ระบบนิเวศป่าไม้ (อังกฤษ: forest ecosystem) ระบบนิเวศป่าไม้เป็นศูนย์รวมความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญที่สุดในโลก และเป็นปัจจัยหลักที่เกื้อกูลการดำรงชีวิตของประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในบริเวณป่า ทั้งยังช่วยควบคุมสภาพอากาศให้เหมาะสม เนื่องจากเป็นแหล่งและ การที่มนุษย์ตัดไม้ทำลายป่าการแบ่งป่าเป็นผืนเล็กผืนน้อย และทำให้ลง ส่งผลให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพของป่าไม้ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงสุด
นิยามและความสำคัญ
ระบบนิเวศป่าไม้ (forest ecosystem) หมายถึง แหล่งรวมของสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ป่าที่มาอาศัยอยู่ร่วมกันและก่อให้เกิดความสัมพันธ์ต่อสิ่งมีชีวิตด้วยกันเองในหลายรูปแบบ มีการส่งผ่านพลังงาน ระหว่างระบบหรือภายในระบบ กล่าวได้ว่า พื้นที่คุ้มครอง (protected areas) นั้นจัดเป็นระบบนิเวศป่าไม้ระบบหนึ่ง การศึกษาระบบนิเวศป่าไม้จะพิจารณาถึง (terrestrial ecosystem) ซึ่งในระบบนิเวศป่าไม้ประกอบด้วยระบบนิเวศย่อยที่สำคัญ คือ (deciduous forest ecosystem) และ (evergreen forest ecosystem) โดยที่ระบบนิเวศย่อยป่าผลัดใบ ประกอบด้วยชนิดป่าที่สำคัญ 4 ชนิด คือ ป่าผสมผลัดใบ (mixed deciduous forest) (deciduous dipterocarp forest) (savannah forest) และทุ่งหญ้า (grassland) ส่วนระบบนิเวศย่อยป่าไม่ผลัดใบ ประกอบด้วยป่าบกที่สำคัญ 5ชนิด คือ ป่าดิบชื้น (moist evergreen forest) (dry evergreen forest) (montane evergreen forest) (pine forest) และ ป่าชายหาด(beach forest)
การจำแนกระบบนิเวศป่าไม้
ระบบนิเวศป่าไม้ ประกอบด้วยระบบนิเวศย่อยได้แก่ และ
ระบบนิเวศย่อยป่าผลัดใบ (deciduous forest ecosystem)
ป่าผสมผลัดใบ
ป่าผสมผลัดใบอาจเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า ป่าเบญจพรรณ ลักษณะที่ใช้จำแนกขั้นต้น คือ การที่ต้นไม้เกือบทั้งหมดมีการผลัดใบในช่วงฤดูแล้ง โดยเฉพาะตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมจนถึงเดือนเมษายน เรือนยอดป่าคงเหลือแต่กิ่งก้านคล้ายไม้ตายแห้งหมดทั้งป่า ลักษณะที่ใช้ในขั้นถัดไปที่ใช้จำแนกสังคมพืชนี้จากสังคมพืชผลัดใบอื่น ๆ คือ ไม้ดัชนีของสังคมและโครงสร้างทางด้านตั้งเป็นหลัก อาจแบ่งย่อยได้เป็น
- ป่าผสมผลัดใบในระดับสูงชื้น
- ป่าผสมผลัดใบในระดับสูงแล้ง
- ป่าผสมผลัดใบในระดับต่ำ
(deciduous dipterocarpforest)
การผลัดใบของไม้ส่วนใหญ่ในทุกระดับชั้นเรือนยอด เช่นเดียวกับป่าผสมผลัดใบและไม้ดัชนี ในสังคมพืชซึ่งมีความแตกต่างจากป่าในกลุ่มป่าผลัดใบในสังคมอื่น ๆ อย่างเด่นชัด เช่น ไม้ในวงศ์ยาง (Dipterocarpaceae) ที่ผลัดใบ เช่น เต็ง (Shorea obtusa) รัง (Shorea siamensis) เหียง (Dipterocarpus obtusifolius) พลวง (Dipterocarpus tuberculatus) ยางกราด (Dipterocarpus intricatus) และพะยอม(Shorea roxburghii) เป็นต้น
ระบบนิเวศทุ่งหญ้า จะมีลักษณะเป็นที่ราบ สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่เป็นต้นหญ้า พบได้ในส่วนต่าง ๆ ของโลกหลายทวีป มีอัตราการระเหยของน้ำสูง จึงทำให้สามารถพบสภาวะแห้งแล้งได้ในบางช่วงเวลา ระบบนิเวศทุ่งหญ้าจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ดังนี้
(temperate grassland)
เป็นทุ่งหญ้าที่มีต้นหญ้าสูงตั้งแต่ 1.5-8 ฟุต แตกต่างกันไปตามปริมาณน้ำฝน หญ้าในเขตนี้จะมีรากที่หยั่งลึกมากทุ่งหญ้าเขตอบอุ่นที่สำคัญ ได้แก่ (Steppes) ในรัสเซีย (Prairie) ในยุโรปตะวันตก เป็นต้น สัตว์ที่พบในระบบนิเวศลักษณะนี้ ได้แก่ แอนทีโลป ม้าลาย กระรอก เป็นต้น
(tropical grassland forest)
ทุ่งหญ้าเขตร้อนเป็นเขตที่พบพืชตระกูลหญ้าปกคลุมดิน มีสภาพภูมิอากาศแบบฤดูแล้งยาวนาน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปีค่อนข้างต่ำพื้นดินส่วนใหญ่ขาดความอุดมสมบูรณ์หรือมีความเค็มสูง พื้นที่ที่มีระบบนิเวศแบบนี้ ได้แก่ ทุ่งหญ้าสะวันนา (Savanna) โดยทั่วไปสังคมพืชที่ประกอบด้วยหญ้าเป็นส่วนใหญ่ และส่วนที่เป็นหญ้ามีการปกคลุมพื้นที่ต่อเนื่องกันไปกว้างมากกว่า 10 เท่า ของความสูงต้นไม้ที่ปรากฏอยู่ มักจำแนกให้เป็นทุ่งหญ้าเขตร้อน หรือหากประเมินพื้นที่หญ้าปกคลุมดินควรมีมากกว่าร้อยละ 70 ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในประเทศไทยมีพบอยู่น้อยและส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เล็ก ๆ บางส่วนได้ถูกทำลายจนเกือบไม่เหลือสภาพเดิมให้เห็นปรากฏอยู่ เนื่องจากสภาพปัจจัยแวดล้อมที่ค่อนข้างแห้งแล้งจัดในช่วงฤดูแล้งและมีไฟป่าเป็นประจำจึงทำให้สังคมนี้มีความหลากหลายในด้านรูปชีวิตของพืชต่ำ หญ้าซึ่งปรับตัวกับสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้ดี
ระบบนิเวศย่อยป่าไม่ผลัดใบ (evergreen forest ecosystem)
หรือ
ป่าสนเขาหรืออาจเรียกอีกอย่างว่า มักปรากฏอยู่ตามภูเขาสูงเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 700 เมตรขึ้นไป โดยทั่วไปมักจะขึ้นอยู่ในที่ซึ่งดินไม่ค่อยมีความอุดมสมบูรณ์มากนัก มี มีสภาพภูมิอากาศที่มีเป็นระยะเวลายาวนานและยังมีความที่ป่าดิบปรับตัวได้ยาก[1]
ลักษณะของป่าสนเขาจะเป็นป่าโปร่งไม่ผลัดใบ ซึ่งจะมีเพียงต้นสนเขาปรากฏอยู่เท่านั้นอาจมีพันธุ์ไม้อื่นปรากฏอยู่บ้างแต่ก็พบได้น้อยในสังคมป่าสนเขาจะมีชั้นเรือนยอดด้านตั้ง แยกได้เป็น 3 ชั้นเรือนยอด ดังนี้
- เรือนยอดชั้นบนสุด ชั้นนี้จะประกอบด้วยหรือ
- เรือนยอดชั้นรอง ประกอบไปด้วยไม้ในป่าดิบเขาระดับต่ำมีความหนาแน่นแตกต่างกันตามสภาพแวดล้อม เช่น กำยาน เป็นต้น
- ชั้นพืชคลุมดิน จะขึ้นอยู่กับลักษณะโครงสร้างของป่าที่แปรผันไปตามสภาพแวดล้อมของพื้นที่และลักษณะของความหนาแน่นของเรือนยอดชั้นบน[1]
(montane or hill evergreen forest)
ป่าดิบเขาในประเทศไทยอาจแบ่งย่อยตามลักษณะโครงสร้างของป่าออกเป็นสองสังคมย่อยคือ 1) ป่าดงดิบเขาระดับต่ำ (lower montane forest) เป็นป่าที่ประกอบด้วยไม้ที่สูงใหญ่มีเรือนยอดชั้นบนสูงถึง 30 เมตร มีไม้หนาแน่นและเด่นด้วยไม้ก่อชนิดต่าง ๆ ผสมกับไม้ในสกุลอื่น ๆ ที่อาจพบได้ในป่าดงดิบแล้งบางแห่งในที่สูง ตามต้นไม้มีพืชเกาะติดน้อย พื้นป่ามีซากทับถมที่ไม่หนา พบในระดับความสูงประมาณ 1,200เมตร ถึง 1,800 เมตร และ 2) สังคมย่อยเป็นป่าดงดิบเขาระดับสูง (upper montane forest) มีลักษณะโครงสร้างของสังคมแตกต่างอย่างเด่นชัด คือ เรือนยอดชั้นบนสูงประมาณ 20 เมตร กิ่งก้านคดงอและก่อตัวเป็นก้อนบนกิ่งใหญ่ และตามลำต้นมีมอสส์ และไม้อิงอาศัยเกาะติดหนาแน่น เช่น ป่าดงดิบเขา บนยอดอินทนนท์ที่สูงเกิน 2,000 เมตรขึ้นไป เป็นต้น บางครั้งบนพื้นที่เขาสูงอาจพบป่าละเมาะระดับสูง (scrub forest หรือ Subalpine vegetation) เช่น พบที่ดอยเชียงดาว โดยมีกลุ่มพืชเขตอบอุ่นหลายชนิดขึ้นอยู่ร่วมกันมาก
ป่าดิบชื้น (tropical rain forest)
ป่าดิบชื้นเป็นป่าฝนในเขตร้อน (Tropical rain forest)มีฝนตกชุกเกือบตลอดปี และมีความชุ่มชื้นในดินค่อยข้างสูงสม่ำเสมอตลอดทั้งปี
ป่าดิบชื้นมีลักษณะเป็นป่ารกทึบจะประกอบด้วยพรรณไม้หลากหลาย ซึ่งชนิด ไม้ต้นของเรือนยอดชั้นบน ส่วนใหญ่เป็นไม้วงศ์ยาง-ตะเคียน (Dipterocarpaceae) มีลำต้นสูงใหญ่ตั้งแต่ 30-50 เมตร ถัดลงมา เป็นไม้ต้นขนาดกลางและขนาดเล็กซึ่งสามารถขึ้นอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ได้
รวมทั้งต้นไม้ชนิดต่างๆ ในวงศ์ หมากหรือปาล์ม (Plamae) พื้นล่างของป่ารกทึบระเกะระกะไปด้วยไม้พุ่ม พืชล้มลุก ระกำ หวาย ไผ่ต่างๆ เถาวัลย์หลากชนิด ตามลำต้นไม้และกิ่งไม้มักมีพืชอิงอาศัย (epiphyte) พวกเฟิร์น พวกมอส ขึ้นอยู่ทั่วไป พรรณไม้เด่นของวงศ์ Dipterocarpaceae ที่มีความสำคัญ สัตว์ในป่าดงดิบชื้นเช่น สมเสร็จ, แรด, กระจงควาย ,กระจงเล็ก ,เก้งหม้อ, นกแว่นสีน้ำตาล,นกหว้า , เต่าจักร,เต่าเดือย , เป็นต้น[2]
(dry evergreen forest)
ป่าดิบแล้งในประเทศไทยกระจายอยู่ตั้งแต่ตอนบนของทิวเขาถนนธงชัย ปกคลุมลาดเขาทางทิศตะวันตกของทิวไปจนถึงจังหวัดเชียงราย ส่วนทางซีกตะวันออกของประเทศ ปกคลุมตั้งแต่ทิวลงมาถึงทิวเขาบรรทัด ทิวลงไปจนถึงจังหวัดระยอง ขึ้นไปตามทิว ทิวจนถึงจังหวัดเลยและน่าน ป่าดิบแล้งเป็นป่าที่อยู่ในพื้นที่ค่อนข้างราบมีความชุ่มชื้นน้อย ป่าดิบแล้งจะอยู่ในระดับความสูงปานกลางสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 300-600 เมตร ไม้ที่สำคัญได้แก่ ยางนา พะยอม และตาเสือ[3]
ป่าชายเลน (mangroves)
ป่าชายเลน หรือป่าโกงกาง หรือป่าพังกา คือระบบนิเวศที่ประกอบไปด้วย หลายชนิด ดำรงชีวิตร่วมกันในสภาพแวดล้อมที่เป็น น้ำกร่อย และน้ำทะเลท่วมถึงอย่างสม่ำเสมอ ป่าชายเลนจะอยู่ทั่วไปตามบริเวณชายฝั่งทะเล ปากแม่น้ำ ทะเลสาบ อ่าว และรอบเกาะแก่งต่างๆ ซึ่งเป็นบริเวณเขตน้ำขึ้นน้ำลงต่ำสุด ป่าชายเลนมีอยู่เฉพาะในเขตร้อน พรรณไม้ที่ขึ้นอยู่ในป่าชายเลนมีมากมายหลายชนิด เช่น ต้นแสน ต้นลำพู ต้นจาก เป็นต้น[4]
ประชากรสัตว์ในป่าชายเลน ประกอบด้วย 2 กลุ่มใหญ่ ๆ
กลุ่มที่ 1 เป็นสัตว์ทะเลหน้าดิน เช่น พวกโปรโตซัว หอย แมลง และพวกครัสเตเชียน
กลุ่มที่ 2 ปลา ซึ่งมี 4 กลุ่มย่อย
- กลุ่มที่อยู่อย่างถาวร เช่น ปูก้ามดาบ , ปูแสม ,ปลาตีน
- กลุ่มที่เข้ามาบางช่วงเวลา เพื่ออาหาร, หรือ เช่น ปูทะเล แมงดาทะเล
- กลุ่มที่เข้ามาบางฤดูกาล
- กลุ่มผู้ล่า
ป่าชายหาด (beach forest)
