อำมาตย์โท พระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ พรหมสาขา ณ สกลนคร, ต.ช., ต.ม., ร.ป.ช., ร.ป.ฮ., ฯลฯ) หรือเจ้าคุณจัน เจ้าเมืองสกลนครองค์สุดท้าย คนแรก เดิมเป็นที่ราชวงศ์เมืองสกลนครแล้วเลื่อนเป็นที่ อดีตผู้ช่วยราชการและนายกองสักเลกเมืองสกลนคร เป็นผู้ได้รับพระราชทานนามสกุลพรหมสาขา ซึ่งต่อมาทายาทได้รับพระราชทาน ณ สกลนคร ต่อท้าย
พระยาประจันตประเทศธานี ( โง่นคำ พรหมสาขา ณ สกลนคร) | |
---|---|
พระยาประจันตประเทศธานี | |
เกิด | 19 มกราคม พ.ศ. 2382 |
เสียชีวิต | 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 (85 ปี) |
บุตร | 18 คน |
บิดามารดา |
|
บทความนี้อาจต้องเขียนใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เป็นไปตามของวิกิพีเดีย หรือกำลังดำเนินการอยู่ คุณช่วยเราได้ อาจมีข้อเสนอแนะ |
ชาติกำเนิด
อำมาตย์โท พระยาประจันตประเทศธานี นามเดิมว่าท้าวโง่นคำหรือท้าวคำ (บ้างเขียนว่าโหง่นคำ) กำเนิดในตระกูลเจ้านายคณะอาญาที่สืบเชื้อสายจากเจ้านายลาวผู้สร้าง (มหาไซ) และเมืองละแหงคำแพงของล้านช้าง เกิดเมื่อวันอาทิตย์ เดือนยี่ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีกุน เอกศก จ.ศ. ๑๒๐๑ (๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๓๘๒) หลังรัชกาลเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ราว ๑๑ ปี ตรงกับรัชกาลที่ ๓ เป็นบุตรของราชวงศ์ (อิน) เจ้านายคณะอาญาเมืองสกลนครกับยานางเทพ ปู่นามว่า (กิ่งหรือกิ่งหงษา) เจ้านายคณะอาญาเมืองมหาไชยกองแก้ว ทวดเป็นเจ้าเมืองนครพนมนามว่าหรือพระบุรมราชา (พรหมา ต้นตระกูล ฯลฯ) โฮงเดิมของท้าวโง่นคำตั้งอยู่ใกล้วัดแจ้งแสงอรุณในตัวเมืองสกลนคร ครั้งวัยเยาว์ได้เข้าศึกษาอักขระสมัยตามประเพณีพอรู้หนังสือลาวและไทย มีสติปัญญาฉลาดหลักแหลมแต่กำเนิด
พี่น้อง
พระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ) มีพี่น้องรวม ๒๑ คน คือ อำมาตย์โท พระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ), พระบุรีบริรักษ์ (ขี่หรือคลี่), รองอำมาตย์เอก , ท้าวสงกา, ท้าวตูบ, ท้าวเฮ้า (เรา), ท้าวเมา (เสา), ท้าวคำจัน (คำจันทร์), ท้าวชาย (ซาย), นางอุ่น, นางบัวระพัน, นางหมี, นางภู, นางหมู, นางเขียด, นางแก้ว, นางป้อง (ปอง), นางสุพา (สุภา), นางเฟือง, นางเหลือง, นางจันทร์แดง
ขึ้นเป็นเจ้าเมือง
พ.ศ. ๒๔๐๐ เมื่ออายุ ๑๙ ปีได้ทำราชการรับตราตั้งเป็นที่ ต่อมา พ.ศ. ๒๔๑๕ รับพระราชทานเป็นที่ พ.ศ. ๒๔๒๐ รับพระราชทานเป็นที่พระยาประจันตประเทศธานี ศรีสกลานุรักษ์ อรรคเดโชชัยอภัยพิริยากรมพาหุ เจ้าเมืองสกลนคร (องค์สุดท้าย) เนื่องจากหัวเป็นเมืองเอกจึงมีบรรดาศักดิ์เป็น หลังเป็นมณฑลเทศาภิบาลเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๔ จึงดำรงตำแหน่งคนแรก ราชทินนามประจันตประเทศธานีแปลว่าผู้เป็นใหญ่แห่งเมืองชายแดน โดยใช้เป็นนามยศประจำมาแต่ครั้งเจ้านายวงศ์เมืองกาฬสินธุ์เข้ามาปกครองสกลนครก่อนเจ้านายวงศ์ พ.ศ. ๒๔๕๖ ได้รับยศเป็น ส่วนเครื่องราชอิสริยาภรณ์นั้นได้รับพระราชทานมาโดยลำดับและชั้นสูงสุดคือช้างเผือกชั้นที่ ๓ ตริตาภรณ์ และมงกุฎชั้นที่ ๓ ตริตาภรณ์ พร้อมเหรียญปราบฮ่อและเหรียญที่ระลึกในงานต่าง ๆ ตามบรรดาศักดิ์หลายประการ นอกจากการบริหารการเมืองการปกครองและพัฒนาให้เจริญรุ่งเรืองยังปฏิบัติราชการพิเศษหลายครั้ง เช่น ไปราชการคุมทัพที่นครเวียงจันทน์ และทุ่งไหหิน จัดหากองกำลังทหารและเสบียงในเมื่อ ตัดเส้นทางวางสายโทรเลขระหว่างและ ส่งเสบียงและกำลังพลไปหัวเมืองใกล้เคียงเมื่อราชการต้องการ เป็นต้น หลังจัดการหัวเมืองเป็นแล้วพระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ) ได้รับราชการในตำแหน่งตลอดจนชราภาพ สยามจึงโปรดฯ ให้เป็นเมืองเนื่องจากคุ้นเคยราชการเมืองสกลนครมามากไม่มีผู้ใดเหมือน ในท้องที่เมืองนี้ไม่ว่าเสนาบดีเจ้ากระทรวง เมื่อใคร่รู้เรื่องราวกิจการที่เคยมีมาต้องเดินทางมาปรึกษาอยู่เป็นนิตย์
การพระศาสนา
พระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ) เป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งและได้สร้างวัดไว้หลายวัด อาทิ (พระอารามหลวง) (ปัจจุบันคือ ๑) วัดดงมะไฟ เป็นต้น
ผลงาน
เดิมองค์เก่าตั้งท้าวโง่นคำให้เป็นที่ ครั้งนั้นได้นำสักเลกที่ ต่อมาจึงโปรดฯ เลื่อนเป็นที่ ได้คุมไพร่พลเข้าสมทบกองทัพเพื่อรบฮ่อที่ ณ และจนค่ายแตก ไล่ตามจับฮ่อมาถึงบ้านโพนงามและบ้านน้ำเกลี้ยงได้ ๓ คนส่งให้แม่ทัพ ต่อมาโปรดฯ เลื่อนเป็นที่ราชวงศ์และผู้ตามลำดับเพื่อรอเลื่อนขึ้นเป็น ครั้งดำรงตำแหน่งเมืองสกลนครได้คุมไพร่พลเข้าสมทบกองทัพไปถึง ต่อมาราชวงศ์ (อิน) บิดาถึงแก่กรรมจึงให้ (โง่นคำ) กลับมารักษาบ้านเมืองแทน จากนั้นได้แต่งกรมการเมืองส่งเสบียงลำเลียงกองทัพช่วยของ ต่อมาจัดพร้อมกับข้าหลวงไปตั้งอยู่ประตูด่านทางแขวง และลำเลียงเสบียงส่งกองทัพของ เมื่อครั้งรบฮ่อที่ ครั้นเลื่อนเป็นที่พระยาประจันตประเทศธานีแล้วได้จัดกระบือ ๒๑ ตัวส่งให้เพื่อแจกจ่ายแก่พวกทำนา จัดพร้อมกับข้าหลวงขึ้นไปปักหลักด่านทางและตามไปส่งถึง จัดพร้อมกับข้าหลวงขึ้นไปประจำรักษาด่านอยู่และตามไปส่งถึงเป็นครั้งที่สอง รวมส่งเสบียงลำเลียงแก่ข้าหลวงถึง ๓ ครั้ง นอกจากนี้ยังจัดและพาหนะมอบแก่หม่อมหลวงชื่นและข้าหลวงไปทางลำ จัดเพื่อส่งและที่ไปเมืองกาฬสินธุ์ทางหนึ่งและธาตุพนมทางหนึ่ง และจัดส่งพาหนะแก่หม่อมราชวงศ์ชิดและหม่อมราชวงศ์ชื่นไป
พ.ศ. ๒๔๓๖ เกิดศึกสงครามระหว่างฟากโขงฝั่งซ้าย พระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ) จัดให้อุปฮาดเป็นพนักงานเร่งเกวียนโคต่างไปส่งกองทัพที่เมืองนครพนม ให้ราชวงศ์เป็นพนักงานเร่งเรือบรรทุกลำเลียงไปส่งกองทัพที่เมืองมุกดาหารและเขมราฐ ให้ราชบุตรเป็นพนักงานเร่งกำลังและทำลูกกระสุนดินดำ สำรวจปืนอาวุธรวบรวมให้แก่พระวิชิตพลหาญผู้ช่วย พระห้าวหาญ พระจันทวงศ์เทพ ท้าวสุริยวงศ์เข้าไว้ในกองทัพ ให้ราชบุตรเป็นพนักงานทำบัญชีซื้อข้าวของราษฎรมารวมขึ้นฉางไว้สำหรับส่งกองทัพ ให้พระศรีสกุลวงศ์ผู้ช่วย พระขัตติยะ พระวรสาร พระศรีวราช เป็นพนักงานออกไปสำรวจข้าวเมืองขึ้นฉางไว้สำหรับราชการ เสร็จราชการทัพแล้วโปรดฯ ให้ตัดทางสายโทรเลขและปลูกพลับพลาไว้ที่เมืองสกลนคร พระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ) จึงให้ราชบุตร พระวิชิตพลหาญผู้ช่วย คุมไพร่ปลูกพลับพลา ให้พระขัตติยะเป็นพนักงานคุมไพร่ตัดทางสายโทรเลขตั้งแต่เมืองสกลนครถึงพรรณานิคม ให้พระวรสารเป็นพนักงานตัดทางสายโทรเลขจากเมืองพรรณานิคมถึงบ้านพันนา และให้พระศรีสกุลวงศ์ผู้ช่วยคุมไพร่ตัดทางสายโทรเลขตั้งแต่บ้านพันนาถึงเมืองหนองหาน ต่อมา พ.ศ. ๒๔๒๔ ได้นำราชบรรณาการลงไปถวายเพื่อสมโภชพระนครที่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๔๔๐ ลงไปรับเสด็จรัชกาลที่ ๕ หลังเสด็จกลับจากประพาสยุโรปครั้งแรก ครั้นสยามจัดการหัวเมืองเป็นระบบมณฑลเทศาภิบาลโดยยกเลิกตำแหน่งเจ้าเมืองและเจ้านายในคณะอาญาแล้วพระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ) จึงรับราชการในตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองตลอดมาจนชราจึงโปรดฯ ให้เป็นที่ปรึกษาราชการเมือง โดยหาได้แสดงความไม่พึงพอใจหรือขัดขืนเหมือนบรรดาเจ้าเมืองหัวเมืองลาวอื่น ๆ
ถึงแก่อนิจกรรม
พระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ) ป่วยด้วยและถึงแก่อนิจกรรมเมื่อ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ สิริรวมอายุ ๘๕ ปี รวมระยะเวลาเข้ารับราชการ ๖๖ ปี โดยรับราชการฝ่ายบริหารและรวม ๕๑ ปี ดำรงตำแหน่งสกลนครรวม ๓๗ ปี
ภริยาและบุตร
พระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ) มีภริยาหลายคนแต่สืบได้บางท่านคือ
๑. คุณหญิงสุวรรณ มีบุตรชายหญิง ๗ คน คือ
๑) ท้าวพัง
๒) ท้าวอรดี ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระวิเศษสกลกิจ
๓) ท้าวนรกา ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นหลวงสกลนครานุการ
๔) นางหน่อแก้ว
๕) นางจันทโครบ
๖) นางศรีสมยศ
๗) นางทองคาย
๒. ยาแม่วัย มีบุตรธิดา ๕ คน คือ
๑) ท้าวสิงห์ ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นท้าวบุตรราช
๒) ท้าวสังข์ ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นหลวงนรานุรักษ์
๓) ท้าวเส ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นหลวงพิจารณ์อักษร
๔) นางโสภา
๕) นางจันทร์
๓. ไม่ปรากฏนาม มีบุตร ๑ คน คือ
๑) ท้าวโท
๔. ไม่ปรากฏนาม มีบุตร ๑ คน คือ
๑) ท้าวบัวคำ ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นหลวงวิวัฒสุรกิจ
๕. คุณหญิงกาสี มีธิดา ๒ คน คือ
๑) นางแขว้งคำ
๒) นางประถม (ตุ้ย)
๖. หม่อมบัวศรี (ภรรยาคนที่3) อยู่เมืองจำปา(บ้านนาเหมือง)เสียชีวิตเมื่ออายุ130ปี มีธิดา ๒ คน คือ
๑) นางสอน คุณยายสอนแต่งงานกับลูกอุปฮาดเมืองจำปา (บ้านนาเมือง)สามีคนแรก มีลูก3 คน คือลุงโฮม ลุงรส ยายเรีย หลังจากสามีคนแรกเสียชีวิต จึงได้แต่งงานกับสามีคนที่สองคือขุนศักดาและมีลูก3 คน คือ ยายหริ่ง นางเขียน นายสัมพันธ์
นางสอนมีหลานเหลนที่เหลือพอจะนับได้ดังนี้ 1.คุณยายทองใส นิลจินดา (ลูกยายหริ่ง)หอพักลดาวัลย์ สกลนครเสียชีวิต 2. พันตรีประเสริฐ (ลูกยายหริ่ง)เสียชีวิต 3. คุณยายวิไล สาขามุระ ม่วงไข่(ลูกยายหริ่ง) เสียชีวิต 4. ตาพลับ(ลูกลุงโฮมกับภรรนาคนแรก) มีลูก4 คน ชื่อ เต๊าะ ต๊อก . . 5. ตาเหลือเป็นนายตำรวจ(ลูกลุงโฮมกับภรรนาคนแรก) 6. ยายดอน พังโคน (ลูกลุงโฮม) เสียชีวิต 7. ยายทอนศรี ศรีประทุมวงค์ พังโคน(ลูกลุงโฮม) 8. นายเทนีย พังโคน (ลูกลุงโฮม) เสียชีวิต 9. นายสมบูรณ์ รัตนกร พังโคน (ลูกลุงโฮม) เสียชีวิต 10. ลุงอี๊ด(ลูกลุงรส)แต่งงานกับป้าสิ่ง เป็นพ่อของวิเชียร ฉวีวรรณ จี น้อย อ้วน บึ้ม สมหวัง ปุ้ม 11. ยายพิศบูรณ์(ลูกลุงรส)แต่งงานกับนายช่อ บุตรชาติ สามีคนแรก อำเภอพังโคนเป็นแม่ของ เฉลิมชัย(สมุทรปราการ) เสียชีวิต และสมรสกับสามีคนที่สองชช่ือกำนันสุพจน์ เกื้อทาน พังโคน และมีลูกชื่อกาญจนา(กรุงเทพฯ)เสียชีวิต 12. ยายสุดรำไพ นิกาญจน์กูล(ซะ)(ลูกลุงรส)แต่งงานกับชนะ นิกาญจน์กูล 13. นายสวรรค์(ลูกลุงรส)มีลูกชื่อ นาง ทอง ตั๋น แหม่ม ตุ๊ 14. นายศาสตร์ (ลูกลุงรส)ลูกช่ือ ชู แดง . 15. ยายยุ (ลูกยายเรีย)เสียชีวิต 16.พันโท สุดใจ ศรีสำราญ (ลูกยายเรีย) หัวหิน เสียชีวิต 17 มาลัย ศรีสำราญ (ลูกยายเรีย) กรุงเทพ 18. พิชิต ทัศคร(ลูกยายเขียน) มีลูกชื่อ แอ้ อาด อีด 19. นายเฉลิมชัย ทัศคร(ลูกยายเขียน) มีลูกชื่อ แดงใหญ่ ตุ้ม นาย. 20. ยายละเอียด ทามณี (ลูกยายเขียน สมรสกับนายสัมฤทธิ์ ทัศคร) พังโคนมีลูกชื่อ รณฤทธิ์ ยุพวรรณ จันทิราภรณ์ 21. นายบรรลือ วงศ์ประทุม(ลูกนายสัมพันธ์)
๒) นางสน แต่งงานกับนาย ผละ มีลูกชื่อยายหมาน้อย ยายหมาน้อยมีลูกชื่อทองสุก ชื่อเก้า ชื่อสิบ บ้านอยู่สะพานหิน ทางเข้าสกลนคร
พระราชทานนามสกุล
สกุลพรหมสาขา
รัชกาลที่ ๖ โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุลแก่พระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ) ตามประกาศว่า ...ประกาศพระราชทานนามสกุลครั้งที่ ๑๗ พระเจ้าบรมวงษ์เธอ เสนาบดีกระทรวงมุรธาธรขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขนานนามสกุลพระราชทานแก่ผู้ที่ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานเป็นครั้งที่ ๑๗ มีรายนามดังต่อไปนี้ กระทรวงมหาดไทย ฯลฯ ๑๓๖๘ พระยาจันตประเทศธานี (โง่นคำ) พระราชทานนามสกุลว่า "พรหมสาขา" (Brahmasakha) ฯลฯ ประกาศมา ณ วันที่ ๖ มิถุนายน พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ (ลงพระนาม) นเรศวรวรฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวงมุรธาธร รับพระบรมราชโองการ...
สกุลพรหมสาขา ณ สกลนคร
ภายหลังจากพระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ) ถึงแก่อนิจกรรม ทายาทบุตรหลานซึ่งสืบเชื้อสายเจ้าเมืองสกลนครทั้งหมดเห็นควรว่าสกุลเดิมที่พระราชทานมานั้นควรเอาแบบอย่างราชธรรมเนียมการพระราชทานชื่อเมืองต่อท้าย เนื่องด้วยบรรพบุรุษเป็นเจ้าเมืองมาก่อน ดังนั้นรัชกาลที่ ๖ จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามเมืองต่อท้ายสกุลเดิมตามที่ขอมาว่า ...ประกาศ มหาเสวกโท พระยาราชสาสนโสภณ รับพระบรมราชโองการเหนือเกล้าฯ ให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า นามสกุล พรหมสาฃา ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่ อำมาตย์โท พระยาจันตประเทศธานีศรีสกลานุรักษ์ (โง่นคำ) นั้น บัดนี้ บุตรหลานพระยาจันตประเทศธานี มีรองอำมาตย์เอก พระวิชิตพลหาร กรมการพิเศษจังหวัดสกลนคร ๑ รองอำมาตย์เอก พระพิทักษ์ถานกิจ กรมการพิเศษจังหวัดสกลนคร ๑ รองอำมาตย์เอก ขุนศรีนครานุรักษ์ นาย ๑ รองอำมาตย์โท ขุนหิรัญรักษา คลังจังหวัดนครพนม ๑ รองอำมาตย์ตรี ขุนวิวัฒสุรกิจ นายอำเภอน้ำพอง ๑ รองอำมาตย์ตรี หลวงพิจารณ์อักษร ปลัดขวาอำเภอพรรณานิคม ๑ รองอำมาตย์ตรี ขุนถิระมัยสิทธิการ ปลัดขวา ๑ รองอำมาตย์ตรี ขุนจำรูญราชธนากร ศุภมาตราจังหวัดสกลนคร ๑ และ นายวรดี พรหมสาขา เนติบัณฑิตย์ รวม ๙ คน ได้ทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือกราบบังคมทูลพระกรุณาว่าบรรพบุรุษของพระยาจันตประเทศธานี (โง่นคำ) ได้เป็นเจ้าเมืองสกลนครต่อๆ กันมาแต่รัชกาลที่ ๓ รวมประมาณเวลาได้ ๘๕ ปีเศษ เริ่มแต่ พระยาจันตประเทศธานี (โง่นคำ) ได้ปกครองจังหวัดสกลนครมาโดยความเรียบร้อย และได้ทนุบำรุงให้มีความเจริญตลอดมาจนทุกวันนี้ ใคร่จะขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเพิ่มคำ ณ สกลนคร ต่อท้ายนามสกุลตามที่กล่าวมาแล้วนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ ณ สกลนคร ต่อท้ายนามสกุล พรหมสาขา เป็น พรหมสาขา ณ สกลนคร ตั้งแต่วันประกาศนี้ ประกาศมา ณ วันที่ ๔ สิงหาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๗...
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. ๒๔๕๐ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฎ – เหรียญปราบฮ่อ (ร.ป.ฮ.)
ราชตระกูล
พงศาวลีของพระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ พรหมสาขา ณ สกลนคร) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- ประกาศพระราชทานนามสกุล ครั้งที่ ๑๗ (ลำดับที่ ๑๓๖๕ ถึงลำดับที่ ๑๔๓๒)
- เส พรหมสาขา ณ สกลนคร, บันทึกเหตุการณ์ของเมืองสกลนครฉบับสำนักหลวงพิจารณ์อักษร, น. ๗-๑๓/๕๑.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-18. สืบค้นเมื่อ 2016-02-10.
- http://webcache.googleusercontent.com/search เก็บถาวร 2012-11-30 ที่ ?
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-01-05. สืบค้นเมื่อ 2011-09-26.
- คัดจากหนังสือราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓๑ หน้า ๕๙๓ ลงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๔๕๗
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-18. สืบค้นเมื่อ 2016-02-12.
- ส่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไปพระราชทาน
แหล่งข้อมูลอื่น
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xamatyoth phrayapracntpraethsthani ongnkha phrhmsakha n sklnkhr t ch t m r p ch r p h l hruxecakhuncn ecaemuxngsklnkhrxngkhsudthay khnaerk edimepnthirachwngsemuxngsklnkhraelweluxnepnthi xditphuchwyrachkaraelanaykxngskelkemuxngsklnkhr epnphuidrbphrarachthannamskulphrhmsakha sungtxmathayathidrbphrarachthan n sklnkhr txthayphrayapracntpraethsthani ongnkha phrhmsakha n sklnkhr phrayapracntpraethsthaniekid19 mkrakhm ph s 2382esiychiwit21 phvsphakhm ph s 2466 85 pi butr18 khnbidamardaecarachwngsxin hrux cnthr bida nangethph marda bthkhwamnixactxngekhiynihmthnghmdephuxihepniptammatrthankhunphaphkhxngwikiphiediy hruxkalngdaeninkarxyu khunchwyeraid xacmikhxesnxaenachatikaenidxamatyoth phrayapracntpraethsthani namedimwathawongnkhahruxthawkha bangekhiynwaohngnkha kaenidintrakulecanaykhnaxayathisubechuxsaycakecanaylawphusrang mhais aelaemuxnglaaehngkhaaephngkhxnglanchang ekidemuxwnxathity eduxnyi khun 15 kha pikun exksk c s 1201 19 mkrakhm ph s 2382 hlngrchkalecaxnuwngsaehngewiyngcnthnraw 11 pi trngkbrchkalthi 3 epnbutrkhxngrachwngs xin ecanaykhnaxayaemuxngsklnkhrkbyanangethph punamwa kinghruxkinghngsa ecanaykhnaxayaemuxngmhaichykxngaekw thwdepnecaemuxngnkhrphnmnamwahruxphraburmracha phrhma tntrakul l ohngedimkhxngthawongnkhatngxyuiklwdaecngaesngxrunintwemuxngsklnkhr khrngwyeyawidekhasuksaxkkhrasmytampraephniphxruhnngsuxlawaelaithy mistipyyachladhlkaehlmaetkaenidphinxngphrayapracntpraethsthani ongnkha miphinxngrwm 21 khn khux xamatyoth phrayapracntpraethsthani ongnkha phraburibrirks khihruxkhli rxngxamatyexk thawsngka thawtub thaweha era thawema esa thawkhacn khacnthr thawchay say nangxun nangbwraphn nanghmi nangphu nanghmu nangekhiyd nangaekw nangpxng pxng nangsupha supha nangefuxng nangehluxng nangcnthraedngkhunepnecaemuxngph s 2400 emuxxayu 19 piidtharachkarrbtratngepnthi txma ph s 2415 rbphrarachthanepnthi ph s 2420 rbphrarachthanepnthiphrayapracntpraethsthani srisklanurks xrrkhedochchyxphyphiriyakrmphahu ecaemuxngsklnkhr xngkhsudthay enuxngcakhwepnemuxngexkcungmibrrdaskdiepn hlngepnmnthlethsaphibalemux ph s 2444 cungdarngtaaehnngkhnaerk rachthinnampracntpraethsthaniaeplwaphuepnihyaehngemuxngchayaedn odyichepnnamyspracamaaetkhrngecanaywngsemuxngkalsinthuekhamapkkhrxngsklnkhrkxnecanaywngs ph s 2456 idrbysepn swnekhruxngrachxisriyaphrnnnidrbphrarachthanmaodyladbaelachnsungsudkhuxchangephuxkchnthi 3 tritaphrn aelamngkudchnthi 3 tritaphrn phrxmehriyyprabhxaelaehriyythiralukinngantang tambrrdaskdihlayprakar nxkcakkarbriharkaremuxngkarpkkhrxngaelaphthnaihecriyrungeruxngyngptibtirachkarphiesshlaykhrng echn iprachkarkhumthphthinkhrewiyngcnthn aelathungihhin cdhakxngkalngthharaelaesbiynginemux tdesnthangwangsayothrelkhrahwangaela sngesbiyngaelakalngphliphwemuxngiklekhiyngemuxrachkartxngkar epntn hlngcdkarhwemuxngepnaelwphrayapracntpraethsthani ongnkha idrbrachkarintaaehnngtlxdcnchraphaph syamcungoprd ihepnemuxngenuxngcakkhunekhyrachkaremuxngsklnkhrmamakimmiphuidehmuxn inthxngthiemuxngniimwaesnabdiecakrathrwng emuxikhrrueruxngrawkickarthiekhymimatxngedinthangmapruksaxyuepnnitykarphrasasnaphrayapracntpraethsthani ongnkha epnphueluxmisinphraphuththsasnaxyangyingaelaidsrangwdiwhlaywd xathi phraxaramhlwng pccubnkhux 1 wddngmaif epntnphlnganedimxngkhekatngthawongnkhaihepnthi khrngnnidnaskelkthi txmacungoprd eluxnepnthi idkhumiphrphlekhasmthbkxngthphephuxrbhxthi n aelacnkhayaetk iltamcbhxmathungbanophnngamaelabannaekliyngid 3 khnsngihaemthph txmaoprd eluxnepnthirachwngsaelaphutamladbephuxrxeluxnkhunepn khrngdarngtaaehnngemuxngsklnkhridkhumiphrphlekhasmthbkxngthphipthung txmarachwngs xin bidathungaekkrrmcungih ongnkha klbmarksabanemuxngaethn caknnidaetngkrmkaremuxngsngesbiynglaeliyngkxngthphchwykhxng txmacdphrxmkbkhahlwngiptngxyupratudanthangaekhwng aelalaeliyngesbiyngsngkxngthphkhxng emuxkhrngrbhxthi khrneluxnepnthiphrayapracntpraethsthaniaelwidcdkrabux 21 twsngihephuxaeckcayaekphwkthana cdphrxmkbkhahlwngkhunippkhlkdanthangaelatamipsngthung cdphrxmkbkhahlwngkhunippracarksadanxyuaelatamipsngthungepnkhrngthisxng rwmsngesbiynglaeliyngaekkhahlwngthung 3 khrng nxkcakniyngcdaelaphahnamxbaekhmxmhlwngchunaelakhahlwngipthangla cdephuxsngaelathiipemuxngkalsinthuthanghnungaelathatuphnmthanghnung aelacdsngphahnaaekhmxmrachwngschidaelahmxmrachwngschunip ph s 2436 ekidsuksngkhramrahwangfakokhngfngsay phrayapracntpraethsthani ongnkha cdihxuphadepnphnknganerngekwiynokhtangipsngkxngthphthiemuxngnkhrphnm ihrachwngsepnphnknganerngeruxbrrthuklaeliyngipsngkxngthphthiemuxngmukdaharaelaekhmrath ihrachbutrepnphnknganerngkalngaelathalukkrasundinda sarwcpunxawuthrwbrwmihaekphrawichitphlhayphuchwy phrahawhay phracnthwngsethph thawsuriywngsekhaiwinkxngthph ihrachbutrepnphnknganthabychisuxkhawkhxngrasdrmarwmkhunchangiwsahrbsngkxngthph ihphrasriskulwngsphuchwy phrakhttiya phrawrsar phrasriwrach epnphnknganxxkipsarwckhawemuxngkhunchangiwsahrbrachkar esrcrachkarthphaelwoprd ihtdthangsayothrelkhaelaplukphlbphlaiwthiemuxngsklnkhr phrayapracntpraethsthani ongnkha cungihrachbutr phrawichitphlhayphuchwy khumiphrplukphlbphla ihphrakhttiyaepnphnkngankhumiphrtdthangsayothrelkhtngaetemuxngsklnkhrthungphrrnanikhm ihphrawrsarepnphnkngantdthangsayothrelkhcakemuxngphrrnanikhmthungbanphnna aelaihphrasriskulwngsphuchwykhumiphrtdthangsayothrelkhtngaetbanphnnathungemuxnghnxnghan txma ph s 2424 idnarachbrrnakarlngipthwayephuxsmophchphrankhrthikrungethphmhankhr ph s 2440 lngiprbesdcrchkalthi 5 hlngesdcklbcakpraphasyuorpkhrngaerk khrnsyamcdkarhwemuxngepnrabbmnthlethsaphibalodyykeliktaaehnngecaemuxngaelaecanayinkhnaxayaaelwphrayapracntpraethsthani ongnkha cungrbrachkarintaaehnngphuwarachkaremuxngtlxdmacnchracungoprd ihepnthipruksarachkaremuxng odyhaidaesdngkhwamimphungphxichruxkhdkhunehmuxnbrrdaecaemuxnghwemuxnglawxun thungaekxnickrrmphrayapracntpraethsthani ongnkha pwydwyaelathungaekxnickrrmemux 21 phvsphakhm ph s 2466 sirirwmxayu 85 pi rwmrayaewlaekharbrachkar 66 pi odyrbrachkarfaybriharaelarwm 51 pi darngtaaehnngsklnkhrrwm 37 piphaphhmukharachkarradbsung radbphuwarachkaremuxnginphakhxisan hxohnghruxeruxnecaemuxng ichepnthiwarachkarnganemuxnginsmynnphriyaaelabutrphrayapracntpraethsthani ongnkha miphriyahlaykhnaetsubidbangthankhux 1 khunhyingsuwrrn mibutrchayhying 7 khn khux 1 thawphng 2 thawxrdi idrbbrrdaskdiepnphrawiesssklkic 3 thawnrka idrbbrrdaskdiepnhlwngsklnkhranukar 4 nanghnxaekw 5 nangcnthokhrb 6 nangsrismys 7 nangthxngkhay 2 yaaemwy mibutrthida 5 khn khux 1 thawsingh idrbbrrdaskdiepnthawbutrrach 2 thawsngkh idrbbrrdaskdiepnhlwngnranurks 3 thawes idrbbrrdaskdiepnhlwngphicarnxksr 4 nangospha 5 nangcnthr 3 impraktnam mibutr 1 khn khux 1 thawoth 4 impraktnam mibutr 1 khn khux 1 thawbwkha idrbbrrdaskdiepnhlwngwiwthsurkic 5 khunhyingkasi mithida 2 khn khux 1 nangaekhwngkha 2 nangprathm tuy 6 hmxmbwsri phrryakhnthi3 xyuemuxngcapa bannaehmuxng esiychiwitemuxxayu130pi mithida 2 khn khux 1 nangsxn khunyaysxnaetngngankblukxuphademuxngcapa bannaemuxng samikhnaerk miluk3 khn khuxlungohm lungrs yayeriy hlngcaksamikhnaerkesiychiwit cungidaetngngankbsamikhnthisxngkhuxkhunskdaaelamiluk3 khn khux yayhring nangekhiyn naysmphnth nangsxnmihlanehlnthiehluxphxcanbiddngni 1 khunyaythxngis nilcinda lukyayhring hxphkldawly sklnkhresiychiwit 2 phntripraesrith lukyayhring esiychiwit 3 khunyaywiil sakhamura mwngikh lukyayhring esiychiwit 4 taphlb luklungohmkbphrrnakhnaerk miluk4 khn chux etaa txk 5 taehluxepnnaytarwc luklungohmkbphrrnakhnaerk 6 yaydxn phngokhn luklungohm esiychiwit 7 yaythxnsri sriprathumwngkh phngokhn luklungohm 8 nayethniy phngokhn luklungohm esiychiwit 9 naysmburn rtnkr phngokhn luklungohm esiychiwit 10 lungxid luklungrs aetngngankbpasing epnphxkhxngwiechiyr chwiwrrn ci nxy xwn bum smhwng pum 11 yayphisburn luklungrs aetngngankbnaychx butrchati samikhnaerk xaephxphngokhnepnaemkhxng echlimchy smuthrprakar esiychiwit aelasmrskbsamikhnthisxngchchuxkannsuphcn ekuxthan phngokhn aelamilukchuxkaycna krungethph esiychiwit 12 yaysudraiph nikaycnkul sa luklungrs aetngngankbchna nikaycnkul 13 nayswrrkh luklungrs milukchux nang thxng tn aehmm tu 14 naysastr luklungrs lukchux chu aedng 15 yayyu lukyayeriy esiychiwit 16 phnoth sudic srisaray lukyayeriy hwhin esiychiwit 17 maly srisaray lukyayeriy krungethph 18 phichit thskhr lukyayekhiyn milukchux aex xad xid 19 nayechlimchy thskhr lukyayekhiyn milukchux aedngihy tum nay 20 yaylaexiyd thamni lukyayekhiyn smrskbnaysmvththi thskhr phngokhnmilukchux rnvththi yuphwrrn cnthiraphrn 21 naybrrlux wngsprathum luknaysmphnth 2 nangsn aetngngankbnay phla milukchuxyayhmanxy yayhmanxymilukchuxthxngsuk chuxeka chuxsib banxyusaphanhin thangekhasklnkhrphrarachthannamskulskulphrhmsakha rchkalthi 6 oprdekla phrarachthannamskulaekphrayapracntpraethsthani ongnkha tamprakaswa prakasphrarachthannamskulkhrngthi 17 phraecabrmwngsethx esnabdikrathrwngmurthathrkhxprakasihthrabthwknwa idthrngphrakrunaoprdekla khnannamskulphrarachthanaekphuthiidkrabbngkhmthulphrakrunakhxphrarachthanepnkhrngthi 17 miraynamdngtxipni krathrwngmhadithy l 1368 phrayacntpraethsthani ongnkha phrarachthannamskulwa phrhmsakha Brahmasakha l prakasma n wnthi 6 mithunayn phraphuththskrach 2457 lngphranam nerswrwrvththi esnabdikrathrwngmurthathr rbphrabrmrachoxngkar skulphrhmsakha n sklnkhr phayhlngcakphrayapracntpraethsthani ongnkha thungaekxnickrrm thayathbutrhlansungsubechuxsayecaemuxngsklnkhrthnghmdehnkhwrwaskuledimthiphrarachthanmannkhwrexaaebbxyangrachthrrmeniymkarphrarachthanchuxemuxngtxthay enuxngdwybrrphburusepnecaemuxngmakxn dngnnrchkalthi 6 cungoprdekla phrarachthannamemuxngtxthayskuledimtamthikhxmawa prakas mhaeswkoth phrayarachsasnosphn rbphrabrmrachoxngkarehnuxekla ihprakasihthrabthwknwa namskul phrhmsakha sungidthrngphrakrunaoprdekla phrarachthanaek xamatyoth phrayacntpraethsthanisrisklanurks ongnkha nn bdni butrhlanphrayacntpraethsthani mirxngxamatyexk phrawichitphlhar krmkarphiesscnghwdsklnkhr 1 rxngxamatyexk phraphithksthankic krmkarphiesscnghwdsklnkhr 1 rxngxamatyexk khunsrinkhranurks nay 1 rxngxamatyoth khunhiryrksa khlngcnghwdnkhrphnm 1 rxngxamatytri khunwiwthsurkic nayxaephxnaphxng 1 rxngxamatytri hlwngphicarnxksr pldkhwaxaephxphrrnanikhm 1 rxngxamatytri khunthiramysiththikar pldkhwa 1 rxngxamatytri khuncaruyrachthnakr suphmatracnghwdsklnkhr 1 aela naywrdi phrhmsakha entibnthity rwm 9 khn idthulekla thwayhnngsuxkrabbngkhmthulphrakrunawabrrphburuskhxngphrayacntpraethsthani ongnkha idepnecaemuxngsklnkhrtx knmaaetrchkalthi 3 rwmpramanewlaid 85 piess erimaet phrayacntpraethsthani ongnkha idpkkhrxngcnghwdsklnkhrmaodykhwameriybrxy aelaidthnubarungihmikhwamecriytlxdmacnthukwnni ikhrcakhxphrarachthanphrabrmrachanuyatephimkha n sklnkhr txthaynamskultamthiklawmaaelwnn thrngphrakrunaoprdekla phrarachthanphrabrmrachanuyatihich n sklnkhr txthaynamskul phrhmsakha epn phrhmsakha n sklnkhr tngaetwnprakasni prakasma n wnthi 4 singhakhm phraphuththskrach 2467 ekhruxngrachxisriyaphrnph s 2450 ekhruxngrachxisriyaphrnxnepnthiechidchuyingchangephuxk chnthi 3 tritaphrnchangephuxk t ch ph s imprakt ekhruxngrachxisriyaphrnxnmiekiyrtiysyingmngkudithy chnthi 3 tritaphrnmngkudithy t m ph s imprakd ehriyyprabhx r p h rachtrakulphngsawlikhxngphrayapracntpraethsthani ongnkha phrhmsakha n sklnkhr phraburmracha kuaekw ecaemuxngnkhrphnm phusrangemuxngmhachykxngaekw phraburmracha phrhma ecaemuxngnkhrphnm imprakt xuphadphranakhi kinghngsa emuxngmhachykxngaekw imprakt rachwngs xinthr emuxngsklnkhr imprakt phrayapracntpraethsthani ohngnkha ecaemuxngsklnkhr yanangethph xangxingprakasphrarachthannamskul khrngthi 17 ladbthi 1365 thungladbthi 1432 es phrhmsakha n sklnkhr bnthukehtukarnkhxngemuxngsklnkhrchbbsankhlwngphicarnxksr n 7 13 51 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 03 18 subkhnemux 2016 02 10 http webcache googleusercontent com search ekbthawr 2012 11 30 thi khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2009 01 05 subkhnemux 2011 09 26 khdcakhnngsuxrachkiccanuebksa elm 31 hna 593 lngwnthi 14 mithunayn 2457 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 03 18 subkhnemux 2016 02 12 sngekhruxngrachxisriyaphrnipphrarachthanaehlngkhxmulxunhttp kanchanapisek or th kp8 culture sgk file1 pe4 html 2009 01 05 thi ewyaebkaemchchin bthkhwamchiwprawtiniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk