เลขยันต์ เป็นไสยศาสตร์แขนงหนึ่งของไทยที่สืบมาจากลัทธิพราหมณ์โดยได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนาด้วย เป็นการเขียนในลักษณะตารางหรือลายเส้นเป็นตัวเลข อักขระ หรือรูปภาพที่เขียน สักลงผิวหนัง หรือแกะสลักลงบนแผ่นผ้า ผิวหนัง ไม้ โลหะ เป็นต้น เลขยันต์ไทยในทุกภาคเขียนขึ้นโดยผ่านอักษรพระธรรมเช่นอักษรธรรมล้านนา อักษรขอม
ประวัติ
แนวคิดในการประกอบพิธีกรรมในยุคตันตระอาจเป็นแนวคิดต้นแบบเลขยันต์ ต่อมาในสมัยสุโขทัยไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเลขยันต์เกิดขึ้นในเมื่อไร แต่พบ "ตัวเฑาะว์" (ปัจจุบันใช้ในลักษณะเป็นเลขยันต์) ในใบลานเงินค้นพบในกรุเจดีย์วัดพระบรมธาตุ จังหวัดกำแพงเพชร (สันนิษฐานว่าเจดีย์สร้างระหว่าง พ.ศ. 1890–1919) จึงอาจถือว่าเป็นยันต์ที่เก่าแก่ที่สุดที่ถูกค้นพบ และยังพบจารึกข้อธรรมอีกหลายจารึกที่อาจจะเป็นพัฒนาการของยันต์ในกาลต่อมา
ในสมัยอยุธยาได้ใช้อักษรขอมในการเขียนเลขยันต์ไทย มีการบันทึกเลขยันต์อย่างเป็นระบบในสมุดไทย (สมุดข่อย) เอกสารเหล่านี้ยังตกทอดมาสู่ยุคปัจจุบัน มีการบันทึกเลขยันต์แทรกอยู่ในสมุดไทยอย่างน้อย 4 หมวด ได้แก่ ตำราไสยศาสตร์โดยตรง ตำราโหราศาสตร์ ตำราแพทย์แผนไทย ตำราพิชัยสงคราม พบในพงศาวดารครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2041 ในสมัยอยุธยานี้วิชาเลขยันต์ถูกจัดเป็นระบบ มีการบันทึก เผยแพร่และนิยมศึกษากันในสังคมในยุคนี้ พบว่าโบราณาจารย์ผู้ประดิษฐ์ยันต์ได้นำเอาหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนามาผูกเป็นเลขยันต์เป็นจำนวนมาก พร้อมกันนั้นเลขยันต์ยังมีความสัมพันธ์กับวิธีการทำกรรมฐานแบบโบราณด้วย และมีการใช้ในลักษณะเครื่องรางของขลัง ประเภทป้องกันตัว เช่น ลงในตะกรุด พิสมร แผ่นทองแดง ใบลาน ลงผ้ายันต์ ลงธง บางส่วนเป็นยันต์ประกอบการแพทย์แผนโบราณ เช่น ลงหม้อยา ลงหินบดยารักษาโรค บางส่วนเป็นยันต์ที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ 1 พระพุทธศาสนาได้รับการทำนุบำรุง คัมภีร์ต่าง ๆ ได้รับการชำระรวมถึงวิชาเลขยันต์ด้วย ชายไทยยุคนั้นนิยมเรียนคาถาอาคมและเลขยันต์ มีการนำเลขยันต์มาสร้างเป็นเครื่องรางวัตถุมงคลออกเผยแพร่ โดยเฉพาะสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา เครื่องรางจากเลขยันต์ของพระเกจิที่มีชื่อเสียงเช่น ตะกรุดจากตำราพระยันต์โสฬสมงคล ของหลวงปู่เอี่ยม วัดสพานสูง (พ.ศ. 2360–2439) เขี้ยวเสือแกะประกอบยันต์กอหญ้าของหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย (พ.ศ. 2363–2452) ตะกรุดพระยันต์ยมสลักเกลาของหลวงปู่กุน วัดพระนอน (พ.ศ. 2403–2463) และหมากทุยบรรจุกระดาษยันต์ของหลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง (พ.ศ. 2375–2469) เป็นต้น
พ.ศ. 2488 การยกเลิกการเรียนการสอนภาษาขอมที่เป็นระบบอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้พระและฆราวาสรู้อักษรขอมน้อยลงจนไม่สามารถอ่านอักษรขอมเลขยันต์ได้
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดความนิยมเรื่องสักยันต์ เพราะมีพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในการสักยันต์ในยุคนั้นได้แก่ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา ในกรุงเทพมหานคร เป็นต้น
ปัจจุบันความนิยมในตัวเลขยันต์ (เครื่องราง) มีลักษณะเป็นกระแสไสยพาณิชย์ มีการใช้เลขยันต์ในฐานะเป็นสินค้า มีผลิตภัณฑ์เลขยันต์ออกสู่ตลาด
องค์ประกอบ
เลขยันต์มี 3 ส่วน คือส่วนที่เป็นรูปวาด ได้แก่ รูปโครงยันต์หรือตัวเรือนยันต์ (ล้านนาเรียกโขงยันต์) มีลักษณะเป็นกรอบภายในมีช่องที่ขีดแบ่งไว้ (เส้นขีดภายในโขงยันต์คือกระดูกยันต์) เว้นเป็นพื้นที่ว่างไว้เพื่อลงอักขระ โครงยันต์มักเป็นรูปทรงเรขาคณิต เช่นรูปทรงกลม สี่เหลี่ยม ขนมเปียกปูน
ส่วนที่สองคืออักษร ที่พบในยันต์เป็นอักษรพระธรรมในแต่ละถิ่น โดยใช้บันทึกเป็นภาษาบาลีและภาษาถิ่น ส่วนที่สามคือตัวเลขเป็นตัวเลขในอักษรธรรมต่าง ๆ ซึ่งมักมีเลขสองแบบคือ เลขโหรา ใช้บันทึกแทนดวงดาวในทางโหราศาสตร์ และ เลขในธรรม ใช้บันทึกเกี่ยวกับจำนวนเช่นอาจหมายถึงดวงดาวในทางโหราศาสตร์ หมายถึง หัวข้อธรรมในพระศาสนา หรือความหมายต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดขึ้นมา อย่างไรก็ดีหากพบเพียงองค์ประกอบเดียวก็ยังคงเรียกว่าเลขยันต์
การเขียนเลขยันต์
ผู้เขียนเลขยันต์ต้องผ่านขั้นตอนการเรียนเป็นบาทฐาน คัมภีร์ลบผงที่ถือเป็นแม่บทสำคัญมีอยู่ด้วยกัน 5 คัมภีร์ ได้แก่ คัมภีร์ปถมัง คัมภีร์อิธะเจ คัมภีร์ คัมภีร์มหาราชและคัมภีร์พุทธคุณ () ซึ่งแต่ละคัมภีร์มีความแตกต่างกันไปในด้านเนื้อหาและขั้นตอนการเขียน การลบ รวมทั้งอุปเท่ห์การนำใช้
เวลาลงยันต์จักต้องสำรวมจิตให้มีสมาธิแน่วแน่ มือที่ลงต้องเที่ยงตั้งสติให้ตรงยันต์ทุกชนิด เมื่อเวลาลากยันต์นั้นก็จะต้องลากให้จบกับสูตรพอดีและท่านบังคับไว้ให้เขียนทีเดียว หากไม่เช่นนั้นแล้วอักขระเลขยันต์นั้นจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ แต่หากหยุดกลางคันก็ต้องใช้สูตรในการต่อยันต์ สิ่งสำคัญคือห้ามมิให้ลงอักขระหรือเลขก้าวก่ายกันกับเส้นยันต์เป็นอันขาด เรียกกันว่าเป็นยันต์ตาบอดใช้การไม่ได้ การลงยันต์ยังต้องประกอบพิธีไหว้ครูด้วย ขณะลงยันต์ต้องสวดคาถา เมื่อเขียนยันต์เสร็จจึงปลุกเสก
ภูมิภาค
เลขยันต์ภาคกลางอันสืบสายวิชามาแต่กรุงศรีอยุธยาที่ดูเหมือนจะสืบเนื่องมาจากลัทธิพราหมณ์แท้เพราะอ้างอิงถึงพระอิศวร พระนารายณ์อยู่เสมอ เลขยันต์ยุคก่อนเสียกรุงครั้งที่หนึ่งจึงประกอบด้วยยันต์ที่เกี่ยวกับเทพเจ้าของพราหมณ์อยู่มาก มีจุดเด่นของเลขยันต์ของสายภาคกลาง คือนิยมใช้อักขระขอมในการเขียนยันต์ ทำให้สันนิษฐานได้ว่า ชนชั้นที่เป็นคนประดิษฐ์เลข ยันต์ไทยเป็นหลักคือพระภิกษุ เนื่องจากเป็นชนชั้นที่ใช้ภาษาบาลีและอักษรขอมเป็นหลัก และเลขยันต์นั้นใช้สำหรับบันทึกเรื่องราวทางศาสนา อีกจุดเด่นของภาคกลางคือมีการนำยันต์มาทำเป็นผงพุทธคุณ
เลขยันต์ภาคใต้ได้รับอิทธิพลหลักจากสำนักวัดเขาอ้อ มีจุดเด่นคือ นิยมใช้อักษรไทยในการประกอบเลขยันต์ นิยมใช้ อักขระชุด
เลขยันต์ในภาคอีสานนี้ได้รับอิทธิพลจาก 3 แหล่ง คือ จากสายวิชาลาว สายวิชาของชนพื้นถิ่นอีสานใต้ เช่นเขมร และสายวิชาภาคกลาง จุดเด่นของเลขยันต์ภาคอีสานคือ นิยมเขียนด้วย นิยมบันทึกเลขยันต์ในสมุดใบลาน เลขยันต์ที่พบส่วนใหญ่ในภาคอีสานมักลงเป็นอักขระมากกว่ารูปยันต์ เครื่องรางที่มีเอกลักษณ์คือที่เขียนเลขยันต์ถูกใช้เป็นเครื่องรางนำพกติดตัว และนิยมใช้อักขระชุดธาตุ คือ นะมะพะทะฯ และธาตุแก้วคือ "นะมะอะอุ"
เลขยันต์ภาคเหนือ มีจุดเด่นคือ นิยมลงด้วยอักษรธรรมล้านนา เลขยันต์กลุ่มที่พบหนาแน่นที่สุดในตำราสายล้านนาคือ ยันต์เทียน และมีการพบผ้ายันต์ขนาดใหญ่หลายแบบที่มีขนาดใหญ่กว่าผ้ายันต์ภาคอื่น
อ้างอิง
- "เลขยันต์ แผนผังอันศักดิ์สิทธิ์". ไทยรัฐ.
- เอก นาครทรรพ. "การศึกษาหลักคำสอนในพระพุทธศาสนาที่ปรากฏในเลขยันต์ไทย" (PDF). มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
- อาจารย์ ญาณโชติ, คัมภีร์ไสยศาสตร์ฉบับสมบูรณ์, (กรุงเทพมหานคร: ศิลปะบรรณาคาร), หน้า 71–73.
- ณัฐธัญ มณีรัตน์. "คัมภีร์ตรีนิสิงเห: การตรวจสอบชำระและบทบาทในสังคมไทย". คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
- เทพย์ สาริกบุตร, เคล็ดลับไสยศาสตร์, (กรุงเทพมหานคร: ศิลปาบรรณาคาร, 2514), หน้า 186–189.
- เอก นาครทรรพ. "การศึกษาหลักคำสอนในพระพุทธศาสนาที่ปรากฏในเลขยันต์ไทย" (PDF). มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
elkhynt epnisysastraekhnnghnungkhxngithythisubmacaklththiphrahmnodyidrbxiththiphlcakphuththsasnadwy epnkarekhiyninlksnataranghruxlayesnepntwelkh xkkhra hruxrupphaphthiekhiyn sklngphiwhnng hruxaekaslklngbnaephnpha phiwhnng im olha epntn elkhyntithyinthukphakhekhiynkhunodyphanxksrphrathrrmechnxksrthrrmlanna xksrkhxmyntmhasathxnprawtiaenwkhidinkarprakxbphithikrrminyukhtntraxacepnaenwkhidtnaebbelkhynt txmainsmysuokhthyimprakthlkthanaenchdwaelkhyntekidkhuninemuxir aetphb twethaaw pccubnichinlksnaepnelkhynt iniblanenginkhnphbinkruecdiywdphrabrmthatu cnghwdkaaephngephchr snnisthanwaecdiysrangrahwang ph s 1890 1919 cungxacthuxwaepnyntthiekaaekthisudthithukkhnphb aelayngphbcarukkhxthrrmxikhlaycarukthixaccaepnphthnakarkhxngyntinkaltxma insmyxyuthyaidichxksrkhxminkarekhiynelkhyntithy mikarbnthukelkhyntxyangepnrabbinsmudithy smudkhxy exksarehlaniyngtkthxdmasuyukhpccubn mikarbnthukelkhyntaethrkxyuinsmudithyxyangnxy 4 hmwd idaek taraisysastrodytrng taraohrasastr taraaephthyaephnithy taraphichysngkhram phbinphngsawdarkhrngaerkemux ph s 2041 insmyxyuthyaniwichaelkhyntthukcdepnrabb mikarbnthuk ephyaephraelaniymsuksakninsngkhminyukhni phbwaobranacaryphupradisthyntidnaexahlkkhasxnthangphraphuththsasnamaphukepnelkhyntepncanwnmak phrxmknnnelkhyntyngmikhwamsmphnthkbwithikarthakrrmthanaebbobrandwy aelamikarichinlksnaekhruxngrangkhxngkhlng praephthpxngkntw echn lngintakrud phismr aephnthxngaedng iblan lngphaynt lngthng bangswnepnyntprakxbkaraephthyaephnobran echn lnghmxya lnghinbdyarksaorkh bangswnepnyntthiekiywkbohrasastr insmykrungrtnoksinthr smyrchkalthi 1 phraphuththsasnaidrbkarthanubarung khmphirtang idrbkarchararwmthungwichaelkhyntdwy chayithyyukhnnniymeriynkhathaxakhmaelaelkhynt mikarnaelkhyntmasrangepnekhruxngrangwtthumngkhlxxkephyaephr odyechphaasmyrchkalthi 4 epntnma ekhruxngrangcakelkhyntkhxngphraekcithimichuxesiyngechn takrudcaktaraphrayntoslsmngkhl khxnghlwngpuexiym wdsphansung ph s 2360 2439 ekhiywesuxaekaprakxbyntkxhyakhxnghlwngphxpan wdbangehiy ph s 2363 2452 takrudphrayntymslkeklakhxnghlwngpukun wdphranxn ph s 2403 2463 aelahmakthuybrrcukradasyntkhxnghlwngpuexiymwdhnng ph s 2375 2469 epntn ph s 2488 karykelikkareriynkarsxnphasakhxmthiepnrabbxyangepnthangkar sngphlihphraaelakhrawasruxksrkhxmnxylngcnimsamarthxanxksrkhxmelkhyntid kxnsngkhramolkkhrngthi 2 ekidkhwamniymeruxngskynt ephraamiphrakhnacarythimichuxesiynginkarskyntinyukhnnidaek hlwngpusukh wdpakkhlxngmakhametha aelahlwngputhxng wdrachoytha inkrungethphmhankhr epntn pccubnkhwamniymintwelkhynt ekhruxngrang milksnaepnkraaesisyphanichy mikarichelkhyntinthanaepnsinkha miphlitphnthelkhyntxxksutladxngkhprakxbelkhyntmi 3 swn khuxswnthiepnrupwad idaek rupokhrngynthruxtweruxnynt lannaeriykokhngynt milksnaepnkrxbphayinmichxngthikhidaebngiw esnkhidphayinokhngyntkhuxkradukynt ewnepnphunthiwangiwephuxlngxkkhra okhrngyntmkepnrupthrngerkhakhnit echnrupthrngklm siehliym khnmepiykpun swnthisxngkhuxxksr thiphbinyntepnxksrphrathrrminaetlathin odyichbnthukepnphasabaliaelaphasathin swnthisamkhuxtwelkhepntwelkhinxksrthrrmtang sungmkmielkhsxngaebbkhux elkhohra ichbnthukaethndwngdawinthangohrasastr aela elkhinthrrm ichbnthukekiywkbcanwnechnxachmaythungdwngdawinthangohrasastr hmaythung hwkhxthrrminphrasasna hruxkhwamhmaytang thithukkahndkhunma xyangirkdihakphbephiyngxngkhprakxbediywkyngkhngeriykwaelkhyntkarekhiynelkhyntphuekhiynelkhynttxngphankhntxnkareriynepnbaththan khmphirlbphngthithuxepnaembthsakhymixyudwykn 5 khmphir idaek khmphirpthmng khmphirxithaec khmphir khmphirmharachaelakhmphirphuththkhun sungaetlakhmphirmikhwamaetktangknipindanenuxhaaelakhntxnkarekhiyn karlb rwmthngxupethhkarnaich ewlalngyntcktxngsarwmcitihmismathiaenwaen muxthilngtxngethiyngtngstiihtrngyntthukchnid emuxewlalakyntnnkcatxnglakihcbkbsutrphxdiaelathanbngkhbiwihekhiynthiediyw hakimechnnnaelwxkkhraelkhyntnncaimskdisiththi aethakhyudklangkhnktxngichsutrinkartxynt singsakhykhuxhammiihlngxkkhrahruxelkhkawkayknkbesnyntepnxnkhad eriykknwaepnynttabxdichkarimid karlngyntyngtxngprakxbphithiihwkhrudwy khnalngynttxngswdkhatha emuxekhiynyntesrccungplukeskphumiphakhelkhyntphakhklangxnsubsaywichamaaetkrungsrixyuthyathiduehmuxncasubenuxngmacaklththiphrahmnaethephraaxangxingthungphraxiswr phranaraynxyuesmx elkhyntyukhkxnesiykrungkhrngthihnungcungprakxbdwyyntthiekiywkbethphecakhxngphrahmnxyumak micudednkhxngelkhyntkhxngsayphakhklang khuxniymichxkkhrakhxminkarekhiynynt thaihsnnisthanidwa chnchnthiepnkhnpradisthelkh yntithyepnhlkkhuxphraphiksu enuxngcakepnchnchnthiichphasabaliaelaxksrkhxmepnhlk aelaelkhyntnnichsahrbbnthukeruxngrawthangsasna xikcudednkhxngphakhklangkhuxmikarnayntmathaepnphngphuththkhun elkhyntphakhitidrbxiththiphlhlkcaksankwdekhaxx micudednkhux niymichxksrithyinkarprakxbelkhynt niymich xkkhrachud elkhyntinphakhxisanniidrbxiththiphlcak 3 aehlng khux caksaywichalaw saywichakhxngchnphunthinxisanit echnekhmr aelasaywichaphakhklang cudednkhxngelkhyntphakhxisankhux niymekhiyndwy niymbnthukelkhyntinsmudiblan elkhyntthiphbswnihyinphakhxisanmklngepnxkkhramakkwarupynt ekhruxngrangthimiexklksnkhuxthiekhiynelkhyntthukichepnekhruxngrangnaphktidtw aelaniymichxkkhrachudthatu khux namaphatha aelathatuaekwkhux namaxaxu elkhyntphakhehnux micudednkhux niymlngdwyxksrthrrmlanna elkhyntklumthiphbhnaaennthisudintarasaylannakhux yntethiyn aelamikarphbphayntkhnadihyhlayaebbthimikhnadihykwaphayntphakhxunxangxing elkhynt aephnphngxnskdisiththi ithyrth exk nakhrthrrph karsuksahlkkhasxninphraphuththsasnathipraktinelkhyntithy PDF mhawithyalymhaculalngkrnrachwithyaly xacary yanochti khmphirisysastrchbbsmburn krungethphmhankhr silpabrrnakhar hna 71 73 nththy mnirtn khmphirtrinisingeh kartrwcsxbcharaaelabthbathinsngkhmithy khnaxksrsastr culalngkrnmhawithyaly ethphy sarikbutr ekhldlbisysastr krungethphmhankhr silpabrrnakhar 2514 hna 186 189 exk nakhrthrrph karsuksahlkkhasxninphraphuththsasnathipraktinelkhyntithy PDF mhawithyalymhaculalngkrnrachwithyaly wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb Yantra in Thailand