คือผืนป่ารอยต่อระหว่างชายหาดกับผืนแผ่นดิน เป็นป่าแนวตะเข็บหรือเป็นกันชนระหว่างทะเลกับแผ่นดินนั่นเอง ชายหาดคือบริเวณพื้นที่ระหว่างขอบฝั่งกับแนวน้ำลงเต็มที่ (หรืออาจกล่าว คือ พื้นระหว่างน้ำทะเลที่ลงต่ำสุดขึ้นมาจนถึงระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุด) มีลักษณะเป็นแถบยาวไปตามริมฝั่งเกิดขึ้นเนื่องจากการกระทำของคลื่นและกระแสน้ำในทะเลหรือทะเลสาบหรือแม่น้ำ เนื่องจากหาดแต่ละหาดตามประเภทของวัตถุที่พบบนหาดนั้น ๆ คือ หรือ และ
ป่าพรุ (swamp forest, peat swamp forest)
คือ ป่าในเขตร้อนประเภทไม่ผลัดใบเช่นเดียวกับป่าดงดิบชื้นลักษณะโครงสร้างและความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็น เอกลักษณ์แตกต่างจากสังคมพืชป่าไม้ประเภทอื่น มีพื้นที่ลุ่มมีการสะสมของชั้นดินเป็นหล่มเลนและมีซากอินทรีย์วัตถุทับถมทำเช่น ,, ใบไม้ ต่างๆ หนาตั้งแต่ 1 - 10 เมตร หรือมากกว่า สภาพความเป็นของน้ำ ระหว่าง 4.5 -6.1 เพราะดินชั้นล่างมีสารประกอบซัลเฟอร์ในปริมาณที่สูงจนย่อยสลายช้าๆ กลายเป็นหรือที่มีลักษณะหยุ่นยวบเหมือนฟองน้ำที่มีความหนาแน่นน้อยอุ้มน้ำได้มากทำให้ดินยุบลงตัวได้ง่ายพืชที่ขึ้นในป่าพรุจึงมีการพัฒนาและมีความหลากหลาย ส่วนสัตว์ชนิดต่างๆ ก็ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมป่าพรุเป็นป่าที่มีลักษณะเด่นแตกต่างไปจากป่าอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพป่าขึ้นอยู่ลักษณะของดินหรือองค์ประกอบต่างๆ แต่สภาพป่านั้นแตกต่างจากป่าประเภทอื่นๆโดยสิ้นเชิงดินพรุชั้นล่างมีอายุถึง 6,000-7,000 ปี ส่วนดินพรุชั้นบนอยู่ระหว่าง 700-1,000 ปี
องค์ประกอบต่างๆ ของป่าพรุ
- สัตว์ในป่าพรุ
เนื่องจากป่าพรุเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำขัง จึงมีสัตว์จำพวกปลาอาศัยอยู่จำนวนมากเช่น ปลาดุก ปลาช่อน ปลาชะโด สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำพวกกบ เขียด เป็นต้น สัตว์ปีกจำพวกนก เช่น นกเงือก นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่ เป็นต้น และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น ค่างแว่น ลิง เป็นต้น
- พืชพันธุ์ไม้
ป่าพรุจะมีพื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำและดินอินทรีย์ซึ่งทับถมกันอยู่หลวมๆ ต้นไม้ใหญ่จึงใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบากจึงมีการพัฒนาระบบรากชนิดพิเศษให้แตกต่างไปจากระบบรากของพืชในป่าประเภทอื่นๆ เช่น พัฒนาเป็น และเป็นต้น
อ้างอิง
- http://cogtech.kku.ac.th/innovations/lifeconcept/pages/datablank-envi-3.htm 2016-09-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน.
- (อุทิศ, 2542; ดอกรัก และอุทิศ, 2552)
- (อุทิศ, 2542; ดอกรัก และอุทิศ, 2552)
- (อุทิศ, 2542)
- (อุทิศ, 2542; วิชญ์ภาส, 2545)
- (สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์, 2542)
- (ธวัชชัย และชวลิต, 2528)
แหล่งข้อมูลอื่น
- http://chm-thai.onep.go.th/chm/ForestBio/Pine_%20forest.html 2017-02-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน[1]
- http://chm-thai.onep.go.th/chm/ForestBio/Tropical_rain.html 2016-01-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน[2]
- http://fieldtrip.ipst.ac.th/intro_sub_content.php?content_id=28&content_folder_id=277[][3]
- http://www.sci.psu.ac.th/chm/biodiversity/mangrove.html 2017-04-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน[4]
- https://eros.usgs.gov/doi-remote-sensing-activities/2012/usgs.
- http://www.epa.gov/sciencematters/epa-science-matters-newsletter-ecosystems-and-climate-change-published-january-2014.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
rabbniewspaim xngkvs forest ecosystem rabbniewspaimepnsunyrwmkhwamhlakhlaythangchiwphaphthisakhythisudinolk aelaepnpccyhlkthiekuxkulkardarngchiwitkhxngprachachncanwnmak odyechphaachnphunemuxngaelachumchnthxngthinthixasyxyuinbriewnpa thngyngchwykhwbkhumsphaphxakasihehmaasm enuxngcakepnaehlngaela karthimnusytdimthalaypakaraebngpaepnphunelkphunnxy aelathaihlng sngphlihekidkarsuyesiykhwamhlakhlaythangchiwphaphkhxngpaimthwolk odyechphaaxyangyinginthimikhwamhlakhlaythangchiwphaphsungsudniyamaelakhwamsakhyrabbniewspaim forest ecosystem hmaythung aehlngrwmkhxngsingmichiwitthngphuchaelastwpathimaxasyxyurwmknaelakxihekidkhwamsmphnthtxsingmichiwitdwyknexnginhlayrupaebb mikarsngphanphlngngan rahwangrabbhruxphayinrabb klawidwa phunthikhumkhrxng protected areas nncdepnrabbniewspaimrabbhnung karsuksarabbniewspaimcaphicarnathung terrestrial ecosystem sunginrabbniewspaimprakxbdwyrabbniewsyxythisakhy khux deciduous forest ecosystem aela evergreen forest ecosystem odythirabbniewsyxypaphldib prakxbdwychnidpathisakhy 4 chnid khux paphsmphldib mixed deciduous forest deciduous dipterocarp forest savannah forest aelathunghya grassland swnrabbniewsyxypaimphldib prakxbdwypabkthisakhy 5chnid khux padibchun moist evergreen forest dry evergreen forest montane evergreen forest pine forest aela pachayhad beach forest karcaaenkrabbniewspaimrabbniewspaim prakxbdwyrabbniewsyxyidaek aela rabbniewsyxypaphldib deciduous forest ecosystem paphsmphldib paphsmphldibxacepnthiruckkninxikchuxhnungwa paebycphrrn lksnathiichcaaenkkhntn khux karthitnimekuxbthnghmdmikarphldibinchwngvduaelng odyechphaatngaetplayeduxnmkrakhmcnthungeduxnemsayn eruxnyxdpakhngehluxaetkingkankhlayimtayaehnghmdthngpa lksnathiichinkhnthdipthiichcaaenksngkhmphuchnicaksngkhmphuchphldibxun khux imdchnikhxngsngkhmaelaokhrngsrangthangdantngepnhlk xacaebngyxyidepn paphsmphldibinradbsungchun paphsmphldibinradbsungaelng paphsmphldibinradbta deciduous dipterocarpforest karphldibkhxngimswnihyinthukradbchneruxnyxd echnediywkbpaphsmphldibaelaimdchni insngkhmphuchsungmikhwamaetktangcakpainklumpaphldibinsngkhmxun xyangednchd echn iminwngsyang Dipterocarpaceae thiphldib echn etng Shorea obtusa rng Shorea siamensis ehiyng Dipterocarpus obtusifolius phlwng Dipterocarpus tuberculatus yangkrad Dipterocarpus intricatus aelaphayxm Shorea roxburghii epntn rabbniewsthunghya camilksnaepnthirab singmichiwitswnihyepntnhya phbidinswntang khxngolkhlaythwip mixtrakarraehykhxngnasung cungthaihsamarthphbsphawaaehngaelngidinbangchwngewla rabbniewsthunghyacasamarthaebngidepn 2 chnid dngni temperate grassland epnthunghyathimitnhyasungtngaet 1 5 8 fut aetktangkniptamprimannafn hyainekhtnicamirakthihynglukmakthunghyaekhtxbxunthisakhy idaek Steppes inrsesiy Prairie inyuorptawntk epntn stwthiphbinrabbniewslksnani idaek aexnthiolp malay krarxk epntn tropical grassland forest thunghyaekhtrxnepnekhtthiphbphuchtrakulhyapkkhlumdin misphaphphumixakasaebbvduaelngyawnan primannafnechliyraypikhxnkhangtaphundinswnihykhadkhwamxudmsmburnhruxmikhwamekhmsung phunthithimirabbniewsaebbni idaek thunghyasawnna Savanna odythwipsngkhmphuchthiprakxbdwyhyaepnswnihy aelaswnthiepnhyamikarpkkhlumphunthitxenuxngknipkwangmakkwa 10 etha khxngkhwamsungtnimthipraktxyu mkcaaenkihepnthunghyaekhtrxn hruxhakpraeminphunthihyapkkhlumdinkhwrmimakkwarxyla 70 thiekidkhuntamthrrmchatiinpraethsithymiphbxyunxyaelaswnihyepnphunthielk bangswnidthukthalaycnekuxbimehluxsphaphedimihehnpraktxyu enuxngcaksphaphpccyaewdlxmthikhxnkhangaehngaelngcdinchwngvduaelngaelamiifpaepnpracacungthaihsngkhmnimikhwamhlakhlayindanrupchiwitkhxngphuchta hyasungprbtwkbsphaphaewdlxmechnniiddi thunghyasawnnainaexfrika rabbniewsyxypaimphldib evergreen forest ecosystem hrux pasnekhahruxxaceriykxikxyangwa mkpraktxyutamphuekhasungepnswnihysungepnphunthisungmikhwamsungcakradbnathaeltngaet 700 emtrkhunip odythwipmkcakhunxyuinthisungdinimkhxymikhwamxudmsmburnmaknk mi misphaphphumixakasthimiepnrayaewlayawnanaelayngmikhwamthipadibprbtwidyak 1 lksnakhxngpasnekhacaepnpaoprngimphldib sungcamiephiyngtnsnekhapraktxyuethannxacmiphnthuimxunpraktxyubangaetkphbidnxyinsngkhmpasnekhacamichneruxnyxddantng aeykidepn 3 chneruxnyxd dngni eruxnyxdchnbnsud chnnicaprakxbdwyhrux eruxnyxdchnrxng prakxbipdwyiminpadibekharadbtamikhwamhnaaennaetktangkntamsphaphaewdlxm echn kayan epntn chnphuchkhlumdin cakhunxyukblksnaokhrngsrangkhxngpathiaeprphniptamsphaphaewdlxmkhxngphunthiaelalksnakhxngkhwamhnaaennkhxngeruxnyxdchnbn 1 montane or hill evergreen forest padibekhainpraethsithyxacaebngyxytamlksnaokhrngsrangkhxngpaxxkepnsxngsngkhmyxykhux 1 padngdibekharadbta lower montane forest epnpathiprakxbdwyimthisungihymieruxnyxdchnbnsungthung 30 emtr miimhnaaennaelaedndwyimkxchnidtang phsmkbiminskulxun thixacphbidinpadngdibaelngbangaehnginthisung tamtnimmiphuchekaatidnxy phunpamisakthbthmthiimhna phbinradbkhwamsungpraman 1 200emtr thung 1 800 emtr aela 2 sngkhmyxyepnpadngdibekharadbsung upper montane forest milksnaokhrngsrangkhxngsngkhmaetktangxyangednchd khux eruxnyxdchnbnsungpraman 20 emtr kingkankhdngxaelakxtwepnkxnbnkingihy aelatamlatnmimxss aelaimxingxasyekaatidhnaaenn echn padngdibekha bnyxdxinthnnththisungekin 2 000 emtrkhunip epntn bangkhrngbnphunthiekhasungxacphbpalaemaaradbsung scrub forest hrux Subalpine vegetation echn phbthidxyechiyngdaw odymiklumphuchekhtxbxunhlaychnidkhunxyurwmknmak padibchun tropical rain forest padibchunepnpafninekhtrxn Tropical rain forest mifntkchukekuxbtlxdpi aelamikhwamchumchunindinkhxykhangsungsmaesmxtlxdthngpi padibchunmilksnaepnparkthubcaprakxbdwyphrrnimhlakhlay sungchnid imtnkhxngeruxnyxdchnbn swnihyepnimwngsyang taekhiyn Dipterocarpaceae milatnsungihytngaet 30 50 emtr thdlngma epnimtnkhnadklangaelakhnadelksungsamarthkhunxyuitrmengakhxngtnimihyid rwmthngtnimchnidtang inwngs hmakhruxpalm Plamae phunlangkhxngparkthubraekarakaipdwyimphum phuchlmluk raka hway iphtang ethawlyhlakchnid tamlatnimaelakingimmkmiphuchxingxasy epiphyte phwkefirn phwkmxs khunxyuthwip phrrnimednkhxngwngs Dipterocarpaceae thimikhwamsakhy stwinpadngdibchunechn smesrc aerd kracngkhway kracngelk eknghmx nkaewnsinatal nkhwa etackr etaeduxy epntn 2 dry evergreen forest padibaelnginpraethsithykracayxyutngaettxnbnkhxngthiwekhathnnthngchy pkkhlumladekhathangthistawntkkhxngthiwipcnthungcnghwdechiyngray swnthangsiktawnxxkkhxngpraeths pkkhlumtngaetthiwlngmathungthiwekhabrrthd thiwlngipcnthungcnghwdrayxng khuniptamthiw thiwcnthungcnghwdelyaelanan padibaelngepnpathixyuinphunthikhxnkhangrabmikhwamchumchunnxy padibaelngcaxyuinradbkhwamsungpanklangsungcakradbnathaelpraman 300 600 emtr imthisakhyidaek yangna phayxm aelataesux 3 pachayeln mangroves platinhrux plakracng pachayeln hruxpaokngkang hruxpaphngka khuxrabbniewsthiprakxbipdwy hlaychnid darngchiwitrwmkninsphaphaewdlxmthiepn nakrxy aelanathaelthwmthungxyangsmaesmx pachayelncaxyuthwiptambriewnchayfngthael pakaemna thaelsab xaw aelarxbekaaaekngtang sungepnbriewnekhtnakhunnalngtasud pachayelnmixyuechphaainekhtrxn phrrnimthikhunxyuinpachayelnmimakmayhlaychnid echn tnaesn tnlaphu tncak epntn 4 prachakrstwinpachayeln prakxbdwy 2 klumihy klumthi 1 epnstwthaelhnadin echn phwkoprotsw hxy aemlng aelaphwkkhrsetechiyn klumthi 2 pla sungmi 4 klumyxy klumthixyuxyangthawr echn pukamdab puaesm platin klumthiekhamabangchwngewla ephuxxahar hrux echn puthael aemngdathael klumthiekhamabangvdukal klumphulapachayhad beach forest khuxphunparxytxrahwangchayhadkbphunaephndin epnpaaenwtaekhbhruxepnknchnrahwangthaelkbaephndinnnexng chayhadkhuxbriewnphunthirahwangkhxbfngkbaenwnalngetmthi hruxxacklaw khux phunrahwangnathaelthilngtasudkhunmacnthungradbnathaelkhunsungsud milksnaepnaethbyawiptamrimfngekidkhunenuxngcakkarkrathakhxngkhlunaelakraaesnainthaelhruxthaelsabhruxaemna enuxngcakhadaetlahadtampraephthkhxngwtthuthiphbbnhadnn khux hrux aela paphru swamp forest peat swamp forest khux painekhtrxnpraephthimphldibechnediywkbpadngdibchunlksnaokhrngsrangaelakhwamhlakhlaythangchiwphaphthiepn exklksnaetktangcaksngkhmphuchpaimpraephthxun miphunthilummikarsasmkhxngchndinepnhlmelnaelamisakxinthriywtthuthbthmthaechn ibim tang hnatngaet 1 10 emtr hruxmakkwa sphaphkhwamepnkhxngna rahwang 4 5 6 1 ephraadinchnlangmisarprakxbslefxrinprimanthisungcnyxyslaycha klayepnhruxthimilksnahyunywbehmuxnfxngnathimikhwamhnaaennnxyxumnaidmakthaihdinyublngtwidngayphuchthikhuninpaphrucungmikarphthnaaelamikhwamhlakhlay swnstwchnidtang ktxngmikarprbtwihekhakbsingaewdlxmpaphruepnpathimilksnaednaetktangipcakpaxun imwacaepnsphaphpakhunxyulksnakhxngdinhruxxngkhprakxbtang aetsphaphpannaetktangcakpapraephthxunodysinechingdinphruchnlangmixayuthung 6 000 7 000 pi swndinphruchnbnxyurahwang 700 1 000 pi xngkhprakxbtang khxngpaphru stwinpaphru enuxngcakpaphruepnphunthilumnakhng cungmistwcaphwkplaxasyxyucanwnmakechn pladuk plachxn plachaod stwkhrungbkkhrungnaphwkkb ekhiyd epntn stwpikcaphwknk echn nkenguxk nkaesngaeswhangbwngihy epntn aelastweliynglukdwynm echn khangaewn ling epntn nkenguxkphuchphnthuim paphrucamiphunthiswnihyprakxbdwynaaeladinxinthriysungthbthmknxyuhlwm tnimihycungichchiwitxyuxyangyaklabakcungmikarphthnarabbrakchnidphiessihaetktangipcakrabbrakkhxngphuchinpapraephthxun echn phthnaepn aelaepntnxangxinghttp cogtech kku ac th innovations lifeconcept pages datablank envi 3 htm 2016 09 22 thi ewyaebkaemchchin xuthis 2542 dxkrk aelaxuthis 2552 xuthis 2542 dxkrk aelaxuthis 2552 xuthis 2542 xuthis 2542 wichyphas 2545 swnphvkssastrsmedcphranangecasirikiti 2542 thwchchy aelachwlit 2528 aehlngkhxmulxunhttp chm thai onep go th chm ForestBio Pine 20forest html 2017 02 18 thi ewyaebkaemchchin 1 http chm thai onep go th chm ForestBio Tropical rain html 2016 01 02 thi ewyaebkaemchchin 2 http fieldtrip ipst ac th intro sub content php content id 28 amp content folder id 277 lingkesiy 3 http www sci psu ac th chm biodiversity mangrove html 2017 04 24 thi ewyaebkaemchchin 4 https eros usgs gov doi remote sensing activities 2012 usgs http www epa gov sciencematters epa science matters newsletter ecosystems and climate change published january 2014