พระแสงขรรค์ชัยศรี เป็นพระแสงศาสตราวุธประจำองค์พระมหากษัตริย์ และเป็นหนึ่งในห้าของเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์พระขรรค์หมายถึง พระสติปัญญาความรอบรู้ในการปกครองบ้านเมือง
ประวัติ
พระแสงขรรค์ชัยศรีองค์นี้มีประวัติอันเก่าแก่เป็นราชสมบัติจากกษัตริย์ขอมเมืองพระนคร (ยโศธรปุระ) ตั้งแต่ยุคนครวัดถึงยุคนครธม มีหลักฐานสำคัญอยู่ในจารึกวัดศรีชุม สมัยอาณาจักรสุโขทัยว่าพระเจ้าแผ่นดินนครธมสมัยนั้น (สันนิษฐานว่าอาจเป็นพระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 หรือพระเจ้าชัยวรมันที่ 8 พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง: 43 ) พระราชทานพระขรรค์ชัยศรีให้พ่อขุนผาเมืองแห่งกรุงศรีสัชนาลัยสุโขทัย พร้อมด้วยธิดานามว่า ให้เป็นชายา พระแสงขรรค์ชัยศรีจึงตกเป็นพระราชสมบัติของพ่อขุนผาเมือง
ปรากฏคำจารึกในศิลาจารึกวัดศรีชุม (จารึกหลักที่ 2) ความว่า:-
นามเดิมกมรแดงอัญผาเมือง ๐ เมื่อก่อนผีฟ้าเจ้าเมืองศรีโสธรปุระให้ลูกสาวชื่อนางสุขรมหาเทวีกับขรรค์ชัยศรี ให้นามเกียรติ์แก่พ่อขุนผาเมืองเหียม: 43
ส่วนคำจารึกวัดป่ามะม่วง (พ.ศ. 1904) อักษรไทยสุโขทัยและอักษรขอมสุโขทัยกล่าวว่า พระแสงขรรค์ชัยศรีเป็นหนึ่งในเครื่องราชกกุธภัณฑ์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย): 190
สมัยอยุธยานับตั้งแต่สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ทรงสถาปนาอาณาจักรอยุธยาเมื่อปีขาล พ.ศ. 1893 พระแสงขรรค์ชัยศรีจึงเป็นสมบัติกรุงศรีอยุธยาเรื่อยมา ใน พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา มีกล่าวถึงรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองว่าทรงมอบเวนราชสมบัติรวมทั้งพระแสงขรรค์ชัยศรีแก่สมเด็จเจ้าฟ้าไชยขณะทรงพระประชวรก่อนเสด็จสวรรคตเพียง 3 วัน ณ พระที่นั่งเบญจรัตน์มหาปราสาทเมื่อจุลศักราช ๑๐๑๗ ปีมะแมสัปตศก (พ.ศ. 2198) จวบจนรัชสมัยสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ เบญจราชกกุธภัณฑ์ก็ได้หายสาบสูญไป รวมทั้งพระแสงขรรค์ชัยศรีซึ่งท้ายสุดไปตกจมอยู่ในโตนเลสาบ ที่เมืองจังหวัดเสียมราฐ ประเทศสยาม ในสมัยนั้นคำให้การชาวกรุงเก่า ระบุว่าพระแสงขรรค์ชัยศรีที่ใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยาเป็นพระแสงขรรค์ที่ได้สืบมาจากพระเจ้าปทุมสริยวงศ์ ผู้สร้างพระนครวัดนครธม
เมื่อ พ.ศ. 2327 ชาวประมงได้ทอดแหแล้วเห็นพระขรรค์องค์นี้เห็นว่ายังอยู่ในสภาพดีไม่เกิดสนิมผุกร่อนมากมายนักทั้งยังมีลักษณะประณีตเกินกว่าจะเป็นของสามัญชน ชาวประมงผู้นั้นจึงนำมอบให้แก่เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (แบน) เจ้าเมืองเสียมราฐ แล้วจึงได้ให้ข้าราชการนำพระแสงขรรค์ไปทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในวันที่เชิญพระแสงองค์นี้เข้าใกล้เขตพระราชฐาน ได้เกิดฟ้าผ่าในพระนครในระหว่างทางเชิญพระแสงถึง 7 แห่ง และเขตพระบรมมหาราชวัง 2 แห่ง เช่นที่ประตูวิเศษไชยศรี เขตพระราชฐานชั้นนอก เขตพระราชฐานชั้นกลาง ซึ่งเป็นทางที่อัญเชิญพระแสงองค์นี้เข้าไปในพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำด้ามพระขรรค์หุ้มทองคำลงยาราชาวดีลายเทพพนม และทำสักหุ้มทองคำลงยาราชาวดีประดับมณีเสร็จแล้วจึงโปรดเกล้าฯ ให้เชิญเป็นเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อ พ.ศ. 2328: 199 แล้วพระราชทานนามพระแสงขรรค์เล่มนี้ว่า พระแสงขรรค์ชัยศรี: 18
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงวิเคราะห์ว่าพระแสงขรรค์ชัยศรีองค์ปัจจุบันเป็นฝีมือขอมสร้างขึ้นในสมัยที่ขอมมีอํานาจมาก และยังทรงพบพระแสงขรรค์ของเขมรที่ลักษณะเดียวกับพระแสงขรรค์ชัยศรีของไทยที่พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคลเมื่อคราวเสด็จไปประเทศกัมพูชาเมื่อ พ.ศ. 2467: 8 พระแสงขรรค์ของเขมรมีตำนานว่าพระอินทร์นําพระแสงขรรค์ลงมาประทานพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 พระแสงขรรค์ชัยศรีเป็นพระแสงศาสตราวุธที่สำคัญที่สุดในพระราชพิธีที่สำคัญ ได้แก่ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีศรีสัจปานกาล (หรือพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา) พระราชพิธีฉัตรมงคล เป็นต้น: 8 : 15, 19
อย่างไรก็ตาม พระแสงขรรค์ชัยศรีองค์ปัจจุบันของไทยไม่ใช่ขรรค์ชัยศรีองค์เดียวกับที่พระเจ้าแผ่นดินนครธมพระราชทานแก่พ่อขุนผาเมือง พระแสงขรรค์ของพ่อขุนผาเมืององค์ดังกล่าวเป็นเพียงองค์พระแสงจําลองเท่านั้น: 16 เฉกเช่นเดียวกับพระมหากษัตริย์พระราชทานพระแสงราชศัตราแก่เจ้าเมือง หากแต่พระแสงขรรค์ชัยศรีที่อยู่ในไทยซึ่งหายสาบสูญไปในรัชสมัยสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ที่ถูกพบที่ทะเลสาบ จังหวัดเสียมราฐ ประเทศสยาม ซึ่งเคยเป็นของพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ ราชวงค์ขอมนั้นเป็นองค์จริง: 5 แต่ราชวงค์ขอมที่เคยรักษาพระแสงขรรค์องค์นี้ก็ได้สูญสิ้นให้แก่สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) เมื่อคราวการศึกระหว่างขอมกับอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 1974: 18
ต่อมากรุงศรีอยุธยาได้สนับสนุนชาวเขมรพื้นเมืองให้มีอำนาจคอยควบคุมกำจัดราชวงค์ขอมถึงกับให้เขมรได้ให้ครองบัลลังก์แทนราชวงค์ขอม: 18 น่าเชื่อว่าทายาทของราชวงค์ขอมเดิมคงพยายามรักษาพระแสงขรรค์องค์นี้ไว้ เห็นว่าระหกระเหินไปในที่ต่าง ๆ จนไปถึงเมืองเสียมราฐ ผู้ครองสิทธิ์พระแสงขรรค์คนสุดท้ายเห็นว่าคงไม่สามารถรักษาไว้ได้อีก แต่เพื่อไม่ให้ตกไปเป็นของผู้อื่นจึงได้ซ่อนพระแสงขรรค์ไว้ในทะเลสาบ คอยโอกาสที่ราชวงค์ขอมมีอำนาจอีกครั้งเพื่อมากู้คืน แต่ปรากฏว่าราชวงค์ขอมกลับสูญสิ้นไม่มีอำนาจราชบังลังก์เหนือเขมรได้อีก นับว่าเป็นอภินิหารน่าประหลาดอย่างยิ่งที่พระแสงขรรค์ชันศรีองค์นี้กลับตกเป็นสิทธิ์ของราชวงศ์จักรี: 17
ลักษณะ
สมัยอยุธยาตอนปลาย
พระแสงขรรค์สวมสักแล้วมีความประมาณ 100 ซม. (2 ศอก) ที่โคนพระขรรค์เป็นเหล็กจำหลักเป็นหน้าราหูต่อขึ้นมาเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณแล้วขึ้นมาเป็นหน้าเทวดาอีกองค์หนึ่ง คร่ำทองที่ลายจำหลักยาวตลอดจนองค์พระขรรค์ ส่วนฝักเป็นทองเกลี้ยงจำหลักเป็นลายเรื่องพระนารายณ์ เป็นฝีมือช่างสมัยอยุธยาตอนปลาย: 8
สมัยรัตนโกสินทร์
ลักษณะเป็นพระแสงขรรค์เหล็กเนื้อดีคร่ำทอง เฉพาะองค์พระแสงขรรค์ยาว 64.5 ซม. ความกว้างฝักพระแสงขรรค์ 5.5 ซม. ความยาวพระแสงขรรค์ 25.4 ซม สวมสักแล้วมีความยาว 101 ซม. เมื่อรวมความยาวทั้งด้ามและฝักมีความยาวทั้งสิ้น 115 ซม. และมีน้ำหนักรวม 1,900 กรัม: 8 : 199 ใบพระขรรค์ทำด้วยเหล็กมีคมทั้งสองด้าน ส่วนด้ามทำด้วยแก้วผลึกรูปแปดเหลี่ยม มีทองคาดตามแนวปลายด้ามทำเป็นหัวเม็ดรูปหกเหลี่ยมประดับพลอย ตัวฝักทำด้วยทองคำประดับด้วยลายรักร้อย โคนพระแสงขรรค์จำหลักเป็นรูปเทวดาในเรือนแก้วซ้อนกัน 3 ชั้นคร่ำด้วยทองคำ ฝักจําหลักลวดลายเทพนม ขอบฝักทำเป็นลาย ประดับอัญมณีสีต่าง ๆ เป็นฝีมือช่างสมัยรัตนโกสินทร์: 8
วัสดุที่ใช้ทำ
สมัยโบราณกาล การจัดสร้างพระแสงนั้น ผู้สร้างจะเลือกโลหะหรือแร่ต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ เพื่อสร้างเป็นพระแสงที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่เกรงขามของศัตรู โดย จะนำเนื้อโลหะต่างชนิดนำมาถลุงหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวเพื่อตีขึ้นรูปดาบ จึงเกิดเป็นสูตรของโลหะ 3 ประเภท6 คือ เบญจโลหะ คือ เนื้อโลหะที่หลอมรวมจากเหล็ก 1 ปรอท 1 ทองแดง 1 เงิน 1 และทองคำ 1 คือ เนื้อโลหะที่หลอมรวมจากเหล็ก 1 ปรอท 1 ทองแดง 1 เงิน 1 ทองคำ 1 เจ้าน้ำเงิน 1 (ปกติเรียก “เจ้า” เป็นแร่ชนิดหนึ่งสีเขียวเหลือบน้ำเงิน) และสังกะสี 1 คือ เนื้อโลหะถึง 9 ชนิด คือ เหล็ก 1 ปรอท 1 ทองแดง 1 เงิน 1 ทองคำ 1 เจ้าน้ำเงิน 1 สังกะสี 1 ชิน 1 (โลหะผสมระหว่างดีบุกกับตะกั่ว มีสีเงาวาวมาก และมีน้ำหนักมากเช่นกัน) และทองแดงบริสุทธิ์ 1
ต่อมามีการค้นพบโลหะอีกประเภทหลังจากได้มีการคิดค้นสูตรโลหะทั้ง 3 แล้ว กล่าวกันว่าเป็นโลหะที่ดีมีคุณสมบัติสำหรับการทำอาวุธที่สุด คือ “เหล็กน้ำพี้” เพราะ เหล็กน้ำพี้ เป็นโลหะที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม เมื่อนำมาหลอมตีเป็นดาบจะมีสีเขียวเหลือบดังปีกแมลงทับ มีความคมและยืดหยุ่นได้ในตัวเอง เมื่อนำมาฟันกระทบกับของแข็ง ทำให้ไม่บิ่น ไม่งอ ไม่ทำปฏิกิริยากับอากาศ และไม่ก่อให้เกิดสนิม และเสื่อมคม แหล่งที่มาของแร่โลหะนี้ คือ
“น้ำพี้” เป็นชื่อหมู่บ้านหนึ่งของจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่มีแหล่งแร่เหล็กกล้าที่มีความบริสุทธิ์ของเนื้อเหล็กโดยธรรมชาติสูง จึงนิยมนำมาทำเครื่องใช้กันตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว มีการสันนิษฐานกันว่า ดาบรบที่สร้างขึ้นในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยามีการตีดาบเหล็กน้ำพี้ใช้สำหรับทำอาวุธใช้ในสงคราม ต่อมามีการสงวนไว้สำหรับใช้ทำพระแสงดาบสำหรับพระมหากษัตริย์ ห้ามมิให้ผู้ใดขุดเหล็กจากบ่อนี้ โดยบ่อที่นำมาทำพระแสงดาบเรียกว่า “” และบ่อที่นำมาทำพระขรรค์เรียกว่า “”
นอกจากการเลือกโลหะสำหรับนำมาทำดาบแล้ว กรรมวิธีในการตีดาบยังเป็นเรื่องที่คนสมัยโบราณให้ความสำคัญ หากเป็นดาบเพื่อใช้ในการศึกสงครามแล้วจะใช้พิธีทางไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง สำหรับพระแสงดาบของพระมหากษัตริย์ จะมีการตกแต่งประดับประดาพระแสงดาบด้วยโลหะ อัญมณีที่มีค่า การสร้างลวดลายต่าง ๆ และการลงสีให้มีความวิจิตรงดงาม เพื่อการใช้เป็นเครื่องประกอบยศ และพระราชทานให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่: 199–200
กล่าวได้ว่า ในอดีต มีความสำคัญในฐานะที่เป็นราชศัสตราวุธคู่กายของพระมหากษัตริย์ และเป็นอาวุธที่ใช้ในยามศึกสงคราม ต่อมาได้มีการพัฒนาอาวุธที่มีความทันสมัยขึ้น ทำให้พระแสงดาบจึงค่อย ๆ ลดบทบาทลง ในปัจจุบันพระแสงดาบจึงเป็นเพียงสัญลักษณ์และเครื่องหมายของพระมหากษัตริย์ ที่ใช้ประกอบยศและใช้ประกอบใน สำคัญ ๆ
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- กรมศิลปากร. (2526). "ขรรค์ชัยศรี - พระแสง", อักขรานุกรมประวัติศาสตร์ไทย: อักษร ข. กรุงเทพฯ: ยูไนเต็ด. หน้า 23–25.
- ยุพร แสงทักษิณ. (2539). เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์และเครื่องสูง. กรุงเทพฯ: องค์การค้าของคุรุสภา. 55 หน้า. ISBN
- พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ. (2564). สมเด็จพระชนกาธิบดี พระปฐมราชวงศ์จักรี. กรุงเทพฯ: บันทึกสยาม. หน้า 145–146. ISBN
- ศานติ ภักดีคำ. (2554). "ขอมสบาดโขลญลำพง : เขมรรบสุโขทัย?", เขมรรบไทย. กรุงเทพฯ: มติชน. 339 หน้า. หน้า 43. ISBN
- เกริกฤทธิ์ เชื้อมงคล. (2562). "พระแสงขรรค์ชัยศรี", แรกสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: สยามความรู้. ISBN
- ดนัย ไชยโยธา, บุญเทียม พลายชมภู และสุชาดา ใจตาม. (2543). ๕๓ พระมหากษัตริย์ไทย ธ ทรงครองใจไทยทั้งชาติ. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. หน้า 61. ISBN
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน. พระนคร: คลังวิทยา, 2514. หน้า 364.
- ไพโรจน์ โพธิ์ไทร. (2530). สารานุกรมประวัติศาสตร์ไทย ภาษาไทยสมัยสุโขทัย. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. 163 หน้า. หน้า 61. อ้างใน พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม). หน้า 360.
- ราชบัณฑิตยสถาน. (2549). สารานุกรมประวัติศาสตร์ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน (แก้ไขเพิ่มเติม) เล่ม 1. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน. หน้า 10.
- อนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ), พระยา. (2516). สารานุกรมของเสฐียรโกเศศ. พระนคร: บรรณาการ. 344 หน้า. หน้า 156.
- กำพล จำปาพันธ์. "เครื่องทองอยุธยา เจ้าสามพระยา และโลกาภิวัฒน์แรกในสยาม-อุษาคเนย์", ศิลปวัฒนธรรม, 44(6)(เมษายน 2566):83, เชิงอรรค ๑๖. อ้างใน คำให้การชาวกรุงเก่า. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2546. หน้า 6–7.
- สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมิวเซียมสยาม. (2560). เสด็จสู่แดนสรวง: ศิลปะ ประเพณี และความเชื่อในงานพระบรมศพและพระเมรุมาศ. กรุงเทพฯ: ศูนย์สื่อและสิ่งพิมพ์แก้วเจ้าจอม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา. 400 หน้า. หน้า 118.ISBN
- กรมศิลปากร, กองจดหมายเหตุแห่งชาติ. (2525). ประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑-๓ (พ.ศ. ๒๓๒๕-๒๓๙๔) เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. 564 หน้า. หน้า 215. ISBN
- คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยและคณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี. (2512). วารสารแถลงงานประวัติศาสตร์ เอกสารโบราณคดี, 3(2512): 84.
- ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์. (2560). "ป้อม คลองคู ประตูเมือง", เล่าเรื่องเมืองไทย เล่ม 3. กรุงเทพฯ: กองบัญชาการกองทัพไทย. 241 หน้า. หน้า 200. ISBN
- กระทรวงมหาดไทย. (2509). พระแสงราชศัสตรา. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลเอก มังกร พรหมโยธี ม.ป.ช.,ม.ว.ม.,ท.จ.ว. ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ๒๙ มิถุนายน ๒๕๐๙. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง. 172 หน้า.
- ราชบัณฑิตยสถาน. (2549). "ขรรค์ชัยศรี, พระแสง", สารานุกรมประวัติศาสตร์ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน (แก้ไขเพิ่มเติม) เล่ม 2. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน.
- ราชบัณฑิตยสถาน. (2526). พจนานุกรมศัพท์ศิลปกรรม อักษร ก-ช ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน. หน้า 92.
- พิพิธภัณฑ์บ่อเหล็กน้ำพี้. องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน). สืบค้นเมื่อ 14 พฤษภาคม 2567.
- กรมศิลปากร. (2549). นามานุกรมพิพิธภัณฑสถานในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ. 400 หน้า. หน้า 282. ISBN
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phraaesngkhrrkhchysri epnphraaesngsastrawuthpracaxngkhphramhakstriy aelaepnhnunginhakhxngekhruxngebycrachkkuthphnthphrakhrrkhhmaythung phrastipyyakhwamrxbruinkarpkkhrxngbanemuxngprawtisumechlimphraekiyrtiinnganchlxngsirirachsmbtikhrb 60 pi phuththskrach 2549 aesdngphaphcalxngphraaesngkhrrkhchysri phraaesngkhrrkhchysrixngkhnimiprawtixnekaaekepnrachsmbticakkstriykhxmemuxngphrankhr yosthrpura tngaetyukhnkhrwdthungyukhnkhrthm mihlkthansakhyxyuincarukwdsrichum smyxanackrsuokhthywaphraecaaephndinnkhrthmsmynn snnisthanwaxacepnphraecaxinthrwrmnthi 2 hruxphraecachywrmnthi 8 phraxngkhidphraxngkhhnung 43 phrarachthanphrakhrrkhchysriihphxkhunphaemuxngaehngkrungsrischnalysuokhthy phrxmdwythidanamwa ihepnchaya phraaesngkhrrkhchysricungtkepnphrarachsmbtikhxngphxkhunphaemuxng praktkhacarukinsilacarukwdsrichum carukhlkthi 2 khwamwa namedimkmraedngxyphaemuxng 0 emuxkxnphifaecaemuxngsriosthrpuraihluksawchuxnangsukhrmhaethwikbkhrrkhchysri ihnamekiyrtiaekphxkhunphaemuxngehiym 43 swnkhacarukwdpamamwng ph s 1904 xksrithysuokhthyaelaxksrkhxmsuokhthyklawwa phraaesngkhrrkhchysriepnhnunginekhruxngrachkkuthphnthinphrarachphithibrmrachaphieskphramhathrrmrachathi 1 liithy 190 smyxyuthyanbtngaetsmedcphraramathibdithi 1 thrngsthapnaxanackrxyuthyaemuxpikhal ph s 1893 phraaesngkhrrkhchysricungepnsmbtikrungsrixyuthyaeruxyma in phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya miklawthungrchsmysmedcphraecaprasaththxngwathrngmxbewnrachsmbtirwmthngphraaesngkhrrkhchysriaeksmedcecafaichykhnathrngphraprachwrkxnesdcswrrkhtephiyng 3 wn n phrathinngebycrtnmhaprasathemuxculskrach 1017 pimaaemsptsk ph s 2198 cwbcnrchsmysmedcphrathinngsuriyasnxmrinthr ebycrachkkuthphnthkidhaysabsuyip rwmthngphraaesngkhrrkhchysrisungthaysudiptkcmxyuinotnelsab thiemuxngcnghwdesiymrath praethssyam insmynnkhaihkarchawkrungeka rabuwaphraaesngkhrrkhchysrithiichinphrarachphithibrmrachaphieskkhxngphramhakstriykrungsrixyuthyaepnphraaesngkhrrkhthiidsubmacakphraecapthumsriywngs phusrangphrankhrwdnkhrthm emux ph s 2327 chawpramngidthxdaehaelwehnphrakhrrkhxngkhniehnwayngxyuinsphaphdiimekidsnimphukrxnmakmaynkthngyngmilksnapranitekinkwacaepnkhxngsamychn chawpramngphunncungnamxbihaekecaphrayaxphyphuebsr aebn ecaemuxngesiymrath aelwcungidihkharachkarnaphraaesngkhrrkhipthulekla thwayphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach inwnthiechiyphraaesngxngkhniekhaiklekhtphrarachthan idekidfaphainphrankhrinrahwangthangechiyphraaesngthung 7 aehng aelaekhtphrabrmmharachwng 2 aehng echnthipratuwiessichysri ekhtphrarachthanchnnxk ekhtphrarachthanchnklang sungepnthangthixyechiyphraaesngxngkhniekhaipinphrabrmmharachwng phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachcungthrngphrakrunaoprdekla ihthadamphrakhrrkhhumthxngkhalngyarachawdilayethphphnm aelathaskhumthxngkhalngyarachawdipradbmniesrcaelwcungoprdekla ihechiyepnekhruxngebycrachkkuthphnthinkarphrarachphithibrmrachaphieskemux ph s 2328 199 aelwphrarachthannamphraaesngkhrrkhelmniwa phraaesngkhrrkhchysri 18 smedcphraecabrmwngsethx krmphrayadarngrachanuphaphthrngwiekhraahwaphraaesngkhrrkhchysrixngkhpccubnepnfimuxkhxmsrangkhuninsmythikhxmmixanacmak aelayngthrngphbphraaesngkhrrkhkhxngekhmrthilksnaediywkbphraaesngkhrrkhchysrikhxngithythiphrabrmrachwngctumukhsirimngkhlemuxkhrawesdcippraethskmphuchaemux ph s 2467 8 phraaesngkhrrkhkhxngekhmrmitananwaphraxinthrnaphraaesngkhrrkhlngmaprathanphraecachywrmnthi 2 phraaesngkhrrkhchysriepnphraaesngsastrawuththisakhythisudinphrarachphithithisakhy idaek phrarachphithibrmrachaphiesk phrarachphithisriscpankal hruxphrarachphithithuxnaphraphiphthnstya phrarachphithichtrmngkhl epntn 8 15 19 xyangirktam phraaesngkhrrkhchysrixngkhpccubnkhxngithyimichkhrrkhchysrixngkhediywkbthiphraecaaephndinnkhrthmphrarachthanaekphxkhunphaemuxng phraaesngkhrrkhkhxngphxkhunphaemuxngxngkhdngklawepnephiyngxngkhphraaesngcalxngethann 16 echkechnediywkbphramhakstriyphrarachthanphraaesngrachstraaekecaemuxng hakaetphraaesngkhrrkhchysrithixyuinithysunghaysabsuyipinrchsmysmedcphrathinngsuriyasnxmrinthrthithukphbthithaelsab cnghwdesiymrath praethssyam sungekhyepnkhxngphraecapthumsuriywngs rachwngkhkhxmnnepnxngkhcring 5 aetrachwngkhkhxmthiekhyrksaphraaesngkhrrkhxngkhnikidsuysinihaeksmedcphrabrmrachathirachthi 2 ecasamphraya emuxkhrawkarsukrahwangkhxmkbxyuthyaemux ph s 1974 18 txmakrungsrixyuthyaidsnbsnunchawekhmrphunemuxngihmixanackhxykhwbkhumkacdrachwngkhkhxmthungkbihekhmridihkhrxngbllngkaethnrachwngkhkhxm 18 naechuxwathayathkhxngrachwngkhkhxmedimkhngphyayamrksaphraaesngkhrrkhxngkhniiw ehnwarahkraehinipinthitang cnipthungemuxngesiymrath phukhrxngsiththiphraaesngkhrrkhkhnsudthayehnwakhngimsamarthrksaiwidxik aetephuximihtkipepnkhxngphuxuncungidsxnphraaesngkhrrkhiwinthaelsab khxyoxkasthirachwngkhkhxmmixanacxikkhrngephuxmakukhun aetpraktwarachwngkhkhxmklbsuysinimmixanacrachbnglngkehnuxekhmridxik nbwaepnxphiniharnaprahladxyangyingthiphraaesngkhrrkhchnsrixngkhniklbtkepnsiththikhxngrachwngsckri 17 lksnasmyxyuthyatxnplay phraaesngkhrrkhswmskaelwmikhwampraman 100 sm 2 sxk thiokhnphrakhrrkhepnehlkcahlkepnhnarahutxkhunmaepnrupphraxinthrthrngchangexrawnaelwkhunmaepnhnaethwdaxikxngkhhnung khrathxngthilaycahlkyawtlxdcnxngkhphrakhrrkh swnfkepnthxngekliyngcahlkepnlayeruxngphranarayn epnfimuxchangsmyxyuthyatxnplay 8 smyrtnoksinthr lksnaepnphraaesngkhrrkhehlkenuxdikhrathxng echphaaxngkhphraaesngkhrrkhyaw 64 5 sm khwamkwangfkphraaesngkhrrkh 5 5 sm khwamyawphraaesngkhrrkh 25 4 sm swmskaelwmikhwamyaw 101 sm emuxrwmkhwamyawthngdamaelafkmikhwamyawthngsin 115 sm aelaminahnkrwm 1 900 krm 8 199 ibphrakhrrkhthadwyehlkmikhmthngsxngdan swndamthadwyaekwphlukrupaepdehliym mithxngkhadtamaenwplaydamthaepnhwemdruphkehliympradbphlxy twfkthadwythxngkhapradbdwylayrkrxy okhnphraaesngkhrrkhcahlkepnrupethwdaineruxnaekwsxnkn 3 chnkhradwythxngkha fkcahlklwdlayethphnm khxbfkthaepnlay pradbxymnisitang epnfimuxchangsmyrtnoksinthr 8 wsduthiichthasmyobrankal karcdsrangphraaesngnn phusrangcaeluxkolhahruxaertang thimikhunsmbtiphiess ephuxsrangepnphraaesngthimikhwamskdisiththi aelaepnthiekrngkhamkhxngstru ody canaenuxolhatangchnidnamathlunghlxmrwmepnenuxediywephuxtikhunrupdab cungekidepnsutrkhxngolha 3 praephth6 khux ebycolha khux enuxolhathihlxmrwmcakehlk 1 prxth 1 thxngaedng 1 engin 1 aelathxngkha 1 khux enuxolhathihlxmrwmcakehlk 1 prxth 1 thxngaedng 1 engin 1 thxngkha 1 ecanaengin 1 pktieriyk eca epnaerchnidhnungsiekhiywehluxbnaengin aelasngkasi 1 khux enuxolhathung 9 chnid khux ehlk 1 prxth 1 thxngaedng 1 engin 1 thxngkha 1 ecanaengin 1 sngkasi 1 chin 1 olhaphsmrahwangdibukkbtakw misiengawawmak aelaminahnkmakechnkn aelathxngaedngbrisuththi 1 txmamikarkhnphbolhaxikpraephthhlngcakidmikarkhidkhnsutrolhathng 3 aelw klawknwaepnolhathidimikhunsmbtisahrbkarthaxawuththisud khux ehlknaphi ephraa ehlknaphi epnolhathimikhunphaphyxdeyiym emuxnamahlxmtiepndabcamisiekhiywehluxbdngpikaemlngthb mikhwamkhmaelayudhyunidintwexng emuxnamafnkrathbkbkhxngaekhng thaihimbin imngx imthaptikiriyakbxakas aelaimkxihekidsnim aelaesuxmkhm aehlngthimakhxngaerolhani khux naphi epnchuxhmubanhnungkhxngcnghwdxutrditth thimiaehlngaerehlkklathimikhwambrisuththikhxngenuxehlkodythrrmchatisung cungniymnamathaekhruxngichkntngaetsmyobranaelw mikarsnnisthanknwa dabrbthisrangkhuninplaysmykrungsrixyuthyamikartidabehlknaphiichsahrbthaxawuthichinsngkhram txmamikarsngwniwsahrbichthaphraaesngdabsahrbphramhakstriy hammiihphuidkhudehlkcakbxni odybxthinamathaphraaesngdaberiykwa aelabxthinamathaphrakhrrkheriykwa nxkcakkareluxkolhasahrbnamathadabaelw krrmwithiinkartidabyngepneruxngthikhnsmyobranihkhwamsakhy hakepndabephuxichinkarsuksngkhramaelwcaichphithithangisysastrekhamaekiywkhxng sahrbphraaesngdabkhxngphramhakstriy camikartkaetngpradbpradaphraaesngdabdwyolha xymnithimikha karsranglwdlaytang aelakarlngsiihmikhwamwicitrngdngam ephuxkarichepnekhruxngprakxbys aelaphrarachthanihaekphrabrmwngsanuwngs khunnang kharachkarchnphuihy 199 200 klawidwa inxdit mikhwamsakhyinthanathiepnrachsstrawuthkhukaykhxngphramhakstriy aelaepnxawuththiichinyamsuksngkhram txmaidmikarphthnaxawuththimikhwamthnsmykhun thaihphraaesngdabcungkhxy ldbthbathlng inpccubnphraaesngdabcungepnephiyngsylksnaelaekhruxnghmaykhxngphramhakstriy thiichprakxbysaelaichprakxbin sakhy xangxingechingxrrthkrmsilpakr 2526 khrrkhchysri phraaesng xkkhranukrmprawtisastrithy xksr kh krungethph yuinetd hna 23 25 yuphr aesngthksin 2539 ekhruxngebycrachkkuthphnthaelaekhruxngsung krungethph xngkhkarkhakhxngkhuruspha 55 hna ISBN 978 974 0 08005 3 phladisy siththithykic 2564 smedcphrachnkathibdi phrapthmrachwngsckri krungethph bnthuksyam hna 145 146 ISBN 978 616 4 41816 5 santi phkdikha 2554 khxmsbadokhlylaphng ekhmrrbsuokhthy ekhmrrbithy krungethph mtichn 339 hna hna 43 ISBN 978 974 0 20810 5 ekrikvththi echuxmngkhl 2562 phraaesngkhrrkhchysri aerksthapnakrungrtnoksinthr krungethph syamkhwamru ISBN 978 616 4 41530 0 dny ichyoytha buyethiym phlaychmphu aelasuchada ictam 2543 53 phramhakstriyithy th thrngkhrxngicithythngchati krungethph oxediynsotr hna 61 ISBN 978 974 2 77751 7 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbsmedcphraphnrtn wdphraechtuphn phrankhr khlngwithya 2514 hna 364 iphorcn ophthiithr 2530 saranukrmprawtisastrithy phasaithysmysuokhthy krungethph oxediynsotr 163 hna hna 61 xangin phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbphncnthnumas ecim hna 360 rachbnthitysthan 2549 saranukrmprawtisastrithy chbbrachbnthitysthan aekikhephimetim elm 1 krungethph rachbnthitysthan hna 10 xnumanrachthn yng esthiyrokess phraya 2516 saranukrmkhxngesthiyrokess phrankhr brrnakar 344 hna hna 156 kaphl capaphnth ekhruxngthxngxyuthya ecasamphraya aelaolkaphiwthnaerkinsyam xusakheny silpwthnthrrm 44 6 emsayn 2566 83 echingxrrkh 16 xangin khaihkarchawkrungeka nnthburi mhawithyalysuokhthythrrmathirach 2546 hna 6 7 sankngankhnakrrmkarkarsuksakhnphunthan krathrwngsuksathikar khnasilpsastr mhawithyalythrrmsastr aelamiwesiymsyam 2560 esdcsuaednsrwng silpa praephni aelakhwamechuxinnganphrabrmsphaelaphraemrumas krungethph sunysuxaelasingphimphaekwecacxm mhawithyalyrachphtswnsunntha 400 hna hna 118 ISBN 978 616 3 95872 3 krmsilpakr kxngcdhmayehtuaehngchati 2525 prawtisastrkrungrtnoksinthr rchkalthi 1 3 ph s 2325 2394 elm 1 krungethph krmsilpakr 564 hna hna 215 ISBN 978 974 7 77526 6 khnakrrmkarcharaprawtisastrithyaelakhnakrrmkarcdphimphexksarthangprawtisastr wthnthrrm aelaobrankhdi 2512 warsaraethlngnganprawtisastr exksarobrankhdi 3 2512 84 thwiwuthi phngsphiphthn 2560 pxm khlxngkhu pratuemuxng elaeruxngemuxngithy elm 3 krungethph kxngbychakarkxngthphithy 241 hna hna 200 ISBN 978 616 6 03110 2 krathrwngmhadithy 2509 phraaesngrachsstra phimphepnxnusrninnganphrarachthanephlingsph phlexk mngkr phrhmoythi m p ch m w m th c w n emruhnaphlbphlaxisriyaphrn wdethphsirinthrawas 29 mithunayn 2509 krungethph orngphimphswnthxngthin krmkarpkkhrxng 172 hna rachbnthitysthan 2549 khrrkhchysri phraaesng saranukrmprawtisastrithy chbbrachbnthitysthan aekikhephimetim elm 2 krungethph rachbnthitysthan rachbnthitysthan 2526 phcnanukrmsphthsilpkrrm xksr k ch chbbrachbnthitysthan krungethph rachbnthitysthan hna 92 phiphithphnthbxehlknaphi xngkhkarbriharkarphthnaphunthiphiessephuxkarthxngethiywxyangyngyun xngkhkarmhachn subkhnemux 14 phvsphakhm 2567 krmsilpakr 2549 namanukrmphiphithphnthsthaninpraethsithy krungethph phiphithphnthsthanaehngchati 400 hna hna 282 ISBN 978 974 4 25049 0 bthkhwamniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmul hmayehtu khxaenanaihcdhmwdhmuokhrngihekhakbenuxhakhxngbthkhwam duephimthi wikiphiediy okhrngkarcdhmwdhmuokhrngthiyngimsmburn dkhk