ยูนัส /ˈjuːnəs/ หรือ เวนิส หรือยังสะกดได้อีกว่า ยูนิส (อียิปต์โบราณ: wnjs, รูปแบบที่แปรมาเป็นภาษากรีก: อีนัส /ˈiːnəs/ หรือ ออนนอส) เป็นฟาโรห์ลำดับที่ที่เก้าและพระองค์สุดท้ายจากราชวงศ์ที่ห้าแห่งอียิปต์โบราณในช่วงสมัยราชอาณาจักรเก่า พระองค์ครองราชย์เป็นเวลา 15 ถึง 30 ปีในช่วงกลางศตวรรษที่ 24 ก่อนคริสตกาล (ประมาณ 2345 ถึง 2315 ปีก่อนคริสตกาล) ต่อจากฟาโรห์ดเจดคาเร ไอเซซิ ซึ่งอาจเป็นพระราชบิดาของพระองค์
ฟาโรห์ยูนัส | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
อีนัส, ออนนอส, ยูนิส, เวนิส | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
โลงพระศพหินบะซอลต์สีดำภายในห้องฝังพระศพของฟาโรห์ยูนัสในพีระมิด | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ฟาโรห์ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รัชกาล | ระยะเวลายังคลุมเครือ; 15 ถึง 30 ปี ในช่วงกลางศตวรรษที่ 24 ก่อนคริสตกาล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ก่อนหน้า | ดเจดคาเร ไอเซซิ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ถัดไป | เตติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คู่เสกสมรส | , | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
พระราชบุตร | เฮเมตเร เฮมิ ♀, เคนท์คาอูเอส ♀, เนเฟรุต ♀, เนเฟรตคาอูเอส ไอกู ♀, เซเชเชต ไอดุต ♀. คลุมเครือ: ยูนัส-อังค์ ♂, ♀. สันนิษฐาน: เนบคาอูฮอร์ ♂, เชปเซสพุพทาห์ ♂ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
พระราชบิดา | อาจจะเป็นฟาโรห์ดเจดคาเร ไอเซซิ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
พระราชมารดา | อาจจะเป็นเซติบฮอร์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สุสาน | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ที่ 5 |
ไม่ค่อยทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงรัชสมัยของพระองค์มากนัก ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ แต่อียิปต์ยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางการค้ากับชายฝั่งเลวานไทน์และนิวเบีย และอาจมีการเคลื่อนไหวทางทหารเกิดขึ้นทางตอนใต้ของคานาอัน การเติบโตและการกระจายอำนาจของฝ่ายบริหารควบคู่ไปกับการลดอำนาจของฟาโรห์ยังคงดำเนินต่อไปภายใต้รัชสมัยของพระองค์ และท้ายสุดก็มีส่วนทำให้เกิดการล่มสลายของสมัยราชอาณาจักรเก่าในอีก 200 ปีต่อมา
พระองค์โปรดให้สร้างพีระมิดขึ้นในซัคคารา ซึ่งเป็นปิรามิดขนาดเล็กที่สุดของราชวงศ์ที่สร้างเสร็จในช่วงสมัยราชอาณาจักรเก่า บริเวณฝังพระศพที่มีโถงทางเดินที่เชื่อมกันยาว 750 เมตร (2,460 ฟุต) ที่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยภาพสลักนูนต่ำนูน ซึ่งมีคุณภาพและความหลากหลายเหนือกว่ารูปเคารพของราชวงศ์ทั่วไป นอกจากนี้ พระองค์ยังเป็นฟาโรห์พระองค์แรกที่มีที่แกะสลักและทาสีบนผนังห้องต่างๆ ของพีระมิด ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงใหม่สำคัญที่ผู้ปกครองหรือฟาโรห์ต่อจากพระองค์ได้ทำตามถึงช่วงระหว่างกลางที่1 (ระยะเวลาช่วง 2160 ถึง 2050 ปีก่อนคริสตกาล) โดยข้อความเหล่านี้จะระบุตัวฟาโรห์ให้กับเทพราและเทพโอซิริส ซึ่งเทพทั้งสองพระองค์ได้รับการบูชาอย่างมากในรัชสมัยของพระองค์และมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ฟาโรห์ไปสู่ชีวิตหลังความตาย
พระองค์มีพระราชธิดาหลายพระองค์และอาจมีพระราชโอรสหนึ่งหรือสองพระองค์ ซึ่งเชื่อว่าได้สิ้นพระชนม์ไปก่อนพระองค์แล้ว ผู้เป็นนักบวชชาวอียิปต์แห่งอาณาจักรทอเลมีในช่วงศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาลและผู้เขียนประวัติศาสตร์เริ่มแรกของอียิปต์ ได้อ้างว่า เมื่อฟาโรห์ยูนัสเสด็จสวรรคต ราชวงศ์ที่ห้าก็สิ้นสุดลง โดยมีฟาโรห์เตติ เป็นฟาโรห์พระองค์แรกของราชวงศ์ที่หกมาขึ้นครองราชย์ต่อ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าขึ้นครองราชย์หลังจากเกิดวิกฤตกาลในช่วงสั้น ๆ อย่างไรก็ตาม หลักฐานทางโบราณคดีชี้ให้เห็นว่าชาวอียิปต์โบราณในขณะนั้นไม่ได้หยุดพักอย่างมีสติกับราชวงศ์ก่อนหน้า และการแบ่งแยกระหว่างราชวงศ์ที่ห้าและราชวงศ์ที่หกอาจจะเป็นเรื่องเท็จ
การบูชาฟาโรห์ยูนัสได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตและอยู่ต่อมาจนถึงสมัยที่ราชอาณาจักรเก่าสิ้นสุดลงและอาจจะอยู่ต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงช่วงระหว่างกลางที่หนึ่งอันวุ่นวาย พิธีการดังกล่าวยังอาจจะอยู่มาถึงหรือได้รับการฟื้นฟูขึ้นในช่วงราชอาณาจักรกลาง (ราว 2050 ถึง 1650 ปีก่อนคริสตกาล) แต่กลับไม่ได้ป้องกันจากการรื้อถอนที่ฝังพระศพของพระองค์บางส่วนเพื่อเอาวัสดุในรัชสมัยฟาโรห์อเมเนมเฮตที่ 1 และ ฟาโรห์เซนุสเรตที่ 1 (ราวช่วง 1990 ถึง 1930 ปีก่อนคริสตกาล)
ควบคู่ไปกับพิธีการดังกล่าว ฟาโรห์ยูนัสอาจได้รับความเคารพอย่างสูงในฐานะเทพเจ้าท้องถิ่นแห่งซัคคารา จนกระทั่งช่วงยุคปลาย (664–332 ปีก่อนคริสตกาล) เกือบ 2,000 ปีหลังจากที่พระองค์สวรรคต
หลักฐานรับรอง
หลักฐานทางประวัติศาสตร์
การมีอยู่ของฟาโรห์ยูนัสได้รับการพิสูจน์อย่างชัดเจนจากแหล่งประวัติศาสตร์ที่มีบันทึกรายพระนามกษัตริย์อียิปต์โบราณสามรายการสืบมาจากช่วงสมัยราชอาณาจักรใหม่ได้กล่าวถึงพระองค์ พระองค์อยู่ในรายการที่ 33 ของบันทึกพระนามกษัตริย์แห่งอไบดอส ซึ่งบันทึกขึ้นในรัชสมัยของฟาโรห์เซติที่ 1 (1290–1279 ปีก่อนคริสตกาล) พระนามของพระองค์ก็มีอยู่ในบันทึกพระนามกษัตริย์แห่งซัคคารา (ในรายการที่ 32) และในบันทึกพระนามกษัตริย์แห่งตูริน (ในคอลัมน์ที่ 3 แถวที่ 25) ซึ่งทั้งสองบันทึกพระนามนี้นี้ด้เขียนขึ้นในรัชสมัยของฟาโรห์รามเสสที่ 2 (1279–1213 ปีก่อนคริสตกาล) บันทึกพระนามกษัตริย์แห่งตูรินได้บันทึกไว้ว่าพระองค์ปกครองอียิปต์เป็นเวลา 30 ปี แหล่งข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมดได้ระบุว่าพระองค์เป็นฟาโรห์พระองค์ที่เก้าและพระองค์สุดท้ายของราชวงศ์ที่ห้า ซึ่งขึ้นครองราชย์ต่อจาฟาโรห์ดเจดคาเร ไอเซซิ และฟาโรห์เตติขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์ ลำดับเหตุการณ์ที่สัมพันธ์กันนี้ได้รับการยืนยันโดยหลักฐานทางโบราณคดี เช่น ในหลุมฝังศพของข้าราชการที่รับใช้ภายใต้ฟาโรห์เหล่านี้
นอกจากแหล่งข้อมูลเหล่านี้แล้ว พระองค์ยังถูกกล่าวถึงใน Aegyptiaca ซึ่งเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ของอียิปต์โบราณที่เขียนขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล ในรัชสมัยของฟาโรห์ปโตเลมีที่ 2 (283–246 ปีก่อนคริสตกาล) โดยนักบวชชาวอียิปต์นามว่า มาเนโท ซึ่งไม่มีสำเนาของ Aegyptiaca ที่หลงเหลือมาจนถึงทุกวันนี้ แต่รู้เพียงผ่านงานเขียนในภายหลังโดย และเท่านั้น อาฟริกานัสกล่าวว่า Aegyptiaca ได้กล่าวถึงฟาโรห์ "ออนนอส" ที่ครองราชย์เป็นเวลา 33 ปีช่วงปลายราชวงศ์ที่ห้า ซึ่งเชื่อกันว่า ออนนอส เป็นรูปแบบที่แปรมาเป็นภาษากรีกของ ยูนัส และจำนวน 33 ปีแห่งการครองราชย์ของอาฟริกานัสก็ตรงกับจำนวนปีครองราชย์ของพระองค์ตามบันทึกพระนามกษัตริย์แห่งตูริน
หลักฐานร่วมสมัย
หลักฐานชั้นต้นร่วมสมัยในปัจจุบันได้พิสูจน์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงรัชสมัยของพระองค์คือภาพสลักนูนต่ำมากมายจากพีระมิดของพระองค์ หากไม่นับหลักฐานเหล่านี้ มีหลักฐานไม่กี่ชิ้นที่สืบเนื่องมาจากรัชสมัยของพระองค์ที่ยังหลงเหลืออยู่เลยจนถึงทุกวันนี้ เมื่อพิจารณาถึงระยะเวลาครองราชย์ 30 ปีที่บันทึกไว้ในสมัยต่อมาสำหรับการครองราชย์ของพระองค์ การขุดค้น ซึ่งเป็นสุสานหลวงของราชวงศ์ที่ห้าแห่งอียิปต์โบราณได้บันทึกจารึกลงวันเวลาเพียงสี่ชิ้นเท่านั้นที่เกี่ยวข้องพระองค์และอยู่สภาพที่สมบูรณ์ ซึ่งจารึกเหล่านั้นกล่าวถึงปีที่สาม สี่ หกและแปดของการครองราชย์ของพระองค์อย่างชัดเจน พระองค์ยังมีจารึกบนเกาะแอลเลเฟนไทน์ ที่อยู่ถัดจากแก่งน้ำตกแรกของแม่น้ำไนล์ในนิวเบีย
นอกจากนี้ ยังมีแจกันหินปูนขาวหลายใบที่มีคาร์ทูธของพระองค์ เรือไม้ที่สมบูรณ์และชิ้นส่วนเพิ่มเติมที่มาจากเมืองไบบลอส ซึ่งอยู่บนชายฝั่งเลวานไทน์ ขณะนี้อยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเบรุต แจกันที่ไม่ทราบที่มาตั้งอยู่ในและอ่านว่า "ฮอรัส วาดจ์ทาวี, ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์, ฟาโรห์แห่งอียิปต์ตอนบนและตอนล่าง, โอรสแห่งรา, ยูนัส, ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์" เรือไม้อีกลำที่ไม่ทราบที่มาที่จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เป็นแจกันทรงกลมสูง 17 เซนติเมตร (6.7 นิ้ว) กว้าง 13.2 เซนติเมตร (5.2 นิ้ว) ประดับอย่างวิจิตรด้วยเหยี่ยวที่มีปีกกางออกและงูเห่าสองตัวจับเครื่องหมายอังค์รอบ ๆ คาร์ทูธของพระองค์ กระปุกขี้ผึ้งที่สลักพระนามของพระองค์และพระนามฮอรัส ซึ่งจัดแสดงอยู่ใน และชิ้นส่วนของขอบแจกันแคลไซต์ที่แกะสลักคาร์ทูธของพระองค์ทั้งสองชิ้นก็แสดงอยู่ใน
รัชสมัย
พระราชวงศ์
ฟาโรห์ยูนัสได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากฟาโรห์ดเจดคาเร ไอเซซิ เสด็จสวรรคต ซึ่งฟาโรห์ดเจดคาเรถูกสันนิษฐานว่าเป็นพระราชบิดาของพระองค์ ทั้งที่ไม่มีหลักฐานยืนยันเกี่ยวกับข้อสงสัยอย่างชัดเจน และการขึ้นครองราชย์ของพระองค์จากฟาโรห์ดเจดคาเร ไอเซซิดูเหมือนว่าจะราบรื่น
พระองค์มีพระมเหสีอย่างน้อย 2 พระองค์ คือ พระนาง และ พระนาง ซึ่งถูกฝังอยู่ในมาสตาบาคู่ขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับพีระมิดของพระสวามี และพระนางเนเบตอาจจะมีพระโอรสคือ "พระราชโอรสแห่งกษัตริย์", "มหาดเล็กของพระราชวงศ์", "นักบวชแห่งเทพี" และ "ผู้ตรวจการอียิปต์บน" นามว่า ยูนัส-อังค์ ซึ่งน่าจะสิ้นพระชนม์ประมาณ 10 ปีในรัชสมัยของฟาโรห์ยูนัส พระนามของพระองค์ได้บอกเป็นนัยโดยอ้อมแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างบิดาและบุตร ตำแหน่งของพระองค์ และหลุมฝังศพของพระองค์ใกล้กับพระนางเนเบตและพระบิดา แต่กลับไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล พระราชโอรสอีกสองพระองค์มีการสันนิษฐานว่าคือ เนบคาอูฮอร์ และเซปเซสพูพทาห์ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างฟาโรห์ยูนัสนั้นเป็นเพียงการคาดเดาและโต้แย้งกัน ฟาโรห์ยูนัสน่าจะสวรรคตโดยไม่มีองค์รัชทายาทชาย
