จานรอบดาวฤกษ์ (อังกฤษ: circumstellar disc, circumstellar disk) คือ จานพอกพูนมวลของสสารที่มีรูปทรงเป็นทอรัส, แพนเค้กหรือวงแหวน ประกอบด้วย แก๊ส, ฝุ่นคอสมิก, , ดาวเคราะห์น้อยและเศษชิ้นส่วนจากการชนในวงโคจรรอบดาวฤกษ์ รอบ ๆ ดาวฤกษ์ที่อายุน้อยที่สุด พวกมันเป็นแหล่งกักเก็บสสารที่ดาวเคราะห์อาจก่อตัวขึ้นมา สำหรับดาวฤกษ์ที่มีอายุ พวกมันบ่งชี้ว่ามีการก่อตัวของเศษดาวเคราะห์ และรอบ ๆ ดาวแคระขาว พวกมันบ่งชี้ว่าสสารของดาวเคราะห์รอดพ้นจากการวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ทั้งหมด จานดังกล่าวสามารถแสดงออกมาได้หลายรูปแบบ
ลักษณะของจานรอบดาวฤกษ์แต่ละแบบ
ดาวฤกษ์อายุน้อย
ในทฤษฎีมาตรฐานของการก่อตัวของดาวฤกษ์นั้น ดาวฤกษ์อายุน้อย (หรือดาวฤกษ์ก่อนเกิด) เกิดจากการหดตัวด้วยความโน้มถ่วงของมวลสารบางส่วนภายในเมฆโมเลกุลขนาดยักษ์ วัสดุที่ถูกดึงดูดให้เข้ามารวมตัวกันนี้มีโมเมนตัมเชิงมุม และก่อตัวเป็นจานดาวเคราะห์ก่อนเกิดที่มีก๊าซเป็นส่วนประกอบขึ้นมาล้อมรอบดาวฤกษ์อายุน้อยที่กำลังหมุนรอบตัวเอง จานรอบดาวฤกษ์ที่ก่อตัวขึ้นประกอบไปด้วยก๊าซและฝุ่นหนาแน่น และยังคงมีสสารโดนดูดเข้าไปยังใจกลางดาวอยู่เรื่อย ๆ แผ่นจานมีมวลเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของมวลดาวฤกษ์ใจกลาง และก๊าซส่วนใหญ่ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักคือไฮโดรเจน เหตุการณ์การพอกพูนจะกินเวลานานหลายล้านปี โดยปกติแล้วมวลจะค่อย ๆ ถูกดึงดูดเข้าไปสั่งสมบนดาวที่ใจกลางเรื่อย ๆ ประมาณ 1 ส่วนสิบล้านเท่าไปจนถึง 1 ส่วนพันล้านเท่าของมวลดวงอาทิตย์ต่อปี
แผ่นจานจะค่อย ๆ เย็นตัวลงในช่วงที่ยังเป็นวัตถุดาวฤกษ์อายุน้อย อนุภาคฝุ่นที่ประกอบจากหินและน้ำแข็งจะก่อตัวขึ้นภายในจาน และอาจเกาะรวมตัวกันแล้วกลายเป็นดาวเคราะห์ในที่สุด หากมวลของจานมีมากพอ การเกาะรวมตัวกันจะยิ่งเร่งขึ้นไปอีกและเกิดเป็นวัตถุต้นกำเนิดดาวเคราะห์ขึ้น การก่อตัวของระบบดาวเคราะห์เป็นผลตามธรรมชาติของกระบวนการก่อตัวดาวฤกษ์ สำหรับดาวฤกษ์แบบคล้ายดวงอาทิตย์ โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 100 ล้านปีในการวิวัฒนาการไปสู่แถบลำดับหลัก
สำหรับดาวฤกษ์มวลค่อนข้างต่ำเช่นดาวฤกษ์ชนิด ที วัวนั้นโดยทั่วไปจะมีแผ่นจานรอบดาวฤกษ์อยู่ อย่างไรก็ตาม ในดาวที่มีมวลมากกว่านั้น เช่น (ดาวเฮอร์บิก เออี/บีอี)นั้น คาดว่าความดันรังสีจากดาวฤกษ์ใจกลางจะแรงมากและเป็นตัวขัดขวางการก่อตัวของจาน อย่างไรก็ตาม การศึกษาล่าสุดได้ให้หลักฐานทั้งทางทฤษฎีและเชิงสังเกตการณ์สำหรับการก่อตัวของจานรอบ(ดาวเฮอร์บิก เออี/บีอี) ซึ่งถูกตรวจพบโดยตรงเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีผลลัพธ์ที่บ่งชี้ถึงการมีอยู่ของจานในดาวฤกษ์อายุน้อยที่มีมวลสูงกว่านี้อีกด้วย
ดาวฤกษ์ในแถบลำดับหลัก
เมื่อดาวฤกษ์วิวัฒนาการเข้าสู่ช่วงลำดับหลัก จานรอบดาวฤกษ์จะค่อย ๆ หายไป ส่วนใหญ่แล้วจะหายไปจากกระบวนการการระเหยด้วยแสง ในขั้นตอนนี้ ถ้ามีจานรอบดาวฤกษ์อยู่มักจะเป็นจานที่อยู่แค่ชั่วคราว หลังจากที่อนุภาคที่เล็กละเอียดกว่าส่วนใหญ่ได้สูญเสียไปโดยปรากฏการณ์พอยน์ติง–รอเบิร์ตสัน ความดันรังสี ฯลฯ ฝุ่นจากการกระทบของวัตถุท้องฟ้าจะก่อตัวเป็นจานเศษซากขึ้น
ในช่วงลำดับหลัก จานรอบดาวฤกษ์ประเภทต่าง ๆ นั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่าวิวัฒนาการมาจากจานก่อกำเนิดดาวเคราะห์ ตัวอย่างเช่น มีจานรอบ ซึ่งกลไกการก่อตัวไม่ชัดเจน
ตัวอย่างในระบบสุริยะ
เศษซากต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นแผ่นจานในระบบสุริยะประกอบไปด้วย:
- แถบดาวเคราะห์น้อย คือกลุ่มของวัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะที่อยู่ระหว่างวงโคจรของดาวอังคาร และ ดาวพฤหัสบดี นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดของเมฆฝุ่นระหว่างดาวเคราะห์
- แถบไคเปอร์ เป็นพื้นที่หนาแน่นของวัตถุท้องฟ้านอกวงโคจรของดาวเนปจูน
- แถบหินกระจาย เป็นพื้นที่หนาแน่นของวัตถุที่กระจัดกระจายออกจากแถบไคเปอร์
- เมฆฮิลส์ เป็นกลุ่มของวัตถุท้องฟ้าที่กระจายเป็นวงแหวนรอบขอบด้านในของเมฆออร์ต เมฆออร์ตชั้นนอกมีรูปร่างใกล้เคียงทรงกลมมากกว่า
หลังจากพ้นลำดับหลัก
