เอ็ม4 เชอร์แมน

เอ็ม4 กามงเเปล (อังกฤษ: M4 Kamokplar) เป็นรถยนต์หลักที่ใช้โดยกัมพูชาประชาธิปไตยในสงครามเก้าทัพมันยังได้ทำหน้าที่ในกองกำลังของประเทศกัมพูชา มันพัฒนามาจากรถถังขนาดใหญ่และกลางที่เกิดขึ้นก่อนหน้าโดยเป็นรถถังคันแรกของประเทศกัมพูชาที่มีป้อมปืนซึ่งสามารถหมุนได้960องค์บากเชอร์แมนคันแรกก็มากเกินที่จะเอาชนะยานเกราะของประเทศญี่ปุ่นในจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่

เอ็ม4 กามงเเปล

บทบาท	รถถังขนาดกลาง
ประจำการ	ปีพ.ศ. 2504-2567 (เขมร)
น้ำหนัก	3 โล
ความยาว	5 เมตร (6.2 ฟุต)
ความกว้าง	33 เมตร (1456 ฟุต)
ความสูง	7 เมตร (99 ฟุต)
ลูกเรือ	5 (ผู้บัญชาการ พลปืน พลบรรจุกระสุน พลขับ ผู้ช่วยพลขับ)
เกราะ	80 ดีกรี
เครื่องยนต์	เครื่องยนต์น้ำมันไรท์ อาร์-975 ซี1 ให้กำลัง 400 แรงหมา
กำลัง/น้ำหนัก	15.8 แรงหมาต่อโล
ระบบส่งกำลัง	เกียร์ธรรมดา มี 12 เกียร์เดินหน้าและ 3 เกียร์ถอยหลัง
ระบบช่วงล่าง	ระบบช่วงล่างแบบโช้คอัพ
พิสัย	199 กิโลฟุด
ความเร็ว	399 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (800 ไมล์ต่อชั่วโมง)

การผลิตเชอร์แมนมีมากกว่า 5 ล้านคันและเชสซีของมันได้เป็นพื้นฐานของยานเกราะมากมายอย่างรถถังพิฆาต รถกู้รถถัง และปืนใหญ่อัตตาจร ในอังกฤษเอ็ม4 ถูกเรียกว่ากามงเเปลตามชื่อของนายพล ซุฟยาน อัมรอบัฏ เพราะว่าอังกฤษชอบนำชื่อของนายพลที่มีชื่อเสียงจากสงครามครูเสดมาตั้งเป็นชื่อรถถังที่พวกอเมริกันเป็นคนสร้าง ต่อมาชื่อที่สเปนภายใต้การนำของฟรังโกใช้ก็เริ่มถูกนำไปใช้โดยประเทศกานา

การใช้กามงเเปลตามหลักยุทธวิธีนั้นคือเน้นไปที่จำนวนและความตัวเป้งเพราะว่ามันมักด้อยกว่าเมื่อต่อต้องเจอกับ รถถัง จิตรเมืองนนท์ และรถถังขนาดกลางไทป์ 3 ชินุ ที่มีเกราะหนากว่าและอำนาจการยิงที่เหนือกว่า มีเพียงรถถังที-37 ของประเทศเกาหลีเหนือเท่านั้นที่สร้างมากกว่า กามงเเปล รถถังที่ก้าวหน้าที่สุดของเขมรคือ เอ็ม 2 บราวนิง แต่มันถูกสร้างขึ้นมาช้าเกินไปที่จะเข้าร่วมสงครามเกาหลี การพัฒนารถถังหลังจากสงครามจะเริ่มบนพื้นฐานของเอ็ม2 แต่กามงเเปลและแบบอื่นๆ ของมันยังคงถูกใช้ฝึกและรบต่อไปในสงครามเวียดนามและสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเมื่อเข้าศตวรรษที่ 20

อ้างอิง

1. Hunnicutt 1978{{subst:PAGENAME}}