สงครามสยาม-เวียดนาม พ.ศ. 2327 เป็นสงครามความขัดแย้งระหว่างสยามรัตนโกสินทร์ในช่วงต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก กับเวียดนาม (Tây Sơn dynasty) ในประเด็นเรื่องการสนับสนุนเหงียนฟุกอั๊ญ (Nguyễn Phúc Ánh) หรือ"องเชียงสือ" ให้กลับไปครอบครองเมืองไซ่ง่อนดังเดิม ฝ่ายสยามยกทัพเข้าโจมตีเวียดนามภาคใต้ นำไปสู่การรบที่สักเกิ่ม-สว่ายมุ๊ต (Battle of Rạch Gầm-Xoài Mút) ในพ.ศ. 2328 ซึ่งฝ่ายเวียดนามเตยเซินสามารถเอาชนะทัพฝ่ายสยามได้
สงครามสยาม-เวียดนาม พ.ศ. 2327 | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามสยาม-เวียดนาม | |||||||
การรบที่สักเกิ่ม-สว่ายมุ๊ต (พิพิธภัณฑ์กวนชุนภูพงศ์ ณ ไทเซิน) | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
อาณาจักรรัตนโกสินทร์ (สยาม) อาณาจักรกัมพูชา ตระกูลเหงียน | (เวียดนาม) | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ พระยาวิชิตณรงค์ เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (แบน) เหงียน ฟุก อั๊ญ (Nguyễn Phúc Ánh) เจิว วัน เตี๊ยป (Châu Văn Tiếp) † เล วัน เกวิน (Lê Văn Quân) | พระเจ้าท้ายดึ๊ก เหงียนญัค (Nguyễn Nhạc) เหงียน เหวะ (Nguyễn Huệ) เจือง วัน ดา (Trương Văn Đa) | ||||||
กำลัง | |||||||
มากกว่า 50,000 คน | 35,200 คน |
เหตุการณ์นำ
สงครามเมืองห่าเตียน
หลังการล่มสลายของราชวงศ์หมิง ชายชาวจีนกวางตุ้งชื่อว่าหมักกิ๋ว (鄚玖, Mạc Cửu) หรือม่อจิ่ว (พินอิน: Mò Jiǔ) จากเมืองเหลยโจว (雷州, Léi Zhōu) มณฑลกวางตุ้ง ไม่ต้องการอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ชิง จึงเดินทางอพยพมายังเมืองพนมเปญของอาณาจักรกัมพูชาในพ.ศ. 2241 ขณะนั้นมีพ่อค้าชาวจีนและญวนมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองเปียม (เขมร: ពាម) แปลว่า ปากน้ำ หมายถึง ปากน้ำเมืองบันทายมาศ ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งของอาณาจักรกัมพูชาอยู่ด้านใน เมือง"บันทายมาศ"และเมือง"เปียมบันทายมาศ"หรือ"ปากน้ำพุทไธมาศ"นี้เป็นคนละเมืองกัน แต่พงศาวดาวไทยมักเรียกเมืองเปียมบันทายมาศนี้ว่าเมืองบันทายมาศหรือพุทไธมาศด้วยสับสนว่าเป็นเมืองเดียวกัน หมักเก๋าเปิดบ่อนเบี้ยของตนเองขึ้นที่เมืองเปียมบันทายมาศ หรือเรียกเป็นภาษาเวียดนามว่าเมืองห่าเตียน (河仙 Hà Tiên) จนหมักเก๋ามีรายได้ร่ำรวย และได้รับการแต่งตั้งจากกษัตริย์กัมพูชาเป็นที่ยศตำแหน่งขุนนาง"ออกญา" หมักเก๋ามีอำนาจปกครองชาวจีนและชาวญวนในเมืองห่าเตียน นำไปสู่การกำเนิดของราชรัฐห่าเตียน หมักเก๋าเข้าสวามิภักดิ์ต่อเจ้าญวนใต้เหงียนฟุกจู (Nguyễn Phúc Chu 阮福淍) ในพ.ศ. 2251 เหงียนฟุกจูแต่งตั้งให้หมักเก๋าเป็นเจ้าเมืองห่าเตียน (Hà Tiên 河仙) หรือเมืองเปียมบันทายมาศ เมื่อหมักเก๋าถึงแก่กรรมในพ.ศ. 2278 หมักเทียนตื๊อ (Mạc Thiên Tứ) หรือม่อซื่อหลิน (莫士麟 พินอิน: Mò Shìlín) บุตรชายของหมักเก๋าขึ้นเป็นเจ้าเมืองห่าเตียนคนต่อมา
หลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองในพ.ศ. 2310 เจ้านายในราชวงศ์บ้านพลูหลวงสองพระองค์ได้แก่ เจ้าศรีสังข์ ซึ่งเป็นพระโอรสในเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) ได้รับความช่วยเหลือจากบาทหลวงฝรั่งเศสให้เสด็จลี้ภัยมายังเมืองห่าเตียน จากนั้นจึงเสด็จลี้ภัยต่อไปยังเมืองอุดงของกัมพูชา อีกพระองค์หนึ่งคือเจ้าจุ้ย พระโอรสในเจ้าฟ้าอภัย (ซึ่งเป็นพระโอรสในพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ) เสด็จหลบหนีมาประทับที่เมืองห่าเตียน ในพ.ศ. 2312 ในขณะที่สมเด็จพระเจ้าตากสินกำลังเสด็จยกทัพลงไปปราบชุมนุมนครศรีธรรมราชนั้น หมักเทียนตื๊อได้มอบหมายให้หลานชายของตนยกทัพเรือเข้ามาโจมตีเมืองจันทบุรีและเมืองทุ่งใหญ่ (ตราด)
ในพ.ศ. 2314 สมเด็จพระเจ้าตากสินมีพระราชโองการให้แต่งทัพเรือเข้าโจมตีเมืองพุทไธมาศ หรือห่าเตียน นำไปสู่สงครามสยาม-เวียดนาม พ.ศ. 2314 เพื่อปราบหมักเทียนตื๊อเจ้าเมืองห่าเตียน และเพื่อค้นหาองค์เจ้าศรีสังข์และเจ้าจุ้ย โดยมีพระราชโองการให้พระยาพิพิธ (ตั้งเลี้ยง 陳聯 หรือ เฉินเหลียน พินอิน: Chén Lián) ซึ่งว่าที่โกษาธิบดี ยกทัพเรือเข้าโจมตีเมืองพุทไธมาศ พระยาพิพิธ (ตั้งเลี้ยง) สามารถเข้ายึดเมืองพุทไธมาศได้สำเร็จ หมักเทียนตื๊อหลบหนีไปยังโจดก (Châu Đốc 朱篤) สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงแต่งตั้งให้พระยาพิพิธ (ตั้งเลี้ยง) ขึ้นเป็นพระยาราชาเศรษฐี เจ้าเมืองพุทไธมาศ ได้รับสมยานามว่า “พระยาราชาเศรษฐีจีน” ในขณะที่หมักเทียนตื๊อได้รับสมยานามว่า "พระยาราชาเศรษฐีญวน" ต่อมาเจ้าญวนใต้เหงียนฟุกถ่วน (Nguyễn Phúc Thuần 阮福淳) ส่งทัพญวนมาช่วยเหลือหมักเทียนตื๊อจนสามารถรวบรวมกำลังกลับเข้ามายึดเมืองพุทไธมาศหรือห่าเตียนคืนได้สำเร็จในพ.ศ. 2315 พระยาราชาเศรษฐี (ตั้งเลี้ยง) ยกทัพกลับขึ้นยึดเมืองพุทไธมาศได้อีกครั้ง สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงเห็นว่าเมืองพุทไธมาศรักษาไว้ได้ยาก จึงมีพระราชโองการให้พระยาราชาเศรษฐี (ตั้งเลี้ยง) กวาดต้อนชาวเมืองพุทไธมาศห่าเตียนเลิกทัพกลับมายังกรุงธนบุรี ฝ่ายหมักเทียนตื๊ออดีตเจ้าเมืองห่าเตียนยังคงตั้งมั่นอยู่ในเวียดนามภาคใต้ต่อมา
กบฏเตยเซิน องเชียงสือลี้ภัย
ในพ.ศ. 2314 ปีเดียวกันกับที่สมเด็จพระเจ้าตากสินเสด็จยกทัพเข้าโจมตีเมืองห่าเตียนนั้น เกิดกบฏเตยเซิน (Tây Sơn, 西山) หรือกบฏไกเซินขึ้น นำโดยสามพี่น้องตระกูลเหงียนวันได้แก่ เหงียนวันญัค หรือเหงียนญัค (Nguyễn Nhạc, 阮岳) เหงียนวันหลือ หรือเหงียนหลือ (Nguyễn Lữ, 阮侶) และเหงียนวันเหวะ หรือเหงียนเหวะ (Nguyễn Huệ, 阮惠) สามพี่น้องเหงียนวันยกทัพกบฏเตยเซินเข้ายึดเมืองกวีเญิน (Qui Nhơn, 歸仁) ไว้เป็นฐานที่มั่น ในขณะที่เจ้าญวนเหนือจิ่ญซัม (Trịnh Sâm, 鄭森) ฉวยโอกาสยกทัพลงมาเข้ายึดเมืองเว้ได้สำเร็จ ทำให้เจ้าญวนใต้เหงียนฟุกถ่วนพร้อมทั้งสมาชิกตระกูลเหงียนต้องอพยพลี้ภัยลงมาอยู่ที่เมืองไซ่ง่อน เหงียนเหวะยกทัพลงมายึดเมืองไซ่ง่อนได้สำเร็จในพ.ศ. 2320 เจ้าญวนใต้เหงียนฟุกถ่วนหลบหนีมาพึ่งหมักเทียนตื๊อ หมักเทียนตื๊อเข้าช่วยเหลือเจ้าญวนใต้โดยการตั้งรับเตยเซินที่เมืองล็องเซวียน (Long Xuyên, 龍川) เหงียนเหวะยกทัพเข้ายึดเมืองล็องเซวียนได้สำเร็จ จับกุมตัวเจ้าญวนใต้เหงียนฟุกถ่วนไปประหารชีวิต สมเด็จพระเจ้าตากสินเมื่อทรงทราบว่าหมักเทียนตื๊อพ่ายแพ้ให้แก่เตยเซิน จึงทรงส่งทรงข้าหลวงนั่งเรือไปพบกับหมักเทียนตื๊อ หมักเทียนตื๊อเกรงพระราชอำนาจของสมเด็จพระเจ้าตากสินจึงยินยอมเดินทางมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารที่กรุงธนบุรีแต่โดยดีพร้อมกับ”องเชียงชุน” (ông chánh Xuân, 翁正春) โตนเทิ๊ตซวน (Tôn Thất Xuân 尊室春) ซึ่งเป็นสมาชิกในตระกูลเหงียน
เหงียนฟุกอั๊ญ (Nguyễn Phúc Ánh, 阮福暎) หรือ"องเชียงสือ" ตั้งมั่นที่เมืองไซ่ง่อนเพื่อต้านทานกบฏเตยเซิน ในพ.ศ. 2323 ขุนนางชาวกัมพูชาถวายจดหมายฉบับหนึ่ง กราบทูลว่าองเชียงสือมีจดหมายลับมาถึง”องเชียงชุน”โตนเทิ๊ตซวนให้ก่อการกบฏขึ้นเข้ายึดกรุงธนบุรี หมักเทียนตื๊อเมื่อทราบข่าวได้ทำการฆ่าตัวตายไปก่อน สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงทรงลงพระราชอาญาประหารชีวิต”องเชียงชุน” รวมทั้งบุตรต่าง ๆ ของหมักเทียนตื๊อและผู้ติดตามชาวญวนจำนวนรวมทั้งสิ้นห้าสิบสามคน เหลือเพียงบุตรคนหนึ่งของหมักเทียนตื๊อชื่อว่าหมักตื๊อซิญ (Mạc Tử Sinh 鄚子泩) ซึ่งอายุยังน้อย พระยากลาโหมได้ทูลขอให้ไว้ชีวิต สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงไว้ชีวิตหมักตื๊อซิญแต่ทรงให้เนรเทศไป
พ.ศ. 2324 สมเด็จพระเจ้าตากสินมีพระราชโองการให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกและเจ้าพระยาสุรสีห์ (บุญมา) ยกทัพเข้าโจมตีกัมพูชา ใน แต่ทว่าได้เกิดเหตุจลาจลที่ธนบุรี ตามเอกสารเวียดนาม เจ้าพระยาสุรสีห์ได้เจรจาสงบศึกกับแม่ทัพญวนเหงียนหิวทวิ่ (Nguyễn Hữu Thụy) ซึ่งเป็นผู้แทนขององเชียงสือ จากนั้นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกจึงทำการปราบจลาจลที่กรุงธนบุรีแล้วขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกในพ.ศ. 2325 และในปีเดียวกันนั้น องเชียงสือเหงียนฟุกอั๊ญพ่ายแพ้ให้แก่เหงียนเหวะแห่งราชวงศ์เตยเซิน เหงียนเหวะสามารถเข้ายึดเมืองไซ่ง่อนได้สำเร็จเป็นเหตุให้องเชียงสือเดินทางลี้ภัยมายังเกาะกระบือแขวงเมืองกำปงโสม ในขณะนั้นพระยาชลบุรีและพระระยองตระเวนสลัดไปจนถึงเกาะกระบือพบกับองเชียงสือ พระยาชลบุรีและพระระยองเสนอให้องเชียงสือเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารที่กรุงเทพ เอกสารฝ่ายเวียดนามระบุว่า เหงียนฟุกอั๊ญได้มอบหมายให้ขุนนางคนสนิทชื่อว่าเจิววันเตี๊ยป (Châu Văn Tiếp, 朱文接) ติดต่อขอความช่วยเหลือจากสยามผ่านทางขุนนางสยามชื่อว่า
องเชียงสือเหงียนฟุกอั๊ญพร้อมทั้งครอบครัวและขุนนางผู้ติดตามทั้งหลายเดินทางถึงกรุงรัตนโกสินทร์ในเดือนมีนาคมพ.ศ. 2326 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกและกรมพระราชวังบวรฯทรงให้การช่วยเหลือแก่องเชียงสือเป็นอย่างดี ตามสัญญามิตรไมตรีที่ได้กระทำไว้ก่อนหน้านี้เมื่อพ.ศ. 2324 ที่กัมพูชา พระราชทานให้ไปตั้งบ้านเรือนที่บ้านต้นสำโรง (ต่อมาคือสถานกงสุลโปรตุเกส) หมักตื๊อซิญ บุตรชายของหมักเทียนตื๊ออดีตเจ้าเมืองห่าเตียนได้เข้าสวามิภักดิ์ต่อองเชียงสือ ที่กรุงเทพฯ องเชียงสือได้พบกับหมักตื๊อซิญ (Mạc Tử Sinh 鄚子泩) บุตรชายของหมักเทียนตื้อเจ้าเมืองห่าเตียนที่ยังเหลือรอดชีวิตไม่ถูกประหาร หมักตื๊อซิญได้เข้าสวามิภักดิ์ต่อองเชียงสือ
พระยานครสวรรค์ตีเมืองไซ่ง่อน
ในพ.ศ. 2326 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมีพระราชโองการให้พระยานครสวรรค์และพระยาวิชิตณรงค์ ยกทัพไปทางกัมพูชาเพื่อโจมตียึดเมืองไซ่ง่อนจากเตยเซินคืนให้แก่องเชียงสือ พระยานครสวรรค์และพระยาวิชิตณรงค์ได้รับกำลังพลจากเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (แบน) ผู้สำเร็จราชการกัมพูชา และยกทัพลงไปโจมตีเมืองไซ่ง่อน “องติเวือง”เหงียนหลือ หนึ่งในสามพี่น้องเตยเซินซึ่งรักษาเมืองไซ่ง่อนอยู่นั้น ทราบข่าวว่าสยามยกทัพมาตีเมืองไซ่ง่อนจึงจัดมาตั้งรับฝ่ายไทยที่เมืองซาเด๊ก (Sa Đéc, 沙瀝) พระยานครสวรรค์นำทัพเรือฝ่ายไทยเข้าโจมตีฝ่ายญวนที่ซาแดกเป็นสามารถยึดเรือและอาวุธของฝ่ายเตยเซินได้ แต่พระยานครสวรรค์กลับส่งอาวุธที่ยึดมาได้คืนให้แก่ฝ่ายญวน พระยาวิชิตณรงค์จึงบอกเข้าไปยังกรุงเทพว่าพระยานครสวรรค์เป็นกบฏไปเข้ากับศัตรู พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจึงทรงให้มีตราเรียกทัพของพระยานครสวรรค์กลับคืน สอบสวนแล้วเป็นความจริง จึงทรงพระราชอาญาประหารชีวิตพระยานครสวรรค์พร้อมทั้งพรรคพวกอีกสิบสองคนที่วัดโพธาราม
สงคราม
ในปีต่อมา เดือนเมษายนพ.ศ. 2327 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมีพระราชโองการให้พระเจ้าหลานเธอ กรมหลวงเทพหริรักษ์ เสด็จยกทัพจำนวน 5,000 คน ยกทัพเรือทางทะเลไปโจมตีเมืองไซ่ง่อนคืนให้แก่องเชียงสืออีกครั้ง พร้อมทั้งโปรดฯให้พระยาวิชิตณรงค์เกณฑ์ทัพกัมพูชาจากเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (แบน) อีก 5,000 สมทบไปทางบกเข้าโจมตีเมืองไซ่ง่อน ในขณะที่เอกสารฝ่ายเวียดนามระบุว่า แม่ทัพสยามที่ยกทัพมาทางกัมพูชาชื่อว่า Lục Côn Sa Uyên, 綠崑沙鴛 (นครสวรรค์?) และเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์แบน (Chiêu Chùy Biện , 昭錘卞) ในขณะที่ทัพทางเรือสยามมีแม่ทัพชื่อเจ้าตัง (Chiêu Tăng, 昭曾 หมายถึงกรมหลวงเทพหริรักษ์) และเจ้าเสือง? (Chiêu Sương, 昭霜) ส่วนตัวองเชียงสือเองนั้น จัดหากองกำลังได้เป็นจำนวนประมานสามพันคน โดยมีเจิววันเตี๊ยปและหมักตื๊อซิญเป็นแม่ทัพ
ฝ่ายเตยเซินเมืองไซ่ง่อนในขณะนั้น มีเจืองวันดา (Trương Văn Đa 張文多) เป็นผู้รักษาเมืองไซ่ง่อน เมื่อเจืองวันดาทราบข่าวว่าสยามยกทัพมาตีเมืองไซ่ง่อน จึงจัดทัพไปตั้งรับสยามที่ล็องเซวียน
การรบที่สักเกิ่ม-สว่ายมุ๊ต
กรมหลวงเทพหริรักษ์เสด็จยกทัพเรือไปถึงเมืองปากน้ำพุทไธมาศหรือห่าเตียน ได้ทัพของพระยาทัศดาจตุรงค์ที่เมืองพุทไธมาศเข้าสมทบ ประจบกับทัพของพระยาวิชิตณรงค์ที่ยกมาจากกัมพูชา ทัพฝ่ายสยามใช้เวลาในการจัดตั้งทัพและยกทัพมาถึงบริเวณปากแม่น้ำโขงในเดือนตุลาคมปลายปีพ.ศ. 2327 พระยาวิชิตณรงค์ยกทัพร่วมสยาม-กัมพูชาล่วงหน้าไปเป็นทัพหน้าเข้าโจมตีเมืองซาเด๊กหรือเปียมจอซาแดก ถึงแพรกพระยามัน พระยาวิชิตณรงค์ได้ต่อสู้กับทัพของเจืองวันดาและสามารถขับทัพฝ่ายเตยเซินให้ถอยร่นไปได้ เจิววันเตี๊ยปแม่ทัพคนสนิทขององเชียงสือถูกสังหารในที่รบ พระยาทัศดาจตุรงค์ได้รับบาดเจ็บ องเชียงสือตั้งเลวันเกวิน (Lê Văn Quân 黎文勻) ขึ้นเป็นแม่ทัพแทน ฝ่ายสยามสามารถยึดสักซ้า (Rạch Giá,瀝架) โจดก และเกิ่นเทอ (Cần Thơ, 芹苴) ได้ ฝ่ายเจืองวันดาถอยไปตั้งที่หมีทอ (Mỹ Tho, 美湫) หรือสมิถ่อ ในขณะที่ทัพฝ่ายไทยตั้งอยู่ที่ซาเด๊ก
เจืองวันดารายงานสถานการณ์ขอความช่วยเหลือไปยังพระเจ้าท้ายดึ๊กเหงียนญัค ซึ่งเป็นประมุขของฝ่ายเตยเซินที่เมืองกวีเญิน เหงียนญัคจึงมีพระราชโองการให้อนุชาคือเหงียนเหวะยกทัพจำนวน 20,000 คน มาช่วยเจืองวันดาต่อสู้กับทัพสยาม เหงียนเหวะยกทัพเรือมาตั้งที่เมืองหมีทอหรือสมิถ่อในเดือนมกราคมพ.ศ. 2328 เอกสารฝ่ายเวียดนามระบุว่าเหงียนเหวะพยายามที่จะเจรจากับฝ่ายสยามด้วยการถวายของมีค่าแด่กรมหลวงเทพหริรักษ์ ให้ฝ่ายสยามเลิกสนับสนุนองเชียงสือและมาเป็นไมตรีกับเตยเซินแทน ฝ่ายองเชียงสือได้มอบหมายให้หมักตื๊อซิญจัดเตรียมเรือไว้ในกรณีที่พ่ายแพ้และต้องหลบหนี เหงียนเหวะจัดทัพตั้งซุ่มไว้ที่สักเกิ่ม (Rạch Gầm, 瀝涔) และสว่ายมุ๊ต (Xoài Mút, 吹蔑) ริมสองฝั่งริมฝั่งแม่น้ำโขงซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำโขงแคบลงใกล้กับหมีทอเพื่อซุ่มโจมตีฝ่ายไทย
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2328 กรมหลวงเทพหริรักษ์มีพระบัญชาให้พระยาวิชิตณรงค์ตั้งรักษาเป็นทัพหลังอยู่ที่บ้านป่ายุง (Ba Giồng) และเสด็จนำทัพเรือจากซาเด๊ก เข้าโจมตีเหงียนเหวะที่หมีทอ ในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2328 ทัพฝ่ายสยามล่องตามแม่น้ำโขงมาถึงสักเกิ่มและสว่ายมุ๊ต จุดที่เหงียนเหวะได้เตรียมซุ่มไว้ นำไปสู่การรบที่สักเกิ่ม-สว่ายมุ๊ต (Battle of Rạch Gầm-Xoài Mút) ทัพฝ่ายเตยเซินได้เข้าปิดล้อมทางหัวและท้ายของทัพเรือสยาม ทำให้ทัพฝ่ายสยามถูกล้อมทั้งหน้าและหลัง ทัพเตยเซินเข้าโจมตีกระหนาบสองข้างทำให้ทัพเรือสยามทิ้งเรือหนีขึ้นบกพ่ายแพ้แตกพ่ายไป ในเวลานั้นเป็นฤดูน้ำหลาก น้ำท่วมเจิ่งนองไปทั่วสมรภูมิ สร้างความลำบากให้แก่ทัพฝ่ายสยามในการถอยทางบก ข้าหลวงในกรมหลวงเทพหริรักษ์หากระบือได้ตัวหนึ่ง ให้ทรงกระบือลุยน้ำเสด็จไปยังกัมพูชา ฝ่ายองเชียงสือซึ่งได้เตรียมเรือไว้ก่อนหน้าแล้ว ล่องเรือกลับมาถึงกัมพูชาเช่นกัน องเชียงสือได้รับความลำบากขาดแคลนอาหารจนกระทั่งเหงียนวันถ่าญ (Nguyễn Văn Thành 阮文誠) คนสนิทขององเชียงสือจำต้องปล้นหาอาหารมาประทังเลี้ยงองเชียงสือผู้เป็นนายของตน และองเชียงสือส่งหมักตื๊อซิญไปกราบทูลแจ้งข่าวให้แก่กษัตริย์สยามให้ทรงทราบ
บทสรุปและเหตุการณ์สืบเนื่อง
ในสงครามสยาม-เวียดนาม พ.ศ. 2327 นี้ ฝ่ายสยามขาดความชำนาญเกี่ยวกับภูมิประเทศลักษณะสาขาของคลองต่าง ๆ บริเวณปากแม่น้ำโขง ทำให้ฝ่ายเวียดนามเตยเซินสามารถใช้ลักษณะของแม่น้ำเพื่อปิดล้อมทัพเรือสยาม จนนำไปสู่ชัยชนะของฝ่ายเตยเซินในที่สุด
หลังจากการรบที่สักเกิ่ม-สว่ายมุ๊ตเพียงสิบเดือน เกิดสงครามเก้าทัพขึ้น ทำให้การตีเมืองไซ่ง่อนคืนให้แก่องเชียงสือจำต้องยุติ องเชียงสือส่งคนสนิทของตนได้แก่ เลวันเกวิน และเหงียนวันถ่าญ เข้าร่วมกับสยามในการรบกับพม่าที่ไทรโยค (Sài Nặc) หลังจากสิ้นสุดสงครามเก้าทัพ ตามเอกสารเวียดนาม กรมพระราชวังบวรฯประทานให้ยกทัพไปช่วยองเชียงสืออีกครั้ง แต่ฝ่ายองเชียงสือปฏิเสธเนื่องจากไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสยามอีกต่อไป คณะทูตโปรตุเกสนำโดยอันโตนิโอ เดอ วีเซนต์ (Antonio de Veesent) มาเข้าเฝ้าฯที่กรุงเทพในพ.ศ. 2329 ฝ่ายโปรตุเกสเสนอช่วยยกทัพช่วยองเชียงสือกอบกู้บ้านเมือง แต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯไม่โปรดให้โปรตุเกสช่วยองเชียงสือ องเชียงสือจึงปฏิเสธความช่วยเหลือของโปรตุเกสไป ในระหว่างที่พำนักอยู่กรุงเทพองเชืองสือติดต่อ"สังฆราชอาดรัง" (Bishop of Adran) ปีแยร์ ปีโญ เดอ เบแอน (Pierre Pigneau de Behaine) บาทหลวงชาวฝรั่งเศสในการขอความช่วยเหลือทางทหารจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 จนสุดท้ายบรรลุข้อตกลงกับราชสำนักฝรั่งเศสในพ.ศ. 2330
ฝ่ายราชวงศ์เตยเซิน เหงียนเหวะยกทัพขึ้นเหนือเข้ายึดเมืองดงกิญและเวียดนามภาคเหนือได้สำเร็จในพ.ศ. 2329 ยกเลิกการปกครองของราชวงศ์เลและตระกูลจิ่ญไปในที่สุด เหงียนเหวะปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นพระเจ้ากวางจุง (Quang Trung) แห่งราชวงศ์เตยเซิน เมื่อพระเจ้ากวางจุงสวรรคตในพ.ศ. 2331 ราชวงศ์เตยเซินอ่อนแอลง เปิดโอกาสให้องเชียงสือ เดินทางออกจากกรุงเทพฯ เข้ายึดเมืองไซง่อนและเวียดนามภาคใต้เป็นฐานที่มั่น ตั้งตนเป็น"เจ้าอนัมก๊ก"ได้ด้วยความช่วยเหลือจากกองเรือฝรั่งเศส ระหว่างที่องเชียงสือเป็นเจ้าอนัมก๊กอยู่ที่เมืองไซ่ง่อนนั้น ได้ส่งเครื่องบรรณการมาถวายที่กรุงเทพฯห้าครั้ง ต่อมาในพ.ศ. 2344 เจ้าอนัมก๊กองเชียงสือสามารถยึดเมืองเว้ได้ ปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นฮว่างเด๊พระเจ้าเวียดนามยาล็องและสถาปนาราชวงศ์เหงียน
ในพ.ศ. 2353 พระเจ้ายาล็องมีสาสน์มาถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทูลขอเมืองพุทไธมาศหรือห่าเตียนให้ไปขึ้นแก่ญวน เมืองพุทไธมาศห่าเตียนจึงเป็นส่วนหนึ่งของเวียดนามอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่นั้น
อ้างอิง
- Breazeale, Kennon. From Japan to Arabia; Ayutthaya's Maritime Relations with Asia. Bangkok: the Foundation for the promotion of Social Sciences and Humanities Textbook Project, 1999.
- ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๕: พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) . พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ โปรดให้พิมพ์แจก ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายพันเอก พระยาสิริจุลเสวก (พัว จุลเสวก) ณ วัดมกุฏกษัตริยาราม วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐.
- Cao Xuân Dục. Quốc triều chính biên toát yếu (國朝正編撮要). พ.ศ. 2451. Link
- ทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๖. กรุงเทพฯ, กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ๒๕๓๑.
- ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา.. พระราชพงษาวดาร กรุงรัตนโกสินทร รัชกาลที่ ๒. ฉบับพิมพ์ครั้งแรก ปีมโรงอัฐศก พ.ศ. ๒๔๕๙; พิมพ์ที่โรงพิมพ์ไทย ณสพานยศเส.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
sngkhramsyam ewiydnam ph s 2327 epnsngkhramkhwamkhdaeyngrahwangsyamrtnoksinthrinchwngtnrchkalphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk kbewiydnam Tay Sơn dynasty inpraedneruxngkarsnbsnunehngiynfukxy Nguyễn Phuc Anh hrux xngechiyngsux ihklbipkhrxbkhrxngemuxngisngxndngedim faysyamykthphekhaocmtiewiydnamphakhit naipsukarrbthiskekim swaymut Battle of Rạch Gầm Xoai Mut inph s 2328 sungfayewiydnametyesinsamarthexachnathphfaysyamidsngkhramsyam ewiydnam ph s 2327swnhnungkhxng sngkhramsyam ewiydnamkarrbthiskekim swaymut phiphithphnthkwnchunphuphngs n ithesin wnthiemsayn ph s 2327 thung mkrakhm ph s 2328sthanthiewiydnamphakhitphlewiydnametyesinidrbchychnakhusngkhramxanackrrtnoksinthr syam xanackrkmphucha trakulehngiyn ewiydnam phubngkhbbychaaelaphunaphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach phraecahlanethx ecafakrmhlwngethphhrirks phrayawichitnrngkh ecaphrayaxphyphuebsr aebn ehngiyn fuk xy Nguyễn Phuc Anh eciw wn etiyp Chau Văn Tiếp el wn ekwin Le Văn Quan phraecathayduk ehngiynykh Nguyễn Nhạc ehngiyn ehwa Nguyễn Huệ ecuxng wn da Trương Văn Đa kalngmakkwa 50 000 khn35 200 khnehtukarnnasngkhramemuxnghaetiyn hlngkarlmslaykhxngrachwngshming chaychawcinkwangtungchuxwahmkkiw 鄚玖 Mạc Cửu hruxmxciw phinxin Mo Jiǔ cakemuxngehlyocw 雷州 Lei Zhōu mnthlkwangtung imtxngkarxyuphayitkarpkkhrxngkhxngrachwngsching cungedinthangxphyphmayngemuxngphnmepykhxngxanackrkmphuchainph s 2241 khnannmiphxkhachawcinaelaywnmatngthinthanthiemuxngepiym ekhmr ព ម aeplwa pakna hmaythung paknaemuxngbnthaymas sungepnemuxnghnungkhxngxanackrkmphuchaxyudanin emuxng bnthaymas aelaemuxng epiymbnthaymas hrux paknaphuthithmas niepnkhnlaemuxngkn aetphngsawdawithymkeriykemuxngepiymbnthaymasniwaemuxngbnthaymashruxphuthithmasdwysbsnwaepnemuxngediywkn hmkekaepidbxnebiykhxngtnexngkhunthiemuxngepiymbnthaymas hruxeriykepnphasaewiydnamwaemuxnghaetiyn 河仙 Ha Tien cnhmkekamirayidrarwy aelaidrbkaraetngtngcakkstriykmphuchaepnthiystaaehnngkhunnang xxkya hmkekamixanacpkkhrxngchawcinaelachawywninemuxnghaetiyn naipsukarkaenidkhxngrachrthhaetiyn hmkekaekhaswamiphkditxecaywnitehngiynfukcu Nguyễn Phuc Chu 阮福淍 inph s 2251 ehngiynfukcuaetngtngihhmkekaepnecaemuxnghaetiyn Ha Tien 河仙 hruxemuxngepiymbnthaymas emuxhmkekathungaekkrrminph s 2278 hmkethiyntux Mạc Thien Tứ hruxmxsuxhlin 莫士麟 phinxin Mo Shilin butrchaykhxnghmkekakhunepnecaemuxnghaetiynkhntxma hlngcakkaresiykrungsrixyuthyakhrngthisxnginph s 2310 ecanayinrachwngsbanphluhlwngsxngphraxngkhidaek ecasrisngkh sungepnphraoxrsinecafathrrmathiebsr ecafakung idrbkhwamchwyehluxcakbathhlwngfrngessihesdcliphymayngemuxnghaetiyn caknncungesdcliphytxipyngemuxngxudngkhxngkmphucha xikphraxngkhhnungkhuxecacuy phraoxrsinecafaxphy sungepnphraoxrsinphraecaxyuhwthaysra esdchlbhnimaprathbthiemuxnghaetiyn inph s 2312 inkhnathismedcphraecataksinkalngesdcykthphlngipprabchumnumnkhrsrithrrmrachnn hmkethiyntuxidmxbhmayihhlanchaykhxngtnykthpheruxekhamaocmtiemuxngcnthburiaelaemuxngthungihy trad inph s 2314 smedcphraecataksinmiphrarachoxngkarihaetngthpheruxekhaocmtiemuxngphuthithmas hruxhaetiyn naipsusngkhramsyam ewiydnam ph s 2314 ephuxprabhmkethiyntuxecaemuxnghaetiyn aelaephuxkhnhaxngkhecasrisngkhaelaecacuy odymiphrarachoxngkarihphrayaphiphith tngeliyng 陳聯 hrux echinehliyn phinxin Chen Lian sungwathioksathibdi ykthpheruxekhaocmtiemuxngphuthithmas phrayaphiphith tngeliyng samarthekhayudemuxngphuthithmasidsaerc hmkethiyntuxhlbhniipyngocdk Chau Đốc 朱篤 smedcphraecataksinthrngaetngtngihphrayaphiphith tngeliyng khunepnphrayarachaesrsthi ecaemuxngphuthithmas idrbsmyanamwa phrayarachaesrsthicin inkhnathihmkethiyntuxidrbsmyanamwa phrayarachaesrsthiywn txmaecaywnitehngiynfukthwn Nguyễn Phuc Thuần 阮福淳 sngthphywnmachwyehluxhmkethiyntuxcnsamarthrwbrwmkalngklbekhamayudemuxngphuthithmashruxhaetiynkhunidsaercinph s 2315 phrayarachaesrsthi tngeliyng ykthphklbkhunyudemuxngphuthithmasidxikkhrng smedcphraecataksinthrngehnwaemuxngphuthithmasrksaiwidyak cungmiphrarachoxngkarihphrayarachaesrsthi tngeliyng kwadtxnchawemuxngphuthithmashaetiynelikthphklbmayngkrungthnburi fayhmkethiyntuxxditecaemuxnghaetiynyngkhngtngmnxyuinewiydnamphakhittxma kbtetyesin xngechiyngsuxliphy ehngiynfukxy Nguyễn Phuc Anh hrux xngechiyngsux ekhaefaphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk n phrathinngxmrinthrwinicchy inph s 2314 piediywknkbthismedcphraecataksinesdcykthphekhaocmtiemuxnghaetiynnn ekidkbtetyesin Tay Sơn 西山 hruxkbtikesinkhun naodysamphinxngtrakulehngiynwnidaek ehngiynwnykh hruxehngiynykh Nguyễn Nhạc 阮岳 ehngiynwnhlux hruxehngiynhlux Nguyễn Lữ 阮侶 aelaehngiynwnehwa hruxehngiynehwa Nguyễn Huệ 阮惠 samphinxngehngiynwnykthphkbtetyesinekhayudemuxngkwieyin Qui Nhơn 歸仁 iwepnthanthimn inkhnathiecaywnehnuxciysm Trịnh Sam 鄭森 chwyoxkasykthphlngmaekhayudemuxngewidsaerc thaihecaywnitehngiynfukthwnphrxmthngsmachiktrakulehngiyntxngxphyphliphylngmaxyuthiemuxngisngxn ehngiynehwaykthphlngmayudemuxngisngxnidsaercinph s 2320 ecaywnitehngiynfukthwnhlbhnimaphunghmkethiyntux hmkethiyntuxekhachwyehluxecaywnitodykartngrbetyesinthiemuxnglxngeswiyn Long Xuyen 龍川 ehngiynehwaykthphekhayudemuxnglxngeswiynidsaerc cbkumtwecaywnitehngiynfukthwnippraharchiwit smedcphraecataksinemuxthrngthrabwahmkethiyntuxphayaephihaeketyesin cungthrngsngthrngkhahlwngnngeruxipphbkbhmkethiyntux hmkethiyntuxekrngphrarachxanackhxngsmedcphraecataksincungyinyxmedinthangmaphungphrabrmophthismpharthikrungthnburiaetodydiphrxmkb xngechiyngchun ong chanh Xuan 翁正春 otnethitswn Ton Thất Xuan 尊室春 sungepnsmachikintrakulehngiyn ehngiynfukxy Nguyễn Phuc Anh 阮福暎 hrux xngechiyngsux tngmnthiemuxngisngxnephuxtanthankbtetyesin inph s 2323 khunnangchawkmphuchathwaycdhmaychbbhnung krabthulwaxngechiyngsuxmicdhmaylbmathung xngechiyngchun otnethitswnihkxkarkbtkhunekhayudkrungthnburi hmkethiyntuxemuxthrabkhawidthakarkhatwtayipkxn smedcphraecataksincungthrnglngphrarachxayapraharchiwit xngechiyngchun rwmthngbutrtang khxnghmkethiyntuxaelaphutidtamchawywncanwnrwmthngsinhasibsamkhn ehluxephiyngbutrkhnhnungkhxnghmkethiyntuxchuxwahmktuxsiy Mạc Tử Sinh 鄚子泩 sungxayuyngnxy phrayaklaohmidthulkhxihiwchiwit smedcphraecataksinthrngiwchiwithmktuxsiyaetthrngihenrethsip ph s 2324 smedcphraecataksinmiphrarachoxngkarihsmedcecaphrayamhakstriysukaelaecaphrayasursih buyma ykthphekhaocmtikmphucha in aetthwaidekidehtuclaclthithnburi tamexksarewiydnam ecaphrayasursihidecrcasngbsukkbaemthphywnehngiynhiwthwi Nguyễn Hữu Thụy sungepnphuaethnkhxngxngechiyngsux caknnsmedcecaphrayamhakstriysukcungthakarprabclaclthikrungthnburiaelwkhunkhrxngrachsmbtiepnphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkinph s 2325 aelainpiediywknnn xngechiyngsuxehngiynfukxyphayaephihaekehngiynehwaaehngrachwngsetyesin ehngiynehwasamarthekhayudemuxngisngxnidsaercepnehtuihxngechiyngsuxedinthangliphymayngekaakrabuxaekhwngemuxngkapngosm inkhnannphrayachlburiaelaphrarayxngtraewnsldipcnthungekaakrabuxphbkbxngechiyngsux phrayachlburiaelaphrarayxngesnxihxngechiyngsuxekhamaphungphrabrmophthismpharthikrungethph exksarfayewiydnamrabuwa ehngiynfukxyidmxbhmayihkhunnangkhnsnithchuxwaeciwwnetiyp Chau Văn Tiếp 朱文接 tidtxkhxkhwamchwyehluxcaksyamphanthangkhunnangsyamchuxwa xngechiyngsuxehngiynfukxyphrxmthngkhrxbkhrwaelakhunnangphutidtamthnghlayedinthangthungkrungrtnoksinthrineduxnminakhmph s 2326 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkaelakrmphrarachwngbwrthrngihkarchwyehluxaekxngechiyngsuxepnxyangdi tamsyyamitrimtrithiidkrathaiwkxnhnaniemuxph s 2324 thikmphucha phrarachthanihiptngbaneruxnthibantnsaorng txmakhuxsthankngsuloprtueks hmktuxsiy butrchaykhxnghmkethiyntuxxditecaemuxnghaetiynidekhaswamiphkditxxngechiyngsux thikrungethph xngechiyngsuxidphbkbhmktuxsiy Mạc Tử Sinh 鄚子泩 butrchaykhxnghmkethiyntuxecaemuxnghaetiynthiyngehluxrxdchiwitimthukprahar hmktuxsiyidekhaswamiphkditxxngechiyngsux phrayankhrswrrkhtiemuxngisngxn inph s 2326 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmiphrarachoxngkarihphrayankhrswrrkhaelaphrayawichitnrngkh ykthphipthangkmphuchaephuxocmtiyudemuxngisngxncaketyesinkhunihaekxngechiyngsux phrayankhrswrrkhaelaphrayawichitnrngkhidrbkalngphlcakecaphrayaxphyphuebsr aebn phusaercrachkarkmphucha aelaykthphlngipocmtiemuxngisngxn xngtiewuxng ehngiynhlux hnunginsamphinxngetyesinsungrksaemuxngisngxnxyunn thrabkhawwasyamykthphmatiemuxngisngxncungcdmatngrbfayithythiemuxngsaedk Sa Đec 沙瀝 phrayankhrswrrkhnathpheruxfayithyekhaocmtifayywnthisaaedkepnsamarthyuderuxaelaxawuthkhxngfayetyesinid aetphrayankhrswrrkhklbsngxawuththiyudmaidkhunihaekfayywn phrayawichitnrngkhcungbxkekhaipyngkrungethphwaphrayankhrswrrkhepnkbtipekhakbstru phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkcungthrngihmitraeriykthphkhxngphrayankhrswrrkhklbkhun sxbswnaelwepnkhwamcring cungthrngphrarachxayapraharchiwitphrayankhrswrrkhphrxmthngphrrkhphwkxiksibsxngkhnthiwdophtharamsngkhraminpitxma eduxnemsaynph s 2327 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmiphrarachoxngkarihphraecahlanethx krmhlwngethphhrirks esdcykthphcanwn 5 000 khn ykthpheruxthangthaelipocmtiemuxngisngxnkhunihaekxngechiyngsuxxikkhrng phrxmthngoprdihphrayawichitnrngkheknththphkmphuchacakecaphrayaxphyphuebsr aebn xik 5 000 smthbipthangbkekhaocmtiemuxngisngxn inkhnathiexksarfayewiydnamrabuwa aemthphsyamthiykthphmathangkmphuchachuxwa Lục Con Sa Uyen 綠崑沙鴛 nkhrswrrkh aelaecaphrayaxphyphuebsraebn Chieu Chuy Biện 昭錘卞 inkhnathithphthangeruxsyammiaemthphchuxecatng Chieu Tăng 昭曾 hmaythungkrmhlwngethphhrirks aelaecaesuxng Chieu Sương 昭霜 swntwxngechiyngsuxexngnn cdhakxngkalngidepncanwnpramansamphnkhn odymieciwwnetiypaelahmktuxsiyepnaemthph fayetyesinemuxngisngxninkhnann miecuxngwnda Trương Văn Đa 張文多 epnphurksaemuxngisngxn emuxecuxngwndathrabkhawwasyamykthphmatiemuxngisngxn cungcdthphiptngrbsyamthilxngeswiyn karrbthiskekim swaymut xnusawriykhxngehwiyn ehwa Nguyễn Huệ hruxphraecakwangcung Quang Trung aehng tngxyuthiemuxngkwieyin krmhlwngethphhrirksesdcykthpheruxipthungemuxngpaknaphuthithmashruxhaetiyn idthphkhxngphrayathsdacturngkhthiemuxngphuthithmasekhasmthb pracbkbthphkhxngphrayawichitnrngkhthiykmacakkmphucha thphfaysyamichewlainkarcdtngthphaelaykthphmathungbriewnpakaemnaokhngineduxntulakhmplaypiph s 2327 phrayawichitnrngkhykthphrwmsyam kmphuchalwnghnaipepnthphhnaekhaocmtiemuxngsaedkhruxepiymcxsaaedk thungaephrkphrayamn phrayawichitnrngkhidtxsukbthphkhxngecuxngwndaaelasamarthkhbthphfayetyesinihthxyrnipid eciwwnetiypaemthphkhnsnithkhxngxngechiyngsuxthuksngharinthirb phrayathsdacturngkhidrbbadecb xngechiyngsuxtngelwnekwin Le Văn Quan 黎文勻 khunepnaemthphaethn faysyamsamarthyudsksa Rạch Gia 瀝架 ocdk aelaekinethx Cần Thơ 芹苴 id fayecuxngwndathxyiptngthihmithx Mỹ Tho 美湫 hruxsmithx inkhnathithphfayithytngxyuthisaedk ecuxngwndarayngansthankarnkhxkhwamchwyehluxipyngphraecathaydukehngiynykh sungepnpramukhkhxngfayetyesinthiemuxngkwieyin ehngiynykhcungmiphrarachoxngkarihxnuchakhuxehngiynehwaykthphcanwn 20 000 khn machwyecuxngwndatxsukbthphsyam ehngiynehwaykthpheruxmatngthiemuxnghmithxhruxsmithxineduxnmkrakhmph s 2328 exksarfayewiydnamrabuwaehngiynehwaphyayamthicaecrcakbfaysyamdwykarthwaykhxngmikhaaedkrmhlwngethphhrirks ihfaysyameliksnbsnunxngechiyngsuxaelamaepnimtrikbetyesinaethn fayxngechiyngsuxidmxbhmayihhmktuxsiycdetriymeruxiwinkrnithiphayaephaelatxnghlbhni ehngiynehwacdthphtngsumiwthiskekim Rạch Gầm 瀝涔 aelaswaymut Xoai Mut 吹蔑 rimsxngfngrimfngaemnaokhngsungepncudthiaemnaokhngaekhblngiklkbhmithxephuxsumocmtifayithy aephnthiaesdngkarrbthiskekim swaymut faysyamykthpheruxmacaksaedk lxngtamaemnaokhngipthangtawnxxkephuxekhatiemuxnghmithx Mỹ Tho fayetyesintngsumxyuthiskekimaelaswaymut sungepncudthiaemnaokhngaekhblng ineduxnmkrakhm ph s 2328 krmhlwngethphhrirksmiphrabychaihphrayawichitnrngkhtngrksaepnthphhlngxyuthibanpayung Ba Giồng aelaesdcnathpheruxcaksaedk ekhaocmtiehngiynehwathihmithx inwnthi 19 mkrakhm ph s 2328 thphfaysyamlxngtamaemnaokhngmathungskekimaelaswaymut cudthiehngiynehwaidetriymsumiw naipsukarrbthiskekim swaymut Battle of Rạch Gầm Xoai Mut thphfayetyesinidekhapidlxmthanghwaelathaykhxngthpheruxsyam thaihthphfaysyamthuklxmthnghnaaelahlng thphetyesinekhaocmtikrahnabsxngkhangthaihthpheruxsyamthingeruxhnikhunbkphayaephaetkphayip inewlannepnvdunahlak nathwmecingnxngipthwsmrphumi srangkhwamlabakihaekthphfaysyaminkarthxythangbk khahlwnginkrmhlwngethphhrirkshakrabuxidtwhnung ihthrngkrabuxluynaesdcipyngkmphucha fayxngechiyngsuxsungidetriymeruxiwkxnhnaaelw lxngeruxklbmathungkmphuchaechnkn xngechiyngsuxidrbkhwamlabakkhadaekhlnxaharcnkrathngehngiynwnthay Nguyễn Văn Thanh 阮文誠 khnsnithkhxngxngechiyngsuxcatxngplnhaxaharmaprathngeliyngxngechiyngsuxphuepnnaykhxngtn aelaxngechiyngsuxsnghmktuxsiyipkrabthulaecngkhawihaekkstriysyamihthrngthrabbthsrupaelaehtukarnsubenuxngxnusrnralukthungkarrbthiskekim swaymut Battle of Rạch Gầm Xoai Mut thiemuxnghmithx insngkhramsyam ewiydnam ph s 2327 ni faysyamkhadkhwamchanayekiywkbphumipraethslksnasakhakhxngkhlxngtang briewnpakaemnaokhng thaihfayewiydnametyesinsamarthichlksnakhxngaemnaephuxpidlxmthpheruxsyam cnnaipsuchychnakhxngfayetyesininthisud hlngcakkarrbthiskekim swaymutephiyngsibeduxn ekidsngkhramekathphkhun thaihkartiemuxngisngxnkhunihaekxngechiyngsuxcatxngyuti xngechiyngsuxsngkhnsnithkhxngtnidaek elwnekwin aelaehngiynwnthay ekharwmkbsyaminkarrbkbphmathiithroykh Sai Nặc hlngcaksinsudsngkhramekathph tamexksarewiydnam krmphrarachwngbwrprathanihykthphipchwyxngechiyngsuxxikkhrng aetfayxngechiyngsuxptiesthenuxngcakimtxngkarkhwamchwyehluxcaksyamxiktxip khnathutoprtueksnaodyxnotniox edx wiesnt Antonio de Veesent maekhaefathikrungethphinph s 2329 fayoprtueksesnxchwyykthphchwyxngechiyngsuxkxbkubanemuxng aetphrabathsmedcphraphuththyxdfaimoprdihoprtuekschwyxngechiyngsux xngechiyngsuxcungptiesthkhwamchwyehluxkhxngoprtueksip inrahwangthiphankxyukrungethphxngechuxngsuxtidtx sngkhrachxadrng Bishop of Adran piaeyr pioy edx ebaexn Pierre Pigneau de Behaine bathhlwngchawfrngessinkarkhxkhwamchwyehluxthangthharcakphraecahluysthi 16 cnsudthaybrrlukhxtklngkbrachsankfrngessinph s 2330 fayrachwngsetyesin ehngiynehwaykthphkhunehnuxekhayudemuxngdngkiyaelaewiydnamphakhehnuxidsaercinph s 2329 ykelikkarpkkhrxngkhxngrachwngselaelatrakulciyipinthisud ehngiynehwaprabdaphiesktnexngkhunepnphraecakwangcung Quang Trung aehngrachwngsetyesin emuxphraecakwangcungswrrkhtinph s 2331 rachwngsetyesinxxnaexlng epidoxkasihxngechiyngsux edinthangxxkcakkrungethph ekhayudemuxngisngxnaelaewiydnamphakhitepnthanthimn tngtnepn ecaxnmkk iddwykhwamchwyehluxcakkxngeruxfrngess rahwangthixngechiyngsuxepnecaxnmkkxyuthiemuxngisngxnnn idsngekhruxngbrrnkarmathwaythikrungethphhakhrng txmainph s 2344 ecaxnmkkxngechiyngsuxsamarthyudemuxngewid prabdaphiesktnexngkhunepnhwangedphraecaewiydnamyalxngaelasthapnarachwngsehngiyn inph s 2353 phraecayalxngmisasnmathwayaedphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly thulkhxemuxngphuthithmashruxhaetiynihipkhunaekywn emuxngphuthithmashaetiyncungepnswnhnungkhxngewiydnamxyangepnthangkarnbtngaetnnxangxingBreazeale Kennon From Japan to Arabia Ayutthaya s Maritime Relations with Asia Bangkok the Foundation for the promotion of Social Sciences and Humanities Textbook Project 1999 prachumphngsawdar phakhthi 65 phrarachphngsawdarkrungthnburi chbbphncnthnumas ecim phraecawrwngsethx phraxngkhecaculckrphngs oprdihphimphaeck innganphrarachthanephlingsph nayphnexk phrayasiriculeswk phw culeswk n wdmkutkstriyaram wnthi 13 phvscikayn ph s 2480 Cao Xuan Dục Quốc triều chinh bien toat yếu 國朝正編撮要 ph s 2451 Link thiphakrwngs kha bunnakh ecaphraya phrarachphngsawdarkrungrtnoksinthr rchkalthi 1 phimphkhrngthi 6 krungethph kxngwrrnkhdiaelaprawtisastr krmsilpakr 2531 darngrachanuphaph smedckrmphraya phrarachphngsawdar krungrtnoksinthr rchkalthi 2 chbbphimphkhrngaerk pimorngxthsk ph s 2459 phimphthiorngphimphithy nsphanyses