มวลสารรอบดาวฤกษ์ที่พบรอบดาวฤกษ์ที่พ้นจากลำดับหลักมาแล้วนั้นเกิดจากการขับมวลออกจากดาวฤกษ์ใจกลาง มวลสารรอบดาวฤกษ์นั้นมีรูปร่างหลากหลายตั้งแต่เปลือกสมมาตรทรงกลมไปจนถึงโครงสร้างที่มีสมมาตรแบบหมุนคล้ายแผ่นจาน โครงสร้างของมวลสารรอบดาวฤกษ์ของดาวยักษ์ในแขนงดาวยักษ์เชิงเส้นกำกับนั้นเกือบจะเป็นทรงกลมเมื่อดูในภาพรวม แต่เมื่อวิวัฒนาการต่อไปจนกลายเป็นเนบิวลาดาวเคราะห์ มักจะแสดงรูปร่างที่มี เช่น แผ่นจานรีหรือเป็นเส้นกระจายออกไปจากสองขั้วเหนือใต้ ดาวฤกษ์หลังแขนงยักษ์เชิงเส้นกำกับซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ในระหว่างวิวัฒนาการช่วงนั้นถูกคาดการณ์กันมานานแล้วว่าน่าจะมีจานรอบดาวฤกษ์ และเพิ่งจะมีการพบหลักฐานโดยตรง
ตัวอย่างเช่น จากการสังเกตการณ์อินเทอร์เฟอโรเมทรีที่มีความละเอียดสูงได้ตรวจพบจานรอบดาวฤกษ์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางภายในเท่ากับ 10 AU รอบดาว ซึ่งเป็นดาวฤกษ์หลังวิวัฒนาการผ่านแขนงยักษ์เชิงเส้นกำกับ คาดกันว่าโครงสร้างคล้ายแผ่นจานที่พบในดาวฤกษ์ระยะสุดท้ายนั้นมีความเกี่ยวข้องกับระบบดาวคู่ รวมถึงสำหรับกรณีของ IRAS 08544-4431 นี้ก็เช่นเดียวกัน
แม้ว่าจะตรวจพบโครงสร้างรอบดาวฤกษ์ที่ไม่มีความสมมาตรเป็นทรงกลมในดาวฤกษ์มวลมากที่วิวัฒนาการแล้วจำนวนมาก แต่ก็ไม่พบหลักฐานโดยตรงว่ามีแผ่นจานอยู่ หลักฐานทางอ้อมบ่งชี้ว่าดาวประเภทที่เป็นไปได้มากที่สุดที่จะมีจานรอบดาวคือดาว B[e] ซึ่งมีการหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็วและอาจเป็นต้นกำเนิดแสงวาบรังสีแกมมา เป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดการสั่งสมมวลสารบนแถบเส้นศูนย์สูตรของดาว
ช่วงปลายชีวิตดาวฤกษ์
มีการพบว่าดาวแคระขาวบางดวงมีการแผ่รังสีในช่วงอินฟราเรดมากเป็นพิเศษ ซึ่งเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากแผ่นจานรอบดาวฤกษ์ที่ประกอบขึ้นจากฝุ่น ฝุ่นที่ประกอบเป็นจานนั้นเชื่อว่าเป็นซากของวัตถุท้องฟ้าซึ่งครั้งหนึ่งเคยก่อตัวเป็นระบบดาวเคราะห์ เช่น ดาวเคราะห์น้อย
นอกจากนี้ ดาวมวลอัดแน่นอย่าง ดาวแคระขาว ดาวนิวตรอน และ หลุมดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัตถุท้องฟ้าซึ่งดาวปฐมภูมิของระบบดาวคู่แบบใกล้ชิดได้ถึงจุดสิ้นสุดและกลายเป็นดาวมวลอัดแน่นไปแล้ว ก๊าซจะหมุนรอบดาวมวลอัดแน่นไปในขณะที่ค่อย ๆ ตกลงสู่ในกลางเรื่อย ๆ ซึ่งอาจเกิดเป็นจานพอกพูนมวลขึ้น
ระบบดาวคู่
เมื่อเกิดการรวบรวมก๊าซขึ้นในระบบดาวคู่ ก็อาจก่อตัวเป็นจานขึ้นมาในระบบดาวคู่นั้นได้ ระบบดาวคู่ที่สั่งสมก๊าซซึ่งมีโมเมนตัมเชิงมุมมักจะก่อตัวเป็นจานได้ง่าย จานในระบบดาวคู่อาจแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
- จานรอบดาวปฐมภูมิ (ดาวฤกษ์มวลมากกว่าใน 2 ดวง) สามารถก่อตัวขึ้นได้หากก๊าซที่สะสมมีโมเมนตัมเชิงมุมอยู่
- จานรอบดาวทุติยภูมิ (ดาวฤกษ์มวลน้อยกว่า) โดยปกติจะไม่สามารถก่อตัวได้ เว้นแต่ก๊าซที่สั่งสมจะมีโมเมนตัมเชิงมุมสูงเพียงพอ ขนาดโมเมนตัมเชิงมุมที่จำเป็นนั้นจะพิจารณาจากอัตราส่วนมวลของดาวฤกษ์ปฐมภูมิต่อดาวฤกษ์ทุติยภูมิ
- จานรอบดาวคู่ (circumbinary disc) เป็นจานที่ก่อตัวขึ้นล้อมรอบทั้งดาวปฐมภูมิและดาวทุติยภูมิ โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางภายในใหญ่กว่าวงโคจรของดาวคู่ เชื่อกันว่าจานรอบดาวคู่มีมวลสูงสุดอยู่ที่ 0.5% ของมวลดวงอาทิตย์ ระบบดาวที่มีจานรอบดาวคู่อยู่ได้แก่ เป็นต้น
จานมักมีลักษณะสมมาตรและก่อตัวในระนาบการโคจรของระบบดาวคู่ แต่อาจได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ของบาร์ดีน–เพตเตอร์สัน สนามแม่เหล็กขั้วคู่ที่ไม่สม่ำเสมอความดันรังสี และแรงน้ำขึ้นลง ทำให้แผ่นจานอาจบิดตัวหรือเอียง ตัวอย่างของจานแบบเอียงสามารถพบได้ใน , เป็นต้น การแผ่รังสีเอกซ์จะลดลงและเพิ่มขึ้นเป็นคาบ 30 ถึง 300 วัน ซึ่งนานกว่าคาบการโคจรของดาวคู่มาก สันนิษฐานว่าเกิดจากการหมุนควงของจานรอบดาวฤกษ์ปฐมภูมิหรือจานรอบดาวคู่ ซึ่งโดยปกติจะโคจรกลับทิศเมื่อเทียบกับวงโคจรของดาวคู่
วิวัฒนาการของจานรอบดาวฤกษ์
วิวัฒนาการของจานรอบดาวฤกษ์อาจแบ่งออกเป็นหลายขั้นตอนตามการเปลี่ยนแปลงตามช่วงวิวัฒนาการของโครงสร้างและส่วนประกอบหลัก
วิธีการจำแนกแบบหนึ่งคือดูที่ขนาดของอนุภาค เช่น ฝุ่น ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของจาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีระยะที่อนุภาคขนาด 1 μm ลงมาเป็นองค์ประกอบหลัก, ระยะที่อนุภาคเติบโตกลายเป็นอนุภาคขนาดใหญ่ขึ้น, ระยะที่มีความหนาแน่นมากขึ้นและก่อตัวเป็นดาวเคราะห์ก่อนเกิด และ ระยะที่เติบโตต่อไปอีกจนเกิดเป็นระบบดาวเคราะห์ขึ้น
อีกทางเลือกหนึ่ง จากปริมาณของก๊าซและแบบจำลองของการก่อตัวดาวทางทฤษฎี อาจจำแนกออกเป็น 3 ขั้นตอนดังนี้
- จานดาวเคราะห์ก่อนเกิด เป็นจานที่มีสสารดั้งเดิมจำนวนมาก เช่น ก๊าซและฝุ่น ซึ่งอาจก่อตัวเป็นดาวเคราะห์
- จานช่วงเปลี่ยนผ่าน คือจานที่ก๊าซและฝุ่นหมดลงและอยู่ในตำแหน่งระหว่างจานก่อกำเนิดดาวเคราะห์และจานเศษซาก ขนาดของอนุภาคฝุ่นจะใหญ่กว่าขนาดของจานดาวเคราะห์ก่อนเกิด และความหนาของเส้นรอบวงรอบนอกของจานก็ลดลงด้วย เมื่อวิวัฒนาการดำเนินไป จะมีรูปรากฏขึ้นตรงกลางของจาน
- จานเศษซาก เป็นจานที่ประกอบด้วยฝุ่นละเอียด และก๊าซที่เกิดจากการชนกันและการกลายเป็นไอ โดยอาจมีก๊าซอยู่เพียงเล็กน้อยหรือในบางกรณีอาจไม่มีเลย ก๊าซที่มีอยู่ก่อนและอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กจะกระจายหายไปหรือถูกจับโดยดาวเคราะห์
ในระบบสุริยะ ฝุ่นระหว่างดาวเคราะห์ในระนาบวงโคจรของดาวเคราะห์ (สุริยวิถี) ที่เกิดจากการชนกันของดาวเคราะห์น้อยหรือการกลายเป็นไอของดาวหางสามารถเห็นเป็นแสงจักรราศีจากบนโลก
นอกจากนี้ ในระหว่างการวิวัฒนาการจากจานดาวเคราะห์ก่อนเกิดไปสู่จานเศษซาก สามารถสังเกตเห็นการลดลงของจำนวนอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กระดับมิลลิเมตรในบริเวณรอบนอกของจานการเพิ่มขึ้นของปริมาณฝุ่นอุณหภูมิสูงในบริเวณวงในของจาน และการหายไปของก๊าซ
กระบวนการกระจายหายไป
หนึ่งในปรากฏการณ์สำคัญที่เกิดจากวิวัฒนาการของจานรอบดาวคือการกระจายหายไปของมวลสาร การวิจัยศึกษากระบวนการกระจายหายไปของมวลสารในแต่ละขั้นตอนวิวัฒนาการของจานรอบดาว ร่วมกับข้อมูลเกี่ยวกับมวลของดาวฤกษ์ใจกลางนั้น จะให้เบาะแสเกี่ยวกับมาตราส่วนเวลาวิวัฒนาการ ตัวอย่างเช่น จากผลการสังเกตการณ์กระบวนการกระจายหายไปของมวลสารในจานช่วงเปลี่ยนผ่าน (จานที่มีรูภายใน) ได้ประมาณอายุเฉลี่ยของจานรอบดาวฤกษ์ไว้ประมาณ 10 ล้านปี
ยังไม่มีทฤษฎีที่เป็นที่ยอมรับแน่ชัดเกี่ยวกับกลไกของกระบวนการกระจายหายไป รวมถึงช่วงระยะหรือมาตราส่วนเวลาที่กระบวนการกระจายหายไปเกิดขึ้น มีการเสนอสมมติฐานหลายข้อและลักษณะเชิงสังเกตการณ์ที่คาดการณ์ไว้ของจานเพื่ออธิบายกระบวนการกระจายหายไปของจานรอบดาวฤกษ์ สมมติฐานหลัก ๆ เช่น ฝุ่นจะทึบแสงน้อยลงเมื่อเติบโตเป็นอนุภาคขนาดใหญ่ขึ้นจึงสังเกตได้ยากขึ้น หรืออาจเกิดจากการระเหยด้วยแสงเนื่องจากโฟตอนของรังสีเอกซ์และรังสีอัลตราไวโอเลตที่มาจากดาวที่ใจกลาง (หรือ ลมดาวฤกษ์) หรืออาจเป็นเพราะได้รับอิทธิพลดาวเคราะห์ยักษ์ที่ก่อกำเนิดขึ้นภายในจาน
ระยะเวลาของกระบวนการกระจายหายไปนั้นคาดว่าจะค่อนข้างสั้น มีวัตถุท้องฟ้าที่ดูเหมือนว่าจะเกิดการกระจายหายไปทั้งวงด้านในและวงรอบนอกของจานรอบดาวฤกษ์เกือบพร้อม ๆ กัน หรืออาจเริ่มกระจายหายไปจากส่วนด้านในแล้วไล่ไปยังด้านนอก โดยคาดว่าอาจใช้เวลาประมาณ 5 แสนปีตั้งแต่เริ่มเกิดการกระจายจนหายไปหมด
วิวัฒนาการทางกลศาสตร์
จานรอบดาวฤกษ์จะไม่อยู่ในสภาวะสมดุล โดยจะค่อย ๆ เสียสมดุลและเกิดการเปลี่ยนแปลงไป ความหนาแน่นต่อพื้นที่จาน คำนวณได้จาก
ในที่นี้ คือระยะห่างแนวรัศมีจากจุดศูนย์กลางของจาน ส่วน แสดงค่าความหนืด ที่ตำแหน่ง สมการนี้ถือว่าแผ่นจานเป็นแบบมีแกนสมมาตร ไม่มีความแตกต่างในโครงสร้างตามแนวความหนาของแผ่นจาน
ความหนืดของจาน ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากตัวโมเลกุล หรือความปั่นป่วน จะทำให้เกิดการสูญเสียโมเมนตัมเชิงมุมไปยังด้านนอกของจาน แล้วในที่สุดจะทำให้มวลจำนวนมากไปพอกพูนเข้าที่ส่วนดาวฤกษ์ใจกลาง อัตราการเพิ่มมวลสู่ดาวฤกษ์ใจกลาง ขึ้นอยู่กับค่าความหนืด โดยคำนวณได้ดังนี้
ในที่นี้ คือเส้นผ่านศูนย์กลางด้านในของแผ่นจาน
อ้างอิง
- "Circumstellar Disks HD 141943 and HD 191089". ESA/Hubble images. สืบค้นเมื่อ 29 April 2014.
- Hartmann, Lee; еt al., "Accretion and the Evolution of T Tauri Disks", , 495 (1): 385–400, Bibcode:1998ApJ...495..385H, doi:10.1086/305277
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Benisty, M.; еt al., "A low optical depth region in the inner disk of the Herbig Ae star HR 5999", , 531: A84, Bibcode:2011A&A...531A..84B, doi:10.1051/0004-6361/201016091
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - de Wit, W. J.; еt al., "Mid-infrared interferometry towards the massive young stellar object CRL 2136: inside the dust rim", Astronomy and Astrophysics, 526: L5, Bibcode:2011A&A...526L...5D, doi:10.1051/0004-6361/201016062
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - "ALMA Reveals Planetary Construction Sites". ESO. สืบค้นเมื่อ 2015-12-21.
- 岡村定矩・家 正則・犬塚修一郎・小山勝二・千葉柾司・富阪幸治, บ.ก. (2012-07-20), 天文学辞典, シリーズ現代の天文学, vol. 別, 日本評論社, p. 214, ISBN
- "Exoplanet Caught on the Move". ESO. 2010-06-10. สืบค้นเมื่อ 2017-09-09.
- "Hubble directly observes planet orbiting Fomalhaut". ESA. 2008-11-13. สืบค้นเมื่อ 2017-09-09.
- Porter, John M.; Rivinius, Thomas, "Classical Be Stars", Publications of the Astronomical Society of the Pacific, 115 (812): 1153–1170, Bibcode:2003PASP..115.1153P, doi:10.1086/378307
- "Into the Chrysalis". ESO. 2007-09-27. สืบค้นเมื่อ 2017-09-12.
- Deroo, P.; еt al., "AMBER and MIDI interferometric observations of the post-AGB binary IRAS 08544-4431: the circumbinary disc resolved", Astronomy and Astrophysics, 474 (3): L45–L48, Bibcode:2007A&A...474L..45D, doi:10.1051/0004-6361:20078079
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - "Sharp Vision Reveals Intimacy of Stars". ESO. 2005-11-24. สืบค้นเมื่อ 2017-09-15.
- Domiciano de Souza, A.; еt al., "AMBER/VLTI and MIDI/VLTI spectro-interferometric observations of the B[e] supergiant CPD-57°2874. Size and geometry of the circumstellar envelope in the near- and mid-IR", Astronomy and Astrophysics, 464 (1): 81–86, Bibcode:2007A&A...464...81D, doi:10.1051/0004-6361:20054134
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Becklin, E. E.; еt al., "A Dusty Disk around GD 362, a White Dwarf with a Uniquely High Photospheric Metal Abundance", Astrophysical Journal, 632 (2): L119–L122, Bibcode:2005ApJ...632L.119B, doi:10.1086/497826
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Farihi, J.; Jura, M.; Zuckerman, B., "Infrared Signatures of Disrupted Minor Planets at White Dwarfs", Astrophysical Journal, 694 (2): 805–819, Bibcode:2009ApJ...694..805F, doi:10.1088/0004-637X/694/2/805
- "Planet-forming Lifeline Discovered in a Binary Star System". ESO. 2014-10-29. สืบค้นเมื่อ 2017-09-12.
- Bate, Matthew R.; Bonnell, Ian A., "Accretion during binary star formation - II. Gaseous accretion and disc formation", Monthly Notices of the Royal Astronomical Society, 285 (1): 33–48, Bibcode:1997MNRAS.285...33B, doi:10.1093/mnras/285.1.33
- Larwood, John D.; Papaloizou, John C. B., "The hydrodynamical response of a tilted circumbinary disc: linear theory and non-linear numerical simulations", Monthly Notices of the Royal Astronomical Society, 285 (2): 288–302, :astro-ph/9609145, Bibcode:1997MNRAS.285..288L, doi:10.1093/mnras/285.2.288
- Roddier, C.; еt al., "Adaptive Optics Imaging of GG Tauri: Optical Detection of the Circumbinary Ring", Astrophysical Journal, 463: 326–335, Bibcode:1996ApJ...463..326R, doi:10.1086/177245
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Bardeen, James M.; Petterson, Jacobus A. (1975-01-15), "The Lense-Thirring effect and accretion discs around Kerr black holes", Astrophysical Journal Letters, 195: L65–L67, Bibcode:1975ApJ...195L..65B, doi:10.1086/181711
- Terquem, C.; Papaloizou, J. C. B., "The response of an accretion disc to an inclined dipole with application to AA Tau", Astronomy and Astrophysics, 360: 1031–1042, :astro-ph/0006113, Bibcode:2000A&A...360.1031T
- Pringle, J. E., "Self-induced warping of accretion discs", Monthly Notices of the Royal Astronomical Society, 281 (1): 357–361, Bibcode:1996MNRAS.281..357P, doi:10.1093/mnras/281.1.357
- Maloney, Philip R.; Begelman, Mitchell C., "The Origin of Warped, Precessing Accretions Disks in X-Ray Binaries", Astrophysical Journal Letters, 491 (1): L43–L46, :astro-ph/9710060, Bibcode:1997ApJ...491L..43M, doi:10.1086/311058
- "The Birth of a Giant Planet?". ESO. 2013-02-28. สืบค้นเมื่อ 2017-09-15.
- "Boulevard of broken rings". ESO. 2016-06-20. สืบค้นเมื่อ 2017-09-15.
- "First Light for SPHERE Exoplanet Imager". ESO. 2014-06-04. สืบค้นเมื่อ 2017-09-15.
- "Planets in the making". ESO. สืบค้นเมื่อ 2016-12-26.
- Wyatt, M. C.; еt al., "Five steps in the evolution from protoplanetary to debris disk", Astrophysics and Space Science, 357 (2): 103, Bibcode:2015Ap&SS.357..103W, doi:10.1007/s10509-015-2315-6
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Mamajek, Eric E., "Initial Conditions of Planet Formation: Lifetimes of Primordial Disks", AIP Conference Proceedings, 1158: 3–10, :0906.5011, Bibcode:2009AIPC.1158....3M, doi:10.1063/1.3215910
- Cieza, Lucas; еt al., "The Spitzer c2d Survey of Weak-Line T Tauri Stars. II. New Constraints on the Timescale for Planet Building", Astrophysical Journal, 667 (1): 308–328, :0706.0563, Bibcode:2007ApJ...667..308C, doi:10.1086/520698
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Nelson, Andrew F.; Benz, Willy; Ruzmaikina, Tamara V., "Dynamics of Circumstellar Disks. II. Heating and Cooling", Astrophysical Journal, 529 (1): 357–390, Bibcode:2000ApJ...529..357N, doi:10.1086/308238
- Clarke, C.; Gendrin, A.; Sotomayor, M., "The dispersal of circumstellar discs: the role of the ultraviolet switch", Monthly Notices of the Royal Astronomical Society, 328: 485–491, Bibcode:2001MNRAS.328..485C, doi:10.1046/j.1365-8711.2001.04891.x
- Bryden, G.; еt al., "Tidally Induced Gap Formation in Protostellar Disks: Gap Clearing and Suppression of Protoplanetary Growth", Astrophysical Journal, 514 (1): 344–367, Bibcode:1999ApJ...514..344B, doi:10.1086/306917
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Williams, Jonathan P.; Cieza, Lucas A., "Protoplanetary Disks and Their Evolution", Annual Review of Astronomy and Astrophysics, 49 (1): 67–117, Bibcode:2011ARA&A..49...67W, doi:10.1146/annurev-astro-081710-102548
- Armitage, Philip J., "Dynamics of Protoplanetary Disks", Annual Review of Astronomy and Astrophysics, 49 (1): 195–236, :1011.1496, Bibcode:2011ARA&A..49..195A, doi:10.1146/annurev-astro-081710-102521
- McCabe, Caer (2007-05-30). . NASA JPL. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-06-12. สืบค้นเมื่อ 2007-07-17.
- Image Gallery of Dust disks (from Paul Kalas, "Circumstellar Disk Learning Site)"
อ่านเพิ่ม
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
canrxbdawvks xngkvs circumstellar disc circumstellar disk khux canphxkphunmwlkhxngssarthimirupthrngepnthxrs aephnekhkhruxwngaehwn prakxbdwy aeks funkhxsmik dawekhraahnxyaelaesschinswncakkarchninwngokhcrrxbdawvks rxb dawvksthixayunxythisud phwkmnepnaehlngkkekbssarthidawekhraahxackxtwkhunma sahrbdawvksthimixayu phwkmnbngchiwamikarkxtwkhxngessdawekhraah aelarxb dawaekhrakhaw phwkmnbngchiwassarkhxngdawekhraahrxdphncakkarwiwthnakarkhxngdawvksthnghmd candngklawsamarthaesdngxxkmaidhlayrupaebbcanrxbdaw HD 141943 aela HD 191089 phaphdanlangepnphaphprakxbcakphaphcringdanbnlksnakhxngcanrxbdawvksaetlaaebb source source source source source source daw sungmicanrxbdawvksaebbphidpktidawvksxayunxy inthvsdimatrthankhxngkarkxtwkhxngdawvksnn dawvksxayunxy hruxdawvkskxnekid ekidcakkarhdtwdwykhwamonmthwngkhxngmwlsarbangswnphayinemkhomelkulkhnadyks wsduthithukdungdudihekhamarwmtwknnimiomemntmechingmum aelakxtwepncandawekhraahkxnekidthimikasepnswnprakxbkhunmalxmrxbdawvksxayunxythikalnghmunrxbtwexng canrxbdawvksthikxtwkhunprakxbipdwykasaelafunhnaaenn aelayngkhngmissarodndudekhaipyngicklangdawxyueruxy aephncanmimwlephiyngimkiepxresntkhxngmwldawvksicklang aelakasswnihysungepnxngkhprakxbhlkkhuxihodrecn ehtukarnkarphxkphuncakinewlananhlaylanpi odypktiaelwmwlcakhxy thukdungdudekhaipsngsmbndawthiicklangeruxy praman 1 swnsiblanethaipcnthung 1 swnphnlanethakhxngmwldwngxathitytxpi aephncancakhxy eyntwlnginchwngthiyngepnwtthudawvksxayunxy xnuphakhfunthiprakxbcakhinaelanaaekhngcakxtwkhunphayincan aelaxacekaarwmtwknaelwklayepndawekhraahinthisud hakmwlkhxngcanmimakphx karekaarwmtwkncayingerngkhunipxikaelaekidepnwtthutnkaeniddawekhraahkhun karkxtwkhxngrabbdawekhraahepnphltamthrrmchatikhxngkrabwnkarkxtwdawvks sahrbdawvksaebbkhlaydwngxathity odypkticaichewlapraman 100 lanpiinkarwiwthnakaripsuaethbladbhlk sahrbdawvksmwlkhxnkhangtaechndawvkschnid thi wwnnodythwipcamiaephncanrxbdawvksxyu xyangirktam indawthimimwlmakkwann echn dawehxrbik exxi bixinn khadwakhwamdnrngsicakdawvksicklangcaaerngmakaelaepntwkhdkhwangkarkxtwkhxngcan xyangirktam karsuksalasudidihhlkthanthngthangthvsdiaelaechingsngektkarnsahrbkarkxtwkhxngcanrxbdawehxrbik exxi bixi sungthuktrwcphbodytrngechnkn nxkcakniyngmiphllphththibngchithungkarmixyukhxngcanindawvksxayunxythimimwlsungkwanixikdwy dawvksinaethbladbhlk phaphwadincintnakarkhxngcanchwngepliynphanrxbdawvksxayunxy emuxdawvkswiwthnakarekhasuchwngladbhlk canrxbdawvkscakhxy hayip swnihyaelwcahayipcakkrabwnkarkarraehydwyaesng inkhntxnni thamicanrxbdawvksxyumkcaepncanthixyuaekhchwkhraw hlngcakthixnuphakhthielklaexiydkwaswnihyidsuyesiyipodypraktkarnphxynting rxebirtsn khwamdnrngsi l funcakkarkrathbkhxngwtthuthxngfacakxtwepncanesssakkhun aephncanfunrxbdawaeladawekhraah cudthiiklicklang canfunrxbdawofmlhxtaeladawekhraahofmlhxtbi inchwngladbhlk canrxbdawvkspraephthtang nnepnthiruckkndiwawiwthnakarmacakcankxkaeniddawekhraah twxyangechn micanrxb sungklikkarkxtwimchdecn twxyanginrabbsuriya esssaktang thiprakxbkhunepnaephncaninrabbsuriyaprakxbipdwy aethbdawekhraahnxy khuxklumkhxngwtthukhnadelkinrabbsuriyathixyurahwangwngokhcrkhxngdawxngkhar aela dawphvhsbdi nxkcakniyngepnaehlngkaenidkhxngemkhfunrahwangdawekhraah aethbikhepxr epnphunthihnaaennkhxngwtthuthxngfanxkwngokhcrkhxngdawenpcun aethbhinkracay epnphunthihnaaennkhxngwtthuthikracdkracayxxkcakaethbikhepxr emkhhils epnklumkhxngwtthuthxngfathikracayepnwngaehwnrxbkhxbdaninkhxngemkhxxrt emkhxxrtchnnxkmiruprangiklekhiyngthrngklmmakkwahlngcakphnladbhlk canrxbrabbdawkhu mwlsarrxbdawvksthiphbrxbdawvksthiphncakladbhlkmaaelwnnekidcakkarkhbmwlxxkcakdawvksicklang mwlsarrxbdawvksnnmirupranghlakhlaytngaetepluxksmmatrthrngklmipcnthungokhrngsrangthimismmatraebbhmunkhlayaephncan okhrngsrangkhxngmwlsarrxbdawvkskhxngdawyksinaekhnngdawyksechingesnkakbnnekuxbcaepnthrngklmemuxduinphaphrwm aetemuxwiwthnakartxipcnklayepnenbiwladawekhraah mkcaaesdngruprangthimi echn aephncanrihruxepnesnkracayxxkipcaksxngkhwehnuxit dawvkshlngaekhnngyksechingesnkakbsungepnchwngthixyuinrahwangwiwthnakarchwngnnthukkhadkarnknmananaelwwanacamicanrxbdawvks aelaephingcamikarphbhlkthanodytrng twxyangechn cakkarsngektkarnxinethxrefxoremthrithimikhwamlaexiydsungidtrwcphbcanrxbdawvksthimiesnphansunyklangphayinethakb 10 AU rxbdaw sungepndawvkshlngwiwthnakarphanaekhnngyksechingesnkakb khadknwaokhrngsrangkhlayaephncanthiphbindawvksrayasudthaynnmikhwamekiywkhxngkbrabbdawkhu rwmthungsahrbkrnikhxng IRAS 08544 4431 nikechnediywkn phaphwadincintnakarkhxngdawyksihy B e sungtrwcphbhlkthanodytrngthungkarmixyukhxngaephncanody aemwacatrwcphbokhrngsrangrxbdawvksthiimmikhwamsmmatrepnthrngklmindawvksmwlmakthiwiwthnakaraelwcanwnmak aetkimphbhlkthanodytrngwamiaephncanxyu hlkthanthangxxmbngchiwadawpraephththiepnipidmakthisudthicamicanrxbdawkhuxdaw B e sungmikarhmunrxbtwexngxyangrwderwaelaxacepntnkaenidaesngwabrngsiaekmma epnipidthicakxihekidkarsngsmmwlsarbnaethbesnsunysutrkhxngdaw chwngplaychiwitdawvks mikarphbwadawaekhrakhawbangdwngmikaraephrngsiinchwngxinfraerdmakepnphiess sungechuxwamisaehtumacakaephncanrxbdawvksthiprakxbkhuncakfun funthiprakxbepncannnechuxwaepnsakkhxngwtthuthxngfasungkhrnghnungekhykxtwepnrabbdawekhraah echn dawekhraahnxy nxkcakni dawmwlxdaennxyang dawaekhrakhaw dawniwtrxn aela hlumda odyechphaaxyangyinginwtthuthxngfasungdawpthmphumikhxngrabbdawkhuaebbiklchididthungcudsinsudaelaklayepndawmwlxdaennipaelw kascahmunrxbdawmwlxdaennipinkhnathikhxy tklngsuinklangeruxy sungxacekidepncanphxkphunmwlkhun rabbdawkhu phaphwadincintnakarkhxngkasaelafunrxbdaw emuxekidkarrwbrwmkaskhuninrabbdawkhu kxackxtwepncankhunmainrabbdawkhunnid rabbdawkhuthisngsmkassungmiomemntmechingmummkcakxtwepncanidngay caninrabbdawkhuxacaebngxxkepn 3 praephth canrxbdawpthmphumi dawvksmwlmakkwain 2 dwng samarthkxtwkhunidhakkasthisasmmiomemntmechingmumxyu canrxbdawthutiyphumi dawvksmwlnxykwa odypkticaimsamarthkxtwid ewnaetkasthisngsmcamiomemntmechingmumsungephiyngphx khnadomemntmechingmumthicaepnnncaphicarnacakxtraswnmwlkhxngdawvkspthmphumitxdawvksthutiyphumi canrxbdawkhu circumbinary disc epncanthikxtwkhunlxmrxbthngdawpthmphumiaeladawthutiyphumi odymiesnphansunyklangphayinihykwawngokhcrkhxngdawkhu echuxknwacanrxbdawkhumimwlsungsudxyuthi 0 5 khxngmwldwngxathity rabbdawthimicanrxbdawkhuxyuidaek epntn canmkmilksnasmmatraelakxtwinranabkarokhcrkhxngrabbdawkhu aetxacidrbphlkrathbcakpraktkarnkhxngbardin ephtetxrsn snamaemehlkkhwkhuthiimsmaesmxkhwamdnrngsi aelaaerngnakhunlng thaihaephncanxacbidtwhruxexiyng twxyangkhxngcanaebbexiyngsamarthphbidin epntn karaephrngsiexkscaldlngaelaephimkhunepnkhab 30 thung 300 wn sungnankwakhabkarokhcrkhxngdawkhumak snnisthanwaekidcakkarhmunkhwngkhxngcanrxbdawvkspthmphumihruxcanrxbdawkhu sungodypkticaokhcrklbthisemuxethiybkbwngokhcrkhxngdawkhuwiwthnakarkhxngcanrxbdawvkscanfunrxbdawvksxayunxy sungkhadwaepncanchwngepliynthaywngaehwnfunrxbdawvksxayunxywngaehwnfunbang rxbdawcankasaelafunrxbdawvksxayunxy swnthiehnepnchxngwangphayinaephncanekidcakkarthikasaelafunhayip sungkhadwaekidcakkarthimidawekhraahkxtwkhun wiwthnakarkhxngcanrxbdawvksxacaebngxxkepnhlaykhntxntamkarepliynaeplngtamchwngwiwthnakarkhxngokhrngsrangaelaswnprakxbhlk withikarcaaenkaebbhnungkhuxduthikhnadkhxngxnuphakh echn fun sungepnswnprakxbhlkkhxngcan odyechphaaxyangying mirayathixnuphakhkhnad 1 mm lngmaepnxngkhprakxbhlk rayathixnuphakhetibotklayepnxnuphakhkhnadihykhun rayathimikhwamhnaaennmakkhunaelakxtwepndawekhraahkxnekid aela rayathietibottxipxikcnekidepnrabbdawekhraahkhun xikthangeluxkhnung cakprimankhxngkasaelaaebbcalxngkhxngkarkxtwdawthangthvsdi xaccaaenkxxkepn 3 khntxndngni candawekhraahkxnekid epncanthimissardngedimcanwnmak echn kasaelafun sungxackxtwepndawekhraah canchwngepliynphan khuxcanthikasaelafunhmdlngaelaxyuintaaehnngrahwangcankxkaeniddawekhraahaelacanesssak khnadkhxngxnuphakhfuncaihykwakhnadkhxngcandawekhraahkxnekid aelakhwamhnakhxngesnrxbwngrxbnxkkhxngcankldlngdwy emuxwiwthnakardaeninip camirupraktkhuntrngklangkhxngcan canesssak epncanthiprakxbdwyfunlaexiyd aelakasthiekidcakkarchnknaelakarklayepnix odyxacmikasxyuephiyngelknxyhruxinbangkrnixacimmiely kasthimixyukxnaelaxnuphakhfunkhnadelkcakracayhayiphruxthukcbodydawekhraah inrabbsuriya funrahwangdawekhraahinranabwngokhcrkhxngdawekhraah suriywithi thiekidcakkarchnknkhxngdawekhraahnxyhruxkarklayepnixkhxngdawhangsamarthehnepnaesngckrrasicakbnolk nxkcakni inrahwangkarwiwthnakarcakcandawekhraahkxnekidipsucanesssak samarthsngektehnkarldlngkhxngcanwnxnuphakhfunkhnadelkradbmilliemtrinbriewnrxbnxkkhxngcankarephimkhunkhxngprimanfunxunhphumisunginbriewnwnginkhxngcan aelakarhayipkhxngkas krabwnkarkracayhayip hnunginpraktkarnsakhythiekidcakwiwthnakarkhxngcanrxbdawkhuxkarkracayhayipkhxngmwlsar karwicysuksakrabwnkarkracayhayipkhxngmwlsarinaetlakhntxnwiwthnakarkhxngcanrxbdaw rwmkbkhxmulekiywkbmwlkhxngdawvksicklangnn caihebaaaesekiywkbmatraswnewlawiwthnakar twxyangechn cakphlkarsngektkarnkrabwnkarkracayhayipkhxngmwlsarincanchwngepliynphan canthimiruphayin idpramanxayuechliykhxngcanrxbdawvksiwpraman 10 lanpi yngimmithvsdithiepnthiyxmrbaenchdekiywkbklikkhxngkrabwnkarkracayhayip rwmthungchwngrayahruxmatraswnewlathikrabwnkarkracayhayipekidkhun mikaresnxsmmtithanhlaykhxaelalksnaechingsngektkarnthikhadkarniwkhxngcanephuxxthibaykrabwnkarkracayhayipkhxngcanrxbdawvks smmtithanhlk echn funcathubaesngnxylngemuxetibotepnxnuphakhkhnadihykhuncungsngektidyakkhun hruxxacekidcakkarraehydwyaesngenuxngcakoftxnkhxngrngsiexksaelarngsixltraiwoxeltthimacakdawthiicklang hrux lmdawvks hruxxacepnephraaidrbxiththiphldawekhraahyksthikxkaenidkhunphayincan rayaewlakhxngkrabwnkarkracayhayipnnkhadwacakhxnkhangsn miwtthuthxngfathiduehmuxnwacaekidkarkracayhayipthngwngdaninaelawngrxbnxkkhxngcanrxbdawvksekuxbphrxm kn hruxxacerimkracayhayipcakswndaninaelwilipyngdannxk odykhadwaxacichewlapraman 5 aesnpitngaeterimekidkarkracaycnhayiphmd wiwthnakarthangklsastr canrxbdawvkscaimxyuinsphawasmdul odycakhxy esiysmdulaelaekidkarepliynaeplngip khwamhnaaenntxphunthican s displaystyle sigma khanwnidcak S t 3r r r1 2 rnSr1 2 displaystyle frac partial Sigma partial t frac 3 r frac partial partial r left r 1 2 frac partial partial r nu Sigma r 1 2 right inthini r displaystyle r khuxrayahangaenwrsmicakcudsunyklangkhxngcan swn n displaystyle nu aesdngkhakhwamhnud thitaaehnng r displaystyle r smkarnithuxwaaephncanepnaebbmiaeknsmmatr immikhwamaetktanginokhrngsrangtamaenwkhwamhnakhxngaephncan khwamhnudkhxngcan sungxacekidkhuncaktwomelkul hruxkhwampnpwn cathaihekidkarsuyesiyomemntmechingmumipyngdannxkkhxngcan aelwinthisudcathaihmwlcanwnmakipphxkphunekhathiswndawvksicklang xtrakarephimmwlsudawvksicklang M displaystyle dot M khunxyukbkhakhwamhnud n displaystyle nu odykhanwniddngni M 3pnS 1 rinr 1 displaystyle dot M 3 pi nu Sigma left 1 sqrt frac r text in r right 1 inthini rin displaystyle r text in khuxesnphansunyklangdaninkhxngaephncanxangxing Circumstellar Disks HD 141943 and HD 191089 ESA Hubble images subkhnemux 29 April 2014 Hartmann Lee et al Accretion and the Evolution of T Tauri Disks 495 1 385 400 Bibcode 1998ApJ 495 385H doi 10 1086 305277 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Citation title aemaebb Citation citation a CS1 maint multiple names authors list lingk Benisty M et al A low optical depth region in the inner disk of the Herbig Ae star HR 5999 531 A84 Bibcode 2011A amp A 531A 84B doi 10 1051 0004 6361 201016091 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Citation title aemaebb Citation citation a CS1 maint multiple names authors list lingk de Wit W J et al Mid infrared interferometry towards the massive young stellar object CRL 2136 inside the dust rim Astronomy and Astrophysics 526 L5 Bibcode 2011A amp A 526L 5D doi 10 1051 0004 6361 201016062 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Citation title aemaebb Citation citation a CS1 maint multiple names authors list lingk ALMA Reveals Planetary Construction Sites ESO subkhnemux 2015 12 21 岡村定矩 家 正則 犬塚修一郎 小山勝二 千葉柾司 富阪幸治 b k 2012 07 20 天文学辞典 シリーズ現代の天文学 vol 別 日本評論社 p 214 ISBN 978 4 535 60738 5 Exoplanet Caught on the Move ESO 2010 06 10 subkhnemux 2017 09 09 Hubble directly observes planet orbiting Fomalhaut ESA 2008 11 13 subkhnemux 2017 09 09 Porter John M Rivinius Thomas Classical Be Stars Publications of the Astronomical Society of the Pacific 115 812 1153 1170 Bibcode 2003PASP 115 1153P doi 10 1086 378307 Into the Chrysalis ESO 2007 09 27 subkhnemux 2017 09 12 Deroo P et al AMBER and MIDI interferometric observations of the post AGB binary IRAS 08544 4431 the circumbinary disc resolved Astronomy and Astrophysics 474 3 L45 L48 Bibcode 2007A amp A 474L 45D doi 10 1051 0004 6361 20078079 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Citation title aemaebb Citation citation a CS1 maint multiple names authors list lingk Sharp Vision Reveals Intimacy of Stars ESO 2005 11 24 subkhnemux 2017 09 15 Domiciano de Souza A et al AMBER VLTI and MIDI VLTI spectro interferometric observations of the B e supergiant CPD 57 2874 Size and geometry of the circumstellar envelope in the near and mid IR Astronomy and Astrophysics 464 1 81 86 Bibcode 2007A amp A 464 81D doi 10 1051 0004 6361 20054134 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Citation title aemaebb Citation citation a CS1 maint multiple names authors list lingk Becklin E E et al A Dusty Disk around GD 362 a White Dwarf with a Uniquely High Photospheric Metal Abundance Astrophysical Journal 632 2 L119 L122 Bibcode 2005ApJ 632L 119B doi 10 1086 497826 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Citation title aemaebb Citation citation a CS1 maint multiple names authors list lingk Farihi J Jura M Zuckerman B Infrared Signatures of Disrupted Minor Planets at White Dwarfs Astrophysical Journal 694 2 805 819 Bibcode 2009ApJ 694 805F doi 10 1088 0004 637X 694 2 805 Planet forming Lifeline Discovered in a Binary Star System ESO 2014 10 29 subkhnemux 2017 09 12 Bate Matthew R Bonnell Ian A Accretion during binary star formation II Gaseous accretion and disc formation Monthly Notices of the Royal Astronomical Society 285 1 33 48 Bibcode 1997MNRAS 285 33B doi 10 1093 mnras 285 1 33 Larwood John D Papaloizou John C B The hydrodynamical response of a tilted circumbinary disc linear theory and non linear numerical simulations Monthly Notices of the Royal Astronomical Society 285 2 288 302 astro ph 9609145 Bibcode 1997MNRAS 285 288L doi 10 1093 mnras 285 2 288 Roddier C et al Adaptive Optics Imaging of GG Tauri Optical Detection of the Circumbinary Ring Astrophysical Journal 463 326 335 Bibcode 1996ApJ 463 326R doi 10 1086 177245 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Citation title aemaebb Citation citation a CS1 maint multiple names authors list lingk Bardeen James M Petterson Jacobus A 1975 01 15 The Lense Thirring effect and accretion discs around Kerr black holes Astrophysical Journal Letters 195 L65 L67 Bibcode 1975ApJ 195L 65B doi 10 1086 181711 Terquem C Papaloizou J C B The response of an accretion disc to an inclined dipole with application to AA Tau Astronomy and Astrophysics 360 1031 1042 astro ph 0006113 Bibcode 2000A amp A 360 1031T Pringle J E Self induced warping of accretion discs Monthly Notices of the Royal Astronomical Society 281 1 357 361 Bibcode 1996MNRAS 281 357P doi 10 1093 mnras 281 1 357 Maloney Philip R Begelman Mitchell C The Origin of Warped Precessing Accretions Disks in X Ray Binaries Astrophysical Journal Letters 491 1 L43 L46 astro ph 9710060 Bibcode 1997ApJ 491L 43M doi 10 1086 311058 The Birth of a Giant Planet ESO 2013 02 28 subkhnemux 2017 09 15 Boulevard of broken rings ESO 2016 06 20 subkhnemux 2017 09 15 First Light for SPHERE Exoplanet Imager ESO 2014 06 04 subkhnemux 2017 09 15 Planets in the making ESO subkhnemux 2016 12 26 Wyatt M C et al Five steps in the evolution from protoplanetary to debris disk Astrophysics and Space Science 357 2 103 Bibcode 2015Ap amp SS 357 103W doi 10 1007 s10509 015 2315 6 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Citation title aemaebb Citation citation a CS1 maint multiple names authors list lingk Mamajek Eric E Initial Conditions of Planet Formation Lifetimes of Primordial Disks AIP Conference Proceedings 1158 3 10 0906 5011 Bibcode 2009AIPC 1158 3M doi 10 1063 1 3215910 Cieza Lucas et al The Spitzer c2d Survey of Weak Line T Tauri Stars II New Constraints on the Timescale for Planet Building Astrophysical Journal 667 1 308 328 0706 0563 Bibcode 2007ApJ 667 308C doi 10 1086 520698 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Citation title aemaebb Citation citation a CS1 maint multiple names authors list lingk Nelson Andrew F Benz Willy Ruzmaikina Tamara V Dynamics of Circumstellar Disks II Heating and Cooling Astrophysical Journal 529 1 357 390 Bibcode 2000ApJ 529 357N doi 10 1086 308238 Clarke C Gendrin A Sotomayor M The dispersal of circumstellar discs the role of the ultraviolet switch Monthly Notices of the Royal Astronomical Society 328 485 491 Bibcode 2001MNRAS 328 485C doi 10 1046 j 1365 8711 2001 04891 x Bryden G et al Tidally Induced Gap Formation in Protostellar Disks Gap Clearing and Suppression of Protoplanetary Growth Astrophysical Journal 514 1 344 367 Bibcode 1999ApJ 514 344B doi 10 1086 306917 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Citation title aemaebb Citation citation a CS1 maint multiple names authors list lingk Williams Jonathan P Cieza Lucas A Protoplanetary Disks and Their Evolution Annual Review of Astronomy and Astrophysics 49 1 67 117 Bibcode 2011ARA amp A 49 67W doi 10 1146 annurev astro 081710 102548 Armitage Philip J Dynamics of Protoplanetary Disks Annual Review of Astronomy and Astrophysics 49 1 195 236 1011 1496 Bibcode 2011ARA amp A 49 195A doi 10 1146 annurev astro 081710 102521 McCabe Caer 2007 05 30 NASA JPL khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 06 12 subkhnemux 2007 07 17 Image Gallery of Dust disks from Paul Kalas Circumstellar Disk Learning Site wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb canrxbdawvksxanephimcanphxkphunmwl dawekhraahnxkrabb kaenidaelawiwthnakarkhxngrabbsuriya