อาร์เอ็มเอส ลูซิเทเนีย (อังกฤษ: RMS Lusitania) หรือชื่อเต็มคือ เรือไปรษณีย์หลวงลูซิเทเนีย (Royal Mail Steamer Lusitania) เป็นเรือเดินสมุทรสัญชาติอังกฤษ ของสายการเดินเรือคิวนาร์ด (Cunard Line) ที่ครอบครองรางวัลบลูริบันด์ (Blue Riband) ซึ่งมอบให้กับเรือที่เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกด้วยเวลาน้อยที่สุด และเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น เดินสมุทรครั้งแรกในปี ค.ศ. 1906 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การค้าขายระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นไปอย่างคึกคักและมีการแข่งขันที่รุนแรง ต่อมาในปี ค.ศ. 1915 เรือลูซิเทเนียถูกยิงด้วยตอร์ปิโดและอับปางลงโดยเรือดำน้ำของเยอรมัน คร่าชีวิตลูกเรือและผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 1,198 คน
อาร์เอ็มเอส ลูซิเทเนีย เดินทางมาถึงท่าเรือนิวยอร์ก ในปี ค.ศ. 1907 | |
ประวัติ | |
---|---|
สหราชอาณาจักร | |
ชื่อ | อาร์เอ็มเอส ลูซิเทเนีย (RMS Lusitania) |
ตั้งชื่อตาม | ลูซิเทเนีย (จังหวัดของโรมันโบราณ) |
เจ้าของ | คิวนาร์ดไลน์ |
ผู้ให้บริการ | คิวนาร์ดไลน์ |
เส้นทางเดินเรือ | ลิเวอร์พูล – นิวยอร์ก แวะที่แชร์บูร์ก และคอร์ก |
อู่เรือ | , ไคลด์แบงก์, สกอตแลนด์ |
Yard number | 367 |
ปล่อยเรือ | 17 สิงหาคม 1904 |
สร้างเสร็จ | 26 สิงหาคม 1907 |
Maiden voyage | 7 กันยายน 1907 |
บริการ | 1907–1915 |
หยุดให้บริการ | 7 พฤษภาคม 1915 |
รหัสระบุ |
|
ความเป็นไป | อัปปางโดยตอร์ปิโดของเรือดำน้ำ U-20 ของเยอรมันในวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1915 ซากเรืออยู่ห่างประภาคาร Old Head of kinsale ประมาณ 11 ไมล์ (18 กม.) ที่ความลึก 305 ฟุต (93 เมตร) ในตำแหน่ง |
ลักษณะเฉพาะ | |
ชั้น: | |
ประเภท: | เรือเดินสมุทร |
ขนาด (ตัน): | 31,550 ตันกรอส (GRT) |
ขนาด (ระวางขับน้ำ): | 44,767 ตัน |
ความยาว: | 239.9 เมตร (787 ฟุต) |
ความกว้าง: | 26.5 เมตร (87 ฟุต) |
ความสูง: | 43.9 เมตร (144 ฟุต) จากกระดูกงูถึงปลายปล่องไฟ |
กินน้ำลึก: | 10.2 เมตร (33.6 ฟุต) |
ดาดฟ้า: | 9 ชั้น |
ระบบพลังงาน: |
|
ระบบขับเคลื่อน: | ใบจักร 4 ตัว แต่ละตัวมีขนาด 17 ฟุต (5.1 เมตร) หนักละ 21 ตัน พวงใบจักรมี 3 ใบ (4 ใบในปี 1909) |
ความเร็ว: | ความเร็วสูงสุด: 26.7 นอต (49.4 กม./ชม.) ความเร็วมาตรฐาน: 25 นอต (46.3 กม./ชม.) |
ความจุ: |
|
ลูกเรือ: | 850 คน |
หมายเหตุ: | เป็นเรือเดินสมุทรสี่ปล่องไฟลำแรกของอังกฤษ |
ในขณะนั้น สายการเดินเรือสมุทรของเยอรมันมีแน้วโน้มที่จะผูกขาดเส้นทางเดินเรือสมุทรอันมั่งคั่งจากการอพยพย้ายถิ่นข้ามทวีป สายการเดินเรือคิวนาร์ดจึงตอบโต้คู่แข่งด้วยการสร้างเรือที่เหนือกว่าในเชิงของความเร็ว ความจุผู้โดยสาร และความหรูหรา อาร์เอ็มเอส ลูซิเทเนีย และเรือคู่แฝด อาร์เอ็มเอส มอริเทเนีย จึงถูกสร้างขึ้นจากเครื่องยนต์กังหันไอน้ำแบบใหม่ที่ปฏิวัติวงการเดินเรือสมุทร ทำให้เรือสามารถแล่นด้วยความเร็วสูงสุด 25 นอตต่อชั่วโมง ภายในมีการติดตั้งลิฟต์ และระบบไฟฟ้าส่องสว่าง อีกทั้งยังมีพื้นที่รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 มากกว่าเรือเดินสมุทรลำอื่น ๆ รวมไปถึงพื้นที่ของผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่ได้รับการกล่าวขานถึงการตกแต่งที่หรูหราและโอ่อ่า
ในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1915 เรือได้แล่นออกจากท่าที่นครนิวยอร์กมุ่งหน้าสู่ลิเวอร์พูล ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นการเดินทางเที่ยวสุดท้ายของเรือ ช่วงเวลานั้นเองที่การสู้รบด้วยเรือดำน้ำแบบไม่จำกัดขอบเขตในมหาสมุทรแอตแลนติกอันเป็นส่วนหนึ่งของการสู้รบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งกำลังทวีความรุนแรงขึ้น ก่อนหน้านี้เยอรมนีได้ประกาศให้น่านน้ำรอบสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เป็นเขตสู้รบ ส่วนสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีในสหรัฐอเมริกาเองก็ได้ลงโฆษณาตามหน้าหนังสือพิมพ์ กล่าวเตือนประชาชนไม่ให้โดยสารไปกับเรือลูซิเทเนีย
ต่อมา ในบ่ายของวันที่ 7 พฤษภาคม อาร์เอ็มเอส ลูซิเทเนีย ถูกเรืออูเยอรมันยิงตอร์ปิโดเข้าใส่ภายในเขตน่านน้ำที่ถูกประกาศให้เป็นเขตสู้รบ ซึ่งห่างจากแนวชายฝั่งของไอร์แลนด์เป็นระยะทาง 11 ไมล์ (18 กิโลเมตร) เกิดการระเบิดขึ้นจากภายในเรือสองครั้ง ทำให้เรืออับปางลงภายในระยะเวลา 18 นาทีหลังจากการระเบิดครั้งที่สอง
จากการโจมตีเรือพลเรือนโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าในครั้งนี้ เยอรมนีได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศที่รู้จักกันในนาม กฎเรือเดินสมุทร (Cruiser Rules) แต่กระนั้นเองฝ่ายเยอรมันก็มีเหตุผลของตนที่จะพิจารณาลูซิเทเนียว่าเป็นเรือรบของกองทัพ เพราะว่าภายในเรือได้บรรทุกยุทโธปกรณ์สงครามที่ซึ่งฝ่ายอังกฤษเองก็ได้ละเมิดกฎเรือเดินสมุทรด้วยเช่นกัน การอัปปางลงของเรือลูซิเทเนียจุดชนวนให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 128 คน เป็นชาวอเมริกัน นอกจากนี้เหตุการณ์ดังกล่าวยังเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สหรัฐอเมริกาประกาศเข้าร่วมสงครามในปี ค.ศ. 1917
สาเหตุการสร้างเรือลูซิเทเนีย
ใน ค.ศ. 1901 (SS Kaiser Wilhelm der Grosse) ของสายการเดินเรือนอร์ดดอยเชอร์ลอยด์ (Norddeutscher Lloyd) ได้แย่งรางวัลบลูริบบันด์ (Blue Riband) ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับเรือที่เร็วที่สุดในโลกไปจาก (RMS Lucania) ของสายการเดินเรือคิวนาร์ด
ใน ค.ศ. 1901 สายการเดินเรือไวต์สตาร์ไลน์ (White Star Line) ได้ตัดสินใจสร้างเรือโดยสารที่ใหญ่กว่าเรือ เอสเอส เกรท อีสเทิร์น (SS Great Eastern) เป็นลำแรก โดยจัดทำเป็นโครงการสร้างเรือใหญ่ 4 ลำ
เรือทั้งสี่ลำจะมีขนาดกว่า 20,000 ตัน เน้นการออกแบบภายในเรือที่สะดวกสบาย โดยเรือลำแรกของโครงการดังกล่าวคือเรือ (RMS Celtic) ปล่อยลงน้ำครั้งแรกในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1901 ต่อมาได้กลายเป็นเรือโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาด 21,035 ตัน ตามมาด้วยเรือ (RMS Cedric) แต่มันไม่ได้เป็นเรือโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ใน ค.ศ. 1905 เมื่อเรือ (SS Amerika) ของสายการเดินเรือ (Hamburg America Line; HAPAG) สร้างเสร็จ จึงได้แย่งตำแหน่งเรือโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปจาก แต่อยู่ในตำแหน่งได้ไม่ทันจบปี ค.ศ. 1905 เรือโดยสารลำที่ 3 ของโครงการ 4 เรือยักษ์ คือ (RMS Baltic) ซึ่งสร้างเสร็จในปีเดียวกัน และชิงตำแหน่งเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกกลับคืนสู่สายการเดินเรือไวต์สตาร์ไลน์ได้ 1 ปี ก่อนจะถูกสายการเดินเรืออื่นแย่งตำแหน่งไปอีก
และเรือลำสุดท้ายของโครงการ สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1907 คือเรือ (RMS Adriatic) แต่เรือลำนี้ไม่ได้เป็นเรือโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เรือ (SS Kaiserin Auguste Victoria) จากสายการเดินเรืออื่น ได้แย่งตำแหน่งเรือโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปจา ในปี ค.ศ. 1906
