เรือประจัญบานชั้นยามาโตะ (ญี่ปุ่น: 大和型戦艦; โรมาจิ: Yamato-gata senkan) เป็นเรือประจัญบานของกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น (IJN) ดำเนินการจัดสร้างขึ้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยระวางขับน้ำเต็มที่ถึง 72,000 ตัน ทำให้ยะมะโตะเป็นชั้นเรือประจัญบานที่ใหญ่ที่สุดและติดอาวุธหนักที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา เรือชั้นนี้ติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 460 มม. (18.1 นิ้ว) 9 กระบอกซึ่งเป็นปืนขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการติดตั้งให้กับเรือรบ กระสุนปืนของแต่ละกระบอกหนัก 1,360 กก. มีพิสัยการยิงไกลกว่า 42 กม. เรือประจัญบานของชั้นนี้สร้างแล้วเสร็จตามแผน 2 ลำ (ยามาโตะ และ มูซาชิ) ส่วนลำที่ 3 (ชินะโนะ) ถูกดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินระหว่างการก่อสร้าง
ยามาโตะ ค.ศ. 1941 | |
ชั้นเรือโดยสรุป | |
---|---|
สร้างที่: | |
ผู้ใช้งาน: | กองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น |
ชั้นก่อนหน้า: | ชั้นนะงะโตะ (สร้างจริง) ชั้นหมายเลข 13 (แผนที่จะสร้าง) |
ราคา: | 250,000,897 เยน |
สร้างเมื่อ: | 1937–1942 |
ปฎิบัติหน้าที่: | 1941–1945 |
แผนที่จะสร้าง: | 5 |
สร้างเสร็จ: | 3 (เรือประจัญบาน 2 ลำ, แปลงเป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ) |
ยกเลิก: | 2 |
สูญเสีย: | 3 |
ลักษณะเฉพาะ ตามแบบสุดท้าย (A-140F6) | |
ประเภท: | เรือประจัญบาน |
ขนาด (ระวางขับน้ำ): | 68,200 ตัน (ทดสอบ) 69,988 ตัน (มาตรฐาน) 72,000 ตัน (เต็มที่) |
ความยาว: | 256 ม. (แนวน้ำ) 263 ม. (ตลอดลำ) |
ความกว้าง: | 38.9 ม. |
กินน้ำลึก: | 10.4 ม. |
ระบบพลังงาน: | หม้อน้ำแบบคัมปง 12 หม้อ ขับกังหันไอน้ำ 4 กังหัน 150,000 แรงม้า (110 MW) |
ระบบขับเคลื่อน: | ใบจักร 4 พวง พวงละ 3 กลีบ เส้นผ่านศูนย์กลาง 6 เมตร |
ความเร็ว: | 27 นอต (50 กม./ชม.) |
พิสัยเชื้อเพลิง: | 7,200 ไมล์ทะเลที่ความเร็ว 16 นอต |
อัตราเต็มที่: | 2,767 นาย |
ยุทโธปกรณ์: | 9 x 46.0-เซนติเมตร (18.1 นิ้ว) (3×3) 6 × 15.5 ซm (6.1 in) (2×3) 12 × 12.7 ซm (5 in) (6×2) 24 × 25 มม. (0.98 นิ้ว) AA (8×3) 26 × 13 มม. (0.51 นิ้ว) AA (2×2) |
เกราะ: | • หน้าป้อมปืนหลัก 650 มม. (26 นิ้ว) • เกราะข้าง 410 มม. (16 นิ้ว) (มูซาชิ-400 มม. (16 นิ้ว)) เอียง 20 องศา • ดาดฟ้าเรือ (75%) 200 มม. (8 นิ้ว) • ดาดฟ้าเรือ (25%) 230 มม. (9 นิ้ว) |
อากาศยาน: | 7 (ยะมะโตะ, มูซาชิ) 47 (ชินะโนะ) |
อุปกรณ์สนับสนุนการบิน: | เครื่องดีด 2 เครื่อง (ยะมะโตะ, มูซาชิ) |
จากภัยคุกคามจากเรือดำน้ำและเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐอเมริกา ทำให้ทั้งยะมะโตะและมูซาชิใช้เวลาส่วนใหญ่ในฐานทัพเรือที่ประเทศบรูไน, ทรูก (Truk), และ คุเระ (Kure) โดยจัดวางกำลังหลายโอกาสเพื่อรับมือกับการตีโฉบฉวย (raid) ฐานทัพญี่ปุ่นของสหรัฐ ก่อนเข้าร่วมในยุทธนาวีอ่าวเลย์เต โดยอยู่ในกองกำลังกลางใต้บังคับบัญชาของพลเรือเอกคุริตะ (Kurita) มูซาชิอับปางลงระหว่างการรบกับเครื่องบินจากเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐ ชินะโนะจมลงใน 10 วันหลังจากการขึ้นระวางในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1944 โดยเรือดำน้ำ ยูเอสเอส อาร์เชอร์-ฟิช (USS Archer-Fish) ส่วนยะมะโตะอับปางจมลงในเดือนเมษายน ค.ศ. 1945 ระหว่างปฏิบัติการเท็งโง
วันก่อนที่ฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ายึดครองญี่ปุ่น นายทหารหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นได้ทำลายบันทึก ภาพวาด และรูปถ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะไปเกือบทั้งหมด เหลือแต่เพียงบันทึกลักษณะและเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ไม่สมบูรณ์ครบถ้วน การทำลายเอกสารมีผลอย่างมาก จนถึง ค.ศ. 1948 ภาพถ่ายของยะมะโตะและมูซาชิมีเพียงที่ถ่ายโดยเครื่องบินของกองทัพเรือสหรัฐที่มีส่วนในการโจมตีเรือรบทั้งสองเท่านั้น แม้จะมีรูปถ่ายและข้อมูลจากเอกสารที่เหลือรอดมาจากการทำลายถูกเปิดเผยมาบ้างเมื่อเวลาผ่านไป แต่การสูญเสียบันทึกส่วนสำคัญทำให้การศึกษาเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะเป็นไปค่อนข้างยากยิ่ง เพราะจากการขาดเอกสารข้อมูลนี่เอง ทำให้ข้อมูลส่วนใหญ่เกี่ยวกับยะมะโตะนั้น มาจากการสัมภาษณ์นายทหารญี่ปุ่นหลังญี่ปุ่นยอมจำนน
ประวัติ
การออกแบบเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นจากการเคลื่อนไหวที่ต้องการขยายดินแดน (expansionist) ภายในรัฐบาลญี่ปุ่น อำนาจอุตสหกรรมของญี่ปุ่น และความต้องการกองทัพเรืออันทรงพลังเพียงพอจะคุกคามประเทศที่มีแนวโน้มเป็นคู่แข่งได้
หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสงบลง กองทัพเรือหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และจักรวรรดิญี่ปุ่น ได้มีโครงการที่จะก่อสร้างและขยายกองทัพอย่างต่อเนื่องในระหว่างสงครามโลกครั้งนั้น ด้วยค่าใช้จ่ายมหาศาลที่เป็นผลจากโครงการดังกล่าว กดดันให้บรรดาผู้นำรัฐบาลเริ่มประชุมลดอาวุธ วันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1921 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา ชาร์ลส์ อีแวนส์ ฮิวส์ (Charles Evans Hughes) ได้เชิญคณะผู้แทนจากประเทศมหาอำนาจทางทะเล ซึ่งประกอบด้วย ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร มายังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อประชุมหารือถึงความเป็นไปได้ในการยุติการแข่งขันนาวิกานุภาพ ซึ่งรวมถึงการลดขนาดและอาวุธของกองทัพเรือ ผลในเวลาต่อมาได้ข้อสรุปเป็นสนธิสัญญารัฐนาวีวอชิงตัน (Washington Naval Treaty) ในบรรดาข้อกำหนดจำนวนมากนั้น มีการจำกัดมาตรฐานระวางขับน้ำของเรือรบที่จะสร้างขึ้นใหม่ในอนาคตเป็น 35,000 ตัน และขนาดลำกล้องปืนใหญ่ไม่เกิน 16 นิ้ว (406 มม.) ทั้ง 5 ประเทศตกลงที่จะไม่สร้างเรือหลวงเพิ่มเป็นเวลา 10 ปีและไม่แทนที่เรืออื่นที่สร้างก่อนสนธิสัญญาจนกว่าเรือมีอายุอย่างน้อย 20 ปี
ในคริสต์ทศวรรษที่ 1930 รัฐบาลญี่ปุ่นได้เริ่มเปลี่ยนไปสู่ความเป็นชาตินิยมอย่างเข้มข้น การเคลื่อนไหวนี้เรียกร้องให้มีการขยายตัวของจักรวรรดิญี่ปุ่นออกไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การที่จะผดุงจักรวรรดิที่กว้างใหญ่ที่มีระยะถึง 4,800 กม. จากประเทศจีนถึงหมู่เกาะมิดเวย์ จำต้องมีกองเรือขนาดใหญ่จึงจะควบคุมดินแดนญี่ปุ่นได้ แม้ว่าเรือประจัญบานทั้งหมดของญี่ปุ่นที่สร้างก่อนชั้นยะมะโตะจะสร้างเสร็จสิ้นก่อนปี ค.ศ. 1921 โดยตามข้อตกลงในสนธิสัญญานาวีวอชิงตันที่ห้ามปรับปรุงเรือที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ทั้งหมดก็ถูกบรณะหรือปรับปรุงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองในช่วงในคริสต์ทศวรรษที่ 1930 ในการปรับปรุงนี้ยังรวมไปถึงความเร็วและอำนาจการยิงที่ญี่ปุ่นมีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการพิชิตและปกป้องในความทะเยอทะยานที่จะเป็นจักรวรรดิ เมื่อญี่ปุ่นถอนตัวออกจากสันนิบาตชาติในปี ค.ศ. 1934 จากกรณีมุกเดน และประกาศยกเลิกสนธิสัญญาทั้งหมดที่ญี่ปุ่นเคยทำไว้ ทำให้การออกแบบเรือประจัญบานไม่ถูกจำกัดตามสนธิสัญญาและสามารถสร้างเรือรบที่มีขนาดใหญ่กว่าประเทศมหาอำนาจทางทะเลอื่นๆ
ญี่ปุ่นซึ่งต้องการรักษาอาณานิคมที่ผลิตทรัพยากรไว้ทำให้นำไปสู่ความเป็นไปได้ของการเผชิญหน้ากับสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นคู่แข่งที่มีศักยภาพอันดับแรกของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามสหรัฐอเมริกาก็มีอำนาจทางอุตสาหกรรมมากกว่าญี่ปุ่นซึ่งคิด 32.2% ของการผลิตภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกเมื่อเทียบกับญี่ปุ่นคือ 3.5% ของการผลิตทั่วโลก นอกจากนี้ สมาชิกคนสำคัญหลายคนของรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกายังสัญญาว่า "จะเอาชนะญี่ปุ่นในการแข่งขันด้านนาวีด้วยอัตราส่วนสามต่อหนึ่ง" ดังนั้น อำนาจทางอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นจึงไม่มีหวังที่จะแข่งขันชิงชัยกับสหรัฐอเมริกาได้ ด้วยเหตุนี้ เงื่อนไขการออกแบบเรือประจัญบานลำใหม่จึงต้องเหนือกว่าแบบลำต่อลำเมื่อเทียบกับเรือของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาในเรือแบบเดียวกัน เรือประจัญบานที่ออกแบบแต่ละลำต้องมีความสามารถในการต่อสู้กับเรือหลวงฝ่ายศัตรูได้พร้อมกันทีละหลายลำ และต้องไม่มีค่าใช้จ่ายมากเท่ากับสหรัฐอเมริกาในการสร้างเรือประจัญบาน ผู้บัญชากองทัพบกและกองทัพเรือของญี่ปุ่นจำนวนมากหวังว่าเรือเหล่านี้จะขู่ขวัญสหรัฐอเมริกาในเข้าระงับการรุกรานในมหาสมุทรแปซิฟิกของญี่ปุ่น
การออกแบบ
การวางแผนสร้างชั้นเรือประจัญบานใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากญี่ปุ่นได้ออกจากสันนิบาตชาติและประกาศยกเลิกสนธิสัญญานาวิกวอชิงตันและสัญญารัฐนาวีกรุงลอนดอน จากปี ค.ศ. 1934 ถึง 1936 แบบเรือขั้นต้น 24 แบบก็เสร็จสิ้น แบบขั้นต้นนี้แตกต่างกันอย่างมากในเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ การขับเคลื่อน ระยะทำการ และเกราะ หมู่ปืนหลักมีขนาดอยู่ระหว่าง 460 มม. (18.1 นิ้ว) และ 410 มม. (16 นิ้ว) ขณะที่อาวุธรองประกอบด้วยปืนที่ขนาดต่างกันไม่ว่าเป็น 155 มม. (6.1 นิ้ว) 127 มม. (5.0 นิ้ว) และ 25 มม. (0.98 นิ้ว) การขับเคลื่อนส่วนมากออกแบบให้เป็นเครื่องยนต์ลูกผสมระหว่างเครื่องยนต์ดีเซลและกังหันไอน้ำ มีหนึ่งแบบใช้เครื่องยนต์ดีเซลเพียงอย่างเดียวและที่เหลือใช้กังหันไอน้ำเพียงอย่างเดียว ระยะทำการที่ความเร็ว 18 นอต (33 กม./ชม.) ต่ำที่สุดคือ 6,000 ไมล์ทะเลในแบบ A-140-J2 ถึงสูงสุด 9,200 ไมล์ทะเลในแบบ A-140A และ A-140-B2 เกราะต่างกันไประหว่างสามารถป้องกันปืนใหญ่ 410 มม.ถึง 460 มม.
หลังจากการพิจารณาทบทวนก็ได้เลือก 2 แบบจาก 24 แบบคือแบบ A-140-F3 และ A-140-F4 ความแตกต่างที่สำคัญคือระยะทำการ (4,900 ไมล์ทะเลกับ 7,200 ไมล์ทะเลที่ความเร็ว 16 นอต) แบบทั้งถูกนำมาศึกษาในข้อมูลข้นต้นครั้งสุดท้ายซึ่งแล้วเสร็จในวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1936 มีการปรับปรุงแบบขั้นสุดท้ายในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1937 โดยพลเรือตรี ฟุกุดะ เคนจิ (Fukuda Keiji) มีระยะทำการ 7,200 ไมล์ทะเลจากการตัดสินใจครั้งสุดท้าย และยกเลิกเครื่องยนต์ลูกผสมดีเซลกับกังหันไอน้ำไปใช้แค่เพียงกังหันไอน้ำ การยกเลิกเครื่องยนต์ดีเซลจากแบบแปลนของเรือนั้นเนื่องมาจากปัญหากับเครื่องยนต์บนเรือพี่เลี้ยงเรือดำน้ำชั้น ไทเงอิ (Taigei) ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่คล้ายกันกับเครื่องยนต์ที่จะติดตั้งบนเรือประจัญบานชั้นใหม่ เครื่องยนต์นั้นต้องการ "การซ่อมแซมอย่างมากและการบำรุงรักษาบ่อยครั้ง" เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้สาเหตุเกิดจาก "ข้อบกพร่องในการออกแบบขั้นพื้นฐาน" นอกจากนี้หากเครื่องยนต์เกิดเสียไม่สามารถซ่อมแซมได้ เกราะป้องกันหนา 200 มม.ที่ใช้ปกป้องพื้นที่บริเวณนี้จะกลายเป็นตัวขัดขวางในการที่จะเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่แทนที่เครื่องเก่า
แบบสุดท้ายมีมาตรฐานระวางขับน้ำ 64,000 ตัน มีระวางขับน้ำเต็มที่ 69,988 ตัน ทำให้เป็นแบบชั้นเรือประจัญบานที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเรือประจัญบานที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างมา ปืนใหญ่หลักในแบบเป็นปืนขนาด 460 มม. 9 กระบอก แบ่งเป็น 3 ป้อม ป้อมละ 3 กระบอกซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าเรือพิฆาตในยุคคริสต์ทศวรรษที่ 1930 แบบได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็วจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น มีเสียงคัดค้านจำนวนมากจากนักบินของกองทัพเรือซึ่งต้องการให้สร้างเรือบรรทุกอากาศยานมากกว่าที่จะสร้างเรือประจัญบาน ในท้ายที่สุด เรือประจัญบานชั้นยะมะโตะมีแผนการจะสร้างทั้งสิ้น 5 ลำ
เรือในชั้น
ถึงแม้ว่าจะมีการวางแผนสร้างเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะไว้ทั้งสิ้น 5 ลำใน ค.ศ. 1937 แต่ก็สร้างเสร็จสมบูรณ์เพียง 3 ลำโดยเป็นเรือประจัญบาน 2 ลำและเรือบรรทุกอากาศยาน 1 ลำ การสร้างเรือทั้งสามเป็นความลับสุดยอดเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของอเมริการู้ถึงการดำรงอยู่และข้อมูลลักษณะของเรือ ในข้อเท็จจริงแล้ว สำนักข่าวกรองทหารเรือของสหรัฐอเมริการู้แต่เพียงชื่อของ ยะมะโตะ และ มูซาชิ ในตอนปลายของปี ค.ศ. 1942 ในช่วงแรกนี้สมมติฐานของสำนักข่าวกรองในลักษณะรายละเอียดของเรือค่อนข้างไกลจากความจริงมาก พวกเขาคาดเดาความยาวของเรือได้ถูกต้อง คาดคะเนความกว้างไว้ 110 ฟุต (กว้างจริง 127 ฟุต) และระวางขับน้ำ 40,000–57,000 ตัน (ความเป็นจริง 69,000 ตัน) นอกจากนี้ยังคาดว่าป้อมปืนหลักของเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะทั้ง 9 กระบอกมีขนาด 16 นิ้วซึ่งกว่าจะรู้ถึงความจริงก็ถึงปลายเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1945 สี่เดือนหลังจากยะมะโตะอับปาง ทั้ง และสื่อตะวันตกได้รายงานถึงลักษณะเรือผิดพลาด ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1944 Jane's Fighting Ships ได้ลงรายการระวางขับน้ำของยะมะโตะและมูซาชิเป็น 45,000 ตัน ทั้ง นิวยอร์กไทมส์ และ Associated Press ก็เหมือนกันรายงานว่าเรือทั้งสองมีระวางขับน้ำ 45,000 ตัน ความเร็ว 30 นอต แม้หลังเหตุการณ์การอับปางของยะมะโตะในเดือนเมษายน ค.ศ. 1945 เดอะไทมส์ ของกรุงลอนดอนยังคงให้ข้อมูลว่ามีระวางขับน้ำ 45,000 ตัน อย่างไรก็ตาม การดำรงอยู่ของเรือและสมมุติฐานของข้อมูลเรือมีอิทธิพลต่อวิศวกรของกองทัพเรืออเมริกาเป็นอย่างมากในการออกแบบเรือประจัญบานชั้นมอนทานาทั้ง 5 ลำซึ่งสร้างขึ้นเพื่อต่อต้านอำนาจการยิงของเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะ
ยามาโตะ
ยามาโตะได้รับการสั่งต่อเรือในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1937 วางเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1937 ปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1940 และขึ้นระวางในวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1941 เรือได้ทำการฝึกซ้อมจนกระทั่ง 27 มีนาคม ค.ศ. 1942 เมื่อพลเรือเอก อิโซรกคุ ยามาโมโต้ เห็นสมควรว่าเรือสามารถเข้าปฏิบัติการได้แล้ว โดยเข้าอยู่ในสังกัดหมวดเรือประจัญบานที่ 1 ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1942 ระหว่างยุทธนาวีมิดเวย์ยะมะโตะได้ทำหน้าที่เป็นเรือธงของกองเรือผสมแห่งกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นแต่กลับไม่ได้เข้าร่วมต่อสู้กับกองกำลังข้าศึกเลยในระหว่างสงคราม สองปีต่อมา เรือยะมะโตะและเรือมูซาชิซึ่งเป็นเรือในชั้นเดียวกันได้ใช้เวลาส่วนมากจอดอยู่ที่ฐานทัพเรือทรูกและคุเระเป็นระยะๆ มูซาชิได้กลายเป็นเรือธงของกองเรือผสมแทนที่ยะมะโตะ ในระหว่างช่วงเวลานี้ ยะมะโตะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมวดเรือประจัญบานที่ 1 ได้มีโอกาสหลายครั้งในการเข้าร่วมต่อต้านการโจมตีฐานทัพของญี่ปุ่นบนเกาะจากเรือบรรทุกอากาศยานสหรัฐฯ ในวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1943 เรือได้รับความเสียหายอย่างมากจากตอร์ปิโดด้วยฝีมือของเรือดำน้ำ ยูเอสเอส สเคท (USS Skate) ทำให้ต้องหันหัวกลับไปยังคุเระเพื่อซ่อมแซมและพัฒนาโครงสร้างให้ดีขึ้น
ในปี ค.ศ. 1944 หลังได้รับการติดตั้งปืนต่อสู้อากาศยานจำนวนมากและปรับปรุงหมู่ปืนรอง ยะมะโตะได้เข้าร่วมกองเรือที่ 2 ในยุทธนาวีทะเลฟิลิปปิน ทำหน้าที่คุ้มครองหมวดเรือบรรทุกอากาศยานของญี่ปุ่น ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1944 ที่ยุทธการอ่าวเลย์เต เรือได้ใช้ปืนใหญ่ประจำเรือกับศัตรูเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว เรือสามารถช่วยจมเรือบรรทุกเครื่องบินคุ้มกัน ยูเอสเอส แกมเบียร์ เบย์ (USS Gambier Bay) และเรือพิฆาต ยูเอสเอส จอนห์ส์ตัน (USS Johnston) ก่อนที่กองกำลังภาคกลางจะถอนตัวจากการรบ ความเสียหายเล็กน้อยที่คุเระในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1945 ทำให้เรือได้รับการปรับปรุงอาวุธต่อสู้อากาศยานใหม่ ยะมะโตะจมลงในวันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 1945 โดยเครื่องบินจากเรือบรรทุกอากาศยานอเมริการะหว่างปฏิบัติการเท็งโง ถูกตอร์ปิโดทั้งหมด 10 ลูก ลูกระเบิด 7 ลูกก่อนที่จะจมลง ลูกเรือ 2,498 นายจาก 2,700 นายสูญหาย รวมถึงพลเรือโท เซอีชิ อิโต (Seiichi Itō) การอับปางของยะมะโตะถูกมองว่าเป็นชัยชนะที่สำคัญของชาวอเมริกัน และ ฮานสัน ดับเบิลยู. บาล์ดวิน (Hanson W. Baldwin) บรรณาธิการทางทหารของ นิวยอร์กไทมส์ เขียนไว้ว่า"การจมของยะมะโตะ เรือประจัญบานลำใหม่ของญี่ปุ่น ... เป็นข้อพิสูจน์ที่น่าประทับใจถึงความอ่อนแอของญี่ปุ่นทั้งในอากาศและในทะเล"
มูซาชิ
มูซาชิได้รับการสั่งต่อเรือในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1937 วางกระดูกงูเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 1938 ปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1940 และขึ้นระวางในวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 1942 ระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม ค.ศ. 1942 เรือได้ทำการซ้อมรบผิวน้ำและต่อต้านอากาศยานที่ฮะชิระจิมะ (Hashirajima) ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1943 มูซาชิได้ขึ้นเป็นเรือธงของกองเรือผสมแทนที่ยะมะโตะซึ่งเป็นเรือในชั้นเดียวกัน มูซาชิได้เคลื่อนย้ายไปมาตามฐานทัพเรือทรูก โยะโกะซุกะ บรูไน และคุเระ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1944 ในวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 1944 เรือประสบความเสียหายใกล้กับหัวเรือจากตอร์ปิโดที่ยิงจากเรือดำน้ำสหรัฐฯ ยูเอสเอส ทันนี (USS Tunny) หลังจากเข้าซ่อมแซมและปรับปรุงตลอดทั้งเดือนเมษายน ค.ศ. 1944 มูซาชิได้เข้าร่วมหมวดเรือประจัญบานที่ 1 ในโอะกินะวะ
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1944 มูซาชิเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองเรือที่ 2 มีหน้าที่คุ้มกันเรือบรรทุกอากาศยานของญี่ปุ่นในระหว่างยุทธนาวีทะเลฟิลิปปิน ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1944 เรือได้ออกจากบรูไนไปกับกองกำลังภาคกลางของพลเรือเอก ทะเกะโอะ (Takeo Kurita) เข้าสู่ยุทธการอ่าวเลย์เต มูซาชิอับปางเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ในระหว่างยุทธนาวีทะเลซิบูยัน จากระเบิด 17 ลูกและตอร์ปิโด 19 ลูก ลูกเรือตายและสูญหาย 1,023 นายจาก 2,399 นาย
ชินะโนะ
ชินะโนะแต่เดิมคือเรือรบหมายเลข 110 วางกระดูกงูเป็นลำที่ 3 ในชั้นเรือประจัญบานยะมะโตะ มีการปรับปรุงแบบเล็กน้อย ความหนาของเกราะลดลงเล็กน้อยจากแบบดั้งเดิมซึ่งประกอบไปด้วย เกราะข้างลำเรือ ดาดฟ้า และป้อมปืน การลดน้ำหนักของเรือนี้ทำให้สามารถปรับปรุงส่วนอื่นๆได้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นส่วนป้องกันของส่วนควบคุมการยิงและตำแหน่งเฝ้าระวัง นอกจากนี้ปืนใหญ่รองได้เปลี่ยนเป็นปืนชนิด 98 ขนาดลำกล้อง 10 ซม./65 (10 cm/65 caliber Type 98) แทนปืนขนาด 12.7 ซม.ที่ใช้บนเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะที่สร้างขึ้น 2 ลำแรก แม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็มีศักยภาพสูงกว่าปืน 127 มม.ในแง่ความเร็วปากลำกล้อง ระยะยิงสูงสุด เพดานยิงต่อต้านอากาศยาน และอัตราการยิงเป็นอย่างมาก
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1942 หลังจากญี่ปุ่นพ่ายแพ้ที่มิดเวย์ การสร้างชินะโนะถูกระงับและได้มีการสร้างตัวเรือใหม่เป็นเรือบรรทุกอากาศยานทีละเล็กทีละน้อย เรือได้รับการออกแบบให้เป็นเรือสนับสนุนขนาด 64,800 ตันที่มีความสามารถในการขนส่ง ซ่อมแซม และเติมเชื้อเพลิงให้แก่กองบินของเรือบรรทุกอากาศยานลำอื่น แม้ว่าแต่เดิมจะมีกำหนดการให้เรือขึ้นระวางในตอนต้นปี ค.ศ. 1945 แต่การก่อสร้างได้ถูกเร่งให้เร็วขึ้นหลังยุทธการทะเลฟิลิปปิน ด้วยเหตุนี้ชินะโนะจึงได้ปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ. 1944 และขึ้นระวางในวันที่ 19 พฤศจิกายนซึ่งเป็นเวลาเพียงเดือนกว่าหลังจากมีการปล่อยลงน้ำ ชินะโนะออกเดินทางจากโยะโกะซุกะเพื่อไปคุเระ 9 วันต่อมา ในตอนเช้าของวันที่ 29 พฤศจิกายน ชินะโนะโดนโจมตีด้วยตอร์ปิโด 4 ลูกจากเรือดำน้ำ ยูเอสเอส อาร์เชอร์-ฟิช แม้จะดูเหมือนว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะจัดการได้ แต่การควบคุมน้ำที่ท่วมในเรือกลับย่ำแย่เป็นเหตุให้เรือเอียงไปทางกราบขวา เพียงเวลาสั้นๆก่อนเที่ยงวัน เรือก็พลิกคว่ำและอับปางลง นำเอาลูกเรือ 1,435 นายจาก 2,400 นายจมไปกับเรือด้วย จนถึงทุกวันนี้ ชินะโนะเป็นเรือรบขนาดใหญ่ที่สุดที่โดนโจมตีและจมลงโดยเรือดำน้ำ
เรือรบหมายเลข 111 และ 797
เรือรบหมายเลข 111 เป็นเรือไม่มีชื่อ วางแผนสร้างเป็นลำที่ 4 ในเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะและเป็นเรือลำที่ 2 ใช้แบบตามชินะโนะที่ได้รับการปรับปรุง เรือได้วางกระดูกงูหลังจากปล่อยยะมะโตะลงน้ำในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1940 และก่อสร้างไปจนกระทั่งเดือนธันวาคม ค.ศ. 1941 เมื่อญี่ปุ่นเริ่มมีคำถามถึงโครงการสร้างเรือหลวงที่มีความทะเยอทะยานนี้กับการมาถึงของสงคราม ทรัพยากรที่จำเป็นในการสร้างเรือจะกลายเป็นสิ่งที่ได้มายาก เป็นผลให้เรือลำที่ 4 ซึ่งสร้างเสร็จเพียง 30% ถูกแยกชิ้นส่วนในปี ค.ศ. 1942 วัสดุที่ได้นำไปปรับปรุงเรือประจัญบาน อิเซะ และ เฮียวกะ ไปเป็นเรือลูกผสมระหว่างเรือประจัญบานและเรือบรรทุกอากาศยาน
เรือลำที่ 5 เรือรบหมายเลข 797 มีแผนที่จะสร้างตามแบบของชินะโนะแต่ไม่ได้สร้าง ไม่เคยแม้แต่จะได้วางกระดูกงู นอกจากนี้ในแบบเรือ 797 ได้มีการปรับเปลี่ยนเอาปืนกราบเรือขนาด 155 มม.ออกและเพิ่มปืนขนาด 100 มม.ลงไปแทน ประมาณกันว่ามีปืนขนาดนี้ประมาณ 24 กระบอก ยะมะโตะที่ปรับปรุงท้ายสุดในปี ค.ศ. 1944 มีบางส่วนที่ปรับปรุงคล้ายกับแบบของเรือนี้
ลักษณะ
อาวุธยุทธภัณฑ์
แม้ว่าอาวุธยุทธภัณฑ์ของเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะในแบบอย่างเป็นทางการแต่เดิมจะเป็นปืนขนาด 40 ซม./ลำกล้อง 45 (15.9 นิ้ว) แบบ 94 แต่ความเป็นจริงแล้วกลับเป็นปืนขนาด 46 ซม./ลำกล้อง 45 (18.1 นิ้ว) ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดที่สามารถติดตั้งในเรือรบได้ รวมทั้งสิ้นสามป้อม แต่ละป้อมหนัก 2,774 ตัน ปืนแต่ละกระบอกยาว 21.13 ม. (69.3 ฟุต) หนัก 147.3 เมตริกตัน (145.0 ตัน) กระสุนที่ใช้เป็นกระสุนเจาะเกราะระเบิดแรงสูงยิงได้ไกลถึง 42.0 กิโลเมตร (26.1 ไมล์) ที่อัตรายิง 1½ ถึง 2 นัดต่อนาที ปืนหลักยังสามารถยิงกระสุนต่อต้านอากาศยาน ("Shiki tsûjôdan, Common Type 3 (กระสุนร่วมแบบ 3)") หนัก 1,360 kg (3,000 ปอนด์) ได้ สายชนวนถูกตั้งเวลาให้ระเบิดเมื่อยิงออกไปได้ไกลเพียงพอ (ทั่วไปจะตั้งไว้ที่ระยะห่าง 1,000 เมตร (1,100 หลา)) เมื่อระเบิด กระสุนจะแตกออกจะกลายเป็นชิ้นเหล็กจำนวนมาก และปล่อยหลอดที่บรรจุระเบิดเพลิงจำนวน 900 ชิ้น เป็นรูปทรงกรวยหันไปทางอากาศยานที่บินเข้ามา หลอดจะลุกไหม้เป็นเวลา 5 วินาทีที่อุณหภูมิ 3,000 °C (5,430 °F) ก่อนจะกระจายเป็นเปลวเพลิงไปรอบๆ ไกล 5 เมตร (16 ฟุต) แม้จะมีสัดส่วนถึง 40% ของกระสุนหลักบนเรือในปี ค.ศ. 19443 ชิกิ สึโจะดัง กลับไม่ค่อยได้ใช้เพื่อต่อต้านอากาศยานฝ่ายศัตรูนัก เพราะจะเกิดความเสียหายที่ลำกล้องปืนหลักเมื่อยิงด้วยกระสุนชนิดนี้ มีการระเบิดก่อนเวลาของกระสุนชนิดนี้และทำให้ปืนหลักกระบอกหนึ่งของเรือมูซาชิไม่สามารถใช้งานได้ระหว่างยุทธนาวีทะเลซิบูยัน กระสุนจะสร้างม่านเพลิงเพื่อให้อากาศยานที่เข้าโจมตีไม่สามารถบินผ่านได้ อย่างไรก็ตาม นักบินฝ่ายสหรัฐเห็นว่ามันเป็นดอกไม้ไฟมากกว่าอาวุธต่อต้านอากาศยาน
ในแบบทางวิศวกรรมเดิม ป้อมปืนรองของเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะประกอบด้วยปืน 6.1 นิ้ว (15 ซม.) 12 กระบอก ติดตั้งในป้อมปืน 4 ป้อม ป้อมละ 3 กระบอก (หัวเรือ 1 กระบอก ท้ายเรือ 1 กระบอก และกลางลำเรือ 2 กระบอก) และปืนขนาด 5 นิ้ว (13 ซม.) 12 กระบอก ติดตั้งในป้อมปืน 6 ป้อม ป้อมละ 2 กระบอก (กลางลำเรือฝั่งละ 3 กระบอก) นอกจากนี้เรือประจัญบานชั้นยะมะโตะยังติดตั้งปืนต่อสู้อากาศยาน 1 นิ้ว (2.5 ซม.) 24 กระบอกกลางลำเรือ ในปี ค.ศ. 1944 เรือยะมะโตะได้รับการปรับปรุงปืนต่อสู้อากาศยานเพิ่มเติมเป็นพิเศษ โดยเปลี่ยนปืนรองเป็นปืน 6.1 นิ้ว (15 ซม.) 6 กระบอก ปืน 5 นิ้ว (13 ซม.) 24 กระบอก และปืนต่อสู้อากาศยาน 1 นิ้ว (2.5 ซม.) 162 กระบอก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการในอ่าวเลย์เต
อาวุธยุทธภัณฑ์ของเรือชินะโนะต่างไปจากเรือในชั้นเนื่องจากเรือได้รับการดัดแปลง ในฐานะที่เป็นเรือบรรทุกอากาศยานที่ถูกออกแบบมาเพื่อรับบทบาทในการสนับสนุน จึงมีการติดตั้งปืนต่อสู้อากาศยานมากเป็นพิเศษ ปืนบนเรือประกอบด้วย ปืน 5 นิ้ว (13 ซม.) 16 กระบอก ปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 1 นิ้ว (2.5 ซม.) 125 กระบอก และจรวดต่อสู้อากาศยาน 336 ลูกในฐานยิงจรวดลำกล้อง 5 นิ้ว (13 ซม.) 28 ลำกล้อง 12 ฐาน ปืนเหล่านี้ไม่เคยได้ใช้ต่อสู้กับเรือหรืออากาศยานฝ่ายศัตรูเลย
เกราะ
จากการออกแบบเพื่อให้สามารถต่อสู้กับเรือประจัญบานฝ่ายข้าศึกได้พร้อมกันทีละหลายลำ ยะมะโตะจึงได้รับการติดตั้งเกราะโลหะหนาดังที่อธิบายโดยนักประวัติศาสตร์นาวี มาร์ค สทิลล์ (Mark Stille) ว่า "เป็นระดับการป้องกันที่ไม่มีใครเทียบเท่าในการต่อสู้กันซึ่งหน้า" เกราะหลักข้างลำเรือหนา 410 มม. และยังมีผนังกันหนา 355 มม.ถัดมาจากเกราะข้างลำเรือ นอกจากนี้ รูปร่างของตัวเรือด้านบนมีความก้าวหน้าในการออกแบบเป็นอย่างมาก ลักษณะที่โค้งไปด้านข้างของเกราะนั้นเป็นการป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและให้โครงสร้างที่แข็งแกร่งในขณะที่ได้น้ำหนักที่เหมาะสม เกราะของป้อมปืนหลักนั้นหนากว่าเกราะข้างลำเรือ ด้วยความหนาถึง 650 มม. แผนเกราะกราบเรือและป้อมปืนหลักทำจากเหล็กทำแข็งแบบวิกเกอส์ (Vickers) ซึ่งเป็นเกราะโลหะผิวหน้าแข็ง เกราะดาดฟ้าหนา 75 มม.ทำมาจากโลหะผสมนิกเกิล-โครเมียม-โมลิบดีนัม จากการทดสอบวิธีกระสุนที่สถานที่ทดลองในคะเมงะบุกิ (Kamegabuki) พิสูจน์ว่าดาดฟ้าที่เป็นโลหะผสมนั้นเหนือกว่าแผ่นโลหะวิกเกอส์เนื้อเดียว 10–15% และยังเพิ่มด้วยการออกแบบส่วนผสมระหว่างโครเมียมและนิกเกิลในโลหะผสม ปริมาณนิกเกิลที่สูงนั้นสามารถทำให้แผ่นโลหะสามารถม้วนงอโดยไม่เกิดการแตกหักขึ้น
มีการนำการเชื่อมโลหะแบบการเชื่อมอาร์คซึ่งเป็นการเชื่อมโลหะแบบใหม่ในสมัยนั้นมาใช้กับเรือในชั้น เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้กับเกราะชั้นนอก ด้วยเทคนิคนี้ เกราะข้างส่วนล่างจึงได้รับการเพิ่มเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเรือซึ่งเป็นผลจากการศึกษาวิถีกระสุนของ (Tosa) และกระสุนชนิดใหม่แบบ 91 ของญี่ปุ่นที่สามารถเคลื่อนตัวไปในน้ำได้ไกล และยังใช้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเรือทั้งหมด เมื่อรวมแล้ว เรือชั้นยะมะโตะประกอบไปด้วยห้องผนึกน้ำ 1,147 ห้อง ซึ่ง 1,065 ห้องอยู่ใต้เกราะดาดฟ้าเรือ
อย่างไรก็ตาม เกราะของเรือชั้นยะมะโตะยังคงมีจุดอ่อนที่ร้ายแรงหลายจุด ซึ่งเป็นเหตุให้เรือในชั้นอับปางลงในปี ค.ศ. 1944–45 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จุดรอยต่อระหว่างกราบเรือล่างและกราบเรือบน ที่กลายมาเป็นจุดอ่อนใต้เส้นแนวน้ำที่อ่อนไหวต่อการโจมตีด้วยตอร์ปิโดจากเครื่องบิน นอกจากนี้เรือยังมีจุดอ่อนทางโครงสร้างบริเวณหัวเรือ ซึ่งมีเกราะบางกว่าปกติ ตัวเรือ ชินะโนะ มีโครงสร้างอ่อนแอที่สุด มีการติดตั้งเกราะน้อยและไม่มีห้องผนึกน้ำเมื่อเวลาเรืออับปาง
การขับเคลื่อน
เรือประจัญบานชั้นยะมะโตะติดตั้งหม้อน้ำแบบคัมปง 12 หม้อซึ่งจะไปขับกังหันไอน้ำ 4 กังหัน แต่ละกังหันจะติดตั้งใบจักรที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เมตร แหล่งกำลังนี้ทำให้เรือประจัญบานชั้นยะมะโตะมีความเร็วสูงสุด 27 นอต (50 กม./ชม.) ซึ่งแสดงเป็นกำลังได้ 147,948 แรงม้า (110,325 kW) ความสามารถทางความเร็วของเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะทำให้การร่วมขบวนกับเรือบรรทุกอากาศยานเร็วนั้นมีขีดจำกัด นอกจากนี้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของเรือประจัญบานทั้งสองอยู่ในระดับสูงมาก นี่คือเหตุผลหลักที่ไม่ได้ใช้เรือนี้ในรบระหว่างช่วงการทัพหมู่เกาะโซโลมอนหรือการรบในระหว่างช่วง "island hopping (กบกระโดด)" ในช่วงปี ค.ศ. 1943 ถึงตอนต้นของปี ค.ศ. 1944 ระบบขับเคลื่อนของชินะโนะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นเล็กน้อย โดยมีความเร็วสูงสุด 28 นอต (52 กม./ชม.)
เรือประจัญบานชั้น "ซูปเปอร์ยามาโตะ"
มีการออกแบบเรือประจัญบานใหม่สองลำให้มีขนาดใหญ่กว่าเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะเพื่อใช้ในแผนกองเรือ 1942 แบบเรือประจัญบานใหม่ดังกล่าวเรียกว่า เอ-150 เป็นแบบที่ใช้สร้างเรือรบหมายเลข 178 และเรือรบหมายเลข 179 แบบ เอ-150 ได้เริ่มออกแบบทันทีหลังแบบของเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะเสร็จสิ้นราวๆ ปี ค.ศ. 1938–39 สิ่งพื้นฐานในแบบทางวิศวกรรมได้รับการออกแบบเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1941 แต่รูปแบบสงครามได้กลายเป็นการสู้รบบนเส้นขอบฟ้าแทน ทำให้การสร้างเรือประจัญบานหยุดชะงักลงเพื่อสร้างเรือรบที่เป็นที่ต้องการก่อน เช่น เรือบรรทุกอากาศยาน และเรือลาดตระเวน แต่การสูญเสียเรือบรรทุกอากาศยาน 4 ลำในยุทธนาวีมิดเวย์ (จาก 10 ลำของกองทัพเรือญี่ปุ่นในขณะนั้น) ทำให้การสร้างเรือหยุดลงอย่างถาวร ในหนังสือเล่มที่ 3 ของหนังสือชุด Battleships (เรือประจัญบาน) Axis and Neutral Battleships in World War II (เรือประจัญบานอักษะและฝ่ายเป็นกลางในสงครามโลกครั้งที่ 2) ผู้แต่ง วิลเลียม เอช. การ์ซคี (William H. Garzke) และ โรเบิร์ต โอ. ดับบลิน (Robert O. Dulin) ยืนยันว่าเรือนี้เป็น "เรือประจัญบานที่ทรงอำนาจมากที่สุดในประวัติศาสตร์" เพราะหมู่ปืนหลักมีขนาดใหญ่โตถึง 510 มม. (20 นิ้ว) และมีอาวุธต่อต้านอากาศยานจำนวนมาก
คล้ายกันกับกรณีเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะ เอกสารส่วนมากและแบบทางวิศวกรรมทั้งหมดถูกทำลายเพื่อป้องกันการถูกยึดเมื่อสิ้นสุดสงคราม แต่ก็ยังมีข้อมูลหลงเหลือให้ทราบได้ว่าแบบสุดท้ายของเรือมีอำนาจการยิงเหนือกว่า และมีปืนกระบอกใหญ่กว่าเรือชั้นยะมะโตะ ด้วยหมู่ปืนหลักขนาด 500 มม. (20 นิ้ว) 6 กระบอก ในป้อมปืนแผด 3 ป้อม และปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 100 มม. (3.9 นิ้ว) จำนวนมาก เรือกินน้ำลึกเท่ากับเรือยะมะโตะขณะที่มีเกราะข้างหนาถึง 460 มม. (18 นิ้ว)
อิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรม
จากเริ่มก่อสร้างจนถึงปัจจุบัน ยามาโตะ และ มูซาชิ ได้กลายเป็นสิ่งที่แสดงออกในเชิงวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น โดยเฉพาะยะมะโตะ เมื่อก่อสร้างเสร็จสิ้น เรือได้เป็นตัวแทนถึงความเป็นเลิศทางวิศวกรรมของกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น นอกจากนี้ทั้งจากขนาด ความเร็ว อำนาจการยิงของเรือทั้งสองลำแสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศญี่ปุ่นและความพร้อมที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตนจากมหาอำนาจตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นรูปธรรม ชิเงรุ ฟูกุโดมิ (Shigeru Fukudome) เสนาธิการประจำส่วนปฏิบัติการของกองเสนาธิการกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น บรรยายถึงเรือทั้งสองลำว่า "เป็นดั่งสัญลักษณ์ทางอำนาจของกองทัพเรือที่จัดเตรียมไว้ให้แก่ทหารและความเชื่อมั่นอย่างที่สุดในกองทัพเรือของพวกเขา"
เรื่องราวของยะมะโตะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการอับปางของเรือ ได้ปรากฏบ่อยครั้งในศิลปวัฒนธรรมที่ได้รับความนิยมของญี่ปุ่น เช่น อนิเมะเรื่อง เรือรบอวกาศยามาโตะ ภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 2005 เรื่อง ยามาโต้ พิฆาตยุทธการ และภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 2011 เรื่อง 2199 ยามาโต้กู้จักรวาล (Space Battleship Yamato) ภาพลักษณ์ในเชิงวัฒนธรรมที่ได้รับความนิยม โดยปกติแล้วจะแสดงในรูปแบบภารกิจสุดท้ายของเรือ ในเรื่องความกล้าหาญ ความเสียสละแต่ก็ไร้ประโยชน์ เป็นสัญลักษณ์ของความพยายามของทหารเรือชาวญี่ปุ่นที่จะปกป้องบ้านเกิดของพวกเขา เหตุผลหนึ่งที่อาจทำให้เรือรบนี้มีความสำคัญในวัฒนธรรมญี่ปุ่นคือชื่อ "ยะมะโตะ" นั้น บ่อยครั้งถูกใช้ในบทกวีเพื่อใช้แทนประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นการอับปางของเรือประจัญบานเรือรบอวกาศยามาโตะสามารถอุปมาได้ถึงการสิ้นสุดของจักรวรรดิญี่ปุ่น
ดูเพิ่ม
- เรือบรรทุกเครื่องบินชั้นโชกากุ
- เรือลาดตระเวนประจัญบานชั้นคงโง
- เรือลาดตระเวนชั้นทาคาโอะ
- เรือประจัญบานชั้นนางาโตะ
- เรือประจัญบานชั้นฟูโซ
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เรือประจัญบานชั้นยามาโตะ
เชิงอรรถ
- "ตัน" ในบทความนี้ไม่ใช่เมตริกตัน แต่เป็น Long ton ที่มีขนาดเท่ากับ 2,240 ปอนด์ (1,016 กก.)
- ย้อนกลับไปปี ค.ศ. 1933 นักบินแห่งกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น รวมถึงพลเรือเอก อิโซรกคุ ยามาโมโต้ เสนอว่าการป้องกันจากการโจมตีของเรือบรรทุกอากาศยานสหรัฐอเมริกาที่ดีที่สุด คือกองเรือบรรทุกอากาศยานไม่ใช่กองเรือประจัญบาน อย่างไรก็ตาม เมื่อการโต้แย้งอย่างรุนแรงได้เปิดฉาก พลเรือเอกอาวุโสฝ่ายอนุรักษนิยมยังคงเชื่อในความเชื่อดั่งเดิมอย่างแน่วแน่ในเรือประจัญบานว่าเป็นเรือรบหลักในกองเรือโดยสนับสนุนการสร้างของ "เรือประจัญบานชั้นยะมะโตะ" ดูเพิ่ม: Reynolds, pp. 5–6
- กระสุนมีชื่อเล่นว่า "The Beehive" (รวงผึ้ง) ดู: DiGiulian, Tony (23 April 2007). "Japanese 40 cm/45 (18.1") Type 94, 46 cm/45 (18.1") Type 94". Navweaps.com. สืบค้นเมื่อ 23 March 2009.
อ้างอิง
- Kwiatkowska, K. B.; Skwiot, M. Z. "Geneza budowy japońskich pancerników typu Yamato". Morza Statki i Okręty (ภาษาโปแลนด์). Warsaw: Magnum-X. 2006 (1): 74–81. ISSN 1426-529X. OCLC 68738127.
- Jackson, p. 74
- Jackson, p. 74; Jentschura et al., p. 38
- Schom, p. 270
- Hackett, Robert; Kingsepp, Sander; Ahlberg, Lars. "Yamato-class Battleship". Combined Fleet. CombinedFleet.com. สืบค้นเมื่อ 25 October 2008.
- Muir, Micheal (1990). "Rearming in a Vacuum: United States Navy Intelligence and the Japanese Capital Ship Threat, 1936–1945" (JSTOR access required). The Journal of Military History. Society for Military History. 54 (4): 485. ISSN 1543-7795. OCLC 37032245. สืบค้นเมื่อ 7 March 2008.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|month=
ถูกละเว้น ((help)) - Skulski, p. 8
- "Warships of the World". The Times. November 5, 1948. p. 2D.
- Johnston and McAuley, p. 123
- Friedman, p. 182
- Garzke and Dulin, p. 4–5
- Willmott, p. 32
- Schom, p. 42
- Willmott, p. 34; Gardiner and Gray, p. 229
- Gardiner and Gray, pp. 229–231, 234
- Garzke and Dulin, p. 44
- Willmott, p. 35
- Schom, p. 43
- Willmott, p. 22
- Thurston, Elliott (January 2, 1935). "Fear is the Real Cause of Navy Treaty End". The Washington Post. p. 7.
- Garzke and Dulin, p. 45
- Willmott, p. 45
- Garzke and Dulin, pp. 45–51
- Garzke and Dulin, pp. 49–50
- Hackett, Robert; Kingsepp, Sander (6 June 2006). "IJN YAMATO: Tabular Record of Movement". Combined Fleet. CombinedFleet.com. สืบค้นเมื่อ 8 January 2009.
- Garzke and Dulin, p. 49
- Garzke and Dulin, p. 50
- Garzke and Dulin, p. 53
- Johnston and McAuley, p. 122
- Reynolds, pp. 5–6
- Friedman, p. 308
- Johnston and McAuley, p. 128
- Tobin, Richard (October 1, 1944). "U.S. Navy Outnumbers Jap 10 to 1". The Washington Post. p. B1.
- Horneby, George (October 30, 1944). "4 Carriers Sunk". The New York Times. p. 1.
- "Japan's Biggest Warship Sunk". The Times. April 9, 1945. p. 3C.
- W. D. Puleston, The Armed Forces of the Pacific: A Comparison of the Military and Naval Power of the United States and Japan (New Haven: Yale University Press, 1941), pp. 208–211.
- Willmott, p. 93
- Willmott, p. 146
- Reynolds, p. 156
- Baldwin, Hanson (April 9, 1945). "Okinawa's Fate Sealed: Sinking of Yamato Shows Japan's Fatal Air and Sea Weakness". The New York Times. p. 12.
- Hackett, Robert; Kingsepp, Sander (6 June 2006). "IJN MUSASHI: Tabular Record of Movement". Combined Fleet. CombinedFleet.com. สืบค้นเมื่อ 8 January 2009.
- Johnston and McAuley, p. 125
- Steinberg, p. 56
- Garzke and Dulin, pp. 74–75
- Tully, Anthony P. (7 May 2001). "IJN Shinano: Tabular Record of Movement". Combined Fleet. CombinedFleet.com. สืบค้นเมื่อ 8 January 2009.
- Reynolds, p. 61
- Preston, p. 91
- Reynolds, p. 219
- Reynolds, p. 284
- Wheeler, p. 185
- Garzke and Dulin, p. 99
- Garzke and Dulin, p. 84
- Johnston and McAuley, p. 124
- Garzke and Dulin, p. 85
- Jackson, p. 75
- Johnston and McAuley, p. 123; each of the three main turrets weighed more than a good-sized destroyer.
- Steinberg, p. 54
- Johnston and McAuley, p. 180
- Jackson, p. 128
- Tully, Anthony P. "Shinano". Combined Fleet. CombinedFleet.com. สืบค้นเมื่อ 13 January 2009.
- Preston, p. 84
- Stille, p. 37
- Garzke and Dulin, p. 65
- Fitzsimons, Volume 24, p. 2609
- Garzke and Dulin, p. 94
- "Best Battleship: Underwater Protection". Combined Fleet. CombinedFleet.com. สืบค้นเมื่อ 25 October 2008.
- Gardiner and Chesneau, p. 178
- Garzake and Dulin, pp. 85–86
- Evans and Peattie, pp. 298, 378
- IMDB.com (1990–2009). "Uchû senkan Yamato". Internet Movie Database. สืบค้นเมื่อ 26 March 2009.; IMDB.com (2005). "Otoko-tachi no Yamato". Internet Movie Database. สืบค้นเมื่อ 26 March 2009.
- Yoshida and Minear, p. xvii; Evans and Peattie, p. 378
- Skulski, p. 7
บรรณานุกรม
- Evans, David C.; , Mark R. (1997). Kaigun: Strategy, Tactics, and Technology in the Imperial Japanese Navy, 1887–1941. Annapolis, Maryland: . ISBN . OCLC 36621876.
- Fitzsimons, Bernard, บ.ก. (1977). The Illustrated Encyclopedia of 20th Century Weapons and Warfare. London: Phoebus. OCLC 18501210.
- Friedman, Norman (1985). U.S. Battleships: An Illustrated Design History. Annapolis, Maryland: Naval Institute Press. ISBN . OCLC 12214729.
- Garzke, William H.; Dulin, Robert O. (1985). Battleships: Axis and Neutral Battleships in World War II. Annapolis, Maryland: Naval Institute Press. ISBN . OCLC 12613723.
- Gardiner, Robert; Chesneau, Robert, บ.ก. (1980). Conway's All the World's Fighting Ships, 1922–1946. Annapolis, Maryland: Naval Institute Press. ISBN . OCLC 18121784.
- Gardiner, Robert; Gray, Randal, บ.ก. (1984). Conway's All the World's Fighting Ships, 1906–1921. Annapolis, Maryland: Naval Institute Press. ISBN . OCLC 12119866.
- Jackson, Robert (2000). The World's Great Battleships. London: Brown Books. ISBN . OCLC 45796134.
- Jentschura, Hansgeorg; Jung, Dieter; Mickel, Peter (1977). Warships of the Imperial Japanese Navy, 1869-1945. Annapolis, Maryland: Naval Institute Press. ISBN . OCLC 3273325.
- Johnston, Ian; McAuley, Rob (2000). The Battleships. : MBI Pub. Co. ISBN . OCLC 45329103.
- Preston, Anthony (1999). The World's Great Aircraft Carriers: From World War I to the Present. London: Brown Books. ISBN . OCLC 52800756.
- Reynolds, Clark G. (1968). The Fast Carriers: The Forging of an Air Navy. New York: . OCLC 448578.
- Schom, Alan (2004). The Eagle and the Rising Sun: The Japanese-American War, 1941–1943, Pearl Harbor through Guadalcanal. New York: . ISBN . OCLC 50737498.
- Skulski, Janusz (1989). The Battleship Yamato. Annapolis, Maryland: Naval Institute Press. ISBN . OCLC 19299680.
- Steinberg, Rafael (1980). Return to the Philippines. New York: . ISBN . OCLC 4494158.
- Stille, Cdr Mark (2008). Imperial Japanese Navy Battleship 1941-1945. Oxford: Osprey Publishing.
- Wheeler, Keith (1980). War Under the Pacific. New York: . ISBN .
- ; Minear, Richard H. (1999) [1985]. Requiem for Battleship Yamato. Annapolis, Maryland: Naval Institute Press. ISBN . OCLC 40542935.
- Yoshimura, Akira (2008). Battleship Musashi: The Making and Sinking of the World's Biggest Battleship. Tokyo: . ISBN . OCLC 43303944.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha eruxpracybanchnyamaota yipun 大和型戦艦 ormaci Yamato gata senkan epneruxpracybankhxngkxngthpheruxckrwrrdiyipun IJN daeninkarcdsrangkhunrahwangsngkhramolkkhrngthi 2 dwyrawangkhbnaetmthithung 72 000 tn thaihyamaotaepnchneruxpracybanthiihythisudaelatidxawuthhnkthisudethathiekhysrangma eruxchnnitidtngpunihykhnad 460 mm 18 1 niw 9 krabxksungepnpunkhnadihythisudethathimikartidtngihkberuxrb krasunpunkhxngaetlakrabxkhnk 1 360 kk miphisykaryingiklkwa 42 km eruxpracybankhxngchnnisrangaelwesrctamaephn 2 la yamaota aela musachi swnlathi 3 chinaona thukddaeplngepneruxbrrthukekhruxngbinrahwangkarkxsrangyamaota kh s 1941chneruxodysrupsrangthi phuichngan kxngthpheruxckrwrrdiyipunchnkxnhna chnnangaota srangcring chnhmayelkh 13 aephnthicasrang rakha 250 000 897 eynsrangemux 1937 1942pdibtihnathi 1941 1945aephnthicasrang 5srangesrc 3 eruxpracyban 2 la aeplngepneruxbrrthukekhruxngbin 1 la ykelik 2suyesiy 3lksnaechphaa tamaebbsudthay A 140F6 praephth eruxpracybankhnad rawangkhbna 68 200 tn thdsxb 69 988 tn matrthan 72 000 tn etmthi khwamyaw 256 m aenwna 263 m tlxdla khwamkwang 38 9 m kinnaluk 10 4 m rabbphlngngan hmxnaaebbkhmpng 12 hmx khbknghnixna 4 knghn 150 000 aerngma 110 MW rabbkhbekhluxn ibckr 4 phwng phwngla 3 klib esnphansunyklang 6 emtrkhwamerw 27 nxt 50 km chm phisyechuxephling 7 200 imlthaelthikhwamerw 16 nxtxtraetmthi 2 767 nayyuthothpkrn 9 x 46 0 esntiemtr 18 1 niw 3 3 6 15 5 sm 6 1 in 2 3 12 12 7 sm 5 in 6 2 24 25 mm 0 98 niw AA 8 3 26 13 mm 0 51 niw AA 2 2 ekraa hnapxmpunhlk 650 mm 26 niw ekraakhang 410 mm 16 niw musachi 400 mm 16 niw exiyng 20 xngsa dadfaerux 75 200 mm 8 niw dadfaerux 25 230 mm 9 niw xakasyan 7 yamaota musachi 47 chinaona xupkrnsnbsnunkarbin ekhruxngdid 2 ekhruxng yamaota musachi chnyamaota 2 la khux yamaota aela musachi cakphykhukkhamcakeruxdanaaelaeruxbrrthukekhruxngbinkhxngshrthxemrika thaihthngyamaotaaelamusachiichewlaswnihyinthanthpheruxthipraethsbruin thruk Truk aela khuera Kure odycdwangkalnghlayoxkasephuxrbmuxkbkartiochbchwy raid thanthphyipunkhxngshrth kxnekharwminyuththnawixawelyet odyxyuinkxngkalngklangitbngkhbbychakhxngphleruxexkkhurita Kurita musachixbpanglngrahwangkarrbkbekhruxngbincakeruxbrrthukekhruxngbinkhxngshrth chinaonacmlngin 10 wnhlngcakkarkhunrawangineduxnphvscikayn kh s 1944 odyeruxdana yuexsexs xarechxr fich USS Archer Fish swnyamaotaxbpangcmlngineduxnemsayn kh s 1945 rahwangptibtikarethngong wnkxnthifaysmphnthmitrekhayudkhrxngyipun naythharhnwyrbphiesskhxngkxngthpheruxckrwrrdiyipunidthalaybnthuk phaphwad aelarupthaythiekiywkhxngkberuxpracybanchnyamaotaipekuxbthnghmd ehluxaetephiyngbnthuklksnaaelaethkhonolyixun thiimsmburnkhrbthwn karthalayexksarmiphlxyangmak cnthung kh s 1948 phaphthaykhxngyamaotaaelamusachimiephiyngthithayodyekhruxngbinkhxngkxngthpheruxshrththimiswninkarocmtieruxrbthngsxngethann aemcamirupthayaelakhxmulcakexksarthiehluxrxdmacakkarthalaythukepidephymabangemuxewlaphanip aetkarsuyesiybnthukswnsakhythaihkarsuksaeruxpracybanchnyamaotaepnipkhxnkhangyakying ephraacakkarkhadexksarkhxmulniexng thaihkhxmulswnihyekiywkbyamaotann macakkarsmphasnnaythharyipunhlngyipunyxmcannprawtikarxxkaebberuxpracybanchnyamaotaepnrupepnrangkhuncakkarekhluxnihwthitxngkarkhyaydinaedn expansionist phayinrthbalyipun xanacxutshkrrmkhxngyipun aelakhwamtxngkarkxngthpheruxxnthrngphlngephiyngphxcakhukkhampraethsthimiaenwonmepnkhuaekhngid hlngsngkhramolkkhrngthihnungsngblng kxngthpheruxhlaypraeths sungrwmthungshrthxemrika shrachxanackr aelackrwrrdiyipun idmiokhrngkarthicakxsrangaelakhyaykxngthphxyangtxenuxnginrahwangsngkhramolkkhrngnn dwykhaichcaymhasalthiepnphlcakokhrngkardngklaw kddnihbrrdaphunarthbalerimprachumldxawuth wnthi 8 krkdakhm kh s 1921 rthmntriwakarkrathrwngkartangpraethsaehngshrthxemrika charls xiaewns hiws Charles Evans Hughes idechiykhnaphuaethncakpraethsmhaxanacthangthael sungprakxbdwy frngess xitali yipun aelashrachxanackr mayngkrungwxchingtn di si ephuxprachumharuxthungkhwamepnipidinkaryutikaraekhngkhnnawikanuphaph sungrwmthungkarldkhnadaelaxawuthkhxngkxngthpherux phlinewlatxmaidkhxsrupepnsnthisyyarthnawiwxchingtn Washington Naval Treaty inbrrdakhxkahndcanwnmaknn mikarcakdmatrthanrawangkhbnakhxngeruxrbthicasrangkhunihminxnakhtepn 35 000 tn aelakhnadlaklxngpunihyimekin 16 niw 406 mm thng 5 praethstklngthicaimsrangeruxhlwngephimepnewla 10 piaelaimaethnthieruxxunthisrangkxnsnthisyyacnkwaeruxmixayuxyangnxy 20 pi inkhristthswrrsthi 1930 rthbalyipuniderimepliynipsukhwamepnchatiniymxyangekhmkhn karekhluxnihwnieriykrxngihmikarkhyaytwkhxngckrwrrdiyipunxxkipsumhasmuthraepsifikaelaexechiytawnxxkechiyngit karthicaphdungckrwrrdithikwangihythimirayathung 4 800 km cakpraethscinthunghmuekaamidewy catxngmikxngeruxkhnadihycungcakhwbkhumdinaednyipunid aemwaeruxpracybanthnghmdkhxngyipunthisrangkxnchnyamaotacasrangesrcsinkxnpi kh s 1921 odytamkhxtklnginsnthisyyanawiwxchingtnthihamprbprungeruxthisrangesrcsmburnaelw aetthnghmdkthukbrnahruxprbprungxyangidxyanghnunghruxthngsxnginchwnginkhristthswrrsthi 1930 inkarprbprungniyngrwmipthungkhwamerwaelaxanackaryingthiyipunmicudprasngkhephuxichinkarphichitaelapkpxnginkhwamthaeyxthayanthicaepnckrwrrdi emuxyipunthxntwxxkcaksnnibatchatiinpi kh s 1934 cakkrnimukedn aelaprakasykeliksnthisyyathnghmdthiyipunekhythaiw thaihkarxxkaebberuxpracybanimthukcakdtamsnthisyyaaelasamarthsrangeruxrbthimikhnadihykwapraethsmhaxanacthangthaelxun rupwadkhxngyamaota wadihehnlksnathipraktpraman kh s 1945rupwadkhxngmusachi wadihehnlksnathipraktineduxntulakhm kh s 1944 yipunsungtxngkarrksaxananikhmthiphlitthrphyakriwthaihnaipsukhwamepnipidkhxngkarephchiyhnakbshrthxemrika shrthxemrikaidklayepnkhuaekhngthimiskyphaphxndbaerkkhxngyipun xyangirktamshrthxemrikakmixanacthangxutsahkrrmmakkwayipunsungkhid 32 2 khxngkarphlitphakhxutsahkrrmthwolkemuxethiybkbyipunkhux 3 5 khxngkarphlitthwolk nxkcakni smachikkhnsakhyhlaykhnkhxngrthsphakhxngekrsaehngshrthxemrikayngsyyawa caexachnayipuninkaraekhngkhndannawidwyxtraswnsamtxhnung dngnn xanacthangxutsahkrrmkhxngyipuncungimmihwngthicaaekhngkhnchingchykbshrthxemrikaid dwyehtuni enguxnikhkarxxkaebberuxpracybanlaihmcungtxngehnuxkwaaebblatxlaemuxethiybkberuxkhxngkxngthpheruxshrthxemrikaineruxaebbediywkn eruxpracybanthixxkaebbaetlalatxngmikhwamsamarthinkartxsukberuxhlwngfaystruidphrxmknthilahlayla aelatxngimmikhaichcaymakethakbshrthxemrikainkarsrangeruxpracyban phubychakxngthphbkaelakxngthpheruxkhxngyipuncanwnmakhwngwaeruxehlanicakhukhwyshrthxemrikainekharangbkarrukraninmhasmuthraepsifikkhxngyipunkarxxkaebbkarwangaephnsrangchneruxpracybanihmiderimtnkhunhlngcakyipunidxxkcaksnnibatchatiaelaprakasykeliksnthisyyanawikwxchingtnaelasyyarthnawikrunglxndxn cakpi kh s 1934 thung 1936 aebberuxkhntn 24 aebbkesrcsin aebbkhntnniaetktangknxyangmakineruxngxawuthyuthothpkrn karkhbekhluxn rayathakar aelaekraa hmupunhlkmikhnadxyurahwang 460 mm 18 1 niw aela 410 mm 16 niw khnathixawuthrxngprakxbdwypunthikhnadtangknimwaepn 155 mm 6 1 niw 127 mm 5 0 niw aela 25 mm 0 98 niw karkhbekhluxnswnmakxxkaebbihepnekhruxngyntlukphsmrahwangekhruxngyntdieslaelaknghnixna mihnungaebbichekhruxngyntdieslephiyngxyangediywaelathiehluxichknghnixnaephiyngxyangediyw rayathakarthikhwamerw 18 nxt 33 km chm tathisudkhux 6 000 imlthaelinaebb A 140 J2 thungsungsud 9 200 imlthaelinaebb A 140A aela A 140 B2 ekraatangkniprahwangsamarthpxngknpunihy 410 mm thung 460 mm hlngcakkarphicarnathbthwnkideluxk 2 aebbcak 24 aebbkhuxaebb A 140 F3 aela A 140 F4 khwamaetktangthisakhykhuxrayathakar 4 900 imlthaelkb 7 200 imlthaelthikhwamerw 16 nxt aebbthngthuknamasuksainkhxmulkhntnkhrngsudthaysungaelwesrcinwnthi 20 krkdakhm kh s 1936 mikarprbprungaebbkhnsudthayineduxnminakhm kh s 1937 odyphleruxtri fukuda ekhnci Fukuda Keiji mirayathakar 7 200 imlthaelcakkartdsinickhrngsudthay aelaykelikekhruxngyntlukphsmdieslkbknghnixnaipichaekhephiyngknghnixna karykelikekhruxngyntdieslcakaebbaeplnkhxngeruxnnenuxngmacakpyhakbekhruxngyntbneruxphieliyngeruxdanachn ithengxi Taigei sungepnekhruxngyntthikhlayknkbekhruxngyntthicatidtngbneruxpracybanchnihm ekhruxngyntnntxngkar karsxmaesmxyangmakaelakarbarungrksabxykhrng ephuxihekhruxngyntsamarththanganidsaehtuekidcak khxbkphrxnginkarxxkaebbkhnphunthan nxkcaknihakekhruxngyntekidesiyimsamarthsxmaesmid ekraapxngknhna 200 mm thiichpkpxngphunthibriewnnicaklayepntwkhdkhwanginkarthicaepliynekhruxngyntihmaethnthiekhruxngeka aebbsudthaymimatrthanrawangkhbna 64 000 tn mirawangkhbnaetmthi 69 988 tn thaihepnaebbchneruxpracybanthiihythisudaelaepneruxpracybanthiihythisudethathiekhymikarsrangma punihyhlkinaebbepnpunkhnad 460 mm 9 krabxk aebngepn 3 pxm pxmla 3 krabxksungminahnkmakkwaeruxphikhatinyukhkhristthswrrsthi 1930 aebbidrbkarxnumtixyangrwderwcakphubngkhbbycharadbsungkhxngkxngthpheruxckrwrrdiyipun miesiyngkhdkhancanwnmakcaknkbinkhxngkxngthpheruxsungtxngkarihsrangeruxbrrthukxakasyanmakkwathicasrangeruxpracyban inthaythisud eruxpracybanchnyamaotamiaephnkarcasrangthngsin 5 laeruxinchnthungaemwacamikarwangaephnsrangeruxpracybanchnyamaotaiwthngsin 5 lain kh s 1937 aetksrangesrcsmburnephiyng 3 laodyepneruxpracyban 2 laaelaeruxbrrthukxakasyan 1 la karsrangeruxthngsamepnkhwamlbsudyxdephuxpxngknimihecahnathikhawkrxngkhxngxemrikaruthungkardarngxyuaelakhxmullksnakhxngerux inkhxethccringaelw sankkhawkrxngthhareruxkhxngshrthxemrikaruaetephiyngchuxkhxng yamaota aela musachi intxnplaykhxngpi kh s 1942 inchwngaerknismmtithankhxngsankkhawkrxnginlksnaraylaexiydkhxngeruxkhxnkhangiklcakkhwamcringmak phwkekhakhadedakhwamyawkhxngeruxidthuktxng khadkhaenkhwamkwangiw 110 fut kwangcring 127 fut aelarawangkhbna 40 000 57 000 tn khwamepncring 69 000 tn nxkcakniyngkhadwapxmpunhlkkhxngeruxpracybanchnyamaotathng 9 krabxkmikhnad 16 niwsungkwacaruthungkhwamcringkthungplayeduxnkrkdakhm kh s 1945 sieduxnhlngcakyamaotaxbpang thng aelasuxtawntkidraynganthunglksnaeruxphidphlad ineduxnknyayn kh s 1944 Jane s Fighting Ships idlngraykarrawangkhbnakhxngyamaotaaelamusachiepn 45 000 tn thng niwyxrkithms aela Associated Press kehmuxnknraynganwaeruxthngsxngmirawangkhbna 45 000 tn khwamerw 30 nxt aemhlngehtukarnkarxbpangkhxngyamaotaineduxnemsayn kh s 1945 edxaithms khxngkrunglxndxnyngkhngihkhxmulwamirawangkhbna 45 000 tn xyangirktam kardarngxyukhxngeruxaelasmmutithankhxngkhxmuleruxmixiththiphltxwiswkrkhxngkxngthpheruxxemrikaepnxyangmakinkarxxkaebberuxpracybanchnmxnthanathng 5 lasungsrangkhunephuxtxtanxanackaryingkhxngeruxpracybanchnyamaota yamaota yamaota khnathakaraelnthdsxbinpi kh s 1941 yamaotaidrbkarsngtxeruxineduxnminakhm kh s 1937 wangemuxwnthi 4 phvscikayn kh s 1937 plxylngnaemuxwnthi 8 singhakhm kh s 1940 aelakhunrawanginwnthi 16 thnwakhm kh s 1941 eruxidthakarfuksxmcnkrathng 27 minakhm kh s 1942 emuxphleruxexk xiosrkkhu yamaomot ehnsmkhwrwaeruxsamarthekhaptibtikaridaelw odyekhaxyuinsngkdhmwderuxpracybanthi 1 ineduxnmithunayn kh s 1942 rahwangyuththnawimidewyyamaotaidthahnathiepneruxthngkhxngkxngeruxphsmaehngkxngthpheruxckrwrrdiyipunaetklbimidekharwmtxsukbkxngkalngkhasukelyinrahwangsngkhram sxngpitxma eruxyamaotaaelaeruxmusachisungepneruxinchnediywknidichewlaswnmakcxdxyuthithanthpheruxthrukaelakhueraepnraya musachiidklayepneruxthngkhxngkxngeruxphsmaethnthiyamaota inrahwangchwngewlani yamaotasungepnswnhnungkhxnghmwderuxpracybanthi 1 idmioxkashlaykhrnginkarekharwmtxtankarocmtithanthphkhxngyipunbnekaacakeruxbrrthukxakasyanshrth inwnthi 25 thnwakhm kh s 1943 eruxidrbkhwamesiyhayxyangmakcaktxrpioddwyfimuxkhxngeruxdana yuexsexs sekhth USS Skate thaihtxnghnhwklbipyngkhueraephuxsxmaesmaelaphthnaokhrngsrangihdikhun inpi kh s 1944 hlngidrbkartidtngpuntxsuxakasyancanwnmakaelaprbprunghmupunrxng yamaotaidekharwmkxngeruxthi 2 inyuththnawithaelfilippin thahnathikhumkhrxnghmwderuxbrrthukxakasyankhxngyipun ineduxntulakhm kh s 1944 thiyuththkarxawelyet eruxidichpunihypracaeruxkbstruepnkhrngaerkaelakhrngediyw eruxsamarthchwycmeruxbrrthukekhruxngbinkhumkn yuexsexs aekmebiyr eby USS Gambier Bay aelaeruxphikhat yuexsexs cxnhstn USS Johnston kxnthikxngkalngphakhklangcathxntwcakkarrb khwamesiyhayelknxythikhueraineduxnminakhm kh s 1945 thaiheruxidrbkarprbprungxawuthtxsuxakasyanihm yamaotacmlnginwnthi 7 emsayn kh s 1945 odyekhruxngbincakeruxbrrthukxakasyanxemrikarahwangptibtikarethngong thuktxrpiodthnghmd 10 luk lukraebid 7 lukkxnthicacmlng lukerux 2 498 naycak 2 700 naysuyhay rwmthungphleruxoth esxichi xiot Seiichi Itō karxbpangkhxngyamaotathukmxngwaepnchychnathisakhykhxngchawxemrikn aela hansn dbebilyu baldwin Hanson W Baldwin brrnathikarthangthharkhxng niwyxrkithms ekhiyniwwa karcmkhxngyamaota eruxpracybanlaihmkhxngyipun epnkhxphisucnthinaprathbicthungkhwamxxnaexkhxngyipunthnginxakasaelainthael musachi musachi khnaxxkcakbruinineduxntulakhm kh s 1944 musachiidrbkarsngtxeruxineduxnminakhm kh s 1937 wangkraduknguemuxwnthi 29 minakhm kh s 1938 plxylngnaemuxwnthi 1 phvscikayn kh s 1940 aelakhunrawanginwnthi 5 singhakhm kh s 1942 rahwangeduxnknyaynthungeduxnthnwakhm kh s 1942 eruxidthakarsxmrbphiwnaaelatxtanxakasyanthihachiracima Hashirajima inwnthi 11 kumphaphnth kh s 1943 musachiidkhunepneruxthngkhxngkxngeruxphsmaethnthiyamaotasungepneruxinchnediywkn musachiidekhluxnyayipmatamthanthpheruxthruk oyaokasuka bruin aelakhuera cnkrathngpi kh s 1944 inwnthi 29 minakhm kh s 1944 eruxprasbkhwamesiyhayiklkbhweruxcaktxrpiodthiyingcakeruxdanashrth yuexsexs thnni USS Tunny hlngcakekhasxmaesmaelaprbprungtlxdthngeduxnemsayn kh s 1944 musachiidekharwmhmwderuxpracybanthi 1 inoxakinawa ineduxnmithunayn kh s 1944 musachiekhaepnswnhnungkhxngkxngeruxthi 2 mihnathikhumkneruxbrrthukxakasyankhxngyipuninrahwangyuththnawithaelfilippin ineduxntulakhm kh s 1944 eruxidxxkcakbruinipkbkxngkalngphakhklangkhxngphleruxexk thaekaoxa Takeo Kurita ekhasuyuththkarxawelyet musachixbpangemuxwnthi 24 tulakhm inrahwangyuththnawithaelsibuyn cakraebid 17 lukaelatxrpiod 19 luk lukeruxtayaelasuyhay 1 023 naycak 2 399 nay chinaona chinaona ineduxnphvscikayn kh s 1944 chinaonaaetedimkhuxeruxrbhmayelkh 110 wangkraduknguepnlathi 3 inchneruxpracybanyamaota mikarprbprungaebbelknxy khwamhnakhxngekraaldlngelknxycakaebbdngedimsungprakxbipdwy ekraakhanglaerux dadfa aelapxmpun karldnahnkkhxngeruxnithaihsamarthprbprungswnxunidephimkhun imwacaepnswnpxngknkhxngswnkhwbkhumkaryingaelataaehnngefarawng nxkcaknipunihyrxngidepliynepnpunchnid 98 khnadlaklxng 10 sm 65 10 cm 65 caliber Type 98 aethnpunkhnad 12 7 sm thiichbneruxpracybanchnyamaotathisrangkhun 2 laaerk aemwacamikhnadelkkwa aetkmiskyphaphsungkwapun 127 mm inaengkhwamerwpaklaklxng rayayingsungsud ephdanyingtxtanxakasyan aelaxtrakaryingepnxyangmak ineduxnmithunayn kh s 1942 hlngcakyipunphayaephthimidewy karsrangchinaonathukrangbaelaidmikarsrangtweruxihmepneruxbrrthukxakasyanthilaelkthilanxy eruxidrbkarxxkaebbihepneruxsnbsnunkhnad 64 800 tnthimikhwamsamarthinkarkhnsng sxmaesm aelaetimechuxephlingihaekkxngbinkhxngeruxbrrthukxakasyanlaxun aemwaaetedimcamikahndkariheruxkhunrawangintxntnpi kh s 1945 aetkarkxsrangidthukerngiherwkhunhlngyuththkarthaelfilippin dwyehtunichinaonacungidplxylngnaemuxwnthi 5 tulakhm kh s 1944 aelakhunrawanginwnthi 19 phvscikaynsungepnewlaephiyngeduxnkwahlngcakmikarplxylngna chinaonaxxkedinthangcakoyaokasukaephuxipkhuera 9 wntxma intxnechakhxngwnthi 29 phvscikayn chinaonaodnocmtidwytxrpiod 4 lukcakeruxdana yuexsexs xarechxr fich aemcaduehmuxnwakhwamesiyhaythiekidkhuncacdkarid aetkarkhwbkhumnathithwmineruxklbyaaeyepnehtuiheruxexiyngipthangkrabkhwa ephiyngewlasnkxnethiyngwn eruxkphlikkhwaaelaxbpanglng naexalukerux 1 435 naycak 2 400 naycmipkberuxdwy cnthungthukwnni chinaonaepneruxrbkhnadihythisudthiodnocmtiaelacmlngodyeruxdana eruxrbhmayelkh 111 aela 797 eruxrbhmayelkh 111 epneruximmichux wangaephnsrangepnlathi 4 ineruxpracybanchnyamaotaaelaepneruxlathi 2 ichaebbtamchinaonathiidrbkarprbprung eruxidwangkraduknguhlngcakplxyyamaotalngnaineduxnsinghakhm kh s 1940 aelakxsrangipcnkrathngeduxnthnwakhm kh s 1941 emuxyipunerimmikhathamthungokhrngkarsrangeruxhlwngthimikhwamthaeyxthayannikbkarmathungkhxngsngkhram thrphyakrthicaepninkarsrangeruxcaklayepnsingthiidmayak epnphliheruxlathi 4 sungsrangesrcephiyng 30 thukaeykchinswninpi kh s 1942 wsduthiidnaipprbprungeruxpracyban xiesa aela ehiywka ipepneruxlukphsmrahwangeruxpracybanaelaeruxbrrthukxakasyan eruxlathi 5 eruxrbhmayelkh 797 miaephnthicasrangtamaebbkhxngchinaonaaetimidsrang imekhyaemaetcaidwangkradukngu nxkcakniinaebberux 797 idmikarprbepliynexapunkraberuxkhnad 155 mm xxkaelaephimpunkhnad 100 mm lngipaethn pramanknwamipunkhnadnipraman 24 krabxk yamaotathiprbprungthaysudinpi kh s 1944 mibangswnthiprbprungkhlaykbaebbkhxngeruxnilksnaxawuthyuththphnth puntxtanxakasyanthangkrabsaykhxngaebbcalxngyamaotathiphiphithphnthyamaotainkhuera aemwaxawuthyuththphnthkhxngeruxpracybanchnyamaotainaebbxyangepnthangkaraetedimcaepnpunkhnad 40 sm laklxng 45 15 9 niw aebb 94 aetkhwamepncringaelwklbepnpunkhnad 46 sm laklxng 45 18 1 niw sungmikhnadihythisudthisamarthtidtngineruxrbid rwmthngsinsampxm aetlapxmhnk 2 774 tn punaetlakrabxkyaw 21 13 m 69 3 fut hnk 147 3 emtriktn 145 0 tn krasunthiichepnkrasunecaaekraaraebidaerngsungyingidiklthung 42 0 kiolemtr 26 1 iml thixtraying 1 thung 2 ndtxnathi punhlkyngsamarthyingkrasuntxtanxakasyan Shiki tsujodan Common Type 3 krasunrwmaebb 3 hnk 1 360 kg 3 000 pxnd id saychnwnthuktngewlaihraebidemuxyingxxkipidiklephiyngphx thwipcatngiwthirayahang 1 000 emtr 1 100 hla emuxraebid krasuncaaetkxxkcaklayepnchinehlkcanwnmak aelaplxyhlxdthibrrcuraebidephlingcanwn 900 chin epnrupthrngkrwyhnipthangxakasyanthibinekhama hlxdcalukihmepnewla 5 winathithixunhphumi 3 000 C 5 430 F kxncakracayepneplwephlingiprxb ikl 5 emtr 16 fut aemcamisdswnthung 40 khxngkrasunhlkbneruxinpi kh s 19443 chiki suocadng klbimkhxyidichephuxtxtanxakasyanfaystrunk ephraacaekidkhwamesiyhaythilaklxngpunhlkemuxyingdwykrasunchnidni mikarraebidkxnewlakhxngkrasunchnidniaelathaihpunhlkkrabxkhnungkhxngeruxmusachiimsamarthichnganidrahwangyuththnawithaelsibuyn krasuncasrangmanephlingephuxihxakasyanthiekhaocmtiimsamarthbinphanid xyangirktam nkbinfayshrthehnwamnepndxkimifmakkwaxawuthtxtanxakasyan inaebbthangwiswkrrmedim pxmpunrxngkhxngeruxpracybanchnyamaotaprakxbdwypun 6 1 niw 15 sm 12 krabxk tidtnginpxmpun 4 pxm pxmla 3 krabxk hwerux 1 krabxk thayerux 1 krabxk aelaklanglaerux 2 krabxk aelapunkhnad 5 niw 13 sm 12 krabxk tidtnginpxmpun 6 pxm pxmla 2 krabxk klanglaeruxfngla 3 krabxk nxkcaknieruxpracybanchnyamaotayngtidtngpuntxsuxakasyan 1 niw 2 5 sm 24 krabxkklanglaerux inpi kh s 1944 eruxyamaotaidrbkarprbprungpuntxsuxakasyanephimetimepnphiess odyepliynpunrxngepnpun 6 1 niw 15 sm 6 krabxk pun 5 niw 13 sm 24 krabxk aelapuntxsuxakasyan 1 niw 2 5 sm 162 krabxk ephuxetriymphrxmsahrbptibtikarinxawelyet xawuthyuththphnthkhxngeruxchinaonatangipcakeruxinchnenuxngcakeruxidrbkarddaeplng inthanathiepneruxbrrthukxakasyanthithukxxkaebbmaephuxrbbthbathinkarsnbsnun cungmikartidtngpuntxsuxakasyanmakepnphiess punbneruxprakxbdwy pun 5 niw 13 sm 16 krabxk puntxsuxakasyankhnad 1 niw 2 5 sm 125 krabxk aelacrwdtxsuxakasyan 336 lukinthanyingcrwdlaklxng 5 niw 13 sm 28 laklxng 12 than punehlaniimekhyidichtxsukberuxhruxxakasyanfaystruely ekraa cakkarxxkaebbephuxihsamarthtxsukberuxpracybanfaykhasukidphrxmknthilahlayla yamaotacungidrbkartidtngekraaolhahnadngthixthibayodynkprawtisastrnawi markh sthill Mark Stille wa epnradbkarpxngknthiimmiikhrethiybethainkartxsuknsunghna ekraahlkkhanglaeruxhna 410 mm aelayngmiphnngknhna 355 mm thdmacakekraakhanglaerux nxkcakni ruprangkhxngtweruxdanbnmikhwamkawhnainkarxxkaebbepnxyangmak lksnathiokhngipdankhangkhxngekraannepnkarpxngknthimiprasiththiphaphsungsudaelaihokhrngsrangthiaekhngaekrnginkhnathiidnahnkthiehmaasm ekraakhxngpxmpunhlknnhnakwaekraakhanglaerux dwykhwamhnathung 650 mm aephnekraakraberuxaelapxmpunhlkthacakehlkthaaekhngaebbwikekxs Vickers sungepnekraaolhaphiwhnaaekhng ekraadadfahna 75 mm thamacakolhaphsmnikekil okhremiym omlibdinm cakkarthdsxbwithikrasunthisthanthithdlxnginkhaemngabuki Kamegabuki phisucnwadadfathiepnolhaphsmnnehnuxkwaaephnolhawikekxsenuxediyw 10 15 aelayngephimdwykarxxkaebbswnphsmrahwangokhremiymaelanikekilinolhaphsm primannikekilthisungnnsamarththaihaephnolhasamarthmwnngxodyimekidkaraetkhkkhun mikarnakarechuxmolhaaebbkarechuxmxarkhsungepnkarechuxmolhaaebbihminsmynnmaichkberuxinchn ephuxephimkhwamaekhngaerngthnthanihkbekraachnnxk dwyethkhnikhni ekraakhangswnlangcungidrbkarephimekhaipepnswnhnungkhxngeruxsungepnphlcakkarsuksawithikrasunkhxng Tosa aelakrasunchnidihmaebb 91 khxngyipunthisamarthekhluxntwipinnaidikl aelayngichesrimsrangkhwamaekhngaekrngihkbtweruxthnghmd emuxrwmaelw eruxchnyamaotaprakxbipdwyhxngphnukna 1 147 hxng sung 1 065 hxngxyuitekraadadfaerux xyangirktam ekraakhxngeruxchnyamaotayngkhngmicudxxnthirayaernghlaycud sungepnehtuiheruxinchnxbpanglnginpi kh s 1944 45 odyechphaaxyangying cudrxytxrahwangkraberuxlangaelakraberuxbn thiklaymaepncudxxnitesnaenwnathixxnihwtxkarocmtidwytxrpiodcakekhruxngbin nxkcaknieruxyngmicudxxnthangokhrngsrangbriewnhwerux sungmiekraabangkwapkti twerux chinaona miokhrngsrangxxnaexthisud mikartidtngekraanxyaelaimmihxngphnuknaemuxewlaeruxxbpang karkhbekhluxn eruxpracybanchnyamaotatidtnghmxnaaebbkhmpng 12 hmxsungcaipkhbknghnixna 4 knghn aetlaknghncatidtngibckrthimiesnphasunyklang 6 emtr aehlngkalngnithaiheruxpracybanchnyamaotamikhwamerwsungsud 27 nxt 50 km chm sungaesdngepnkalngid 147 948 aerngma 110 325 kW khwamsamarththangkhwamerwkhxngeruxpracybanchnyamaotathaihkarrwmkhbwnkberuxbrrthukxakasyanerwnnmikhidcakd nxkcaknixtrakarsinepluxngnamnechuxephlingkhxngeruxpracybanthngsxngxyuinradbsungmak nikhuxehtuphlhlkthiimidicheruxniinrbrahwangchwngkarthphhmuekaaosolmxnhruxkarrbinrahwangchwng island hopping kbkraodd inchwngpi kh s 1943 thungtxntnkhxngpi kh s 1944 rabbkhbekhluxnkhxngchinaonamikarprbprungihdikhunelknxy odymikhwamerwsungsud 28 nxt 52 km chm eruxpracybanchn supepxryamaota mikarxxkaebberuxpracybanihmsxnglaihmikhnadihykwaeruxpracybanchnyamaotaephuxichinaephnkxngerux 1942 aebberuxpracybanihmdngklaweriykwa ex 150 epnaebbthiichsrangeruxrbhmayelkh 178 aelaeruxrbhmayelkh 179 aebb ex 150 iderimxxkaebbthnthihlngaebbkhxngeruxpracybanchnyamaotaesrcsinraw pi kh s 1938 39 singphunthaninaebbthangwiswkrrmidrbkarxxkaebbesrcsininpi kh s 1941 aetrupaebbsngkhramidklayepnkarsurbbnesnkhxbfaaethn thaihkarsrangeruxpracybanhyudchangklngephuxsrangeruxrbthiepnthitxngkarkxn echn eruxbrrthukxakasyan aelaeruxladtraewn aetkarsuyesiyeruxbrrthukxakasyan 4 lainyuththnawimidewy cak 10 lakhxngkxngthpheruxyipuninkhnann thaihkarsrangeruxhyudlngxyangthawr inhnngsuxelmthi 3 khxnghnngsuxchud Battleships eruxpracyban Axis and Neutral Battleships in World War II eruxpracybanxksaaelafayepnklanginsngkhramolkkhrngthi 2 phuaetng wileliym exch karskhi William H Garzke aela orebirt ox dbblin Robert O Dulin yunynwaeruxniepn eruxpracybanthithrngxanacmakthisudinprawtisastr ephraahmupunhlkmikhnadihyotthung 510 mm 20 niw aelamixawuthtxtanxakasyancanwnmak khlayknkbkrnieruxpracybanchnyamaota exksarswnmakaelaaebbthangwiswkrrmthnghmdthukthalayephuxpxngknkarthukyudemuxsinsudsngkhram aetkyngmikhxmulhlngehluxihthrabidwaaebbsudthaykhxngeruxmixanackaryingehnuxkwa aelamipunkrabxkihykwaeruxchnyamaota dwyhmupunhlkkhnad 500 mm 20 niw 6 krabxk inpxmpunaephd 3 pxm aelapuntxtanxakasyankhnad 100 mm 3 9 niw canwnmak eruxkinnalukethakberuxyamaotakhnathimiekraakhanghnathung 460 mm 18 niw xiththiphltxsilpwthnthrrmphueyiymchm phiphithphnthyamaota kalngchmaebbcalxngxtraswn 1 10 khxngeruxpracyban cakerimkxsrangcnthungpccubn yamaota aela musachi idklayepnsingthiaesdngxxkinechingwthnthrrmthimichuxesiyngkhxngyipun odyechphaayamaota emuxkxsrangesrcsin eruxidepntwaethnthungkhwamepnelisthangwiswkrrmkhxngkxngthpheruxckrwrrdiyipun nxkcaknithngcakkhnad khwamerw xanackaryingkhxngeruxthngsxnglaaesdngthungkhwammungmnkhxngpraethsyipunaelakhwamphrxmthicapkpxngphlpraoychnkhxngtncakmhaxanactawntkodyechphaaxyangyingpraethsshrthxemrikaxyangepnrupthrrm chiengru fukuodmi Shigeru Fukudome esnathikarpracaswnptibtikarkhxngkxngesnathikarkxngthpheruxckrwrrdiyipun brryaythungeruxthngsxnglawa epndngsylksnthangxanackhxngkxngthpheruxthicdetriymiwihaekthharaelakhwamechuxmnxyangthisudinkxngthpheruxkhxngphwkekha eruxngrawkhxngyamaota odyechphaaxyangyingeruxngkarxbpangkhxngerux idpraktbxykhrnginsilpwthnthrrmthiidrbkhwamniymkhxngyipun echn xniemaeruxng eruxrbxwkasyamaota phaphyntrinpi kh s 2005 eruxng yamaot phikhatyuththkar aelaphaphyntrinpi kh s 2011 eruxng 2199 yamaotkuckrwal Space Battleship Yamato phaphlksninechingwthnthrrmthiidrbkhwamniym odypktiaelwcaaesdnginrupaebbpharkicsudthaykhxngerux ineruxngkhwamklahay khwamesiyslaaetkirpraoychn epnsylksnkhxngkhwamphyayamkhxngthhareruxchawyipunthicapkpxngbanekidkhxngphwkekha ehtuphlhnungthixacthaiheruxrbnimikhwamsakhyinwthnthrrmyipunkhuxchux yamaota nn bxykhrngthukichinbthkwiephuxichaethnpraethsyipun dngnnkarxbpangkhxngeruxpracybaneruxrbxwkasyamaotasamarthxupmaidthungkarsinsudkhxngckrwrrdiyipunduephimeruxbrrthukekhruxngbinchnochkaku eruxladtraewnpracybanchnkhngong eruxladtraewnchnthakhaoxa eruxpracybanchnnangaota eruxpracybanchnfuos wikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb eruxpracybanchnyamaotaechingxrrth tn inbthkhwamniimichemtriktn aetepn Long ton thimikhnadethakb 2 240 pxnd 1 016 kk yxnklbippi kh s 1933 nkbinaehngkxngthpheruxckrwrrdiyipun rwmthungphleruxexk xiosrkkhu yamaomot esnxwakarpxngkncakkarocmtikhxngeruxbrrthukxakasyanshrthxemrikathidithisud khuxkxngeruxbrrthukxakasyanimichkxngeruxpracyban xyangirktam emuxkarotaeyngxyangrunaerngidepidchak phleruxexkxawuosfayxnurksniymyngkhngechuxinkhwamechuxdngedimxyangaenwaenineruxpracybanwaepneruxrbhlkinkxngeruxodysnbsnunkarsrangkhxng eruxpracybanchnyamaota duephim Reynolds pp 5 6 krasunmichuxelnwa The Beehive rwngphung du DiGiulian Tony 23 April 2007 Japanese 40 cm 45 18 1 Type 94 46 cm 45 18 1 Type 94 Navweaps com subkhnemux 23 March 2009 xangxingKwiatkowska K B Skwiot M Z Geneza budowy japonskich pancernikow typu Yamato Morza Statki i Okrety phasaopaelnd Warsaw Magnum X 2006 1 74 81 ISSN 1426 529X OCLC 68738127 Jackson p 74 Jackson p 74 Jentschura et al p 38 Schom p 270 Hackett Robert Kingsepp Sander Ahlberg Lars Yamato class Battleship Combined Fleet CombinedFleet com subkhnemux 25 October 2008 Muir Micheal 1990 Rearming in a Vacuum United States Navy Intelligence and the Japanese Capital Ship Threat 1936 1945 JSTOR access required The Journal of Military History Society for Military History 54 4 485 ISSN 1543 7795 OCLC 37032245 subkhnemux 7 March 2008 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a imruckpharamietxr month thuklaewn help Skulski p 8 Warships of the World The Times November 5 1948 p 2D Johnston and McAuley p 123 Friedman p 182 Garzke and Dulin p 4 5 Willmott p 32 Schom p 42 Willmott p 34 Gardiner and Gray p 229 Gardiner and Gray pp 229 231 234 Garzke and Dulin p 44 Willmott p 35 Schom p 43 Willmott p 22 Thurston Elliott January 2 1935 Fear is the Real Cause of Navy Treaty End The Washington Post p 7 Garzke and Dulin p 45 Willmott p 45 Garzke and Dulin pp 45 51 Garzke and Dulin pp 49 50 Hackett Robert Kingsepp Sander 6 June 2006 IJN YAMATO Tabular Record of Movement Combined Fleet CombinedFleet com subkhnemux 8 January 2009 Garzke and Dulin p 49 Garzke and Dulin p 50 Garzke and Dulin p 53 Johnston and McAuley p 122 Reynolds pp 5 6 Friedman p 308 Johnston and McAuley p 128 Tobin Richard October 1 1944 U S Navy Outnumbers Jap 10 to 1 The Washington Post p B1 Horneby George October 30 1944 4 Carriers Sunk The New York Times p 1 Japan s Biggest Warship Sunk The Times April 9 1945 p 3C W D Puleston The Armed Forces of the Pacific A Comparison of the Military and Naval Power of the United States and Japan New Haven Yale University Press 1941 pp 208 211 Willmott p 93 Willmott p 146 Reynolds p 156 Baldwin Hanson April 9 1945 Okinawa s Fate Sealed Sinking of Yamato Shows Japan s Fatal Air and Sea Weakness The New York Times p 12 Hackett Robert Kingsepp Sander 6 June 2006 IJN MUSASHI Tabular Record of Movement Combined Fleet CombinedFleet com subkhnemux 8 January 2009 Johnston and McAuley p 125 Steinberg p 56 Garzke and Dulin pp 74 75 Tully Anthony P 7 May 2001 IJN Shinano Tabular Record of Movement Combined Fleet CombinedFleet com subkhnemux 8 January 2009 Reynolds p 61 Preston p 91 Reynolds p 219 Reynolds p 284 Wheeler p 185 Garzke and Dulin p 99 Garzke and Dulin p 84 Johnston and McAuley p 124 Garzke and Dulin p 85 DiGiulian Tony 23 April 2007 Japanese 40 cm 45 18 1 Type 94 46 cm 45 18 1 Type 94 Navweaps com subkhnemux 23 March 2009 Jackson p 75 Johnston and McAuley p 123 each of the three main turrets weighed more than a good sized destroyer Steinberg p 54 Johnston and McAuley p 180 Jackson p 128 Tully Anthony P Shinano Combined Fleet CombinedFleet com subkhnemux 13 January 2009 Preston p 84 Stille p 37 Garzke and Dulin p 65 Fitzsimons Volume 24 p 2609 Garzke and Dulin p 94 Best Battleship Underwater Protection Combined Fleet CombinedFleet com subkhnemux 25 October 2008 Gardiner and Chesneau p 178 Garzake and Dulin pp 85 86 Evans and Peattie pp 298 378 IMDB com 1990 2009 Uchu senkan Yamato Internet Movie Database subkhnemux 26 March 2009 IMDB com 2005 Otoko tachi no Yamato Internet Movie Database subkhnemux 26 March 2009 Yoshida and Minear p xvii Evans and Peattie p 378 Skulski p 7brrnanukrmEvans David C Mark R 1997 Kaigun Strategy Tactics and Technology in the Imperial Japanese Navy 1887 1941 Annapolis Maryland ISBN 0 87021 192 7 OCLC 36621876 Fitzsimons Bernard b k 1977 The Illustrated Encyclopedia of 20th Century Weapons and Warfare London Phoebus OCLC 18501210 Friedman Norman 1985 U S Battleships An Illustrated Design History Annapolis Maryland Naval Institute Press ISBN 0 87021 715 1 OCLC 12214729 Garzke William H Dulin Robert O 1985 Battleships Axis and Neutral Battleships in World War II Annapolis Maryland Naval Institute Press ISBN 0 87021 101 3 OCLC 12613723 Gardiner Robert Chesneau Robert b k 1980 Conway s All the World s Fighting Ships 1922 1946 Annapolis Maryland Naval Institute Press ISBN 0 87021 913 8 OCLC 18121784 Gardiner Robert Gray Randal b k 1984 Conway s All the World s Fighting Ships 1906 1921 Annapolis Maryland Naval Institute Press ISBN 0 87021 907 3 OCLC 12119866 Jackson Robert 2000 The World s Great Battleships London Brown Books ISBN 1 89788 460 5 OCLC 45796134 Jentschura Hansgeorg Jung Dieter Mickel Peter 1977 Warships of the Imperial Japanese Navy 1869 1945 Annapolis Maryland Naval Institute Press ISBN 0 87021 893 X OCLC 3273325 Johnston Ian McAuley Rob 2000 The Battleships MBI Pub Co ISBN 0 7603 1018 1 OCLC 45329103 Preston Anthony 1999 The World s Great Aircraft Carriers From World War I to the Present London Brown Books ISBN 1 89788 458 3 OCLC 52800756 Reynolds Clark G 1968 The Fast Carriers The Forging of an Air Navy New York OCLC 448578 Schom Alan 2004 The Eagle and the Rising Sun The Japanese American War 1941 1943 Pearl Harbor through Guadalcanal New York ISBN 0 393 04924 8 OCLC 50737498 Skulski Janusz 1989 The Battleship Yamato Annapolis Maryland Naval Institute Press ISBN 0 87021 019 X OCLC 19299680 Steinberg Rafael 1980 Return to the Philippines New York ISBN 0 80942 516 5 OCLC 4494158 Stille Cdr Mark 2008 Imperial Japanese Navy Battleship 1941 1945 Oxford Osprey Publishing ISBN 978 1 84603 280 6 Wheeler Keith 1980 War Under the Pacific New York ISBN 0 8094 3376 1 Minear Richard H 1999 1985 Requiem for Battleship Yamato Annapolis Maryland Naval Institute Press ISBN 1 55750 544 6 OCLC 40542935 Yoshimura Akira 2008 Battleship Musashi The Making and Sinking of the World s Biggest Battleship Tokyo ISBN 4 7700 2400 2 OCLC 43303944