ซาโลมอน (ศัพท์คริสต์ศาสนา) หรือ โซโลมอน (ศัพท์ประวัติศาสตร์) หรืออีกพระนามหนึ่งคือ เยดีดิยาห์ เป็นกษัตริย์ชาวยิวแห่งและพระราชโอรสกับผู้สืบทอดในพระเจ้าดาวิด ตามที่ปรากฏในคัมภีร์ฮีบรูหรือพันธสัญญาเก่า พระองค์ได้รับการอธิบายเป็นผู้ปกครององค์สุดท้ายของอิสราเอลและยูดาห์ที่รวมกันเป็นหนึ่ง รัชสมัยของซาโลมอนได้รับการสันนิษฐานว่าอยู่ในช่วง 970 ถึง 931 ปีก่อน ค.ศ. ตามพระคัมภีร์ หลังพระองค์สวรรคต เรโหโบอัม พระราชโอรสและผู้สืบทอด ใช้นโยบายที่โหดร้ายต่อชนเผ่าทางเหนือ ซึ่งนำไปสู่การแบ่งแยกวงศ์วานอิสราเอลระหว่างราชอาณาจักรอิสราเอลทางเหนือกับราชอาณาจักรยูดาห์ทางใต้ หลังจากการแตกประเทศ รายงานพระคัมภีร์ระบุถึง(ผู้ที่สืบเชื้อสายซาโลมอน)ปกครองเหนือยูดาห์เท่านั้น
ซาโลมอน שְׁלֹמֹה | |
---|---|
พระเจ้าซาโลมอน (1872) ภาพวาดโดย | |
กษัตริย์แห่งอิสราเอล | |
ครองราชย์ | ป. 970–931 ปีก่อน ค.ศ. (สันนิษฐาน) |
ก่อนหน้า | ดาวิด |
ถัดไป | เรโหโบอัม |
ฝังพระศพ | เยรูซาเลม |
คู่อภิเษก | มเหสี 700 องค์และนางสนม 300 องค์ |
พระราชบุตร | พระราชโอรสที่มีการบันทึก 3 พระองค์:
|
ราชสกุล | |
พระราชบิดา | ดาวิด |
พระราชมารดา |
พระคัมภีร์กล่าวว่าพระเจ้าซาโลมอนเป็นผู้สร้างวิหารแห่งแรกในเยรูซาเลม ที่อุทิศแด่พระยาห์เวห์หรือ ซาโลมอนได้รับการพรรณาว่าเป็นผู้มีความฉลาด มั่งคั่ง และมีอำนาจมาก และเป็นหนึ่งใน 48
ของซาโลมอนเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างร้อนแรง โดยความเห็นพ้องในปัจจุบันยอมรับความเป็นประวัติศาสตร์ของซาโลมอน แต่ในเรื่องการเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลและยูดาห์ในศตวรรษที่ 10 ก่อน ค.ศ. ถือว่าไม่ชัดเจน และรายละเอียดเกี่ยวกับความฟุ่มเฟือยของราชอาณาจักรที่ชัดเจนของพระองค์ในพระคัมภีร์มีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าเป็นการพูดเกินจริงแบบ
ในพันธสัญญาใหม่ พระองค์ได้รับการพรรณาเป็นสติปัญญาของโซโลมอนโดยเยซูแห่งนาซาเรธผู้ยิ่งใหญ่กว่า และมีความโอ่อ่า แต่กลับไม่งามสง่าเท่า "" ในอัลกุรอาน พระองค์ถือเป็นศาสดาหลัก ในวงการนอกพระคัมภีร์ส่วนใหญ่ ซาโลมอนเป็นที่รู้จักในฐานะจอมเวทและหมอผีที่มีเครื่องรางและเหรียญตราที่ระบุพระนามของพระองค์จากสมัยเฮลเลนิสต์
ในพระคัมภีร์
ช่วงชีวิตของซาโลมอนโดยหลักอธิบายใน 2 ซามูเอล, 1 พงศ์กษัตริย์ และ 2 พงศาวดาร พระนามทั้งสองของพระองค์ตามธรรมเนียมหมายถึง "ความสงบ" และ "พระสหายของพระเจ้า" ทั้งสองพระนามถือเป็นการ "ทำนายลักษณะการครองราชย์ของพระองค์"
เส้นเวลา
ช่วงรัชสมัยของซาโลมอนตามแบบแผนนำมาจากและระบุอยู่ในช่วงประมาณ 970 ถึง 931 ปีก่อน ค.ศ. รายงานจากเส้นเวลาที่มีการใช้งานแพร่หลายสุด ซึ่งอิงจากเส้นเวลาของ ศาสตราจารย์พันธสัญญาเก่า การสวรรคตของซาโลมอนและการแบ่งแยกราชอาณาจักรอาจเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงดมื่อ 931 ปีก่อน ค.ศ.
ทรงพระเยาว์
ซาโลมอนเสด็จพระราชสมภพในเยรูซาเลม เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 2 ของกษัตริย์ดาวิดที่ประสูติแด่พระนาง (ภรรยาหม้ายของ) พระราชโอรสองค์แรก (ตามบันทึกไม่ได้ระบุพระนาม) มาจากการตั้งครรภ์อย่างผิดประเวณีในช่วงที่อุรียาห์ยังมีชีวิต สิ้นพระชนม์ไปหลังพระราชสมภพเพียง 7 วัน ในพระคัมภีร์เสนอแนะว่าเป็นการพิพากษาจากพระเจ้า ซาโลมอนมีพระเชษฐาและพระอนุชาร่วมพระราชบิดามารดาอยู่สามองค์ คือ: ชัมมุวา และโชบับ และมีพระเชษฐาต่างมารดาอยู่ 6 องค์
รายงานพระคัมภีร์แสดงให้เห็นว่าซาโลมอนทำหน้าที่เป็นเครื่องบูชาสันติระหว่างพระเจ้ากับดาวิด เนื่องจากดาวิดมีความสัมพันธ์ล่วงประเวณีกับบัทเชบา ด้วยความพยายามที่จะซ่อนบาปของตน ดาวิดจึงส่ง สามีของบัทเชบา เข้าสนามรบ และให้อยู่ในแนวหน้า โดยดาวิดสั่งให้โยอาบ ผู้บังคับบัญชา ถอนกำลังสนับสนุนแก่อุรียาห์ เพื่อให้เขาถูกศัตรูฆ่าตายในสนามรบ หลังจากที่เขาตาย ดาวิดก็สามารถอภิเษกสมรสกับบัทเชบาได้ เพื่อเป็นการลงโทษ พระราชโอรสองค์แรกที่มาจากความสัมพันธ์ชู้สาวจึงสิ้นพระชนม์ ซาโลมอนเสด็จพระราชสมภพหลังดาวิดได้รับการให้อภัย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจึงมีการเลือกพระนามของพระองค์ ซึ่งหมายถึง สันติ นักประวัติศาสตร์บางส่วนอ้างอิงว่าศาสดานาธันเลี้ยงดูซาโลมอน เนื่องจากพระราชบิดาทรงยุ่งอยู่กับการปกครองราชอาณาจักร สิ่งนี้อาจเป็นผลมาจากแนวคิดที่ว่าผู้เผยพระวจนะมีอิทธิพลเหนือดาวิดอย่างมาก เนื่องจากท่านรู้เรื่องการทำชู้ของพระองค์ ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรงตาม
ขึ้นครองราชย์และการบริหาร
หนังสือพงศ์กษัตริย์เล่ม 1 ได้ระบุว่า "กษัตริย์ดาวิดมีพระชนมายุและทรงพระชรามากแล้ว แม้จะห่มผ้าให้หลายผืน พระองค์ก็ยังไม่อบอุ่น" "พวกเขาจึงเสาะหาสาวงามทั่วทั้งดินแดนอิสราเอล แล้วได้พบหญิงชาว จึงได้นำเธอมาเฝ้าพระราชา หญิงสาวคนนั้นงามยิ่งนัก เธอได้เป็นผู้ดูแลพระราชาและอยู่ปรนนิบัติพระองค์ แต่พระราชาไม่ได้ทรงมีเพศสัมพันธ์กับเธอ"
เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงอยู่ในสภาพเช่นนี้จึงทำให้เกิดการชิงอำนาจขึ้นในราชสำนัก ทายาทผู้มีสิทธิโดยตรงของดาวิด ประกาศตนขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ แต่ก็แพ้แก่กลอุบายของพระนางบัทเชบาและนาธันผู้เผยพระวจนะ ซึ่งได้โน้มน้าวให้กษัตริย์ดาวิดทรงประกาศให้เจ้าชายซาโลมอนเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ตามที่เคยปฏิญาณไว้เมื่อก่อนหน้านั้น (ไม่ปรากฏบันทึกในพระคัมภีร์) ถึงแม้ว่าซาโลมอนจะไม่ใช่โอรสองค์ใหญ่ก็ตาม