ลักษณะเฉพาะของเรือ
ขับเคลื่อนด้วย 4 ใบจักร หม้อน้ำรวม 25 ชุด ส่งเชื้อเพลิงให้เครื่องยนต์ 4 ตัว เครื่องยนต์ 4 ตัว หมุนใบจักร 4 ใบ รวม 76,000 แรงม้า เร่งความเร็วเรือได้สูงสุด 26.7 น็อต (49.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ความเร็วมาตรฐาน 25 น็อต (46.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ในการบรรจุผู้โดยสาร โดยปกติ เรือลูซิเทเนีย สามารถจุผู้โดยสารได้ 2,198 คน โดยแบ่งเป็น ชั้นสาม 1,186 คน, ชั้นสอง 460 คน และชั้นหนึ่ง 552 คน และลูกเรีออีก 850 คน ยาว 239.88 เมตร กว้าง 26.52 เมตร ขนาดของเรือ 31,550 ตัน
ลูซิเทเนีย คือชื่อของจังหวัดโรมันโบราณ ปัจจุบันคือประเทศโปรตุเกส
ลักษณะทั่วไปอื่น ๆ
- ปล่องไฟ: 4 ปล่อง
- การทาสี: ปลายปล่องไฟทาสีดำ ตัวปล่องทาสีแดง (ต่อมาทั้งปล่องทาเป็นสีเทาเข้ม) โดยมีแถบสีดำสามแถบรอบ ๆ, ซุเปอร์สตรัคเจอร์ทาสีขาวงาช้าง, ตัวเรือทำสีดำ โดยมีแถบสีทองคาดกลางระหว่างตัวเรือกับซูเปอร์สตรัคเจอร์ตลอดความยาวเรือ, ท้องเรือใต้แนวน้ำทาสีแดง, ใบจักรสีทองบรอนซ์
- หัวเรือและท้ายเรือ: สมอเรือ 2 ตัว, เสากระโดงเรือ 2 ตัว
กัปตันเรือ
- 1907-1908: เจมส์ วัตต์
- 1908-1912: วิลเลียม เทอร์เนอร์
- 1912-1913: เจมส์ ชาลส์
- 1913-1915: แดเนียล ดาว
- 1915: วิลเลียม เทอร์เนอร์
เปรียบเทียบกับเรือตระกูลโอลิมปิก
ลูซิเทเนียและมอริเทเนียมีขนาดเล็กกว่าเรือตระกูลโอลิมปิกของสายการเดินเรือไวต์ สตาร์ ไลน์ (ออกบริการครั้งแรก 5 ปีในต่อมา) สายการเดินเรือคูนาร์ดไม่สามารถรับประกันได้ทุกสัปดาห์ว่า เรือคู่แฝดนี้จะสามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกตามเวลาที่กำหนด ถึงแม้ว่าเรือลูซิเทเนียและมอริเตเนียจะสามารถทำความเร็วได้ดีกว่า แต่เรือตระกูลโอลิมปิกได้เปรียบด้านขนาดและความหรูหรา สายการเดินเรือคูนาร์ดจึงสั่งต่อเรือลำที่สาม คือเรือ อาร์เอ็มเอส อากิทาเนีย (RMS Aquitania) ขึ้นภายในเวลาหลังจากสายการเดินเรือไวต์สตาร์ประกาศต่อเรือโอลิมปิกไม่นาน เรือลำที่สามต่อขึ้นในอู่ต่อเรือจอห์น บราวน์ ใน ค.ศ. 1914 โดยออกแบบให้เรือทำความเร็วได้ช้าลงกว่าเรือแฝด แต่มีขนาดใหญ่และหรูหราขึ้นจากเดิมเช่นเดียวกับเรือตระกูลโอลิมปิก เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกลับคืนมา
ประวัติ
สายการเดินเรือคูนาร์ด (Cunard Line) ซึ่งเป็นคู่แข่งรายสำคัญของไวต์สตาร์ไลน์ ได้ต่อเรือ อาร์เอ็มเอส ลูซิเทเนีย (RMS Lusitania) ต่อขึ้นในอู่ต่อเรือ John Brown เริ่มวางกระดูกในวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 1904 โดยในปีเดียวกัน คูนาร์ดก็สร้าง อาร์เอ็มเอส มอริเทเนีย (RMS Mauretania) ที่ต่อขึ้นในอู่ต่อเรือ Tyneside หลังจากเสร็จสิ้นโครงการเรือลูซิเทเนียในปี ค.ศ. 1907 ได้กลายเป็นเรือโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกแทนเรือ SS Kaiserin Auguste Victoria และหลังจากนั้นไม่นาน เรืออาร์เอ็มเอส มอริเตเนีย ก็ได้ตำแหน่งเรือโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกแทน ทั้งคู่มีขนาดใหญ่กว่า 30000 ตัน แล่นด้วยความบริการ 24 นอต (44.45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เป็นเรือแฝดรุ่นใหม่ของคูนาร์ด
ในวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 1906 เรือลูซิเทเนียถูกปล่อยลงน้ำเป็นครั้งแรก และในวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1907 ได้มีการทดสอบเรือลูซิเทเนีย ในระหว่างการทดสอบเรือเบื้องต้น มีบันทึกอย่างเป็นทางการว่าความเร็วเรือที่สามารถทำได้ทำลายทุกสถิติความเร็วที่เคยมีมาในวงการเดินเรือขนส่ง แต่วิศวกรเรือและเจ้าหน้าที่พบว่าที่ความเร็วเรือสูงสุดเกิดการสั่นสะเทือนบริเวณท้ายเรืออย่างรุนแรง คูนาร์ดจึงนำเรือกลับเข้าอู่อีกครั้งเพื่อไปเพิ่มความแข็งแรงทางโครงสร้างบริเวณดังกล่าว และส่งต่อให้กับบริษัทเป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1907
ออกเดินทางเที่ยวแรกจากเมืองเซาแทมป์ตัน สหราชอาณาจักร ไปยังนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 1907 ชิงรางวัลบลูริบบันด์ทิศตะวันออกไปจากเอสเอส ไคเซอร์ วิลเฮล์มที่ 2 (SS Kaiser Wilhelm II) ของสายการเดินเรือนอร์ดดอยเชอร์ลอยด์ ต่อมามอริเตเนียได้รับรางวัลบลูริบบันด์แทนที่ลูซิเทเนียอย่างถาวรในเดือนกันยายนปีเดียวกัน มอริเตเนียกลายเป็นเรือขนส่งกองทหารและเรือพยาบาล ในขณะที่ลูซิเทเนียบริการเป็นเรือเดินสมุทร
การเดินทางเที่ยวสุดท้าย
ลูซิเทเนียแล่นออกจากท่าเรือ 54 ที่นิวยอร์กในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1915 และก่อนหน้านี้สถานทูตเยอรมันในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ออกประกาศเตือนในวันที่ 22 เมษายน มีใจความว่า
คำเตือน!
- ผู้เดินทางที่มีความประสงค์จะโดยสารเรือเดินสมุทรแถบแอตแลนติก โปรดทราบว่า ขณะนี้มีภาวะสงครามระหว่างเยอรมันพร้อมพันธมิตรฝ่ายหนึ่ง แลบริเตนใหญ่พร้อมพันธมิตรอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเขตสงครามนั้นครอบคลุมไปถึงน่านน้ำอันคาบเกี่ยวกับหมู่เกาะอังกฤษ ฉนั้น รัฐบาลจักรวรรดิเยอรมันจึงขอประกาศเตือนอย่างเป็นทางการว่า บรรดาเรือที่ติดธงบริเตนหรือพันธมิตรของบริเตน อาจถูกทำให้อัปปางลงในน่านน้ำดังกล่าว ดังนั้นผู้ที่จะโดยสารเรือของบริเตนแลพันธมิตรของบริเตนในเขตสงครามนั้น ต้องรับความเสี่ยงเอาเอง
สถานเอกอัครราชทูตจักรวรรดิเยอรมัน
กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. 22 เมษายน 1915
นี่คือคำเตือนที่ประกาศเอาไว้ถัดจากข้อความโฆษณาของลูซิเทเนีย คำเตือนนี้ส่งผลให้เกิดความตื่นตัวในสื่อต่าง ๆ รวมทั้งสร้างความกังวลต่อผู้โดยสารและลูกเรือเป็นอย่างยิ่ง
ในวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1915 สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง - เรือดำน้ำเยอรมันยิงตอร์ปิโดเข้าใส่ เรือลูซิเทเนีย จนอับปางลง ใน 18 นาที คร่าชีวิตลูกเรือ 1,198 คน
ผลกระทบจากการจมของเรือ
ภายหลังจากการจมเรือลูซิเทเนียอันโด่งดังในปี ค.ศ. 1915 เยอรมนีสัญญาว่าจะไม่โจมตีเส้นทางของเรือพาณิชย์อีก ขณะที่อังกฤษได้ติดอาวุธให้กับเรือพาณิชย์ของตน ในที่สุดแล้ว ต้นปี ค.ศ. 1917 หลังการอัปปางของเรือเอชเอ็มเอชเอส บริแทนนิก เยอรมนีได้ระงับกลยุทธ์สู้รบด้วยเรือดำน้ำแบบไม่จำกัดขอบเขต เนื่องจากกลัวว่าสหรัฐอเมริกาจะเข้าสู่สงคราม และพยายามที่ค้นหาเส้นทางการเดินเรือของฝ่ายพันธมิตรก่อนที่สหรัฐอเมริกาจะขนส่งกองทพขนาดใหญ่ข้ามทะเลมาได้
อ้างอิง
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อMaritimequest
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-10-28. สืบค้นเมื่อ 2010-02-16.
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อAtlantic
- http://www.atlanticliners.com/lusitania_home.htm#Anchor-Lusitani-33651 for further information.
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อAdolf Hitler pg 89
- Butler, Daniel Allen (2004). The Age of Cunard: A Transatlantic History ; 1839 – 2003. ProStar Publications. p. 215. ISBN .
- Carlisle, Rodney P. (2009). World War I. Infobase Publishing. p. 73. ISBN .
