ในทางเรขาคณิต รูปสี่เหลี่ยมคางหมู คือรูปสี่เหลี่ยมชนิดหนึ่งที่มีด้านตรงข้ามขนานกันจำนวนหนึ่งคู่ รูปสี่เหลี่ยมคางหมู ABCD เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ที่สำเนียงอังกฤษและออสเตรเลียเรียกว่า trapezoid
รูปสี่เหลี่ยมคางหมู | |
---|---|
รูปสี่เหลี่ยมคางหมูรูปหนึ่ง | |
ชนิด | รูปสี่เหลี่ยม |
และจุดยอด | 4 |
พื้นที่ | |
สมบัติ | รูปหลายเหลี่ยมนูน |
นิยาม
มีข้อถกเถียงกันเกี่ยวกับจำนวนด้านที่ขนานกันในรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ปัญหาอยู่ที่ว่ารูปสี่เหลี่ยมด้านขนานซึ่งมีด้านขนานกันสองคู่ควรจัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูหรือไม่ ผู้แต่งตำรากลุ่มหนึ่ง นิยามว่ารูปสี่เหลี่ยมคางหมูเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่มีด้านขนานกัน เพียงหนึ่งคู่เท่านั้น โดยไม่นำรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานมารวม ราชบัณฑิตยสถานได้ให้นิยามของรูปสี่เหลี่ยมคางหมูไว้ว่า รูปสี่เหลี่ยมคางหมูคือรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานที่มีด้านขนานกันเพียงคู่เดียว และพจนานุกรมศัพท์วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ให้คำนิยามไว้ว่า รูปสี่เหลี่ยมคางหมูคือรูปสี่เหลี่ยมใด ๆ ที่มีด้านตรงข้ามขนานกันคู่หนึ่ง และคู่เดียวเท่านั้น
ผู้แต่งตำราอีกกลุ่มหนึ่ง นิยามว่ารูปสี่เหลี่ยมคางหมูเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่มีด้านขนานกัน อย่างน้อยหนึ่งคู่ ซึ่งทำให้รูปสี่เหลี่ยมด้านขนานเป็นกรณีพิเศษของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู (รวมไปถึงรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้วย) นิยามอย่างหลังสอดคล้องกับการใช้งานในคณิตศาสตร์ระดับสูงกว่าเช่นแคลคูลัส แนวคิดการประมาณด้วย (trapezoidal rule) ของปริพันธ์จำกัดเขตจะไม่สมบูรณ์หากใช้นิยามอย่างแรก
พื้นที่
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมคางหมูใด ๆ สามารถคำนวณได้จาก
เมื่อ a, b คือความยาวของด้านคู่ขนานและ h คือความสูงระหว่างด้านคู่ขนาน เมื่อประมาณ ค.ศ. 499 นักคณิตศาสตร์และนักดาราศาสตร์ชาวอินเดียชื่อ ได้ใช้วิธีการคำนวณนี้ในศาสตรนิพนธ์ (ตอนที่ 2.8) สูตรนี้เป็นผลได้มาจากกรณีพิเศษของสูตรพื้นที่รูปสามเหลี่ยมอันเป็นที่รู้จัก โดยพิจารณาว่ารูปสามเหลี่ยมคือภาวะลดรูปของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ซึ่งด้านที่ขนานกันด้านหนึ่งยุบลงจนกลายเป็นจุด
ส่วนของเส้นตรงกึ่งกลางรูปสี่เหลี่ยมคางหมู คือส่วนของเส้นตรงที่เชื่อมระหว่างจุดกึ่งกลางของด้านที่ไม่ขนานกัน ความยาวของส่วนของเส้นตรงนี้ m เท่ากับค่าเฉลี่ยความยาวของด้านคู่ขนานของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู
เป็นผลให้พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู เท่ากับความยาวของส่วนของเส้นตรงกึ่งกลางรูปสี่เหลี่ยมคางหมูคูณด้วยความสูง
ถ้าให้ a, b เป็นด้านที่ขนานกันและ c, d เป็นด้านที่ไม่ขนานกัน ในกรณีที่ด้านคู่ขนานยาวไม่เท่ากัน (a ≠ b) จะสามารถคำนวณหาความสูง h ได้จากสูตรนี้
และพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมคางหมูนี้เท่ากับ
เมื่อด้านคู่ขนานด้านหนึ่งยุบลงจนกลายเป็นจุด (a = 0) สูตรนี้จะลดรูปลงเป็นสำหรับคำนวณพื้นที่รูปสามเหลี่ยม
สูตรพื้นที่อีกสูตรหนึ่งที่เทียบเท่า ซึ่งดูคล้ายสูตรของเฮรอนมากกว่าคือ
โดยที่ s คือครึ่งหนึ่งของความยาวรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู แม้สูตรนี้จะดูคล้ายแต่ก็มีบางจุดที่ต่างไป เนื่องจากรูปสี่เหลี่ยมคางหมูอาจไม่ใช่ (บรรจุภายในรูปวงกลมพอดีไม่ได้) สูตรนี้ก็ยังเป็นกรณีพิเศษของสำหรับรูปสี่เหลี่ยมทั่วไป
หากใช้สูตรของเบรทชไนเดอร์จะได้
จุดกึ่งกลางของพื้นที่ (ศูนย์กลางมวลของแผ่นเอกรูป) อยู่บนส่วนของเส้นตรงที่เชื่อมโยงระหว่างจุดกึ่งกลางของด้านที่ขนานกัน ในระยะห่างตั้งฉาก d จากด้านที่ยาวกว่า b ดังนี้
สมบัติ
- ซึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูชนิดหนึ่ง มีสมบัติเพิ่มเติมว่ามุมที่ฐานมีขนาดเท่ากัน และด้านที่ไม่ขนานจะยาวเท่ากัน
- รูปสี่เหลี่ยมรูปหนึ่งจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ก็ต่อเมื่อมุมที่อยู่ติดกันรวมเป็นมุมประกอบสองมุมฉาก (180 องศา) จำนวนสองคู่ เงื่อนไขอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญและเพียงพอคือ เส้นทแยงมุมตัดกันด้วยอัตราส่วนของความยาวเท่ากัน (ค่านี้เป็นค่าเดียวกับอัตราส่วนระหว่างด้านคู่ขนาน)
- เส้นตรงที่ลากผ่านจุดกึ่งกลางของด้านคู่ขนานทั้งสองแบ่งครึ่งพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู
- ถ้ารูปสี่เหลี่ยมคางหมู ABCD แบ่งเป็นรูปสามเหลี่ยมสี่รูปด้วยเส้นทแยงมุม AC และ BD (ดังภาพด้านขวามือ) ซึ่งตัดกันที่จุด O ดังนั้นพื้นที่ของ AOD เท่ากับพื้นที่ของ BOC และผลคูณของพื้นที่ระหว่าง AOD กับ BOC เท่ากับผลคูณของพื้นที่ระหว่าง AOB กับ COD อัตราส่วนของพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมแต่ละคู่ที่อยู่ติดกันจะเท่ากับอัตราส่วนของความยาวของด้านคู่ขนาน
- ความยาวของเส้นทแยงมุม p, q เท่ากับ (a, b คือความยาวของด้านคู่ขนาน)
- กำหนดให้ ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูที่มีจุดยอด A, B, C, D เรียงตามลำดับและมีด้านคู่ขนาน AB กับ DC ; ให้ E เป็นจุดตัดของเส้นทแยงมุม และให้ F กับ G เป็นจุดจุดหนึ่งที่อยู่บนด้าน DA กับ BC ตามลำดับซึ่งทำให้ FEG ขนานกับด้านคู่ขนาน AB กับ DC ; จะได้ว่า FG คือของ AB กับ DC นั่นคือ
สถาปัตยกรรม
ในสถาปัตยกรรมแบบอียิปต์โบราณ มีการเจาะช่องหน้าต่าง ประตู และการก่อสร้างตัวอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูโดยมีด้านฐานกว้างกว่าด้านยอด
ดูเพิ่ม
- หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ จำนวนเชิงสี่เหลี่ยมคางหมู
อ้างอิง
- "trapezoid". Oxford Dictionaries. April 2010. Oxford University Press. 14 March 2011 <http://oxforddictionaries.com/view/entry/m_en_gb0878690[]>.
- "trapezium". Oxford Dictionaries. April 2010. Oxford University Press. 14 March 2011 <http://oxforddictionaries.com/view/entry/m_en_gb0878650[]>.
- "American School definition from "math.com"". สืบค้นเมื่อ 2008-04-14.
- พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน 2009-03-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (สืบค้นออนไลน์)
- ผลการค้นหา สี่เหลี่ยมคางหมู จากพจนานุกรมศัพท์วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี[] (สืบค้นออนไลน์)
- เอริก ดับเบิลยู. ไวส์สไตน์, "Trapezoid" จากแมทเวิลด์.
- Aryabhatiya เก็บถาวร 2011-08-15 ที่ มราฐี: आर्यभटीय, , Pune, India, Rajhans Publications, 2009, p.66,
แหล่งข้อมูลอื่น
- Trapezoid definition Area of a trapezoid Median of a trapezoid With interactive animations
- Trapezoid (North America) at elsy.at: Animated course (construction, circumference, area)
- [1] on Numerical Methods for Stem Undergraduate
- Autar Kaw and E. Eric Kalu, Numerical Methods with Applications, (2008) [2]
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
inthangerkhakhnit rupsiehliymkhanghmu khuxrupsiehliymchnidhnungthimidantrngkhamkhnankncanwnhnungkhu rupsiehliymkhanghmu ABCD ekhiynaethndwysylksnthisaeniyngxngkvsaelaxxsetreliyeriykwa trapezoidrupsiehliymkhanghmurupsiehliymkhanghmuruphnungchnidrupsiehliymaelacudyxd4phunthia b2h displaystyle tfrac a b 2 h smbtiruphlayehliymnunniyammikhxthkethiyngknekiywkbcanwndanthikhnankninrupsiehliymkhanghmu pyhaxyuthiwarupsiehliymdankhnansungmidankhnanknsxngkhukhwrcdepnrupsiehliymkhanghmuhruxim phuaetngtaraklumhnung niyamwarupsiehliymkhanghmuepnrupsiehliymthimidankhnankn ephiynghnungkhuethann odyimnarupsiehliymdankhnanmarwm rachbnthitysthanidihniyamkhxngrupsiehliymkhanghmuiwwa rupsiehliymkhanghmukhuxrupsiehliymdankhnanthimidankhnanknephiyngkhuediyw aelaphcnanukrmsphthwithyasastr khnitsastr aelaethkhonolyi khxngsthabnsngesrimkarsxnwithyasastraelaethkhonolyi idihkhaniyamiwwa rupsiehliymkhanghmukhuxrupsiehliymid thimidantrngkhamkhnanknkhuhnung aelakhuediywethann phuaetngtaraxikklumhnung niyamwarupsiehliymkhanghmuepnrupsiehliymthimidankhnankn xyangnxyhnungkhu sungthaihrupsiehliymdankhnanepnkrniphiesskhxngrupsiehliymkhanghmu rwmipthungrupsiehliymkhnmepiykpun rupsiehliymmumchak rupsiehliymphunpha aelarupsiehliymctursdwy niyamxyanghlngsxdkhlxngkbkarichnganinkhnitsastrradbsungkwaechnaekhlkhuls aenwkhidkarpramandwy trapezoidal rule khxngpriphnthcakdekhtcaimsmburnhakichniyamxyangaerkphunthiphunthikhxngrupsiehliymkhanghmuid samarthkhanwnidcak Area a b2 h displaystyle mathrm Area frac a b 2 cdot h dd emux a b khuxkhwamyawkhxngdankhukhnanaela h khuxkhwamsungrahwangdankhukhnan emuxpraman kh s 499 nkkhnitsastraelankdarasastrchawxinediychux idichwithikarkhanwnniinsastrniphnth txnthi 2 8 sutrniepnphlidmacakkrniphiesskhxngsutrphunthirupsamehliymxnepnthiruck odyphicarnawarupsamehliymkhuxphawaldrupkhxngrupsiehliymkhanghmu sungdanthikhnankndanhnungyublngcnklayepncud swnkhxngesntrngkungklangrupsiehliymkhanghmu khuxswnkhxngesntrngthiechuxmrahwangcudkungklangkhxngdanthiimkhnankn khwamyawkhxngswnkhxngesntrngni m ethakbkhaechliykhwamyawkhxngdankhukhnankhxngrupsiehliymkhanghmu m a b2 displaystyle m frac a b 2 dd epnphlihphunthikhxngrupsiehliymkhanghmu ethakbkhwamyawkhxngswnkhxngesntrngkungklangrupsiehliymkhanghmukhundwykhwamsung Area mh displaystyle mathrm Area mh dd thaih a b epndanthikhnanknaela c d epndanthiimkhnankn inkrnithidankhukhnanyawimethakn a b casamarthkhanwnhakhwamsung h idcaksutrni h a b c d a b c d a b c d a b c d 2 b a displaystyle h frac sqrt a b c d a b c d a b c d a b c d 2 b a dd aelaphunthikhxngrupsiehliymkhanghmuniethakb Area a b4 b a a b c d a b c d a b c d a b c d displaystyle mathrm Area frac a b 4 b a sqrt a b c d a b c d a b c d a b c d dd emuxdankhukhnandanhnungyublngcnklayepncud a 0 sutrnicaldruplngepnsahrbkhanwnphunthirupsamehliym sutrphunthixiksutrhnungthiethiybetha sungdukhlaysutrkhxngehrxnmakkwakhux Area a b b a s b s a s b c s b d displaystyle mathrm Area frac a b b a sqrt s b s a s b c s b d s a b c d2 displaystyle s frac a b c d 2 dd odythi s khuxkhrunghnungkhxngkhwamyawrxbrupkhxngrupsiehliymkhanghmu aemsutrnicadukhlayaetkmibangcudthitangip enuxngcakrupsiehliymkhanghmuxacimich brrcuphayinrupwngklmphxdiimid sutrnikyngepnkrniphiesskhxngsahrbrupsiehliymthwip hakichsutrkhxngebrthchinedxrcaid Area ab2 a2b ad2 bc2 ab2 a2b ac2 bd2 2 b a 2 b2 d2 a2 c24 2 displaystyle mathrm Area sqrt frac ab 2 a 2 b ad 2 bc 2 ab 2 a 2 b ac 2 bd 2 2 b a 2 left frac b 2 d 2 a 2 c 2 4 right 2 dd cudkungklangkhxngphunthi sunyklangmwlkhxngaephnexkrup xyubnswnkhxngesntrngthiechuxmoyngrahwangcudkungklangkhxngdanthikhnankn inrayahangtngchak d cakdanthiyawkwa b dngni d h3 2a ba b displaystyle d frac h 3 cdot left frac 2a b a b right dd smbtisungepnrupsiehliymkhanghmuchnidhnung mismbtiephimetimwamumthithanmikhnadethakn aeladanthiimkhnancayawethakn rupsiehliymruphnungcaepnrupsiehliymkhanghmu ktxemuxmumthixyutidknrwmepnmumprakxbsxngmumchak 180 xngsa canwnsxngkhu enguxnikhxikxyanghnungthisakhyaelaephiyngphxkhux esnthaeyngmumtdkndwyxtraswnkhxngkhwamyawethakn khaniepnkhaediywkbxtraswnrahwangdankhukhnan esntrngthilakphancudkungklangkhxngdankhukhnanthngsxngaebngkhrungphunthikhxngrupsiehliymkhanghmu tharupsiehliymkhanghmu ABCD aebngepnrupsamehliymsirupdwyesnthaeyngmum AC aela BD dngphaphdankhwamux sungtdknthicud O dngnnphunthikhxng AOD ethakbphunthikhxng BOC aelaphlkhunkhxngphunthirahwang AOD kb BOC ethakbphlkhunkhxngphunthirahwang AOB kb COD xtraswnkhxngphunthikhxngrupsamehliymaetlakhuthixyutidkncaethakbxtraswnkhxngkhwamyawkhxngdankhukhnan khwamyawkhxngesnthaeyngmum p q ethakb a b khuxkhwamyawkhxngdankhukhnan p ab2 a2b ac2 bd2b a displaystyle p sqrt frac ab 2 a 2 b ac 2 bd 2 b a q ab2 a2b ad2 bc2b a displaystyle q sqrt frac ab 2 a 2 b ad 2 bc 2 b a kahndih ABCD epnrupsiehliymkhanghmuthimicudyxd A B C D eriyngtamladbaelamidankhukhnan AB kb DC ih E epncudtdkhxngesnthaeyngmum aelaih F kb G epncudcudhnungthixyubndan DA kb BC tamladbsungthaih FEG khnankbdankhukhnan AB kb DC caidwa FG khuxkhxng AB kb DC nnkhux 1FG 12 1AB 1DC displaystyle frac 1 FG frac 1 2 left frac 1 AB frac 1 DC right sthaptykrrmwihar Dendur sungcdaesdnginphiphithphnthsilpaniwyxrk insthaptykrrmaebbxiyiptobran mikarecaachxnghnatang pratu aelakarkxsrangtwxakharepnrupsiehliymkhanghmuodymidanthankwangkwadanyxdduephimhruxinxikchuxhnungkhux canwnechingsiehliymkhanghmuxangxing trapezoid Oxford Dictionaries April 2010 Oxford University Press 14 March 2011 lt http oxforddictionaries com view entry m en gb0878690 lingkesiy gt trapezium Oxford Dictionaries April 2010 Oxford University Press 14 March 2011 lt http oxforddictionaries com view entry m en gb0878650 lingkesiy gt American School definition from math com subkhnemux 2008 04 14 phcnanukrmrachbnthitysthan 2009 03 03 thi ewyaebkaemchchin subkhnxxniln phlkarkhnha siehliymkhanghmu cakphcnanukrmsphthwithyasastr khnitsastr aelaethkhonolyi sthabnsngesrimkarsxnwithyasastraelaethkhonolyi lingkesiy subkhnxxniln exrik dbebilyu iwssitn Trapezoid cakaemthewild Aryabhatiya ekbthawr 2011 08 15 thi mrathi आर यभट य Pune India Rajhans Publications 2009 p 66 ISBN 978 81 7434 480 9aehlngkhxmulxunTrapezoid definition Area of a trapezoid Median of a trapezoid With interactive animations Trapezoid North America at elsy at Animated course construction circumference area 1 on Numerical Methods for Stem Undergraduate Autar Kaw and E Eric Kalu Numerical Methods with Applications 2008 2