอีกองค์อย่างเฉพาะเจาะจง บทละครโนที่มีแก่นเรื่องดังกล่าวจะมีโครงสร้างที่แบ่งออกเป็น 2 องก์ โดยจะแฝงตนเป็นมนุษย์ในองก์แรกและเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงในองก์ที่สอง (ตัวอย่างบทละครโนเช่น ทากาซาโงะ หรือ ชิกูบูชิมะ)
- ชูระโมโนะ (ญี่ปุ่น: 修羅物; โรมาจิ: Shura Mono) หรือ อาชูระโน (ญี่ปุ่น: 阿修羅能; โรมาจิ: Ashura Nō) ซึ่งเป็นชื่อที่มาจากนรกภูมิตามความเชื่อของศาสนาพุทธ ตัวชูโรงจะปรากฏตัวเป็นภูติผีวิญญาณของซามูไรที่วิงวอนขอร้องแก่พระเพื่อช่วยให้ตนพ้นบาปไปจนถึงการจำลองการตายของเขาอีกครั้งในเครื่องแบบรบเต็มยศ (ตัวอย่างบทละครโนเช่น นามูระ หรือ อัตสึโมริ)
- คัตสึระโมโนะ (ญี่ปุ่น: 鬘物; โรมาจิ: Katsura Mono) หรือ อนนะโมโนะ (ญี่ปุ่น: 女物; โรมาจิ: Onna Mono) มีชิเตะรับบทเป็นผู้หญิง เพลงและท่ารำของละครโนที่อ่อนโยนสละสลวย สะท้อนให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่อ่อนช้อยซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของตัวละครผู้หญิง (ตัวอย่างบทละครโน เช่น บาโชะ หรือ มัตสึกาเซะ)
- ยังมีบทละครโนจิปาถะอื่น ๆ อีก 94 บทที่ถูกแสดงในลำดับที่ 4 ของการแสดงละครโน 5 องก์ ซึ่งประกอบไปด้วยประเภทย่อยได้แก่ เคียวรังโมโนะ (ญี่ปุ่น: 狂乱物; โรมาจิ: Kyoran Mono) อนเรียวโมโนะ (ญี่ปุ่น: 怨霊物; โรมาจิ: Onryō Mono) เก็นไซโมโนะ (ญี่ปุ่น: 現在物; โรมาจิ: Genzai Mono) และอื่น ๆ (ตัวอย่างบทละครโน เช่น อายะ โนะ สึซูมิ หรือ คินูตะ)
- คิริโน (ญี่ปุ่น: 切能; โรมาจิ: Kiri No) หรือ โอนิโมโนะ (ญี่ปุ่น: 鬼物; โรมาจิ: Oni Mono) จะปรากฏชิเตะเป็นภูตผีปีศาจ และมักถูกเลือกจากความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของผู้แสดง คิริโนจะถูกแสดงในช่วง 5 นาทีสุดท้ายของการแสดงละครโน 5 องก์ มีบทละครโนประมาณ 30 บทที่ตกอยู่ในประเภทนี้ซึ่งมีความยาวที่สั้นกว่าประเภทอื่น ๆ
นอกจากการจำแนกบทละครโนตามแก่นเรื่อง 5 ประเภทด้านบน โอกินะ (ญี่ปุ่น: 翁; โรมาจิ: Okina) หรืออาจเรียก คามิอูตะ มักจะถูกนำมาแสดงในช่วงต้นการแสดงละครโน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันปีใหม่ วันนักขัตฤกษ์ และโอกาสพิเศษอื่นโอกินะเป็นการรำที่ผสมผสานมาจากพิธีกรรมทางลัทธิชินโตและถือได้ว่าเป็นประเภทของบทละครโนที่เก่าแก่ที่สุด
บทละครโนที่มีชื่อเสียง
ตารางด้านล่างเป็นการคัดเลือกบทละครโนที่มีชื่อเสียงโดยโรงเรียนคันเซะ
ชื่อบทละคร | คันจิ | ความหมาย | ประเภท |
---|---|---|---|
อาโออิ โนะ อูเอะ | 葵上 | คุณผู้หญิงอาโออิ | 4 (จิปาถะ) |
อายะ โนะ สึซูมิ | 綾鼓 | กลองยกดอก | 4 (จิปาถะ) |
โดโจจิ | 道成寺 | วัดโดโจ | 4 (จิปาถะ) |
ฮาโงโรโมะ | 羽衣 | เสื้อคลุมขนนก | 3 (ผู้หญิง) |
อิตสึซุ | 井筒 | บ่อน้ำรั้วไม้ | 3 (ผู้หญิง) |
มัตสึกาเซะ | 松風 | กระแสลมพัดต้นสน | 3 (ผู้หญิง) |
เซกิเดระ โคมาจิ | 関寺小町 | โคมาจิที่วัดเซกิ | 3 (ผู้หญิง) |
โชโจ | 猩々 | นักเลงสุรา | 5 (ภูตผีปีศาจ) |
โซโตบะ โคมาจิ | 卒都婆小町 | โคมาจิที่หลุมศพ | 3 (ผู้หญิง) |
ทากาซาโงะ | 高砂 | ที่ทากาซาโงะ | 1 (เทพเจ้า) |
โยริมาซะ | 頼政 | โยริมาซะ | 2 (นักรบ) |
ศัพยวิทยาทางสุนทรียศาสตร์
เซอามิและเซ็นจิกุได้บรรยายคุณลักษณะของนักแสดงละครโนที่จำเป็นต่อการทำความเข้าใจละครโนให้เป็นรูปแบบทางศิลปะอย่างหนึ่ง
- ฮานะ (ญี่ปุ่น: 花; โรมาจิ: Hana; ดอกไม้) ในคาเด็นโช (คู่มือการจัดดอกไม้) ของเซอามิได้เขียนอธิบายความหมายของคำว่าฮานะไว้ว่า "เมื่อคุณเชี่ยวชาญเรียนรู้ความลับของทุกสรรพสิ่งและผ่านความเป็นไปได้ในทุก ๆ ทางแล้ว ฮานะที่ไม่เคยสูญสิ้นหายไปจะยังคงอยู่" นักแสดงละครโนที่แท้จริงจะพยายามสร้างความสัมพันธ์กับผู้ชมที่หาได้ยากในทำนองเดียวกันกับการเพาะปลูกดอกไม้ นอกจากนี้ยังสังเกตได้ว่า ฮานะหรือดอกไม้ สมควรที่จะได้รับการชื่นชมโดยผู้ชม ฮานะสามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ ฮานะแบบที่แสดงให้เห็นถึงความสวยงามของดอกไม้อันอ่อนเยาว์ซึ่งจะผ่านไปตามกาลเวลา นอกจากนี้ฮานะแบบที่จะสร้างและแบ่งปันความสวยงามโดยสมบูรณ์ของดอกไม้ตลอดการแสดง
- ยูเก็ง (ญี่ปุ่น: 幽玄; โรมาจิ: Yūgen; ความงามลึกซึ้งอันสูงส่ง) ยูเก็งเป็นแนวคิดที่มีคุณค่าอย่างยิ่งในศิลปะรูปแบบต่าง ๆ ของวัฒนธรรมญี่ปุ่น ในอดีตหมายความว่าความงดงามหรือสง่างาม ใช้เพื่อสื่อถึงความความสวยงามสมบูรณ์แบบในวากะ (กวีญี่ปุ่น) ยูเก็ง นั้นเป็นสิ่งงดงามที่มองไม่เห็น มักจะรู้สึกได้มากกว่ามองเห็นในงานศิลปะ คำศัพท์นี้ยังถูกนำมาใช้ในละครโนซึ่งสื่อถึงความงดงามยิ่งยวดของปรโลก รวมถึงการอาลัยอาวรณ์ที่สง่างามของผู้แสดง ปรากฏในบทเศร้าโศรกหรือความสูญเสีย
- โรจากุ (ญี่ปุ่น: 老弱; โรมาจิ: Rojaku) โร หมายถึงแก่ และจากุ หมายถึงความสงบเงียบ โรจากุเป็นขั้นสุดท้ายของการพัฒนาฝึกฝนทักษะการแสดงของนักแสดงละครโน โดยพวกเขาจะกำจัดการเคลื่อนไหวหรือการส่งเสียงที่ไม่จำเป็น ทิ้งไว้แต่เพียงการถ่ายทอดแก่นแท้ของฉากหรือการกระทำ
- โคโคโระ หรือ ชิน (ญี่ปุ่น: 心; โรมาจิ: Kokoro, Shin) หมายถึงหัวใจ จิตใจ หรือทั้งสอง โคโคโระในละครโนที่เซอามิกล่าวไว้ในคำสอนของเขาถูกจำกัดความในความหมายของจิตใจมากกว่า ในการที่นักแสดงละครโนจะสามารถรู้ซึ้งถึงฮานะได้ พวกเขาจะต้องผ่านเข้าไปสู่สภาวะไร้ความคิดหรือมูชิน (ญี่ปุ่น: 無心; โรมาจิ: Mushin)
- เมียว (ญี่ปุ่น: 妙; โรมาจิ: Myō; ละเมียดละไม) เสน่ห์ของนักแสดงละครโนที่สามารถทำการแสดงได้อย่างพริ้วไหว
- โมโนมาเนะ (ญี่ปุ่น: 物真似; โรมาจิ: Monomane; การจำลอง) เจตจำนงของนักแสดงละครโนที่จะเคลื่อนไหวอย่างถูกต้องแม่นยำซึ่งตรงข้ามกับเหตุผลทางสุนทรียศาสตร์ที่มีความเป็นนามธรรมหรืองดงามอลังการเสียมากกว่า โมโนมาเนะมีความแตกต่างกับยูเก็งอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ทั้งสองแสดงให้เห็นถึงจุดจบของความต่อเนื่องยาวนานมากกว่าจะแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง
- คาบุอิชชิน (ญี่ปุ่น: 歌舞一心; โรมาจิ: Kabu Isshin; เพลงและการรำด้วยหัวใจดวงเดียว) เป็นทฤษฎีที่ว่าเพลง (รวมถึงกวีนิพนธ์) และการรำเป็นสิ่งคู่กัน นักแสดงละครโนจึงพยายามในการถ่ายทอดให้เห็นถึงทั้งสองสิ่งดังกล่าวด้วยหัวใจและจิตใจอย่างพร้อมเพรียง
โรงละครโนที่ยังคงอยู่
ละครโนยังคงเล่นอยู่ในโรงละครตามเมืองใหญ่ต่าง ๆ ปัจจุบันมีโรงละครโนทั้งสิ้น 70 โรงทั่วประเทศญี่ปุ่น มีการเปิดการแสดงโดยนักแสดงละครโนชำนาญการหรือมือสมัครเล่น
โรงละครโนที่สนับสนุนโดยภาครัฐฯ มีทั้งสิ้น 3 โรงอันได้แก่ (โตเกียว) และโรงละครโนโอซากะ แต่ละโรงเรียนละครโนจะมีโรงละครเป็นของตน เช่น โรงละครโนคันเซะ (โตเกียว) โรงละครโนโฮโช (โตเกียว) โรงละครโนคงโง (เกียวโต) และโรงละครโนคนปารุนาระ (นาระ) นอกจากนี้ยังมีโรงละครส่วนจังหวัดและส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศญี่ปุ่นที่ทำการแสดงโดยผู้เชี่ยวชาญและมือสมัครเล่น ในบางภูมิภาคที่มีละครโนเฉพาะพื้นที่ จะมีโรงเรียนเพื่อฝึกอบรมละครโนแบบคูโรกาวะซึ่งแยกออกจากโรงเรียนละครโนดั้งเดิมทั้ง 5 โดยสิ้นเชิง
มารยาทของผู้ชม
มารยาทในการชมละครโนนั้นมีความคล้ายคลึงกับโรงละครในตะวันตกซึ่งก็คือการนั่งชมอย่างเงียบสงบ โดยจะไม่มีการใช้
แต่อาจมีการอ่าน(ลิเบรตโต) (บทละคร) ในขณะชมการแสดง และเพราะว่าบนเวทีนั้นไม่มีผ้าม่าน การแสดงจะเริ่มขึ้นเมื่อผู้แสดงเดินเข้าเวทีและจบเมื่อเดินออกจากเวที โดยปกติแล้วแสงไฟในโรงละครโนจะเปิดไว้ตลอดการแสดงเพื่อสร้างความรู้สึกที่ใกล้ชิดกันระหว่างผู้แสดงและผู้ชมละครโนในตอนท้ายของการแสดง ผู้แสดงจะตั้งแถวตอนลึกและเดินออกอย่างช้า ๆ (เรียงลำดับจากตัวละครที่สำคัญก่อนและมีช่องว่างระหว่างผู้แสดง) ขณะที่ผู้แสดงเดินมาถึงบนทางเดิน (ฮาชิงาการิ) ผู้ชมจะปรบมือและหยุด จากนั้นจึงปรบมืออีกครั้งเมื่อผู้แสดงคนถัดไปเดินออกจากเวที โดยจะแตกต่างจากโรงละครตะวันตกที่จะไม่มีการโค้งคำนับหรือกลับมาทำการแสดงอีกครั้งเมื่อลงจากเวทีไปแล้ว หรือบทละครอาจจบลงด้วยชิเตะเดินออกจากเวทีเสมือนว่าเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่อง (ยกตัวอย่างบทละครโนเช่นโคกาจิ) แทนที่ตัวละครทุกตัวจะมารวมตัวกันบนเวที
ช่วงสับเปลี่ยนการแสดงอาจมีการให้บริการอาหารหรือเครื่องดื่มที่ห้องโถง เช่น ชา กาแฟ หรือ (ขนมญี่ปุ่น) ในยุคเอโดะที่ทำการแสดงละครโนทั้งวัน จะมีการรับรองเบ็นโต (ญี่ปุ่น: 幕の内弁当; โรมาจิ: Makunoouchi Bentō; ข้าวกล่องระหว่างองก์) ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ในงานสำคัญต่าง ๆ เมื่อการแสดงสิ้นสุดลง อาจมีการเตรียมโอมิกิ (ญี่ปุ่น: お神酒; โรมาจิ: Omiki; สาเกในงานพิธีทางการ) ไว้บริเวณทางออกสู่ห้องโถงเฉกเช่นเดียวกันกับพิธีกรรมทางลัทธิชินโต
ผู้เข้าชมจะนั่งจากแถวหน้าของเวที ทางซ้ายของเวที และมุมซ้ายหน้าของเวทีตามลำดับ ในขณะที่เสานำสายตา (ดู § เวที) จะบดบังการมองเห็นเวที ผู้แสดงโดยส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณตามมุมต่าง ๆ ไม่ใช่ตรงกลาง ดังนั้นจึงมีเพียงทางเดินระหว่างที่นั่งทั้งสองฝั่งมองเห็นการแสดงได้ยากและทำให้สามารถชมการแสดงได้โดยไม่มีอะไรบดบังแม้ว่าจะนั่งอยู่ตรงไหนก็ตาม
อ้างอิง
- Bowers, Faubion (1974). Japanese Theatre. Rutland, Vermont: Charles E. Tuttle Co. ISBN .
- "Nôgaku theatre". The Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity. UNESCO. สืบค้นเมื่อ 21 November 2019.
- Ortolani, Benito (1995). The Japanese theatre: from shamanistic ritual to contemporary pluralism. Princeton University Press. p. 132. ISBN .
- The Noh.com
- The Noh.com
- The Noh.com
- Watanabe, Takeshi (2009). Breaking Down Barriers: A History of Chanoyu. Yale Art Gallery. p. 51. ISBN .
- The Asahi Shimbun
- Wagokoro.
- Ishii, Rinko (2009). 能・狂言の基礎知識 [The Fundamentals of Noh and Kyogen]. Tokyo: Kadokawa.
- "โรงละครโนแห่งชาติ | โตเกียว Attractions | การท่องเที่ยวญี่ปุ่น | เจเอ็นทีโอ". องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น. สืบค้นเมื่อ 2021-12-15.
{{}}
: CS1 maint: url-status () - "Nôgaku" 能楽. National Cultural Heritage Database (ภาษาญี่ปุ่น). The Agency for Cultural Affairs, Japan. สืบค้นเมื่อ 21 November 2019.
- "Living And Breathing History, Through Noh". March 24, 2018.
- "Living and Breathing History, Through Noh". 24 March 2018.
- "TRIVIA of Noh : Q25 : Can a woman become a Noh performer?". www.the-noh.com.
- Suzumura, Yusuke (Mar 8, 2013). "Players, Performances and Existence of Women's Noh: Focusing on the Articles Run in the Japanese General Newspapers". Journal of International Japan-Studies. สืบค้นเมื่อ Nov 8, 2014.
- Tsuchiya, Keiichirō (2014). 能、世阿弥の「現在」 [The "Present" of Noh and Zeami] (ภาษาญี่ปุ่น). Tokyo: Kadokawa.
- Komparu, Kunio (1983). The Noh Theater: Principles and Perspectives. New York / Tokyo: John Weatherhill. ISBN .
- Eckersley, M., บ.ก. (2009). Drama from the Rim. Melbourne: Drama Victoria. p. 32.
- "Rarified, Recondite, and Abstruse: Zeami's Nine Stages". Buddhistdoor Global (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2021-12-16.
{{}}
: CS1 maint: url-status () - Hayashi, Kazutoshi (2012). 能・狂言を学ぶ人のために [For Those Learning Noh and Kyogen]. Tokyo: Sekai Shisou Sha.
- "About the Nohgaku Performers' Association". The Nohgaku Performers' Association. สืบค้นเมื่อ Nov 8, 2014.
- The Noh.com
- "Enjoying Noh and Kyōgen" (PDF). The Nohgaku performers' association. p. 3.[]
- Eckersley 2009, p. 47.
- Rath, Eric C. (2004). The Ethos of Noh – Actors and Their Art. Cambridge, Massachusetts: Harvard University Asia Center. ISBN .
- "Noh masks formerly owned by Konparu Sōke". Tokyo National Museum. สืบค้นเมื่อ 2018-01-18.
- Brockett, Oscar G.; Hildy, Franklin J. (2007). History of the Theatre (Foundation ed.). Boston, MA: Allyn and Bacon. ISBN .
- Morse, Anne Nishimura, et al. MFA Highlights: Arts of Japan. Boston: Museum of Fine Arts Publications, 2008. p109.
- ; (1959). The Classic Noh Theatre of Japan. New York: New Directions Publishing.[]
- "Introduction to Noh and Kyogen – Plays and Characters". the Japan Arts Council. สืบค้นเมื่อ 21 November 2019.
- . The Nohgaku Performers Association. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-14. สืบค้นเมื่อ 14 December 2014.
หนังสืออ่านเพิ่มเติม
- Brandon, James R. (ed.) (1997). Nō and kyōgen in the contemporary world. (Foreword by Ricardo D. Trimillos) Honolulu: University of Hawaiʻi Press.
- Brazell, Karen (1998). Traditional Japanese Theater: An Anthology of Plays. New York: Columbia University Press.
- Ortolani, Benito; Leiter, Samuel L. (eds) (1998). Zeami and the Nō Theatre in the World. New York: Center for Advanced Study in Theatre Arts, CUNY.
- Tyler, Royall (ed. & trans.) (1992). Japanese Nō Dramas. London: Penguin Books. ISBN ISBN .
- Waley, Arthur (2009). Noh plays of Japan. Tuttle Shokai Inc. ISBN ISBN , ISBN .
- Yasuda, Noboru (2021). (First English ed.). Tokyo: Japan Publishing Industry Foundation for Culture. ISBN . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-11-10. สืบค้นเมื่อ 2021-12-27.
- เซอามิ, โมโตกิโยะ (1984). On the Art of the Nō Drama: The Major Treatises of Zeami. Trans. J. Thomas Rimer. Ed. Masakazu Yamazaki. Princeton, New Jersey: Princeton University Press.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Noh Events and Performance Schedule (ภาษาอังกฤษ). สมาคมเผยแพร่โนงากุ
- "Noh & Kyogen" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สภาศิลปกรรมญี่ปุ่น.
{{}}
: CS1 maint: url-status () - Noh Stories in English 2018-11-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน มูลนิธิโรงละครโนโอสึกิ
- มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย
- Page on the variable expressions of Noh masks
- Noh plays Photo Story and Story Paper
- "Hachi-No-Ki, A Perspective"
- nohmask.jp
- How to enjoy Noh
- Momoyama, Japanese Art in the Age of Grandeur
- Buddhism in Noh โรยาลล์ ไทเลอร์
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
on hrux lakhron yipun 能 ormaci Nō macakkhawa thksa hrux khwamsamarth khxngkha epnsilpakaraesdngnatkrrmyipundngedimaekhnngihythiaesdngmatngaetstwrrsthi 14 phthnaody aelabutrchaykhxngekha esxami omotkioya lakhronepnsilpakaraesdngthiekaaekthisudaelayngkhngsubthxdtxknmacwbcnthungthukwnni aemkhawa on aela 能楽 Nōgaku casamarthnamaichaethnknidktam aetonngakucakhrxbkhlumkhwamhmaykhxngthnglakhronaela tamthrrmeniymthiptibtisubtxknma karaesdngonngakuetmrupaebbcaprakxbipdwykaraesdnglakhronhlayxngkthimikaraesdngtlkekhiywengnkhnklangrahwangkarsbepliynhruxchwngphkkaraesdng inpccubnniymthakaraesdnglakhronsxngxngkaelaekhiywengnhnungbth nxkcakniyngsamarthephimkaraesdngprakxbphithikrrmthieriykoxkina 翁 Okina intxntnkhxngkaraesdngonngakukarlakhronngaku mrdkphumipyyathangwthnthrrmodyyuensokkaraesdnglakhronthisalecaxitsukuchimapraeths yipunphumiphakh exechiyaelaaepsifiksakhasilpakaraesdngxangxing00012prawtikarkhunthaebiynkhunthaebiyn2008 khnakrrmkarsmythi 3 raykartwaethnmrdkphumipyyathangwthnthrrmkhxngmnusychati chuxtamthiidkhunthaebiyninbychimrdkphumipyyathangwthnthrrmaelakarsngwnrksathidi phumiphakhthicdaebngodyyuensok enuxhakhxnglakhroncaxingcaknithanwrrnkrrmobran sungepneruxngrawkhxngethphecaaeplngkayepnmnusy rbhnathiepntwexkkhxybrryayenuxeruxngtlxdkaraesdng lakhroncamikarichhnakak ekhruxngaetngkay aelaxupkrnprakxbrwmkbkarra sungcaepnthicatxngichphuaesdngaelankdntrithiidrbkarfukxyangdi xarmnkhwamrusukcathaythxdphannatyphasathiepnaebbaephnaelahnakakthiepnexklksnsungichepnsylksnbxkbthbathtang echn wiyyan phuhying ethpheca aelaphutphipisac lakhroncaihnahnkipthangkhnbthrrmeniymthisubtxknmamakkwakarrbnwtkrrmihm nxkcakniyngthukcdpramwlaelawangraebiybxyangepnaebbaephnodyrabbprawtiewthilakhronthiekaaekthisudinolkthiesuxxaphrnkharaoxriinyukhexodachwngstwrrsthi 18 laytarangimiphaeladxkebycmastnkaenid khncikhxngkhawa on 能 hmaythung thksa nganfimux hrux khwamsamarth xyangechphaaecaacnginaewdwngsilpakaraesdng khawa on xacichxyuediyw hruxkhukb kaku 楽 khwambnethinghruxdntri ephuxsrangkhaonngaku inpccubnlakhronepnkhnbthrrmeniymthiidrbkarekharphodyphukhncanwnmak hakichxyuediyw oncahmaythungpraephthkhxnglakhrthangprawtisastrthimitnkaenidmacak 猿楽 Sarugaku inchwngklangstwrrsthi 14 aelayngkhngaesdngxyangtxenuxngcnthungthukwnni rakthankaraesdnglakhronaelaekhiywengnthiekaaekthisudkhux ja odypraethsyipunidrbmacakpraethscininstwrrsthi 8 n khnann khawasngngaku hmaythungkaraesdnghlakhlaypraephththimithngkaykrrm dntri aelakaretnraprakxbxyu echnediywknkbkaraesdngtlkaebbsektchkhxmemdi sunghlngcakkarddaeplngsngngakususngkhmyipunthinaphaipsukarklayklunkhxngrupaebbthangsilpadngedimxun xngkhprakxbkhxngsilpakaraesdngthihlakhlaykhxngsngngaku echkechnediywknkbxngkhprakxbkaraesdngkhxng 田楽 Dengaku ephlngthungna karechlimchlxngkarplukkhawinthxngthin karaesdngthiprakxbipdwykaykrrm elnphiernthr aelalakhrib 白拍子 Shirabyōshi raobranodyphuaesdnghyinginphrarachwnginstwrrsthi 12 雅楽 Gagaku karraaelakaraesdngdntriinphrarachwngtngaettnstwrrsthi 7 aela khangura 神楽 Kagura rachinotobraninnithanchawban thukwiwthnakarmaepnlakhronaelaekhiywengn karsuksathangkhxngnkaesdnglakhroninstwrrsthi 14 chiihehnwaphwkekhaepnsmachikkhxngkhrxbkhrwthimikhwamsamarthindansilpakaraesdng tamtananaelworngeriynkhnparu yipun 金春流 ormaci Konparuryō sungthuxepnorngeriynlakhronthiekaaekthisud kxtngody yipun 秦河勝 ormaci Hata no Kawakatsu instwrrsthi 6 aetxyangirktamphukxtngorngeriynkhnparusungepnthiyxmrbinhmunkprawtisastrkhuxkhnparu knonkami inyukhrachsankehnux itesiymakkwa cakphngsawlikhxngorngeriyndngklaw khnparu knonkamiepnthayathrunthi 53 khxnghata ona khawaktsu orngeriynkhnparusubthxdmacakkhnaphuaesdngsarungakuinsalecakhasungaaelawdokhfukuin pccubnkhuxcnghwdnara xikhnungthvsdiodychinhacior mtsuomota snnisthanwalakhronmitnkaenidcakphuirwrrnathiphyayamyksthanathangsngkhmkhxngtnihsungkhundwykarmxbkhwambnethingaekphuthimixanacinkhnann klawkhuxsamuirthiepnphupkkhrxngchnchnwrrna karoxnthayxanackhxngochkuncakkhamakuraipyngekiywotintxntnkhxngyukhmuormacisungthuxwaepnkarephimxanackhxngchnchnsamuiraelakrachbkhwamsmphnthrahwangochkunaelaphrarachwng khnathilakhronepnrupaebbthangsilpathiepnthichunchxbkhxngehlaochkun lakhroncungsamarthepnsilpathisngangamidphankarsrangkhwamsmphnthkhrngihmni odyinstwrrsthi 14 dwyaerngsnbsnunaelakarxupthmphkhachucakochkunxachikanga oychimitsu butrchaykhxngkhnxami esxami omotkioya cungsamarththaihlakhronepnsilpakaraesdngornglakhrthimikhwamoddednaelamichuxesiyngid karrierimlakhronodykhnxamiaelaesxami yukhmuormaciinstwrrsthi 14 kh s 1336 1573 khnxami khioysuku aelabutrchaykhxngekha esxami omotkioya idtikhwamsilpakaraesdngdngedimthihlakhlayihmxikkhrng aelaphthnalakhronihaetktangipcakaebbdngedimodysinechingcnepnlakhroninpccubn khnxamiepnnkaesdngthimichuxesiyngcakkarelnepnhyingxrchr edkchay ipcnthungchayaekrng emuxekhaidthakaraesdngaekxachikanga oychimitsuthi n khnannxayu 17 pi epnkhrngaerk esxamithiyngepnedkxayuraw 12 pi inkaraesdngkhrngnn oychimitsuidchunchxbkaraesdngkhxngesxamiaelachkchwnekhaihipelninphrarachwng cungthaihlakhronthukaesdngxyubxykhrngephuxoychimitsutngaetnnepntnma sungepnehlnkhxngkhnparu knonkami phukxtngorngeriynkhnparu aelasamikhxngluksawkhxngesxaminaxngkhprakxbkhxng ipichinkaraesdnglakhronkhxngesxamiaelaphthnaihdikhuntxip inbrrdaorngeriynlakhronhlkthng 5 orng miorngeriyn 4 orngxnidaek orngeriynkhnesa kxtngodykhnxamiaelaesxami orngeriynohoch kxtngodyphichaykhnotkhxngkhnxami orngeriynkhnparu aelaorngeriynkhngong orngeriynehlanisubthxdmacakkhnaphuaesdngsarungakuincnghwdyaomota rthbalochkunxachikangaihkarsnbsnunephiyngaekhorngeriynkhnesacak 4 orngethann yukhothkungawa inchwngyukhexoda lakhronthukmxngwaepnsilpakhxngchnchnsungthiidrbkarsnbsnuncakochkun aelakhunnanginrabxbskdina idemiyw echnediywknkbsamychnphumikhwamrarwyaelamakprasbkarn inkhnathikhabukiaela yipun 浄瑠璃 ormaci Jōruri nnepnthiniyminhmuchnchnklangthichunchxbkhwambnethingaebbihmthixyuinkhnlxngphidlxngthuk lakhroncungtxngphyayamaeladinrninkarkhngrksaprawtisastrkhxnglakhronthithxngaethaelamatrthankaraesdngthisungiwimihepliynaeplng dwyehtunicungaethbimmikarepliynaeplngid tlxdyukhexoda aelaephuxthicaekbekiywaeknsarakhxngkaraesdngodynkaesdnglakhronmuxxachiph thukraylaexiydkhxngthathangaelataaehnngkaryuncathukthaekbiwepnhlkthanephuxsubthxdtxipaekrunxun inxnakht sngphlihcnghwakhxngkaraesdngkhxy chalngtamkalewla inyukhothkungawa rthbalexodaidkahndihorngeriynkhnesaepnhwhnakhxngorngeriynlakhron xik 4 orng khita chicidayu chicidayu ochon nkaesdnglakhronthirbichothkungawa hiedtada idkxtngorngeriynkhita sungepnorngeriynlakhronsudthayinbrrdaorngeriynlakhronhlk 5 orng lakhronsmyihmhlngyukhemci inornglakhron pi 1891 ody hlngcakkarlmslaykhxngrthbalexodainpi 1868 aelakarcdtngrthbalthimikhwamthnsmyihm sngphlihlakhronimidrbkarsnbsnunthangkarengincakrthxiktxipaelatxngprasbkbwikvtithangkarenginkhrngihy hlngcakkarfunfuemciimnan twelkhkhxngphuaesdnglakhronaelaewthilakhronldlngxyangehnidchd karsnbsnunbangswncakrthbalckrwrrdiidklbkhunmahlngphuaesdnglakhronyunkhxxuththrnaeknkkarthuttangpraeths brisththiyngkhngxyutlxdyukhemciidthaihlakhronepnthiruckxyangkwangkhwangkhunodykarthakaraesdngaeksatharnchn hruxthakaraesdngthiornglakhrinemuxngihy echn otekiywaelaoxsaka inpi 1957 rthbalyipun idkahndihonngakuepnsungsngphlihonngakuaelankaesdngidrbkhwamkhumkhrxngthangkdhmay mikarepidihbrikarornglakhronaehngchati yipun 国立能楽堂 ormaci Kokuritsu Nō Gakudō odyrthbalinpi 1983 ephuxthakaraesdngaelacdhlksutrfukhdaeknkaesdnginkarrbbthnainonngaku inpi 2008 ornglakhronngakuidprakaskhunthaebiynepntwaethnmrdkphumipyyathangwthnthrrmkhxngmnusychatiodyyuensok aemkhawa on aelaonngaku casamarthnamaichaethnknidktam aettamkhacakdkhwamkhxngrthbalyipunnnonngakucakhrxbkhlumkhwamhmaykhxngkaraesdngthnglakhronaela odycaaesdngekhiywengnkhnklangrahwangchwngsbepliynkaraesdnglakhronbnewthiediywkn emuxepriybkblakhron ekhiywengncaimkhxyichhnakakaelaaephlngmacakkaraesdngechingtlkkhbkhneriyksngngakudngcathrabidcakbthphudkhxngkaraesdng phuhyinginlakhron inyukhexoda rabbsmakhm guild system thihamimihphuhyingthakaraesdnglakhronidkhxy ekhrngkhrdmakyingkhun ewnaet courtesan thisamarthelndntriinbangoxkasidbangepnkrniphiess txmainyukhemciphuaesdnglakhronidmikarfuksxnkaraesdngihaeksamychnthimikhwamrarwyaelakhunnangsungnaipsuoxkasthicamiphuaesdnghyingmakkhunenuxngcakphuekharbkarfukthiepnphuhyingyunkranthicarbkarfukcakxacarythiepnphuhyingechnkn inchwngtnstwrrsthi 20 orngeriyndntriotekiyw pccubnkhux idxnuyatihphuhyingekharbkarsuksaid thaihkdthihamphuhyingsuksainorngeriynlakhrontang idrbkarphxnprn inpi 1948 aela 2004 phuhyingsamarthekharwmsmakhmlakhrontang id inpi 2007 ornglakhronaehngchatierimcdkaraesdngthimiphuaesdngepnphuhyinginthukpi aelainpi 2009 minkaesdnglakhronchaypraman 1 200 khn aelahyingraw 200 khnochakiwochakiwmacakkhawa dntrithielninphrarachwng aenwkhidkhxngochakiwcakhwbkhumthukxngkhprakxbkhxnglakhron echn karcderiyngladb okhrngsrang dntri khwamerwkhxngcnghwa aelakarrakhxngkaraesdng epntn ody oc hmaythungkarerimtn ha hmaythung karaetkhk aela kiw hmaythung rwderwerngrd karnaaenwkhidochakiwipichsamarthphbehnidincaritpraephnitang echn lakhron phithinacha kwiniphnth aelakarcddxkim ochakiwcathuknaipichinkaraesdng 5 xngkkhxnglakhron xngkaerkkhuxoc xngkthisxng sam aelasikhuxha aelaxngkthihakhuxkiw sungcakkarnaaenwkhidochakiwmaichinlakhron cungmikaraebngpraephthkhxngkaraesdngxxkepn 5 praephth odyxngkhnungcathukeluxkaelaaesdngepnladb inaetlaxngksamarthaebngxxkepn 3 chwng idaek chwngaenana chwngphthnaenuxeruxng aelachwngsrup karaesdngcaerimtndwycnghwathicha oc khxy erwkhun ha aelathungcudsungsud kiw phuaesdngaelabthbath ja 1895 1939 khruihyorngeriynkhnesa tamkhnbthrrmeniym nkaesdnglakhroncaerimkarfukfntngaetxayu 3 pi karfukhd esxamiidaebngkaraesdnglakhronxxkepn 9 rupaebb cakkarennxakpkriyathathangaelakhwamrunaerngipcnthungkarepriybiddngdxkimthinaekrngkhamaelakhwamxngxackhxngcitwiyyan inpi 2012 yngmiorngeriynlakhronthiyngkhngepidkareriynkarsxnchieta 5 orngidaek orngeriynkhnesa yipun 観世流 orngeriynohoch yipun 宝生流 orngeriynkhnparu yipun 金春流 orngeriynkhngong aelaorngeriynkhita yipun 喜多流 inchuxorngeriynkhxngaetlaorngcamichuxkhxngkhrxbkhrwinrabbxiexomotathimixanacinkarsrangbthlakhrihmhruxepliynaeplngenuxephlngaelarupaebbkaraesdngihmid nkaesdngthiidrbbthepnwakicaphankarfukhdinorngeriynthakayasu yipun 高安流 orngeriynfukuox yipun 福王流 aelaorngeriynohoch sahrborngeriynxun echn orngeriynoxkura yipun 大蔵流 aelaorngeriynxisumi yipun 和泉流 caepidkarsxnaelafukhdkaraesdngekhiywengn aelaorngeriynxik 11 orngcafukkarelnekhruxngdntri odyaetlaorngeriyncamikhwamechiywchayinekhruxngdntriidekhruxngdntrihnunghruxxacmakkwannepnphiess smakhmnkaesdngonngaku yipun 能楽協会 sungnkaesdnglakhronmuxxachiphepnsmachiknncakhumkhrxngaelapkpxngcaritpraephnithisubtxmacakbrrphburus xiexomota aetxyangirktam exksarlbhlaychbbkhxngorngeriynkhnesathiekhiynodyesxamiaelakhludxxkmasuchumchnkhxngnkwichakardanewthikaraesdngyipun bthbath ewthilakhron prakxbipdwy chieta klang waki khwahna smachikcixuit 8 khn khwa hayachikhata 4 khn hlngklang aelaokhekng 2 khn hlngsay samarthaebngpraephthkhxngnkaesdnglakhronidxxkepn 4 praephthihy idaek chieta waki ekhiywengn aela hayachi chieta yipun 仕手 シテ twexkhruxtwchuorng inchwngaerkkhxngkaraesdng chietacaprakttwepnmnusy eriykwa maexachieta kxnthicaaeplngtnepnwiyyan eriykwa oncichieta chietasuera yipun 仕手連れ シテヅレ phutidtamrbichchieta bangkhrngxacyxehluxephiyng suera yipun 連れ ヅレ sungkhrxbkhlumkhwamhmaykhxngkhawa chietasuera aela wakisuera okhekng yipun 後見 phukhwbkhumewthi mkcamihnungthungsamkhn cixuit yipun 地謡 epnkhnakhbrxnghmu mkcaprakxbipdwyhkthungaepdkhn waki yipun 脇 ワキ twrxnghruxtwsmthbchieta wakisuera yipun 脇連れ ワキヅレ epnphutidtamrbichwaki yipun 狂言 nkaesdngekhiywengncaaesdnginchwngkarelnslbchakrahwangxngk yipun 間狂言 hruxslbchakrahwangbthkaraesdng hayachi yipun 囃子 hrux hayachikhata yipun 囃子方 epnphuelnekhruxngdntri 4 ekhruxngthiichinornglakhron idaek khluy yipun 笛 ormaci Fue thbsphth fuexa klxngihy yipun 大鼓 ormaci Ōtsuzumi thbsphth oxsusumi yipun 大皮 ormaci Ōkawa thbsphth oxkawa klxngelk yipun 小鼓 ormaci Kotsuzumi thbsphth okhsusumi aela yipun 太鼓 ormaci Taiko swnkhluythiichepnkarechphaainlakhroncaeriykwaonkng yipun 能管 ormaci Nōkan bthlakhronodythwipcamikarkhbrxnghmu wngmohri klumkhxnghayachi phuaesdngthirbbthepnchietaaelawakixyangnxy 1 khnxngkhprakxbkaraesdngkaraesdnglakhronepnkarphsmphsanrahwangxngkhprakxbthihlakhlayihxyuinrupaebbediywkn echn khwambrisuththiissaxadthisubthxdmacakrunsuruntamkhwamechuxkhxnglththichinot aelaaenwkhidaebbminimxllismtamhlksunthriysastrkhxnglakhron hnakak hnakakon khwa wiyyannkelngsura ochoc thamacakimekhluxbengakbesnihmsiaedngphukiwody himi muenthada yukhexoda stwrrsthi 19 say nakiosa bngbxkthungbthbathkhxngethphthidahruxphuhyingthimichnyssungthiichinbthlakhronechn haongoroma aela oxhara miyuki thamacakimekhluxbengaaelaimthasiody onrinari xxkaebbody osxamistwrrsthi 18 19rupphaphsamrupkhxnghnakakphuhyingediywknaesdngihehnthungkarepliynaeplngkhxngkaraesdngxxkthangsihnatamxngsakarexiyngsirsathiaetktangkn inphaphehlani hnakaktidxyubnphnngaelaaesngifkhngthi miephiyngaetklxngethannthikhybepliynxngsahnakakonaebbhneniy stwrrsthi 17 hrux 18 thukprakaskhunthaebiynepn hnakakon yipun 能面 ormaci Nōmen thbsphth onemng yipun 面 ormaci Omote thbsphth oxometa aekaslkcakaethngim yipun 檜 ormaci Hinoki aelalngsidwysiyxmthrrmchatidwykawaelaphngepluxkhxythimiebsepnklang hnakakonmipramanthngsin 450 aebbthiaetktangkn samarthaebngxxkepn 60 praephthaelamichuxechphaaepnkhxngtnexng hnakakbangaebbxacichidinbthlakhronhlaybth inkhnathihnakaknxyaebbmikhwamechphaaecaacngmakaelasamarthichidinbthlakhronephiyngaekh 1 hrux 2 bthethann hnakaklakhronbngbxkthungephssphaph xayu aelasthanathangsngkhmkhxngtwlakhr nxkcakninkaesdnglakhronyngsamarthswmhnakakephuxaesdngepnkhnhnumsaw chaysungwy phuhying hruxxmnusy pisac hruxstw aetechphaachietaethannthicaepnthicatxngswmhnakakinthukbthlakhr aemwasueraxacswmhnakakinbangoxkasephuxaesdngepntwlakhrephshying aemwahnakakcapidbngkaraesdngxxkthangsihnakhxngnkaesdngktam aetkarichhnakakinlakhronkimidlathingkaraesdngxxkdngklawipesiythiediyw inthangtrngknkham ectnahlkkhxngkarswmhnakakkhuxephuxcdraebiybkaraesdngxxkthangsihnaihepnaebbaephnphankarichhnakak aelakratuncintnakarkhxngphurbchmkaraesdng nxkcakninkaesdngyngsamarththaythxdxarmnkhwamrusukaelaphasakayinlksnathikhwbkhumiddikwa hnakakbangaebbnaethkhnikhkarcdaesngifephuxthaythxdxarmnkhwamrusukphankarexiynghruxtaaekhngsirsaephiyngelknxy klawkhux karaehngnsirsakhun hruxkarthahnakak swangkhun cathaihhnakaksamarthrbaesngifidmakkhun ruphnaxun echn hweraa hruxyim cungpraktkhun inthangklbkn karhnhnalnghruxkarthahnakak mudlng cathaihhnakakaesdngibhnaesrahmxnghruxokrthekhuxng hnakakonepnsmbtitkthxdmacakkhrxbkhrwaelasthabnlakhron orngeriynlakhronmihnakakonthiekaaekaelathrngkhunkhathisudiwinkhrxbkhrxngodycasasmiwepnsmbtiswntwkhxngphwkekhaaelamkimidnaxxkmaihsatharnchnidehn mikarsnnisthanwa hnakakthimixayumakthisud thukekbiwinorngeriynlakhronthiekaaekthisudechnkn klawkhuxorngeriynkhnparu odyxangxingcakkhruihykhxngorngeriyn hnakaknnthukaekaslkemuxhlayphnpikxnodyecachayochotku kh s 572 622 khnathikhwamaemnyathangprawtisastrkhxnghnakakthiecachayochotkuaekaslknnyngkhngepnthithkethiyng tanandngklawidrbkarklawthunginsastrniphnthkhxngesxamiinchux fuchikaedng yipun 風姿花伝 ormaci Fushikaden thithukbnthukinstwrrsthi 14 thngniyngmihnakakbangswnkhxngorngeriynkhnparuthiphiphithphnthsthanaehngchatiotekiywepnphuekbrksaaelacdaesdngiwihphuekhachm ewthi ornglakhronaebbokhrngsranghlngkhaphayinrwmsmy1 hachingakari 2 cudnngnkaesdngekhiywengn 3 cudnngphukhwbkhumewthi 4 5 klxngihy 6 klxngelk 7 khluy 8 cudnngcixuit khnakhbrxnghmu 9 cudnngwaki 10 cudyunwaki 11 cudyunchieta 12 chieta bachira esachieta 13 emsueka bachira esanasayta 14 waki bachira esawaki 15 fuexa bachira esakhluy lakhronobran buit epnewthiaebbepidodyimmiswnhnakhxngewthi proscenium hruxphamanthibdbngsayta phuchmyngsamarthehnnkaesdngkxnthiphwkekhacaedinekhaaelaxxkcakewthiklang yipun 本舞台 ormaci Honbutai thbsphth hngbuit ewthihlk dwy sungsrangkhwamiklchidrahwangnkaesdngaelaphuchmtlxdkaraesdng ornglakhronthuxepnwaepnsylksnaelaidrbkhwamekharphnbthuxodythngphuaesdngaelaphuchm lksnaednkhxnglakhronthisamarthsngektaelacdcaidthisudkhuxhlngkhathimiesathng 4 khacuntidtngxyubnewthiaemwaornglakhrcaxyuphayinktam hlngkhadngklawepnsylksnkhxngkhwamskdisiththi karxxkaebbsthaptykrrmkhxngewthilakhronidrbxiththiphlmacak ihedng salaichephuxkarskkarabucha hrux khanguraedng salaichephuxkaretnrabucha aebbchinot hlngkhayngthaihphunthibnewthiepnhnungediywknaelasuxihehnthungexklksnthangsthaptykrrm esathng 4 thikhacunhlngkhacaeriykwachietabachira esakhxngtwchuorng emsuekabachira esanasayta wakibachira esakhxngtwsmthb aela fuexabachira esakhxngphuepakhluy tamekhmnalikacakhlngewthifngkhwamuxtamladb esaaetlatncasmphnthkbnkaesdngaelaxakpkiriyakhxngphwkekha ewthicathadwytnisprsyipunhruximthiyngimidkhdengaekuxbthnghmd nkkwiaelankaetngnwniyay othsng chimasaki idekhiyniwwa bnewthilakhronnncaimmichakhruxphamanknid thicaepliyniptamxngkkhxngeruxng miephiyngaetaephnkradanhlngewthi yipun 鏡板 ormaci Kagami Ita thbsphth khangamixita thiepnphaphwadkhxngtnekiyasiekhiywsungsrangkhwamkhidkhxngphuchmwaxairktamthiepnkhwammudmnidthukkacdxxkipaelw karhklangkhwamsasakcaecaelakarthabangsingbangxyangihekidkhunnnimicheruxngngay xikhnunglksnaednkhxngewthikhuxhachingakari yipun 橋掛 ormaci Hashigakari hruxthangedinkhxngnkaesdngthiichedinekhaewthi hachingakariaeplwasaphanaekhwn sungsuxkhwamhmayodynywaepnsuxklangthiechuxmolksxngolkihxyuinradbediywkn aelayngepnsylksnkhxngthrrmchatikhxnglakhronobranthiphiaelawiyyanmkcaprakttw emuxepriybethiybkbhanamici yipun 花道 ormaci Hanamichi inornglakhrkhabuki sungkepnthangedin yipun 道 ormaci Michi thnn thang echnediywknkbhachingakari aethanamiciepnthangedinthiichechuxmrahwangsxngsthanthiinolkediywknethann ephraachannaelwcungmikhwamhmaythiaetktangkn ekhruxngaetngkay ekhruxngaetngkaylakhron kharinginu laytarangaelahxysngkh yukhexoda stwrrsthi 18 cdaesdngthiphiphithphnthsthanaehngchatiotekiyw nkaesdnglakhroncaswmesuxkhlumthacakphaihmthieriykwaochosku tamdwyphmplxm hmwk aelaphd dwysisnkhxngesuxkhlumthisadudtaaelaenuxphathieybpkthkrxyxyangpranit esuxkhlumlakhroncungcdepnngansilpaaekhnnghnungdwytwkhxngmnexng ekhruxngaetngkayodyechphaakhxngchietanncamikhwamhruhratrakartaepnxyangyingcakphaykthimikhwamaewwwaw aetsahrbekhruxngaetngkaykhxngsuera wakisuera aelankaesdngekhiywengnnncaimoxxaethachieta epnewlahlaystwrrs mummxngkhxngesxamithiwaekhruxngaetngkaylakhronepnkarexaxyangesuxphathitwlakhrcaswmiscring xyangechnesuxkhlumkhxngkharachsankaelaekhruxngaetngkaykhxngchawirchawnahruxsamychn aetinchwngplaystwrrsthi 16 ekhruxngaetngkaylakhronthukthaihthnsmykhundwycaritpraephnithiepnexklksn inyukhexoda othkungawa esuxkhlumthithaxyangphithiphithnthukmxbipyngnkaesdngodykhunnangaelasamuirinyukhmuormacithukphthnaepnekhruxngaetngkaylakhron odypktinkdntriaelakhnakhbrxnghmucaswmmnsukikiomon esuxkhlumsidapradbtkaetngdwytrapracatrakulthng 5 rwmkb khlaykraoprng hrux khamichioma ekhruxngaetngkaythiepnkarphsmphsanrahwanghakamaaelaesuxkkaebbihlkwang swnphukhwbkhumewthicaswmesuxkhlumsidaaetimmikarpradbtkaetngid lksnakhlayekhruxngaetngkaykhxngphukhwbkhumewthiinornglakhraebbtawntkrwmsmy xupkrnprakxbkaraesdng xupkrnprakxbkaraesdnginlakhronnnmikhwamthnsmyaelaepnsartthsilp xupkrnprakxbkaraesdngthicaphbidbxysudkhuxphd enuxngcakthuktwlakhrcathuxmnodyimkhanungthungbthbathinkaraesdng khnakhbrxnghmuaelankdntrixacthuxphdinmuxrahwangedinkhunewthihruxsxdiwinoxbi saykhadexwrdchudkiomonihaenn odypktiphdcathukwangiwthangdankhxngphuaesdngaelacaimnaxxkmaxikkhrngcnkwacaxxkcakewthi nxkcakniphdyngsamarthichaethnxupkrnprakxbkaraesdngxun thiichmuxthuxid echn dab ehyuxkaekw khluy hruxphukn khuorokanngxyudanhlngnkaesdng emuxnaxupkrnkaraesdngthiepnaebbmuxthuxnxkehnuxcakphdmaichkcathukekbklbkhunodykhuoroka yipun 黒衣 ormaci Kuroko thithahnaesmuxnphukhwbkhumewthiinornglakhrrwmsmy khuorokasamarthprakttwidrahwangkaraesdngkalngdaeninxyuhruxcaxyubnewthicnkwakaraesdngcacbkid odythngsxngkrniphuchmcamxngehnphwkekha khuorokacaswmesuxkhlumsidaephuxaesdngepnnywaphwkekhaimidmiswnrwmkbkickrrmbnewthiaelamxngimehn xupkrnprakxbchakinlakhron echn erux bxna aethnbucha aelarakhngcathuknamawangiwbnewthikxnthicaerimkaraesdngkhxngaetlaxngkthatxngkar odythwipxupkrnprakxbchakehlaniepnephiyngaekhsingcalxngkhxngwtthucring ykewnrakhngibihyepnkrniphiessthithukxxkaebbephuxpidbngnkaesdnginrahwangkarepliynekhruxngaetngkayinchwngkaraesdngkhnklang karkhbrxngaeladntri hayachikhata nkdntri caksayipkhwa klxngihy klxngelk aelakhluy ornglakhroncamikhnakhbrxnghmuaelawngmohri klumkhxnghayachi thieriykonbayachi yipun 能囃子 ormaci Nōbayashi lakhronepnlakhrbthkhbrxngthimiephiyngphubrryayphakyepnbangswnethann epriybidehmuxnxuprakr aetxyangirktam karkhbrxnginlakhroncamikhxcakddanradbesiyngthiyudyawaelasahlaykhrngphanchwngkhwamkwangkhxngradbkhwamdngesiyngthiaekhb bthkhbrxngcaihnahnkipthangchnthlksnaebbha ecdthimikarcderiyngsanwnxyangepnrabbaelaetmipdwykarichkhaxupmatlxdthngbth chwngkarkhbrxngkhxnglakhroncaeriykwaxuit yipun 歌い ormaci Utai aelabthphudcaeriykwakhataru yipun 語る ormaci Kataru dntricamichwngphkepncanwnmakrahwangesiyngthiaethcring sungchwngphkehlannepnhwicthiaethcringkhxngdntriinlakhron nxkcakni wngmohri klumkhxnghayachi prakxbipdwynkdntri 4 khn hruxthiruckkninchuxhayachikhata sungidaek muxklxng 3 khnthieln klxngihy klxngelk tamladbaelakhnepakhluy bangkhrngnkaesdngcaphudbthkhxngtnhruxxthibayehtukarncakmummxngkhxngxiktwlakhrhnunghruxaemkrathngphubrryaythiimidmiswnekiywkhxngkbenuxeruxng sungaetktangcakkarkhdcnghwakhxngkaraesdnglakhronaebbmuekngthiphyayamrksakhwamrusukkhxngkarxyuinolkxikibhnungepnxyangmakbthlakhronmibthlakhronthiyngkhngxyucnthungthukwnnixyupraman 2 000 eruxng inbrrdabthlakhrehlann 240 eruxngthukaesdngodyorngeriynlakhronthng 5 sungidrbxiththiphlcakrsniymkarchmkhxngchnchnkhunnangepnxyangmakinyukhexoda thaihimepnthiniyminhmuchnchnsamy bthlakhronsamarthcaaenkpraephthidhlakhlaywithi twlakhr bthlakhronsamarthaebngxxkepn 3 praephthihy idaek eknison yipun 現在能 ormaci Genzai Nō lakhronpccubn mitwlakhrmnusyaelaehtukarnthiekidkhuntamesnewlatlxdbthlakhr muekngon yipun 夢幻能 ormaci Mugen Nō lakhroncintnimit ekiywkhxngkbolkehnuxthrrmchati praktdwyethpheca wiyyan phi hruxphaphhlxninbthbathkhxngchieta swnihyehtukarncaekidkhuntamesnewlaaebbimechingesn aelakarkrathakhxngtwlakhrxacmikarslbsbepliynrahwangchwngewlasxngchwnghruxmakkwarwmthungphaphyxnhlnginxdit eriywkaekaon yipun 両掛能 ormaci Ryokake Nō lakhronphsm epnkarphsmphsanrahwangeknisonaelamuekngon inpccubnhachmidyak inkhnathi eknisonichkhwamkhdaeyngthngphayinaelaphaynxkinkarkhbekhluxnokhrngeruxngaelathaythxdxarmrnkhwamrusukxxkma muekngonepnkaraesdngthiihnahnkipkarichphaphyxnhlngkhxngehtukarninxdithruxeruxngrawkhxngkhnthiesiychiwitipaelwephuxkratunkhwamrusukkhxngphuchm rupaebbkaraesdng nxkcakniyngsamarthcaaenkpraephthlakhronidcakrupaebbkaraesdng engkion yipun 劇能 ormaci Geki Nō epnbthlakhrthiihnahnkipthangkarphthnaenuxeruxngaelakarbrryaykarkrathakhxngtwlakhr furiwon yipun 風流能 ormaci Furyu Nō epnbthlakhrthiihnahnkthangkaraesdngbthewthithiwangaephndwykhwampranit mkcamikarna kaykrrm xupkrnprakxbkaraesdnghruxchak aelatwlakhrthihlakhlayaekneruxng karaesdngoxkina ohon bthlakhron inwntrusyipun bthlakhronsamarthcaaenkpraephthtamaekneruxngxxkepn 5 praephth sungnbwasamarthichidcringthisudaelathukichepnkar odyaetdngedimaelw karaesdnglakhron 5 xngk camiaekneruxngxyangidxyanghnungdngni khamiomona yipun 神物 ormaci Kami Mono hrux wakion yipun 脇能 ormaci Waki Nō odypktichietacaprakttwinbthkhxngethphecathicaelaeruxngrawluklbkhxngsalecahruxklawkhasrresriytxphraecaxikxngkhxyangechphaaecaacng bthlakhronthimiaekneruxngdngklawcamiokhrngsrangthiaebngxxkepn 2 xngk odycaaefngtnepnmnusyinxngkaerkaelaepidephytwtnthiaethcringinxngkthisxng twxyangbthlakhronechn thakasaonga hrux chikubuchima churaomona yipun 修羅物 ormaci Shura Mono hrux xachuraon yipun 阿修羅能 ormaci Ashura Nō sungepnchuxthimacaknrkphumitamkhwamechuxkhxngsasnaphuthth twchuorngcaprakttwepnphutiphiwiyyankhxngsamuirthiwingwxnkhxrxngaekphraephuxchwyihtnphnbapipcnthungkarcalxngkartaykhxngekhaxikkhrnginekhruxngaebbrbetmys twxyangbthlakhronechn namura hrux xtsuomri khtsuraomona yipun 鬘物 ormaci Katsura Mono hrux xnnaomona yipun 女物 ormaci Onna Mono michietarbbthepnphuhying ephlngaelatharakhxnglakhronthixxnoynslaslwy sathxnihehnthungkarekhluxnihwthixxnchxysungepnlksnaechphaakhxngtwlakhrphuhying twxyangbthlakhron echn baocha hrux mtsukaesa yngmibthlakhroncipathaxun xik 94 bththithukaesdnginladbthi 4 khxngkaraesdnglakhron 5 xngk sungprakxbipdwypraephthyxyidaek ekhiywrngomona yipun 狂乱物 ormaci Kyoran Mono xneriywomona yipun 怨霊物 ormaci Onryō Mono eknisomona yipun 現在物 ormaci Genzai Mono aelaxun twxyangbthlakhron echn xaya ona susumi hrux khinuta khirion yipun 切能 ormaci Kiri No hrux oxniomona yipun 鬼物 ormaci Oni Mono capraktchietaepnphutphipisac aelamkthukeluxkcakkhwamsamarthinkarekhluxnihwxyangchbphlnkhxngphuaesdng khirioncathukaesdnginchwng 5 nathisudthaykhxngkaraesdnglakhron 5 xngk mibthlakhronpraman 30 bththitkxyuinpraephthnisungmikhwamyawthisnkwapraephthxun nxkcakkarcaaenkbthlakhrontamaekneruxng 5 praephthdanbn oxkina yipun 翁 ormaci Okina hruxxaceriyk khamixuta mkcathuknamaaesdnginchwngtnkaraesdnglakhron odyechphaaxyangyinginwnpiihm wnnkkhtvks aelaoxkasphiessxunoxkinaepnkarrathiphsmphsanmacakphithikrrmthanglththichinotaelathuxidwaepnpraephthkhxngbthlakhronthiekaaekthisud bthlakhronthimichuxesiyng tarangdanlangepnkarkhdeluxkbthlakhronthimichuxesiyngodyorngeriynkhnesa chuxbthlakhr khnci khwamhmay praephthxaoxxi ona xuexa 葵上 khunphuhyingxaoxxi 4 cipatha xaya ona susumi 綾鼓 klxngykdxk 4 cipatha odocci 道成寺 wdodoc 4 cipatha haongoroma 羽衣 esuxkhlumkhnnk 3 phuhying xitsusu 井筒 bxnarwim 3 phuhying mtsukaesa 松風 kraaeslmphdtnsn 3 phuhying eskiedra okhmaci 関寺小町 okhmacithiwdeski 3 phuhying ochoc 猩々 nkelngsura 5 phutphipisac osotba okhmaci 卒都婆小町 okhmacithihlumsph 3 phuhying thakasaonga 高砂 thithakasaonga 1 ethpheca oyrimasa 頼政 oyrimasa 2 nkrb sphywithyathangsunthriysastresxamiaelaesncikuidbrryaykhunlksnakhxngnkaesdnglakhronthicaepntxkarthakhwamekhaiclakhronihepnrupaebbthangsilpaxyanghnung hana yipun 花 ormaci Hana dxkim inkhaednoch khumuxkarcddxkim khxngesxamiidekhiynxthibaykhwamhmaykhxngkhawahanaiwwa emuxkhunechiywchayeriynrukhwamlbkhxngthuksrrphsingaelaphankhwamepnipidinthuk thangaelw hanathiimekhysuysinhayipcayngkhngxyu nkaesdnglakhronthiaethcringcaphyayamsrangkhwamsmphnthkbphuchmthihaidyakinthanxngediywknkbkarephaaplukdxkim nxkcakniyngsngektidwa hanahruxdxkim smkhwrthicaidrbkarchunchmodyphuchm hanasamarthaebngxxkepn 2 rupaebb idaek hanaaebbthiaesdngihehnthungkhwamswyngamkhxngdxkimxnxxneyawsungcaphaniptamkalewla nxkcaknihanaaebbthicasrangaelaaebngpnkhwamswyngamodysmburnkhxngdxkimtlxdkaraesdng yuekng yipun 幽玄 ormaci Yugen khwamngamluksungxnsungsng yuekngepnaenwkhidthimikhunkhaxyangyinginsilparupaebbtang khxngwthnthrrmyipun inxdithmaykhwamwakhwamngdngamhruxsngangam ichephuxsuxthungkhwamkhwamswyngamsmburnaebbinwaka kwiyipun yuekng nnepnsingngdngamthimxngimehn mkcarusukidmakkwamxngehninngansilpa khasphthniyngthuknamaichinlakhronsungsuxthungkhwamngdngamyingywdkhxngprolk rwmthungkarxalyxawrnthisngangamkhxngphuaesdng praktinbthesraosrkhruxkhwamsuyesiy orcaku yipun 老弱 ormaci Rojaku or hmaythungaek aelacaku hmaythungkhwamsngbengiyb orcakuepnkhnsudthaykhxngkarphthnafukfnthksakaraesdngkhxngnkaesdnglakhron odyphwkekhacakacdkarekhluxnihwhruxkarsngesiyngthiimcaepn thingiwaetephiyngkarthaythxdaeknaethkhxngchakhruxkarkratha okhokhora hrux chin yipun 心 ormaci Kokoro Shin hmaythunghwic citic hruxthngsxng okhokhorainlakhronthiesxamiklawiwinkhasxnkhxngekhathukcakdkhwaminkhwamhmaykhxngciticmakkwa inkarthinkaesdnglakhroncasamarthrusungthunghanaid phwkekhacatxngphanekhaipsusphawairkhwamkhidhruxmuchin yipun 無心 ormaci Mushin emiyw yipun 妙 ormaci Myō laemiydlaim esnhkhxngnkaesdnglakhronthisamarththakaraesdngidxyangphriwihw omonmaena yipun 物真似 ormaci Monomane karcalxng ectcanngkhxngnkaesdnglakhronthicaekhluxnihwxyangthuktxngaemnyasungtrngkhamkbehtuphlthangsunthriysastrthimikhwamepnnamthrrmhruxngdngamxlngkaresiymakkwa omonmaenamikhwamaetktangkbyuekngxyubangelknxy aetthngsxngaesdngihehnthungcudcbkhxngkhwamtxenuxngyawnanmakkwacaaeykxxkcakknodysineching khabuxichchin yipun 歌舞一心 ormaci Kabu Isshin ephlngaelakarradwyhwicdwngediyw epnthvsdithiwaephlng rwmthungkwiniphnth aelakarraepnsingkhukn nkaesdnglakhroncungphyayaminkarthaythxdihehnthungthngsxngsingdngklawdwyhwicaelaciticxyangphrxmephriyngornglakhronthiyngkhngxyulakhronyngkhngelnxyuinornglakhrtamemuxngihytang pccubnmiornglakhronthngsin 70 orngthwpraethsyipun mikarepidkaraesdngodynkaesdnglakhronchanaykarhruxmuxsmkhreln ornglakhronthisnbsnunodyphakhrth mithngsin 3 orngxnidaek otekiyw aelaornglakhronoxsaka aetlaorngeriynlakhroncamiornglakhrepnkhxngtn echn ornglakhronkhnesa otekiyw ornglakhronohoch otekiyw ornglakhronkhngong ekiywot aelaornglakhronkhnparunara nara nxkcakniyngmiornglakhrswncnghwdaelaswnthxngthinthwpraethsyipunthithakaraesdngodyphuechiywchayaelamuxsmkhreln inbangphumiphakhthimilakhronechphaaphunthi camiorngeriynephuxfukxbrmlakhronaebbkhuorkawasungaeykxxkcakorngeriynlakhrondngedimthng 5 odysinechingmaryathkhxngphuchmmaryathinkarchmlakhronnnmikhwamkhlaykhlungkbornglakhrintawntksungkkhuxkarnngchmxyangengiybsngb odycaimmikarich en aetxacmikarxanliebrtot bthlakhr inkhnachmkaraesdng aelaephraawabnewthinnimmiphaman karaesdngcaerimkhunemuxphuaesdngedinekhaewthiaelacbemuxedinxxkcakewthi odypktiaelwaesngifinornglakhroncaepidiwtlxdkaraesdngephuxsrangkhwamrusukthiiklchidknrahwangphuaesdngaelaphuchmlakhron intxnthaykhxngkaraesdng phuaesdngcatngaethwtxnlukaelaedinxxkxyangcha eriyngladbcaktwlakhrthisakhykxnaelamichxngwangrahwangphuaesdng khnathiphuaesdngedinmathungbnthangedin hachingakari phuchmcaprbmuxaelahyud caknncungprbmuxxikkhrngemuxphuaesdngkhnthdipedinxxkcakewthi odycaaetktangcakornglakhrtawntkthicaimmikarokhngkhanbhruxklbmathakaraesdngxikkhrngemuxlngcakewthiipaelw hruxbthlakhrxaccblngdwychietaedinxxkcakewthiesmuxnwaepnswnhnungkhxngenuxeruxng yktwxyangbthlakhronechnokhkaci aethnthitwlakhrthuktwcamarwmtwknbnewthi chwngsbepliynkaraesdngxacmikarihbrikarxaharhruxekhruxngdumthihxngothng echn cha kaaef hrux khnmyipun inyukhexodathithakaraesdnglakhronthngwn camikarrbrxngebnot yipun 幕の内弁当 ormaci Makunoouchi Bentō khawklxngrahwangxngk dwyechnkn nxkcakniinngansakhytang emuxkaraesdngsinsudlng xacmikaretriymoxmiki yipun お神酒 ormaci Omiki saekinnganphithithangkar iwbriewnthangxxksuhxngothngechkechnediywknkbphithikrrmthanglththichinot phuekhachmcanngcakaethwhnakhxngewthi thangsaykhxngewthi aelamumsayhnakhxngewthitamladb inkhnathiesanasayta du ewthi cabdbngkarmxngehnewthi phuaesdngodyswnihycaxyubriewntammumtang imichtrngklang dngnncungmiephiyngthangedinrahwangthinngthngsxngfngmxngehnkaraesdngidyakaelathaihsamarthchmkaraesdngidodyimmixairbdbngaemwacanngxyutrngihnktamxangxingBowers Faubion 1974 Japanese Theatre Rutland Vermont Charles E Tuttle Co ISBN 9780804811316 Nogaku theatre The Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity UNESCO subkhnemux 21 November 2019 Ortolani Benito 1995 The Japanese theatre from shamanistic ritual to contemporary pluralism Princeton University Press p 132 ISBN 0 691 04333 7 The Noh com The Noh com The Noh com Watanabe Takeshi 2009 Breaking Down Barriers A History of Chanoyu Yale Art Gallery p 51 ISBN 978 0 300 14692 9 The Asahi Shimbun Wagokoro Ishii Rinko 2009 能 狂言の基礎知識 The Fundamentals of Noh and Kyogen Tokyo Kadokawa ornglakhronaehngchati otekiyw Attractions karthxngethiywyipun ecexnthiox xngkhkarsngesrimkarthxngethiywaehngpraethsyipun subkhnemux 2021 12 15 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint url status lingk Nogaku 能楽 National Cultural Heritage Database phasayipun The Agency for Cultural Affairs Japan subkhnemux 21 November 2019 Living And Breathing History Through Noh March 24 2018 Living and Breathing History Through Noh 24 March 2018 TRIVIA of Noh Q25 Can a woman become a Noh performer www the noh com Suzumura Yusuke Mar 8 2013 Players Performances and Existence of Women s Noh Focusing on the Articles Run in the Japanese General Newspapers Journal of International Japan Studies subkhnemux Nov 8 2014 Tsuchiya Keiichirō 2014 能 世阿弥の 現在 The Present of Noh and Zeami phasayipun Tokyo Kadokawa Komparu Kunio 1983 The Noh Theater Principles and Perspectives New York Tokyo John Weatherhill ISBN 0 8348 1529 X Eckersley M b k 2009 Drama from the Rim Melbourne Drama Victoria p 32 Rarified Recondite and Abstruse Zeami s Nine Stages Buddhistdoor Global phasaxngkvsaebbxemrikn subkhnemux 2021 12 16 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint url status lingk Hayashi Kazutoshi 2012 能 狂言を学ぶ人のために For Those Learning Noh and Kyogen Tokyo Sekai Shisou Sha About the Nohgaku Performers Association The Nohgaku Performers Association subkhnemux Nov 8 2014 The Noh com Enjoying Noh and Kyōgen PDF The Nohgaku performers association p 3 lingkesiy Eckersley 2009 p 47 Rath Eric C 2004 The Ethos of Noh Actors and Their Art Cambridge Massachusetts Harvard University Asia Center ISBN 0 674 01397 2 Noh masks formerly owned by Konparu Sōke Tokyo National Museum subkhnemux 2018 01 18 Brockett Oscar G Hildy Franklin J 2007 History of the Theatre Foundation ed Boston MA Allyn and Bacon ISBN 978 0 205 47360 1 Morse Anne Nishimura et al MFA Highlights Arts of Japan Boston Museum of Fine Arts Publications 2008 p109 1959 The Classic Noh Theatre of Japan New York New Directions Publishing txngkarelkhhna Introduction to Noh and Kyogen Plays and Characters the Japan Arts Council subkhnemux 21 November 2019 The Nohgaku Performers Association khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2020 06 14 subkhnemux 14 December 2014 hnngsuxxanephimetimBrandon James R ed 1997 Nō and kyōgen in the contemporary world Foreword by Ricardo D Trimillos Honolulu University of Hawaiʻi Press Brazell Karen 1998 Traditional Japanese Theater An Anthology of Plays New York Columbia University Press Ortolani Benito Leiter Samuel L eds 1998 Zeami and the Nō Theatre in the World New York Center for Advanced Study in Theatre Arts CUNY Tyler Royall ed amp trans 1992 Japanese Nō Dramas London Penguin Books ISBN 0 14 044539 0ISBN 0 14 044539 0 Waley Arthur 2009 Noh plays of Japan Tuttle Shokai Inc ISBN 4 8053 1033 2ISBN 4 8053 1033 2 ISBN 978 4 8053 1033 5 Yasuda Noboru 2021 First English ed Tokyo Japan Publishing Industry Foundation for Culture ISBN 978 4 86658 178 1 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 11 10 subkhnemux 2021 12 27 esxami omotkioya 1984 On the Art of the Nō Drama The Major Treatises of Zeami Trans J Thomas Rimer Ed Masakazu Yamazaki Princeton New Jersey Princeton University Press aehlngkhxmulxunNoh Events and Performance Schedule phasaxngkvs smakhmephyaephronngaku Noh amp Kyogen phasaxngkvsaebbxemrikn sphasilpkrrmyipun a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint url status lingk Noh Stories in English 2018 11 01 thi ewyaebkaemchchin mulnithiornglakhronoxsuki mhawithyalyewxrcieniy Page on the variable expressions of Noh masks Noh plays Photo Story and Story Paper Hachi No Ki A Perspective nohmask jp How to enjoy Noh Momoyama Japanese Art in the Age of Grandeur Buddhism in Noh oryall ithelxr