พระองค์มีพระราชธิดาอย่างน้อยห้าพระองค์ พระนามว่า เฮเมตเร เฮมิ, เคนท์คาอูเอส, เนเฟรุต, , เนเฟรตคาอูเอส ไอกู, และ เซเซสเฮต ไอดุต และสถานะของพระราชธิดาอีกพระองค์อีกหนึ่งที่เป็นไปได้นามว่า ยังคลุมเครือ
ช่วงการครองราชย์
ระยะเวลาในการครองราชย์ของฟาโรห์ยูนัสนั้นยังคลุมเครือ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น หลักฐานประวัติศาสตร์ระบุเวลาการครองราชย์ด้วยระยะเวลา 30 และ 33 ปี ตัวเลขปีที่นักไอยคุปต์วิทยานิยมนำไปใช้ เช่น , วิลเลียม ซี. ฮาเยส, , , และ การครองราชย์ที่ยาวนานเช่นนี้ จะมีภาพสลักของซึ่งพบอยู่ในวิหารฝังพระศพของพระองค์ โดยปกติแล้วเทศกาลนี้จะมีการเฉลิมฉลองหลังจากครองราชย์ไปแล้ว 30 ปี และมีเป้าหมายที่ฟื้นฟูความแข็งแกร่งและอำนาจแก่ฟาโรห์ อย่างไรก็ตาม การพรรณนาถึงเทศกาลเซดเพียงอย่างเดียวนั้นไม่ได้หมายถึงการครองราชย์ที่ยาวนานเสมอไป ยกตัวอย่างเช่น ภาพนูนต่ำที่แสดงให้เห็นฟาโรห์ซาฮูเรในชุดเสื้อคลุมของเทศกาลเซด ซึ่งพบในวิหารฝังพระศพของพระองค์ ถึงแม้ว่าทั้งหลักฐานทางประวัติศาสตร์และหลักฐานทางโบราณคดีต่างเห็นพ้องกันว่าฟาโรห์ซาฮูเรทรงปกครองอียิปต์เป็นเวลาน้อยกว่า 14 ปีเต็ม
นักไอยคุปต์วิทยาคนอื่น ๆ สงสัยว่าพระองค์จะครองราชย์น้อยกว่า 30 ปี เนื่องจากมีหลักฐานที่สามารถระบุได้ในการครองราชย์ของพระองค์ไม่เพียงพอ เช่นเดียวกับการขาดหลักฐานที่มีอายุเกินกว่าปีที่แปดแห่งการครองราชย์ของพระองค์ ดังนั้น เชื่อว่า ฟาโรห์ยูนัสปกครองอียิปต์เป็นเวลา 20 ปี ในขณะที่ , และ ได้ลดจำนวนปีครองราชย์ลงเหลือ 15 ปีในการศึกษาลำดับเหตุการณ์ของอียิปต์โบราณในปี ค.ศ. 2012 เคราส์และตั้งข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของบันทึกพระนามกษัตริย์แห่งตูรินช่วงราชวงศ์ที่สี่และราชวงศ์ที่ห้า ดังนั้นจำนวนปีครองราชย์ของฟาโรห์ยูนัสที่ระบุไว้ว่า 30 ปีที่กล่าวในบันทึกดังกล่าวนั้นอาจจะไม่น่าเชื่อถือ
การขุดค้นของหลุมฝังศพของไนคาอู-ไอเซซิ ภายใต้การดูแลของที่ซัคคาราได้ให้หลักฐานสนับสนุนการครองราชย์ที่สั้นกว่า โดย ไนคาอู-ไอเซซิ เป็นข้าราชการที่เริ่มทำงานในรัชสมัยของฟาโรห์ดเจดคาเร ไอเซซิ เขามีชีวิตผ่านรัชสมัยของฟาโรห์ยูนัสและถึงแก่กรรมในฐานะผู้ตรวจการอียิปต์บนในช่วงรัชสมัยฟาโรห์เตติ ซึ่งเป็นฟาโรห์ที่ขึ้นครองราชย์ต่อจากฟาโรห์ยูนัส ทราบว่าไนคาอู-ไอเซซิ ถึงแก่กรรมในปีที่มีที่สิบเอ็ดในรัชสมัยของฟาโรห์เตติ ซึ่งเป็นงานที่ประกอบด้วยการนับปศุสัตว์ทั่วประเทศเพื่อประเมินจำนวนภาษีที่จะเรียกเก็บและเชื่อกันว่าการนับดังกล่าวเกิดขึ้นทุก ๆ สองปีในช่วงสมัยราชอาณาจักรเก่าและทุกปีในช่วงหลังสมัยราชอาณาจักรกลาง (ระหว่าง 2055 ถึง 1650 ปีก่อนคริสตกาล) ดังนั้นไนคาอู-ไอเซซิจะมีชีวิตอยู่เวลา 22 ปีหลังจากฟาโรห์เตติขึ้นครองราชย์และรวมกับอีก 30 ปีแห่งการครองราชย์ของฟาโรห์ยูนัส เขาน่าจะถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 70 ปี อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจทางนิติเวชของมัมมี่ของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาน่าจะมีอายุไม่เกิน 45 ปี นี่แสดงให้เห็นว่าการนับปศุสัตว์เกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้งทุกสองปีในช่วงเวลาของฟาโรห์ยูนัสและฟาโรห์เตติ ซึ่งอาจเกิดขึ้นอย่างผิดปกติ ถ้าเป็นเช่นนั้นจำนวน 30 ปีครองราชย์ของฟาโรห์ยูนัสในบันทึกพระนามกษัตริย์แห่งตูริน ซึ่งเข้าใจว่าหมายถึงการนับปศุสัตว์ 15 ครั้งอาจจะมีความหมายเป็น 15 ปี ซึ่งเมื่อรวมกับเวลาเพียง 11 ปีในรัชสมัยของฟาโรห์เตติจะทำให้ไนคาอู-ไอเซซิถึงแก่กรรมเมื่ออายุประมาณ 40 ปี อายุ 45 ปี
เหตุการณ์ภายในรัชสมัย
การค้าและสงคราม
เนื่องจากขาดหลักฐานสืบเนื่องในรัชสมัยของพระองค์ จึงทำให้ทราบถึงเหตุการณ์ภายในรัชสมัยของพระองค์น้อยมาก ความสัมพันธ์ทางการค้าที่มีอยู่กับต่างประเทศและเมืองต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองไบบลอส ดูเหมือนจะดำเนินต่อไป ภาพนูนต่ำนูนสูงจากทางเดินของพีระมิดของพระองค์แสดงให้เห็นเรือเดินทะเลขนาดใหญ่สองลำที่กลับมาจากการเดินทางไปยังชายฝั่งเลวานไทน์พร้อมกับชายชาวซีโร-คานาอัน ซึ่งเป็นลูกเรือหรือทาส ส่วนภาพสลักอีกภาพหนึ่งแสดงให้เห็นถึงการดำเนินการทางทหาร ชาวอียิปต์ติดอาวุธด้วยธนูและกริชโจมตีชาวคานาอันเร่ร่อนที่เรียกว่า มีการพบภาพนูนต่ำนูนสูงคล้ายคลึงกันในพีระมิดก่อนหน้า เช่น พีระมิดของฟาโรห์ซาฮูเร ดังนั้นจึงอาจเป็นรูปแบบมาตรฐานมากกว่าการพรรณนาถึงเหตุการณ์จริง หลักฐานอื่นมักจะยืนยันความจริงในเหตุการณ์บนภาพสลักเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น ที่เกี่ยวข้องกับการลงโทษหลายครั้งต่อชนเผ่าเร่ร่อนชาวคานาอันในช่วงต้นราชวงศ์ที่หก
จารึกของฟาโรห์ยูนัสบนเกาะแอลเลเฟนไทน์ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอียิปต์ ได้บันทึกการเสด็จเยือนของพระองค์ที่นิวเบียล่าง ซึ่งอาจจะได้รับเครื่องบรรณาการจากหัวหน้าเผ่า หรือเนื่องจากความไม่สงบที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค นอกจากนี้ ภาพสลักนูนต่ำนูนสูงของทางเดินดังกล่าวที่นำไปสู่พีระมิดของพระองค์แสดงให้เห็นตัวยีราฟ ซึ่งบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ทางการค้ากับนิวเบีย
การภายในประเทศ
รัชสมัยของฟาโรห์ยูนัสเป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ แม้ว่าตามที่ นักไอยคุปต์วิทยาชาวฝรั่งเศสเขียนไว้ว่า มันเป็น "เวลาแห่งความเสื่อมโทรมไม่เคยเกิดขึ้นเลย" ที่แท้จริงแล้ว รัฐบาลอียิปต์ยังคงสามารถจัดการสำรวจครั้งสำคัญเพื่อจัดหาหินสำหรับก่อสร้างเหล่าอาคารพีระมิดของฟาโรห์ได้ การเดินทางเหล่านี้แสดงให้เห็นในภาพนูนต่ำนูนสูงพิเศษที่พบในทางเดินไปพีระมิดของพระองค์ และยังอ้างถึงในจารึกที่บันทึกอัตชีวประวัติของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร เจ้าหน้าที่คนนี้รายงานการขนส่งระยะทาง 10.40 เมตร - เสาหินแกรนิตสีแดงสูง (34.1 ฟุต) จากเกาะแอลเลเฟนไทน์ไปยังซัคคาราในเวลาเพียงแค่สี่วัน ซึ่งเป็นผลงานที่ฟาโรห์ยกย่องเขา นอกจากงานก่อสร้างสำคัญที่ดำเนินการในซักคาราสำหรับการก่อสร้างพีระมิดของพระองค์แล้ว กิจกรรมการก่อสร้างยังเกิดขึ้นที่เกาะแอลเลเฟนไทน์อีกด้วย
เดิมทีสถานการณ์ภายในประเทศในช่วงรัชสมัยของฟาโรห์ยูนัสถูกคิดว่าเป็นหายนะ โดยอิงจากภาพสลักนูนต่ำนูนสูงบนทางเดินพีระมิด ซึ่งสลักให้เห็นภาพผู้คนที่ผอมแห้ง จนแนวคิดนี้เปลี่ยนไปเมื่อการขุดค้นที่อาบูซีร์ในปี ค.ศ. 1996 พบภาพสลักนูนต่ำนูนสูงที่คล้ายกันในหลุมฝังศพของฟาโรห์ซาฮูเร ซึ่งปกครองอียิปต์ในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองในสมัยราชวงศ์ที่ห้าตอนต้น นอกจากนี้ การวิจัยยังพบว่าคนที่หิวโหยมักจะเป็นชาวทะเลทราย ซึ่งชนเผ่าเร่ร่อนจะโดดเด่นด้วยทรงผมเฉพาะของพวกเขามากกว่าชาวอียิปต์ ด้วยเหตุนี้ ภาพสลักนูนต่ำนูนสูงเหล่านี้จึงเข้าใจได้ว่าเป็นการแสดงมาตรฐานของความเอื้ออาทรของฟาโรห์ที่มีต่อผู้ยากไร้และความยากลำบากของชีวิตในพื้นที่ทะเลทรายที่มีพรมแดนติดกับอียิปต์ แทนที่จะหมายถึงเหตุการณ์จริง
การสวรรคตและการสิ้นสุดของราชวงศ์
ในบันทึก Aegyptiaca ของ กล่าวว่าการสวรรคตของฟาโรห์ยูนัส ทำให้ราชวงศ์ที่ห้าได้สิ้นสุดลง อาจเป็นเพราะว่าพระองค์เสด็จสวรรคตโดยไม่มีรัชทายาทชาย ยูนัส-อังค์ ผู้เป็นที่อาจจะเป็นพระราชโอรสซึ่งสิ้นพระชนม์ก่อนพระองค์ ประเด็นนี้อาจก่อให้เกิดวิกฤตการสืบราชสันตติวงศ์ โดยนัยถึงพระนาม ซึ่งฟาโรห์เตติได้เลือกเมื่อขึ้นครองราชย์: "เซเฮเทปทาวี" หมายความว่า "พระองค์ผู้ทรงคืนดี/ทำให้ทั้งสองแผ่นดินสงบ" การอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์ของฟาโรห์เตติ อาจขึ้นอยู่กับการแต่งงานของพระองค์กับเจ้าหญิง ซึ่งอาจเป็นพระราชธิดาของฟาโรห์ยูนัส ข้อสันนิษฐานนี้มีการถกเถียงกันอย่างมาก เนื่องจากการตีความพระนาม “ไอพุต” ที่จะบ่งบอกว่าพระองค์เป็นพระราชธิดาของฟาโรห์นั้นยังคลุมเครืออยู่ นอกจากนี้ แนวคิดที่ว่าฟาโรห์เตติสามารถอ้างสิทธิ์ของพระองค์ให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วยการแต่งงานกับราชวงศ์ก็ถูกปฏิเสธ โดยนักไอยคุปต์วิทยาหลายคน รวมทั้ง มุนโร, โดเบรฟ, , เมิร์ตซ, พิเรนเน่ และโรบิน ซึ่งไม่คิดว่าสิทธิในราชบัลลังก์ฟาโรห์จะผ่านสายของผู้หญิง
นอกเหนือจากข้อมูลของมาเนโทแล้ว บันทึกพระนามกษัตริย์แห่งตูรินยังชี้ให้เห็นจุดแตกต่างพิเศษระหว่างฟาโรห์ยูนัสและฟาโรห์เตติ ผู้ขึ้นปกครองอียิปต์ต่อจากพระองค์ แม้ว่าบันทึกพระนามกษัตริย์จะไม่ได้จัดอยู่ในราชวงศ์ก็ตาม—ซึ่งถูกคิดค้นโดยมาเนโท— แต่นักไอยคุปต์วิทยา จาโรเมียร์ มาเล็ค อธิบายว่า "เกณฑ์สำหรับการแบ่งแยกดังกล่าวในบันทึกพระนามกษัตริย์แห่งตูรินมักจะแบ่งตามคือการเปลี่ยนที่ตั้งของเมืองหลวงและที่ประทับของราชวงศ์" ด้วยเหตุนี้จึงชี้ให้เห็นว่าเมืองหลวงของอียิปต์ ซึ่งในขณะนั้นรู้จักกันในชื่อ อินบู-เฮดจ์ ถูกแทนที่โดยแท้จริงในขณะนั้น โดยการตั้งถิ่นฐานที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ ทางตะวันออกของซัคคาราใต้ ซึ่งอาจเป็นที่ตั้งของพระราชวังของฟาโรห์ยูนัส ในสหัสวรรษที่สองก่อนคริสตกาล เมืองเหล่านี้ได้รวมเข้าด้วยกันและก่อให้เกิดเมืองเมมฟิสในที่สุด
ไม่ว่าข้อสันนิษฐานของมาเนโทในการสิ้นสุดราชวงศ์ที่ห้ากับฟาโรห์ยูนัสจะเป็นเช่นไร แต่ชาวอียิปต์ที่มีชีวิตอยู่ในเวลานั้นคงไม่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงใดเป็นพิเศษจากการเปลี่ยนผ่านราชวงศ์หนึ่งไปสู่อีกราชวงศ์ การบริหารงานของรัฐไม่มีหลักฐานการรบกวน เจ้าหน้าที่หลายคนยังคงประกอบอาชีพของตนตั้งแต่ฟาโรห์ยูนัสสู่รัชสมัยของฟาโรห์เตติ ซึ่งรวมถึงราชมนตรี, , และไนเคาอู-ไอเซซิ และไอซิ ผู้ตรวจการเมือง เนื่องจากชาวอียิปต์ในช่วงราชอาณาจักรเก่าอาจไม่ได้คิดถึงนึกถึงราชวงศ์เลย การแบ่งแยกระหว่างราชวงศ์ที่ห้าและราชวงศ์ที่หกอาจเป็นเรื่องเท็จได้
วิวัฒนาการทางศาสนาและฟาโรห์
รัชสมัยของฟาโรห์ดเจดคาเร ไอเซซิและฟาโรห์ยูนัสเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงในศาสนาอียิปต์โบราณและในอุดมการณ์ของการเป็นกษัตริย์หรือฟาโรห์ การเปลี่ยนแปลงปรากฎให้เห็นในครั้งแรกภายใต้รัชสมัยของฟาโรห์ยูนัส การวิเคราะห์ทางสถิติของชิ้นส่วนตราประทับดินเหนียวที่มีชื่อฮอรัสของฟาโรห์แห่งราชวงศ์ที่ห้าชี้ให้เห็นถึงความเสื่อมถอยของความเป็นฟาโรห์ในช่วงเวลาการปกครองของพระองค์ ความเสื่อมถอยยังคงดำเนินต่อไปนรัชสมัยของฟาโรห์เตติ ซึ่งทราบว่ามีเพียงตราประทับสองชิ้นที่มีพระนามฮอรัสของพระองค์ แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นถึงการลดอำนาจของฟาโรห์ควบคู่ไปกับการเพิ่มขึ้นของอำนาจฝ่ายบริหารส่วนกลางและฐานะปุโรหิต
ในขณะเดียวกัน การบูชาเทพโอซิริสก็มีความสำคัญมากขึ้น โดยเทพเจ้าองค์นี้เข้ามาแทนที่ฟาโรห์ในฐานะผู้ค้ำประกันชีวิตหลังความตายสำหรับราษฎรของฟาโรห์ นักไอยคุปต์วิทยาชาวเยอรมัน เขียนอธิบายว่า สำหรับชาวอียิปต์ในยุคนั้น "ชีวิตหลังความตาย [...] ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และฟาโรห์อีกต่อไป [...] กลับเชื่อมโยงกับตำแหน่งทางจริยธรรมของโอซิริสโดยตรง" ในทางตรงกันข้าม การบูชาเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์หรือรากำลังเสื่อมถอยลงอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเทพรายังคงเป็นเทพเจ้าที่สำคัญที่สุดของวิหารของอียิปต์ ดังนั้นฟาโรห์ดเจดคาเร ไอเซซิและฟาโรห์ยูนัสไม่ได้สร้างวิหารดวงอาทิตย์ ซึ่งกลับกันกับฟาโรห์ของราชวงศ์ที่ห้าก่อนหน้าของทั้งสองพระองค์ นอกจากนี้พระนามของฟาโรห์เมนคาอูฮอร์ คาอิอูและฟาโรห์ยูนัสไม่ได้อิงถึงเทพราเลย ซึ่งไม่ได้ทำตามประเพณีตั้งแต่รัชสมัยของฟาโรห์ยูเซอร์กาฟ โดยประมาณหนึ่งศตวรรษก่อนหน้า ที่พบในพีระมิดของฟาโรห์ยูนัสแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเทพโอซิริสและเทพราในศาสนาอียิปต์โบราณในขณะนั้น เชื่อกันว่าเทพเจ้าทั้งสองมีบทบาทสำคัญในการเข้าถึงชีวิตหลังความตาย โดยที่เทพราเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตและเทพโอซิริสเป็นพลังที่จะนำไปสู่ชีวิตหน้า
อาคารและพีระมิด
ฟาโรห์ยูนัสมีพีระมิดที่สร้างขึ้นสำหรับพระองค์เองในซัคคาราเหนือ ตั้งอยู่ระหว่างพีระมิดของฟาโรห์เซเคมเคตและพีระมิดของฟาโรห์โจเซอร์ที่อยู่มุมทางตะวันตกเฉียงใต้ และตั้งอยู่แนวสมมาตรกับพีระมิดของฟาโรห์ยูเซอร์คาฟ ซึ่งตั้งอยู่ที่มุมทางตะวันออกเฉียงเหนือ ในกระบวนการนี้ คนงานได้ปรับระดับและปิดสุสานเก่าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ และที่สะดุดตาที่สุดคือหลุมฝังพระศพของฟาโรห์โฮเตปเซเคมวีแห่งราชวงศ์ที่สอง (2890 ปีก่อนคริสตกาล)
ชื่อเดิมของพีระมิดของพระองค์คือ "เนเฟอร์ อิซุต ยูนัส" ซึ่งแปลว่า "สถานที่อันสวยงามแห่งยูนัส"เป็นพีระมิดที่เล็กที่สุด ในบรรดาพีระมิดที่สร้างเสร็จในช่วงสมัยราชอาณาจักรเก่า มีฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 57.7 ม. × 57.7 ม. (189 ฟุต x 189 ฟุต) สำหรับความสูง 43 ม. (141 ฟุต)
ส่วนที่ฝังพระศพ
พีระมิดแห่งยูนัสเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ฝังพระศพขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นรอบๆ โดยสามารถเข้าถึงพีระมิดผ่านทะเลสาบโบราณ และมีวิหารสำหรับฟาโรห์ยูนัสที่ตั้งอยู่บนชายฝั่ง วิหารแห่งนี้ได้รับสิ่งของสำหรับการบูชาฟาโรห์และมีการจัดเตรียมเครื่องบูชาไว้ที่นั่น ด้านหลังวิหารดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นของทางเดินความยาว 750 เมตร (2,460 ฟุต) ยาวเท่ากับทางเดินไปสู่พีระมิดของฟาโรห์คูฟู และเส้นทางดังกล่าวจะตรงไปที่วิหารที่ตั้งอยู่กับพีระมิด ร่องบางบนหลังคาของทางเดิน ทำให้แสงส่องส่องผนังที่ปกคลุมตลอดความยาวด้วยสีสรรที่ทาสี ภาพเหล่านี้แสดงถึงฤดูกาลของอียิปต์ ขบวนผู้คนจากอียิปต์ ช่างฝีมือในที่ทำงาน คนถือเครื่องบูชา ฉากต่อสู้ และการขนส่งเสาหินแกรนิตสำหรับการก่อสร้างอาคารและพีระมิด
ที่ปลายสุดของทางเดินคือห้องโถงขนาดใหญ่ที่นำไปสู่ลานเปิดที่มีเสาซึ่งล้อมรอบด้วยห้องหลายห้อง ซึ่งลานดังกล่าวจะนำเข้าไปในวิหารที่ฝังพระศพ ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นของฟาโรห์และสถานที่ถวายเครื่องบูชาแก่ฟาโรห์ผู้ล่วงลับ ซึ่งอยู่ติดกับด้านตะวันออกของพีระมิด ซึ่งล้อมรอบด้วยกำแพงล้อมรอบที่กำหนดพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่มุมตะวันออกเฉียงใต้เป็นพีระมิดขนาดเล็กสำหรับดวงพระวิญญาณ (คา) ของฟาโรห์ ห้องภายในของพีระมิดถูกเปิดสำรวจในปี ค.ศ. 1881 โดย ผู้ค้นพบตำราพีระมิด ห้องฝังพระศพไม่มีอะไรเลยนอกจากโลงศพสีเทาดำ โลงศพที่ตั้งอยู่บนสู่พื้นและหีบคาโนปิค ภายในโลงศพที่พิสูจน์แล้วว่ามีกระดูกกระจัดกระจายซึ่งอาจเป็นของฟาโรห์ยูนัส
ตำราพีระมิด
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงใหม่ของพีระมิดแห่งยูนัสคือการปรากฏของครั้งแรก หนึ่งในตำราทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในอียิปต์ที่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งได้ริเริ่มประเพณีที่จะปฏิบัติตามในพีระมิดของฟาโรห์และพระราชินีแห่งราชวงศ์ที่หกถึงและกระทำจนถึงช่วงสิ้นสุดของราชอาณาจักรเก่าในอีกประมาณ 200 ปีต่อมา
เวทมนตร์คาถาทั้งหมด 283 คาถา หรือที่รู้จักในชื่อบทสวด ถูกแกะสลักและป้ายทาสีฟ้าบนผนังของทางเดิน ห้องโถง และห้องฝังพระศพ เป็นการตีความที่ชัดเจนที่สุดของตำราพีระมิดที่มีอยู่ในปัจจุบัน คาถาเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยฟาโรห์ในการเอาชนะกองกำลังที่เป็นศัตรูและอำนาจในโลกหลังความตายและด้วยเหตุนี้จึงรวมเข้ากับเทพแห่งดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ในชีวิตหลังความตาย โดยการสลักข้อความลงบนผนังห้องภายในของพีระมิด สถาปนิกของพีระมิดแห่งยูนัสรับรองว่าฟาโรห์จะได้รับประโยชน์จากความสามารถของพวกเขาแม้ว่าการบูชาพระศพจะหยุดลงก็ตาม ดังนั้นตำราพีระมิดของพีระมิดแห่งยูนัสจึงรวมคำแนะนำสำหรับพิธีกรรมและบทสวดที่จะสวด บ่งบอกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำและอ่านระหว่างการบูชาฟาโรห์ในวิหารฝังพระศพของพระองค์อย่างถูกต้อง
การเก็บรักษาตำราอย่างดีในพีระมิดแห่งยูนัส แสดงให้เห็นว่าคาถาเหล่านั้นถูกเรียบเรียงเพื่อให้ดวงวิญญาณของฟาโรห์ยูนัสได้ทรงอ่าน ขณะที่ลุกขึ้นจากโลงศพด้วยคำพูดฟื้นคืนชีพและล้อมรอบด้วยคาถาป้องกันและเครื่องบูชา จากนั้นดวงวิญญาณจะออกจากห้องฝังพระศพ ซึ่งมีข้อความบอกว่าฟาโรห์กับโอซิริสในและจะย้ายไปที่ห้องโถง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ (เส้นขอบฟ้า) คาถาที่เขียนบนผนังห้องโถงรวมอยู่ในคาถาสองคำที่รู้จักกันในชื่อกลอนสวดมนุษย์กินคน (Cannibal Hymn) แสดงให้เห็นว่าฟาโรห์กำลังบินสู่สวรรค์ผ่านท้องฟ้าที่มีพายุและกินทั้งเทพเจ้าและมนุษย์ ในการทำเช่นนั้นฟาโรห์จะได้รับพลังชีวิตของเหล่าทวยเทพ ณ จุดนี้ดวงวิญญาณของพระองค์จะหันไปทางทิศตะวันออกทิศทางของพระอาทิตย์ขึ้นและนอกกำแพงอิฐพีระมิด ซึ่งเป็นประตูหลอกของวิหารฝังพระศพที่ประกอบพิธีฝังพระศพ และท้ายที่สุดดวงวิญญาณของพระองค์จะไปทางซ้ายจะรวมเข้ากับเทพราบนท้องฟ้าโดยผ่านทางเดินพีระมิด
ตัวอย่างของคาถาจากพีระมิดแห่งยูนัส คือ ในบทสวดที่ 217:
เร-อาตุม ยูนัสนี้มาหาพระองค์
วิญญาณที่ทำลายไม่ได้
พระโอรสมาหาพระองค์
ยูนัสนี้มาหาพระองค์
ข้ามฟากฟ้ามารวมกันในความมืดมิด
ขอพระองค์ขึ้นมาบนดินแดนแห่งแสงสว่างที่ซึ่งพระองค์จะส่องแสง!
มรดกประเพณี
มรดกประเพณีที่สำคัญที่สุดของฟาโรห์ยูนัสคือ การบูชาฟาโรห์ ซึ่งยังคงกระทำตามต่อไปอย่างน้อยก็จนถึงช่วงสิ้นสุดของราชอาณาจักรเก่า พิธีการนี้พบในสุสานที่ซัคคาราของนักบวชทั้งเจ็ดที่รับผิดชอบหน้าที่ทางศาสนาที่ต้องทำในวิหารฝังพระศพ สุสานสามแห่งมีอายุถึงช่วงต้นราชวงศ์ที่หกในช่วงเวลาหลังจากการสวรรคตของฟาโรห์เปปิที่ 1 สุสานอีกสามแห่งมีอายุถึงรัชสมัยของฟาโรห์เปปิที่ 2 และสุสานอีกแห่งมีอายุอยู่ในช่วงปลายสุดของสมัยราชอาณาจักรเก่า (ราว 2180 ปีก่อนคริสตกาล) โดยนักบวชเหล่านี้จะใช้ชื่อที่รวมกับพระนามของฟาโรห์ อาจเป็นไปได้เพื่อการเข้ารับตำแหน่ง
การบูชาฟาโรห์ยูนัสดูเหมือนว่าจะคงมีอยู่ถึงในช่วงเวลาอันวุ่นวายของสมัยระหว่างกลางที่ 1 จนถึงสมัยราชอาณาจักรกลาง เมื่อถึงช่วงสมัยราชวงศ์ที่สิบสอง (ราวช่วง 1990 ถึง 1800 ปีก่อนคริสตกาล) ครอบครัวของนักบวชที่มีหน้าที่อ่านบทสวดที่มีนามว่า ยูนัสเอมซาฟ ก็ยังคงกระทำอยู่ อย่างไรก็ตาม สถานที่ฝังพระศพได้ถูกรื้อถอนบางส่วนเพื่อนำวัสดุเหล่านั้นมาสร้างเป็นพีระมิดในรัชสมัยของฟาโรห์อเมเนมเฮตที่ 1 และฟาโรห์เซนุสเรตที่ 1
นอกจากนี้ ฟาโรห์ยูนัสถูกยกย่องให้เป็นเทพเจ้าและยังกลายมาเป็นเทพเจ้าท้องถิ่นแห่งสุสานในซัคคารา โดยกรีเมลให้ความเห็นว่ามันคงจะเกี่ยวข้องสถานที่ฝังพระศพของพระองค์ที่มีความยิ่งใหญ่โอ่อ่า และมาเล็คยังสงสัยในการมีอยู่ของพิธีดังกล่าวที่ได้รับความนิยมในช่วงสมัยราชอาณาจักรเก่าแต่ได้ยอมรับตั้งแต่สมัยราชอาณาจักรกลางเป็นต้นไป ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบ 2,000 ปี สังเกตจากตราประทับสคารับที่มีพระนามของฟาโรห์ยูนัสที่พบในซัคคารา ซึ่งมีอายุตั้งแต่สมัยราชอาณาจักรใหม่ (1550 ถึง 1077 ปีก่อนคริสตกาล) จนถึงช่วงปลาย (664–332 ปีก่อนคริสตกาล) และมาเล็คเชื่อว่าการฟื้นฟูอาณาจักรกลางนี้มาจากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์สถานที่ฝังพระศพของพระองค์ ซึ่งกลายเป็นทางเข้าสู่สุสานแห่งซัคคาราโดยธรรมชาติ โดยศูนย์กลางของการบูชานี้ไม่ได้อยู่ที่พีระมิดแห่งยูนัสหรือวิหารฝังพระศพที่เกี่ยวข้อง แต่เป็นรูปสลักของพระองค์ ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าทำไมจึงตกเป็นเป้าหมายของงานบูรณะภายใต้แรงผลักดันของเจ้าชาย ซึ่งเป็นพระราชโอรสของฟาโรห์รามเสสที่ 2 (1279–1213 ปีก่อนคริสตกาล)
อ้างอิง
- Verner 2001d, p. 334.
- Altenmüller 2001, p. 600.
- Hawass & Senussi 2008, p. 10.
- Clayton 1994, p. 60.
- Rice 1999, p. 213.
- Malek 2000a, p. 102.
- Lloyd 2010, p. xxxiv.
- Strudwick 2005, p. xxx.
- Arnold 1999.
- von Beckerath 1999, p. 283.
- Hornung 2012, p. 491.
- Dodson & Hilton 2004, p. 288.
- Barsanti 1901, p. 254.
- Baker 2008, p. 482.
- Leprohon 2013, p. 40.
- Petrie 1917, p. 18 & p. 63.
- Leprohon 2013, p. 41, footnote 65.
- Baker 2008, pp. 482–483.
- Mariette 1864, p. 15.
- Gardiner 1959, pl. II & Col. III num. 25.
- von Beckerath 1999, pp. 60–61, king no. 9.
- Kanawati 2001, pp. 1–2.
- Ziegler in Allen et al. 1999, pp. 361–362, "123. Jar inscribed with the name of king Unis".
- Verner 2001a, pp. 410–411.
- Petrie 1907, p. 84 & fig. 49 p. 82.
- Porter, Moss & Burney 1951, p. 390.
- Guidotti 1991, p. 82, no. 18.
- Vase of Unas 2015.
- Touring Club Italiano 1993, p. 352.
- Brooklyn Museum Catalog 2015.
- Brunton 2015.
- Digital Egypt 2000.
- Grimal 1992, p. 80.
- Baud 1999, p. 563.
- Baud 1999, p. 489.
- Baud 1999, p. 545.
- Williams 1981, p. 31.
- Onderka 2009, p. 166.
- Baud 1999, p. 422.
- Schmitz 1976, p. 31 & 89.
- Onderka 2009, p. 150 & pp. 167–170.
- Onderka 2009, pp. 149–150.
- Munro 1993, pp. 20–33.
- Baud 1999, pp. 580–582.
- Onderka 2009, p. 170.
- Baud 1999, p. 519.
- Dodson & Hilton 2004, p. 64.
- Baud 1999, p. 499.
- Baud 1999, pp. 496–497.
- Baud 1999, pp. 564–565.
- Baud 1999, pp. 410–411.
- Borchardt 1913, Blatt 45.
- Labrousse, Lauer & Leclant 1977, p. 86, fig. 57.
- Petrie 1907, p. 82.
- Hayes 1978, p. 58.
- Munro 1993, p. 8ff.
- Labrousse, Lauer & Leclant 1977, p. 85, fig. 56 & p. 86 fig. 57.
- Baker 2008, p. 483.
- Richter 2013.
- Rice 1999, p. 173.
- Verner 2001a, p. 411.
- Verner 2001a, p. 416.
- Kanawati & ʻAbd-ar-Rāziq 2000.
- Verner 2001a, p. 412.
- Strudwick 2005, p. 133, num. 48.
- Sethe 1903, entry 69.
- Malek 2000a, p. 106.
- Hayes 1978, p. 67.
- Wachsmann 1998, p. 12 & p. 18.
- Malek 2000a, p. 105.
- Stevenson Smith 1971, p. 189.
- Lichtheim 1973, pp. 18–23.
- Verner 2001b, p. 590.
- Stevenson Smith 1971, p. 188.
- Landström 1970, p. 62, fig. 185.
- Lehner 1997, p. 202.
- Fischer 1975.
- Lehner 1997, pp. 142–144.
- Dodson 1995, pp. 38–39.
- Hawass & Verner 1996, pp. 184–185.
- Ziegler in Allen et al. 1999, pp. 360, "122. Starving bedouin".
- Coulon 2008, p. 2.
- Stevenson Smith 1971, p. 190.
- Malek 2000a, p. 103.
- Baker 2008, p. 461.
- Baud & Dobrev 1995, p. 58.
- Jeffreys 2001, p. 373.
- Malek 2000a, p. 104.
- Altenmüller 2001, p. 602.
- Baud & Dobrev 1995, pp. 55–58.
- Goedicke 1971, p. 155.
- Verner 2001a, pp. 408–409.
- Verner 2001a, p. 409.
- Dorman 2015.
- Altenmüller 2001, p. 601.
- Verner 2001b, p. 589.
- Verner 2003, p. 84.
- Allen & Der Manuelian 2005, pp. 7–8, The Function of the Pyramid Texts.
- Arieh Tobin 2001, p. 471.
- Arieh Tobin 2001, p. 470.
- Ockinga 2010, p. 113.
- Lehner 1997, p. 154.
- Grimal 1992, p. 118, Table 3.
- Lehner 1997, p. 83.
- Lehner 1997, p. 155.
- Lehner 1997, pp. 154–155.
- Allen 2001, p. 95.
- Clayton 1994, p. 63.
- Verner 2001c, p. 92.
- Lehner 1997, p. 33.
- Oakes & Gahlin 2002, p. 94.
- Lehner 1997, p. 95.
- Lehner 1997, pp. 32–33.
- Allen 2001, p. 96.
- Budge 1988, p. 323.
- Music Song Lyrics 2015, Nile Unas Slayer Of The Gods lyrics.
- Petrie 1917, Plate IX & p. 34, see the scarabs.
- Altenmüller 1974, pp. 3–4.
- Morales 2006, p. 314.
- Moussa 1971.
- Moussa & Altenmüller 1975.
- Goedicke 1971.
- Malek 2000b, p. 257.
- Malek 2000b, pp. 250–251.
- Newberry 2003, Plate IV. Scarabs 32, 33 & 34.
- MFA Online catalog 2015.
- MMA Online catalog 2015.
- Malek 2000b, p. 256.
เชิงอรรถ
- มีการเสนอปีที่ครองราชย์หลายแบบ: 2404–2374 ปีก่อนคริสตกาล, 2375–2345 ปีก่อนคริสตกาล, 2367–2347 ปีก่อนคริสตกาล, 2353–2323 ปีก่อนคริสตกาล, 2342–2322 ปีก่อนคริสตกาล, 2321–2306 ปีก่อนคริสตกาล 2312–2282 ปีก่อนคริสตกาล
- Inventory number 3253.
- Reference number UC13258.
- In particular the title of "king's son" was given to both actual royal sons and non-royal high officials.
- The text of the inscription reads "Horus Wadjtawy, the king of Upper and Lower Egypt Unas, lord of the foreign lands, given life and dominion for ever, beloved of Khnum, given life for ever".
- Stela CG 1433, , Cairo.
- A palmiform column is a column whose has the form of palm leaves. This style is for example present in the mortuary complex of king Sahure.
- Iput held the title of z3t nswt-bjtj, which literally means "Daughter of the king of Upper and Lower Egypt". However, this title could equally well be a variant of z3t-ntjr, meaning that she was the mother of a king ()
- Inbu-Hedj means "White Walls".
- From "Mennefer", meaning "Perfect and enduring", the name of the pyramid of next to which Mennefer was located.
- Another important religious work, the Memphite Theology, may have been written during the reign of Unas. The Memphite Theology is a story of the creation of the world and of the religious and social order of ancient Egypt through the word and will of the god . The king himself is described as the personified Horus and an aspect of Ptah. It is now widely believed, however, that this theological text dates to either to the 19th Dynasty or to the much later (760–656 BC).
- Note that the archaic style of certain sections of the Pyramid Texts indicate that these are much older than Unas' reign.
- The number reported differs from scholar to scholar. Clayton mentions 228 spells; Allen gives 236.
- While most historians believe that it is unlikely that Unas himself engaged in cannibalism, the Egyptologist proposed that the Cannibal Hymn may harken back to an earlier time in Egyptian history when cannibalism was in fact practiced.
- This inspired the American band , which recorded an 11:43-long song titled "Unas, Slayer of the Gods" based on the Cannibal Hymn. It appears on their 2002 album .
- Unasemsaf means "Unas is his protection".
บรรณานุกรม
- Allen, James; Allen, Susan; Anderson, Julie; Arnold, Arnold; Arnold, Dorothea; Cherpion, Nadine; David, Élisabeth; Grimal, Nicolas; Grzymski, Krzysztof; Hawass, Zahi; Hill, Marsha; Jánosi, Peter; Labée-Toutée, Sophie; Labrousse, Audran; Lauer, Jean-Phillippe; Leclant, Jean; Der Manuelian, Peter; Millet, N. B.; Oppenheim, Adela; Craig Patch, Diana; Pischikova, Elena; Rigault, Patricia; Roehrig, Catharine H.; Wildung, Dietrich; Ziegler, Christiane (1999). Egyptian Art in the Age of the Pyramids. New York: The Metropolitan Museum of Art. ISBN . OCLC 41431623.
- Allen, James (2001). "Pyramid Texts". ใน (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt. Vol. 3. Oxford University Press. pp. 95–98. ISBN .
- Allen, James; Der Manuelian, Peter (2005). The ancient Egyptian pyramid texts. Writings from the Ancient World. Vol. 23. Atlanta: Society of Biblical Literature. ISBN .
- (1974). "Zur Vergöttlichung des Königs Unas im Alten Reich". Studien zur Altägyptischen Kultur (ภาษาเยอรมัน). 1: 1–18.
- Altenmüller, Hartwig (2001). "Old Kingdom: Fifth Dynasty". ใน (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt. Vol. 2. Oxford University Press. pp. 597–601. ISBN .
- Arieh Tobin, Vincent (2001). "Myths: Creation Myths". ใน (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt. Vol. 2. Oxford University Press. pp. 469–472. ISBN .
- Arnold, Dorothea (19 กรกฎาคม 1999). "Old Kingdom Chronology and List of Kings". Metropolitan Museum of Art. สืบค้นเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2015.
- Baker, Darrell (2008). The Encyclopedia of the Pharaohs. Vol. I - Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300–1069 BC. Stacey International. ISBN .
- (1901). "Rapports de M. Alexandre Barsanti sur les déblaiements opérés autour de la pyramide d'Ounas pendant les années 1899–1901". Annales du Service des antiquités de l'Égypte, Tome II. Annales du Service des Antiquités de l'Égypte (ภาษาฝรั่งเศส). Cairo: Imprimerie de l'institut français d'archéologie orientale. pp. 244–257. ISSN 1687-1510. OCLC 1189841.
- (1999). (PDF). Bibliothèque d'étude 126/2 (ภาษาฝรั่งเศส). Cairo: Institut français d'archéologie orientale. ISBN . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2 เมษายน 2015.
- Baud, Michel; Dobrev, Vassil (1995). (PDF). Bulletin de l'Institut Français d'Archéologie Orientale (ภาษาฝรั่งเศส). 95: 23–92. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2 เมษายน 2015.
- (1999). Handbuch der ägyptischen Königsnamen. Münchner ägyptologische Studien, Heft 49 (ภาษาเยอรมัน). Mainz: Philip von Zabern. ISBN .
- (1913). Das Grabdenkmal des Königs S'aḥu-Re (ภาษาเยอรมัน). Vol. (Band 2): Die Wandbilder: Abbildungsblätter. Leipzig: Hinrichs. ISBN .
- . Online database of the . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2018. สืบค้นเมื่อ 1 เมษายน 2015.
- Brunton, Guy (2015). "Vase UC13258 of Unas". Online catalog of the Petrie Museum. สืบค้นเมื่อ 21 February 2015.[]
- (1988). From fetish to God in ancient Egypt (Reprint. Originally published: London: Oxford University Press, 1934 ed.). New York: Dover Publications. ISBN .
- Clayton, Peter (1994). Chronicle of the Pharaohs. Thames & Hudson. ISBN .
- Coulon, Laurent (2008). "Famine". Department of Near Eastern Languages and Cultures. UCLA Encyclopedia of Egyptology. University of California – Los Angeles. สืบค้นเมื่อ 4 March 2015.
- Dodson, Aidan (1995). Monarchs of the Nile. London: Rubicon Press. ISBN .
- Dodson, Aidan; Hilton, Dyan (2004). The Complete Royal Families of Ancient Egypt. London: Thames & Hudson Ltd. ISBN .
- (2015). "The 5th dynasty (c. 2465–c. 2325 bc)". Encyclopædia Britannica Online. สืบค้นเมื่อ 23 February 2015.
- "Unas". Digital Egypt for Universities. 2000. สืบค้นเมื่อ 21 February 2015.
- Fischer, Henry (1975). "Two Tantalizing Biographical Fragments of Historical Interest". The Journal of Egyptian Archaeology. 61: 33–37. doi:10.1177/030751337506100104. S2CID 192254681.
- (1959). The Royal Canon of Turin. Griffith Institute. OCLC 21484338.
- Goedicke, Hans (1971). Re-Used Blocks from the Pyramid of Amenemhet I at Lisht. New York: Metropolitan Museum of Art, Egyptian Expedition. ISBN .
- (1992). A History of Ancient Egypt. แปลโดย Shaw, Ian. Oxford: Blackwell publishing. ISBN .
- Guidotti, M. Cristina (1991). Vasi dall'epoca protodinastica al nuovo regno. Cataloghi dei musei e gallerie d'Italia (ภาษาอิตาลี). Rome: Istituto poligrafico e Zecca dello Stato : Libreria dello Stato. ISBN .
- Gundlach, Rolf (2001). "Temples". ใน (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt, Volume 3. Oxford University Press. pp. 363–379. ISBN .
- ; Verner, Miroslav (1996). "Newly discovered blocks from the causeway of Sahure (Archaeological report)". Mitteilungen des Deutschen Archäologischen Instituts. Abteilung Kairo (MDAIK). 52: 177–186.
- Hawass, Zahi; Senussi, Ashraf (2008). Old Kingdom Pottery from Giza. American University in Cairo Press. ISBN .
- (1978). The Scepter of Egypt: A Background for the Study of the Egyptian Antiquities in The Metropolitan Museum of Art. Vol. 1, From the Earliest Times to the End of the Middle Kingdom. New York: Metropolitan Museum of Art. OCLC 7427345.
- Hornung, Erik; Krauss, Rolf; Warburton, David, บ.ก. (2012). Ancient Egyptian Chronology. Handbook of Oriental Studies. Leiden, Boston: Brill. ISBN . ISSN 0169-9423.
- Jeffreys, David G. (2001). "Memphis". ใน (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt, Volume 2. Oxford University Press. pp. 373–376. ISBN .
- (2001). "Nikauisesi, A Reconsideration of the Old Kingdom System of Dating" (PDF). The Rundle Foundation for Egyptian Archaeology, Newsletter. 75.
- Kanawati, Naguib; ʻAbd-ar-Rāziq, Maḥmūd (2000). The Teti Cemetery at Saqqara, Volume VI: The Tomb of Nikauisesi. Australian Centre for Egyptology; Reports. Vol. 14. Warminster: Aris & Phillips. ISBN .
- Labrousse, Audran; Lauer, Jean Philippe; (1977). Le temple haut du complexe funéraire du roi Ounas. Bibliothèque d'étude, tome 73. Cairo: Institut français d'archéologie orientale du Caire. OCLC 5065554.
- Landström, Björn (1970). Ships of the Pharaohs: 4000 Years of Egyptian Shipbuilding. Garden City, N.Y.: Doubleday. OCLC 108769.
- (1997). The Complete Pyramids. New York: Thames & Hudson. ISBN .
- Leprohon, Ronald J. (2013). The great name: ancient Egyptian royal titulary. Writings from the ancient world, no. 33. Atlanta: Society of Biblical Literature. ISBN .
- Lichtheim, Miriam (1973). Ancient Egyptian literature. Volume 1: The Old and Middle Kingdoms. Berkeley: University of California Press. ISBN .
- Lloyd, Alan (2010). Lloyd, Alan (บ.ก.). A Companion to Ancient Egypt. Volume I. Wiley-Blackwell. ISBN .
- Malek, Jaromir (2000a). "The Old Kingdom (c.2160-2055 BC)". ใน Shaw, Ian (บ.ก.). The Oxford History of Ancient Egypt. Oxford University Press. ISBN .
- Malek, Jaromir (2000b). "Old Kingdom rulers as "local saints" in the Memphite area". ใน Bárta, Miroslav; Krejčí, Jaromír (บ.ก.). (PDF). Prague: Academy of Sciences of the Czech Republic, Oriental Institute. pp. 241–258. ISBN . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-02-01.
- Mariette, Auguste (1864). "La table de Saqqarah". Revue Archéologique (ภาษาฝรั่งเศส). Paris. 10: 168–186 & Pl. 17.
- "The Online Collection. Scarab, Unas". Metropolitan Museum of Art. สืบค้นเมื่อ 11 March 2015.
- Morales, Antonio J. (2006). "Traces of official and popular veneration to Nyuserra Iny at Abusir. Late Fifth Dynasty to the Middle Kingdom". ใน Bárta, Miroslav; Coppens, Filip; Krejčí, Jaromír (บ.ก.). Abusir and Saqqara in the Year 2005, Proceedings of the Conference held in Prague (June 27–July 5, 2005). Prague: Academy of Sciences of the Czech Republic, Oriental Institute. pp. 311–341. ISBN .
- Moussa, Ahmed Mahmoud (1971). "A Stela from Saqqara of a Family Devoted to the Cult of King Unas". Mitteilungen des Deutschen Archäologischen Instituts, Abteilung Kairo (MDAIK). 27: 81–84.
- Moussa, Ahmed Mahmoud; Altenmüller, Hartwig (1975). "Ein Denkmal zum Kult des Königs Unas am Ende der 12. Dynastie". Mitteilungen des Deutschen Archäologischen Instituts, Abteilung Kairo (MDAIK) (ภาษาเยอรมัน). 31: 93–97.
- Munro, Peter (1993). Der Unas-Friedhof Nord-West (ภาษาเยอรมัน). Mainz am Rhein: von Zabern. OCLC 66014930.
- "Scarab with name of Unas". Museum of Fine Arts, Boston. สืบค้นเมื่อ March 11, 2015.
- Ockinga, Boyo G. (2010). "The Memphite Theology – Its Purpose and Date". ใน Woods, Alexandra; McFarlane, Ann; Binder, Susanne (บ.ก.). Egyptian culture and society: studies in honour of Naguib Kanawati. Annales du Service des Antiquités de l'Égypte: Cahier 38, Volume II. Cairo: Conseil suprême des antiquitiés de l'Egypte. pp. 99–117. OCLC 705718659.
- Newberry, Percy (2003). Ancient Egyptian scarabs and cylinder seals: the Timins Collection. London: Kegan Paul International. ISBN .
- . Music Song Lyrics. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-02-10. สืบค้นเมื่อ March 23, 2015.
- Oakes, Lorna; Gahlin, Lucia (2002). Ancient Egypt: An Illustrated reference to the myths, religions, pyramids and temples of the Land of the Pharaohs. New York: Hermes House. ISBN .
- Onderka, Pavel (2009). The Tomb of Unisankh at Saqqara and Chicago (Diploma). , Czech Institute of Egyptology.
- (1907). A History of Egypt. I. From the earliest times to the XVIth dynasty (Sixth ed.). OCLC 27060979.
- Petrie, Flinders (1917). Scarabs and cylinders with names, illustrated by the Egyptian collection in University College, London. Publications of the British School of Archaeology in Egypt, 29. London: School of Archaeology in Egypt. OCLC 3246026.
- Porter, Bertha; Moss, Rosalind; Burney, Ethel (1951). Topographical bibliography of ancient Egyptian hieroglyphic texts, reliefs, and paintings. VII, Nubia, the deserts, and outside Egypt (PDF) (1995 reprint ed.). Oxford: Griffith Institute. ISBN .
- Rice, Michael (1999). Who is who in Ancient Egypt. Routledge London & New York. ISBN .
- Richter, Barbara (2013). "Sed Festival Reliefs of the Old Kingdom". Paper Presented at the Annual Meeting of the 58th Annual Meeting of the American Research Center in Egypt, Wyndham Toledo Hotel, Toledo, Ohio, Apr 20, 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-02-24. สืบค้นเมื่อ 24 February 2015.
- Schmitz, Bettina (1976). Untersuchungen zum Titel S3-NJŚWT "Königssohn". Habelts Dissertationsdrucke: Reihe Ägyptologie, Heft 2 (ภาษาเยอรมัน). Bonn: Habelt. ISBN .
- (1903). Urkunden des Alten Reichs (ภาษาเยอรมัน). wikipedia entry: . Leipzig: J.C. Hinrichs. OCLC 846318602.
- Stevenson Smith, William (1971). "The Old Kingdom in Egypt". ใน Edwards, I. E. S.; Gadd, C. J.; Hammond, N. G. L. (บ.ก.). The Cambridge Ancient History, Vol. 2, Part 2: Early History of the Middle East. Cambridge: Cambridge University Press. pp. 145–207. ISBN .
- Strudwick, Nigel C. (2005). Texts from the Pyramid Age. Writings from the Ancient World (book 16). Atlanta: Society of Biblical Literature. ISBN .
- Firenze e provincia. Guida d'Italia del T.C.I. Milano: Touring Club Italiano. 1993. ISBN .
- "Vase with the name of king Unas". Global Egyptian Museum. สืบค้นเมื่อ 21 February 2015.
- Verner, Miroslav (2001a). (PDF). Archiv Orientální. 69 (3): 363–418. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2022-06-24.
- Verner, Miroslav (2001b). "Old Kingdom: An Overview". ใน (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt, Volume 2. Oxford University Press. pp. 585–591. ISBN .
- Verner, Miroslav (2001c). "Pyramid". ใน (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt, Volume 3. Oxford University Press. pp. 87–95. ISBN .
- Verner, Miroslav (2001d). The Pyramids: The Mystery, Culture and Science of Egypt's Great Monuments. New York: Grove Press. ISBN .
- Verner, Miroslav (2003). Abusir: The Realm of Osiris. The American University in Cairo Press. ISBN .
- Wachsmann, Shelley (1998). Seagoing Ships and Seamanship in the Bronze Age Levant. College Station: Texas A & M University Press. ISBN .
- Williams, Bruce (1981). Walsten, David (บ.ก.). "The Tomb Chapels of Netjer-User and Unis-Ankh". Field Museum of Natural History Bulletin. Chicago: 26–32.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
yuns ˈjuːnes hrux ewnis hruxyngsakdidxikwa yunis xiyiptobran wnjs rupaebbthiaeprmaepnphasakrik xins ˈiːnes hrux xxnnxs epnfaorhladbthithiekaaelaphraxngkhsudthaycakrachwngsthihaaehngxiyiptobraninchwngsmyrachxanackreka phraxngkhkhrxngrachyepnewla 15 thung 30 piinchwngklangstwrrsthi 24 kxnkhristkal praman 2345 thung 2315 pikxnkhristkal txcakfaorhdecdkhaer ixessi sungxacepnphrarachbidakhxngphraxngkhfaorhyunsxins xxnnxs yunis ewnisolngphrasphhinbasxltsidaphayinhxngfngphrasphkhxngfaorhyunsinphiramidfaorhrchkalrayaewlayngkhlumekhrux 15 thung 30 pi inchwngklangstwrrsthi 24 kxnkhristkalkxnhnadecdkhaer ixessithdipettiphraprmaphiithyphranamhxrsWadjtawy W3ḏ t3 w j Flourishing of the Two Lands khaaeplxikaebb The sturdy one of the Two LandsphranamenbtiWadjemnebty W3ḏ m nb tj He who flourishes through the Two LadiesphranamhxrsthxngkhaBik nebw Bjk nb w w3ḏ The golden falcon who flourishesphranamkhrxngrachyWnjs khaaeplkhlumekhrux Behold the being tharup Unas xanepn As un phranamkhxngethphiewent The one who truly existsphranamprasutiUnas wnjs khaaeplkhlumekhrux Behold the being tharup Unas xanepn As un phranamkhxngethphiewent The one who truly exists rupaebbhnung khuesksmrs phrarachbutrehemter ehmi ekhnthkhaxuexs enefrut enefrtkhaxuexs ixku esechecht ixdut khlumekhrux yuns xngkh snnisthan enbkhaxuhxr echpessphuphthah phrarachbidaxaccaepnfaorhdecdkhaer ixessiphrarachmardaxaccaepnestibhxrsusanrachwngsrachwngsthi 5 imkhxythrabthungehtukarnthiekidkhuninchwngrchsmykhxngphraxngkhmaknk sungchwngnnepnchwngthiesrsthkictkta aetxiyiptyngkhngrksakhwamsmphnththangkarkhakbchayfngelwanithnaelaniwebiy aelaxacmikarekhluxnihwthangthharekidkhunthangtxnitkhxngkhanaxn karetibotaelakarkracayxanackhxngfaybriharkhwbkhuipkbkarldxanackhxngfaorhyngkhngdaenintxipphayitrchsmykhxngphraxngkh aelathaysudkmiswnthaihekidkarlmslaykhxngsmyrachxanackrekainxik 200 pitxma phraxngkhoprdihsrangphiramidkhuninskhkhara sungepnpiramidkhnadelkthisudkhxngrachwngsthisrangesrcinchwngsmyrachxanackreka briewnfngphrasphthimiothngthangedinthiechuxmknyaw 750 emtr 2 460 fut thiidrbkartkaetngxyanghruhradwyphaphslknuntanun sungmikhunphaphaelakhwamhlakhlayehnuxkwarupekharphkhxngrachwngsthwip nxkcakni phraxngkhyngepnfaorhphraxngkhaerkthimithiaekaslkaelathasibnphnnghxngtang khxngphiramid sungepnkhwamepliynaeplngihmsakhythiphupkkhrxnghruxfaorhtxcakphraxngkhidthatamthungchwngrahwangklangthi1 rayaewlachwng 2160 thung 2050 pikxnkhristkal odykhxkhwamehlanicarabutwfaorhihkbethphraaelaethphoxsiris sungethphthngsxngphraxngkhidrbkarbuchaxyangmakinrchsmykhxngphraxngkhaelamiepahmayephuxchwyihfaorhipsuchiwithlngkhwamtay phraxngkhmiphrarachthidahlayphraxngkhaelaxacmiphrarachoxrshnunghruxsxngphraxngkh sungechuxwaidsinphrachnmipkxnphraxngkhaelw phuepnnkbwchchawxiyiptaehngxanackrthxelmiinchwngstwrrsthi 3 kxnkhristkalaelaphuekhiynprawtisastrerimaerkkhxngxiyipt idxangwa emuxfaorhyunsesdcswrrkht rachwngsthihaksinsudlng odymifaorhetti epnfaorhphraxngkhaerkkhxngrachwngsthihkmakhunkhrxngrachytx sungxacepnipidwakhunkhrxngrachyhlngcakekidwikvtkalinchwngsn xyangirktam hlkthanthangobrankhdichiihehnwachawxiyiptobraninkhnannimidhyudphkxyangmistikbrachwngskxnhna aelakaraebngaeykrahwangrachwngsthihaaelarachwngsthihkxaccaepneruxngethc karbuchafaorhyunsiderimtnkhunemuxphraxngkhesdcswrrkhtaelaxyutxmacnthungsmythirachxanackrekasinsudlngaelaxaccaxyutxmaeruxy cnthungchwngrahwangklangthihnungxnwunway phithikardngklawyngxaccaxyumathunghruxidrbkarfunfukhuninchwngrachxanackrklang raw 2050 thung 1650 pikxnkhristkal aetklbimidpxngkncakkarruxthxnthifngphrasphkhxngphraxngkhbangswnephuxexawsduinrchsmyfaorhxemenmehtthi 1 aela faorhesnusertthi 1 rawchwng 1990 thung 1930 pikxnkhristkal khwbkhuipkbphithikardngklaw faorhyunsxacidrbkhwamekharphxyangsunginthanaethphecathxngthinaehngskhkhara cnkrathngchwngyukhplay 664 332 pikxnkhristkal ekuxb 2 000 pihlngcakthiphraxngkhswrrkhthlkthanrbrxnghlkthanthangprawtisastr karmixyukhxngfaorhyunsidrbkarphisucnxyangchdecncakaehlngprawtisastrthimibnthukrayphranamkstriyxiyiptobransamraykarsubmacakchwngsmyrachxanackrihmidklawthungphraxngkh phraxngkhxyuinraykarthi 33 khxngbnthukphranamkstriyaehngxibdxs sungbnthukkhuninrchsmykhxngfaorhestithi 1 1290 1279 pikxnkhristkal phranamkhxngphraxngkhkmixyuinbnthukphranamkstriyaehngskhkhara inraykarthi 32 aelainbnthukphranamkstriyaehngturin inkhxlmnthi 3 aethwthi 25 sungthngsxngbnthukphranamninidekhiynkhuninrchsmykhxngfaorhramessthi 2 1279 1213 pikxnkhristkal bnthukphranamkstriyaehngturinidbnthukiwwaphraxngkhpkkhrxngxiyiptepnewla 30 pi aehlngkhxmulehlanithnghmdidrabuwaphraxngkhepnfaorhphraxngkhthiekaaelaphraxngkhsudthaykhxngrachwngsthiha sungkhunkhrxngrachytxcafaorhdecdkhaer ixessi aelafaorhettikhunkhrxngrachytxcakphraxngkh ladbehtukarnthismphnthknniidrbkaryunynodyhlkthanthangobrankhdi echn inhlumfngsphkhxngkharachkarthirbichphayitfaorhehlani nxkcakaehlngkhxmulehlaniaelw phraxngkhyngthukklawthungin Aegyptiaca sungepnbnthukprawtisastrkhxngxiyiptobranthiekhiynkhuninchwngstwrrsthi 3 kxnkhristkal inrchsmykhxngfaorhpotelmithi 2 283 246 pikxnkhristkal odynkbwchchawxiyiptnamwa maenoth sungimmisaenakhxng Aegyptiaca thihlngehluxmacnthungthukwnni aetruephiyngphannganekhiyninphayhlngody aelaethann xafrikansklawwa Aegyptiaca idklawthungfaorh xxnnxs thikhrxngrachyepnewla 33 pichwngplayrachwngsthiha sungechuxknwa xxnnxs epnrupaebbthiaeprmaepnphasakrikkhxng yuns aelacanwn 33 piaehngkarkhrxngrachykhxngxafrikansktrngkbcanwnpikhrxngrachykhxngphraxngkhtambnthukphranamkstriyaehngturin hlkthanrwmsmy aecknthrngklmhinpunkhawkhxngfaorhyuns phiphithphnthlufwr hlkthanchntnrwmsmyinpccubnidphisucnehtukarnthiekidkhuninchwngrchsmykhxngphraxngkhkhuxphaphslknuntamakmaycakphiramidkhxngphraxngkh hakimnbhlkthanehlani mihlkthanimkichinthisubenuxngmacakrchsmykhxngphraxngkhthiynghlngehluxxyuelycnthungthukwnni emuxphicarnathungrayaewlakhrxngrachy 30 pithibnthukiwinsmytxmasahrbkarkhrxngrachykhxngphraxngkh karkhudkhn sungepnsusanhlwngkhxngrachwngsthihaaehngxiyiptobranidbnthukcaruklngwnewlaephiyngsichinethannthiekiywkhxngphraxngkhaelaxyusphaphthismburn sungcarukehlannklawthungpithisam si hkaelaaepdkhxngkarkhrxngrachykhxngphraxngkhxyangchdecn phraxngkhyngmicarukbnekaaaexlelefnithn thixyuthdcakaekngnatkaerkkhxngaemnainlinniwebiy nxkcakni yngmiaecknhinpunkhawhlayibthimikharthuthkhxngphraxngkh eruximthismburnaelachinswnephimetimthimacakemuxngibblxs sungxyubnchayfngelwanithn khnanixyuinphiphithphnthsthanaehngchatiebrut aecknthiimthrabthimatngxyuinaelaxanwa hxrs wadcthawi darngxyuchwnirndr faorhaehngxiyipttxnbnaelatxnlang oxrsaehngra yuns darngxyuchwnirndr eruximxiklathiimthrabthimathicdaesdngxyuthiphiphithphnthlufwr epnaecknthrngklmsung 17 esntiemtr 6 7 niw kwang 13 2 esntiemtr 5 2 niw pradbxyangwicitrdwyehyiywthimipikkangxxkaelanguehasxngtwcbekhruxnghmayxngkhrxb kharthuthkhxngphraxngkh krapukkhiphungthislkphranamkhxngphraxngkhaelaphranamhxrs sungcdaesdngxyuin aelachinswnkhxngkhxbaecknaekhlistthiaekaslkkharthuthkhxngphraxngkhthngsxngchinkaesdngxyuinrchsmyphrarachwngs faorhyunsidkhunkhrxngrachytxcakfaorhdecdkhaer ixessi esdcswrrkht sungfaorhdecdkhaerthuksnnisthanwaepnphrarachbidakhxngphraxngkh thngthiimmihlkthanyunynekiywkbkhxsngsyxyangchdecn aelakarkhunkhrxngrachykhxngphraxngkhcakfaorhdecdkhaer ixessiduehmuxnwacarabrun phraxngkhmiphramehsixyangnxy 2 phraxngkh khux phranang aela phranang sungthukfngxyuinmastabakhukhnadihythixyutidkbphiramidkhxngphraswami aelaphranangenebtxaccamiphraoxrskhux phrarachoxrsaehngkstriy mhadelkkhxngphrarachwngs nkbwchaehngethphi aela phutrwckarxiyiptbn namwa yuns xngkh sungnacasinphrachnmpraman 10 piinrchsmykhxngfaorhyuns phranamkhxngphraxngkhidbxkepnnyodyxxmaesdngihehnkhwamsmphnthrahwangbidaaelabutr taaehnngkhxngphraxngkh aelahlumfngsphkhxngphraxngkhiklkbphranangenebtaelaphrabida aetklbimepnthiyxmrbinradbsakl phrarachoxrsxiksxngphraxngkhmikarsnnisthanwakhux enbkhaxuhxr aelaespessphuphthah aetkhwamsmphnthrahwangfaorhyunsnnepnephiyngkarkhadedaaelaotaeyngkn faorhyunsnacaswrrkhtodyimmixngkhrchthayathchay phraxngkhmiphrarachthidaxyangnxyhaphraxngkh phranamwa ehemter ehmi ekhnthkhaxuexs enefrut enefrtkhaxuexs ixku aela esesseht ixdut aelasthanakhxngphrarachthidaxikphraxngkhxikhnungthiepnipidnamwa yngkhlumekhrux chwngkarkhrxngrachy phaphslkfaorhsahuerthrngswmesuxkhlumkhxng khlaykbphaphslknuntakhxngethskalesdcaksthanthifngphrasphkhxngfaorhyuns rayaewlainkarkhrxngrachykhxngfaorhyunsnnyngkhlumekhrux tamthiklawiwkhangtn hlkthanprawtisastrrabuewlakarkhrxngrachydwyrayaewla 30 aela 33 pi twelkhpithinkixykhuptwithyaniymnaipich echn wileliym si haeys aela karkhrxngrachythiyawnanechnni camiphaphslkkhxngsungphbxyuinwiharfngphrasphkhxngphraxngkh odypktiaelwethskalnicamikarechlimchlxnghlngcakkhrxngrachyipaelw 30 pi aelamiepahmaythifunfukhwamaekhngaekrngaelaxanacaekfaorh xyangirktam karphrrnnathungethskalesdephiyngxyangediywnnimidhmaythungkarkhrxngrachythiyawnanesmxip yktwxyangechn phaphnuntathiaesdngihehnfaorhsahuerinchudesuxkhlumkhxngethskalesd sungphbinwiharfngphrasphkhxngphraxngkh thungaemwathnghlkthanthangprawtisastraelahlkthanthangobrankhditangehnphxngknwafaorhsahuerthrngpkkhrxngxiyiptepnewlanxykwa 14 pietm nkixykhuptwithyakhnxun sngsywaphraxngkhcakhrxngrachynxykwa 30 pi enuxngcakmihlkthanthisamarthrabuidinkarkhrxngrachykhxngphraxngkhimephiyngphx echnediywkbkarkhadhlkthanthimixayuekinkwapithiaepdaehngkarkhrxngrachykhxngphraxngkh dngnn echuxwa faorhyunspkkhrxngxiyiptepnewla 20 pi inkhnathi aela idldcanwnpikhrxngrachylngehlux 15 piinkarsuksaladbehtukarnkhxngxiyiptobraninpi kh s 2012 ekhrasaelatngkhxsngsyephimetimekiywkbkhwamnaechuxthuxkhxngbnthukphranamkstriyaehngturinchwngrachwngsthisiaelarachwngsthiha dngnncanwnpikhrxngrachykhxngfaorhyunsthirabuiwwa 30 pithiklawinbnthukdngklawnnxaccaimnaechuxthux karkhudkhnkhxnghlumfngsphkhxnginkhaxu ixessi phayitkarduaelkhxngthiskhkharaidihhlkthansnbsnunkarkhrxngrachythisnkwa ody inkhaxu ixessi epnkharachkarthierimthanganinrchsmykhxngfaorhdecdkhaer ixessi ekhamichiwitphanrchsmykhxngfaorhyunsaelathungaekkrrminthanaphutrwckarxiyiptbninchwngrchsmyfaorhetti sungepnfaorhthikhunkhrxngrachytxcakfaorhyuns thrabwainkhaxu ixessi thungaekkrrminpithimithisibexdinrchsmykhxngfaorhetti sungepnnganthiprakxbdwykarnbpsustwthwpraethsephuxpraemincanwnphasithicaeriykekbaelaechuxknwakarnbdngklawekidkhunthuk sxngpiinchwngsmyrachxanackrekaaelathukpiinchwnghlngsmyrachxanackrklang rahwang 2055 thung 1650 pikxnkhristkal dngnninkhaxu ixessicamichiwitxyuewla 22 pihlngcakfaorhettikhunkhrxngrachyaelarwmkbxik 30 piaehngkarkhrxngrachykhxngfaorhyuns ekhanacathungaekkrrmemuxxayuid 70 pi xyangirktam phlkartrwcthangnitiewchkhxngmmmikhxngekhaaesdngihehnwaekhanacamixayuimekin 45 pi niaesdngihehnwakarnbpsustwekidkhunmakkwahnungkhrngthuksxngpiinchwngewlakhxngfaorhyunsaelafaorhetti sungxacekidkhunxyangphidpkti thaepnechnnncanwn 30 pikhrxngrachykhxngfaorhyunsinbnthukphranamkstriyaehngturin sungekhaicwahmaythungkarnbpsustw 15 khrngxaccamikhwamhmayepn 15 pi sungemuxrwmkbewlaephiyng 11 piinrchsmykhxngfaorhetticathaihinkhaxu ixessithungaekkrrmemuxxayupraman 40 pi xayu 45 pi ehtukarnphayinrchsmy phaphwadbncarukkhxngfaorhyunsbnekaaaexlelefnithnkarkhaaelasngkhram enuxngcakkhadhlkthansubenuxnginrchsmykhxngphraxngkh cungthaihthrabthungehtukarnphayinrchsmykhxngphraxngkhnxymak khwamsmphnththangkarkhathimixyukbtangpraethsaelaemuxngtang odyechphaaxyangyingemuxngibblxs duehmuxncadaenintxip phaphnuntanunsungcakthangedinkhxngphiramidkhxngphraxngkhaesdngihehneruxedinthaelkhnadihysxnglathiklbmacakkaredinthangipyngchayfngelwanithnphrxmkbchaychawsior khanaxn sungepnlukeruxhruxthas swnphaphslkxikphaphhnungaesdngihehnthungkardaeninkarthangthhar chawxiyipttidxawuthdwythnuaelakrichocmtichawkhanaxnerrxnthieriykwa mikarphbphaphnuntanunsungkhlaykhlungkninphiramidkxnhna echn phiramidkhxngfaorhsahuer dngnncungxacepnrupaebbmatrthanmakkwakarphrrnnathungehtukarncring hlkthanxunmkcayunynkhwamcringinehtukarnbnphaphslkehlani twxyangechn thiekiywkhxngkbkarlngothshlaykhrngtxchnephaerrxnchawkhanaxninchwngtnrachwngsthihk carukkhxngfaorhyunsbnekaaaexlelefnithnsungxyuthangtxnitkhxngxiyipt idbnthukkaresdceyuxnkhxngphraxngkhthiniwebiylang sungxaccaidrbekhruxngbrrnakarcakhwhnaepha hruxenuxngcakkhwamimsngbthiephimkhuninphumiphakh nxkcakni phaphslknuntanunsungkhxngthangedindngklawthinaipsuphiramidkhxngphraxngkhaesdngihehntwyiraf sungbngbxkthungkhwamsmphnththangkarkhakbniwebiy karphayinpraeths phaphslkaesdngphaphkhnerrxnthihiwohycakthangedinkhxngfaorhyunsinskhkhara rchsmykhxngfaorhyunsepnchwngthiesrsthkictkta aemwatamthi nkixykhuptwithyachawfrngessekhiyniwwa mnepn ewlaaehngkhwamesuxmothrmimekhyekidkhunely thiaethcringaelw rthbalxiyiptyngkhngsamarthcdkarsarwckhrngsakhyephuxcdhahinsahrbkxsrangehlaxakharphiramidkhxngfaorhid karedinthangehlaniaesdngihehninphaphnuntanunsungphiessthiphbinthangedinipphiramidkhxngphraxngkh aelayngxangthungincarukthibnthukxtchiwprawtikhxngecahnathifaybrihar ecahnathikhnnirayngankarkhnsngrayathang 10 40 emtr esahinaekrnitsiaedngsung 34 1 fut cakekaaaexlelefnithnipyngskhkharainewlaephiyngaekhsiwn sungepnphlnganthifaorhykyxngekha nxkcakngankxsrangsakhythidaeninkarinskkharasahrbkarkxsrangphiramidkhxngphraxngkhaelw kickrrmkarkxsrangyngekidkhunthiekaaaexlelefnithnxikdwy edimthisthankarnphayinpraethsinchwngrchsmykhxngfaorhyunsthukkhidwaepnhayna odyxingcakphaphslknuntanunsungbnthangedinphiramid sungslkihehnphaphphukhnthiphxmaehng cnaenwkhidniepliynipemuxkarkhudkhnthixabusirinpi kh s 1996 phbphaphslknuntanunsungthikhlaykninhlumfngsphkhxngfaorhsahuer sungpkkhrxngxiyiptinchwngewlathirungeruxnginsmyrachwngsthihatxntn nxkcakni karwicyyngphbwakhnthihiwohymkcaepnchawthaelthray sungchnephaerrxncaoddedndwythrngphmechphaakhxngphwkekhamakkwachawxiyipt dwyehtuni phaphslknuntanunsungehlanicungekhaicidwaepnkaraesdngmatrthankhxngkhwamexuxxathrkhxngfaorhthimitxphuyakiraelakhwamyaklabakkhxngchiwitinphunthithaelthraythimiphrmaedntidkbxiyipt aethnthicahmaythungehtukarncring karswrrkhtaelakarsinsudkhxngrachwngs inbnthuk Aegyptiaca khxng klawwakarswrrkhtkhxngfaorhyuns thaihrachwngsthihaidsinsudlng xacepnephraawaphraxngkhesdcswrrkhtodyimmirchthayathchay yuns xngkh phuepnthixaccaepnphrarachoxrssungsinphrachnmkxnphraxngkh praednnixackxihekidwikvtkarsubrachsnttiwngs odynythungphranam sungfaorhettiideluxkemuxkhunkhrxngrachy esehethpthawi hmaykhwamwa phraxngkhphuthrngkhundi thaihthngsxngaephndinsngb karxangsiththiinrachbllngkkhxngfaorhetti xackhunxyukbkaraetngngankhxngphraxngkhkbecahying sungxacepnphrarachthidakhxngfaorhyuns khxsnnisthannimikarthkethiyngknxyangmak enuxngcakkartikhwamphranam ixphut thicabngbxkwaphraxngkhepnphrarachthidakhxngfaorhnnyngkhlumekhruxxyu nxkcakni aenwkhidthiwafaorhettisamarthxangsiththikhxngphraxngkhihthuktxngtamkdhmaydwykaraetngngankbrachwngskthukptiesth odynkixykhuptwithyahlaykhn rwmthng munor odebrf emirts phiernen aelaorbin sungimkhidwasiththiinrachbllngkfaorhcaphansaykhxngphuhying nxkehnuxcakkhxmulkhxngmaenothaelw bnthukphranamkstriyaehngturinyngchiihehncudaetktangphiessrahwangfaorhyunsaelafaorhetti phukhunpkkhrxngxiyipttxcakphraxngkh aemwabnthukphranamkstriycaimidcdxyuinrachwngsktam sungthukkhidkhnodymaenoth aetnkixykhuptwithya caoremiyr maelkh xthibaywa eknthsahrbkaraebngaeykdngklawinbnthukphranamkstriyaehngturinmkcaaebngtamkhuxkarepliynthitngkhxngemuxnghlwngaelathiprathbkhxngrachwngs dwyehtunicungchiihehnwaemuxnghlwngkhxngxiyipt sunginkhnannruckkninchux xinbu ehdc thukaethnthiodyaethcringinkhnann odykartngthinthanthitngxyuthangthisit thangtawnxxkkhxngskhkharait sungxacepnthitngkhxngphrarachwngkhxngfaorhyuns inshswrrsthisxngkxnkhristkal emuxngehlaniidrwmekhadwyknaelakxihekidemuxngemmfisinthisud imwakhxsnnisthankhxngmaenothinkarsinsudrachwngsthihakbfaorhyunscaepnechnir aetchawxiyiptthimichiwitxyuinewlannkhngimrbruthungkarepliynaeplngidepnphiesscakkarepliynphanrachwngshnungipsuxikrachwngs karbriharngankhxngrthimmihlkthankarrbkwn ecahnathihlaykhnyngkhngprakxbxachiphkhxngtntngaetfaorhyunssurchsmykhxngfaorhetti sungrwmthungrachmntri aelainekhaxu ixessi aelaixsi phutrwckaremuxng enuxngcakchawxiyiptinchwngrachxanackrekaxacimidkhidthungnukthungrachwngsely karaebngaeykrahwangrachwngsthihaaelarachwngsthihkxacepneruxngethcidwiwthnakarthangsasnaaelafaorhrchsmykhxngfaorhdecdkhaer ixessiaelafaorhyunsepnchwngewlaaehngkarepliynaeplnginsasnaxiyiptobranaelainxudmkarnkhxngkarepnkstriyhruxfaorh karepliynaeplngprakdihehninkhrngaerkphayitrchsmykhxngfaorhyuns karwiekhraahthangsthitikhxngchinswntraprathbdinehniywthimichuxhxrskhxngfaorhaehngrachwngsthihachiihehnthungkhwamesuxmthxykhxngkhwamepnfaorhinchwngewlakarpkkhrxngkhxngphraxngkh khwamesuxmthxyyngkhngdaenintxipnrchsmykhxngfaorhetti sungthrabwamiephiyngtraprathbsxngchinthimiphranamhxrskhxngphraxngkh aenwonmnisathxnihehnthungkarldxanackhxngfaorhkhwbkhuipkbkarephimkhunkhxngxanacfaybriharswnklangaelathanapuorhit inkhnaediywkn karbuchaethphoxsiriskmikhwamsakhymakkhun odyethphecaxngkhniekhamaaethnthifaorhinthanaphukhapraknchiwithlngkhwamtaysahrbrasdrkhxngfaorh nkixykhuptwithyachaweyxrmn ekhiynxthibaywa sahrbchawxiyiptinyukhnn chiwithlngkhwamtay imidkhunxyukbkhwamsmphnthrahwangmnusyaelafaorhxiktxip klbechuxmoyngkbtaaehnngthangcriythrrmkhxngoxsirisodytrng inthangtrngknkham karbuchaethphecaaehngdwngxathityhruxrakalngesuxmthxylngxyangehnidchd aemwaethphrayngkhngepnethphecathisakhythisudkhxngwiharkhxngxiyipt dngnnfaorhdecdkhaer ixessiaelafaorhyunsimidsrangwihardwngxathity sungklbknkbfaorhkhxngrachwngsthihakxnhnakhxngthngsxngphraxngkh nxkcakniphranamkhxngfaorhemnkhaxuhxr khaxixuaelafaorhyunsimidxingthungethphraely sungimidthatampraephnitngaetrchsmykhxngfaorhyuesxrkaf odypramanhnungstwrrskxnhna thiphbinphiramidkhxngfaorhyunsaesdngihehnthungkhwamsakhykhxngethphoxsirisaelaethphrainsasnaxiyiptobraninkhnann echuxknwaethphecathngsxngmibthbathsakhyinkarekhathungchiwithlngkhwamtay odythiethphraepnaehlngkaenidkhxngchiwitaelaethphoxsirisepnphlngthicanaipsuchiwithnaxakharaelaphiramidphiramidaehngyunsthiskhkhara faorhyunsmiphiramidthisrangkhunsahrbphraxngkhexnginskhkharaehnux tngxyurahwangphiramidkhxngfaorhesekhmekhtaelaphiramidkhxngfaorhocesxrthixyumumthangtawntkechiyngit aelatngxyuaenwsmmatrkbphiramidkhxngfaorhyuesxrkhaf sungtngxyuthimumthangtawnxxkechiyngehnux inkrabwnkarni khnnganidprbradbaelapidsusanekathitngxyuinphunthi aelathisadudtathisudkhuxhlumfngphrasphkhxngfaorhohetpesekhmwiaehngrachwngsthisxng 2890 pikxnkhristkal chuxedimkhxngphiramidkhxngphraxngkhkhux enefxr xisut yuns sungaeplwa sthanthixnswyngamaehngyuns epnphiramidthielkthisud inbrrdaphiramidthisrangesrcinchwngsmyrachxanackreka mithansiehliymcturskhnad 57 7 m 57 7 m 189 fut x 189 fut sahrbkhwamsung 43 m 141 fut swnthifngphrasph swnthiidrbkarburnakhxngthangedinkhxngfaorhyuns phiramidaehngyunsepnswnhnungkhxngsthanthifngphrasphkhnadihythisrangkhunrxb odysamarthekhathungphiramidphanthaelsabobran aelamiwiharsahrbfaorhyunsthitngxyubnchayfng wiharaehngniidrbsingkhxngsahrbkarbuchafaorhaelamikarcdetriymekhruxngbuchaiwthinn danhlngwihardngklawepncuderimtnkhxngthangedinkhwamyaw 750 emtr 2 460 fut yawethakbthangedinipsuphiramidkhxngfaorhkhufu aelaesnthangdngklawcatrngipthiwiharthitngxyukbphiramid rxngbangbnhlngkhakhxngthangedin thaihaesngsxngsxngphnngthipkkhlumtlxdkhwamyawdwysisrrthithasi phaphehlaniaesdngthungvdukalkhxngxiyipt khbwnphukhncakxiyipt changfimuxinthithangan khnthuxekhruxngbucha chaktxsu aelakarkhnsngesahinaekrnitsahrbkarkxsrangxakharaelaphiramid thiplaysudkhxngthangedinkhuxhxngothngkhnadihythinaipsulanepidthimiesasunglxmrxbdwyhxnghlayhxng sunglandngklawcanaekhaipinwiharthifngphrasph sungepnthitngkhxngruppnkhxngfaorhaelasthanthithwayekhruxngbuchaaekfaorhphulwnglb sungxyutidkbdantawnxxkkhxngphiramid sunglxmrxbdwykaaephnglxmrxbthikahndphunthiskdisiththi thimumtawnxxkechiyngitepnphiramidkhnadelksahrbdwngphrawiyyan kha khxngfaorh hxngphayinkhxngphiramidthukepidsarwcinpi kh s 1881 ody phukhnphbtaraphiramid hxngfngphrasphimmixairelynxkcakolngsphsiethada olngsphthitngxyubnsuphunaelahibkhaonpikh phayinolngsphthiphisucnaelwwamikradukkracdkracaysungxacepnkhxngfaorhyuns taraphiramid thislkiwbnfaphnngkhxnghxngfngphrasphfaorhyuns singthiepliynaeplngihmkhxngphiramidaehngyunskhuxkarpraktkhxngkhrngaerk hnungintarathangsasnathiekaaekthisudinxiyiptthimichiwitrxdmacnthungthukwnni sungidrierimpraephnithicaptibtitaminphiramidkhxngfaorhaelaphrarachiniaehngrachwngsthihkthungaelakrathacnthungchwngsinsudkhxngrachxanackrekainxikpraman 200 pitxma ewthmntrkhathathnghmd 283 khatha hruxthiruckinchuxbthswd thukaekaslkaelapaythasifabnphnngkhxngthangedin hxngothng aelahxngfngphrasph epnkartikhwamthichdecnthisudkhxngtaraphiramidthimixyuinpccubn khathaehlanimicudmunghmayephuxchwyfaorhinkarexachnakxngkalngthiepnstruaelaxanacinolkhlngkhwamtayaeladwyehtunicungrwmekhakbethphaehngdwngxathity sungepnphrabidaphuskdisiththikhxngphraxngkhinchiwithlngkhwamtay odykarslkkhxkhwamlngbnphnnghxngphayinkhxngphiramid sthapnikkhxngphiramidaehngyunsrbrxngwafaorhcaidrbpraoychncakkhwamsamarthkhxngphwkekhaaemwakarbuchaphrasphcahyudlngktam dngnntaraphiramidkhxngphiramidaehngyunscungrwmkhaaenanasahrbphithikrrmaelabthswdthicaswd bngbxkwasingehlaniepnsingthithaaelaxanrahwangkarbuchafaorhinwiharfngphrasphkhxngphraxngkhxyangthuktxng karekbrksataraxyangdiinphiramidaehngyuns aesdngihehnwakhathaehlannthukeriyberiyngephuxihdwngwiyyankhxngfaorhyunsidthrngxan khnathilukkhuncakolngsphdwykhaphudfunkhunchiphaelalxmrxbdwykhathapxngknaelaekhruxngbucha caknndwngwiyyancaxxkcakhxngfngphrasph sungmikhxkhwambxkwafaorhkboxsirisinaelacayayipthihxngothng sungepnsylksnkhxng esnkhxbfa khathathiekhiynbnphnnghxngothngrwmxyuinkhathasxngkhathiruckkninchuxklxnswdmnusykinkhn Cannibal Hymn aesdngihehnwafaorhkalngbinsuswrrkhphanthxngfathimiphayuaelakinthngethphecaaelamnusy inkarthaechnnnfaorhcaidrbphlngchiwitkhxngehlathwyethph n cudnidwngwiyyankhxngphraxngkhcahnipthangthistawnxxkthisthangkhxngphraxathitykhunaelanxkkaaephngxithphiramid sungepnpratuhlxkkhxngwiharfngphrasphthiprakxbphithifngphrasph aelathaythisuddwngwiyyankhxngphraxngkhcaipthangsaycarwmekhakbethphrabnthxngfaodyphanthangedinphiramid twxyangkhxngkhathacakphiramidaehngyuns khux inbthswdthi 217 er xatum yunsnimahaphraxngkh wiyyanthithalayimid phraoxrsmahaphraxngkh yunsnimahaphraxngkh khamfakfamarwmkninkhwammudmid khxphraxngkhkhunmabndinaednaehngaesngswangthisungphraxngkhcasxngaesng mrdkpraephnitraprathbskharbthiphranamkhxngfaorhyuns mrdkpraephnithisakhythisudkhxngfaorhyunskhux karbuchafaorh sungyngkhngkrathatamtxipxyangnxykcnthungchwngsinsudkhxngrachxanackreka phithikarniphbinsusanthiskhkharakhxngnkbwchthngecdthirbphidchxbhnathithangsasnathitxngthainwiharfngphrasph susansamaehngmixayuthungchwngtnrachwngsthihkinchwngewlahlngcakkarswrrkhtkhxngfaorheppithi 1 susanxiksamaehngmixayuthungrchsmykhxngfaorheppithi 2 aelasusanxikaehngmixayuxyuinchwngplaysudkhxngsmyrachxanackreka raw 2180 pikxnkhristkal odynkbwchehlanicaichchuxthirwmkbphranamkhxngfaorh xacepnipidephuxkarekharbtaaehnng karbuchafaorhyunsduehmuxnwacakhngmixyuthunginchwngewlaxnwunwaykhxngsmyrahwangklangthi 1 cnthungsmyrachxanackrklang emuxthungchwngsmyrachwngsthisibsxng rawchwng 1990 thung 1800 pikxnkhristkal khrxbkhrwkhxngnkbwchthimihnathixanbthswdthiminamwa yunsexmsaf kyngkhngkrathaxyu xyangirktam sthanthifngphrasphidthukruxthxnbangswnephuxnawsduehlannmasrangepnphiramidinrchsmykhxngfaorhxemenmehtthi 1 aelafaorhesnusertthi 1 nxkcakni faorhyunsthukykyxngihepnethphecaaelayngklaymaepnethphecathxngthinaehngsusaninskhkhara odykriemlihkhwamehnwamnkhngcaekiywkhxngsthanthifngphrasphkhxngphraxngkhthimikhwamyingihyoxxa aelamaelkhyngsngsyinkarmixyukhxngphithidngklawthiidrbkhwamniyminchwngsmyrachxanackrekaaetidyxmrbtngaetsmyrachxanackrklangepntnip thiidrbkhwamniymxyangtxenuxngepnewlaekuxb 2 000 pi sngektcaktraprathbskharbthimiphranamkhxngfaorhyunsthiphbinskhkhara sungmixayutngaetsmyrachxanackrihm 1550 thung 1077 pikxnkhristkal cnthungchwngplay 664 332 pikxnkhristkal aelamaelkhechuxwakarfunfuxanackrklangnimacaktaaehnngthangphumisastrsthanthifngphrasphkhxngphraxngkh sungklayepnthangekhasususanaehngskhkharaodythrrmchati odysunyklangkhxngkarbuchaniimidxyuthiphiramidaehngyunshruxwiharfngphrasphthiekiywkhxng aetepnrupslkkhxngphraxngkh sungsamarthxthibayidwathaimcungtkepnepahmaykhxngnganburnaphayitaerngphlkdnkhxngecachay sungepnphrarachoxrskhxngfaorhramessthi 2 1279 1213 pikxnkhristkal xangxingVerner 2001d p 334 Altenmuller 2001 p 600 Hawass amp Senussi 2008 p 10 Clayton 1994 p 60 Rice 1999 p 213 Malek 2000a p 102 Lloyd 2010 p xxxiv Strudwick 2005 p xxx Arnold 1999 von Beckerath 1999 p 283 Hornung 2012 p 491 Dodson amp Hilton 2004 p 288 Barsanti 1901 p 254 Baker 2008 p 482 Leprohon 2013 p 40 Petrie 1917 p 18 amp p 63 Leprohon 2013 p 41 footnote 65 Baker 2008 pp 482 483 Mariette 1864 p 15 Gardiner 1959 pl II amp Col III num 25 von Beckerath 1999 pp 60 61 king no 9 Kanawati 2001 pp 1 2 Ziegler in Allen et al 1999 pp 361 362 123 Jar inscribed with the name of king Unis Verner 2001a pp 410 411 Petrie 1907 p 84 amp fig 49 p 82 Porter Moss amp Burney 1951 p 390 Guidotti 1991 p 82 no 18 Vase of Unas 2015 Touring Club Italiano 1993 p 352 Brooklyn Museum Catalog 2015 Brunton 2015 Digital Egypt 2000 Grimal 1992 p 80 Baud 1999 p 563 Baud 1999 p 489 Baud 1999 p 545 Williams 1981 p 31 Onderka 2009 p 166 Baud 1999 p 422 Schmitz 1976 p 31 amp 89 Onderka 2009 p 150 amp pp 167 170 Onderka 2009 pp 149 150 Munro 1993 pp 20 33 Baud 1999 pp 580 582 Onderka 2009 p 170 Baud 1999 p 519 Dodson amp Hilton 2004 p 64 Baud 1999 p 499 Baud 1999 pp 496 497 Baud 1999 pp 564 565 Baud 1999 pp 410 411 Borchardt 1913 Blatt 45 Labrousse Lauer amp Leclant 1977 p 86 fig 57 Petrie 1907 p 82 Hayes 1978 p 58 Munro 1993 p 8ff Labrousse Lauer amp Leclant 1977 p 85 fig 56 amp p 86 fig 57 Baker 2008 p 483 Richter 2013 Rice 1999 p 173 Verner 2001a p 411 Verner 2001a p 416 Kanawati amp ʻAbd ar Raziq 2000 Verner 2001a p 412 Strudwick 2005 p 133 num 48 Sethe 1903 entry 69 Malek 2000a p 106 Hayes 1978 p 67 Wachsmann 1998 p 12 amp p 18 Malek 2000a p 105 Stevenson Smith 1971 p 189 Lichtheim 1973 pp 18 23 Verner 2001b p 590 Stevenson Smith 1971 p 188 Landstrom 1970 p 62 fig 185 Lehner 1997 p 202 Fischer 1975 Lehner 1997 pp 142 144 Dodson 1995 pp 38 39 Hawass amp Verner 1996 pp 184 185 Ziegler in Allen et al 1999 pp 360 122 Starving bedouin Coulon 2008 p 2 Stevenson Smith 1971 p 190 Malek 2000a p 103 Baker 2008 p 461 Baud amp Dobrev 1995 p 58 Jeffreys 2001 p 373 Malek 2000a p 104 Altenmuller 2001 p 602 Baud amp Dobrev 1995 pp 55 58 Goedicke 1971 p 155 Verner 2001a pp 408 409 Verner 2001a p 409 Dorman 2015 Altenmuller 2001 p 601 Verner 2001b p 589 Verner 2003 p 84 Allen amp Der Manuelian 2005 pp 7 8 The Function of the Pyramid Texts Arieh Tobin 2001 p 471 Arieh Tobin 2001 p 470 Ockinga 2010 p 113 Lehner 1997 p 154 Grimal 1992 p 118 Table 3 Lehner 1997 p 83 Lehner 1997 p 155 Lehner 1997 pp 154 155 Allen 2001 p 95 Clayton 1994 p 63 Verner 2001c p 92 Lehner 1997 p 33 Oakes amp Gahlin 2002 p 94 Lehner 1997 p 95 Lehner 1997 pp 32 33 Allen 2001 p 96 Budge 1988 p 323 Music Song Lyrics 2015 Nile Unas Slayer Of The Gods lyrics Petrie 1917 Plate IX amp p 34 see the scarabs Altenmuller 1974 pp 3 4 Morales 2006 p 314 Moussa 1971 Moussa amp Altenmuller 1975 Goedicke 1971 Malek 2000b p 257 Malek 2000b pp 250 251 Newberry 2003 Plate IV Scarabs 32 33 amp 34 MFA Online catalog 2015 MMA Online catalog 2015 Malek 2000b p 256 echingxrrthmikaresnxpithikhrxngrachyhlayaebb 2404 2374 pikxnkhristkal 2375 2345 pikxnkhristkal 2367 2347 pikxnkhristkal 2353 2323 pikxnkhristkal 2342 2322 pikxnkhristkal 2321 2306 pikxnkhristkal 2312 2282 pikxnkhristkal Inventory number 3253 Reference number UC13258 In particular the title of king s son was given to both actual royal sons and non royal high officials The text of the inscription reads Horus Wadjtawy the king of Upper and Lower Egypt Unas lord of the foreign lands given life and dominion for ever beloved of Khnum given life for ever Stela CG 1433 Cairo A palmiform column is a column whose has the form of palm leaves This style is for example present in the mortuary complex of king Sahure Iput held the title of z3t nswt bjtj which literally means Daughter of the king of Upper and Lower Egypt However this title could equally well be a variant of z3t ntjr meaning that she was the mother of a king Inbu Hedj means White Walls From Mennefer meaning Perfect and enduring the name of the pyramid of next to which Mennefer was located Another important religious work the Memphite Theology may have been written during the reign of Unas The Memphite Theology is a story of the creation of the world and of the religious and social order of ancient Egypt through the word and will of the god The king himself is described as the personified Horus and an aspect of Ptah It is now widely believed however that this theological text dates to either to the 19th Dynasty or to the much later 760 656 BC Note that the archaic style of certain sections of the Pyramid Texts indicate that these are much older than Unas reign The number reported differs from scholar to scholar Clayton mentions 228 spells Allen gives 236 While most historians believe that it is unlikely that Unas himself engaged in cannibalism the Egyptologist proposed that the Cannibal Hymn may harken back to an earlier time in Egyptian history when cannibalism was in fact practiced This inspired the American band which recorded an 11 43 long song titled Unas Slayer of the Gods based on the Cannibal Hymn It appears on their 2002 album Unasemsaf means Unas is his protection brrnanukrmAllen James Allen Susan Anderson Julie Arnold Arnold Arnold Dorothea Cherpion Nadine David Elisabeth Grimal Nicolas Grzymski Krzysztof Hawass Zahi Hill Marsha Janosi Peter Labee Toutee Sophie Labrousse Audran Lauer Jean Phillippe Leclant Jean Der Manuelian Peter Millet N B Oppenheim Adela Craig Patch Diana Pischikova Elena Rigault Patricia Roehrig Catharine H Wildung Dietrich Ziegler Christiane 1999 Egyptian Art in the Age of the Pyramids New York The Metropolitan Museum of Art ISBN 978 0 8109 6543 0 OCLC 41431623 Allen James 2001 Pyramid Texts in b k The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt Vol 3 Oxford University Press pp 95 98 ISBN 978 0 19 510234 5 Allen James Der Manuelian Peter 2005 The ancient Egyptian pyramid texts Writings from the Ancient World Vol 23 Atlanta Society of Biblical Literature ISBN 978 1 58983 182 7 1974 Zur Vergottlichung des Konigs Unas im Alten Reich Studien zur Altagyptischen Kultur phasaeyxrmn 1 1 18 Altenmuller Hartwig 2001 Old Kingdom Fifth Dynasty in b k The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt Vol 2 Oxford University Press pp 597 601 ISBN 978 0 19 510234 5 Arieh Tobin Vincent 2001 Myths Creation Myths in b k The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt Vol 2 Oxford University Press pp 469 472 ISBN 978 0 19 510234 5 Arnold Dorothea 19 krkdakhm 1999 Old Kingdom Chronology and List of Kings Metropolitan Museum of Art subkhnemux 7 kumphaphnth 2015 Baker Darrell 2008 The Encyclopedia of the Pharaohs Vol I Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300 1069 BC Stacey International ISBN 978 1 905299 37 9 1901 Rapports de M Alexandre Barsanti sur les deblaiements operes autour de la pyramide d Ounas pendant les annees 1899 1901 Annales du Service des antiquites de l Egypte Tome II Annales du Service des Antiquites de l Egypte phasafrngess Cairo Imprimerie de l institut francais d archeologie orientale pp 244 257 ISSN 1687 1510 OCLC 1189841 1999 PDF Bibliotheque d etude 126 2 phasafrngess Cairo Institut francais d archeologie orientale ISBN 978 2 7247 0250 7 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2 emsayn 2015 Baud Michel Dobrev Vassil 1995 PDF Bulletin de l Institut Francais d Archeologie Orientale phasafrngess 95 23 92 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2 emsayn 2015 1999 Handbuch der agyptischen Konigsnamen Munchner agyptologische Studien Heft 49 phasaeyxrmn Mainz Philip von Zabern ISBN 978 3 8053 2591 2 1913 Das Grabdenkmal des Konigs S aḥu Re phasaeyxrmn Vol Band 2 Die Wandbilder Abbildungsblatter Leipzig Hinrichs ISBN 978 3 535 00577 1 Online database of the khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 11 kumphaphnth 2018 subkhnemux 1 emsayn 2015 Brunton Guy 2015 Vase UC13258 of Unas Online catalog of the Petrie Museum subkhnemux 21 February 2015 lingkesiy 1988 From fetish to God in ancient Egypt Reprint Originally published London Oxford University Press 1934 ed New York Dover Publications ISBN 978 0 486 25803 4 Clayton Peter 1994 Chronicle of the Pharaohs Thames amp Hudson ISBN 978 0 500 05074 3 Coulon Laurent 2008 Famine Department of Near Eastern Languages and Cultures UCLA Encyclopedia of Egyptology University of California Los Angeles subkhnemux 4 March 2015 Dodson Aidan 1995 Monarchs of the Nile London Rubicon Press ISBN 978 0 948695 21 6 Dodson Aidan Hilton Dyan 2004 The Complete Royal Families of Ancient Egypt London Thames amp Hudson Ltd ISBN 978 0 500 05128 3 2015 The 5th dynasty c 2465 c 2325 bc Encyclopaedia Britannica Online subkhnemux 23 February 2015 Unas Digital Egypt for Universities 2000 subkhnemux 21 February 2015 Fischer Henry 1975 Two Tantalizing Biographical Fragments of Historical Interest The Journal of Egyptian Archaeology 61 33 37 doi 10 1177 030751337506100104 S2CID 192254681 1959 The Royal Canon of Turin Griffith Institute OCLC 21484338 Goedicke Hans 1971 Re Used Blocks from the Pyramid of Amenemhet I at Lisht New York Metropolitan Museum of Art Egyptian Expedition ISBN 978 0 87099 107 3 1992 A History of Ancient Egypt aeplody Shaw Ian Oxford Blackwell publishing ISBN 978 0 631 19396 8 Guidotti M Cristina 1991 Vasi dall epoca protodinastica al nuovo regno Cataloghi dei musei e gallerie d Italia phasaxitali Rome Istituto poligrafico e Zecca dello Stato Libreria dello Stato ISBN 978 88 240 0177 9 Gundlach Rolf 2001 Temples in b k The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt Volume 3 Oxford University Press pp 363 379 ISBN 978 0 19 510234 5 Verner Miroslav 1996 Newly discovered blocks from the causeway of Sahure Archaeological report Mitteilungen des Deutschen Archaologischen Instituts Abteilung Kairo MDAIK 52 177 186 Hawass Zahi Senussi Ashraf 2008 Old Kingdom Pottery from Giza American University in Cairo Press ISBN 978 977 305 986 6 1978 The Scepter of Egypt A Background for the Study of the Egyptian Antiquities in The Metropolitan Museum of Art Vol 1 From the Earliest Times to the End of the Middle Kingdom New York Metropolitan Museum of Art OCLC 7427345 Hornung Erik Krauss Rolf Warburton David b k 2012 Ancient Egyptian Chronology Handbook of Oriental Studies Leiden Boston Brill ISBN 978 90 04 11385 5 ISSN 0169 9423 Jeffreys David G 2001 Memphis in b k The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt Volume 2 Oxford University Press pp 373 376 ISBN 978 0 19 510234 5 2001 Nikauisesi A Reconsideration of the Old Kingdom System of Dating PDF The Rundle Foundation for Egyptian Archaeology Newsletter 75 Kanawati Naguib ʻAbd ar Raziq Maḥmud 2000 The Teti Cemetery at Saqqara Volume VI The Tomb of Nikauisesi Australian Centre for Egyptology Reports Vol 14 Warminster Aris amp Phillips ISBN 978 0 85668 819 5 Labrousse Audran Lauer Jean Philippe 1977 Le temple haut du complexe funeraire du roi Ounas Bibliotheque d etude tome 73 Cairo Institut francais d archeologie orientale du Caire OCLC 5065554 Landstrom Bjorn 1970 Ships of the Pharaohs 4000 Years of Egyptian Shipbuilding Garden City N Y Doubleday OCLC 108769 1997 The Complete Pyramids New York Thames amp Hudson ISBN 978 0 500 05084 2 Leprohon Ronald J 2013 The great name ancient Egyptian royal titulary Writings from the ancient world no 33 Atlanta Society of Biblical Literature ISBN 978 1 58983 736 2 Lichtheim Miriam 1973 Ancient Egyptian literature Volume 1 The Old and Middle Kingdoms Berkeley University of California Press ISBN 978 0 520 02899 9 Lloyd Alan 2010 Lloyd Alan b k A Companion to Ancient Egypt Volume I Wiley Blackwell ISBN 978 1 4051 5598 4 Malek Jaromir 2000a The Old Kingdom c 2160 2055 BC in Shaw Ian b k The Oxford History of Ancient Egypt Oxford University Press ISBN 978 0 19 815034 3 Malek Jaromir 2000b Old Kingdom rulers as local saints in the Memphite area in Barta Miroslav Krejci Jaromir b k PDF Prague Academy of Sciences of the Czech Republic Oriental Institute pp 241 258 ISBN 978 80 85425 39 0 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2011 02 01 Mariette Auguste 1864 La table de Saqqarah Revue Archeologique phasafrngess Paris 10 168 186 amp Pl 17 The Online Collection Scarab Unas Metropolitan Museum of Art subkhnemux 11 March 2015 Morales Antonio J 2006 Traces of official and popular veneration to Nyuserra Iny at Abusir Late Fifth Dynasty to the Middle Kingdom in Barta Miroslav Coppens Filip Krejci Jaromir b k Abusir and Saqqara in the Year 2005 Proceedings of the Conference held in Prague June 27 July 5 2005 Prague Academy of Sciences of the Czech Republic Oriental Institute pp 311 341 ISBN 978 80 7308 116 4 Moussa Ahmed Mahmoud 1971 A Stela from Saqqara of a Family Devoted to the Cult of King Unas Mitteilungen des Deutschen Archaologischen Instituts Abteilung Kairo MDAIK 27 81 84 Moussa Ahmed Mahmoud Altenmuller Hartwig 1975 Ein Denkmal zum Kult des Konigs Unas am Ende der 12 Dynastie Mitteilungen des Deutschen Archaologischen Instituts Abteilung Kairo MDAIK phasaeyxrmn 31 93 97 Munro Peter 1993 Der Unas Friedhof Nord West phasaeyxrmn Mainz am Rhein von Zabern OCLC 66014930 Scarab with name of Unas Museum of Fine Arts Boston subkhnemux March 11 2015 Ockinga Boyo G 2010 The Memphite Theology Its Purpose and Date in Woods Alexandra McFarlane Ann Binder Susanne b k Egyptian culture and society studies in honour of Naguib Kanawati Annales du Service des Antiquites de l Egypte Cahier 38 Volume II Cairo Conseil supreme des antiquities de l Egypte pp 99 117 OCLC 705718659 Newberry Percy 2003 Ancient Egyptian scarabs and cylinder seals the Timins Collection London Kegan Paul International ISBN 978 0 7103 0944 0 Music Song Lyrics khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2018 02 10 subkhnemux March 23 2015 Oakes Lorna Gahlin Lucia 2002 Ancient Egypt An Illustrated reference to the myths religions pyramids and temples of the Land of the Pharaohs New York Hermes House ISBN 978 1 84309 429 6 Onderka Pavel 2009 The Tomb of Unisankh at Saqqara and Chicago Diploma Czech Institute of Egyptology 1907 A History of Egypt I From the earliest times to the XVIth dynasty Sixth ed OCLC 27060979 Petrie Flinders 1917 Scarabs and cylinders with names illustrated by the Egyptian collection in University College London Publications of the British School of Archaeology in Egypt 29 London School of Archaeology in Egypt OCLC 3246026 Porter Bertha Moss Rosalind Burney Ethel 1951 Topographical bibliography of ancient Egyptian hieroglyphic texts reliefs and paintings VII Nubia the deserts and outside Egypt PDF 1995 reprint ed Oxford Griffith Institute ISBN 978 0 900416 04 0 Rice Michael 1999 Who is who in Ancient Egypt Routledge London amp New York ISBN 978 0 203 44328 6 Richter Barbara 2013 Sed Festival Reliefs of the Old Kingdom Paper Presented at the Annual Meeting of the 58th Annual Meeting of the American Research Center in Egypt Wyndham Toledo Hotel Toledo Ohio Apr 20 2007 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2015 02 24 subkhnemux 24 February 2015 Schmitz Bettina 1976 Untersuchungen zum Titel S3 NJSWT Konigssohn Habelts Dissertationsdrucke Reihe Agyptologie Heft 2 phasaeyxrmn Bonn Habelt ISBN 978 3 7749 1370 7 1903 Urkunden des Alten Reichs phasaeyxrmn wikipedia entry Leipzig J C Hinrichs OCLC 846318602 Stevenson Smith William 1971 The Old Kingdom in Egypt in Edwards I E S Gadd C J Hammond N G L b k The Cambridge Ancient History Vol 2 Part 2 Early History of the Middle East Cambridge Cambridge University Press pp 145 207 ISBN 978 0 521 07791 0 Strudwick Nigel C 2005 Texts from the Pyramid Age Writings from the Ancient World book 16 Atlanta Society of Biblical Literature ISBN 978 1 58983 680 8 Firenze e provincia Guida d Italia del T C I Milano Touring Club Italiano 1993 ISBN 978 88 365 0533 3 Vase with the name of king Unas Global Egyptian Museum subkhnemux 21 February 2015 Verner Miroslav 2001a PDF Archiv Orientalni 69 3 363 418 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2016 03 04 subkhnemux 2022 06 24 Verner Miroslav 2001b Old Kingdom An Overview in b k The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt Volume 2 Oxford University Press pp 585 591 ISBN 978 0 19 510234 5 Verner Miroslav 2001c Pyramid in b k The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt Volume 3 Oxford University Press pp 87 95 ISBN 978 0 19 513823 8 Verner Miroslav 2001d The Pyramids The Mystery Culture and Science of Egypt s Great Monuments New York Grove Press ISBN 978 0 8021 1703 8 Verner Miroslav 2003 Abusir The Realm of Osiris The American University in Cairo Press ISBN 978 977 424 723 1 Wachsmann Shelley 1998 Seagoing Ships and Seamanship in the Bronze Age Levant College Station Texas A amp M University Press ISBN 978 0 89096 709 6 Williams Bruce 1981 Walsten David b k The Tomb Chapels of Netjer User and Unis Ankh Field Museum of Natural History Bulletin Chicago 26 32 bthkhwamchiwprawtiniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk