สหพันธ์เอธิโอเปีย-เอริเทรีย เป็นพันธมิตรระหว่างอดีตกับจักรวรรดิเอธิโอเปีย ก่อตั้งขึ้นเนื่องจากการสละสิทธิ์และกรรมสิทธิ์ของอิตาลีในการครอบครองดินแดนในแอฟริกา ซึ่งรวมถึงดินแดนหรืออาณานิคมที่จัดตั้งขึ้นทั้งหมดซึ่งมีผลบังคับใช้โดย: 375–383 ชะตากรรมของเอริเทรียขึ้นอยู่กับอุดมคติทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจมากมายของชาวเอริเทรีย ซึ่งมีตั้งแต่ฝ่ายซ้ายที่นิยมแยกตัวเป็นเอกราช กลุ่มอนุรักษ์นิยมที่นิยมระบอบจักรวรรดิของเอธิโอเปีย ในความพยายามที่จะประกาศเอกราชสูงสุดแก่เอริเทรียภายใต้รัฐธรรมนูญที่เอริเทรียดูแลจัดการและการเลือกตั้งของรัฐบาล โดยมติ 390 (A) ของสหประชาชาติได้วางแผนที่จะนำสวัสดิการดังกล่าวไปใช้กับบุคคลที่จะต้องบังคับใช้
สหพันธ์เอธิโอเปียและเอริเทรีย | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1952–1962 | |||||||||
ที่ตั้งของเอธิโอเปียกับเสรีเอริเทรีย | |||||||||
เมืองหลวง | อาดดิสอาบาบา | ||||||||
การปกครอง | |||||||||
• 1952–1962 | ฮัยเลอ ซึลลาเซที่ 1 | ||||||||
ผู้แทนพระองค์ | |||||||||
• 1952–1959 | |||||||||
• 1959–1962 | |||||||||
• 1952–1955 | |||||||||
• 1955 (รักษาการ) | |||||||||
• 1955–1962 | |||||||||
สภานิติบัญญัติ | |||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สงครามเย็น | ||||||||
• สหพันธรัฐ | 15 พฤศจิกายน 1952 | ||||||||
• | 1 พฤศจิกายน 1961 | ||||||||
15 พฤศจิกายน 1962 | |||||||||
สกุลเงิน | |||||||||
| |||||||||
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ | เอธิโอเปีย เอริเทรีย |
ภูมิหลัง
เอริเทรียอยู่ภายใต้การควบคุมของอังกฤษในเดือนเมษายน 1941 และในปี 1949 และดำเนินการปกครองต่อไปจนถึงการปลดปล่อยสหพันธ์ในวันที่ 15 กันยายน 1952 พร้อมกับการลงนามในการยกเลิกอำนาจ หลังจากการปฏิบัติตามสนธิสัญญาสันติภาพกับอิตาลีซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 กันยายน 1947 คณะกรรมาธิการสืบสวนทั้งสี่แห่งได้รับมอบหมายให้ทำการไต่สวนภายในในเอริเทรียเพื่อกำหนดวิธีการปกครองที่มีประสิทธิภาพสูงสุดหลังจากการแยกตัวกับอาณานิคมอิตาลี คณะกรรมาธิการดังกล่าวคิดขึ้นโดยประเทศมหาอำนาจในขณะนั้น ได้แก่ สหราชอาณาจักร สหภาพโซเวียต สหรัฐ และฝรั่งเศส ซึ่งถ้าไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ภายในระยะเวลาหนึ่งปี อ้างถึงที่อื่น: 376 สมัชชาใหญ่ได้กำหนดคณะกรรมาธิการแห่งสหประชาชาติสำหรับเอริเทรียเพื่อพิจารณาเพิ่มเติมในเดือนพฤศจิกายน 1947 โดยใช้การปรึกษาหารือและคำแนะนำของรัฐบาลระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานะของเอริเทรีย รายงานดังกล่าวนำเสนอในการประชุมสมัยที่ห้าของสหประชาชาติ ซึ่งสมัชชาใหญ่เห็นชอบ มติที่กำหนดโดยความคิดของพม่าและแอฟริกาใต้ตามสหพันธ์ระหว่างเอธิโอเปียและเอริเทรีย หลังจากเซสชันนี้ ร่างรัฐธรรมนูญของเอริเทรียบนพื้นฐานของการอ้างสิทธฺ์ในระบอบประชาธิปไตยจะถูกร่างและศึกษาและรับรองโดยสมัชชาเอริเทรียรวมถึงกฎหมายของรัฐบาลกลางที่จะรวมเป็นรัฐธรรมนูญของรัฐบาลกลาง ขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการคือการได้รับสัตยาบันจากจักรพรรดิแห่งเอธิโอเปียทั้งจากรัฐธรรมนูญและกฎหมายของรัฐบาลกลาง นายเอดูอาร์โด อันเซ มาเตียนโซ กรรมาธิการ รายงานกลับไปยังสมัชชาใหญ่สมัยที่ 7 ในเดือนธันวาคม 1947 โดยได้รับคะแนนนิยมเป็นเอกฉันท์
การลุกฮือของพรรคการเมือง
ตั้งแต่ปี 1941 ถึง 1952 ฝ่ายบริหารของอังกฤษได้ทำหน้าที่แต่งตั้งผู้ปกครองระดับกลาง เนื่องจากผลประโยชน์ทางการเมืองและความเป็นอยู่ที่ดีทางเศรษฐกิจและสังคมของชาวเอริเทรียกำลังได้รับการประเมินว่าเป็นการบ่งชี้ที่เป็นอิสระมากขึ้น การเกิดขึ้นของพรรคการเมืองเริ่มต้นขึ้นเมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิฮัยเลอ ซึลลาเซที่ 1 กลับคืนสู่บัลลังก์เอธิโอเปียในเดือนพฤษภาคมปี 1941 ซึ่งมีผลทันทีที่เขาตัดสินใจเข้าซื้อกิจการของเอริเทรียและในรัฐเอธิโอเปีย มุมมองทางการเมืองนี้มีความหมายเหมือนกันกับองค์กรที่เรียกว่า 'Mahbar Feqri Hagar Eretra' (สมาคมเพื่อความรักแห่งดินแดนแห่งเอริเทรีย) ซึ่งจะกลายเป็นพรรคสหภาพในปี 1944 ชาวเอริเทรียส่วนใหญ่ในช่วงเวลานี้ไม่นิยมการจัดตำแหน่งของจักรพรรดิเอธิโอเปียและเอริเทรีย: 281 การเกิดขึ้นของพรรคสหภาพถูกท้าทายในอีกสองปีต่อมาด้วยการทำให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นของสันนิบาตมุสลิมในปี 1946 ซึ่งเกิดขึ้นอย่างมหาศาลตามมาจากส่วนตะวันตกของประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม และส่วนเล็กๆ จากที่ราบสูงคริสเตียน การแบ่งกลุ่มจากสันนิบาตมุสลิมถูกสร้างขึ้นในปี 1947 และเป็นที่รู้จักในชื่อพรรคมุสลิมแห่งชาติแห่งมาสซาวา ต่อไปนี้คือองค์กรมุสลิมส่วนใหญ่อีกแห่งที่รู้จักกันในชื่อ ซึ่งรักษาชุมชนชาวอิตาลีขนาดใหญ่ที่สนับสนุนอุดมการณ์ที่ว่าหากโรมต้องการยึดครองเอริเทรียอีกครั้ง อิตาลีจะช่วยเหลือในการได้รับเอกราช พรรคคริสเตียนส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 1948 ซึ่งรู้จักกันในชื่อพรรคเอริเทรียเสรีนิยมก้าวหน้าซึ่งต่อต้านสหภาพใด ๆ กับเอธิโอเปีย ในวันที่ 25 กรกฎาคม 1949 กลุ่มเอกราชได้รับการคิดค้นขึ้นและประกอบด้วยพรรคหลักทั้งหมดยกเว้นสหภาพแรงงาน: 276 พรรคการเมืองยังคงแยกสาขาออกจากพรรคเดิมเพื่อเป็นตัวแทนผลประโยชน์ที่ละเอียดยิ่งขึ้น และหลายพรรคแยกตัวออกไปจัดตั้งพรรคเอกพจน์ซึ่งเป็นตัวแทนของความทะเยอทะยานทางการเมืองที่โดดเด่น การเข้าร่วมกับพรรคการเมืองไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นพันธมิตรทางศาสนาอย่างเข้มงวดอีกต่อไปเช่นเดียวกับที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ อย่างไรก็ตาม พรรคต่างๆ มักจะแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น ภูมิภาค - บนพื้นที่สูงกับที่ลุ่ม - และความเชื่อ - มุสลิมกับคริสเตียน: 281 พรรคส่วนใหญ่ยังคงมีความรู้สึกต่อต้านสหภาพแรงงาน ซึ่งพบกับการข่มขู่และการแทรกแซงจากเอธิโอเปีย
สหพันธรัฐ
ในเดือนมีนาคม 1952 การเลือกตั้งดำเนินการโดยการลงคะแนนลับ สิทธิในการลงคะแนนถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 21 ปี ซึ่งมีเชื้อสายเอริเทรีย ซึ่งดำรงสถานะถิ่นที่อยู่เป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี ในทางกลับกัน ชาวอิตาโล-เอริเทรียและชาวเอริเทรียที่มีเชื้อชาติผสมกันถูกปฏิเสธการลงคะแนนเสียง[] พรรคสหภาพได้รับที่นั่ง 32 จาก 68 ที่นั่งจากเขตเลือกตั้ง: 35 จากพรรคสหภาพ กลายเป็นหัวหน้าผู้บริหารคนแรกของเอริเทรียพร้อมกับ จาก (MLWP) ซึ่งกลายเป็นประธานสภาสมัชชาเอริเทรียแห่งใหม่ สภาเอริเทรียผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งกำหนดให้มีสภาเดียวซึ่งมีสภาเดียวเป็นเวลาสี่ปี การให้สัญชาติเอริเทรียแก่ชาวสหพันธรัฐตามกฎหมายเอริเทรีย การปฏิเสธสิทธิของผู้แทนจักรวรรดิเอธิโอเปียในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างกฎหมาย การจัดตั้งภาษาตึกรึญญาและภาษาอาหรับ พร้อมด้วยภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ- และการสร้างธงชาติเอริเทรีย: 36 การแก้ไขเหล่านี้ได้รับการให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 1952 มีการขึ้นภาษีและอากรศุลกากร และชาวเอริเทรียต้องจัดหาบัตรประจำตัวซึ่งมีมูลค่ามหาศาล: 36 นโยบายเศรษฐกิจที่จัดตั้งขึ้นหลังจากการก่อตั้งสหพันธ์ ชาติพันธุ์ที่เสียเปรียบอย่างมากโดยการรักษาการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจของพวกเขา รูปแบบความเป็นผู้นำของไบรู ทำให้เกิดการต่อต้านที่เพิ่มขึ้นจากชาวเอริเทรียและพรรคการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์ ซึ่งบังคับให้เขาลาออกในเดือนกรกฎาคม 1955 ในปี 1954 เกิดการอัมรานิเซชั่นของประชากร ผู้ว่าการและ และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่น ๆ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหาร: 37 เสรีภาพของสื่อลดลง และผู้บริหารส่วนกลางพยายามที่จะจ้างชาวคริสเตียนเอริเทรียที่พูดภาษากริญญาแทนชาวมุสลิม เนื่องจากประเทศนี้นับถือศาสนาคริสต์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งได้รับความรู้สึกสนับสนุนสหภาพได้รับเลือกหลังจากการลาออกของไบรู โวลเดมิเชลเสนอการจัดตั้งฝ่ายบริหารของเอริเทรีย การนำธงชาติของเอธิโอเปียมาใช้ และการแนะนำของผู้บริหารและครูชาวเอธิโอเปียในเอริเทรีย: 39 ชาวเอริเทรียที่มีการศึกษาเปิดรับการเคลื่อนไหวได้รับแรงจูงใจให้ระดมพลเพื่อต่อต้านรัฐเอธิโอเปีย นักเรียนชาวเอริเทรียนเสียเปรียบเนื่องจากจำเป็นต้องเรียนภาษาอามาราและภาษาอังกฤษเพื่อให้ได้รับการศึกษาระดับมัธยมศึกษา แทนที่จะเรียนภาษาตึกรึญญาและภาษาอาหรับ ในปี 1956 ชาวเอริเทรียที่เป็นมุสลิมได้รับเลือกให้เป็นประธานสมัชชาซึ่งก่อให้เกิดความสัมพันธ์แบบเผชิญหน้าระหว่างเอริเทรียและเอธิโอเปีย: 40 ความไม่เต็มใจของพรรคสหภาพและสันนิบาตมุสลิมในการประนีประนอมทำให้อาเด็มลาออกในฤดูใบไม้ร่วงปี 1957 ขณะที่การระดมพลของชาวเอริเทรียทำให้เกิดการแพร่หลายของ (ELM) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากชาวคริสต์และชาวมุสลิมเช่นเดียวกัน หลงเหลือจากนโยบายเปิดเสรีทางเศรษฐกิจของเอธิโอเปีย ภายในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2503 ธงเอริเทรียถูกขับออกจากสภาและตราประทับและชื่อของรัฐบาลแทนที่ด้วย "การบริหารเอริเทรียภายใต้ฮัยเลอ ซึลลาเซ จักรพรรดิแห่งเอธิโอเปีย: 41 ระบบตุลาการที่กำหนดขึ้นภายใต้การควบคุมจากส่วนกลางและอำนาจชี้ขาดตกเป็นของทางการอาดดิสอาบาบา ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นในเอริเทรียในปี 1960 พรรคสหภาพได้ประกาศใช้ผู้บริหารที่ฝักใฝ่เอธิโอเปีย
ผลพวง
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 1962 รัฐบาลเอธิโอเปียละเมิดเงื่อนไขของมติ 390 (A) ของสหประชาชาติ และผนวกเอริเทรียโดยสมัครใจเองเพื่อกำหนดให้เอริเทรียเป็นจังหวัด การประท้วงต่อต้านรัฐบาลเอธิโอเปียได้รับการยั่วยุอย่างจวนเจียนและการเคลื่อนไหวที่แสวงหาเอกราชที่สมบูรณ์และสมบูรณ์ที่สุดของเอริเทรียก็เกิดขึ้น ขบวนการนี้กลายเป็นที่รู้จักในชื่อ (ELF) ซึ่งก่อตั้งโดยอาเด็ม ที่ถูกเนรเทศ: 42
อ้างอิง
- www.nationalanthems.info
- Schiller, A. Arthur (1 July 1953). "Eritrea: Constitution and Federation with Ethiopia". The American Journal of Comparative Law. 2 (3): 375–383. doi:10.2307/837485. JSTOR 837485.
- Ellingson, Lloyd (April 1977). "The Emergence of Political Parties in Eritrea, 1941–1950*". The Journal of African History (ภาษาอังกฤษ). 18 (2): 261–281. doi:10.1017/S0021853700015528. ISSN 1469-5138. S2CID 154808790.
- Biziouras, Nikolaos (2013-01-01). "The Genesis of the Modern Eritrean Struggle (1942–1961)". The Journal of the Middle East and Africa. 4 (1): 21–46. doi:10.1080/21520844.2013.771419. ISSN 2152-0844. S2CID 210662586.
แหล่งข้อมูลอื่น
- 390 (V) – Eritrea: Report of the United Nations Commission for Eritrea; Report of the Interim Committee of the General Assembly on the Report of the United Nations Commission for Eritrea 2020-01-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
shphnthexthioxepiy exriethriy epnphnthmitrrahwangxditkbckrwrrdiexthioxepiy kxtngkhunenuxngcakkarslasiththiaelakrrmsiththikhxngxitaliinkarkhrxbkhrxngdinaedninaexfrika sungrwmthungdinaednhruxxananikhmthicdtngkhunthnghmdsungmiphlbngkhbichody 375 383 chatakrrmkhxngexriethriykhunxyukbxudmkhtithangkaremuxng sngkhm aelaesrsthkicmakmaykhxngchawexriethriy sungmitngaetfaysaythiniymaeyktwepnexkrach klumxnurksniymthiniymrabxbckrwrrdikhxngexthioxepiy inkhwamphyayamthicaprakasexkrachsungsudaekexriethriyphayitrththrrmnuythiexriethriyduaelcdkaraelakareluxktngkhxngrthbal odymti 390 A khxngshprachachatiidwangaephnthicanaswsdikardngklawipichkbbukhkhlthicatxngbngkhbichshphnthexthioxepiyaelaexriethriy የኢትዮጵያ ኤርትራ ፌዴሬሽን xamara الاتحاد الإثيوبي الإريتري xahrb ፈደረሽን ኤርትርያ ኢትዮጵያ thuxkruyya 1952 1962thngchatiexthioxepiy aela thngchatiexriethriyephlngchati xithoypiya hxy eds yibilich ኢትዮጵያ ሆይ Ityopya hoy dess yibelish exthioxepiy cngmikhwamsukh source source track track track track thitngkhxngexthioxepiykbesriexriethriyemuxnghlwngxaddisxababakarpkkhrxng 1952 1962hyelx sullaesthi 1phuaethnphraxngkh 1952 1959 1959 1962 1952 1955 1955 rksakar 1955 1962sphanitibyytiyukhprawtisastrsngkhrameyn shphnthrth15 phvscikayn 1952 1 phvscikayn 1961 ykelikexkrach15 phvscikayn 1962skulenginkxnhna thdipcnghwdexriethriypccubnepnswnhnungkhxngexthioxepiy exriethriyphumihlngexriethriyxyuphayitkarkhwbkhumkhxngxngkvsineduxnemsayn 1941 aelainpi 1949 aeladaeninkarpkkhrxngtxipcnthungkarpldplxyshphnthinwnthi 15 knyayn 1952 phrxmkbkarlngnaminkarykelikxanac hlngcakkarptibtitamsnthisyyasntiphaphkbxitalisungmiphlbngkhbichemuxwnthi 15 knyayn 1947 khnakrrmathikarsubswnthngsiaehngidrbmxbhmayihthakaritswnphayininexriethriyephuxkahndwithikarpkkhrxngthimiprasiththiphaphsungsudhlngcakkaraeyktwkbxananikhmxitali khnakrrmathikardngklawkhidkhunodypraethsmhaxanacinkhnann idaek shrachxanackr shphaphosewiyt shrth aelafrngess sungthaimsamarthhakhxsruprwmknidphayinrayaewlahnungpi xangthungthixun 376 smchchaihyidkahndkhnakrrmathikaraehngshprachachatisahrbexriethriyephuxphicarnaephimetimineduxnphvscikayn 1947 odyichkarpruksaharuxaelakhaaenanakhxngrthbalrahwangpraethsekiywkbsthanakhxngexriethriy rayngandngklawnaesnxinkarprachumsmythihakhxngshprachachati sungsmchchaihyehnchxb mtithikahndodykhwamkhidkhxngphmaaelaaexfrikaittamshphnthrahwangexthioxepiyaelaexriethriy hlngcakesschnni rangrththrrmnuykhxngexriethriybnphunthankhxngkarxangsithth inrabxbprachathipitycathukrangaelasuksaaelarbrxngodysmchchaexriethriyrwmthungkdhmaykhxngrthbalklangthicarwmepnrththrrmnuykhxngrthbalklang khntxnsudthaykhxngkardaeninkarkhuxkaridrbstyabncakckrphrrdiaehngexthioxepiythngcakrththrrmnuyaelakdhmaykhxngrthbalklang nayexduxarod xnes maetiynos krrmathikar raynganklbipyngsmchchaihysmythi 7 ineduxnthnwakhm 1947 odyidrbkhaaennniymepnexkchnthkarlukhuxkhxngphrrkhkaremuxngtngaetpi 1941 thung 1952 faybriharkhxngxngkvsidthahnathiaetngtngphupkkhrxngradbklang enuxngcakphlpraoychnthangkaremuxngaelakhwamepnxyuthidithangesrsthkicaelasngkhmkhxngchawexriethriykalngidrbkarpraeminwaepnkarbngchithiepnxisramakkhun karekidkhunkhxngphrrkhkaremuxngerimtnkhunemuxsmedcphrackrphrrdihyelx sullaesthi 1 klbkhunsubllngkexthioxepiyineduxnphvsphakhmpi 1941 sungmiphlthnthithiekhatdsinicekhasuxkickarkhxngexriethriyaelainrthexthioxepiy mummxngthangkaremuxngnimikhwamhmayehmuxnknkbxngkhkrthieriykwa Mahbar Feqri Hagar Eretra smakhmephuxkhwamrkaehngdinaednaehngexriethriy sungcaklayepnphrrkhshphaphinpi 1944 chawexriethriyswnihyinchwngewlaniimniymkarcdtaaehnngkhxngckrphrrdiexthioxepiyaelaexriethriy 281 karekidkhunkhxngphrrkhshphaphthukthathayinxiksxngpitxmadwykarthaihepnrupepnrangkhunkhxngsnnibatmusliminpi 1946 sungekidkhunxyangmhasaltammacakswntawntkkhxngpraethsthiswnihyepnmuslim aelaswnelk cakthirabsungkhrisetiyn karaebngklumcaksnnibatmuslimthuksrangkhuninpi 1947 aelaepnthiruckinchuxphrrkhmuslimaehngchatiaehngmassawa txipnikhuxxngkhkrmuslimswnihyxikaehngthiruckkninchux sungrksachumchnchawxitalikhnadihythisnbsnunxudmkarnthiwahakormtxngkaryudkhrxngexriethriyxikkhrng xitalicachwyehluxinkaridrbexkrach phrrkhkhrisetiynswnihyekidkhunineduxnkumphaphnth 1948 sungruckkninchuxphrrkhexriethriyesriniymkawhnasungtxtanshphaphid kbexthioxepiy inwnthi 25 krkdakhm 1949 klumexkrachidrbkarkhidkhnkhunaelaprakxbdwyphrrkhhlkthnghmdykewnshphaphaerngngan 276 phrrkhkaremuxngyngkhngaeyksakhaxxkcakphrrkhedimephuxepntwaethnphlpraoychnthilaexiydyingkhun aelahlayphrrkhaeyktwxxkipcdtngphrrkhexkphcnsungepntwaethnkhxngkhwamthaeyxthayanthangkaremuxngthioddedn karekharwmkbphrrkhkaremuxngimidthukkahndihepnphnthmitrthangsasnaxyangekhmngwdxiktxipechnediywkbthitngthangphumisastr xyangirktam phrrkhtang mkcaaebngpnphlpraoychnrwmkn echn phumiphakh bnphunthisungkbthilum aelakhwamechux muslimkbkhrisetiyn 281 phrrkhswnihyyngkhngmikhwamrusuktxtanshphaphaerngngan sungphbkbkarkhmkhuaelakaraethrkaesngcakexthioxepiyshphnthrthineduxnminakhm 1952 kareluxktngdaeninkarodykarlngkhaaennlb siththiinkarlngkhaaennthukcakdiwechphaaphuchaythimixayumakkwa 21 pi sungmiechuxsayexriethriy sungdarngsthanathinthixyuepnewlaxyangnxyhnungpi inthangklbkn chawxitaol exriethriyaelachawexriethriythimiechuxchatiphsmknthukptiesthkarlngkhaaennesiyng txngkarxangxing phrrkhshphaphidrbthinng 32 cak 68 thinngcakekhteluxktng 35 cakphrrkhshphaph klayepnhwhnaphubriharkhnaerkkhxngexriethriyphrxmkb cak MLWP sungklayepnprathansphasmchchaexriethriyaehngihm sphaexriethriyphankaraekikhrththrrmnuysungkahndihmisphaediywsungmisphaediywepnewlasipi karihsychatiexriethriyaekchawshphnthrthtamkdhmayexriethriy karptiesthsiththikhxngphuaethnckrwrrdiexthioxepiyinkaraesdngkhwamkhidehnekiywkbrangkdhmay karcdtngphasatukruyyaaelaphasaxahrb phrxmdwyphasaxngkvsepnphasarachkar aelakarsrangthngchatiexriethriy 36 karaekikhehlaniidrbkarihstyabnemuxwnthi 12 krkdakhm 1952 mikarkhunphasiaelaxakrsulkakr aelachawexriethriytxngcdhabtrpracatwsungmimulkhamhasal 36 noybayesrsthkicthicdtngkhunhlngcakkarkxtngshphnth chatiphnthuthiesiyepriybxyangmakodykarrksakarepidesrithangesrsthkickhxngphwkekha rupaebbkhwamepnphunakhxngibru thaihekidkartxtanthiephimkhuncakchawexriethriyaelaphrrkhkaremuxngthiepnptipks sungbngkhbihekhalaxxkineduxnkrkdakhm 1955 inpi 1954 ekidkarxmranieschnkhxngprachakr phuwakaraela aelaphudarngtaaehnngthangkaremuxngxun idrbkaraetngtngihdarngtaaehnngfaybrihar 37 esriphaphkhxngsuxldlng aelaphubriharswnklangphyayamthicacangchawkhrisetiynexriethriythiphudphasakriyyaaethnchawmuslim enuxngcakpraethsninbthuxsasnakhristepnswnihy sungidrbkhwamrusuksnbsnunshphaphidrbeluxkhlngcakkarlaxxkkhxngibru owledmiechlesnxkarcdtngfaybriharkhxngexriethriy karnathngchatikhxngexthioxepiymaich aelakaraenanakhxngphubriharaelakhruchawexthioxepiyinexriethriy 39 chawexriethriythimikarsuksaepidrbkarekhluxnihwidrbaerngcungicihradmphlephuxtxtanrthexthioxepiy nkeriynchawexriethriynesiyepriybenuxngcakcaepntxngeriynphasaxamaraaelaphasaxngkvsephuxihidrbkarsuksaradbmthymsuksa aethnthicaeriynphasatukruyyaaelaphasaxahrb inpi 1956 chawexriethriythiepnmuslimidrbeluxkihepnprathansmchchasungkxihekidkhwamsmphnthaebbephchiyhnarahwangexriethriyaelaexthioxepiy 40 khwamimetmickhxngphrrkhshphaphaelasnnibatmusliminkarpranipranxmthaihxaedmlaxxkinvduibimrwngpi 1957 khnathikarradmphlkhxngchawexriethriythaihekidkaraephrhlaykhxng ELM sungidrbkarsnbsnuncakchawkhristaelachawmuslimechnediywkn hlngehluxcaknoybayepidesrithangesrsthkickhxngexthioxepiy phayineduxnphvsphakhm ph s 2503 thngexriethriythukkhbxxkcaksphaaelatraprathbaelachuxkhxngrthbalaethnthidwy karbriharexriethriyphayithyelx sullaes ckrphrrdiaehngexthioxepiy 41 rabbtulakarthikahndkhunphayitkarkhwbkhumcakswnklangaelaxanacchikhadtkepnkhxngthangkarxaddisxababa inkareluxktngkhrnglasudthicdkhuninexriethriyinpi 1960 phrrkhshphaphidprakasichphubriharthifkifexthioxepiyphlphwngemuxwnthi 14 phvscikayn 1962 rthbalexthioxepiylaemidenguxnikhkhxngmti 390 A khxngshprachachati aelaphnwkexriethriyodysmkhricexngephuxkahndihexriethriyepncnghwd karprathwngtxtanrthbalexthioxepiyidrbkarywyuxyangcwneciynaelakarekhluxnihwthiaeswnghaexkrachthismburnaelasmburnthisudkhxngexriethriykekidkhun khbwnkarniklayepnthiruckinchux ELF sungkxtngodyxaedm thithukenreths 42 xangxingwww nationalanthems info Schiller A Arthur 1 July 1953 Eritrea Constitution and Federation with Ethiopia The American Journal of Comparative Law 2 3 375 383 doi 10 2307 837485 JSTOR 837485 Ellingson Lloyd April 1977 The Emergence of Political Parties in Eritrea 1941 1950 The Journal of African History phasaxngkvs 18 2 261 281 doi 10 1017 S0021853700015528 ISSN 1469 5138 S2CID 154808790 Biziouras Nikolaos 2013 01 01 The Genesis of the Modern Eritrean Struggle 1942 1961 The Journal of the Middle East and Africa 4 1 21 46 doi 10 1080 21520844 2013 771419 ISSN 2152 0844 S2CID 210662586 aehlngkhxmulxun390 V Eritrea Report of the United Nations Commission for Eritrea Report of the Interim Committee of the General Assembly on the Report of the United Nations Commission for Eritrea 2020 01 12 thi ewyaebkaemchchin 9 1 8 N 38 44 4 E 9 0300 N 38 7400 E 9 0300 38 7400