ซาโลมอนได้ขึ้นครองราชย์ตามพระบัญชาของกษัตริย์ดาวิด หลังครองราชย์แล้วซาโลมอนก็เริ่มกำจัดฝ่ายตรงข้าม เช่น แม่ทัพโยอาบ และคนื่น ๆ และรวมตำแหน่งของพระองค์เพิ่มเติมด้วยการ แต่งตั้งให้เพื่อนฝูงญาติมิตรมีอำนาจในราชสำนัก ซึ่งรวมถึงตำแหน่งทางศาสนา เช่นเดียวกันกับทั้งฝ่ายพลเรือนและทหาร กล่าวกันว่าซาโลมอนขึ้นครองราชย์ตอนมีพระชนมพรรษาประมาณ 15 พรรษาเท่านั้น
หลังครองราชย์ได้สี่ปีพระองค์ก็ได้สร้างวิหารหลังแรกขึ้นคือวิหารแห่งซาโลมอน การค้าขายระหว่างประเทศดำเนินไปอย่างรุ่งเรืองในรัชสมัยพระองค์ พระองค์ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นกษัตริย์อิสราเอลที่มั่งคั่งที่สุดที่ถูกกล่าวถึงในพระคัมภีร์
สติปัญญา
ซาโลมอนเป็นบุคคลที่ทรงพระสติปัญญาที่สุดในพระคัมภีร์ ในหนังสือพงศ์กษัตริย์ฉบับ 1 ซาโลมอนได้ทรงอุทิศพระองค์เองต่อพระยาห์เวห์ และพระองค์ปรากฏในความฝันของซาโลมอน ซาโลมอนทูลขอพระสติปัญญา พระยาห์เวห์ทรงตอบรับคำอธิษฐานของพระองค์ ทรงให้สัญญาแก่ซาโลมอนว่าจะประทานสติปัญญาชั้นเลิศที่สุดแก่ซาโลมอน เนื่องจากพระองค์ไม่ได้ทูลขอสิ่งที่เห็นแก่ตัวอย่างความเป็นอมตะหรือความพินาศของอริศัตรู
เรื่องราวที่มีชื่อเสียงที่สุดในด้านพระสติปัญญาของซาโลมอนคือคำพิพากษาของซาโลมอน เป็นคดีที่มีสตรีสองคนอ้างสิทธิว่าเป็นแม่ที่แท้จริงของเด็กทารกคนหนึ่งและขอให้ซาโลมอนทรงตัดสิน ซาโลมอนพิพากษาคดีอย่างง่าย ๆ โดยให้ตัดเด็กทารกออกเป็นสองส่วนแบ่งให้สตรีผู้กล่าวอ้างทั้งสองคนเสีย ทันใดนั้นมีสตรีคนหนึ่งยอมถอนตัวทันที เธอกล่าวว่าเธอขอยอมแพ้เสียดีกว่าให้เด็กถูกฆ่าตาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นซาโลมอนจึงประกาศให้สตรีผู้ที่ถอนตัวเป็นแม่ของเด็กทารก
ตามธรรมเนียม ซาโลมอนถือเป็นผู้เขียนหนังสือในพระคัมภีร์หลายเล่ม เช่น หนังสือสุภาษิต หนังสือปัญญาจารย์ และ โดยได้รับการกำหนดให้เป็นผู้เขียนตามธรรมเนียมของ ซึ่งถูกรวมเข้าในคัมภีร์ของออร์ทอดอกซ์ตะวันออกและคาทอลิก แต่ฝั่งโปรเตสแตนต์ถือเป็นคัมภีร์นอกสารบบ
พระราชทรัพย์
ตามรายงานจากคัมภีร์ฮีบรู ราชอาณาจักรอิสราเอลโบราณได้รับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งสูงสุดในช่วงรัชสมัยซาโลมอนที่กินเวลา 40 ปี 1 Kings 10:14 ระบุว่าในปีเดียว ซาโลมอนรับทองคำถึง 666 (18,125 กิโลกรัม) ซาโลมอนได้รับการบรรยายว่ารายล้อมไปด้วยสิ่งฟุ่มเฟือยและความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ตะวันออก และรัฐบาลของพระองค์เจริญรุ่งเรือง พระองค์จัดตั้งพันธมิตรกับ กษัตริย์แห่งไทร์ที่ช่วยเหลือพระองค์ในกิจการอันมากมายหลายประการ
โครงการก่อสร้าง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ชายาและบาทบริจาริกา
พระคัมภีร์ระบุว่า ซาโลมอนมีมเหสี 700 องค์ และ 300 คน มเหสีเหล่านี้ได้รับการอธิบายเป็นเจ้าหญิงต่างอาณาจักร เช่น และสตรีจาก, , , ไซดอน และฮิตไทต์ การอภิเษกสมรสกับธิดาของฟาโรห์ดูเหมือนจะเชื่อมความเป็นพันธมิตรทางการเมืองกับอียิปต์ ในขณะที่การยึดติดกับมเหสีและนางสนมคนอื่น ๆ ของพระองค์นั้นเนื่ิองด้วยความ "รักใคร่" มเหสีองค์เดียวที่ระบุด้วยพระนามคือ พระราชมาดาของเรโหโบอัม ผู้สืบทอดของซาโลมอน
คำบรรยายในพระคัมภีร์ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่เห็นชอบที่ซาโลมอนอนุญาตให้มเหสีชาวต่างชาตินำเทพเจ้าประจำชาติของตนเข้ามา สร้างวิหารให้แก่และ
ความสัมพันธ์กับพระราชินีแห่งเชบา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
บาปและการลงโทษ
อาลักษณ์ชาวยิวกล่าวว่าครูของซาโลมอนคือ และเขาห้ามซาโลมอนแต่งงานกับมเหสีต่างชาติตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งปรากฏในทัลมุดที่ Ber. 8a ว่า: "ตราบเท่าที่ Shimei บุตร Gera ยังมีชีวิตอยู่ ซาโลมอนจะไม่มีวันอภิเษกสมรสกับธิดาของฟาโรห์" (ดูเพิ่มใน ที่ Ps. 3:1) การประหารชีวิต Shimei ของซาโลมอนเป็นการดำดิ่งสู่บาปครั้งแรก
รายงานจาก 1 Kings 11:4 "เหล่าภรรยาของท่านทำให้ใจของท่านหันไปเชื่อในบรรดาเทพเจ้า" ซึ่งคือเทพเจ้าของบรรดาพระนางที่ซาโลมอนสร้างวิหารให้ ทำให้พระผู้เป็นเจ้าทรงโกรธกริ้วและลงโทษในรูปแบบแบ่งอาณาจักรหลังซาโลมอนสวรรคต (1 Kings 11:9–13) 1 Kings 11 กล่าวถึงการที่ซาโลมอนหันเหไปสู่การบูชารูปปั้น โดยเฉพาะการหันไปบูชา เทพีของ และ เทพเจ้าของชาว ใน Deuteronomy 17:16–17 ระบุว่า "ขอเพียงอย่าให้กษัตริย์มีม้าศึกจำนวนมากเป็นของตนเอง...อย่ามีภรรยามาก...อย่าสะสมเงินทองส่วนของตนให้งอกเงยมากเกินไปนัก" ซาโลมอนละเมิดทั้งสามข้อ นอกจากนี้ พระองค์ยังเก็บทองคำในแต่ละปีถึง (1 Kings 10:14) ถือว่ามีจำนวนมากสำหรับชาติขนาดเล็กอย่างอิสราเอล พระองค์ทรงรวบรวมม้าและไปไกลถึงอียิปต์ และ "ถูกชักจูงออกห่างไป" ตามที่เตือนไว้ใน Deuteronomy 17
รายงานจาก 1 Kings 11:30–34 และ 1 Kings 11:9–13 ด้วยบาปกรรมเหล่านี้ทำให้พระผู้เป็นเจ้าลงโทษซาโลมอนด้วยการถอนชนเผ่าอิสราเอลส่วนใหญ่ไปจากการปกครองของราชวงศ์ซาโลมอน
พระผู้เป็นเจ้าโกรธกริ้วซาโลมอน เพราะจิตใจของท่านหันเหไปจากพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ผู้ได้ปรากฏแก่ท่านถึง 2 ครั้งแล้ว และได้บัญชาท่านในเรื่องนี้ คือท่านไม่ควรติดตามบรรดาเทพเจ้า แต่ท่านก็ไม่ได้ปฏิบัติตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาไว้ ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับซาโลมอนว่า “ในเมื่อเจ้าประพฤติเช่นนี้ และไม่ได้รักษาพันธสัญญาและกฎเกณฑ์ของเราที่เราบัญชาเจ้า เราจะฉีกอาณาจักรที่เจ้าครอบครองอย่างแน่นอน และยกให้กับผู้รับใช้ของเจ้า แต่เพราะเห็นแก่ดาวิดบิดาของเจ้า เราจะไม่ทำเช่นนั้นในชั่วอายุของเจ้า แต่เราจะทำกับบุตรของเจ้า อย่างไรก็ตาม เราจะไม่ฉีกอาณาจักรทั้งหมด แต่เราจะให้บุตรของเจ้าปกครอง 1 เผ่า เพราะเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา และเห็นแก่เยรูซาเล็มที่เราได้เลือกไว้
สวรรคต เรโหโบอัมครองราชย์ และการแตกอาณาจักร
ในคัมภีร์ฮีบรูระบุว่า พระเจ้าซาโลมอนเป็นบุคคลสำคัญในพระคัมภีร์ที่สร้างในเยรูซาเลม และผู้ปกครององค์สุดท้ายของสหราชาธิปไตยอิสราเอล หลังครองราชย์ 40 ปี (1 พงศ์กษัตริย์ 11:42) พระองค์สวรรคตจากสาเหตุตามธรรมชาติ ด้วยพระชนมพรรษาประมาณ 55 พรรษา
ก่อนที่ซาโลมอนสวรรคต เรโหโบอัม พระราชโอรส ขึ้นครองราชย์ แต่ 10 กลุ่มไม่ยอมรับพระองค์เป็นกษัตริย์ แล้วแยกดินแดนออกเป็นราชอาณาจักรอิสราเอลทางเหนือ ภายใต้การปกครองของเยโรโบอัม ส่วนเรโหโบอัมยังคงปกครองราชอาณาจักรยูดาห์ขนาดเล็กกว่าทางใต้ ทำให้สองอาณาจักรนี้ไม่มีวันรวมกันเป็นหนึ่งอีกต่อไป
ซาโลมอนมีความเกี่ยวโยงกับ"ยุคทอง"สูงสุดของราชอาณาจักรอิสราเอลอันเป้นเอกราช และเป็นแหล่งตำนานภูมิปัญญาด้านตุลาการและศาสนา
คำว่า לשלמה ในภาษาฮีบรู ปรากฏในชื่อบทของหนังสือเพลงสดุดีเพียง 2 บท (72 และ 127) คำนี้มีความหมายว่า "ถึงซาโลมอน" แต่ก็สามารถแปลได้เป็น "โดยซาโลมอน" ทำให้บางคนเสนอแนะว่าซาดลมอนเป็นผู้เขียนหนังสือเพลงสดุดีสองบทนั้น
คัมภีร์อธิกธรรมหรือนอกสารบบ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ความเป็นประวัติศาสตร์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
มุมมองศาสนา
ยูดาห์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
คริสต์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อิสลาม
ตามธรรมเนียมอิสลาม ซาโลมอนเป็นรู้จักกันในชื่อ ซุลัยมาน อิบน์ ดาวูด และถือเป็นศาสดาและศาสนทูตของอัลลออ์ เช่นเดียวกันกับการเป็นกษัตริย์ที่พระเจ้าแต่งตั้ง ซาโลมอนดำรงตำแหน่งถัดจากพระราชบิดาในฐานะกษัตริย์ศาสดาแห่งวงศ์วานอิสราเอล สิ่งที่ต่างจากพระคัมภีร์คือ พระองค์ไม่สักการะรูปเคารพใด ๆ ทั้งสิ้น
อัลกุรอานกำหนดให้ซาโลมอนมีสติปัญญา ความรู้ และอำนาจในระดับที่ดีเยี่ยม พระองค์รู้ (อาหรับ: منطق الطير, อักษรโรมัน: manṭiq al-ṭayr)
ซาโลมอนในศาสนาอิสลามยังเป็นที่รู้จักจาดการมีความสามารถเหนือธรรมชาติที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมา เช่น ควบคุมลม ปกครองเหนือญิน และได้ยินการสื่อสารของมด:
และเราได้ให้มีลมพัดแก่สุลัยมาน ซึ่งมันจะพัดไปในยามเช้าเป็นเวลาหนึ่งเดือน และมันจะพัดกลับในยามเย็นเป็นเวลาหนึ่งเดือน และเราได้ให้ไหลมาแก่เขาซึ่งตาน้ำทองเหลือง (คือให้ทองเหลืองที่หลอมตัวเป็นตาน้ำไหลมาสำหรับสุลัยมาน) ในหมู่ญินนั้น มีผู้ทำงานอยู่เบื้องหน้าเขาด้วยอนุมัติแห่งพระเจ้าของเขา และผู้ใดในหมู่พวกเขาหันเหจากพระบัญชาของเรา เราจะให้เขาลิ้มรสการลงโทษที่มีไฟลุกโชติช่วง
— 34:12
จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้มาถึงทุ่งที่มีมดมาก มดตัวหนึ่งได้พูดว่า “โอ้พวกมดเอ๋ย! พวกเจ้าจงเข้าไปในรังของพวกเจ้าเถิด เพื่อว่าสุลัยมานและไพร่พลของเขาจะได้ไม่บดขยี้พวกเจ้า โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว” เขา (สุลัยมาน) ยิ้มแกมหัวเราะต่อคำพูดของมันและกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดประทานแกข้าพระองค์ เพื่อให้ข้าพระองค์ขอบคุณต่อความโปรดปรานของพระองค์ท่าน ซึ่งพระองค์ท่านได้ทรงโปรดปรานแก่ข้าพระองค์ และบิดามารดาของข้าพระองค์ และให้ข้าพระองค์กระทำความดีเพื่อให้พระองค์ทรงพอพระทัยมัน และทรงให้ข้าพระองค์เข้าอยู่ในความเมตตาของพระองค์ ในหมู่ปวงบ่าวของพระองค์ที่ดีทั้งหลาย”
— 27:18-19
อัลกุรอานได้ระบุว่า:
และพวกเขาได้ปฏิบัติตามสิ่งที่บรรดาชัยฏอน ในสมัยสุลัยมานอ่านให้ฟัง และสุลัยมานหาได้ปฏิเสธการศรัทธาไม่ แต่ทว่าชัยฏอนเหล่านั้นต่างหากที่ปฏิเสธการศรัทธา โดยสอนประชาชนซึ่งวิชาไสยศาสตร์และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่มะลาอิกะฮ.ทั้งสอง คือ ฮารูต และมารูต ณ เมืองบาบิล และเขาทั้งสองจะไม่สอนให้แก่ผู้ใดจนกว่าจะกล่าวว่า แท้จริงเราเพียงเป็นผู้ทดสอบเท่านั้นท่านจงอย่าปฏิเสธการศรัทธาเลย แล้วเขาเหล่านั้นก็ศึกษาจากเขาทั้งสอง สิ่งที่พวกเขาจะใช้มันยังความแตกแยกระหว่างบุคคลกับภรรยาของเขาและพวกเขาไม่อาจทำให้สิ่งนั้นเป็นอันตรายแก่ผู้ใดได้นอกจากด้วยการอนุมัติของอัลลอฮฺเท่านั้น และพวกเขาก็เรียนสิ่งที่เป็นโทษแก่พวกเขา และมิใช่เป็นคุณแก่พวกเขา และแท้จริงนั้นพวกเขารู้แล้วว่า แน่นอนผู้ที่ซื้อมันไว้นั้น ในปรโลกก็ย่อมไม่มีส่วนได้ใด ๆ และแน่นอนเป็นสิ่งที่ชั่วช้าจริง ๆ ที่พวกเขาขายตัวของพวกเขาด้วยสิ่งนั้น หากพวกเขารู้
— ซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ 2:102
ตำนาน
ดวงตราแห่งซาโลมอน
ซาโลมอนมีแหวนมนตราวงหนึ่งที่เรียกว่า ดวงตราแห่งซาโลมอน (Seal of Solomon) เชื่อกันว่าซาโลมอนได้รับมอบแหวนวงนี้และมีอำนาจเหนือญินและปิศาจ กล่าวกันว่าสัญลักษณ์มนตราบนแหวนเป็นสัญลักษณ์เดียวกับ ดาราแห่งดาวิด (บ้างเรียก โล่แห่งดาวิด) แม้ว่าดาราแห่งดาวิดจะเป็นสัญลักษณ์ของศาสนายูดาห์ซึ่งเริ่มปรากฏในคริสต์ศตวรรษที่ 2 ถึง 4 ก็ตาม บันทึกของรับบีระบุว่า ครั้งหนึ่งราชาแห่งเหล่ามารแอสโมเดียส (Asmodeus) ถูกจับกุมโดยเบไนอา (Benaiah) ที่สวมแหวนอยู่ และถูกบังคับให้อยู่ใต้อาณัติของซาโลมอน
ในอีกตำนานระบุว่าแอสโมเดียสนำชายผู้หนึ่งซึ่งมีสองหัวขึ้นมาจากโลกบาดาลเพื่อให้ซาโลมอนทอดพระเนตร ชายผู้นั้นไม่สามารถกลับไปโลกบาดาลได้ จึงได้อยู่กินกับสตรีนางหนึ่งในกรุงเยรูซาเลม และมีลูกชายด้วยกันเจ็ดคน หกในจำนวนเจ็ดคนนั้นมีลักษณะเช่นมารดา ส่วนอีกหนึ่งคนมีสองหัวเช่นบิดา เมื่อบิดาเสียชีวิต นายสองหัวได้เรียกร้องมรดกในส่วนสำหรับสองคน ซาโลมอนตัดสินว่านายสองหัวเป็นเพียงบุคคลเดียว
ดวงตราแห่งซาโลมอนเปรียบได้ดั่งแหวนแห่งอำนาจ ในหลายตำนานระบุว่า มีหลายกลุ่มคณะบุคคลเคยพยายามชิงหรือขโมยแหวนด้วยทางใดทางหนึ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจมนตรา
วัตถุแห่งซาโลมอน
อีกหนึ่งวัตถุมาตราหนึ่งของซาโลมอนคือโต๊ะและกุญแจแห่งซาโลมอน เป็นที่กล่าวว่าโต๊ะแห่งซาโลมอนตั้งอยู่ในเมืองโตเลโดในช่วงที่ชาววิซิกอทปกครอง ก่อนที่จะถูกชิงไปโดยนายทหารฝ่ายมุสลิมในช่วงอาณาจักรอุมัยยะฮ์พิชิตดินแดนไอบีเรีย ส่วนกุญแจแห่งซาโลมอนปรากฏอยู่ในหนังสือที่ชื่อว่า กุญแจย่อยของซาโลมอน ซึ่งเป็นตำราไสยเวทมีโครงเรื่องที่ซาโลมอนจับกุมปิศาจต่างๆด้วยแหวน และบังคับให้ปิศาจพวกนั้นแนะนำชื่อเสียงเรียงนามแก่ตน
ดูเพิ่ม
หมายเหตุ
อ้างอิง
- "In Our Time With Melvyn Bragg: King Solomon". UK: BBC Radio 4. 7 June 2012. สืบค้นเมื่อ 2012-06-10.
- 1 Kings 11:1–3
- หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1-2, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011
- หนังสือพงศาวดาร ฉบับที่ 1-2, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011
- หนังสือเพลงซาโลมอน, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011
- Khan, Geoffrey (2020). The Tiberian Pronunciation Tradition of Biblical Hebrew. Vol. 1. Open Book Publishers. p. 305. ISBN .
- หนังสือพงศ์กษัตริย์: 1 พงศ์กษัตริย์ 1–11; หนังสือพงศาวดาร: 1 พงศาวดาร 28–29, 2 พงศาวดาร 1–9
- Barton, George A. (1906). "Temple of Solomon". Jewish Encyclopedia. pp. 98–101. สืบค้นเมื่อ 2018-10-24.
- Stefon, Matt (27 June 2023). "Solomon king of Israel". Britannica.
- 1 พงศ์กษัตริย์ 5:5; 8:20
- , to Megillah, 14a
- Finkelstein & Silberman 2006, p. 20.
- Grabbe, Lester. The Dawn of Israel: A History of Canaan in the Second Millennium BCE. 2023. T&T Clark. p. 255-259. “It is essentially a about an Eastern potentate – it is royal legend or Königsnovelle.” “Thus, it looks difficult to discover much in the Solomon story that strikes the critical reader as likely to be historical.” “[T]he temple story has been inflated into a legendary extravaganza.” “[T]he Solomon story is the most problematic of those relating to the early Israelite kings, providing the thickest cloud of obscurity over the history that lies behind it.”
- Dever, William G. (2021). "Solomon, Scripture, and Science: The Rise of the Judahite State in the 10th Century BCE". Jerusalem Journal of Archaeology. 1: 102–125. doi:10.52486/01.00001.4. ISSN 2788-8819.
- มัทธิว 12:42; ลูกา 11:31
- มัทธิว 6:28–29; ลูกา 12:27
- "Archaeology, Culture, and other Religions". FMC terra santa. สืบค้นเมื่อ 2013-06-21.
- ; ; ; ; ; (1905). "Solomon". ใน ; และคณะ (บ.ก.). . Vol. 11. New York: Funk & Wagnalls. pp. 436–448.
- E. Clarity, 2012, p. 305.
- Thiele 1983, p. 78.
- 1 Chronicles 14:4
- 1 Chronicles 3:5
- 1 Chronicles 3:1–4
- Vance, Jennifer (2015). Solomon. New York: Simon and Schuster. ISBN .
- Golden childhood. The Little People's Own Pleasure—Book of Delight and Instruction. London: Ward, Lock, and Co. 1878. p. 116.
- Farrel, Pam; Jones, Jean (2017). Discovering Hope in the Psalms: A Creative Bible Study Experience. Eugene: Harvest House Publishers. p. 70. ISBN .
- 1 พงศ์กษัตริย์ 1:1
- "1 Kings 1 (ESV)". BibleGateway.com. สืบค้นเมื่อ 2010-03-03.
- Lumby, J. R., Cambridge Bible for Schools and Colleges on 1 Kings 1, accessed 24 September 2017
- 1 Kings 4:1–19
- Wiersbe, Warren (2003). The Bible Exposition Commentary, Volume 1. Eastbourne: Cook Communications. pp. 496. ISBN .
- 1 พงศ์กษัตริย์ 3:3–15
- 1 พงศ์กษัตริย์ 3:16–28
- Coogan 2009, p. 375.