- Tucker, Spencer and Roberts, Priscilla Mary (2005). World War One. ABC-CLIO. p. 1146. ISBN .
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Simpson, Colin (1972). The Lusitania Sinking, LIFE p. 60.
- http://www.fas.org/irp/ops/ci/docs/ci1/notice.jpg
แหล่งข้อมูลอื่น
- ศูนย์รวมรูปภาพของเรือลูซิเทเนีย (ภาษาอังกฤษ)
- Lostliners: RMS Lusitania 2008-02-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- The Home Port of RMS Lusitania Lusitania.net
- CWGC record of Lt. Robert Matthews {Lusitania Passenger} {Reference only}
- Clydebank Restoration Trust {Clydebank social and architectural history }
- Professor Joseph Marichal {Lusitania Passenger KIA WWI} {Reference only}
- British Wreck Commissioner's Inquiry 2007-04-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Lest We Forget 2010-12-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Moving Passenger's Stories from the Lusitania
- Lusitania Home at Atlantic Liners.com
- Lusitania Information & photos 2009-05-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Lusitania Passenger Stories 2017-05-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Passport to Perdition The tragic story of Lusitania victim Thoms Silva.
- The Lusitania Memorial in Cobh 2007-01-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Maritimequest RMS Lusitania Photo Gallery
- Photo of one of the Lusitania's salvaged propellers at Liverpool Maritime Museum
- The Fast Lusitania 2010-12-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Welsh ballad about the sinking of the Lusitania
- 9/14/1907;The New 25 1/2 Knot Cunard Turbine Liner Lusitania 2012-10-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xarexmexs lusietheniy xngkvs RMS Lusitania hruxchuxetmkhux eruxiprsniyhlwnglusietheniy Royal Mail Steamer Lusitania epneruxedinsmuthrsychatixngkvs khxngsaykaredineruxkhiwnard Cunard Line thikhrxbkhrxngrangwlbluribnd Blue Riband sungmxbihkberuxthiedinthangkhammhasmuthraextaelntikdwyewlanxythisud aelaepneruxthimikhnadihythisudinolk n khnann edinsmuthrkhrngaerkinpi kh s 1906 sungepnchwngewlathikarkhakhayrahwangmhasmuthraextaelntikepnipxyangkhukkhkaelamikaraekhngkhnthirunaerng txmainpi kh s 1915 eruxlusietheniythukyingdwytxrpiodaelaxbpanglngodyeruxdanakhxngeyxrmn khrachiwitlukeruxaelaphuodysarrwmthngsin 1 198 khnxarexmexs lusietheniy edinthangmathungthaeruxniwyxrk inpi kh s 1907prawtishrachxanackrchuxxarexmexs lusietheniy RMS Lusitania tngchuxtamlusietheniy cnghwdkhxngormnobran ecakhxngkhiwnardilnphuihbrikarkhiwnardilnesnthangedineruxliewxrphul niwyxrk aewathiaechrburk aelakhxrkxuerux ikhldaebngk skxtaelndYard number367plxyerux17 singhakhm 1904srangesrc26 singhakhm 1907Maiden voyage7 knyayn 1907brikar1907 1915hyudihbrikar7 phvsphakhm 1915rhsrabuhmayelkhthaebiynerux xngkvs 115988syyaneriykkhanirsay MFAkhwamepnipxppangodytxrpiodkhxngeruxdana U 20 khxngeyxrmninwnthi 7 phvsphakhm kh s 1915 sakeruxxyuhangpraphakhar Old Head of kinsale praman 11 iml 18 km thikhwamluk 305 fut 93 emtr intaaehnnglksnaechphaachn praephth eruxedinsmuthrkhnad tn 31 550 tnkrxs GRT khnad rawangkhbna 44 767 tnkhwamyaw 239 9 emtr 787 fut khwamkwang 26 5 emtr 87 fut khwamsung 43 9 emtr 144 fut cakkraduknguthungplayplxngifkinnaluk 10 2 emtr 33 6 fut dadfa 9 chnrabbphlngngan hmxixnaaebbthxif Fire tube boilers canwn 25 chud knghnixnapharsns Parsons 4 tw khbekhluxnibckrodytrng ihkalng 76 000 aerngma 57 emkawtt rabbkhbekhluxn ibckr 4 tw aetlatwmikhnad 17 fut 5 1 emtr hnkla 21 tn phwngibckrmi 3 ib 4 ibinpi 1909 khwamerw khwamerwsungsud 26 7 nxt 49 4 km chm khwamerwmatrthan 25 nxt 46 3 km chm khwamcu phuodysar 2 198 khn chnhnung 552 khn chnsxng 440 khn chnsam 1 186 khnlukerux 850 khnhmayehtu epneruxedinsmuthrsiplxngiflaaerkkhxngxngkvs inkhnann saykaredineruxsmuthrkhxngeyxrmnmiaenwonmthicaphukkhadesnthangedineruxsmuthrxnmngkhngcakkarxphyphyaythinkhamthwip saykaredineruxkhiwnardcungtxbotkhuaekhngdwykarsrangeruxthiehnuxkwainechingkhxngkhwamerw khwamcuphuodysar aelakhwamhruhra xarexmexs lusietheniy aelaeruxkhuaefd xarexmexs mxrietheniy cungthuksrangkhuncakekhruxngyntknghnixnaaebbihmthiptiwtiwngkaredineruxsmuthr thaiheruxsamarthaelndwykhwamerwsungsud 25 nxttxchwomng phayinmikartidtnglift aelarabbiffasxngswang xikthngyngmiphunthirxngrbphuodysarephimkhunrxyla 50 makkwaeruxedinsmuthrlaxun rwmipthungphunthikhxngphuodysarchnhnungthiidrbkarklawkhanthungkartkaetngthihruhraaelaoxxa inwnthi 1 phvsphakhm kh s 1915 eruxidaelnxxkcakthathinkhrniwyxrkmunghnasuliewxrphul sungtxmacaklayepnkaredinthangethiywsudthaykhxngerux chwngewlannexngthikarsurbdwyeruxdanaaebbimcakdkhxbekhtinmhasmuthraextaelntikxnepnswnhnungkhxngkarsurbinsngkhramolkkhrngthihnungkalngthwikhwamrunaerngkhun kxnhnanieyxrmniidprakasihnannarxbshrachxanackrbrietnihyaelaixraelndepnekhtsurb swnsthanexkxkhrrachthuteyxrmniinshrthxemrikaexngkidlngokhsnatamhnahnngsuxphimph klawetuxnprachachnimihodysaripkberuxlusietheniy txma inbaykhxngwnthi 7 phvsphakhm xarexmexs lusietheniy thukeruxxueyxrmnyingtxrpiodekhaisphayinekhtnannathithukprakasihepnekhtsurb sunghangcakaenwchayfngkhxngixraelndepnrayathang 11 iml 18 kiolemtr ekidkarraebidkhuncakphayineruxsxngkhrng thaiheruxxbpanglngphayinrayaewla 18 nathihlngcakkarraebidkhrngthisxng cakkarocmtieruxphleruxnodyimmikaraecngetuxnlwnghnainkhrngni eyxrmniidlaemidkdhmayrahwangpraethsthiruckkninnam kderuxedinsmuthr Cruiser Rules aetkrannexngfayeyxrmnkmiehtuphlkhxngtnthicaphicarnalusietheniywaepneruxrbkhxngkxngthph ephraawaphayineruxidbrrthukyuthothpkrnsngkhramthisungfayxngkvsexngkidlaemidkderuxedinsmuthrdwyechnkn karxppanglngkhxngeruxlusietheniycudchnwnihekidkarprathwngkhrngihyinshrthxemrika enuxngcakphuesiychiwitinehtukarn 128 khn epnchawxemrikn nxkcakniehtukarndngklawyngepnxikehtuphlhnungthithaihshrthxemrikaprakasekharwmsngkhraminpi kh s 1917saehtukarsrangeruxlusietheniyeruxlusietheniythukplxylngnaepnkhrngaerkxarexmexs lusietheniy in kh s 1901 SS Kaiser Wilhelm der Grosse khxngsaykaredineruxnxrddxyechxrlxyd Norddeutscher Lloyd idaeyngrangwlbluribbnd Blue Riband sungepnrangwlsahrberuxthierwthisudinolkipcak RMS Lucania khxngsaykaredineruxkhiwnard in kh s 1901 saykaredineruxiwtstariln White Star Line idtdsinicsrangeruxodysarthiihykwaerux exsexs ekrth xisethirn SS Great Eastern epnlaaerk odycdthaepnokhrngkarsrangeruxihy 4 la eruxthngsilacamikhnadkwa 20 000 tn ennkarxxkaebbphayineruxthisadwksbay odyeruxlaaerkkhxngokhrngkardngklawkhuxerux RMS Celtic plxylngnakhrngaerkinwnthi 4 emsayn kh s 1901 txmaidklayepneruxodysarthiihythisudinolk dwykhnad 21 035 tn tammadwyerux RMS Cedric aetmnimidepneruxodysarthiihythisudinolk in kh s 1905 emuxerux SS Amerika khxngsaykaredinerux Hamburg America Line HAPAG srangesrc cungidaeyngtaaehnngeruxodysarthiihythisudinolkipcak aetxyuintaaehnngidimthncbpi kh s 1905 eruxodysarlathi 3 khxngokhrngkar 4 eruxyks khux RMS Baltic sungsrangesrcinpiediywkn aelachingtaaehnngeruxthiihythisudinolkklbkhunsusaykaredineruxiwtstarilnid 1 pi kxncathuksaykaredineruxxunaeyngtaaehnngipxik aelaeruxlasudthaykhxngokhrngkar srangesrcinpi kh s 1907 khuxerux RMS Adriatic aeteruxlaniimidepneruxodysarthiihythisudinolk erux SS Kaiserin Auguste Victoria caksaykaredineruxxun idaeyngtaaehnngeruxodysarthiihythisudinolkipca inpi kh s 1906lksnaechphaakhxngeruxaephndadfakhxngxarexmexs lusietheniy mikarddaeplngthngrahwangaelahlngkarsrangerux inpi 1915 karcderuxchuchiphidepliynepnerux 11 lathngsxngdankhxngerux rwmthungeruxchuchiphthiphbidsungekbiwiteruxchuchiphaetlala khbekhluxndwy 4 ibckr hmxnarwm 25 chud sngechuxephlingihekhruxngynt 4 tw ekhruxngynt 4 tw hmunibckr 4 ib rwm 76 000 aerngma erngkhwamerweruxidsungsud 26 7 nxt 49 4 kiolemtrtxchwomng khwamerwmatrthan 25 nxt 46 3 kiolemtrtxchwomng inkarbrrcuphuodysar odypkti eruxlusietheniy samarthcuphuodysarid 2 198 khn odyaebngepn chnsam 1 186 khn chnsxng 460 khn aelachnhnung 552 khn aelalukerixxik 850 khn yaw 239 88 emtr kwang 26 52 emtr khnadkhxngerux 31 550 tn lusietheniy khuxchuxkhxngcnghwdormnobran pccubnkhuxpraethsoprtueks lksnathwipxun plxngif 4 plxng karthasi playplxngifthasida twplxngthasiaedng txmathngplxngthaepnsiethaekhm odymiaethbsidasamaethbrxb suepxrstrkhecxrthasikhawngachang tweruxthasida odymiaethbsithxngkhadklangrahwangtweruxkbsuepxrstrkhecxrtlxdkhwamyawerux thxngeruxitaenwnathasiaedng ibckrsithxngbrxns hweruxaelathayerux smxerux 2 tw esakraodngerux 2 twkptnerux 1907 1908 ecms wtt 1908 1912 wileliym ethxrenxr 1912 1913 ecms chals 1913 1915 aedeniyl daw 1915 wileliym ethxrenxrepriybethiybkberuxtrakuloxlimpiklusietheniyaelamxrietheniymikhnadelkkwaeruxtrakuloxlimpikkhxngsaykaredineruxiwt star iln xxkbrikarkhrngaerk 5 piintxma saykaredineruxkhunardimsamarthrbpraknidthukspdahwa eruxkhuaefdnicasamarthedinthangkhammhasmuthraextaelntiktamewlathikahnd thungaemwaeruxlusietheniyaelamxrieteniycasamarththakhwamerwiddikwa aeteruxtrakuloxlimpikidepriybdankhnadaelakhwamhruhra saykaredineruxkhunardcungsngtxeruxlathisam khuxerux xarexmexs xakithaeniy RMS Aquitania khunphayinewlahlngcaksaykaredineruxiwtstarprakastxeruxoxlimpikimnan eruxlathisamtxkhuninxutxeruxcxhn brawn in kh s 1914 odyxxkaebbiheruxthakhwamerwidchalngkwaeruxaefd aetmikhnadihyaelahruhrakhuncakedimechnediywkberuxtrakuloxlimpik ephuxaeyngchingswnaebngthangkartladklbkhunmaprawtiphaphwadkarcmkhxngerux saykaredineruxkhunard Cunard Line sungepnkhuaekhngraysakhykhxngiwtstariln idtxerux xarexmexs lusietheniy RMS Lusitania txkhuninxutxerux John Brown erimwangkradukinwnthi 16 mithunayn kh s 1904 odyinpiediywkn khunardksrang xarexmexs mxrietheniy RMS Mauretania thitxkhuninxutxerux Tyneside hlngcakesrcsinokhrngkareruxlusietheniyinpi kh s 1907 idklayepneruxodysarthiihythisudinolkaethnerux SS Kaiserin Auguste Victoria aelahlngcaknnimnan eruxxarexmexs mxrieteniy kidtaaehnngeruxodysarthiihythisudinolkaethn thngkhumikhnadihykwa 30000 tn aelndwykhwambrikar 24 nxt 44 45 kiolemtrtxchwomng epneruxaefdrunihmkhxngkhunard inwnthi 7 mithunayn kh s 1906 eruxlusietheniythukplxylngnaepnkhrngaerk aelainwnthi 27 krkdakhm kh s 1907 idmikarthdsxberuxlusietheniy inrahwangkarthdsxberuxebuxngtn mibnthukxyangepnthangkarwakhwamerweruxthisamarththaidthalaythuksthitikhwamerwthiekhymimainwngkaredineruxkhnsng aetwiswkreruxaelaecahnathiphbwathikhwamerweruxsungsudekidkarsnsaethuxnbriewnthayeruxxyangrunaerng khunardcungnaeruxklbekhaxuxikkhrngephuxipephimkhwamaekhngaerngthangokhrngsrangbriewndngklaw aelasngtxihkbbristhepnkhrngsudthayinwnthi 26 singhakhm kh s 1907 xxkedinthangethiywaerkcakemuxngesaaethmptn shrachxanackr ipyngniwyxrk shrthxemrika inwnthi 7 knyayn kh s 1907 chingrangwlbluribbndthistawnxxkipcakexsexs ikhesxr wilehlmthi 2 SS Kaiser Wilhelm II khxngsaykaredineruxnxrddxyechxrlxyd txmamxrieteniyidrbrangwlbluribbndaethnthilusietheniyxyangthawrineduxnknyaynpiediywkn mxrieteniyklayepneruxkhnsngkxngthharaelaeruxphyabal inkhnathilusietheniybrikarepneruxedinsmuthr karedinthangethiywsudthay lusietheniyaelnxxkcakthaerux 54 thiniwyxrkinwnthi 1 phvsphakhm kh s 1915 aelakxnhnanisthanthuteyxrmninkrungwxchingtn di si idxxkprakasetuxninwnthi 22 emsayn miickhwamwa khaetuxn phuedinthangthimikhwamprasngkhcaodysareruxedinsmuthraethbaextaelntik oprdthrabwa khnanimiphawasngkhramrahwangeyxrmnphrxmphnthmitrfayhnung aelbrietnihyphrxmphnthmitrxikfayhnung sungekhtsngkhramnnkhrxbkhlumipthungnannaxnkhabekiywkbhmuekaaxngkvs chnn rthbalckrwrrdieyxrmncungkhxprakasetuxnxyangepnthangkarwa brrdaeruxthitidthngbrietnhruxphnthmitrkhxngbrietn xacthukthaihxppanglnginnannadngklaw dngnnphuthicaodysareruxkhxngbrietnaelphnthmitrkhxngbrietninekhtsngkhramnn txngrbkhwamesiyngexaexngsthanexkxkhrrachthutckrwrrdieyxrmn krungwxchingtn di si 22 emsayn 1915 nikhuxkhaetuxnthiprakasexaiwthdcakkhxkhwamokhsnakhxnglusietheniy khaetuxnnisngphlihekidkhwamtuntwinsuxtang rwmthngsrangkhwamkngwltxphuodysaraelalukeruxepnxyangying inwnthi 7 phvsphakhm kh s 1915 sngkhramolkkhrngthihnung eruxdanaeyxrmnyingtxrpiodekhais eruxlusietheniy cnxbpanglng in 18 nathi khrachiwitlukerux 1 198 khnphlkrathbcakkarcmkhxngeruxphayhlngcakkarcmeruxlusietheniyxnodngdnginpi kh s 1915 eyxrmnisyyawacaimocmtiesnthangkhxngeruxphanichyxik khnathixngkvsidtidxawuthihkberuxphanichykhxngtn inthisudaelw tnpi kh s 1917 hlngkarxppangkhxngeruxexchexmexchexs briaethnnik eyxrmniidrangbklyuththsurbdwyeruxdanaaebbimcakdkhxbekht enuxngcakklwwashrthxemrikacaekhasusngkhram aelaphyayamthikhnhaesnthangkaredineruxkhxngfayphnthmitrkxnthishrthxemrikacakhnsngkxngthphkhnadihykhamthaelmaidxangxingxangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux Maritimequest khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 10 28 subkhnemux 2010 02 16 xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux Atlantic http www atlanticliners com lusitania home htm Anchor Lusitani 33651 for further information xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux Adolf Hitler pg 89 Butler Daniel Allen 2004 The Age of Cunard A Transatlantic History 1839 2003 ProStar Publications p 215 ISBN 978 1 57785 348 0 Carlisle Rodney P 2009 World War I Infobase Publishing p 73 ISBN 978 1 4381 0889 6 Tucker Spencer and Roberts Priscilla Mary 2005 World War One ABC CLIO p 1146 ISBN 978 1 85109 879 8 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint multiple names authors list lingk Simpson Colin 1972 The Lusitania Sinking LIFE p 60 http www fas org irp ops ci docs ci1 notice jpgaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb xarexmexs lusietheniy sunyrwmrupphaphkhxngeruxlusietheniy phasaxngkvs Lostliners RMS Lusitania 2008 02 01 thi ewyaebkaemchchin The Home Port of RMS Lusitania Lusitania net CWGC record of Lt Robert Matthews Lusitania Passenger Reference only Clydebank Restoration Trust Clydebank social and architectural history Professor Joseph Marichal Lusitania Passenger KIA WWI Reference only British Wreck Commissioner s Inquiry 2007 04 30 thi ewyaebkaemchchin Lest We Forget 2010 12 30 thi ewyaebkaemchchin Moving Passenger s Stories from the Lusitania Lusitania Home at Atlantic Liners com Lusitania Information amp photos 2009 05 10 thi ewyaebkaemchchin Lusitania Passenger Stories 2017 05 23 thi ewyaebkaemchchin Passport to Perdition The tragic story of Lusitania victim Thoms Silva The Lusitania Memorial in Cobh 2007 01 28 thi ewyaebkaemchchin Maritimequest RMS Lusitania Photo Gallery Photo of one of the Lusitania s salvaged propellers at Liverpool Maritime Museum The Fast Lusitania 2010 12 23 thi ewyaebkaemchchin Welsh ballad about the sinking of the Lusitania 9 14 1907 The New 25 1 2 Knot Cunard Turbine Liner Lusitania 2012 10 10 thi ewyaebkaemchchin