บทความนี้ไม่มีจาก |
เครื่องดนตรีไทยหลัก ๆ ได้แก่ ปี่ ซออู้ ซอด้วง ระนาด ฆ้อง จะเข้ ฉิ่ง ฉาบ กลองยาว โหม่ง และกรับ
ประวัติดนตรีไทย
เครื่องดนตรีไทยเกิดจากชนชาติไทยเองและการเลียนแบบชนชาติอื่นที่อยู่ใกล้ชิดโดยเริ่มตั้งแต่สมัยโบราณที่ไทยตั้งถิ่นฐานอยู่ในอาณาจักรฉ่องหวู่ดินแดนของประเทศจีนในปัจจุบัน ทำให้เครื่องดนตรีไทยและจีนมีการแลกเปลี่ยนเลียนแบบกัน นอกจากนี่ยังมีเครื่องดนตรีอีกหลายชนิด ที่ชนชาติไทยประดิษฐ์ขึ้นใช้ก่อนที่จะมาพบวัฒนธรรมอินเดีย ซึ่งแพร่หลายอยู่ทางตอนใต้ของแหลมอินโดจีน สำหรับชื่อเครื่องดนตรีดั้งเดิมของไทยจะเรียนตามคำโดดในภาษาไทย เช่น เกราะ โกร่ง กรับ ฉิ่ง ฉาบ ขลุ่ย พิณเปี๊ยะ ซอ ฆ้องและกลอง ต่อมาได้มีการประดิษฐ์เครื่องดนตรีให้พัฒนาขึ้น โดยนำไม้ที่ทำเหมือนกรับหลายอันมาวางเรียงกันได้เครื่องดนตรีใหม่ เรียกว่าระนาดหรือนำฆ้องหลาย ๆ ใบมาทำเป็นวงเรียกว่า ฆ้องวง เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานกับวัฒนธรรมทางดนตรีของอินเดีย มอญ เขมร ในแหลมอินโดจีนที่ไทยได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ ได้แก่ พิณ สังข์ ปี่ไฉน บัณเฑาะว์ กระจับปี่ จะเข้ โทน(ทับ) เป็นต้น ต่อมาเมื่อมีความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ไทยได้นำบทเพลงและเครื่องดนตรีบางอย่างของประเทศเพื่อนบ้านมาบรรเลงในวงดนตรีไทย เช่น กลองแขกของชวา กลองมลายูของมลายู เปิงมางของมอญ และกลองยาวของไทยใหญ่ที่พม่านำมาใช้ รวมทั้งขิม ม้าล่อ และกลองจีน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีของจีน เป็นต้น ต่อมาไทยมีความสัมพันธ์ชาวกับตะวันตกและอเมริกา ก็ได้นำกลองฝรั่ง เช่นกลองอเมริกัน และเครื่องดนตรีอื่น ๆ เช่น ไวโอลีน ออร์แกน มาใช้บรรเลงในวงดนตรีของไทย
จากประวัติเครื่องดนตรีไทยดังกล่าว สามารถแบ่งประวัติศาสตร์ของเครื่องดนตรีไทยได้เป็น 4 สมัย ดังนี้
สมัยสุโขทัย
ชาวไทยมีความสนุกสนานกับการเล่นดนตรีและร้องเพลงกันมากดังที่ปรากฏในหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงฯหลักที่ 1 ว่า "ดบงคมกลอง ด้วยเสียงพาทย์ เสียงพิณ เสียงเลื้อน เสียงขับ ใครจักมักเล่น เล่น ใครจักมักหัว หัว ใครจักมักเลื้อน เลื้อน" ซึ่งแสดงถึงการบรรเลงเครื่องดนตรีประเภทตี เป่า ดีด และสี คือ กลอง ปี่ พิณ และเครื่องดนตรีทีมีสายไว้สีได้ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานของล้านนาไทยที่มีศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยกันในหลักศิลาจารึกในวัดพระยืน จังหวัดลำพูน ที่จารึกไว้ว่า "ให้ถือกระทงข้างตอกดอกไม้ไต้เทียน ตีพาทย์ดังพิณฆ้องกลอง ปี่สรไนพิสเนญชัยทะเทียดกาหลแตรสังมาลย์กังสดาล มรทงค์ดงเดือด เสียงเลิศเสียงก้อง อีกทั้งคนร้องโห่อื้อดาสรท้านทั่งทั้งนครหริภุญชัย แล" ซึ่งแสดงถึงเครื่องดนตรีบรรเลงในวงดนตรี และประชาชนนำมาเล่นเพื่อความสนุกสนานครึกครื้นกัน ดังนั้นจึงสามารถกล่าวถึงเครื่องดนตรีไทยในสมัยสุโขทัยได้จากวงดนตรีไทยในสมัยนั้น ได้แก่ วงแตรสังข์ ที่ใช้บรรเลงในพระราชพิธีต่าง ๆ ประกอบด้วยเครื่องดนตรีแตรฝรั่ง แตรงอน ปี่ไฉนแก้ว กลองชนะ บัณเฑาะว์ และมโหระทึก วงปี่พาทย์เครื่องห้าประกอบด้วย ปี่ใน ฆ้องวง ตะโพน สังข์ กลองทัด และฉิ่ง นอกจากนี้ยังมีเครื่องดนตรีเช่น พิณ และซอสามสาย อยู่ในสมัยนั้นอีกด้วย
สมัยอยุธยา
เป็นช่วงที่บ้านเมืองมีศึกสงครามอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ดนตรีไทยไม่เจริญก้าวหน้ามากนัก ยังคงมีเครื่องดนตรีในวงปี่พาทย์ เครื่องห้าเท่าเดิม จนมาเพิ่มระนาดเอกภายหลังในตอนปลายสมัยอยุธยา ส่วนวงดนตรีที่เกิดขึ้นในสมัยนั้น ได้แก่ วงมโหรี ที่บรรเลงโดยผู้หญิง เพื่อขับกล่อมถวายแด่พระมหากษัตริย์ ประกอบด้วยเครื่องดนตรี กระจับปี่ ซอสามสาย โทน(ทับ) กรับ รำมะนา ขลุ่ยและฉิ่ง แต่ต่อมาได้นำจะเข้ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีของมอญมาประสมแทนกระจับปี่ เพื่อให้ทำนองได้ละเอียดลออและไพเราะกว่า และวงเครื่องสาย ประกอบด้วยเครื่องดนตรี ซอด้วง ซออู้ จะเข้ ขลุ่ย โทน(ทับ) และฉิ่ง
สมัยธนบุรี
มีวงดนตรี 3 ประเภท เช่นเดียวกับสมัยอยุธยา คือ วงปี่พาทย์ วงมโหรี และวงเครื่องสาย แต่มีเครื่องดนตรีของชาติต่างๆ เข้ามาในประเทศไทยหลายชนิด ดังปรากฏในหมายกำหนดการของพระมหากษัตริย์ในสมัยนั้นว่า “ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิณพาทย์ไทย พิณพาทย์รามัญ มโหรีไทย ฝรั่ง มโหรีญวน เขมร ผลัดเปลี่ยนกันสมโภช 2 เดือนกับ 12 วัน” ในงานสมโภชพระแก้วมรกตเป็นต้น
เนื่องจากในสมัยนี้เป็นช่วงระยะเวลาอันสั้นเพียงแค่ 15 ปี และประกอบกับเป็นสมัยแห่งการก่อร่างสร้างเมือง และการป้องกันประเทศเสียโดยมาก วงดนตรีไทยในสมัยนี้จึงไม่ปรากฏหลักฐานไว้ว่า ได้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงขึ้น สันนิษฐานว่า ยังคงเป็นลักษณะและรูปแบบของ ดนตรีไทย ในสมัยกรุงศรีอยุธยานั่นเอง
สมัยรัตนโกสินทร์
มีความก้าวหน้าทางดนตรีมาก เริ่มจากสมัยรัชกาลที่ 1 ได้เพิ่มกลองทัดขึ้นในวงปี่พาทย์เป็น 2 ลูก และเพิ่มระนาดในวงมโหรีปี่พาทย์อีก 1 ราง ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 2 เริ่มมีปี่พาทย์บรรเลงประกอบเสภา จึงได้นำเปิงมางมาติดข้างสุกถ่วงเสียงให้ต่ำลง เรียกว่าสองหน้า ใช้ประกอบการบรรเลงประกอบเสภา และได้เพิ่มฆ้องวงในวงมโหรีด้วย ในสมัยรัชกาลที่ 3 มีผู้สร้างระนาดทุ้มและฆ้องวงเล็กขึ้นมา ทำให้เกิดวงปี่พาทย์เครื่องคู่ขึ้นในสมัยนั้น ซึ่งประกอบด้วยเครื่องดนตรีระนาดทีเปลี่ยนชื่อเป็นระนาดเอก เพื่อให้เข้าคู่กับระนาดแบบใหม่ ที่เพิ่มราง 1 ราง และสร้างขนาดใหญ่เรียกว่า ระนาดทุ้ม และฆ้องวงใหญ่ เพื่อให้เข้าคู่กับฆ้องวงเล็กที่สร้าง ขนาดเล็กลงเรียกว่า ฆ้องวงเล็ก นอกจากนี่ยังมีการนำปี่นอกเข้ามาผสมเข้าคู่กับปี่ใน และเครื่องดนตรีเดิม คือ ตะโพน กลองทัดและฉิ่งเช่นเดิม รวมทั้งมีวงมโหรีเครื่องคู่เกิดขึ้น โดยมีการนำระนาดทุ้ม ฆ้องวงเล็ก และขลุ่ยหลีบ ให้เข้าคู่กับเครื่องดนตรีที่มีอยู่เดิม ในสมัยรัชกาลที่ 4 วงปี่พาทย์มีความเจริญมาก โดยเจ้านาย ขุนนาง ข้าราชการ ต่างก็มีวงปี่พาทย์ประจำบ้านกัน และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงพระราชดำริให้นำลวดเหล็กเล็ก ๆ ที่ทอดพระเนตรจากนาฬิกาตั้งโต๊ะที่กลไกข้างในมีลวดเส้น เล็ก ๆ สั้นบ้างยาวบ้าง ปักเรียงกันถี่ ๆ เป็นวงกลมคล้ายหวีตรงกลางมีแกนหมุนและเหล็กเขี่ยเส้นลวดเหล็กเหล่านั้นผ่านไปโดยรอบที่พระองค์ทรงเรียกว่า นาฬิกาเขี่ยหวี ซึ่งมีเสียงดังกังวานมาสร้าง เป็นระนาดทุ้มเหล็ก และระนาดเหล็กที่เล็กกว่าและมีเสียงสูงกว่า มาเพิ่มเข้าในวงปี่พาทย์ และเรียกวงปี่พาทย์นี้ว่า วงปี่พาทย์เครื่องใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเครื่องดนตรี ระนาดทุ้มเหล็กและระนาดเอกเหล็กที่ทำด้วยทองเหลืองเรียกว่า ระนาดทอง และนำซอด้วงและซออู้มาผสมในวงมโหรีด้วยเรียกว่า มโหรีเครื่องใหญ่ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เกิดวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ ที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้ทรงปรับปรุงขึ้นเพื่อบรรเลงประกอบละครวงปี่พาทย์นี้มีชื่อเสียงไพเราะนุ่มนวลกว่า เพราะได้ดัดเครื่องดนตรีที่มีเสียงดังมาก เสียงสูงและเสียงเล็กแหลมออกจนหมด และระนาดเอกก็ตีด้วยไม้นวม รวมทั้งยังนำฆ้องชัยหรือฆ้องหุ่ยมา 7 ลูก เทียบเสียงเรียงลำดับตีห่างๆ คล้ายกับ เบสของฝรั่ง เพิ่มเข้ามา ในสมัยรัชกาลที่ 6 การดนตรีมีความเจริญขึ้นมาก โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งกรมมหรสพ กรมบัญชาการ กรมโขนหลวง กรมพิณพาทย์หลวงกลองเครื่องสายฝรั่งหลวง และกรมช่างมหาดเล็ก สำหรับสร้างและซ่อมสิ่งที่เป็นศิลปะต่าง ๆ และพระองค์ยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเครื่องปี่พาทย์ประดับมุกและประดับงาขึ้น 2 ชุด ประดับเป็นลวดลายวิจิตร มีอักษรพระปรมาภิไธย ม.ว. ซึ่งงดงามมีค่ายิ่ง ในสมัยรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้งวงเครื่องสาย ส่วนพระองค์ขึ้น โดยพระองค์ทรงซอด้วง และพระบรมราชินีทรงซออู้ พร้อมทั้งเจ้านายอีกหลายพระองค์ อยู่ในวงนั้น นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงพระราชนิพนธ์ เพลงราตรีประดับดาว เถา เพลงเขมรละออองค์ เถา และเพลงคลื่นกระทบฝั่ง 3 ชั้น ต่อมาเมื่อหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี พ.ศ. 2475 การดนตรีไทยได้ค่อย ๆ เสื่อมลง จนมาถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปแล้ว จึงได้มีการฟื้นฟูดนตรีไทยขึ้นใหม่ จนมาถึงปัจจุบันนี้ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระปรีชาสามารถทางดนตรีสากล และพระราชนิพนธ์เพลงขึ้นหลายเพลงด้วย แต่พระองค์ยังทรงสนพระทัยการดนตรีไทย โดยพระราชทานทุน ให้พิมพ์เพลงไทยเป็นโน้ตสากลออกจำหน่ายจนเป็นที่นิยมของวงการดนตรีทั่วไป
เครื่องดนตรีไทยแบ่งตามภาคต่าง ๆ ของประเทศ
เครื่องดนตรีแต่ละภาคเป็นดนตรีพื้นบ้านที่ถ่ายทอดกันมาด้วยวาจาซึ่งเรียนรู้ผ่านการฟังมากกว่าการอ่าน และเป็นสิ่งที่พูดต่อกันมาแบบปากต่อปากโดยไม่มีการจดบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร จึงเป็นลักษณะการสืบทอดทางวัฒนธรรมของชาวบ้านตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นกิจกรรมการดนตรีเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดจากการทำงาน และช่วยสร้างสรรค์ความรื่นเริงบันทิงเป็นหมู่คณะและชาวบ้านในท้องถิ่นนั้น ซึ่งจะทำให้เกิดความรักสามัคคีกันในท้องถิ่นและปฏิบัติสืบทอดต่อมายังรุ่นลูกรุ่นหลาน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ทางพื้นบ้านของท้องถิ่นนั้น ๆ สืบต่อไป
เครื่องดนตรีของไทย สามารถแบ่งออกตามภูมิภาคต่าง ๆ ของไทยได้ ดังนี้
เครื่องดนตรีภาคกลาง
ประกอบด้วยเครื่องดนตรีประเภท ดีด สี ตี เป่า โดยเครื่องดีด ได้แก่ จะเข้และจ้องหน่อง เครื่องสี ได้แก่ ซอด้วงและซออู้ เครื่องตีได้แก่ ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ระนาดทอง ระนาดทุ้มเล็ก ฆ้อง โหม่ง ฉิ่ง ฉาบและกรับ เครื่องเป่า ได้แก่ ขลุ่ยและปี่ ลักษณะเด่นของเครื่องดนตรีภาคกลาง คือ วงปี่พาทย์ของภาคกลางจะมีการพัฒนาในลักษณะผสมผสานกับดนตรีหลวง โดยมีการพัฒนาจากดนตรีปี่และกลองเป็นหลักมาเป็นระนาดและฆ้องวงพร้อมทั้งเพิ่มเครื่องดนตรี มากขึ้นจนเป็นวงดนตรีที่มีขนาดใหญ่ รวมทั้งยังมีการขับร้องที่คล้ายคลึงกับปี่พาทย์ของหลวง ซึ่งเป็นผลมาจากการถ่ายโยงทางวัฒนธรรมระหว่างวัฒนธรรมราษฎร์และหลวง
เครื่องดนตรีภาคเหนือ
ในยุคแรกจะเป็นเครื่องดนตรีประเภทตี ได้แก่ ท่อนไม้กลวง ที่ใช้ประกอบพิธีกรรม ในเรื่องภูตผีปีศาจและเจ้าป่า เจ้าเขา จากนั้น ได้มีการพัฒนาโดยนำหนังสัตว์มาขึงที่ปากท่อนไม้กลวงไว้กลายเป็นเครื่องดนตรีที่เรียกว่ากลอง ต่อมามีการพัฒนารูปแบบของกลองให้แตกต่างออกไป เช่น กลองที่ขึงปิดด้วยหนังสัตว์เพียงหน้าเดียว ได้แก่ กลองรำมะนา กลองยาว กลองแอว และกลองที่ขึงด้วยหนังสัตว์ทั้งสองหน้า ได้แก่ กลองมองเซิง กลองสองหน้า และตะโพนมอญ(กลองเต่งถิ้ง) นอกจากนี้ยังมีเครื่องตีที่ทำด้วยโลหะ เช่น ฆ้อง ฉิ่ง ฉาบ ส่วนเครื่องดนตรีประเภทเป่า ได้แก่ ขลุ่ย ย่ะเอ้ ปี่แน ปี่มอญ ปีสรไน และเครื่องสี ได้แก่ สะล้อลูก 5 สะล้อลูก 4 และ สะล้อ 3 สาย และเครื่องดีด ได้แก่ พิณเพียะ ปินน่าน(พิณน่าน) และซึง 3 ขนาด คือ ซึงน้อย ซึงกลาง และซึงใหญ่ สำหรับลักษณะเด่นของเครื่องดนตรีภาคเหนือ คือ มีการนำเครื่องดนตรีประเภท ดีด สี ตี เป่า มาผสมวงกันให้มีความสมบูรณ์และไพเราะ โดยเฉพาะในด้านสำเนียงและทำนองที่พลิ้วไหวตามบรรยากาศ ความนุ่มนวลอ่อนละมุนของธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีการผสมทางวัฒนธรรมของชนเผ่าต่าง ๆ และยังเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมในราชสำนักทำให้เกิดการถ่ายโยง และการบรรเลงดนตรีได้ทั้งในแบบราชสำนักของคุ้มและวัง และแบบพื้นบ้านมีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น
เครื่องดนตรีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีวิวัฒนาการมายาวนานนับพันปี[] เริ่มจากในระยะต้น มีการใช้วัสดุท้องถิ่นมาทำเลียนเสียงจากธรรมชาติ ป่าเขา เสียงลมพัดใบไม้ไหว เสียงน้ำตก เสียงฝนตก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเสียงสั้นไม่ก้อง ในระยะต่อมาได้ใช้วัสดุพื้นเมืองจากธรรมชาติมาเป่า เช่น ใบไม้ ผิวไม้ ต้นหญ้าปล้องไม้ไผ่ ทำให้เสียงมีความพลิ้วยาวขึ้น จนในระยะที่ 3 ได้นำหนังสัตว์และเครื่องหนังมาใช้เป็นวัสดุสร้างเครื่องดนตรีที่มีความไพเราะและรูปร่างสวยงามขึ้น เช่น กรับ เกราะ ระนาด ฆ้อง กลอง โปง โหวด ปี่ พิณ โปงลาง แคน เป็นต้น โดยนำมาผสมผสานเป็นวงดนตรีพื้นบ้านภาคอีสานที่มีลักษณะเฉพาะตามพื้นที่ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มอีสานเหนือ และอีสานกลางจะนิยมดนตรีหมอลำที่มีการเป่าแคนและดีดพิณประสานเสียงร่วมกับการขับร้อง ส่วนกลุ่มอีสานใต้จะนิยมดนตรีกันตรึมซึ่งเป็นดนตรีบรรเลงที่ไพเราะของชาวอีสานใต้ที่มีเชื้อสายเขมร นอกจากนี้ยังมีวงพิณพาทย์และวงมโหรีด้วยชาวบ้านแต่ละกลุ่มก็จะบรรเลงดนตรีเหล่านี้กันเพื่อ ความสนุกสนานครื้นเครง ใช้ประกอบการละเล่น การแสดง และพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น ลำผีฟ้า ที่ใช้แคนเป่าในการรักษาโรค และงานศพแบบอีสานที่ใช้วงตุ้มโมงบรรเลง นับเป็นลักษณะเด่นของดนตรีพื้นบ้านอีสานที่แตกต่างจากภาคอื่น ๆ
เครื่องดนตรีภาคใต้
มีลักษณะเรียบง่าย มีการประดิษฐ์เครื่องดนตรีจากวัสดุใกล้ตัวซึ่งสันนิษฐานว่าดนตรีพื้นบ้านดั้งเดิมของภาคใต้น่าจะมาจากพวกเงาะซาไก ที่ใช้ไม้ไผ่ลำขนาด ต่าง ๆ กันตัดออกมาเป็นท่อนสั้นบ้างยาวบ้าง แลัวตัดปากของกระบอกไม้ไผ่ให้ตรงหรือเฉียงพร้อมกับหุ้มด้วยใบไม้หรือกาบของต้นพืช ใช้ตีประกอบการขับร้องและเต้นรำ จากนั้นก็ได้มีการพัฒนาเป็นเครื่องดนตรีแตร กรับ กลองชนิดต่าง ๆ เช่น รำมะนา ที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวมลายู กลองชาตรีหรือกลองตุ๊กที่ใช้บรรเลงประกอบการแสดงมโนรา ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย ตลอดจนเครื่องเป่าเช่น ปี่นอกและเครื่องสี เช่น ซอด้วง ซออู้ รวมทั้งความเจริญทางศิลปะการแสดงและดนตรีของเมืองนครศรีธรรมราช จนได้ชื่อว่าละคร ในสมัยกรุงธนบุรีนั้นล้วนได้รับอิทธิพลมาจากภาคกลางนอกจากนี้ยังมีการบรรเลงดนตรีพื้นบ้านภาคใต้ ประกอบการละเล่นแสดงต่างๆ เช่น ดนตรีโนรา ดนตรีหนังตะลุง ที่มีเครื่องดนตรีหลักคือ กลอง โหม่ง ฉิ่ง และเครื่องดนตรีประกอบผสมอื่น ๆ ดนตรีลิเกป่าที่ใช้เครื่องดนตรีรำมะนา โหม่ง ฉิ่ง กรับ ปี่ และดนตรีรองเง็ง ที่ได้รับแบบอย่างมาจากการเต้นรำของชาวสเปนหรือโปรตุเกสมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีการบรรเลงดนตรีที่ประกอบด้วย ไวโอลิน รำมะนา ฆ้อง หรือบางคณะก็เพิ่มกีต้าร์เข้าไปด้วย ซึ่งดนตรีรองเง็งนี้เป็นที่นิยมในหมู่ชาวไทยมุสลิมตามจังหวัดชายแดน ไทย- มาเลเซีย ดังนั้นลักษณะเด่นของดนตรีพื้นบ้านภาคใต้จะได้รับอิทธิพลมาจากดินแดนใกล้เคียงหลายเชื้อชาติ จนเกิดการผสมผสานเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะในเรื่องการเน้นจังหวะและลีลาที่เร่งเร้า หนักแน่น และคึกคัก เป็นต้นฯ
รายชื่อเครื่องดนตรีไทยแบ่งตามการบรรเลง
เครื่องดีด
เครื่องสี
เครื่องเป่า
- ขลุ่ย ได้แก่ ขลุ่ยหลิบ ขลุ่ยเพียงออ ขลุ่ยอู้ ()
- แคน
- ปี่ ได้แก่ ปี่นอก ปี่กลาง ปี่ใน ปี่ไฉน ปี่ชวา ปี่มอญ ปี่อ้อ ปี่จุม ปี่ภูไท
- โหวด
เครื่องตี
- กลองแขก
- กลองสะบัดชัย
- กลองสองหน้า
- กลองทัด
- กลองมลายู
- กลองยาว
- กลองมังคละ
- กรับ ได้แก่ , กรับพวง,
- ฆ้องวงเล็ก
- ฆ้องวงใหญ่
- ฉาบ ได้แก่ ฉาบเล็ก, ฉาบใหญ่ ฯลฯ
- ฉิ่ง
- ตะโพน ได้แก่ ตะโพนไทย, ตะโพนมอญ
- โทน
- โปงลาง
- ระนาดทุ้ม
- ระนาดทุ้มเหล็ก
- ระนาดเอก
- ระนาดเอกเหล็ก
- ระนาดแก้ว
- รำมะนา
- อังกะลุง
- เปิงมาง
- โหม่ง
- บัณเฑาะว์
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
- The traditional music and instruments of Thailand
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir ekhruxngdntriithyhlk idaek pi sxxu sxdwng ranad khxng caekh ching chab klxngyaw ohmng aelakrbprawtidntriithyekhruxngdntriithyekidcakchnchatiithyexngaelakareliynaebbchnchatixunthixyuiklchidodyerimtngaetsmyobranthiithytngthinthanxyuinxanackrchxnghwudinaednkhxngpraethscininpccubn thaihekhruxngdntriithyaelacinmikaraelkepliyneliynaebbkn nxkcakniyngmiekhruxngdntrixikhlaychnid thichnchatiithypradisthkhunichkxnthicamaphbwthnthrrmxinediy sungaephrhlayxyuthangtxnitkhxngaehlmxinodcin sahrbchuxekhruxngdntridngedimkhxngithycaeriyntamkhaoddinphasaithy echn ekraa okrng krb ching chab khluy phinepiya sx khxngaelaklxng txmaidmikarpradisthekhruxngdntriihphthnakhun odynaimthithaehmuxnkrbhlayxnmawangeriyngknidekhruxngdntriihm eriykwaranadhruxnakhxnghlay ibmathaepnwngeriykwa khxngwng epntn nxkcakniyngmikarphsmphsankbwthnthrrmthangdntrikhxngxinediy mxy ekhmr inaehlmxinodcinthiithyidyayiptngthinthanxyu idaek phin sngkh piichn bnethaaw kracbpi caekh othn thb epntn txmaemuxmikhwamsmphnthkbpraethsephuxnbanmakkhun ithyidnabthephlngaelaekhruxngdntribangxyangkhxngpraethsephuxnbanmabrrelnginwngdntriithy echn klxngaekhkkhxngchwa klxngmlayukhxngmlayu epingmangkhxngmxy aelaklxngyawkhxngithyihythiphmanamaich rwmthngkhim malx aelaklxngcin sungepnekhruxngdntrikhxngcin epntn txmaithymikhwamsmphnthchawkbtawntkaelaxemrika kidnaklxngfrng echnklxngxemrikn aelaekhruxngdntrixun echn iwoxlin xxraekn maichbrrelnginwngdntrikhxngithy cakprawtiekhruxngdntriithydngklaw samarthaebngprawtisastrkhxngekhruxngdntriithyidepn 4 smy dngni smysuokhthy chawithymikhwamsnuksnankbkarelndntriaelarxngephlngknmakdngthipraktinhlksilacarukphxkhunramkhaaehnghlkthi 1 wa dbngkhmklxng dwyesiyngphathy esiyngphin esiyngeluxn esiyngkhb ikhrckmkeln eln ikhrckmkhw hw ikhrckmkeluxn eluxn sungaesdngthungkarbrrelngekhruxngdntripraephthti epa did aelasi khux klxng pi phin aelaekhruxngdntrithimisayiwsiid nxkcakniyngmihlkthankhxnglannaithythimisilpwthnthrrmrwmsmykninhlksilacarukinwdphrayun cnghwdlaphun thicarukiwwa ihthuxkrathngkhangtxkdxkimitethiyn tiphathydngphinkhxngklxng pisrinphisenychythaethiydkahlaetrsngmalykngsdal mrthngkhdngeduxd esiyngelisesiyngkxng xikthngkhnrxngohxuxdasrthanthngthngnkhrhriphuychy ael sungaesdngthungekhruxngdntribrrelnginwngdntri aelaprachachnnamaelnephuxkhwamsnuksnankhrukkhrunkn dngnncungsamarthklawthungekhruxngdntriithyinsmysuokhthyidcakwngdntriithyinsmynn idaek wngaetrsngkh thiichbrrelnginphrarachphithitang prakxbdwyekhruxngdntriaetrfrng aetrngxn piichnaekw klxngchna bnethaaw aelamohrathuk wngpiphathyekhruxnghaprakxbdwy piin khxngwng taophn sngkh klxngthd aelaching nxkcakniyngmiekhruxngdntriechn phin aelasxsamsay xyuinsmynnxikdwy smyxyuthya epnchwngthibanemuxngmisuksngkhramxyutlxdewla cungthaihdntriithyimecriykawhnamaknk yngkhngmiekhruxngdntriinwngpiphathy ekhruxnghaethaedim cnmaephimranadexkphayhlngintxnplaysmyxyuthya swnwngdntrithiekidkhuninsmynn idaek wngmohri thibrrelngodyphuhying ephuxkhbklxmthwayaedphramhakstriy prakxbdwyekhruxngdntri kracbpi sxsamsay othn thb krb ramana khluyaelaching aettxmaidnacaekhsungepnekhruxngdntrikhxngmxymaprasmaethnkracbpi ephuxihthanxngidlaexiydlxxaelaipheraakwa aelawngekhruxngsay prakxbdwyekhruxngdntri sxdwng sxxu caekh khluy othn thb aelaching smythnburi miwngdntri 3 praephth echnediywkbsmyxyuthya khux wngpiphathy wngmohri aelawngekhruxngsay aetmiekhruxngdntrikhxngchatitang ekhamainpraethsithyhlaychnid dngpraktinhmaykahndkarkhxngphramhakstriyinsmynnwa thrngphrakrunaoprdekla ihphinphathyithy phinphathyramy mohriithy frng mohriywn ekhmr phldepliynknsmophch 2 eduxnkb 12 wn inngansmophchphraaekwmrktepntn enuxngcakinsmyniepnchwngrayaewlaxnsnephiyngaekh 15 pi aelaprakxbkbepnsmyaehngkarkxrangsrangemuxng aelakarpxngknpraethsesiyodymak wngdntriithyinsmynicungimprakthlkthaniwwa idmikarphthnaepliynaeplngkhun snnisthanwa yngkhngepnlksnaaelarupaebbkhxng dntriithy insmykrungsrixyuthyannexng smyrtnoksinthr khnalakhraelawngpiphathyithysmyrtnoksinthr mikhwamkawhnathangdntrimak erimcaksmyrchkalthi 1 idephimklxngthdkhuninwngpiphathyepn 2 luk aelaephimranadinwngmohripiphathyxik 1 rang txmainsmyrchkalthi 2 erimmipiphathybrrelngprakxbespha cungidnaepingmangmatidkhangsukthwngesiyngihtalng eriykwasxnghna ichprakxbkarbrrelngprakxbespha aelaidephimkhxngwnginwngmohridwy insmyrchkalthi 3 miphusrangranadthumaelakhxngwngelkkhunma thaihekidwngpiphathyekhruxngkhukhuninsmynn sungprakxbdwyekhruxngdntriranadthiepliynchuxepnranadexk ephuxihekhakhukbranadaebbihm thiephimrang 1 rang aelasrangkhnadihyeriykwa ranadthum aelakhxngwngihy ephuxihekhakhukbkhxngwngelkthisrang khnadelklngeriykwa khxngwngelk nxkcakniyngmikarnapinxkekhamaphsmekhakhukbpiin aelaekhruxngdntriedim khux taophn klxngthdaelachingechnedim rwmthngmiwngmohriekhruxngkhuekidkhun odymikarnaranadthum khxngwngelk aelakhluyhlib ihekhakhukbekhruxngdntrithimixyuedim insmyrchkalthi 4 wngpiphathymikhwamecriymak odyecanay khunnang kharachkar tangkmiwngpiphathypracabankn aelaphrabathsmedcphrapineklaecaxyuhwyngthrngphrarachdariihnalwdehlkelk thithxdphraentrcaknalikatngotathiklikkhanginmilwdesn elk snbangyawbang pkeriyngknthi epnwngklmkhlayhwitrngklangmiaeknhmunaelaehlkekhiyesnlwdehlkehlannphanipodyrxbthiphraxngkhthrngeriykwa nalikaekhiyhwi sungmiesiyngdngkngwanmasrang epnranadthumehlk aelaranadehlkthielkkwaaelamiesiyngsungkwa maephimekhainwngpiphathy aelaeriykwngpiphathyniwa wngpiphathyekhruxngihy nxkcakniyngmikarephimekhruxngdntri ranadthumehlkaelaranadexkehlkthithadwythxngehluxngeriykwa ranadthxng aelanasxdwngaelasxxumaphsminwngmohridwyeriykwa mohriekhruxngihy insmyrchkalthi 5 idekidwngpiphathydukdabrrph thismedcphraecabrmwngsethxecafakrmphrayanrisranuwdtiwngs epnphuthrngprbprungkhunephuxbrrelngprakxblakhrwngpiphathynimichuxesiyngipheraanumnwlkwa ephraaidddekhruxngdntrithimiesiyngdngmak esiyngsungaelaesiyngelkaehlmxxkcnhmd aelaranadexkktidwyimnwm rwmthngyngnakhxngchyhruxkhxnghuyma 7 luk ethiybesiyngeriyngladbtihang khlaykb ebskhxngfrng ephimekhama insmyrchkalthi 6 kardntrimikhwamecriykhunmak odyphrabathsmedcphramngkuteklaecaxyuhw thrngtngkrmmhrsph krmbychakar krmokhnhlwng krmphinphathyhlwngklxngekhruxngsayfrnghlwng aelakrmchangmhadelk sahrbsrangaelasxmsingthiepnsilpatang aelaphraxngkhyngoprdekla ihsrangekhruxngpiphathypradbmukaelapradbngakhun 2 chud pradbepnlwdlaywicitr mixksrphraprmaphiithy m w sungngdngammikhaying insmyrchkalthi 7 phrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhwthrngtngwngekhruxngsay swnphraxngkhkhun odyphraxngkhthrngsxdwng aelaphrabrmrachinithrngsxxu phrxmthngecanayxikhlayphraxngkh xyuinwngnn nxkcakni phraxngkhyngthrngphrarachniphnth ephlngratripradbdaw etha ephlngekhmrlaxxxngkh etha aelaephlngkhlunkrathbfng 3 chn txmaemuxhlngkarepliynaeplngkarpkkhrxng inpi ph s 2475 kardntriithyidkhxy esuxmlng cnmathunghlngsngkhramolkkhrngthi 2 ipaelw cungidmikarfunfudntriithykhunihm cnmathungpccubnniinrchkalphrabathsmedcphraecaxyuhw kthrngphraprichasamarththangdntrisakl aelaphrarachniphnthephlngkhunhlayephlngdwy aetphraxngkhyngthrngsnphrathykardntriithy odyphrarachthanthun ihphimphephlngithyepnontsaklxxkcahnaycnepnthiniymkhxngwngkardntrithwipekhruxngdntriithyaebngtamphakhtang khxngpraethsekhruxngdntriaetlaphakhepndntriphunbanthithaythxdknmadwywacasungeriynruphankarfngmakkwakarxan aelaepnsingthiphudtxknmaaebbpaktxpakodyimmikarcdbnthukiwepnlaylksnxksr cungepnlksnakarsubthxdthangwthnthrrmkhxngchawbantngaetxditeruxymacnthungpccubn sungepnkickrrmkardntriephuxphxnkhlaykhwamtungekhriydcakkarthangan aelachwysrangsrrkhkhwamruneringbnthingepnhmukhnaaelachawbaninthxngthinnn sungcathaihekidkhwamrksamkhkhikninthxngthinaelaptibtisubthxdtxmayngrunlukrunhlan cnklayepnexklksnthangphunbankhxngthxngthinnn subtxip ekhruxngdntrikhxngithy samarthaebngxxktamphumiphakhtang khxngithyid dngni ekhruxngdntriphakhklang prakxbdwyekhruxngdntripraephth did si ti epa odyekhruxngdid idaek caekhaelacxnghnxng ekhruxngsi idaek sxdwngaelasxxu ekhruxngtiidaek ranadexk ranadthum ranadthxng ranadthumelk khxng ohmng ching chabaelakrb ekhruxngepa idaek khluyaelapi lksnaednkhxngekhruxngdntriphakhklang khux wngpiphathykhxngphakhklangcamikarphthnainlksnaphsmphsankbdntrihlwng odymikarphthnacakdntripiaelaklxngepnhlkmaepnranadaelakhxngwngphrxmthngephimekhruxngdntri makkhuncnepnwngdntrithimikhnadihy rwmthngyngmikarkhbrxngthikhlaykhlungkbpiphathykhxnghlwng sungepnphlmacakkarthayoyngthangwthnthrrmrahwangwthnthrrmrasdraelahlwng ekhruxngdntriphakhehnux wngdntrisalxsxsungemuxnglbael inyukhaerkcaepnekhruxngdntripraephthti idaek thxnimklwng thiichprakxbphithikrrm ineruxngphutphipisacaelaecapa ecaekha caknn idmikarphthnaodynahnngstwmakhungthipakthxnimklwngiwklayepnekhruxngdntrithieriykwaklxng txmamikarphthnarupaebbkhxngklxngihaetktangxxkip echn klxngthikhungpiddwyhnngstwephiynghnaediyw idaek klxngramana klxngyaw klxngaexw aelaklxngthikhungdwyhnngstwthngsxnghna idaek klxngmxngesing klxngsxnghna aelataophnmxy klxngetngthing nxkcakniyngmiekhruxngtithithadwyolha echn khxng ching chab swnekhruxngdntripraephthepa idaek khluy yaex piaen pimxy pisrin aelaekhruxngsi idaek salxluk 5 salxluk 4 aela salx 3 say aelaekhruxngdid idaek phinephiya pinnan phinnan aelasung 3 khnad khux sungnxy sungklang aelasungihy sahrblksnaednkhxngekhruxngdntriphakhehnux khux mikarnaekhruxngdntripraephth did si ti epa maphsmwngknihmikhwamsmburnaelaipheraa odyechphaaindansaeniyngaelathanxngthiphliwihwtambrryakas khwamnumnwlxxnlamunkhxngthrrmchati nxkcakniyngmikarphsmthangwthnthrrmkhxngchnephatang aelayngechuxmoyngkbwthnthrrminrachsankthaihekidkarthayoyng aelakarbrrelngdntriidthnginaebbrachsankkhxngkhumaelawng aelaaebbphunbanmiexklksnechphaathin ekhruxngdntriphakhtawnxxkechiyngehnux miwiwthnakarmayawnannbphnpi txngkarxangxing erimcakinrayatn mikarichwsduthxngthinmathaeliynesiyngcakthrrmchati paekha esiynglmphdibimihw esiyngnatk esiyngfntk sungswnihycaepnesiyngsnimkxng inrayatxmaidichwsduphunemuxngcakthrrmchatimaepa echn ibim phiwim tnhyaplxngimiph thaihesiyngmikhwamphliwyawkhun cninrayathi 3 idnahnngstwaelaekhruxnghnngmaichepnwsdusrangekhruxngdntrithimikhwamipheraaaelaruprangswyngamkhun echn krb ekraa ranad khxng klxng opng ohwd pi phin opnglang aekhn epntn odynamaphsmphsanepnwngdntriphunbanphakhxisanthimilksnaechphaatamphunthi 3 klum khux klumxisanehnux aelaxisanklangcaniymdntrihmxlathimikarepaaekhnaeladidphinprasanesiyngrwmkbkarkhbrxng swnklumxisanitcaniymdntrikntrumsungepndntribrrelngthiipheraakhxngchawxisanitthimiechuxsayekhmr nxkcakniyngmiwngphinphathyaelawngmohridwychawbanaetlaklumkcabrrelngdntriehlaniknephux khwamsnuksnankhrunekhrng ichprakxbkarlaeln karaesdng aelaphithikrrmtang echn laphifa thiichaekhnepainkarrksaorkh aelangansphaebbxisanthiichwngtumomngbrrelng nbepnlksnaednkhxngdntriphunbanxisanthiaetktangcakphakhxun ekhruxngdntriphakhit milksnaeriybngay mikarpradisthekhruxngdntricakwsduikltwsungsnnisthanwadntriphunbandngedimkhxngphakhitnacamacakphwkengaasaik thiichimiphlakhnad tang kntdxxkmaepnthxnsnbangyawbang aelwtdpakkhxngkrabxkimiphihtrnghruxechiyngphrxmkbhumdwyibimhruxkabkhxngtnphuch ichtiprakxbkarkhbrxngaelaetnra caknnkidmikarphthnaepnekhruxngdntriaetr krb klxngchnidtang echn ramana thiidrbxiththiphlmacakchawmlayu klxngchatrihruxklxngtukthiichbrrelngprakxbkaraesdngmonra sungidrbxiththiphlmacakxinediy tlxdcnekhruxngepaechn pinxkaelaekhruxngsi echn sxdwng sxxu rwmthngkhwamecriythangsilpakaraesdngaeladntrikhxngemuxngnkhrsrithrrmrach cnidchuxwalakhr insmykrungthnburinnlwnidrbxiththiphlmacakphakhklangnxkcakniyngmikarbrrelngdntriphunbanphakhit prakxbkarlaelnaesdngtang echn dntrionra dntrihnngtalung thimiekhruxngdntrihlkkhux klxng ohmng ching aelaekhruxngdntriprakxbphsmxun dntriliekpathiichekhruxngdntriramana ohmng ching krb pi aeladntrirxngengng thiidrbaebbxyangmacakkaretnrakhxngchawsepnhruxoprtueksmatngaetsmyxyuthya odymikarbrrelngdntrithiprakxbdwy iwoxlin ramana khxng hruxbangkhnakephimkitarekhaipdwy sungdntrirxngengngniepnthiniyminhmuchawithymuslimtamcnghwdchayaedn ithy maelesiy dngnnlksnaednkhxngdntriphunbanphakhitcaidrbxiththiphlmacakdinaedniklekhiynghlayechuxchati cnekidkarphsmphsanepnexklksnechphaathiaetktangcakphakhxun odyechphaaineruxngkarenncnghwaaelalilathierngera hnkaenn aelakhukkhk epntnraychuxekhruxngdntriithyaebngtamkarbrrelngekhruxngdid kracbpi caekh sung phinephiya phinnaeta ihsxngekhruxngsi sx idaek sxsamsay sxdwng sxxu salx ruxbbekhruxngepa khluy idaek khluyhlib khluyephiyngxx khluyxu aekhn pi idaek pinxk piklang piin piichn pichwa pimxy pixx picum piphuith ohwdekhruxngti klxngaekhk klxngsabdchy klxngsxnghna klxngthd klxngmlayu klxngyaw klxngmngkhla krb idaek krbphwng khxngwngelk khxngwngihy chab idaek chabelk chabihy l ching taophn idaek taophnithy taophnmxy othn opnglang ranadthum ranadthumehlk ranadexk ranadexkehlk ranadaekw ramana xngkalung epingmang ohmng bnethaawxangxingaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb ekhruxngdntriithy The traditional music and instruments of Thailand bthkhwamekhruxngdntriithyniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmul duephimthisthaniyxy dntridk