แรดอินเดีย จัดเป็นแรด 1 ใน 3 สายพันธุ์ที่พบได้ในทวีปเอเชีย และเป็นสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดที่พบในทวีปแห่งนี้
แรดอินเดีย ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: Early Pleistocene–Recent | |
---|---|
แรดอินเดียในอุทยานแห่งชาติกาซีรังคา รัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอต |
อาณาจักร: | สัตว์ |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง |
ชั้น: | สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม |
อันดับ: | อันดับสัตว์กีบคี่ |
วงศ์: | แรด |
สกุล: | Linnaeus, |
สปีชีส์: | Rhinoceros unicornis |
ชื่อทวินาม | |
Rhinoceros unicornis Linnaeus, | |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ของแรดอินเดีย |
อนุกรมวิธาน
Rhinoceros unicornis เป็นชื่อวิทยาศาสตร์ที่คาร์ล ลินเนียสใช้ใน ค.ศ. 1758 โดยเป็นผู้แรดที่มีเขาเดียว เขาระบุแรดสองชนิดในอินเดีย โดยอีกชนิดหนึ่งมีชื่อว่า Rhinoceros bicornis และระบุว่าชนิดในอินเดียมีสองเขา ส่วนชนิดในแอฟริกามีเขาเดียว
แรดอินเดียเป็นสัตว์ที่มีชนิดเดียว มีการระบุตัวอย่างชนิดตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ด้วยชื่อวิทยาศาสตร์ที่ต่างกัน แต่ทั้งหมดถือเป็นชื่อพ้องของ Rhinoceros unicornis ในปัจจุบัน:
- R. indicus โดย , 1817
- R. asiaticus โดย , 1830
- R. stenocephalus โดย , 1867
- R. jamrachi โดย , 1876
- R. bengalensis โดย Kourist, 1970
ศัพทมูลวิทยา
ชื่อสามัญในภาษาอังกฤษ rhinoceros มีที่มาจากภาษาละตินจากกรีกโบราณ: ῥινόκερως ซึ่งประกอบด้วยคำว่า ῥινο- (rhino-, "ของจมูก") กับ κέρας (keras, "") โดยมีการใช้ชื่อนี้มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 ส่วน ūnicornis ศัพท์ภาษาละติน หมายถึง "เขาเดียว"
วิวัฒนาการ
ลักษณะ
แรดอินเดียมีขนาดพอ ๆ กับแรดขาวในแอฟริกาซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาแรดทั้งหมด เมื่อโตเต็มที่เพศผู้จะตัวใหญ่กว่าเพศเมีย เพศผู้หนัก 2,200-3,000 กิโลกรัม เพศเมียหนัก 1,600 กิโลกรัม สูง 1.7-2 เมตร อาจยาวถึง 4 เมตร ตัวอย่างที่มีการบันทึกไว้หนักประมาณ 3,500 กิโลกรัม ในสถานที่เลี้ยงมีแรดอินเดีย 4 ตัวเท่าที่ทราบมีอายุมากกว่า 40 ปี แก่สุดมีอายุ 47 ปี
แรดอินเดียมีนอเดียวไม่ว่าเพศผู้หรือเพศเมียแต่แรดแรกเกิดจะไม่มีนอ นอจะเริ่มงอเมื่ออายุ 6 ปี ทั่วไปแล้วนอยาว 25 เซนติเมตร แต่มีบันทึกว่ามีนอยาวถึง 57.2 เซนติเมตร นอโค้งไปด้านหลัง ปกติมีสีดำ ในสถานที่เลี้ยงนอมักหลุดไปเหลือเพียงปุ่มหนาบ่อย ๆ
แรดอินเดียมีหนังหนา ลำตัวแลดูเหมือนมีเกราะหุ้ม หนังมีสีน้ำตาลเงินและเปลี่ยนเป็นสีอมชมพูเมื่อเข้าใกล้รอยพับ มีหนังพับข้ามหลัง 2 แห่ง คือ ที่ด้านหลังของไหล่ และด้านหน้าของสะโพก เพศผู้มีรอยพับหนาที่คอ ด้านบนขาและไหล่ปกคลุมด้วยปุ่มนูน ลำตัวมีขนเล็กน้อย นอกเหนือไปจากขนตา ขนหู และขนหาง
แรดอินเดีย เป็นแรดนอเดียว มีลักษณะเด่นที่แตกต่างไปจากแรดสายพันธุ์อื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด คือ ตามลำตัวแลดูเหมือนมีเกราะหุ้มลำตัวไว้ถึง 2 ชั้น บางส่วนหนาถึง 5 เซนติเมตร เพื่อช่วยในการป้องกันตัวในการต่อสู้และป้องกันแมลง หนังเป็นปุ่มนูนเห็นได้ชัด ง่ามก้นเป็นร่อง มีหนังพับข้ามหลัง 2 แห่ง คือ ที่ด้านหลังของไหล่ และด้านหน้าของสะโพก แต่ไม่มีพับหนังข้ามคอ มีหางสั้น มีสีลำตัวน้ำตาลเทา มีริมฝีปากพิเศษที่ใช้สำหรับจับและฉีกพืชที่เป็นอาหาร
สาเหตุที่แรดอินเดีย มีหนังที่พับเห็นได้ชัดเจน เพื่อช่วยในการขยายเนื้อที่ของผิวหนัง และควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย เนื่องจากเนื้อเยื่อรอบ ๆ เต็มไปด้วยเส้นเลือดที่ส่งความร้อนไปยังแผ่นพับของหนังที่ขยายใหญ่ขึ้นเหมือนเป็นเครื่องทำความเย็น อีกทั้งยังสามารถกักเก็บน้ำเมื่อแรดลงแช่น้ำและถึงแม้จะขึ้นมาบนบกแล้วก็ตาม น้ำก็ยังอยู่ในหนังพับนั้นได้
มีการกระจายพันธุ์ในภูมิภาคเอเชียใต้ ที่ประเทศอินเดีย, เชิงเทือกเขาหิมาลัย, ปากีสถาน, เนปาล, ภูฏาน จนถึงชายแดนที่ติดกับพม่า
แรดอินเดีย เชื่อว่าปรากฏขึ้นในดินแดนยูเรเชียครั้งแรกในช่วงปลาย (33.5-37 ล้านปีก่อน) และแพร่กระจายไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ใน (1-2 ล้านปีก่อน) หลังจากที่สัตว์กลุ่มแรดมีวิวัฒนาการขึ้นเมื่อประมาณ 60-65 ล้านปีก่อน หรือในยุคอีโอซีนจากกลุ่มสัตว์เท้ากีบคี่
พฤติกรรม
แรดอินเดีย ชอบอาศัยอยู่ตามป่าทุ่งหญ้าและที่ราบลุ่มที่มีน้ำท่วมถึง เพราะมักหากินพืชจำพวกหญ้าและพืชน้ำต่าง ๆ ในปริมาณที่มากนับร้อยกิโลกรัมต่อวัน มักชอบหากินอยู่ตามลำพัง ยกเว้นแม่แรดที่ต้องมีลูกอยู่เคียงข้าง ซึ่งแรดตัวเมียเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์พร้อมมีลูกได้เมื่ออายุ 4 ปี ตั้งท้องนาน 474-488 วัน และออกลูกครั้งละ 1 ตัว ส่วนตัวผู้จะพร้อมผสมพันธุ์นานกว่านั้นคือ เมื่ออายุ 9 ปี มีอายุโดยเฉลี่ย 30-40 ปี ลูกแรดจะกินนมแม่ไปจนอายุ 2 ขวบ
แรดอินเดียมีสายตาสั้น แต่มีประสาทดมกลิ่นได้ดี หูก็สามารถฟังเสียงได้ดีมาก แม้จะแลดูตัวใหญ่เทอะทะแต่ก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว โดยเฉพาะในเวลากลางคืนไปจนถึงรุ่งเช้า วิ่งได้เร็วถึง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชอบแช่น้ำและยังว่ายน้ำได้เก่งอีกด้วย มีอุปนิสัยดุร้าย ขี้หงุดหงิดเช่นเดียวกับแรดสายพันธุ์ที่พบในทวีปแอฟริกา เมื่อดุร้ายหรือหงุดหงิดขึ้นมา สามารถวิ่งเข้าชนหรือสู้กับสัตว์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน ไม่เว้นแม้กระทั่งช้าง
ปัจจุบัน แรดอินเดียมีจำนวนเพิ่มขึ้นคือ ประมาณ 2,400 ตัว (ข้อมูล ค.ศ. 2005) แต่ยังคงถูกจัดเป็นสัตว์เสี่ยงใกล้สูญพันธุ์เพราะตัวใหญ่แต่อ่อนแอ จากการติดโรคต่าง ๆ และการล่าจากมนุษย์
แรดอินเดียในประเทศไทยในปัจจุบัน มีการเลี้ยงอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ เป็นต้น
การกระจายพันธุ์
แรดอินเดียพบได้ทั่วทั้งประเทศอินเดียไปยังประเทศพม่าและประเทศบังกลาเทศและอาจมีร่อนเร่ไปในประเทศจีน เพราะอิทธิพลจากมนุษย์ทำให้การกระจายพันธุ์หดลง ปัจจุบันเหลือเพียงกลุ่มประชากรเล็ก ๆ ในทางตะวันออกเฉียงเหนือประเทศอินเดียและประเทศเนปาล ประชากรแรดในประเทศภูฏานดูเหมือนจะสูญพันธุ์ไปแล้ว และในประเทศปากีสถานมีแรดอินเดีย 2 ตัวอยู่ในอุทยานแห่งชาติลาลสุฮานรา ใน เมื่อปี ค.ศ. 1983 แต่ไม่มีการขยายพันธุ์เพิ่มอีก
ในประเทศไทย
ในประเทศไทยมีการจัดแสดงแรดอินเดียอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ มีชื่อว่า กาลิ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งเนปาลได้ถวายแก่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และได้พระราชทานให้แก่เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2529 ขณะมีอายุได้เพียง 1 ปี
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- Ellis, S. & Talukdar, B. (2019). "Rhinoceros unicornis". IUCN Red List of Threatened Species. 2019: e.T19496A18494149. doi:10.2305/IUCN.UK.2019-3.RLTS.T19496A18494149.en. สืบค้นเมื่อ 16 January 2022.}
- Linnæus, C. (1758). "Rhinoceros unicornis". Caroli Linnæi Systema naturæ per regna tria naturæ, secundum classes, ordines, genera, species, cum characteribus, differentiis, synonymis, locis. Holmiae: Salvius. p. 56.
- Srinivasulu, C., Srinivasulu, B. (2012). "Chapter 3: Checklist of South Asian Mammals" 21 พฤษภาคม 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน in: South Asian Mammals: Their Diversity, Distribution, and Status. Springer, New York, Heidelberg, London.
- (2005). "Order Perissodactyla". ใน ; Reeder, D.M (บ.ก.). Mammal Species of the World: A Taxonomic and Geographic Reference (3rd ed.). Johns Hopkins University Press. p. 636. ISBN . OCLC 62265494.
- "Definition of RHINOCEROS". merriam-webster.com (ภาษาอังกฤษ). 2024-02-04. สืบค้นเมื่อ 2024-02-12.
- Liddell, H. G. & Scott, R. (1940). "ῥίς". A Greek-English Lexicon (Revised and augmented ed.). Oxford: Clarendon Press. จากแหล่งเดิมเมื่อ 4 June 2023. สืบค้นเมื่อ 20 February 2021.
- Liddell, H. G. & Scott, R. (1940). "κέρᾳ". A Greek-English Lexicon (Revised and augmented ed.). Oxford: Clarendon Press. จากแหล่งเดิมเมื่อ 8 October 2012. สืบค้นเมื่อ 20 February 2021.
- Partridge, E. (1983). "ūnicornis". Origins: a Short Etymological Dictionary of Modern English. New York: Greenwich House. p. 296. ISBN .
- Laurie, W.A.; E.m. Lang; C.P. Groves (1983). "Rhinoceros unicornis". (211): 1–6. doi:10.2307/3504002.
- Dinerstein, E. (2003). The Return of the Unicorns: The Natural History and Conservation of the Greater One-Horned Rhinoceros. New York: . ISBN .
- . NOW26. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-03-22. สืบค้นเมื่อ 2015-01-18.
- ผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่เผยเหตุแรดอินเดียตายเพราะแผลในกระเพาะอาหาร
แหล่งข้อมูลอื่น
- "Rhino Resource Center". Rhino Resource Center.
- "Greater One-Horned Rhino (Rhinoceros unicornis)". International Rhino Foundation.
- TheBigZoo.com: Greater Indian Rhinoceros
- Indian Rhino page at AnimalInfo.org
- Indian Rhinoceros page at UltimateUngulate.com
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
aerdxinediy cdepnaerd 1 in 3 sayphnthuthiphbidinthwipexechiy aelaepnsayphnthuthiihythisudthiphbinthwipaehngniaerdxinediy chwngewlathimichiwitxyu Early Pleistocene Recent PreꞒ Ꞓ O S D C P T J K Pg N aerdxinediyinxuthyanaehngchatikasirngkha rthxssm praethsxinediysthanakarxnurks IUCN 3 1 CITES Appendix I CITES karcaaenkchnthangwithyasastrodemn yuaekhrioxtxanackr stwiflm stwmiaeknsnhlngchn stweliynglukdwynmxndb xndbstwkibkhiwngs aerdskul Linnaeus spichis Rhinoceros unicornischuxthwinamRhinoceros unicornis Linnaeus aephnthiaesdngkarkracayphnthukhxngaerdxinediyxnukrmwithanRhinoceros unicornis epnchuxwithyasastrthikharl lineniysichin kh s 1758 odyepnphuaerdthimiekhaediyw ekharabuaerdsxngchnidinxinediy odyxikchnidhnungmichuxwa Rhinoceros bicornis aelarabuwachnidinxinediymisxngekha swnchnidinaexfrikamiekhaediyw aerdxinediyepnstwthimichnidediyw mikarrabutwxyangchnidtngaetplaykhriststwrrsthi 18 dwychuxwithyasastrthitangkn aetthnghmdthuxepnchuxphxngkhxng Rhinoceros unicornis inpccubn R indicus ody 1817 R asiaticus ody 1830 R stenocephalus ody 1867 R jamrachi ody 1876 R bengalensis ody Kourist 1970sphthmulwithya chuxsamyinphasaxngkvs rhinoceros mithimacakphasalatincakkrikobran ῥinokerws sungprakxbdwykhawa ῥino rhino khxngcmuk kb keras keras odymikarichchuxnimatngaetkhriststwrrsthi 14 swn unicornis sphthphasalatin hmaythung ekhaediyw wiwthnakarlksnarxyphbkhxngaephnhnngthihna thiehnidchdecn aerdxinediymikhnadphx kbaerdkhawinaexfrikasungmikhnadihythisudinbrrdaaerdthnghmd emuxotetmthiephsphucatwihykwaephsemiy ephsphuhnk 2 200 3 000 kiolkrm ephsemiyhnk 1 600 kiolkrm sung 1 7 2 emtr xacyawthung 4 emtr twxyangthimikarbnthukiwhnkpraman 3 500 kiolkrm insthanthieliyngmiaerdxinediy 4 twethathithrabmixayumakkwa 40 pi aeksudmixayu 47 pi aerdxinediyminxediywimwaephsphuhruxephsemiyaetaerdaerkekidcaimminx nxcaerimngxemuxxayu 6 pi thwipaelwnxyaw 25 esntiemtr aetmibnthukwaminxyawthung 57 2 esntiemtr nxokhngipdanhlng pktimisida insthanthieliyngnxmkhludipehluxephiyngpumhnabxy aerdxinediymihnnghna latwaelduehmuxnmiekraahum hnngmisinatalenginaelaepliynepnsixmchmphuemuxekhaiklrxyphb mihnngphbkhamhlng 2 aehng khux thidanhlngkhxngihl aeladanhnakhxngsaophk ephsphumirxyphbhnathikhx danbnkhaaelaihlpkkhlumdwypumnun latwmikhnelknxy nxkehnuxipcakkhnta khnhu aelakhnhang aerdxinediy epnaerdnxediyw milksnaednthiaetktangipcakaerdsayphnthuxun xyangehnidchd khux tamlatwaelduehmuxnmiekraahumlatwiwthung 2 chn bangswnhnathung 5 esntiemtr ephuxchwyinkarpxngkntwinkartxsuaelapxngknaemlng hnngepnpumnunehnidchd ngamknepnrxng mihnngphbkhamhlng 2 aehng khux thidanhlngkhxngihl aeladanhnakhxngsaophk aetimmiphbhnngkhamkhx mihangsn misilatwnataletha mirimfipakphiessthiichsahrbcbaelachikphuchthiepnxahar saehtuthiaerdxinediy mihnngthiphbehnidchdecn ephuxchwyinkarkhyayenuxthikhxngphiwhnng aelakhwbkhumxunhphumiinrangkay enuxngcakenuxeyuxrxb etmipdwyesneluxdthisngkhwamrxnipyngaephnphbkhxnghnngthikhyayihykhunehmuxnepnekhruxngthakhwameyn xikthngyngsamarthkkekbnaemuxaerdlngaechnaaelathungaemcakhunmabnbkaelwktam nakyngxyuinhnngphbnnid mikarkracayphnthuinphumiphakhexechiyit thipraethsxinediy echingethuxkekhahimaly pakisthan enpal phutan cnthungchayaednthitidkbphma aerdxinediy echuxwapraktkhunindinaednyuerechiykhrngaerkinchwngplay 33 5 37 lanpikxn aelaaephrkracayipthwphumiphakhexechiytawnxxkechiyngitaelaexechiyitin 1 2 lanpikxn hlngcakthistwklumaerdmiwiwthnakarkhunemuxpraman 60 65 lanpikxn hruxinyukhxioxsincakklumstwethakibkhiphvtikrrmaerdxinediy chxbxasyxyutampathunghyaaelathirablumthiminathwmthung ephraamkhakinphuchcaphwkhyaaelaphuchnatang inprimanthimaknbrxykiolkrmtxwn mkchxbhakinxyutamlaphng ykewnaemaerdthitxngmilukxyuekhiyngkhang sungaerdtwemiyekhasuwyecriyphnthuphrxmmilukidemuxxayu 4 pi tngthxngnan 474 488 wn aelaxxklukkhrngla 1 tw swntwphucaphrxmphsmphnthunankwannkhux emuxxayu 9 pi mixayuodyechliy 30 40 pi lukaerdcakinnmaemipcnxayu 2 khwb aerdxinediymisaytasn aetmiprasathdmkliniddi huksamarthfngesiyngiddimak aemcaaeldutwihyethxathaaetksamarthekhluxnihwidxyangkhlxngaekhlw odyechphaainewlaklangkhunipcnthungrungecha wingiderwthung 40 kiolemtrtxchwomng chxbaechnaaelayngwaynaidekngxikdwy mixupnisyduray khihngudhngidechnediywkbaerdsayphnthuthiphbinthwipaexfrika emuxdurayhruxhngudhngidkhunma samarthwingekhachnhruxsukbstwidthukpraephth imwacaihyaekhihn imewnaemkrathngchang pccubn aerdxinediymicanwnephimkhunkhux praman 2 400 tw khxmul kh s 2005 aetyngkhngthukcdepnstwesiyngiklsuyphnthuephraatwihyaetxxnaex cakkartidorkhtang aelakarlacakmnusy aerdxinediyinpraethsithyinpccubn mikareliyngxyuthiswnstwechiyngihm epntnkarkracayphnthulngaechnathixuthyanaehngchaticitwn aerdxinediyphbidthwthngpraethsxinediyipyngpraethsphmaaelapraethsbngklaethsaelaxacmirxneripinpraethscin ephraaxiththiphlcakmnusythaihkarkracayphnthuhdlng pccubnehluxephiyngklumprachakrelk inthangtawnxxkechiyngehnuxpraethsxinediyaelapraethsenpal prachakraerdinpraethsphutanduehmuxncasuyphnthuipaelw aelainpraethspakisthanmiaerdxinediy 2 twxyuinxuthyanaehngchatilalsuhanra in emuxpi kh s 1983 aetimmikarkhyayphnthuephimxikinpraethsithyinpraethsithymikarcdaesdngaerdxinediyxyuthiswnstwechiyngihm michuxwa kali smedcphrarachathibdiaehngenpalidthwayaekphrabathsmedcphrabrmchnkathiebsr mhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr aelaidphrarachthanihaekemuxwnthi 22 emsayn ph s 2529 khnamixayuidephiyng 1 pi aerdxinediythiswnstwechiyngihm inpi ph s 2563duephimaerdchwa krasuxangxingEllis S amp Talukdar B 2019 Rhinoceros unicornis IUCN Red List of Threatened Species 2019 e T19496A18494149 doi 10 2305 IUCN UK 2019 3 RLTS T19496A18494149 en subkhnemux 16 January 2022 Linnaeus C 1758 Rhinoceros unicornis Caroli Linnaei Systema naturae per regna tria naturae secundum classes ordines genera species cum characteribus differentiis synonymis locis Holmiae Salvius p 56 Srinivasulu C Srinivasulu B 2012 Chapter 3 Checklist of South Asian Mammals 21 phvsphakhm 2013 thi ewyaebkaemchchin in South Asian Mammals Their Diversity Distribution and Status Springer New York Heidelberg London 2005 Order Perissodactyla in Reeder D M b k Mammal Species of the World A Taxonomic and Geographic Reference 3rd ed Johns Hopkins University Press p 636 ISBN 978 0 8018 8221 0 OCLC 62265494 Definition of RHINOCEROS merriam webster com phasaxngkvs 2024 02 04 subkhnemux 2024 02 12 Liddell H G amp Scott R 1940 ῥis A Greek English Lexicon Revised and augmented ed Oxford Clarendon Press cakaehlngedimemux 4 June 2023 subkhnemux 20 February 2021 Liddell H G amp Scott R 1940 kerᾳ A Greek English Lexicon Revised and augmented ed Oxford Clarendon Press cakaehlngedimemux 8 October 2012 subkhnemux 20 February 2021 Partridge E 1983 unicornis Origins a Short Etymological Dictionary of Modern English New York Greenwich House p 296 ISBN 0 517 41425 2 Laurie W A E m Lang C P Groves 1983 Rhinoceros unicornis 211 1 6 doi 10 2307 3504002 Dinerstein E 2003 The Return of the Unicorns The Natural History and Conservation of the Greater One Horned Rhinoceros New York ISBN 0 231 08450 1 NOW26 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2015 03 22 subkhnemux 2015 01 18 phx swnstwechiyngihmephyehtuaerdxinediytayephraaaephlinkraephaaxaharaehlngkhxmulxunwikispichismikhxmulphasaxngkvsekiywkb Rhinoceros unicornis wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb aerdxinediy Rhino Resource Center Rhino Resource Center Greater One Horned Rhino Rhinoceros unicornis International Rhino Foundation TheBigZoo com Greater Indian Rhinoceros Indian Rhino page at AnimalInfo org Indian Rhinoceros page at UltimateUngulate com