ราชวงศ์ที่ยี่สิบสามแห่งอียิปต์ มักถูกนับเป็นราชวงศ์ลำดับที่สามของอียิปต์โบราณในสมัย ราชวงศ์ดังกล่าวประกอบด้วยผู้ปกครองชาวหลายพระองค์ ซึ่งปกครองทั้งในฐานะฟาโรห์หรือกษัตริย์อิสระในบางส่วนของอียิปต์บนตั้งแต่ 880 ถึง 720 ปีก่อนคริสตกาล และฟาโรห์ตั้งแต่ 837 ถึง 728 ปีก่อนคริสตกาล
ราชวงศ์ที่ยี่สิบสามแห่งอียิปต์ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
837 ปีก่อนคริสตกาล–728 ปีก่อนคริสตกาล | |||||||||
ขวดที่ปรากฏพระนามฟาโรห์รุดอามุน | |||||||||
เมืองหลวง | ธีบส์, เฮราคลีโอโพลิส | ||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาอียิปต์ | ||||||||
ศาสนา | ศาสนาอียิปต์โบราณ | ||||||||
การปกครอง | สมบูรณาญาสิทธิราชย์ | ||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สมัยคลาสสิค | ||||||||
• ก่อตั้ง | 837 ปีก่อนคริสตกาล | ||||||||
• สิ้นสุด | 728 ปีก่อนคริสตกาล | ||||||||
|
ประวัติราชวงศ์
มีการถกเถียงกันอย่างมากเกี่ยวกับราชวงศ์นี้ ซึ่งอาจจะมีศูนย์กลางอำนาจตั้งอยู่ที่เมืองเฮราคลีโอโพลิส แมกนา เฮอร์โมโปลิส แมกนา และธีบส์ อนุสาวรีย์ของฟาโรห์ในราชวงศ์ที่ยี่สิบสามชี้ให้เห็นว่าราชวงศ์ที่ยี่สิบสามได้ควบคุมอียิปต์บนไปพร้อมกับราชวงศ์ที่ยี่สิบสอง ไม่นานก่อนที่ฟาโรห์โอซอร์คอนที่ 2 จะเสด็จสวรรคต
ในขณะที่ราชวงศ์ที่ยี่สิบสามถือเป็นราชวงศ์แห่งทานิส เนื่องจากมีต้นกำเนิดมาจากเมืองทานิส แต่ก็ไม่เคยปกครองจากที่นั่น ราชวงศ์ที่ยี่สิบสองจากเมืองบูบาสทิสได้เข้ายึดเมืองทานิสและเมืองเมมฟิส และสามารถปกครองเมืองเหล่านี้ไว้ได้จนเกือบสิ้นสุดราชวงศ์ เป็นผลให้ราชวงศ์ที่ยี่สิบสามซึ่งอาจจะเป็นราชวงศ์สาขาของราชวงศ์ที่ยี่สิบสอง จึงมีต้นกำเนิดมาจากเมืองทานิส แต่นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่แย้งว่าอาจจะใช้เมืองลีออนโทโพลิสเป็นเมืองหลวงแทน ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งได้รับการยืนยันจากจารึกของพิอังค์อิ ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงรัชสมัยของฟาโรห์ ในเมืองลีออนโทโพลิส อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์บางท่านโต้แย้งว่า ฟาโรห์ยูพุดที่ 2 ไม่ควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นฟาโรห์จากราชวงศ์ที่ยี่สิบสามเลย เนื่องจากไม่มีข้อเท็จจริงที่แน่ชัดว่าราชวงศ์ที่ยี่สิบสามจะปกครองจากเมืองลีออนโทโพลิส เพียงแต่ว่าฟาโรห์ยูพุดที่ 2 น่าจะทรงปกครองจากที่ไหนสักแห่งในบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ แต่ถ้าหากฟาโรห์ยูพุดที่ 2 เป็นเพียงมีความเชื่อมโยงระหว่างราชวงศ์ที่ยี่สิบสามและเมืองลีออนโทโพลิส ในมุมมองดังกล่าวจะหักล้างกับจารึกของพิอังค์อิ เพื่อเป็นหลักฐานว่าเมืองลีออนโทโพลิสเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ที่ยี่สิบสาม
อีกเหตุผลหนึ่งที่มีการถกเถียงกันมากคือนอกเหนือจากความขัดแย้งระหว่างอียิปต์ล่างและอียิปต์บนที่มีอยู่แล้ว แต่ยังมีความขัดแย้งในบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์อีกด้วย ส่วนหนึ่งของความขัดแย้งดังกล่าวคือการต่อสู้เพื่อการสืบสันตติวงศ์ แต่อีกส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับมหาปุโรหิตแห่งอามุนที่ธีบส์ ซึ่งในช่วงราชวงศ์ที่ยี่สิบเอ็ดได้ปกครองอียิปต์บน ถึงแม้จะไม่ถือเป็นราชวงศ์ที่แยกออกจากกันก็ตาม (แต่อย่างไรก็ตาม มหาปุโรหิตบางคนกลายเป็นฟาโรห์และเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ เช่น ฟาโรห์ซูเซนเนสที่ 1) แม้ว่าอำนาจของมหาปุโรหิตเหล่านี้จะลดลงหลังราชวงศ์ที่ยี่สิบเอ็ด แต่มหาปุโรหิตแห่งอามุนยังคงมีอำนาจและมีอิทธิพล และการแต่งงานกับราชวงศ์ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแต่อย่างใด เป็นผลให้หลายรัชสมัยในช่วงราชวงศ์ที่ยี่สิบสามและระหว่างราชวงศ์ที่ยี่สิบสองและยี่สิบสามทับซ้อนกัน เป็นเพราะสมาชิกบางพระองค์ของราชวงศ์ที่ยี่สิบสามปกครองในฐานะกษัตริย์อิสระ (เช่น ฟาโรห์) และเป็นราชวงศ์ที่แยกจากกันหลังจากการสวรรคตของฟาโรห์โอซอร์คอนที่ 2 (จากราชวงศ์ที่ยี่สิบสอง) ซึ่งนักประวัติศาสตร์บางคนโต้แย้งว่าราชวงศ์ที่ยี่สิบสามแห่งอียิปต์มีฟาโรห์พระองค์แรกคือ ฟาโรห์ทาเคลอตที่ 2 และถือว่าฟาโรห์เปดูบาสติสที่ 1 เป็นส่วนหนึ่งของการปกครองอิสระ (เป็นช่วงระยะเวลาอันสั้น) และชี้ให้เห็นว่าเชื้อสายของฟาโรห์ทาเคลอตที่ 2 เป็นราชวงศ์อิสระที่แยกจากราชวงศ์ที่ยี่สิบสองแห่งอียิปต์ และถือว่าเชื้อสายของฟาโรห์เปดูบาสติสที่ 1 เป็นราชวงศ์ที่ยี่สิบสามแห่งอียิปต์
เมื่อฟาโรห์โอซอร์คอนที่ 2 เสด็จสวรรคต เจ้าชายโชเชงค์ก็ได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ทำให้ฟาโรห์ทาเคลอตที่ 2 ซึ่งเป็นพระอนุชาจึงทรงขึ้นครองบัลลังก์ที่เมืองทานิส มหาปุโรหิตแห่งอามุน ในขณะนั้นคือ เจ้าชาย ซึ่งเป็นพระเชษฐาต่างพระมารดาของพระองค์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากฟาโรห์โอซอร์คอนที่ 2 และพระองค์ทรงอภิเษกสมรสกับพระราชธิดาในฟาโรห์ทาเคลอตที่ 2 กับพระนางคาโรมัม เมริตมัตที่ 2 จึงทำให้เจ้าชายนิมลอตทรงจะเป็นพระอัยกาของพระราชโอรส-ธิดา และฟาโรห์ทาเคลอตที่ 2 จะได้เป็นรัชทายาท เมื่อเจ้าชายนิมลอตสิ้นพระชนม์ในปีที่สิบเอ็ดแห่งการครองราชย์ของฟาโรห์ทาเคลอตที่ 2 ก็เกิดการแย่งชิงการสืบสันตติวงศ์ขึ้น โดยฟาโรห์ทาเคลอตที่ 2 ทรงเลือกเจ้าชายเป็นรัชทายาท แต่ฮาร์ซิเอเซ พระนัดดาของหัวหน้านักบวชไม่เห็นด้วย จึงได้เข้ายึดเมืองธีบส์ แต่เจ้าชายโอซอร์คอนก็ทรงสามารถเอาชนะการก่อกบฏได้
จึงความสงบสุขเป็นระยะเวลาเวลาสี่ปี ในปีที่ 15 แห่งการครองราชย์ของฟาโรห์ทาเคลอตที่ 2 ได้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ความขัดแย้งดังกล่าวกินระยะเวลาเกือบสิบปี และหลังจากนั้นอีกสองปีแห่งความสงบสุข ธีบส์ได้ก็การก่อกบฏขึ้นอีกครั้ง แต่ฟาโรห์ทาเคลอตที่ 2 เสด็จสวรรคตไปก่อนหน้าที่ความขัดแย้งครั้งใหม่นี้จะสงบลง และด้วยเจ้าชายโอซอร์คอน ซึ่งประทับอยู่ไกลจากเมืองทานิส พระอนุชาของพระองค์ คือ ฟาโรห์โชเชงค์ที่ 3 จึงทรงเข้ามายึดอำนาจเสียก่อน ถึงแม้ว่าจะช่วยในการแก้ไขความขัดแย้งกับธีบส์ เนื่องจากการยอมรับให้ฟาโรห์โชเชงค์ที่ 3 เป็นฟาโรห์ ความขัดแย้งครั้งใหม่จึงเริ่มต้นขึ้น แทนที่จะเป็นความขัดแย้งระหว่างราชวงศ์ แต่เป็นความขัดแย้งภายในราชวงศ์แทน ทำให้เจ้าชายเปดูบาสติสจึงทรงประกาศพระองค์ขึ้นเป็นฟาโรห์และครองราชย์ในเมืองลีออนโทโพลิสในช่วงรัชสมัยฟาโรห์โชเชงค์ที่ 3
ในขณะที่เจ้าชายโอซอร์คอนทรงถูกแย่งชิงพระราชบัลลังก์โดยฟาโรห์โชเชงค์ที่ 3 ซึ่งเป็นพระอนุชาของพระองค์ ฟาโรห์โชเชงค์ได้แต่งตั้งพระองค์ให้เป็นมหาปุโรหิตแห่งอามุนอีกครั้ง เนื่องจากฮาร์ซิเอเซจากกบฏธีบส์ข้างต้นได้สูญหายไปในปีที่ 29 แห่งการครองราชย์ของฟาโรห์โชเชงค์ที่ 3 เจ้าชายโอซอร์คอนจึงทรงปกครองอียิปต์บนในฐานะมหาปุโรหิตแห่งอามุน ในขณะเดียวกัน ฟาโรห์โชเชงค์ที่ 3 ก็ทรงมีพระราชอำนาจมากกว่าผู้ปกครองในเมืองลีออนโทโพลิส เมื่อถึงตอนนั้นฟาโรห์เปดูบาสต์และฟาโรห์ยูพุดที่ 1 ซึ่งเป็นพระราชโอรสที่ทรงแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการร่วมกับพระองค์ได้สวรรคตแล้วในปีเดียวกัน (804 ปีก่อนคริสตกาล) ทำให้ฟาโรห์โชเชงค์ที่ 6 ทรงขึ้นครองราชย์ต่อจากฟาโรห์เปดูบาสต์ แต่ไม่นาน เมื่อเจ้าชายโอซอร์คอนทรงสืบพระราชสมบัติในอีกหกปีต่อมาเป็นฟาโรห์โอซอร์คอนที่ 3 ซึ่งขึ้นครองราชย์ในช่วงปลายรัชสมัยของฟาโรห์โชเชงค์ที่ 3
โดยที่เมืองเฮราคลีโอโพลิส ฟาโรห์แห่งราชวงศ์ที่ยี่สิบสองพระนามว่า โชเชงค์ที่ 4 ยังคงทรงมีพระราชอำนาจอยู่ประมาณ 766 ปีก่อนคริสตกาล อย่างไรก็ตามฟาโรห์โอซอร์คอนที่ 3 ได้แต่งตั้งให้เจ้าชาย ซึ่งเป็นพระราชโอรสพระองค์โตให้กินเมืองเฮราคลีโอโพลิส และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระองค์เป็นมหาปุโรหิตแห่งอามุนในเวลาเดียวกัน เป็นผลให้บทบาทของราชวงศ์ที่ยี่สิบสองในพื้นที่เมืองธีบส์ลดลงอย่างมาก เมื่อฟาโรห์โอซอร์คอนที่ 3 เสด็จสวรรต ฟาโรห์ทาเคลอตที่ทรงเคยเป็นผู้สำเร็จราชการร่วมกับพระราชบิดา จึงกลายมาเป็นผู้ปกครองเพียงพระองค์เดียว
ฟาโรห์ทาเคลอตที่ 3 ได้ทรงละทิ้งตำแหน่งมหาปุโรหิต เมื่อพระองค์ทรงขึ้นเป็นฟาโรห์ และเจ้าหญิง ซึ่งเป็นพระขนิษฐาของพระองค์ดูเหมือนว่าจะรับช่วงต่อบทบาทนั้นและทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เป็นผลให้พระองค์ทรงปกครองภูมิภาคธีบส์ร่วมกับพระเชษฐาของพระองค์ และฟาโรห์ทาเคลอตที่ 3 ทรงยังยอมสละการปกครองเฮราคลีโอโปลิสให้กับเพฟทจาอูอาวิบาสเทตที่สมรสกับพระราชธิดาของฟาโรห์รุดอามุน ซึ่งเป็นพระอนุชาของฟาโรห์ทาเคลอตที่ 3 และทรงขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ฟาโรห์ยูพุดที่ 2 (หรือที่รู้จักในพระนาม ไอนิ) ก็ทรงขึ้นครองพระราชบัลลังก์ต่อ ในรัชสมัยของพระองค์ ภูมิภาคนี้เกิดความแตกแยกมากขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากและ ผู้รั้งตำแหน่งผู้ปกครองเมืองเฮอร์โมโพลิสได้แต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นฟาโรห์ ทำให้ฟาโรห์รุดอามุนและฟาโรห์ ทรงขึ้นครองราชย์เหนือเฉพาะเมืองธีบส์ในช่วงปลายของราชวงศ์ที่ยี่สิบสามเท่านั้น ในขณะที่ กษัตริย์พิอังค์แห่งทรงเข้ามายุติแตกแยกนี้ ซึ่งเรียกว่า "อนาธิปไตยแห่งลิเบีย"
รายพระนามฟาโรห์
ฟาโรห์/กษัตริย์ | รูปภาพ | พระนามครองราชย์/พระนามประสูติ | รัชสมัย | พระมเหสี | คำอธิบาย |
---|---|---|---|---|---|
ฮาร์ซิเอเซ เอ | เฮดจ์เคเปอร์เร เซตเพอามุน | 880 – 860 ปีก่อนคริสตกาล | ไอเซตเวเรตที่ 1 | ผู้ปกครองอิสระแห่งธีบส์ โดยทรงปกครองในรัชสมัยของฟาโรห์ทาเคลอตที่ 1 และฟาโรห์โอซอร์คอนที่ 2 | |
ทาเคลอตที่ 2 | เฮดจ์เคเปอร์เร เซตเพนเร | 840 – 815 ปีก่อนคริสตกาล | คาโรมามา ดี ทาเซป ทาเบเคเทนาสเคต เอ | ทรงปกครองช่วงเวลาเดียวกันกับฟาโรห์จากราชวงศ์ที่ยี่สิบสอง ฟาโรห์โชเชงค์ที่ 3 ซึ่งปกครองอยู่บริเวณอียิปต์ล่าง | |
เปดูบาสต์ที่ 1 | ยูเซอร์มาอัตเร เซตเพนอามุน | 829 – 804 ปีก่อนคริสตกาล | ทรงมีส่วนร่วมในสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อกับฟาโรห์ทาเคลอตที่ 2 /มกุฎราชกุมารโอซอร์คอน บี | ||
ยูพุดที่ 1 | 829 – 804 ปีก่อนคริสตกาล | ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการร่วม | |||
โชเชงค์ที่ 6 | ยูเซอร์มาอัตเร เมริอามุน | 804 – 798 ปีก่อนคริสตกาล | ทรงครองราชย์ต่อจากฟาโรห์เปดูบาสต์ที่ 1ที่เมืองธีบส์ และทรงปกครองอียิปต์บนเป็นเวลา 6 ปี | ||
ยูเซอร์มาอัตเร เซตเพนอามุน | 798 – 769 ปีก่อนคริสตกาล | เทนต์ซาอิ เอ คาโรอาทเจต | ทรงมีส่วนร่วมในสงครามกลางเมืองต่อต้านฟาโรห์เปดูบาสต์ที่ 1 และฟาโรห์โชเชงค์ที่ 6 | ||
ยูเซอร์มาอัตเร เซเตเพนอามุน | 774 – 759 ปีก่อนคริสตกาล | คาคัต อิร์ทิอูบาสต์ | เป็นพระราชโอรสพระองค์ ผู้สำเร็จราชการร่วม และผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ของฟาโรห์โอซอร์คอนที่ 3 | ||
รุดอามุน | ยูเซอร์มาอัตเร เซเตเพนอามุน | 759 – 755 ปีก่อนคริสตกาล | ทาดิ[...] | เป็นพระอนุชาและผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ของฟาโรห์ทาเคลอตที่ 3 และเป็นผู้ปกครองที่มีหลักฐานรับรองน้อย | |
โชเชงค์ที่ 7 | เฮดจ์เคเปอร์เร เซเตเพนเร | 755 – 732 ปีก่อนคริสตกาล | เป็นผู้ปกครองที่มีหลักฐานรับรองน้อย | ||
เมนเคเปอร์เร | 720 – 715 ปีก่อนคริสตกาล | ทรงปกครองเพียงเฉพาะธีบส์ในรัชสมัยของพระองค์เท่านั้น อาจจะเป็นผู้อ้างสิทธิ์ในพระราชบัลลังก์กับราชวงศ์ที่ยี่สิบห้าแห่งอียิปต์ |
เพิ่มเติม
- J.P. Elias, "A Northern Member of the 'Theban' Twenty-Third Dynasty", Discussions in Egyptology 31 (1995), 57-67.
- J. Goldberg, "The 23rd Dynasty Problem Revisited: Where, When and Who?", Discussions in Egyptology 29 (1994), 55-85.
- H. Jacquet Gordon, "Deux graffiti d'époque libyenne sur le toit du Temple de Khonsu à Karnak" in Hommages à la memoire de Serge Sauneron, 1927-1976 (Cairo: 1979), pp. 169–74.
- K.A. Kitchen, The Third Intermediate Period in Egypt (c.1100–650 BC), 3rd ed., Warminster: 1996.
- Naunton, Christopher. “Libyans and Nubians.” A Companion to Ancient Egypt, by Alan B. Lloyd, vol. 1, Wiley-Blackwell, 2010, pp. 120–139.
อ้างอิง
- Kitchen, K. A. (Kenneth Anderson) (2009). The third intermediate period in Egypt, 1100-650 B.C. Aris & Phillips. ISBN . OCLC 297803817.
- Breasted, James Henry, 1865-1935. (2001). Ancient records of Egypt. University of Illinois Press. pp. 406–444. ISBN . OCLC 49621223.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Spencer, P. A.; Spencer, A. J. (1986). "Notes on Late Libyan Egypt". The Journal of Egyptian Archaeology. 72 (1): 198–201. doi:10.1177/030751338607200124. ISSN 0307-5133. S2CID 192217426.
- Broekman, Gerard P. F. (2010). "The Leading Theban Priests of Amun and their Families under Libyan Rule*". The Journal of Egyptian Archaeology. 96 (1): 125–148. doi:10.1177/030751331009600107. ISSN 0307-5133. S2CID 150473491.
- Grimal, Nicolas (1992). A History of Ancient Egypt. Oxfordd: Blackwell. pp. 311–333. ISBN .
- Lloyd, Alan B., editor. (2010). A companion to ancient Egypt. Wiley-Blackwell. pp. 120–139. ISBN . OCLC 712990151.
{{}}
:|last=
มีชื่อเรียกทั่วไป ((help))CS1 maint: multiple names: authors list ()
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
rachwngsthiyisibsamaehngxiyipt mkthuknbepnrachwngsladbthisamkhxngxiyiptobraninsmy rachwngsdngklawprakxbdwyphupkkhrxngchawhlayphraxngkh sungpkkhrxngthnginthanafaorhhruxkstriyxisrainbangswnkhxngxiyiptbntngaet 880 thung 720 pikxnkhristkal aelafaorhtngaet 837 thung 728 pikxnkhristkalrachwngsthiyisibsamaehngxiyipt837 pikxnkhristkal 728 pikxnkhristkalkhwdthipraktphranamfaorhrudxamunemuxnghlwngthibs ehrakhlioxophlisphasathwipphasaxiyiptsasnasasnaxiyiptobrankarpkkhrxngsmburnayasiththirachyyukhprawtisastrsmykhlassikh kxtng837 pikxnkhristkal sinsud728 pikxnkhristkalkxnhna thdiprachwngsthiyisibsxngaehngxiyipt rachwngsthiyisibsiaehngxiyiptprawtirachwngsmikarthkethiyngknxyangmakekiywkbrachwngsni sungxaccamisunyklangxanactngxyuthiemuxngehrakhlioxophlis aemkna ehxromoplis aemkna aelathibs xnusawriykhxngfaorhinrachwngsthiyisibsamchiihehnwarachwngsthiyisibsamidkhwbkhumxiyiptbnipphrxmkbrachwngsthiyisibsxng imnankxnthifaorhoxsxrkhxnthi 2 caesdcswrrkht inkhnathirachwngsthiyisibsamthuxepnrachwngsaehngthanis enuxngcakmitnkaenidmacakemuxngthanis aetkimekhypkkhrxngcakthinn rachwngsthiyisibsxngcakemuxngbubasthisidekhayudemuxngthanisaelaemuxngemmfis aelasamarthpkkhrxngemuxngehlaniiwidcnekuxbsinsudrachwngs epnphlihrachwngsthiyisibsamsungxaccaepnrachwngssakhakhxngrachwngsthiyisibsxng cungmitnkaenidmacakemuxngthanis aetnkprawtisastrswnihyaeyngwaxaccaichemuxnglixxnothophlisepnemuxnghlwngaethn dngthiidklawmaaelw sungidrbkaryunyncakcarukkhxngphixngkhxi sungsrangkhuninchwngrchsmykhxngfaorh inemuxnglixxnothophlis xyangirktam nkprawtisastrbangthanotaeyngwa faorhyuphudthi 2 imkhwridrbkarphicarnawaepnfaorhcakrachwngsthiyisibsamely enuxngcakimmikhxethccringthiaenchdwarachwngsthiyisibsamcapkkhrxngcakemuxnglixxnothophlis ephiyngaetwafaorhyuphudthi 2 nacathrngpkkhrxngcakthiihnskaehnginbriewndindxnsamehliympakaemnainl aetthahakfaorhyuphudthi 2 epnephiyngmikhwamechuxmoyngrahwangrachwngsthiyisibsamaelaemuxnglixxnothophlis inmummxngdngklawcahklangkbcarukkhxngphixngkhxi ephuxepnhlkthanwaemuxnglixxnothophlisepnemuxnghlwngkhxngrachwngsthiyisibsam xikehtuphlhnungthimikarthkethiyngknmakkhuxnxkehnuxcakkhwamkhdaeyngrahwangxiyiptlangaelaxiyiptbnthimixyuaelw aetyngmikhwamkhdaeynginbriewndindxnsamehliympakaemnainlxikdwy swnhnungkhxngkhwamkhdaeyngdngklawkhuxkartxsuephuxkarsubsnttiwngs aetxikswnhnungekiywkhxngkbmhapuorhitaehngxamunthithibs sunginchwngrachwngsthiyisibexdidpkkhrxngxiyiptbn thungaemcaimthuxepnrachwngsthiaeykxxkcakknktam aetxyangirktam mhapuorhitbangkhnklayepnfaorhaelaepnswnhnungkhxngrachwngs echn faorhsuesnensthi 1 aemwaxanackhxngmhapuorhitehlanicaldlnghlngrachwngsthiyisibexd aetmhapuorhitaehngxamunyngkhngmixanacaelamixiththiphl aelakaraetngngankbrachwngskimicheruxngphidaeplkaetxyangid epnphlihhlayrchsmyinchwngrachwngsthiyisibsamaelarahwangrachwngsthiyisibsxngaelayisibsamthbsxnkn epnephraasmachikbangphraxngkhkhxngrachwngsthiyisibsampkkhrxnginthanakstriyxisra echn faorh aelaepnrachwngsthiaeykcakknhlngcakkarswrrkhtkhxngfaorhoxsxrkhxnthi 2 cakrachwngsthiyisibsxng sungnkprawtisastrbangkhnotaeyngwarachwngsthiyisibsamaehngxiyiptmifaorhphraxngkhaerkkhux faorhthaekhlxtthi 2 aelathuxwafaorhepdubastisthi 1 epnswnhnungkhxngkarpkkhrxngxisra epnchwngrayaewlaxnsn aelachiihehnwaechuxsaykhxngfaorhthaekhlxtthi 2 epnrachwngsxisrathiaeykcakrachwngsthiyisibsxngaehngxiyipt aelathuxwaechuxsaykhxngfaorhepdubastisthi 1 epnrachwngsthiyisibsamaehngxiyipt emuxfaorhoxsxrkhxnthi 2 esdcswrrkht ecachayochechngkhkidsinphrachnmipaelw thaihfaorhthaekhlxtthi 2 sungepnphraxnuchacungthrngkhunkhrxngbllngkthiemuxngthanis mhapuorhitaehngxamun inkhnannkhux ecachay sungepnphraechsthatangphramardakhxngphraxngkhthiidrbkaraetngtngcakfaorhoxsxrkhxnthi 2 aelaphraxngkhthrngxphiesksmrskbphrarachthidainfaorhthaekhlxtthi 2 kbphranangkhaormm emritmtthi 2 cungthaihecachaynimlxtthrngcaepnphraxykakhxngphrarachoxrs thida aelafaorhthaekhlxtthi 2 caidepnrchthayath emuxecachaynimlxtsinphrachnminpithisibexdaehngkarkhrxngrachykhxngfaorhthaekhlxtthi 2 kekidkaraeyngchingkarsubsnttiwngskhun odyfaorhthaekhlxtthi 2 thrngeluxkecachayepnrchthayath aetharsiexes phranddakhxnghwhnankbwchimehndwy cungidekhayudemuxngthibs aetecachayoxsxrkhxnkthrngsamarthexachnakarkxkbtid cungkhwamsngbsukhepnrayaewlaewlasipi inpithi 15 aehngkarkhrxngrachykhxngfaorhthaekhlxtthi 2 idekidsngkhramklangemuxngkhun khwamkhdaeyngdngklawkinrayaewlaekuxbsibpi aelahlngcaknnxiksxngpiaehngkhwamsngbsukh thibsidkkarkxkbtkhunxikkhrng aetfaorhthaekhlxtthi 2 esdcswrrkhtipkxnhnathikhwamkhdaeyngkhrngihmnicasngblng aeladwyecachayoxsxrkhxn sungprathbxyuiklcakemuxngthanis phraxnuchakhxngphraxngkh khux faorhochechngkhthi 3 cungthrngekhamayudxanacesiykxn thungaemwacachwyinkaraekikhkhwamkhdaeyngkbthibs enuxngcakkaryxmrbihfaorhochechngkhthi 3 epnfaorh khwamkhdaeyngkhrngihmcungerimtnkhun aethnthicaepnkhwamkhdaeyngrahwangrachwngs aetepnkhwamkhdaeyngphayinrachwngsaethn thaihecachayepdubastiscungthrngprakasphraxngkhkhunepnfaorhaelakhrxngrachyinemuxnglixxnothophlisinchwngrchsmyfaorhochechngkhthi 3 inkhnathiecachayoxsxrkhxnthrngthukaeyngchingphrarachbllngkodyfaorhochechngkhthi 3 sungepnphraxnuchakhxngphraxngkh faorhochechngkhidaetngtngphraxngkhihepnmhapuorhitaehngxamunxikkhrng enuxngcakharsiexescakkbtthibskhangtnidsuyhayipinpithi 29 aehngkarkhrxngrachykhxngfaorhochechngkhthi 3 ecachayoxsxrkhxncungthrngpkkhrxngxiyiptbninthanamhapuorhitaehngxamun inkhnaediywkn faorhochechngkhthi 3 kthrngmiphrarachxanacmakkwaphupkkhrxnginemuxnglixxnothophlis emuxthungtxnnnfaorhepdubastaelafaorhyuphudthi 1 sungepnphrarachoxrsthithrngaetngtngkhunepnphusaercrachkarrwmkbphraxngkhidswrrkhtaelwinpiediywkn 804 pikxnkhristkal thaihfaorhochechngkhthi 6 thrngkhunkhrxngrachytxcakfaorhepdubast aetimnan emuxecachayoxsxrkhxnthrngsubphrarachsmbtiinxikhkpitxmaepnfaorhoxsxrkhxnthi 3 sungkhunkhrxngrachyinchwngplayrchsmykhxngfaorhochechngkhthi 3 odythiemuxngehrakhlioxophlis faorhaehngrachwngsthiyisibsxngphranamwa ochechngkhthi 4 yngkhngthrngmiphrarachxanacxyupraman 766 pikxnkhristkal xyangirktamfaorhoxsxrkhxnthi 3 idaetngtngihecachay sungepnphrarachoxrsphraxngkhotihkinemuxngehrakhlioxophlis aelaphrarachthanphrabrmrachanuyatihphraxngkhepnmhapuorhitaehngxamuninewlaediywkn epnphlihbthbathkhxngrachwngsthiyisibsxnginphunthiemuxngthibsldlngxyangmak emuxfaorhoxsxrkhxnthi 3 esdcswrrt faorhthaekhlxtthithrngekhyepnphusaercrachkarrwmkbphrarachbida cungklaymaepnphupkkhrxngephiyngphraxngkhediyw faorhthaekhlxtthi 3 idthrnglathingtaaehnngmhapuorhit emuxphraxngkhthrngkhunepnfaorh aelaecahying sungepnphrakhnisthakhxngphraxngkhduehmuxnwacarbchwngtxbthbathnnaelathrngidrbkaraetngtngihepn epnphlihphraxngkhthrngpkkhrxngphumiphakhthibsrwmkbphraechsthakhxngphraxngkh aelafaorhthaekhlxtthi 3 thrngyngyxmslakarpkkhrxngehrakhlioxoplisihkbephfthcaxuxawibasethtthismrskbphrarachthidakhxngfaorhrudxamun sungepnphraxnuchakhxngfaorhthaekhlxtthi 3 aelathrngkhunkhrxngrachytxcakphraxngkh aethlngcaknnimnan faorhyuphudthi 2 hruxthiruckinphranam ixni kthrngkhunkhrxngphrarachbllngktx inrchsmykhxngphraxngkh phumiphakhniekidkhwamaetkaeykmakkhunxikkhrng enuxngcakaela phurngtaaehnngphupkkhrxngemuxngehxromophlisidaetngtngtnexngkhunepnfaorh thaihfaorhrudxamunaelafaorh thrngkhunkhrxngrachyehnuxechphaaemuxngthibsinchwngplaykhxngrachwngsthiyisibsamethann inkhnathi kstriyphixngkhaehngthrngekhamayutiaetkaeykni sungeriykwa xnathipityaehngliebiy rayphranamfaorhfaorh kstriy rupphaph phranamkhrxngrachy phranamprasuti rchsmy phramehsi khaxthibayharsiexes ex ehdcekhepxrer estephxamun 880 860 pikxnkhristkal ixestewertthi 1 phupkkhrxngxisraaehngthibs odythrngpkkhrxnginrchsmykhxngfaorhthaekhlxtthi 1 aelafaorhoxsxrkhxnthi 2thaekhlxtthi 2 ehdcekhepxrer estephner 840 815 pikxnkhristkal khaormama di thaesp thaebekhethnasekht ex thrngpkkhrxngchwngewlaediywknkbfaorhcakrachwngsthiyisibsxng faorhochechngkhthi 3 sungpkkhrxngxyubriewnxiyiptlangepdubastthi 1 yuesxrmaxter estephnxamun 829 804 pikxnkhristkal thrngmiswnrwminsngkhramklangemuxngthiyudeyuxkbfaorhthaekhlxtthi 2 mkudrachkumaroxsxrkhxn biyuphudthi 1 829 804 pikxnkhristkal thrngepnphusaercrachkarrwmochechngkhthi 6 yuesxrmaxter emrixamun 804 798 pikxnkhristkal thrngkhrxngrachytxcakfaorhepdubastthi 1thiemuxngthibs aelathrngpkkhrxngxiyiptbnepnewla 6 piyuesxrmaxter estephnxamun 798 769 pikxnkhristkal ethntsaxi ex khaorxathect thrngmiswnrwminsngkhramklangemuxngtxtanfaorhepdubastthi 1 aelafaorhochechngkhthi 6yuesxrmaxter esetephnxamun 774 759 pikxnkhristkal khakht xirthixubast epnphrarachoxrsphraxngkh phusaercrachkarrwm aelaphusubthxdphrarachbllngkkhxngfaorhoxsxrkhxnthi 3rudxamun yuesxrmaxter esetephnxamun 759 755 pikxnkhristkal thadi epnphraxnuchaaelaphusubthxdphrarachbllngkkhxngfaorhthaekhlxtthi 3 aelaepnphupkkhrxngthimihlkthanrbrxngnxyochechngkhthi 7 ehdcekhepxrer esetephner 755 732 pikxnkhristkal epnphupkkhrxngthimihlkthanrbrxngnxyemnekhepxrer 720 715 pikxnkhristkal thrngpkkhrxngephiyngechphaathibsinrchsmykhxngphraxngkhethann xaccaepnphuxangsiththiinphrarachbllngkkbrachwngsthiyisibhaaehngxiyiptephimetimJ P Elias A Northern Member of the Theban Twenty Third Dynasty Discussions in Egyptology 31 1995 57 67 J Goldberg The 23rd Dynasty Problem Revisited Where When and Who Discussions in Egyptology 29 1994 55 85 H Jacquet Gordon Deux graffiti d epoque libyenne sur le toit du Temple de Khonsu a Karnak in Hommages a la memoire de Serge Sauneron 1927 1976 Cairo 1979 pp 169 74 K A Kitchen The Third Intermediate Period in Egypt c 1100 650 BC 3rd ed Warminster 1996 Naunton Christopher Libyans and Nubians A Companion to Ancient Egypt by Alan B Lloyd vol 1 Wiley Blackwell 2010 pp 120 139 xangxingKitchen K A Kenneth Anderson 2009 The third intermediate period in Egypt 1100 650 B C Aris amp Phillips ISBN 9780856687686 OCLC 297803817 Breasted James Henry 1865 1935 2001 Ancient records of Egypt University of Illinois Press pp 406 444 ISBN 0252069900 OCLC 49621223 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint multiple names authors list lingk Spencer P A Spencer A J 1986 Notes on Late Libyan Egypt The Journal of Egyptian Archaeology 72 1 198 201 doi 10 1177 030751338607200124 ISSN 0307 5133 S2CID 192217426 Broekman Gerard P F 2010 The Leading Theban Priests of Amun and their Families under Libyan Rule The Journal of Egyptian Archaeology 96 1 125 148 doi 10 1177 030751331009600107 ISSN 0307 5133 S2CID 150473491 Grimal Nicolas 1992 A History of Ancient Egypt Oxfordd Blackwell pp 311 333 ISBN 978 0631193968 Lloyd Alan B editor 2010 A companion to ancient Egypt Wiley Blackwell pp 120 139 ISBN 9781444320060 OCLC 712990151 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a last michuxeriykthwip help CS1 maint multiple names authors list lingk