- 1 Kings 11:3; ไม่ใช่ในบันทึก 2 พงศาวดาร
- ดูเพิ่มที่ 1 Kings 3:1
- 1 Kings 11:2–3: NKJV
- "1 Kings 12—2 Kings 25", Introduction to the Hebrew Bible, Fortress Press, pp. 281–304, 2018, doi:10.2307/j.ctt1w6tbx5.24, ISBN
- 1 Kings 11:5–9: NKJV
- "NIV 1 Kings 11 (Solomon's Wives)". Bible Gateway. สืบค้นเมื่อ 2013-06-21.
- "Ancient Jewish History: The Kings of Ancient Israel". Jewish Virtual Library. สืบค้นเมื่อ 2010-03-03.
- Gottlieb, Isaac (2010). "Mashal Le-Melekh: The Search for Solomon". Hebrew Studies. 51: 107–127. doi:10.1353/hbr.2010.a400580. S2CID 170687286 – โดยทาง Gale Literature Resource Center.
- Dahood, Mitchell (1968). Psalms II, 51-100: Introduction, Translation, and Notes. New York: Doubleday. pp. 179–180. ISBN .
- The Anchor Bible. New York: Doubleday. 1964. p. 47.
- อัลกุรอาน 2:102
- Shalev-Eyni, Sarit. "Solomon, his demons and jongleurs: The meeting of Islamic, Judaic and Christian culture." Al-Masaq 18.2 (2006): 155.
- อัลกุรอาน 27:15-19
- Ibn Abd-el-Hakem. History of the Conquest of Spain.
บรรณานุกรม
- Coogan, Michael D (2009). A Brief Introduction to the Old Testament. Oxford University Press.
- (2001). What Did the Biblical Writers Know and When Did They Know It?: What Archaeology Can Tell Us about the Reality of Ancient Israel. Grand Rapids, MI: ISBN . OCLC 45487499.
- ——— (2003). Who Were the Early Israelites and Where Did They Come From?. . ISBN .
- ; (2001). The Bible Unearthed: Archaeology's New Vision of Ancient Israel and the Origin of Its Sacred Texts. Simon & Schuster. ISBN .
- ———; (2006). David and Solomon: In Search of the Bible's Sacred Kings and the Roots of the Western Tradition. . ISBN .
- Kalimi, Isaac (2018). Writing and Rewriting the Story of Solomon in Ancient Israel. Cambridge University Press. ISBN .
- Levy, Thomas E; Higham, Thomas, บ.ก. (2005). The Bible and Radiocarbon Dating: Archaeology, Text and Science. London; : Equinox. ISBN . OCLC 60453952.
- (2003). On the reliability of the Old Testament. Grand Rapids, MI: . ISBN .
- Thiele, ER (1983). The Mysterious Numbers of the Hebrew Kings (3rd ed.). Grand Rapids: Zondervan/Kregel.
แหล่งข้อมูลอื่น
- , LT: VDU, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-01-15.
- Oussani, Gabriel (1913), "Solomon", Catholic Encyclopedia (entry).
- Solomon ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส Animated depiction of the life of Solomon
- Solomon ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส Artistic movie about the rise and the reign of King Solomon
- , Wars of Israel, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-25, สืบค้นเมื่อ 2006-05-05.
- Salomon engravings, The De Verda collection.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
saolmxn sphthkhristsasna hrux osolmxn sphthprawtisastr hruxxikphranamhnungkhux eydidiyah epnkstriychawyiwaehngaelaphrarachoxrskbphusubthxdinphraecadawid tamthipraktinkhmphirhibruhruxphnthsyyaeka phraxngkhidrbkarxthibayepnphupkkhrxngxngkhsudthaykhxngxisraexlaelayudahthirwmknepnhnung rchsmykhxngsaolmxnidrbkarsnnisthanwaxyuinchwng 970 thung 931 pikxn kh s tamphrakhmphir hlngphraxngkhswrrkht erohobxm phrarachoxrsaelaphusubthxd ichnoybaythiohdraytxchnephathangehnux sungnaipsukaraebngaeykwngswanxisraexlrahwangrachxanackrxisraexlthangehnuxkbrachxanackryudahthangit hlngcakkaraetkpraeths raynganphrakhmphirrabuthungphuthisubechuxsaysaolmxnpkkhrxngehnuxyudahethannsaolmxn ש ל מ ה phraecasaolmxn 1872 phaphwadodykstriyaehngxisraexlkhrxngrachyp 970 931 pikxn kh s snnisthan kxnhnadawidthdiperohobxmfngphraspheyrusaelmkhuxphieskmehsi 700 xngkhaelanangsnm 300 xngkhphrarachbutrphrarachoxrsthimikarbnthuk 3 phraxngkh erohobxmthafthbaesmthrachskulphrarachbidadawidphrarachmarda phrakhmphirklawwaphraecasaolmxnepnphusrangwiharaehngaerkineyrusaelm thixuthisaedphrayahewhhrux saolmxnidrbkarphrrnawaepnphumikhwamchlad mngkhng aelamixanacmak aelaepnhnungin 48 khxngsaolmxnepnpraednthkethiyngknxyangrxnaerng odykhwamehnphxnginpccubnyxmrbkhwamepnprawtisastrkhxngsaolmxn aetineruxngkarepnkstriyehnuxxisraexlaelayudahinstwrrsthi 10 kxn kh s thuxwaimchdecn aelaraylaexiydekiywkbkhwamfumefuxykhxngrachxanackrthichdecnkhxngphraxngkhinphrakhmphirmikhwamepnipidmakthisudwaepnkarphudekincringaebb inphnthsyyaihm phraxngkhidrbkarphrrnaepnstipyyakhxngosolmxnodyeysuaehngnasaerthphuyingihykwa aelamikhwamoxxa aetklbimngamsngaetha inxlkurxan phraxngkhthuxepnsasdahlk inwngkarnxkphrakhmphirswnihy saolmxnepnthiruckinthanacxmewthaelahmxphithimiekhruxngrangaelaehriyytrathirabuphranamkhxngphraxngkhcaksmyehlelnistinphrakhmphirchwngchiwitkhxngsaolmxnodyhlkxthibayin 2 samuexl 1 phngskstriy aela 2 phngsawdar phranamthngsxngkhxngphraxngkhtamthrrmeniymhmaythung khwamsngb aela phrashaykhxngphraeca thngsxngphranamthuxepnkar thanaylksnakarkhrxngrachykhxngphraxngkh esnewla chwngrchsmykhxngsaolmxntamaebbaephnnamacakaelarabuxyuinchwngpraman 970 thung 931 pikxn kh s rayngancakesnewlathimikarichnganaephrhlaysud sungxingcakesnewlakhxng sastracaryphnthsyyaeka karswrrkhtkhxngsaolmxnaelakaraebngaeykrachxanackrxacekidkhuninvduibimrwngdmux 931 pikxn kh s thrngphraeyaw saolmxnesdcphrarachsmphphineyrusaelm epnphrarachoxrsxngkhthi 2 khxngkstriydawidthiprasutiaedphranang phrryahmaykhxng phrarachoxrsxngkhaerk tambnthukimidrabuphranam macakkartngkhrrphxyangphidpraewniinchwngthixuriyahyngmichiwit sinphrachnmiphlngphrarachsmphphephiyng 7 wn inphrakhmphiresnxaenawaepnkarphiphaksacakphraeca saolmxnmiphraechsthaaelaphraxnucharwmphrarachbidamardaxyusamxngkh khux chmmuwa aelaochbb aelamiphraechsthatangmardaxyu 6 xngkh raynganphrakhmphiraesdngihehnwasaolmxnthahnathiepnekhruxngbuchasntirahwangphraecakbdawid enuxngcakdawidmikhwamsmphnthlwngpraewnikbbthechba dwykhwamphyayamthicasxnbapkhxngtn dawidcungsng samikhxngbthechba ekhasnamrb aelaihxyuinaenwhna odydawidsngihoyxab phubngkhbbycha thxnkalngsnbsnunaekxuriyah ephuxihekhathukstrukhatayinsnamrb hlngcakthiekhatay dawidksamarthxphiesksmrskbbthechbaid ephuxepnkarlngoths phrarachoxrsxngkhaerkthimacakkhwamsmphnthchusawcungsinphrachnm saolmxnesdcphrarachsmphphhlngdawididrbkarihxphy nncungepnehtuphlthiwathaimcungmikareluxkphranamkhxngphraxngkh sunghmaythung snti nkprawtisastrbangswnxangxingwasasdanathneliyngdusaolmxn enuxngcakphrarachbidathrngyungxyukbkarpkkhrxngrachxanackr singnixacepnphlmacakaenwkhidthiwaphuephyphrawcnamixiththiphlehnuxdawidxyangmak enuxngcakthanrueruxngkarthachukhxngphraxngkh sungthuxepnkhwamphidrayaerngtam khunkhrxngrachyaelakarbrihar saolmxnrbkarecimepnkstriy wadody c 1630 tam 1 phngskstriy 1 39 saolmxnidrbcak hnngsuxphngskstriyelm 1 idrabuwa kstriy dawid mi phra chn mayu aela thrng phra chra mak aelw aem ca hm pha ih hlay phun phra xngkh k yng im xbxun phwkekhacungesaahasawngamthwthngdinaednxisraexl aelwidphbhyingchaw cungidnaethxmaefaphraracha hyingsawkhnnnngamyingnk ethxidepnphuduaelphrarachaaelaxyuprnnibtiphraxngkh aetphrarachaimidthrngmiephssmphnthkbethx emuxkstriydawidthrngxyuinsphaphechnnicungthaihekidkarchingxanackhuninrachsank thayathphumisiththiodytrngkhxngdawid prakastnkhunepnkstriyxngkhihm aetkaephaekklxubaykhxngphra nang bth ech baaelanathnphuephyphrawcna sungidonmnawihkstriydawidthrngprakasihecachaysaolmxnepnkstriyxngkhihmtamthiekhypti yan iwemuxkxnhnann impraktbnthukinphrakhmphir thungaemwasaolmxncaimichoxrsxngkhihyktam saolmxnidkhunkhrxngrachytamphrabychakhxngkstriydawid hlngkhrxngrachyaelwsaolmxnkerimkacdfaytrngkham echn aemthphoyxab aelakhnun aelarwmtaaehnngkhxngphraxngkhephimetimdwykar aetngtngihephuxnfungyatimitrmixanacinrachsank sungrwmthungtaaehnngthangsasna echnediywknkbthngfayphleruxnaelathhar klawknwasaolmxnkhunkhrxngrachytxnmiphrachnmphrrsapraman 15 phrrsaethann hlngkhrxngrachyidsipiphraxngkhkidsrangwiharhlngaerkkhunkhuxwiharaehngsaolmxn karkhakhayrahwangpraethsdaeninipxyangrungeruxnginrchsmyphraxngkh phraxngkhidrbkarklawthungwaepnkstriyxisraexlthimngkhngthisudthithukklawthunginphrakhmphir stipyya khwamfnkhxngsaolmxn phrayahewhprathanstipyyaaeksaolmxn wadody saolmxnepnbukhkhlthithrngphrastipyyathisudinphrakhmphir inhnngsuxphngskstriychbb 1 saolmxnidthrngxuthisphraxngkhexngtxphrayahewh aelaphraxngkhpraktinkhwamfnkhxngsaolmxn saolmxnthulkhxphrastipyya phrayahewhthrngtxbrbkhaxthisthankhxngphraxngkh thrngihsyyaaeksaolmxnwacaprathanstipyyachnelisthisudaeksaolmxn enuxngcakphraxngkhimidthulkhxsingthiehnaektwxyangkhwamepnxmtahruxkhwamphinaskhxngxristru eruxngrawthimichuxesiyngthisudindanphrastipyyakhxngsaolmxnkhuxkhaphiphaksakhxngsaolmxn epnkhdithimistrisxngkhnxangsiththiwaepnaemthiaethcringkhxngedktharkkhnhnungaelakhxihsaolmxnthrngtdsin saolmxnphiphaksakhdixyangngay odyihtdedktharkxxkepnsxngswnaebngihstriphuklawxangthngsxngkhnesiy thnidnnmistrikhnhnungyxmthxntwthnthi ethxklawwaethxkhxyxmaephesiydikwaihedkthukkhatay emuxidyinechnnnsaolmxncungprakasihstriphuthithxntwepnaemkhxngedkthark tamthrrmeniym saolmxnthuxepnphuekhiynhnngsuxinphrakhmphirhlayelm echn hnngsuxsuphasit hnngsuxpyyacary aela odyidrbkarkahndihepnphuekhiyntamthrrmeniymkhxng sungthukrwmekhainkhmphirkhxngxxrthxdxkstawnxxkaelakhathxlik aetfngopretsaetntthuxepnkhmphirnxksarbb phrarachthrphy saolmxntxnrbthutcakchatibrrnakar tamrayngancakkhmphirhibru rachxanackrxisraexlobranidrbkhwamrungorcnaelakhwammngkhngsungsudinchwngrchsmysaolmxnthikinewla 40 pi 1 Kings 10 14 rabuwainpiediyw saolmxnrbthxngkhathung 666 18 125 kiolkrm saolmxnidrbkarbrryaywaraylxmipdwysingfumefuxyaelakhwamyingihykhxngkstriytawnxxk aelarthbalkhxngphraxngkhecriyrungeruxng phraxngkhcdtngphnthmitrkb kstriyaehngithrthichwyehluxphraxngkhinkickarxnmakmayhlayprakar okhrngkarkxsrang swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidchayaaelabathbricarika kstriysaolmxnkbphramehsikhxngphraxngkh phaphwadin kh s 1668 ody phrakhmphirrabuwa saolmxnmimehsi 700 xngkh aela 300 khn mehsiehlaniidrbkarxthibayepnecahyingtangxanackr echn aelastricak isdxn aelahititht karxphiesksmrskbthidakhxngfaorhduehmuxncaechuxmkhwamepnphnthmitrthangkaremuxngkbxiyipt inkhnathikaryudtidkbmehsiaelanangsnmkhnxun khxngphraxngkhnnenuixngdwykhwam rkikhr mehsixngkhediywthirabudwyphranamkhux phrarachmadakhxngerohobxm phusubthxdkhxngsaolmxn khabrryayinphrakhmphirtngkhxsngektthungkhwamimehnchxbthisaolmxnxnuyatihmehsichawtangchatinaethphecapracachatikhxngtnekhama srangwiharihaekaela khwamsmphnthkbphrarachiniaehngechba swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidbapaelakarlngoths xniccngaeth thuksinglwnxniccng phaphwadody aesdngkstriysaolmxnchraphuchxbkhidikhrkhrwy xalksnchawyiwklawwakhrukhxngsaolmxnkhux aelaekhahamsaolmxnaetngngankbmehsitangchatitrabethathiekhayngmichiwitxyu sungpraktinthlmudthi Ber 8a wa trabethathi Shimei butr Gera yngmichiwitxyu saolmxncaimmiwnxphiesksmrskbthidakhxngfaorh duephimin thi Ps 3 1 karpraharchiwit Shimei khxngsaolmxnepnkardadingsubapkhrngaerk rayngancak 1 Kings 11 4 ehlaphrryakhxngthanthaihickhxngthanhnipechuxinbrrdaethpheca sungkhuxethphecakhxngbrrdaphranangthisaolmxnsrangwiharih thaihphraphuepnecathrngokrthkriwaelalngothsinrupaebbaebngxanackrhlngsaolmxnswrrkht 1 Kings 11 9 13 1 Kings 11 klawthungkarthisaolmxnhnehipsukarbucharuppn odyechphaakarhnipbucha ethphikhxng aela ethphecakhxngchaw in Deuteronomy 17 16 17 rabuwa khxephiyngxyaihkstriymimasukcanwnmakepnkhxngtnexng xyamiphrryamak xyasasmenginthxngswnkhxngtnihngxkengymakekinipnk saolmxnlaemidthngsamkhx nxkcakni phraxngkhyngekbthxngkhainaetlapithung 1 Kings 10 14 thuxwamicanwnmaksahrbchatikhnadelkxyangxisraexl phraxngkhthrngrwbrwmmaaelaipiklthungxiyipt aela thukchkcungxxkhangip tamthietuxniwin Deuteronomy 17 saolmxnidrbkarklawthungwaidthabapdwykarrbmehsitangchatihlayxngkh Solomon s descent into idolatry wadody irksmuxesyum rayngancak 1 Kings 11 30 34 aela 1 Kings 11 9 13 dwybapkrrmehlanithaihphraphuepnecalngothssaolmxndwykarthxnchnephaxisraexlswnihyipcakkarpkkhrxngkhxngrachwngssaolmxn phraphuepnecaokrthkriwsaolmxn ephraacitickhxngthanhnehipcakphraphuepneca phraecakhxngxisraexl phuidpraktaekthanthung 2 khrngaelw aelaidbychathanineruxngni khuxthanimkhwrtidtambrrdaethpheca aetthankimidptibtitamthiphraphuepnecaidbychaiw chann phraphuepnecaklawkbsaolmxnwa inemuxecapraphvtiechnni aelaimidrksaphnthsyyaaelakdeknthkhxngerathierabychaeca eracachikxanackrthiecakhrxbkhrxngxyangaennxn aelaykihkbphurbichkhxngeca aetephraaehnaekdawidbidakhxngeca eracaimthaechnnninchwxayukhxngeca aeteracathakbbutrkhxngeca xyangirktam eracaimchikxanackrthnghmd aeteracaihbutrkhxngecapkkhrxng 1 epha ephraaehnaekdawidphurbichkhxngera aelaehnaekeyrusaelmthieraideluxkiw swrrkht erohobxmkhrxngrachy aelakaraetkxanackr shrachathipityaetkslay odyeyorobxmpkkhrxngxisraexl naengin swnerohobxmpkkhrxngyudah inkhmphirhibrurabuwa phraecasaolmxnepnbukhkhlsakhyinphrakhmphirthisrangineyrusaelm aelaphupkkhrxngxngkhsudthaykhxngshrachathipityxisraexl hlngkhrxngrachy 40 pi 1 phngskstriy 11 42 phraxngkhswrrkhtcaksaehtutamthrrmchati dwyphrachnmphrrsapraman 55 phrrsa kxnthisaolmxnswrrkht erohobxm phrarachoxrs khunkhrxngrachy aet 10 klumimyxmrbphraxngkhepnkstriy aelwaeykdinaednxxkepnrachxanackrxisraexlthangehnux phayitkarpkkhrxngkhxngeyorobxm swnerohobxmyngkhngpkkhrxngrachxanackryudahkhnadelkkwathangit thaihsxngxanackrniimmiwnrwmknepnhnungxiktxip saolmxnmikhwamekiywoyngkb yukhthxng sungsudkhxngrachxanackrxisraexlxnepnexkrach aelaepnaehlngtananphumipyyadantulakaraelasasna khawa לשלמה inphasahibru praktinchuxbthkhxnghnngsuxephlngsdudiephiyng 2 bth 72 aela 127 khanimikhwamhmaywa thungsaolmxn aetksamarthaeplidepn odysaolmxn thaihbangkhnesnxaenawasadlmxnepnphuekhiynhnngsuxephlngsdudisxngbthnnkhmphirxthikthrrmhruxnxksarbbswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidkhwamepnprawtisastrswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidmummxngsasnayudah swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidkhrist swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidxislam bllngksaolmxn briewnmsyidxlxksx eyrusaelm tamthrrmeniymxislam saolmxnepnruckkninchux sulyman xibn dawud aelathuxepnsasdaaelasasnthutkhxngxllxx echnediywknkbkarepnkstriythiphraecaaetngtng saolmxndarngtaaehnngthdcakphrarachbidainthanakstriysasdaaehngwngswanxisraexl singthitangcakphrakhmphirkhux phraxngkhimskkararupekharphid thngsin xlkurxankahndihsaolmxnmistipyya khwamru aelaxanacinradbthidieyiym phraxngkhru xahrb منطق الطير xksrormn manṭiq al ṭayr saolmxninsasnaxislamyngepnthiruckcadkarmikhwamsamarthehnuxthrrmchatithiphraphuepnecaprathanma echn khwbkhumlm pkkhrxngehnuxyin aelaidyinkarsuxsarkhxngmd aelaeraidihmilmphdaeksulyman sungmncaphdipinyamechaepnewlahnungeduxn aelamncaphdklbinyameynepnewlahnungeduxn aelaeraidihihlmaaekekhasungtanathxngehluxng khuxihthxngehluxngthihlxmtwepntanaihlmasahrbsulyman inhmuyinnn miphuthanganxyuebuxnghnaekhadwyxnumtiaehngphraecakhxngekha aelaphuidinhmuphwkekhahnehcakphrabychakhxngera eracaihekhalimrskarlngothsthimiiflukochtichwng 34 12 cnkrathngemuxphwkekhaidmathungthungthimimdmak mdtwhnungidphudwa oxphwkmdexy phwkecacngekhaipinrngkhxngphwkecaethid ephuxwasulymanaelaiphrphlkhxngekhacaidimbdkhyiphwkeca odythiphwkekhaimrutw ekha sulyman yimaekmhweraatxkhaphudkhxngmnaelaklawwa khaaetphraphuepnecakhxngkhaphraxngkh khxphraxngkhthrngoprdprathanaekkhaphraxngkh ephuxihkhaphraxngkhkhxbkhuntxkhwamoprdprankhxngphraxngkhthan sungphraxngkhthanidthrngoprdpranaekkhaphraxngkh aelabidamardakhxngkhaphraxngkh aelaihkhaphraxngkhkrathakhwamdiephuxihphraxngkhthrngphxphrathymn aelathrngihkhaphraxngkhekhaxyuinkhwamemttakhxngphraxngkh inhmupwngbawkhxngphraxngkhthidithnghlay 27 18 19 xlkurxanidrabuwa aelaphwkekhaidptibtitamsingthibrrdachytxn insmysulymanxanihfng aelasulymanhaidptiesthkarsrththaim aetthwachytxnehlanntanghakthiptiesthkarsrththa odysxnprachachnsungwichaisysastraelasingthithukprathanlngmaaekmalaxikah thngsxng khux harut aelamarut n emuxngbabil aelaekhathngsxngcaimsxnihaekphuidcnkwacaklawwa aethcringeraephiyngepnphuthdsxbethannthancngxyaptiesthkarsrththaely aelwekhaehlannksuksacakekhathngsxng singthiphwkekhacaichmnyngkhwamaetkaeykrahwangbukhkhlkbphrryakhxngekhaaelaphwkekhaimxacthaihsingnnepnxntrayaekphuididnxkcakdwykarxnumtikhxngxllxh ethann aelaphwkekhakeriynsingthiepnothsaekphwkekha aelamiichepnkhunaekphwkekha aelaaethcringnnphwkekharuaelwwa aennxnphuthisuxmniwnn inprolkkyxmimmiswnidid aelaaennxnepnsingthichwchacring thiphwkekhakhaytwkhxngphwkekhadwysingnn hakphwkekharu sueraah xlbaekaaeraah 2 102tanandwngtraaehngsaolmxn saolmxnmiaehwnmntrawnghnungthieriykwa dwngtraaehngsaolmxn Seal of Solomon echuxknwasaolmxnidrbmxbaehwnwngniaelamixanacehnuxyinaelapisac klawknwasylksnmntrabnaehwnepnsylksnediywkb daraaehngdawid bangeriyk olaehngdawid aemwadaraaehngdawidcaepnsylksnkhxngsasnayudahsungerimpraktinkhriststwrrsthi 2 thung 4 ktam bnthukkhxngrbbirabuwa khrnghnungrachaaehngehlamaraexsomediys Asmodeus thukcbkumodyebinxa Benaiah thiswmaehwnxyu aelathukbngkhbihxyuitxantikhxngsaolmxn inxiktananrabuwaaexsomediysnachayphuhnungsungmisxnghwkhunmacakolkbadalephuxihsaolmxnthxdphraentr chayphunnimsamarthklbipolkbadalid cungidxyukinkbstrinanghnunginkrungeyrusaelm aelamilukchaydwyknecdkhn hkincanwnecdkhnnnmilksnaechnmarda swnxikhnungkhnmisxnghwechnbida emuxbidaesiychiwit naysxnghwideriykrxngmrdkinswnsahrbsxngkhn saolmxntdsinwanaysxnghwepnephiyngbukhkhlediyw dwngtraaehngsaolmxnepriybiddngaehwnaehngxanac inhlaytananrabuwa mihlayklumkhnabukhkhlekhyphyayamchinghruxkhomyaehwndwythangidthanghnungephuxihidmasungxanacmntra wtthuaehngsaolmxn xikhnungwtthumatrahnungkhxngsaolmxnkhuxotaaelakuyaecaehngsaolmxn epnthiklawwaotaaehngsaolmxntngxyuinemuxngotelodinchwngthichawwisikxthpkkhrxng kxnthicathukchingipodynaythharfaymusliminchwngxanackrxumyyahphichitdinaednixbieriy swnkuyaecaehngsaolmxnpraktxyuinhnngsuxthichuxwa kuyaecyxykhxngsaolmxn sungepntaraisyewthmiokhrngeruxngthisaolmxncbkumpisactangdwyaehwn aelabngkhbihpisacphwknnaenanachuxesiyngeriyngnamaektnduephimkstriydawid sulyman phrawiharkhxngsaolmxnhmayehtuhibru ש ל מ ה Sălōmō aeplwa khwamsngb siriaexk ܫܠ ܝܡ ܘܢ Slemun xahrb س ل ي م ان Sulayman Siliman Sleman krik Solomwn Solomōn latin Salomon hibru י ד יד י ה Yǝdidyah Yăḏiḏyah phuthixngkhphraphuepnecathrngrk xangxing In Our Time With Melvyn Bragg King Solomon UK BBC Radio 4 7 June 2012 subkhnemux 2012 06 10 1 Kings 11 1 3 hnngsuxphngskstriy chbbthi 1 2 phrakhristthrrmkhmphir chbbmatrthan 2011 hnngsuxphngsawdar chbbthi 1 2 phrakhristthrrmkhmphir chbbmatrthan 2011 hnngsuxephlngsaolmxn phrakhristthrrmkhmphir chbbmatrthan 2011 Khan Geoffrey 2020 The Tiberian Pronunciation Tradition of Biblical Hebrew Vol 1 Open Book Publishers p 305 ISBN 978 1 78374 676 7 hnngsuxphngskstriy 1 phngskstriy 1 11 hnngsuxphngsawdar 1 phngsawdar 28 29 2 phngsawdar 1 9 Barton George A 1906 Temple of Solomon Jewish Encyclopedia pp 98 101 subkhnemux 2018 10 24 Stefon Matt 27 June 2023 Solomon king of Israel Britannica 1 phngskstriy 5 5 8 20 toMegillah 14a Finkelstein amp Silberman 2006 p 20 Grabbe Lester The Dawn of Israel A History of Canaan in the Second Millennium BCE 2023 T amp T Clark p 255 259 It is essentially a about an Eastern potentate it is royal legend or Konigsnovelle Thus it looks difficult to discover much in the Solomon story that strikes the critical reader as likely to be historical T he temple story has been inflated into a legendary extravaganza T he Solomon story is the most problematic of those relating to the early Israelite kings providing the thickest cloud of obscurity over the history that lies behind it Dever William G 2021 Solomon Scripture and Science The Rise of the Judahite State in the 10th Century BCE Jerusalem Journal of Archaeology 1 102 125 doi 10 52486 01 00001 4 ISSN 2788 8819 mththiw 12 42 luka 11 31 mththiw 6 28 29 luka 12 27 Archaeology Culture and other Religions FMC terra santa subkhnemux 2013 06 21 1905 Solomon in aelakhna b k Vol 11 New York Funk amp Wagnalls pp 436 448 E Clarity 2012 p 305 Thiele 1983 p 78 1 Chronicles 14 4 1 Chronicles 3 5 1 Chronicles 3 1 4 Vance Jennifer 2015 Solomon New York Simon and Schuster ISBN 978 1 68146 118 2 Golden childhood The Little People s Own Pleasure Book of Delight and Instruction London Ward Lock and Co 1878 p 116 Farrel Pam Jones Jean 2017 Discovering Hope in the Psalms A Creative Bible Study Experience Eugene Harvest House Publishers p 70 ISBN 978 0 7369 6997 0 1 phngskstriy 1 1 1 Kings 1 ESV BibleGateway com subkhnemux 2010 03 03 Lumby J R Cambridge Bible for Schools and Colleges on 1 Kings 1 accessed 24 September 2017 1 Kings 4 1 19 Wiersbe Warren 2003 The Bible Exposition Commentary Volume 1 Eastbourne Cook Communications pp 496 ISBN 978 0 7814 3531 4 1 phngskstriy 3 3 15 1 phngskstriy 3 16 28 Coogan 2009 p 375 1 Kings 11 3 imichinbnthuk 2 phngsawdar duephimthi 1 Kings 3 1 1 Kings 11 2 3 NKJV 1 Kings 12 2 Kings 25 Introduction to the Hebrew Bible Fortress Press pp 281 304 2018 doi 10 2307 j ctt1w6tbx5 24 ISBN 978 1 5064 4605 9 1 Kings 11 5 9 NKJV NIV 1 Kings 11 Solomon s Wives Bible Gateway subkhnemux 2013 06 21 Ancient Jewish History The Kings of Ancient Israel Jewish Virtual Library subkhnemux 2010 03 03 Gottlieb Isaac 2010 Mashal Le Melekh The Search for Solomon Hebrew Studies 51 107 127 doi 10 1353 hbr 2010 a400580 S2CID 170687286 odythang Gale Literature Resource Center Dahood Mitchell 1968 Psalms II 51 100 Introduction Translation and Notes New York Doubleday pp 179 180 ISBN 0 385 03759 7 The Anchor Bible New York Doubleday 1964 p 47 xlkurxan 2 102 Shalev Eyni Sarit Solomon his demons and jongleurs The meeting of Islamic Judaic and Christian culture Al Masaq 18 2 2006 155 xlkurxan 27 15 19 Ibn Abd el Hakem History of the Conquest of Spain brrnanukrmCoogan Michael D 2009 A Brief Introduction to the Old Testament Oxford University Press 2001 What Did the Biblical Writers Know and When Did They Know It What Archaeology Can Tell Us about the Reality of Ancient Israel Grand Rapids MI ISBN 978 0 8028 4794 2 OCLC 45487499 2003 Who Were the Early Israelites and Where Did They Come From ISBN 978 0 8028 0975 9 2001 The Bible Unearthed Archaeology s New Vision of Ancient Israel and the Origin of Its Sacred Texts Simon amp Schuster ISBN 978 0 7432 2338 6 2006 David and Solomon In Search of the Bible s Sacred Kings and the Roots of the Western Tradition ISBN 978 0 7432 4362 9 Kalimi Isaac 2018 Writing and Rewriting the Story of Solomon in Ancient Israel Cambridge University Press ISBN 978 1 108 47126 8 Levy Thomas E Higham Thomas b k 2005 The Bible and Radiocarbon Dating Archaeology Text and Science London Equinox ISBN 978 1 84553 056 3 OCLC 60453952 2003 On the reliability of the Old Testament Grand Rapids MI ISBN 978 0 8028 4960 1 Thiele ER 1983 The Mysterious Numbers of the Hebrew Kings 3rd ed Grand Rapids Zondervan Kregel aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb saolmxn wikikhakhmmikhakhmekiywkb saolmxn wikisxrs mibthkhwamcak ekiywkb Solomon LT VDU khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 01 15 Oussani Gabriel 1913 Solomon Catholic Encyclopedia entry Solomon thixinethxrentmuwiedtaebs Animated depiction of the life of Solomon Solomon thixinethxrentmuwiedtaebs Artistic movie about the rise and the reign of King Solomon Wars of Israel khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2010 01 25 subkhnemux 2006 05 05 Salomon engravings The De Verda collection bthkhwamchiwprawtiniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk