ระนาดเอกเป็นเครื่องตีชนิดหนึ่ง ที่วิวัฒนาการมาจากกรับ แต่เดิมคงใช้กรับสองอันตีเป็นจังหวะ ต่อมาก็เกิดความคิดว่า ถ้าเอากรับหลาย ๆ อันวางเรียงราดลงไป แล้วแก้ไขประดิษฐ์ให้มีขนาดลดหลั่นกัน แล้วทำรางรองอุ้มเสียง และใช้เชือกร้อยไม้กรับขนาดต่าง ๆ กันนั้นให้ติดกัน และขึงไว้บนรางใช้ไม้ตีให้เกิดเสียง นำตะกั่วผสมกับขี้ผึ้งมาถ่วงเสียงโดยนำมาติดด้านล่างของไม้กรับทั้งสองฝั่งนั้น ให้เกิดเสียงไพเราะยิ่งขึ้น เรียกไม้กรับที่ประดิษฐ์เป็นขนาดต่างๆกันนั้นว่า ลูกระนาด เรียกลูกระนาดที่ผูกติดกันเป็นแผ่นเดียวกันว่า ผืน บรรเลงในวงปี่พาทย์และวงมโหรี โดยระนาดเอกนี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องนำในวงนั้นๆ
ลักษณะทั่วไป
ส่วนประกอบหลักๆของระนาดเอก มี 3 ส่วน ได้แก่ ผืน ราง และไม้ตี
ส่วนที่ 1)ผืน ประกอบด้วยลูกระนาด ซึ่งทำด้วย ไม้ชิงชัน หรือไม้แก่น เช่น ก็ได้ ผืนระนาดไม้เนื้อแข็ง เสียงจะแกร่ง และดังคมชัดเหมาะสำหรับบรรเลงในวงปี่พาทย์ไม้แข็ง ส่วนผืนระนาดที่ทำจากไม้ไผ่จะให้เสียงที่นุ่มนวล เหมาะสำหรับวงปี่พาทย์ไม้นวมและวงปี่พาทย์ผสมเครื่องสาย ลูกระนาดมีทั้งหมด 21-22 ลูก โดยลูกที่ 22 มีชื่อเรียกว่า ลูกหลีก,ลูกหลิบหรือลูกยอด ที่ท้องของลูกระนาดจะคว้านและใช้ขี้ผึ้งผสมกับตะกั่วถ่วงเพื่อให้เกิดความแตกต่างระหว่างเสียง โดยเสียงจากผืนระนาดขึ้นอยู่กับส่วนประกอบ 3 ส่วนด้วยกันคือ ส่วนแรก ขึ้นอยู่กับขนาดใหญ่-เล็ก ของไม้ที่ใช้ทำ ส่วนที่สอง ขึ้นอยู่กับการคว้านท้องไม้ลูกระนาดว่ามาก-น้อยเพียงใด ส่วนที่สามขึ้นกับปริมาณมาก-น้อยของตะกั่วที่ถ่วงใต้ลูกระนาดแต่ละลูก ลูกระนาดทั้งหมดจะถูกเจาะรูเพื่อร้อยเชือก และแขวนบนรางระนาด
ส่วนที่ 2)ราง เป็นส่วนที่เป็นกล่องเสียงของระนาด ทำให้หน้าที่อุ้มเสียง นิยมทำด้วยไม้สักและทาด้วยน้ำมันขัดเงา ปัจจุบันการใช้ระนาดที่ทำด้วยไม้และทาด้วยน้ำมันลดความนิยมลง นักดนตรีนิยมใช้รางระนาดที่แกะสลักลวดลายไทยและลงรักปิดทองเพื่อความสวยงาม บางโอกาส อาจมีการฝังมุก ประกอบงา ซึ่งราคาก็จะสูงตามไปด้วย จากการรณรงค์พิทักษ์สัตว์ป่าที่มีอยู่ทั่วไป รางประกอบงาจึงไม่ได้รับความนิยม รูปร่างระนาดเอกคล้ายเรือบดแต่โค้งเรียวกว่า ตรงกลางของส่วนโค้งมีเท้าที่ใช้สำหรับตั้ง เป็นเท้าเดียวคล้ายพานแว่นฟ้า ปลายทั้งสองข้างของส่วนโค้งเรียกว่า โขน จะมีขอสำหรับห้อยผืนระนาดข้างละ 2 อัน
ส่วนที่ 3)ไม้ระนาด เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้เกิดเสียงโดยตรง มี 2 ชนิด คือ ไม้แข็ง และไม้นวม ไม้แข็งพันด้วยผ้าอย่างแน่น และชุบด้วยยางรักจนเกิดความแข็งเมื่อตีจะมีเสียงดัง และคมชัด เหมาะกับวงปี่พาทย์ไม้แข็ง วงปี่พาทย์มอญ และวงปี่พาทย์นางหงส์ ส่วนไม้นวม เป็นไม้ตีระนาดที่พันด้วยผ้า และใช้ด้ายรัดหลาย ๆ รอบเพื่อความสวยงาม มีเสียงนุ่มนวล บรรเลงในวงปี่พาทย์ไม้นวม วงมโหรี(ทุกส่วนประกอบจะมีขนาดเล็กกว่า) และวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์
ขนาดของระนาดเอก ลูกต้นมีขนาด 39 ซม กว้างราว 5 ซม และหนา 1.5 ซม มีขนาดลดหลั่นลงไปจนถึงลูกที่ 21 หรือลูกยอดที่มีขนาด 29 ซม เมื่อนำผืนระนาด มาแขวนบนรางแล้ว หากวัดจากโขนหัวรางข้างหนึ่งไปยังโขนหัวรางอีกข้างหนึ่ง จะมีความยาวประมาณ 120 ซม
การฝึกหัดบรรเลง
ท่านั่ง
ท่านั่งที่นิยมในการบรรเลงระนาดเอกมี 2 ลักษณะ คือ การนั่งขัดสมาธิ และนั่งพับเพียบ โดยท่านั่งแบบขัดสมาธิถือเป็นท่านั่งที่เหมาะสมสำหรับการบรรเลงระนาดเอกมากที่สุด เพราะเป็นท่านั่งที่มีความเป็นธรรมชาติ มีความสะดวก ผ่อนคลาย ก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบรรเลงได้ดีที่สุด
การจับไม้
ให้ก้านของไม้ระนาดอยู่ในร่องของอุ้งมือ นิ้วทุกนิ้วช่วยควบคุมการจับไม้ มือทั้งสองคว่ำลง ข้อศอกทำมุมฉาก ตำแหน่งแขนซ้ายและขวาขนานกัน ตำแหน่งของนิ้วอาจแตกต่างกันบ้าง แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ
การจับแบบปากกา
ตำแหน่งของนิ้วชี้อยู่บนไม้ระนาด การเริ่มฝึกหัดระนาดเอกควรฝึกหัดโดยลักษณะนี้ ซึ่งนอกจากมีความงดงามแล้วยังมีความสะดวกและมีประสิทธิภาพสูงในการสร้างเสียง
การจับแบบปากไก่
ตำแหน่งของนิ้วชี้จะตกไปอยู่ด้านตรงข้ามกับนิ้วหัวแม่มือ ก้านของไม้ระนาดอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางระหว่างปลายนิ้วกับข้อบนของนิ้ว
การจับแบบปากนกแก้ว
ตำแหน่งของก้านไม้ระนาดอยู่ในตำแหน่งเส้นข้อนิ้วของข้อบน
ตำแหน่งของเสียง
เมื่อเปรียบเทียบระนาดเอกกับเครื่องดนตรีไทยชนิดอื่น ระนาดเอกเป็นเครื่องดนตรีที่มีระดับเสียงมากที่สุด โดยมีจำนวน 21-22 ระดับเสียง ความที่มีจำนวนระดับเสียงถึง 21-22 เสียง ทำให้มีความกว้างของระดับเสียงครอบคลุมถึง 3 ช่วงทบเสียง ส่งผลให้การเดินทำนองของเสียงเป็นไปอย่างไม่ซ้ำซากจำเจอยู่ที่ช่วงระดับเสียงใดเสียงหนึ่ง
หลักการตีระนาด
หลักปฏิบัติทั่วไป
1. ตีตรงกลางลูกระนาด
2. การเคลื่อนของมือ โดยที่มือซ้ายและมือขวาต้องอยู่ในแนวขนานกัน ตำแหน่งของหัวไม้อยู่กึ่งกลางลูกระนาด และเอียงตามทิศทางของผืนระนาด
3. การยกไม้ เสียงของระนาดเอกจะดังมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับพลังในการตี ควรยกไม้ระนาดให้สูงจากผืนระนาดประมาณ 6 นิ้วสำหรับตีฉาก และ 2 นิ้วสำหรับตีสิม
4. น้ำหนักมือ ต้องลงน้ำหนักของมือซ้ายและมือขวาให้เท่ากัน
ลักษณะการตีระนาด
1.ตีฉาก
2.ตีสิม
3.ตีครึ่งข้อครึ่งแขน
4.ตีข้อ
วิธีการตีระนาด
1.การเก็บ
2.ตีกรอ
3.ตีสะบัด
4.ตีรัว
5.ตีกวาด
6.ตีขยี้
นักระนาดเอกที่มีชื่อเสียง
1. (ขุนเณร)
2.
3.
4.
5. พระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน)
6. พระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์)
7. หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)
8. (โสม สุวาทิต)
9. (เงิน ผลารักษ์)
10.
อ้างอิง
- แนะนำเครื่องดนตรีไทย จากเว็บดนตรีไทย.คอม
- [1] 2011-01-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จากเว็บสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
ranadexkepnekhruxngtichnidhnung thiwiwthnakarmacakkrb aetedimkhngichkrbsxngxntiepncnghwa txmakekidkhwamkhidwa thaexakrbhlay xnwangeriyngradlngip aelwaekikhpradisthihmikhnadldhlnkn aelwtharangrxngxumesiyng aelaichechuxkrxyimkrbkhnadtang knnnihtidkn aelakhungiwbnrangichimtiihekidesiyng natakwphsmkbkhiphungmathwngesiyngodynamatiddanlangkhxngimkrbthngsxngfngnn ihekidesiyngipheraayingkhun eriykimkrbthipradisthepnkhnadtangknnnwa lukranad eriyklukranadthiphuktidknepnaephnediywknwa phun brrelnginwngpiphathyaelawngmohri odyranadexknithahnathiepnekhruxngnainwngnnranadexklksnathwipswnprakxbhlkkhxngranadexk mi 3 swn idaek phun rang aelaimti swnthi 1 phun prakxbdwylukranad sungthadwy imchingchn hruximaekn echn kid phunranadimenuxaekhng esiyngcaaekrng aeladngkhmchdehmaasahrbbrrelnginwngpiphathyimaekhng swnphunranadthithacakimiphcaihesiyngthinumnwl ehmaasahrbwngpiphathyimnwmaelawngpiphathyphsmekhruxngsay lukranadmithnghmd 21 22 luk odylukthi 22 michuxeriykwa lukhlik lukhlibhruxlukyxd thithxngkhxnglukranadcakhwanaelaichkhiphungphsmkbtakwthwngephuxihekidkhwamaetktangrahwangesiyng odyesiyngcakphunranadkhunxyukbswnprakxb 3 swndwyknkhux swnaerk khunxyukbkhnadihy elk khxngimthiichtha swnthisxng khunxyukbkarkhwanthxngimlukranadwamak nxyephiyngid swnthisamkhunkbprimanmak nxykhxngtakwthithwngitlukranadaetlaluk lukranadthnghmdcathukecaaruephuxrxyechuxk aelaaekhwnbnrangranad swnthi 2 rang epnswnthiepnklxngesiyngkhxngranad thaihhnathixumesiyng niymthadwyimskaelathadwynamnkhdenga pccubnkarichranadthithadwyimaelathadwynamnldkhwamniymlng nkdntriniymichrangranadthiaekaslklwdlayithyaelalngrkpidthxngephuxkhwamswyngam bangoxkas xacmikarfngmuk prakxbnga sungrakhakcasungtamipdwy cakkarrnrngkhphithksstwpathimixyuthwip rangprakxbngacungimidrbkhwamniym ruprangranadexkkhlayeruxbdaetokhngeriywkwa trngklangkhxngswnokhngmiethathiichsahrbtng epnethaediywkhlayphanaewnfa playthngsxngkhangkhxngswnokhngeriykwa okhn camikhxsahrbhxyphunranadkhangla 2 xn swnthi 3 imranad epnswnthiekiywkhxngkbkarihekidesiyngodytrng mi 2 chnid khux imaekhng aelaimnwm imaekhngphndwyphaxyangaenn aelachubdwyyangrkcnekidkhwamaekhngemuxticamiesiyngdng aelakhmchd ehmaakbwngpiphathyimaekhng wngpiphathymxy aelawngpiphathynanghngs swnimnwm epnimtiranadthiphndwypha aelaichdayrdhlay rxbephuxkhwamswyngam miesiyngnumnwl brrelnginwngpiphathyimnwm wngmohri thukswnprakxbcamikhnadelkkwa aelawngpiphathydukdabrrph khnadkhxngranadexk luktnmikhnad 39 sm kwangraw 5 sm aelahna 1 5 sm mikhnadldhlnlngipcnthunglukthi 21 hruxlukyxdthimikhnad 29 sm emuxnaphunranad maaekhwnbnrangaelw hakwdcakokhnhwrangkhanghnungipyngokhnhwrangxikkhanghnung camikhwamyawpraman 120 smkarfukhdbrrelngthanng thanngthiniyminkarbrrelngranadexkmi 2 lksna khux karnngkhdsmathi aelanngphbephiyb odythanngaebbkhdsmathithuxepnthanngthiehmaasmsahrbkarbrrelngranadexkmakthisud ephraaepnthanngthimikhwamepnthrrmchati mikhwamsadwk phxnkhlay kxihekidprasiththiphaphinkarbrrelngiddithisud karcbim ihkankhxngimranadxyuinrxngkhxngxungmux niwthukniwchwykhwbkhumkarcbim muxthngsxngkhwalng khxsxkthamumchak taaehnngaekhnsayaelakhwakhnankn taaehnngkhxngniwxacaetktangknbang aebngxxkepn 3 lksna khux karcbaebbpakka taaehnngkhxngniwchixyubnimranad karerimfukhdranadexkkhwrfukhdodylksnani sungnxkcakmikhwamngdngamaelwyngmikhwamsadwkaelamiprasiththiphaphsunginkarsrangesiyng karcbaebbpakik taaehnngkhxngniwchicatkipxyudantrngkhamkbniwhwaemmux kankhxngimranadxyuintaaehnngkungklangrahwangplayniwkbkhxbnkhxngniw karcbaebbpaknkaekw taaehnngkhxngkanimranadxyuintaaehnngesnkhxniwkhxngkhxbntaaehnngkhxngesiyngemuxepriybethiybranadexkkbekhruxngdntriithychnidxun ranadexkepnekhruxngdntrithimiradbesiyngmakthisud odymicanwn 21 22 radbesiyng khwamthimicanwnradbesiyngthung 21 22 esiyng thaihmikhwamkwangkhxngradbesiyngkhrxbkhlumthung 3 chwngthbesiyng sngphlihkaredinthanxngkhxngesiyngepnipxyangimsasakcaecxyuthichwngradbesiyngidesiynghnunghlkkartiranadhlkptibtithwip 1 titrngklanglukranad 2 karekhluxnkhxngmux odythimuxsayaelamuxkhwatxngxyuinaenwkhnankn taaehnngkhxnghwimxyukungklanglukranad aelaexiyngtamthisthangkhxngphunranad 3 karykim esiyngkhxngranadexkcadngmakhruxnxy khunxyukbphlnginkarti khwrykimranadihsungcakphunranadpraman 6 niwsahrbtichak aela 2 niwsahrbtisim 4 nahnkmux txnglngnahnkkhxngmuxsayaelamuxkhwaihethakn lksnakartiranad 1 tichak 2 tisim 3 tikhrungkhxkhrungaekhn 4 tikhx withikartiranad 1 karekb 2 tikrx 3 tisabd 4 tirw 5 tikwad 6 tikhyinkranadexkthimichuxesiyng1 khunenr 2 3 4 5 phrayaesnaaduriyangkh aechm sunthrwathin 6 phrayaprasanduriysphth aeplk prasansphth 7 hlwngpradisthipheraa sr silpbrrelng 8 osm suwathit 9 engin phlarks 10 xangxingaenanaekhruxngdntriithy cakewbdntriithy khxm 1 2011 01 19 thi ewyaebkaemchchin cakewbsankngankhnakrrmkarwthnthrrmaehngchati bthkhwamephlng dntri hrux ekhruxngdntriniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk