ราชวงศ์ที่หกแห่งอียิปต์ เป็นหนึ่งในราชวงศ์จำนวน 4 ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์ที่สาม สี่ และห้า ที่ถูดจัดเป็นกลุ่มของราชวงศ์ที่ปกครองอยู่ในช่วงสมัยราชอาณาจักรเก่าของอียิปต์โบราณ
ราชวงศ์ที่หกแห่งอียิปต์ | |||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ราว 2345 ปีก่อนคริสตกาล–ราว 2181 ปีก่อนคริสตกาล | |||||||||||
พระนางอังค์เนสเมริเรที่ 2 กับพระราชโอรสของพระองค์ ฟาโรห์เปปิที่ 2 | |||||||||||
เมืองหลวง | เมมฟิส | ||||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาอียิปต์ | ||||||||||
ศาสนา | ศาสนาอียิปต์โบราณ | ||||||||||
การปกครอง | สมบูรณาญาสิทธิราชย์ | ||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | ยุคสัมฤทธิ์ | ||||||||||
• ก่อตั้ง | ราว 2345 ปีก่อนคริสตกาล | ||||||||||
• สิ้นสุด | ราว 2181 ปีก่อนคริสตกาล | ||||||||||
|
รายพระนามฟาโรห์จากราชวงศ์ที่หกแห่งอียิปต์
ฟาโรห์ที่เป็นที่ทราบจากราชวงศ์ที่หกปรากฏอยู่ในตารางด้านล่าง มาเนโธได้กำหนดให้ราชวงศ์ที่หกได้ปกครองอียิปต์ราว 203 ปี นั้บตั้งแต่จากรัชสมัยของฟาโรห์เตติถึงฟาโรห์นิโตคริส ขณะที่ในบันทึกพระนามแห่งตูรินได้ระบุว่าราชวงศ์ที่หกได้ปกครองอียิปต์เป็นระยะเวลา 181 ปี แต่มีฟาโรห์เพิ่มอีกสามพระองค์ที่ประกอบด้วยอาบา (Aba) ซึ่งเป็นเป็นการลดช่วงปีการปกครองจากราชวงศ์ที่แปดแห่งอียิปต์ที่ถูกเพิ่มเข้ามา ทำให้ระยะเวลาของการปกครองของราชวงศ์ที่หกลดลงเหลือเพียง 155 ปี โดยการประมาณดังกล่าวจะแตกต่างกันไประหว่างนักวิชาการและแหล่งข้อมูล
พระนาม | พระนามครองราชย์ | รูปภาพ | ช่วงเวลาที่สันนิษฐาน | ระยะเวลาครองราชย์โดยประมาณ | พีระมิด | พระมเหสี |
---|---|---|---|---|---|---|
เตติ | (ฮอรัส) เซเฮเทปทาวี | 2345–2333 ปีก่อนคริสตกาล | ตามมาเนโธที่ 30–33 ปี ตามบันทึกพระนามแห่งตูรินที่น้อยกว่า 7 เดือน ตามที่ 6 ครั้ง เท่ากับอยู่ที่ประมาณ 12–13 ปี | ในซักกอเราะฮ์ | อิพุตที่ 1คูอิตเคนท์คาอุสที่ 4 นิธ | |
ยูเซอร์คาเร | (ไม่ทราบ) | 2333–2331 ปีก่อนคริสตกาล | ไม่ปรากฏที่หลักฐานของมาเนโธ, อาจจะทรงเกี่ยวข้องกับลอบปลงพระชนม์ของฟาโรห์เตติ สูญหายในส่วนที่เสียหายของบันทึกพระนามแห่งตูริน ไม่ทราบจำนวนครั้งของการนับจำนวนปศุสัตว์, สูญหายในส่วนที่เสียหาย(?) | |||
เปปิที่ 1 | เนเฟอร์ซาฮอร์ (เดิม) เมอร์อเอนเร (ภายหลัง) | 2331–2287 ปีก่อนคริสตกาล | ตามมาเนโธที่ 52 ปี ตามบันทึกพระนามแห่งตูรินที่ 20 หรือ 44 ปี ตามการนับจำนวนปศุสัตว์ที่ 25 ครั้ง เท่ากับอยู่ที่ประมาณ 49–50 ปี | ในซักกอเราะฮ์ใต้ | อังค์เอสเอนเปปิที่ 1อังค์เอสเอนเปปิที่ 2อิเนเนค-อินติเมฮาอาเนดจ์เอฟเทต | |
เนมติเอมซาฟที่ 1 | เมอร์เอนเร | 2287–2278 ปีก่อนคริสตกาล | ตามมาเนโธที่ 7 xu ตามบันทึกพระนามแห่งตูรินที่ 6 ปี ตามการนับจำนวนปศุสัตว์ที่ 5 ครั้งกับอีก 1 ปี เท่ากับอยู่ที่ประมาณ 10 ปี | พีระมิดแห่งเมอร์เอนเรในซักกอเราะฮ์ใต้ | อังค์เอสเอนเปปิที่ 2 | |
เปปิที่ 2 | เนเฟอร์คาเร | 2278–2184 ปีก่อนคริสตกาล | ตามมาเนโธที่ 94 ปี ตามบันทึกพระนามแห่งตูรินที่มากกว่า 90 ปี ตามการนับจำนวนปศุสัตว์ที่ 33 ครั้ง เท่ากับอยู่ที่ประมาณ 64–66 ปี | ในซักกอเราะฮ์ใต้ | นิธอิพุตที่ 2อังค์เอสเอนเปปิที่ 3อังค์เอสเอนเปปิที่ 4 | |
เนมติเอมซาฟที่ 2 | เมอร์เอนเร [เนมติ?]เอมซาฟ | 2184 ปีก่อนคริสตกาล | ตามมาเนโธที่ 1 ปี ตามบันทึกพระนามแห่งตูรินที่ 1 ปี, 1 เดือน | |||
เนทเจอร์คาเร ซิพทาห์หรือ | (ไม่ทราบ) | 2184–2181 ปีก่อนคริสตกาล | ตามมาเนโธบันทึกถึงฟาโรห์นิโตคริสอยู่ที่ 12 ปี ตามบันทึกพระนามแห่งตูริน เดิมทีคิดว่าจะระบุให้กับฟาโรห์นิโตคริส จากการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับบันทึกปาปิรุสได้เปลี่ยนแปลงการคาดการณ์ดังกล่าว เพื่อชี้ว่าน่าจะเป็นฟาโรห์เนทเจอร์คาเร ซึ่งมีหลักฐานปรากฏอยู่บันทึกพระนามแห่งอไบดอสด้วย |
ประวัติราชวงศ์
ราชวงศ์ที่หกได้รับการพิจารณาจากนักวิชาการหลายคนว่าเป็นราชวงศ์สุดท้ายของช่วงสมัยราชอาณาจักรเก่า ถึงแม้ว่าประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณของอ็อกซ์ฟอร์ด จะรวมราชวงศ์ที่เจ็ดและแปดเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสมัยราชอาณาจักรเก่าด้วย แต่มาเนโธได้บันทึกว่าฟาโรห์จากราชวงศ์ที่หกทรงปกครองจากเมืองเมมฟิส เนื่องจากพีระมิดของพระองค์ถูกสร้างขึ้นที่ซักกอเราะฮ์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก
เมื่อถึงสมัยราชวงศ์ที่ห้า สถาบันศาสนาได้ตั้งตนเป็นกำลังสำคัญในสังคม มีแนวโน้มการเติบโตของระบบขุนนางและฐานะนักบวช และการลดลงของอำนาจของฟาโรห์ที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของฟาโรห์เนเฟอร์อิร์คาเร คาคาอิ ระหว่างการปกครองของฟาโรห์ดเจดคาเร อิเซซิ เหล่าขุนนางได้รับอำนาจมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากสุสานส่วนตัวอันโอ่อ่าที่สร้างขึ้น และในที่สุดก็นำไปสู่การสร้างระบบศักดินาที่มีผลตามมา แนวโน้มที่จัดตั้งขึ้นเหล่านี้ ซึ่งเป็นการกระจายของอำนาจ ควบคู่ไปกับการเติบโตของระบบขุนนางนั้น ได้ทวีความเข้มข้นมากขึ้นในช่วงสามทศวรรษแห่งการปกครองของฟาโรห์ยูนัส ซึ่งทำให้ระบบเศรษฐกิจถดถอยเช่นกัน ซึ่งการเติบโตดังกล่าวดำเนินต่อไปจนถึงราชวงศ์ที่หก ซึ่งนำไปสู่สมัยช่วงระหว่างกลางที่หนึ่ง
ฟาโรห์เตติ
ฟาโรห์เตติได้รับการระบุว่าทรงเป็นฟาโรห์พระองค์แรกของราชวงศ์ที่หก โดยมาเนโธ โดยหลังจากสิ้นสุดรัชสมัยของฟาโรห์ยูนัส พระองค์จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติในช่วงศตวรรษที่ 23 ก่อนคริสตกาล
มาเนโธได้ระบุว่าฟาโรห์เตติทรงครองราชย์เป็นระยะะเวลา 30 หรือ 33 ปี ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ตราบเท่าที่ยังไม่มีหลักฐานการเฉลิมฉลอง และช่วงเวลาที่บันทึกไว้ตรงกับการนับจำนวนปศุสัตว์ครั้งที่หก คือ 12 หรือ 13 ปีในรัชรัชสมัยของพระองค์ ในบันทึกพระนามแห่งตูริน (อาร์ทีซี) ได้ระบุระยะเวลาแห่งการครองราชย์อยู่ที่ประมาณ 7 เดือน ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นไปได้อีก ส่วนนักโบราณคดี ฮาร์ทวิก อัลเทินมุลเลอร์ ซึ่งได้พิจารณาระหว่างหลักฐานจากมาเนโธและและบันทึกการนับจำนวนปศุสัตว์ และเสนอระยะเวลาการครองราชย์ของพระองค์ประมาณ 23 ปี ส่วนนักอียิปต์วิทยา ปีเตอร์ เคลย์ตัน และวิลเลียม สมิธ เสนอว่าพระองค์ทรงครองราชย์เป็นระยะเวลา 12 ปี
ความสัมพันธ์ระหว่างฟาโรห์เตติกับผู้ปกครองก่อนหน้าของพระองค์ที่ยังคงคลุมเครืออยู่ แต่พระนางอิพุต ซึ่งเป็นพระมเหสีของพรองค์ เชื่อว่าเป็นพระราชธิดาของฟาโรห์ยูนัส ซึ่งหมายความว่า ฟาโรห์เตติทรงขึ้นครองบัลลังก์ในฐานะพระชามาดาของฟาโรห์ยูนัส การขึ้นคริงราชย์ของพระองค์ได้แก้ไขวิกฤตการสืบสันตติวงศ์ที่อาจจะเกิดขึ้นจากฟาโรห์ยูนัสเสด็จสวรรคตโดยไม่มีองค์รัชทายาทบุรุษ ฟาโรห์เตติทรงใช้พระนามฮอรัสว่า เซเฮเทปทาวี (หมายถึง "ผู้ทรงปลอบประโลมสองแผ่นดิน") เพื่อสถาปนารัชสมัยของพระองค์ให้เป็นหนึ่งในการฟื้นฟูเอกภาพทางการเมือง และดูเหมือนจะเกิดขึ้นได้อย่างราบรื่น ฟาโรห์เตติยังคงทรงรับขุนนางจากรัชสมัยผู้ปกครองก่อนหน้าของพระองค์จากราชวงศ์ที่ห้าให้ทำงาให้กับราชสำนัก เช่น ราชมนตรีเมฮู และคาเกมนิ ผู้ซึ่งเริ่มรับราชการในช่วงรัชสมยัของฟาโรห์ดเจดคาเร อิเซซิ อย่างไรก็ตาม บันทึกพระนามแห่งตูรินก็แทรกช่องว่างระหว่างรัชสมัยฟาโรห์ยูนัสกับฟาโรห์เตติเช่นกัน ซึ่งจาโรมีร์ มาเล็ก นักอียิปต์วิทยา เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับ "การย้ายที่ตั้งของเมืองหลวงและที่ประทับของพระราชวงศ์" โดยเมืองหลวงย้ายจาก "เมืองกำแพงสีขาว (เมมฟิส)" ไปยังชานเมืองที่มีประชากรหนาแน่นทางใต้ไปยัง "ดเจด-อิสุต" ซึ่งได้มาจากชื่อพีระมิดของฟาโรห์เตติและเมืองพีระมิด และตั้งอยู่ทางตะวันออกของพีระมิด ที่ประทับของพระราชวงศ์อาจจะอยู่ไกลออกไปทางใต้ ในหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปและข้ามทะเลสาบจากเมือง ทางตะวันออกของซักกอเราะฮ์ใต้ ซึ่งเป็นสถานที่สร้างพีระมิดของฟาโรห์ดเจดคาเร อิเซซิ และฟาโรห์เปปิที่ 1
ฟาโรห์เตติมีพระราชธิดาพระนามว่า เซเชสเชต ซึ่งทรงอภิเษกสมรสกับขุนนางคนหนึ่งของพระองค์และหัวหน้านักบวชในช่วงเวลาต่อมานามว่า เมอร์เออร์ยูคา จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าพระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยที่จะทรงสนิทสนมกับชนชั้นสูง โดยเมอร์เออร์ยูคาถูกฝังใกล้กับพีระมิดของฟาโรห์เตติ ในหลุมฝังศพที่หรูหราในซักกอเราะฮ์เหนือ ส่วนหนึ่งของพระราชนโยบายที่นำมาสู่ความสงบสุขของฟาโรห์เตติ พระองค์ได้ทรงออกพระราชกฤษฎีกายกเว้นการเก็บภาษีวิหารที่อไบดอส พระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองพระองค์แรกที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลัทธิแห่งเทพีฮัตฮอร์ที่เดนเดรา และในต่างดินแดน ฟาโรห์เตติทรงรักษาความสัมพันธ์ทางการค้ากับไบบลอสและนิวเบีย
ฟาโรห์เตติทรงโปรดให้สร้างพีระมิดที่ซักกอเราะฮ์เหนือ พีระมิดของพระองคืเป็นไปตามมาตรฐานของพีระมิดแห่งดเจดคาเร อิเซซิที่สร้างไว้ โดยมีความยาวฐาน 78.5 ม. (258 ฟุต) บรรจบกับยอดที่ทำมุม ~53° ที่ความสูงสูงสุด 52.5 ม. (172 ฟุต) โครงสร้างพื้นฐานของพีระมิดนั้นคล้ายคลึงกับพีระมิกของฟาโรห์ยูนัสและดเจดคาเร อิเซซิมาก มีทางเดินลดหลั่นและทางเดินในแนวราบที่กั้นไว้ประมาณตรงกลางด้วยช่องหินแกรนิตสามช่อง นำไปสู่ห้องด้านหน้าที่ขนาบข้างไปทางทิศตะวันออกด้วยช่องแคบสามช่อง และทางทิศตะวันตกโดยห้องฝังศพที่มีโลงหิน ผนังของห้องและส่วนของทางเดินแนวนอนถูกจารึกไว้ด้วย เช่นเดียวกับในพีระมิดแห่งยูนัส วิหารบูชาพระบรมศพ ยกเว้นทางเข้า ก็สอดคล้องกับแผนพื้นฐานเช่นเดียวกับของผู้ปกครองก่อนหน้าของพระองค์ กลุ่มพีระมิดบริวารตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของพีระมิดโดยมีความยาวฐาน 15.7 ม. (52 ฟุต) ทางเดินที่เชื่อมไปยังวิหารบูชาพระบรมศพนั้นยังไม่ได้รับการขุดค้น ในขณะที่วิหารที่รับรองพระบรมศพและเมืองพีระมิดนั้นหายไปทั้งหมด พีระมิดของฟาโรห์เตติกลายเป็นที่ตั้งของสุสานขนาดใหญ่ และรวมถึงพีระมิดของพระมเหสีนิธและพระมเหสีอิพุต ซึ่งเป็นพระราชมารดาของฟาโรห์เปปิที่ 1 ด้วย พระอัฐิสัณฐานของพระนางอิพุตถูกค้นพบโดยทรงถูกฝังอยู่ในพีระมิดของพระองค์ในโลงพระบรมศพไม้
มาเนโธอ้างว่าฟาโรห์เตติทรงถูกลอบปลงพระชนม์โดยมหาดเล็กประจำพระองค์ แต่ไม่มีแหล่งข้อมูลร่วมสมัยใดมายืนยันประเด็นดังกล่าว หากเป็นเรื่องจริง อาจจะอธิบายและชี้ถึงฟาโรห์ที่ขึ้นมาครองราชย์เป็นระยะเวลาสั้น ๆ พระนามว่า ยูเซอร์คาเร ระหว่างรัชสมัยของฟาโรห์เตติและฟาโรห์เปปิที่ 1พระนามของฟาโรห์ยูเซอร์คาเรปรากกอยู่ในบันทึกพระนามแห่งตูรินและอไบดอสและถูกกล่าวถึงในหลักฐานทางโบราณคดีร่วมสมัยหลายฉบับ
ฟาโรห์เปปิที่ 1
ในช่วงราชวงศ์ที่ห้าแห่งอียิปต์ คณะสำรวจถูกส่งไปยังในคาบสมุทรไซนาย เพื่อขุดหาแร่เทอร์ควอยซ์และทองแดง เช่นเดียวกับเหมืองที่ และวาดิ ฮัมมามาต ซึ่งฟาโรห์ดเจดคาราได้ทรงส่งคณะสำรวจทางการค้าลงใต้ไปยังดินแดนพุนต์และขึ้นเหนือไปยังเมืองไบบลอส และฟาโรห์เปปิที่ 1 ไม่เพียงแต่ทรงส่งคณะสำรวจไปยังสถานที่ดังกล่าวนี้เท่านั้น แต่ยังทรงส่งไปไกลถึงในซีเรียปัจจุบันด้วย
ฟาโรห์เปปิที่ 2
ทรงเป็นฟาโรห์ที่โดดเด่นที่สุดของราชวงศ์ที่ห้าคือ ฟาโรห์เปปิที่ 2 ซึ่งทรงครองราชย์ยาวนานถึง 94 ปี
พระนางนิติเกรต
พระองค์ทรงเป็นที่ทราบกันในพระนามภาษากรีก คือ นิโตคริส ซึ่งเป็นสตรีที่ถูกเชื่อโดยนักวิชาการว่าพระองค์ไม่ได้ทรงเป็นฟาโรห์สตรีพระองค์แรกเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นสมเด็จพระราชินีพระองค์แรกของโลกด้วย แม้ว่าในปัจจุบันจะเป็นที่ยอมรับกันว่าพระนามของพระองค์จะเป็นการอ่านพระนามที่ผิดพลาดของฟาโรห์นิตอิเกอร์ติ ซิพทาห์
ความเฟื่องฟูของขุนนาง
ด้วยจำนวนจารึกชีวประวัติที่เพิ่มขึ้นในสุสานที่ไม่ใช่ของพระราชวงศ์ ทำให้ทราบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ร่วมสมัยได้กว้างขึ้น ตัวอย่างเช่น การที่ได้ทราบถึงแผนการที่ล้มเหลวในการต่อต้านฟาโรห์เปปิที่ 1 และทราบถึงอ่าน ด้วยความตื่นเต้นที่หนึ่งในคณะสำรวจของพระองค์จะกลับมาพร้อมกับจากดินแดนแห่งยัม ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของนิวเบีย
คำจารึกบนสุสานที่ไม่ใช่ของพระราชวงศ์เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของอำนาจที่เพิ่มขึ้นของขุนนาง ซึ่งทำให้การปกครองโดยสมบูรณ์ของฟาโรห์ได้อ่อนแอลงไปอีก ผลที่ตามมา คือ เป็นที่เชื่อกันว่าในการสวรรคตของฟาโรห์เปปิที่ 2 ที่ทรงมีพระชนมพรรษายืนมากนั้น ทำให้ข้าราชบริพารของพระองค์ตั้งมั่นมากพอที่จะต่อต้านพระราชอำนาจของผู้ปกครองที่ขึ้นมาปกครองต่อหลายพระองค์ของพระองค์ ซึ่งอาจจะมีส่วนทำให้ราชอาณาจักรเก่าเสื่อมอำนาจลงอย่างรวดเร็ว
เชิงอรรถ
- มีการเสนอช่วงเวลาของราชวงศ์ที่หก (หน่วย : ปีก่อนคริสตกาล) ได้แก่ c. 2460–2200 BC, c. 2374–2200 BC, c. 2370–2190 BC, c. 2345–2181 BC, c. 2323–2150 BC, c. 2282–2117 BC.
- มีการเสนอช่วงเวลาของรัชสมัยฟาโรห์เตติ (หน่วย : ปีก่อนคริสตกาล) ได้แก่ c. 2374–2354 BC, c. 2345–2333 BC, c. 2345–2323 BC, c. 2323–2191 BC, c. 2282–2270 BC.
อ้างอิง
- Dodson & Hilton 2004, p. 70.
- Altenmüller 2001, p. 601.
- Grimal 1992, p. 390.
- Verner 2001d, p. 473.
- Bard 1999, Chronology.
- Clayton 1994, p. 30.
- Shaw 2003, pp. 482–483.
- Allen et al. 1999, p. xx.
- Lehner 2008, p. 8.
- Leprohon 2013, pp. 42–43.
- Grimal 1992, p. 81.
- Manetho & Waddell 1964, p. 53.
- Leclant 1999, p. 10.
- Baud & Dobrev 1995, p. 59.
- Baud & Dobrev 1995, pp. 59 & 66.
- Ryholt 1997, pp. 13–14.
- Baud & Dobrev 1995, pp. 46–49.
- Altenmüller 2001, p. 603.
- Altenmüller 2001, p. 604.
- Leclant 1999, p. 11.
- Manetho & Waddell 1964, p. 55.
- Baker 2008, pp. 211–212.
- Grimal 1992, p. 89.
- Theis 2010, pp. 325–326.
- Shaw, Ian, บ.ก. (2000). The Oxford History of Ancient Egypt. ISBN .
- Gardiner, Alan, Sir (1964). Egypt of the Pharaohs. Oxford University Press. p. 91.
- Grimal 1992, pp. 89–90.
- Verner 2001b, pp. 589–590.
- Grimal 1992, p. 79.
- Verner 2001b, p. 90.
- Grimal 1992, p. 80.
- Malek 2003, p. 103.
- Verner 2001b, p. 590.
- Altenmüller 2001, p. 602.
- Clayton 1994, p. 64.
- Smith 1962, p. 48.
- Shaw 2003, p. 482.
- Dodson & Hilton 2004, p. 288.
- Malek 2003, p. 104.
- Grimal 1992, pp. 80–81.
- Lehner 2008, pp. 156–157.
- Verner 2001d, pp. 343–344.
- Lehner 2008, p. 156.
- Verner 2001d, p. 344.
- Lehner 2008, p. 157.
- Clayton 1994, p. 65.
- Verner 2001d, pp. 347–350.
- Kanawati 2003, p. 157.
- Shaw, Ian (2000). The Oxford History of Ancient Egypt. Oxford University Press. p. 116. ISBN .
- Breasted, J.H. (1906). Ancient Records of Egypt. Vol. Part One. Chicago. sections 282–390.
- Shaw, Ian (2000). The Oxford History of Ancient Egypt. Oxford University Press. p. 115. ISBN .
- Breasted, J.H. (1906). Ancient Records of Egypt. Vol. Part One. Chicago. section 310.
- Breasted, J.H. (1906). Ancient Records of Egypt. Vol. Part One. Chicago. sections 350–354.
แหล่งข้อมูล
- Allen, James; Allen, Susan; Anderson, Julie; และคณะ (1999). Egyptian Art in the Age of the Pyramids. New York: The Metropolitan Museum of Art. ISBN . OCLC 41431623.
- (2001). "Old Kingdom: Sixth Dynasty". ใน (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt, Volume 2. Oxford: Oxford University Press. pp. 601–605. ISBN .
- Baker, Darrel D. (2008). The Encyclopedia of the Pharaohs: Volume I - Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300–1069 BC. London: Stacey International. ISBN .
- Bard, Kathryn, บ.ก. (1999). Encyclopedia of the Archaeology of Ancient Egypt. London; New York: Routledge. ISBN .
- Baud, Michel; Dobrev, Vassil (1995). "De nouvelles annales de l'Ancien Empire égyptien. Une "Pierre de Palerme" pour la VIe dynastie". Bulletin de l'Institut Français d'Archéologie Orientale (ภาษาฝรั่งเศส). 95: 23–92. ISSN 0255-0962.
- (1994). Chronicle of the Pharaohs. London: Thames & Hudson. ISBN .
- ; Hilton, Dyan (2004). The Complete Royal Families of Ancient Egypt. London: Thames & Hudson. ISBN .
- (1992). A History of Ancient Egypt. Translated by Ian Shaw. Oxford: Blackwell publishing. ISBN .
- Kanawati, Naguib (2003). Conspiracies in the Egyptian Palace: Unis to Pepy I. London: Routledge. ISBN .
- Leclant, Jean (1999). "A Brief History of the Old Kingdom". Egyptian Art in the Age of the Pyramids. New York: The Metropolitan Museum of Art. pp. 3–12. ISBN . OCLC 41431623.
- (2008). The Complete Pyramids. New York: Thames & Hudson. ISBN .
- Leprohon, Ronald J. (2013). The Great Name: Ancient Egyptian Royal Titulary. Vol. 33 of Writings from the ancient world. Atlanta: Society of Biblical Literature. ISBN .
- Malek, Jaromir (2003). "The Old Kingdom (c. 2686–2160 BC)". ใน Shaw, Ian (บ.ก.). The Oxford History of Ancient Egypt. Oxford University Press. pp. 83–107. ISBN .
- Manetho; Waddell, William Gillan (1964). Aegyptiaca. The Loeb classical library, 350. Cambridge: Harvard University Press. OCLC 1067847872.
- Ryholt, Kim (1997). The Political Situation in Egypt during the Second Intermediate Period c. 1800–1550 B.C. CNI publications. Vol. 20. Copenhagen: The Carsten Niebuhr Institute of Near Eastern Studies: Museum Tusculam Press. ISBN .
- Shaw, Ian, บ.ก. (2003). The Oxford History of Ancient Egypt. Oxford: Oxford University Press. ISBN .
- Smith, William Stevenson (1962). "XIV: The Old Kingdom in Egypt and the Beginning of the First Intermediate Period". The Cambridge Ancient History. Vol. 1. Cambridge: Cambridge University Press. pp. 1–72. OCLC 879104162.
- Theis, Christoffer (2010). ; Kloth, Nicole (บ.ก.). "Die Pyramiden der Ersten Zwischenzeit, Nach philologischen und archäologischen Quellen". Studien zur Altägyptischen Kultur (ภาษาเยอรมัน). Hamburg: Helmut Buske Verlag. Band 39: 321–339. ISBN . ISSN 0340-2215.
- Verner, Miroslav (2001b). "Old Kingdom". ใน Redford, Donald B. (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt, Volume 2. Oxford: Oxford University Press. pp. 585–591. ISBN .
- Verner, Miroslav (2001d). The Pyramids: The Mystery, Culture and Science of Egypt's Great Monuments. New York: Grove Press. ISBN .
ก่อนหน้า | ราชวงศ์ที่หกแห่งอียิปต์ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ราชวงศ์ที่ห้า | ราชวงศ์แห่งอียิปต์ (ประมาณ 2345 - 2181 ปีก่อนคริสตกาล) | ราชวงศ์ที่เจ็ดและแปดแห่งอียิปต์ |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
rachwngsthihkaehngxiyipt epnhnunginrachwngscanwn 4 rachwngs khux rachwngsthisam si aelaha thithudcdepnklumkhxngrachwngsthipkkhrxngxyuinchwngsmyrachxanackrekakhxngxiyiptobranrachwngsthihkaehngxiyiptraw 2345 pikxnkhristkal raw 2181 pikxnkhristkalphranangxngkhensemrierthi 2 kbphrarachoxrskhxngphraxngkh faorheppithi 2emuxnghlwngemmfisphasathwipphasaxiyiptsasnasasnaxiyiptobrankarpkkhrxngsmburnayasiththirachyyukhprawtisastryukhsmvththi kxtngraw 2345 pikxnkhristkal sinsudraw 2181 pikxnkhristkalkxnhna thdiprachwngsthihaaehngxiyipt rachwngsthiecdaehngxiyiptrachwngsthiaepdaehngxiyiptrayphranamfaorhcakrachwngsthihkaehngxiyiptfaorhthiepnthithrabcakrachwngsthihkpraktxyuintarangdanlang maenothidkahndihrachwngsthihkidpkkhrxngxiyiptraw 203 pi nbtngaetcakrchsmykhxngfaorhettithungfaorhniotkhris khnathiinbnthukphranamaehngturinidrabuwarachwngsthihkidpkkhrxngxiyiptepnrayaewla 181 pi aetmifaorhephimxiksamphraxngkhthiprakxbdwyxaba Aba sungepnepnkarldchwngpikarpkkhrxngcakrachwngsthiaepdaehngxiyiptthithukephimekhama thaihrayaewlakhxngkarpkkhrxngkhxngrachwngsthihkldlngehluxephiyng 155 pi odykarpramandngklawcaaetktangkniprahwangnkwichakaraelaaehlngkhxmul faorhcakrachwngsthihkaehngxiyipt phranam phranamkhrxngrachy rupphaph chwngewlathisnnisthan rayaewlakhrxngrachyodypraman phiramid phramehsietti hxrs esehethpthawi 2345 2333 pikxnkhristkal tammaenoththi 30 33 pi tambnthukphranamaehngturinthinxykwa 7 eduxn tamthi 6 khrng ethakbxyuthipraman 12 13 pi inskkxeraah xiphutthi 1khuxitekhnthkhaxusthi 4 nithyuesxrkhaer imthrab 2333 2331 pikxnkhristkal impraktthihlkthankhxngmaenoth xaccathrngekiywkhxngkblxbplngphrachnmkhxngfaorhetti suyhayinswnthiesiyhaykhxngbnthukphranamaehngturin imthrabcanwnkhrngkhxngkarnbcanwnpsustw suyhayinswnthiesiyhay eppithi 1 enefxrsahxr edim emxrxexner phayhlng 2331 2287 pikxnkhristkal tammaenoththi 52 pi tambnthukphranamaehngturinthi 20 hrux 44 pi tamkarnbcanwnpsustwthi 25 khrng ethakbxyuthipraman 49 50 pi inskkxeraahit xngkhexsexneppithi 1xngkhexsexneppithi 2xienenkh xintiemhaxaendcexfethtenmtiexmsafthi 1 emxrexner 2287 2278 pikxnkhristkal tammaenoththi 7 xu tambnthukphranamaehngturinthi 6 pi tamkarnbcanwnpsustwthi 5 khrngkbxik 1 pi ethakbxyuthipraman 10 pi phiramidaehngemxrexnerinskkxeraahit xngkhexsexneppithi 2eppithi 2 enefxrkhaer 2278 2184 pikxnkhristkal tammaenoththi 94 pi tambnthukphranamaehngturinthimakkwa 90 pi tamkarnbcanwnpsustwthi 33 khrng ethakbxyuthipraman 64 66 pi inskkxeraahit nithxiphutthi 2xngkhexsexneppithi 3xngkhexsexneppithi 4enmtiexmsafthi 2 emxrexner enmti exmsaf 2184 pikxnkhristkal tammaenoththi 1 pi tambnthukphranamaehngturinthi 1 pi 1 eduxnenthecxrkhaer siphthahhrux niotkhris imthrab 2184 2181 pikxnkhristkal tammaenothbnthukthungfaorhniotkhrisxyuthi 12 pi tambnthukphranamaehngturin edimthikhidwacarabuihkbfaorhniotkhris cakkarsuksaemuxerw niekiywkbbnthukpapirusidepliynaeplngkarkhadkarndngklaw ephuxchiwanacaepnfaorhenthecxrkhaer sungmihlkthanpraktxyubnthukphranamaehngxibdxsdwyprawtirachwngsrachwngsthihkidrbkarphicarnacaknkwichakarhlaykhnwaepnrachwngssudthaykhxngchwngsmyrachxanackreka thungaemwaprawtisastrxiyiptobrankhxngxxksfxrd carwmrachwngsthiecdaelaaepdekhaepnswnhnungkhxngsmyrachxanackrekadwy aetmaenothidbnthukwafaorhcakrachwngsthihkthrngpkkhrxngcakemuxngemmfis enuxngcakphiramidkhxngphraxngkhthuksrangkhunthiskkxeraah sungxyuimiklknmaknk emuxthungsmyrachwngsthiha sthabnsasnaidtngtnepnkalngsakhyinsngkhm miaenwonmkaretibotkhxngrabbkhunnangaelathanankbwch aelakarldlngkhxngxanackhxngfaorhthiekidkhuninrchsmykhxngfaorhenefxrxirkhaer khakhaxi rahwangkarpkkhrxngkhxngfaorhdecdkhaer xiessi ehlakhunnangidrbxanacmakkhun sungcaehnidcaksusanswntwxnoxxathisrangkhun aelainthisudknaipsukarsrangrabbskdinathimiphltamma aenwonmthicdtngkhunehlani sungepnkarkracaykhxngxanac khwbkhuipkbkaretibotkhxngrabbkhunnangnn idthwikhwamekhmkhnmakkhuninchwngsamthswrrsaehngkarpkkhrxngkhxngfaorhyuns sungthaihrabbesrsthkicthdthxyechnkn sungkaretibotdngklawdaenintxipcnthungrachwngsthihk sungnaipsusmychwngrahwangklangthihnung faorhetti faorhettiidrbkarrabuwathrngepnfaorhphraxngkhaerkkhxngrachwngsthihk odymaenoth odyhlngcaksinsudrchsmykhxngfaorhyuns phraxngkhcungesdckhunkhrxngrachsmbtiinchwngstwrrsthi 23 kxnkhristkal maenothidrabuwafaorhettithrngkhrxngrachyepnrayaaewla 30 hrux 33 pi sungimnacaepnipidtrabethathiyngimmihlkthankarechlimchlxng aelachwngewlathibnthukiwtrngkbkarnbcanwnpsustwkhrngthihk khux 12 hrux 13 piinrchrchsmykhxngphraxngkh inbnthukphranamaehngturin xarthisi idraburayaewlaaehngkarkhrxngrachyxyuthipraman 7 eduxn sungkimnacaepnipidxik swnnkobrankhdi harthwik xlethinmulelxr sungidphicarnarahwanghlkthancakmaenothaelaaelabnthukkarnbcanwnpsustw aelaesnxrayaewlakarkhrxngrachykhxngphraxngkhpraman 23 pi swnnkxiyiptwithya pietxr ekhlytn aelawileliym smith esnxwaphraxngkhthrngkhrxngrachyepnrayaewla 12 pi khwamsmphnthrahwangfaorhettikbphupkkhrxngkxnhnakhxngphraxngkhthiyngkhngkhlumekhruxxyu aetphranangxiphut sungepnphramehsikhxngphrxngkh echuxwaepnphrarachthidakhxngfaorhyuns sunghmaykhwamwa faorhettithrngkhunkhrxngbllngkinthanaphrachamadakhxngfaorhyuns karkhunkhringrachykhxngphraxngkhidaekikhwikvtkarsubsnttiwngsthixaccaekidkhuncakfaorhyunsesdcswrrkhtodyimmixngkhrchthayathburus faorhettithrngichphranamhxrswa esehethpthawi hmaythung phuthrngplxbpraolmsxngaephndin ephuxsthapnarchsmykhxngphraxngkhihepnhnunginkarfunfuexkphaphthangkaremuxng aeladuehmuxncaekidkhunidxyangrabrun faorhettiyngkhngthrngrbkhunnangcakrchsmyphupkkhrxngkxnhnakhxngphraxngkhcakrachwngsthihaihthangaihkbrachsank echn rachmntriemhu aelakhaekmni phusungerimrbrachkarinchwngrchsmykhxngfaorhdecdkhaer xiessi xyangirktam bnthukphranamaehngturinkaethrkchxngwangrahwangrchsmyfaorhyunskbfaorhettiechnkn sungcaormir maelk nkxiyiptwithya echuxwaekiywkhxngkb karyaythitngkhxngemuxnghlwngaelathiprathbkhxngphrarachwngs odyemuxnghlwngyaycak emuxngkaaephngsikhaw emmfis ipyngchanemuxngthimiprachakrhnaaennthangitipyng decd xisut sungidmacakchuxphiramidkhxngfaorhettiaelaemuxngphiramid aelatngxyuthangtawnxxkkhxngphiramid thiprathbkhxngphrarachwngsxaccaxyuiklxxkipthangit inhubekhathixyuhangxxkipaelakhamthaelsabcakemuxng thangtawnxxkkhxngskkxeraahit sungepnsthanthisrangphiramidkhxngfaorhdecdkhaer xiessi aelafaorheppithi 1 faorhettimiphrarachthidaphranamwa esechsecht sungthrngxphiesksmrskbkhunnangkhnhnungkhxngphraxngkhaelahwhnankbwchinchwngewlatxmanamwa emxrexxryukha cungepnsyyanthichdecnwaphraxngkhthrngsnphrarachhvthythicathrngsnithsnmkbchnchnsung odyemxrexxryukhathukfngiklkbphiramidkhxngfaorhetti inhlumfngsphthihruhrainskkxeraahehnux swnhnungkhxngphrarachnoybaythinamasukhwamsngbsukhkhxngfaorhetti phraxngkhidthrngxxkphrarachkvsdikaykewnkarekbphasiwiharthixibdxs phraxngkhthrngepnphupkkhrxngphraxngkhaerkthimikhwamsmphnthiklchidkblththiaehngethphihthxrthiednedra aelaintangdinaedn faorhettithrngrksakhwamsmphnththangkarkhakbibblxsaelaniwebiy faorhettithrngoprdihsrangphiramidthiskkxeraahehnux phiramidkhxngphraxngkhuepniptammatrthankhxngphiramidaehngdecdkhaer xiessithisrangiw odymikhwamyawthan 78 5 m 258 fut brrcbkbyxdthithamum 53 thikhwamsungsungsud 52 5 m 172 fut okhrngsrangphunthankhxngphiramidnnkhlaykhlungkbphiramikkhxngfaorhyunsaeladecdkhaer xiessimak mithangedinldhlnaelathangedininaenwrabthikniwpramantrngklangdwychxnghinaekrnitsamchxng naipsuhxngdanhnathikhnabkhangipthangthistawnxxkdwychxngaekhbsamchxng aelathangthistawntkodyhxngfngsphthimiolnghin phnngkhxnghxngaelaswnkhxngthangedinaenwnxnthukcarukiwdwy echnediywkbinphiramidaehngyuns wiharbuchaphrabrmsph ykewnthangekha ksxdkhlxngkbaephnphunthanechnediywkbkhxngphupkkhrxngkxnhnakhxngphraxngkh klumphiramidbriwartngxyuthangtawnxxkechiyngitkhxngphiramidodymikhwamyawthan 15 7 m 52 fut thangedinthiechuxmipyngwiharbuchaphrabrmsphnnyngimidrbkarkhudkhn inkhnathiwiharthirbrxngphrabrmsphaelaemuxngphiramidnnhayipthnghmd phiramidkhxngfaorhettiklayepnthitngkhxngsusankhnadihy aelarwmthungphiramidkhxngphramehsinithaelaphramehsixiphut sungepnphrarachmardakhxngfaorheppithi 1 dwy phraxthisnthankhxngphranangxiphutthukkhnphbodythrngthukfngxyuinphiramidkhxngphraxngkhinolngphrabrmsphim maenothxangwafaorhettithrngthuklxbplngphrachnmodymhadelkpracaphraxngkh aetimmiaehlngkhxmulrwmsmyidmayunynpraedndngklaw hakepneruxngcring xaccaxthibayaelachithungfaorhthikhunmakhrxngrachyepnrayaewlasn phranamwa yuesxrkhaer rahwangrchsmykhxngfaorhettiaelafaorheppithi 1phranamkhxngfaorhyuesxrkhaerprakkxyuinbnthukphranamaehngturinaelaxibdxsaelathukklawthunginhlkthanthangobrankhdirwmsmyhlaychbb faorheppithi 1 inchwngrachwngsthihaaehngxiyipt khnasarwcthuksngipynginkhabsmuthrisnay ephuxkhudhaaerethxrkhwxysaelathxngaedng echnediywkbehmuxngthi aelawadi hmmamat sungfaorhdecdkharaidthrngsngkhnasarwcthangkarkhalngitipyngdinaednphuntaelakhunehnuxipyngemuxngibblxs aelafaorheppithi 1 imephiyngaetthrngsngkhnasarwcipyngsthanthidngklawniethann aetyngthrngsngipiklthunginsieriypccubndwy faorheppithi 2 thrngepnfaorhthioddednthisudkhxngrachwngsthihakhux faorheppithi 2 sungthrngkhrxngrachyyawnanthung 94 pi phranangnitiekrt phraxngkhthrngepnthithrabkninphranamphasakrik khux niotkhris sungepnstrithithukechuxodynkwichakarwaphraxngkhimidthrngepnfaorhstriphraxngkhaerkethann aetyngthrngepnsmedcphrarachiniphraxngkhaerkkhxngolkdwy aemwainpccubncaepnthiyxmrbknwaphranamkhxngphraxngkhcaepnkarxanphranamthiphidphladkhxngfaorhnitxiekxrti siphthahkhwamefuxngfukhxngkhunnangdwycanwncarukchiwprawtithiephimkhuninsusanthiimichkhxngphrarachwngs thaihthrabekiywkbprawtisastrrwmsmyidkwangkhun twxyangechn karthiidthrabthungaephnkarthilmehlwinkartxtanfaorheppithi 1 aelathrabthungxan dwykhwamtunetnthihnunginkhnasarwckhxngphraxngkhcaklbmaphrxmkbcakdinaednaehngym sungtngxyuthangitkhxngniwebiy khacarukbnsusanthiimichkhxngphrarachwngsepnephiyngtwxyanghnungkhxngxanacthiephimkhunkhxngkhunnang sungthaihkarpkkhrxngodysmburnkhxngfaorhidxxnaexlngipxik phlthitamma khux epnthiechuxknwainkarswrrkhtkhxngfaorheppithi 2 thithrngmiphrachnmphrrsayunmaknn thaihkharachbripharkhxngphraxngkhtngmnmakphxthicatxtanphrarachxanackhxngphupkkhrxngthikhunmapkkhrxngtxhlayphraxngkhkhxngphraxngkh sungxaccamiswnthaihrachxanackrekaesuxmxanaclngxyangrwderwechingxrrthmikaresnxchwngewlakhxngrachwngsthihk hnwy pikxnkhristkal idaek c 2460 2200 BC c 2374 2200 BC c 2370 2190 BC c 2345 2181 BC c 2323 2150 BC c 2282 2117 BC mikaresnxchwngewlakhxngrchsmyfaorhetti hnwy pikxnkhristkal idaek c 2374 2354 BC c 2345 2333 BC c 2345 2323 BC c 2323 2191 BC c 2282 2270 BC xangxingDodson amp Hilton 2004 p 70 Altenmuller 2001 p 601 Grimal 1992 p 390 Verner 2001d p 473 Bard 1999 Chronology Clayton 1994 p 30 Shaw 2003 pp 482 483 Allen et al 1999 p xx Lehner 2008 p 8 Leprohon 2013 pp 42 43 Grimal 1992 p 81 Manetho amp Waddell 1964 p 53 Leclant 1999 p 10 Baud amp Dobrev 1995 p 59 Baud amp Dobrev 1995 pp 59 amp 66 Ryholt 1997 pp 13 14 Baud amp Dobrev 1995 pp 46 49 Altenmuller 2001 p 603 Altenmuller 2001 p 604 Leclant 1999 p 11 Manetho amp Waddell 1964 p 55 Baker 2008 pp 211 212 Grimal 1992 p 89 Theis 2010 pp 325 326 Shaw Ian b k 2000 The Oxford History of Ancient Egypt ISBN 978 0 19 815034 3 Gardiner Alan Sir 1964 Egypt of the Pharaohs Oxford University Press p 91 Grimal 1992 pp 89 90 Verner 2001b pp 589 590 Grimal 1992 p 79 Verner 2001b p 90 Grimal 1992 p 80 Malek 2003 p 103 Verner 2001b p 590 Altenmuller 2001 p 602 Clayton 1994 p 64 Smith 1962 p 48 Shaw 2003 p 482 Dodson amp Hilton 2004 p 288 Malek 2003 p 104 Grimal 1992 pp 80 81 Lehner 2008 pp 156 157 Verner 2001d pp 343 344 Lehner 2008 p 156 Verner 2001d p 344 Lehner 2008 p 157 Clayton 1994 p 65 Verner 2001d pp 347 350 Kanawati 2003 p 157 Shaw Ian 2000 The Oxford History of Ancient Egypt Oxford University Press p 116 ISBN 978 0 19 815034 3 Breasted J H 1906 Ancient Records of Egypt Vol Part One Chicago sections 282 390 Shaw Ian 2000 The Oxford History of Ancient Egypt Oxford University Press p 115 ISBN 978 0 19 815034 3 Breasted J H 1906 Ancient Records of Egypt Vol Part One Chicago section 310 Breasted J H 1906 Ancient Records of Egypt Vol Part One Chicago sections 350 354 aehlngkhxmulAllen James Allen Susan Anderson Julie aelakhna 1999 Egyptian Art in the Age of the Pyramids New York The Metropolitan Museum of Art ISBN 978 0 8109 6543 0 OCLC 41431623 2001 Old Kingdom Sixth Dynasty in b k The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt Volume 2 Oxford Oxford University Press pp 601 605 ISBN 978 0 19 510234 5 Baker Darrel D 2008 The Encyclopedia of the Pharaohs Volume I Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300 1069 BC London Stacey International ISBN 978 1 905299 37 9 Bard Kathryn b k 1999 Encyclopedia of the Archaeology of Ancient Egypt London New York Routledge ISBN 978 0 203 98283 9 Baud Michel Dobrev Vassil 1995 De nouvelles annales de l Ancien Empire egyptien Une Pierre de Palerme pour la VIe dynastie Bulletin de l Institut Francais d Archeologie Orientale phasafrngess 95 23 92 ISSN 0255 0962 1994 Chronicle of the Pharaohs London Thames amp Hudson ISBN 978 0 500 05074 3 Hilton Dyan 2004 The Complete Royal Families of Ancient Egypt London Thames amp Hudson ISBN 978 0 500 05128 3 1992 A History of Ancient Egypt Translated by Ian Shaw Oxford Blackwell publishing ISBN 978 0 631 19396 8 Kanawati Naguib 2003 Conspiracies in the Egyptian Palace Unis to Pepy I London Routledge ISBN 0 203 16673 6 Leclant Jean 1999 A Brief History of the Old Kingdom Egyptian Art in the Age of the Pyramids New York The Metropolitan Museum of Art pp 3 12 ISBN 978 0 8109 6543 0 OCLC 41431623 2008 The Complete Pyramids New York Thames amp Hudson ISBN 978 0 500 28547 3 Leprohon Ronald J 2013 The Great Name Ancient Egyptian Royal Titulary Vol 33 of Writings from the ancient world Atlanta Society of Biblical Literature ISBN 978 1 589 83736 2 Malek Jaromir 2003 The Old Kingdom c 2686 2160 BC in Shaw Ian b k The Oxford History of Ancient Egypt Oxford University Press pp 83 107 ISBN 978 0 19 815034 3 Manetho Waddell William Gillan 1964 Aegyptiaca The Loeb classical library 350 Cambridge Harvard University Press OCLC 1067847872 Ryholt Kim 1997 The Political Situation in Egypt during the Second Intermediate Period c 1800 1550 B C CNI publications Vol 20 Copenhagen The Carsten Niebuhr Institute of Near Eastern Studies Museum Tusculam Press ISBN 87 7289 421 0 Shaw Ian b k 2003 The Oxford History of Ancient Egypt Oxford Oxford University Press ISBN 978 0 19 815034 3 Smith William Stevenson 1962 XIV The Old Kingdom in Egypt and the Beginning of the First Intermediate Period The Cambridge Ancient History Vol 1 Cambridge Cambridge University Press pp 1 72 OCLC 879104162 Theis Christoffer 2010 Kloth Nicole b k Die Pyramiden der Ersten Zwischenzeit Nach philologischen und archaologischen Quellen Studien zur Altagyptischen Kultur phasaeyxrmn Hamburg Helmut Buske Verlag Band 39 321 339 ISBN 978 3 87548 584 4 ISSN 0340 2215 Verner Miroslav 2001b Old Kingdom in Redford Donald B b k The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt Volume 2 Oxford Oxford University Press pp 585 591 ISBN 978 0 19 510234 5 Verner Miroslav 2001d The Pyramids The Mystery Culture and Science of Egypt s Great Monuments New York Grove Press ISBN 978 0 8021 1703 8 kxnhna rachwngsthihkaehngxiyipt thdiprachwngsthiha rachwngsaehngxiyipt praman 2345 2181 pikxnkhristkal rachwngsthiecdaelaaepdaehngxiyipt