สมาพันธรัฐคาทอลิกไอร์แลนด์ Cónaidhm Chaitliceach na hÉireann | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 1642–ค.ศ. 1652 | |||||||||
เมืองหลวง | |||||||||
ภาษาทั่วไป | ไอริช อังกฤษ | ||||||||
ศาสนา | โรมันคาทอลิก | ||||||||
การปกครอง | สมาพันธรัฐภายใต้ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ | ||||||||
พระมหากษัตริย์ | |||||||||
• ค.ศ. 1641–1649 | พระเจ้าชาลส์ที่ 1 | ||||||||
• ค.ศ. 1649–1653 | พระเจ้าชาลส์ที่ 2 | ||||||||
สภานิติบัญญัติ | สมัชชาใหญ่ | ||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | |||||||||
• | 23 ตุลาคม ค.ศ. 1641 – พฤษภาคม ค.ศ. 1642 | ||||||||
• ก่อตั้ง | ค.ศ. 1642 | ||||||||
• | ค.ศ. 1652 | ||||||||
|
สมาพันธรัฐไอร์แลนด์ (ละติน: Hiberni Unanimes อังกฤษ: Confederate Ireland หรือ Union of the Irish) เป็นช่วงเวลาที่ชาวไอริชซึ่งนับถือนิกายคาทอลิก ได้ปกครองตนเองระหว่าง ค.ศ. 1642 ถึง ค.ศ. 1649 ระหว่าง ในช่วงนี้ สองในสามของไอร์แลนด์ถูกปกครองโดย สมาพันธรัฐคาทอลิกไอร์แลนด์ (อังกฤษ: Irish Catholic Confederation ไอริช: Cónaidhm Chaitliceach na hÉireann) หรือรู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า สมาพันธรัฐคิลล์เคนนี (อังกฤษ: Confederation of Kilkenny) เพราะสมาพันธรัฐมีเมืองหลวงอยู่ที่ สมาพันธรัฐถูกก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มขุนนาง นักบวช และผู้นำทางทหารชาวไอริชที่นับถือนิกายคาทอลิก ภายหลัง ซึ่งมีทั้งผู้ที่เป็นและ กลุ่มคนเหล่านี้ต้องการยุติความเกลียดชังนิกายคาทอลิกในราชอาณาจักรไอร์แลนด์ สิทธิ์การปกครองตนเองที่มากขึ้น และบางส่วนต้องการย้อนกลับผลลัพธ์ของ สมาชิกสมาพันธ์ส่วนใหญ่สวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าชาลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ ด้วยเชื่อว่าพวกตนจะบรรลุข้อตกลงกับทางราชสำนักได้โดยการช่วยปราบปรามปรปักษ์ของพระองค์ใน สถาบันการปกครองของสมาพันธรัฐประกอบไปด้วยฝ่ายนิติบัญญัติ คือ "สมัชชาใหญ่" (General Assembly) ฝ่ายบริหาร คือ "อภิสภา" (Supreme Council) และฝ่ายทหารหรือกองทัพ สมาพันธ์สามารถผลิตเหรียญกษาปณ์ จัดเก็บภาษี และมีโรงพิมพ์เป็นของตนเอง เอกอัครราชทูตของสมาพันธรัฐได้รับการรับรองจากฝรั่งเศส สเปนและรัฐสันตะปาปา ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนฝ่ายสมาพันธรัฐด้านการเงินและอาวุธยุทโธปกรณ์
กองทัพของสมาพันธ์ต่อสู้กับทั้งฝ่ายนิยมกษัตริย์ ฝ่ายรัฐสภา และกองทัพของ ซึ่งถูกส่งมายังอัลสเตอร์ กองกำลังเหล่านี้ยึดครองบริเวณ บางส่วนทางตะวันออกและทางเหนือของอัลสเตอร์ และอาณาเขตโดยรอบคอร์ก พระเจ้าชาลส์มีพระบรมราชานุญาตให้เปิดการเจรจาลับกับฝ่ายสมาพันธรัฐ ส่งผลให้เกิดการสงบศึกระหว่างสมาพันธรัฐกับฝ่ายนิยมกษัตริย์ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1643 และการเจรจาเพิ่มเติม ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ ใน ค.ศ. 1644 ได้ขึ้นฝั่งที่สกอตแลนด์เพื่อช่วยสนับสนุนฝ่ายนิยมกษัตริย์ ขณะเดียวกันสมาพันธรัฐก็ยังรบกับฝ่ายรัฐสภาในไอร์แลนด์อย่างต่อเนื่อง และยังสามารถเอาชนะกลุ่มพันธสัญญาสกอตได้อย่างเด็ดขาดที่ เมื่อมาถึง ค.ศ. 1647 สมาพันธรัฐก็เริ่มเพลี่ยงพล้ำให้แก่ฝ่ายรัฐสภา เช่นการรบที่ และ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สมาพันธรัฐยอมร่วมมือกับฝ่ายนิยมกษัตริย์ ความร่วมมือดังกล่าวก่อให้เกิดความแตกแยกภายในสมาพันธรัฐ และทำให้การป้องกันการรุกรานจากฝ่ายรัฐสภาล่าช้าลงเช่นกัน ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1649 กองทัพตัวแบบใหม่ซึ่งนำโดยโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ได้ เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1652 ครอมเวลล์ก็สามารถตีกองทัพผสมของฝ่ายนิยมกษัตริย์–สมาพันธรัฐแตกพ่ายไป แม้ทหารของสมาพันธรัฐจะทำรบต่อไปในรูปแบบการสงครามกองโจรเป็นเวลาอีกหลายปีก็ตาม
การก่อตั้ง
สมาพันธรัฐคาทอลิกไอร์แลนด์ก่อตั้งขึ้นภายหลัง เพื่อควบคุมการลุกฮือของมวลชน และเป็นศูนย์รวมตัวของชาวไอริชที่นับถือนิกายคาทอลิกเพื่อขับไล่กองทัพอังกฤษและสกอตแลนด์ที่ยังคงเหลืออยู่ในไอร์แลนด์ ชาวคาทอลิกไอริชหวังว่าการทำเช่นนี้จะสามารถช่วยต้านการรุกรานระลอกใหม่จากกองทัพอังกฤษหรือสกอตแลนด์ได้
ความคิดริเริ่มในการก่อตั้งสมาพันธรัฐมาจากบิชอป และทนายความนาม ทั้งสองนำแนวคิดดังกล่าวไปเสนอให้แก่เหล่าขุนนางคาทอลิกไอริช เช่น และ โดยขุนนางเหล่านี้จะต้องส่งมอบไพร่พลของตนให้แก่รัฐบาลสหพันธ์ และทำหน้าที่โน้มน้าวกบฏกลุ่มอื่น ๆ ให้เข้าร่วมด้วย จุดประสงค์ของสมาพันธรัฐค่อนข้างคล้ายคลึงกับ ซึ่งออกในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1641 ของเซอร์ ผู้นำการกบฎในช่วงแรกที่อัลสเตอร์
ในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1642 ขุนนางเหล่านั้นได้ร่วมกันลงนามใน "ข้อประท้วงคาทอลิก" (Catholic Remonstrance) ที่ ซึ่งถูกส่งไปให้พระเจ้าชาลส์ทอดพระเนตร ต่อมาในวันที่ 22 ของเดือนเดียวกัน สมาชิกส่วนใหญ่ของสภาสงฆ์ซึ่งจัดขึ้นใกล้กับเมือง อันมีเป็นประธาน ได้ลงมติว่าการกบฎเป็น
วันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1642 บรรดานักบวชคาทอลิกได้จัด ขึ้นอีกครั้งที่ โดยมีเหล่าอาร์ชบิชอปแห่ง และ บิชอปสิบเอ็ดองค์หรือผู้แทน และผู้ดำรงตำแหน่งอื่น ๆ เข้าร่วม พวกเขาร่วมกันร่าง และเรียกร้องให้ชาวคาทอลิกในไอร์แลนด์เข้าสาบานตนกับคำปฏิญาณดังกล่าว ผู้เข้าปฏิญาณตนจะต้องถวายสัตย์แก่พระเจ้าชาลส์ที่ 1 และสาบานว่าจะเชื่อฟังคำสั่งและโองการซึ่งร่างโดย "อภิสภาสมาพันธรัฐคาทอลิก" (Supreme Council of the Confederate Catholics) กองกำลังกบฎจึงกลายมาเป็นที่รู้จักในนาม "พวกสมาพันธรัฐ" (Confederates) การประชุมดังกล่าวยังคงยืนยันว่าการกบฎเป็น "สงครามอันชอบธรรม" นอกจากนี้ยังมีการร่างโครงสร้างสำหรับสภาท้องถิ่น (ซึ่งมีนักบวชและขุนนางเป็นสมาชิก) ของแต่ละ ซึ่งจะอยู่ภายใต้สภาแห่งชาติที่ถืออำนาจบริหารทั้งเกาะไอร์แลนด์อีกต่อหนึ่ง ที่ประชุมยังให้คำมั่นว่าจะลงโทษเหล่าทหารที่เคยก่ออาชญากรรมสงคราม และจะทำการบัพพาชนียกรรมชาวคาทอลิกที่เป็นศัตรูกับสมาพันธรัฐ สภาสงฆ์ยังได้ทำการส่งผู้แทนไปยังฝรั่งเศส สเปน และอิตาลี เพื่อหาผู้สนับสนุน เงินทุน อาวุธยุทโธปกรณ์ และเพื่อชักชวนชาวไอริชที่รับราชการในต่างประเทศให้เข้าร่วม ไวเคานต์เมาท์การ์เร็ตได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานอภิสภา และมีการกำหนดวันประชุมสมัชชาสมาพันธรัฐเป็นเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน
การประชุมสมัชชาสมาพันธรัฐครั้งแรก
การประชุมสมัชชาสมาพันธรัฐครั้งแรกถูกจัดขึ้นที่คิลล์เคนนีในวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1642 โดยเป็นการตั้งรัฐบาลชั่วคราว ตัวสมัชชาเองนั้นนับได้ว่าเป็นรัฐสภาโดยพฤตินัย ผู้เข้าร่วมการประชุมครั้งแรกแบ่งออกเป็นขุนนางฝ่ายอาณาจักร 14 คน และ ขุนนางฝ่ายศาสนจักร จำนวน 11 คน ซึ่งเป็นสมาชิกของรัฐสภาไอร์แลนด์ รวมถึงสมาชิกสภาสามัญชนอีก 226 คนด้วยเช่นกัน ธรรมนูญของสมาพันธรัฐถูกร่างขึ้นโดย นักกฎหมายชาวกอลเวย์ สมาชิกสมัชชายังมีมติเห็นชอบให้แต่ละเทศมณฑลมีสภาท้องถิ่นเป็นของตัวเอง ซึ่งจะอยู่ภายใต้การดูแลของสภามณฑลอันประกอบด้วยผู้แทนจากแต่ละเทศมณฑลอย่างละสองคน โดยสมัชชาได้สรุปว่า "ให้ใช้ระบอบดังกล่าวเป็นแบบอย่างของการปกครอง" ("To be observed as the model of their government")
ที่ประชุมสมัชชาได้ทำการเลือกสมาชิกฝ่ายบริหารชื่อว่า "อภิสภา" ใน หรือประมาณวันที่ 14 พฤศจิกายน อภิสภาชุดแรกมีสมาชิกทั้งสิ้น 24 คน โดยในจำนวนนี้ จะต้องมี 12 คนคอยประจำอยู่ที่คิลล์เคนนี หรือเมืองอื่น ๆ ตามแต่เห็นสมควร
สมาชิกอภิสภาชุดแรก มีรายชื่อดังต่อไปนี้:
ไลนสเตอร์ | อัลสเตอร์ | คอนนักค์ | มุนสเตอร์ |
---|---|---|---|
อาร์ชบิชอปแห่งดับลิน | อาร์ชบิชอปแห่งทูม | ||
บิชอปแห่งดาวน์ | |||
นายพัน | เซอร์ลูคัส ดิเลียน | นายแพทย์ฟันเนล | |
โรเบิร์ต แลมเบิร์ต | |||
เจมส์ คูแซค | ตูลงก์ โอนีลล์ |
(James Tuchet, 3rd Earl of Castlehaven) ทำหน้าที่เป็นผู้แทนพระองค์และเป็นสมาชิกลำดับสุดท้ายของอภิสภา
อภิสภามีอำนาจเหนือบรรดาแม่ทัพ นายทหารและข้าราชการพลเรือน สิ่งแรกที่สมาชิกอภิสภาทำคือการแต่งตั้งผู้บังคับบัญชาทหารของสมาพันธรัฐ: (Owen Roe O'Neill) คุมกองทัพอัลสเตอร์ (Thomas Preston) คุมกองทัพไลนสเตอร์ (Garret Barry) คุมกองทัพมุนสเตอร์ และจอหน์ เบิร์ก (John Burke) คุมกองทัพคอนนักค์ (Ulick Burke, 1st Marquess of Clanricarde) ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด เนื่องจากที่ประชุมเชื่อว่าเขาอาจจะเข้าร่วมกับทางสมาพันธ์ในภายหลัง อภิสภายังได้ออกคำสั่งให้รวบรวมเงินจำนวน 30,000 ปอนด์และเกณฑ์ไพร่พลจำนวน 31,700 นายในเขตมณฑลไลนสเตอร์ ซึ่งจะถูกส่งเข้ารับการฝึกโดยทันที
นอกจากนี้อภิสภายังได้จัดทำตราเอกของตนขึ้นด้วย โดยมีนิยามทางมุทราศาสตร์ดังนี้: "ผิวตราเป็นทรงกลม ตรงกึ่งกลางตรามีไม้กางเขน ประดิษฐานบนพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เหนือยอดไม้กางเขนประดับด้วยนกพิราบกางปีก ทางซ้ายและขวาของไม้กางเขนมีพิณฮาร์ปและมงกุฎวางเคียง" พร้อมคำขวัญบนผิวตราว่า เพื่อพระผู้เป็นเจ้า องค์กษัตริย์ และบ้านเมือง ไอร์แลนด์จงสามัคคีกัน (Pro Deo, Rege, et Patria, Hiberni Unanimes)
กรมคลัง (National Treasury) โรงผลิตเหรียญกษาปณ์ และโรงพิมพ์สำหรับใช้ตีพิมพ์ประกาศจากทางสมาพันธรัฐ ได้รับการจัดตั้งขึ้นในคิลล์เคนนี เมืองหลวงของสมาพันธรัฐ สมัชชาใหญ่ชุดแรกอยู่ในวาระประชุมจนถึงวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 1643
เป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม สมาพันธรัฐคาทอลิกไอร์แลนด์ก็ไม่เคยประกาศตนเป็นรัฐบาลอิสระ เพราะว่า (ตามบริบทของ) พวกเขาถือว่าตนเองเป็นฝ่ายนิยมกษัตริย์ ผู้จงรักภักดีต่อพระเจ้าชาลส์ที่ 1 และสมัชชาใหญ่ของสมาพันธรัฐเองก็ไม่เคยถือว่าตนเองเป็นรัฐสภา แม้สมัชชาจะทำหน้าที่นี้โดยพฤตินัยก็ตาม เนื่องจากตามกฎหมายในเวลานั้นมีเพียงพระมหากษัตริย์เท่านั้นที่สามารถเรียกประชุมสภาได้ ในการเจรจากับพวกแควาเลียร์ ฝ่ายสมาพันธรัฐได้เรียกร้องให้ข้อตกลงต่างๆ ที่ตกลงในการเจรจานี้ได้รับการเห็นชอบอีกครั้งในรัฐสภาไอร์แลนด์ ภายหลังสงครามสิ้นสุดลง ซึ่งจะมีสมาชิกสมัชชาสมาพันธรัฐและผู้นิยมกษัตริย์ที่นับถือนิกายโปรแตสเตนท์เป็นสมาชิกของสภาชุดใหม่นี้
เป้าหมายตั้งต้นของฝ่ายสมาพันธรัฐคือการบรรลุข้อตกลงกับพระเจ้าชาลส์ โดยมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้: สิทธิและการยอมรับทางศาสนาสำหรับผู้นับถือนิกายคาทอลิก และสิทธิ์การปกครองตนเองสำหรับไอร์แลนด์ ทั้งนี้พระเจ้าชาลส์ทรงสัญญาว่าจะพระราชทานให้พวกเขา หลังจากการเรียกร้องในช่วงค.ศ. 1628–1634 แต่ก็ทรงผ่อนผันเรื่อยมาจนถึง ค.ศ. 1641
สมาชิกอภิสภาส่วนใหญ่มีเชื้อสาย (Hiberno-Norman) ทำให้พวกเขาไม่ได้รับความไว้วางใจจากไอริช ผู้มองว่าข้อเรียกร้องของพวกเขาประนีประนอมเกินไป สมาชิกสมาพันธรัฐหัวรุนแรงยังได้ผลักดันให้ยกเลิกการของชาวโปรแตสแตนท์ และเรียกร้องให้ประกาศนิกายคาทอลิกเป็นศาสนาประจำรัฐของไอร์แลนด์ด้วย
ฝ่ายสมาพันธ์เชื่อว่าเป้าหมายของตนจะสัมฤทธิ์ผลได้ก็ต่อเมื่อพวกเขายอมเป็นพันธมิตรกับฝ่ายนิยมกษัตริย์อังกฤษ และนั้นทำให้การสนับสนุนพระเจ้าชาลส์กลายเป็นหัวใจหลักของแผนการนี้ ทังนี้เป็นเพราะสมาชิกรัฐสภาอังกฤษและ บางส่วนในช่วงก่อนสงครามได้แสดงท่าทีจะเข้ารุกรานไอร์แลนด์ ทำลายความเชื่อแบบคาทอลิกและชนชั้นเจ้าครองที่ดินชาวไอริช แต่ท่าทีดังกล่าวก็ไม่ได้รับการยึดถือเป็นแนวคิดอย่างจริงจัง ในทางตรงกันข้าม พระเจ้าชาลส์ได้ทรงสัญญาจะทรงยอมรับข้อเรียกร้องบางข้อ ปัญหาสำหรับพระเจ้าชาลส์คือพระองค์ได้ทราบข่าวอาชญกรรมสงครามในช่วงการกบฏเมื่อค.ศ. 1641 จึงทรงออก (Adventurers Act) ในปีต่อมา ซึ่งมีเนื้อหาว่าด้วยการริบดินแดนที่พวกกบฏถือครอง มีการถกเถึยงกันทั้งในกรุงลอนดอนและดับลินในเรื่องการปฏิเสธที่จะพระราชทานอภัยโทษให้แก่กบฎไอริช (การพระราชทานอภัยโทษเป็นวิธีที่นิยมใช้ยุติการกบฎในไอร์แลนด์มาตั้งแต่หลายศตวรรษก่อนหน้า) ดังนั้นกองกำลังของพระองค์จึงเป็นปรปักษ์กับฝ่ายสมาพันธรัฐไปจนถึง ค.ศ. 1643 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์เริ่มเสียเปรียบทางการทหาร เหล่าเจ้าที่ดินฝ่ายสมาพันธรัฐหลายรายต้องเสียที่ดินไปจากการบังคับใช้ ทำให้พวกเขาตระหนักว่าการยอมร่วมมือกับพระเจ้าชาลส์เป็นหนทางเดียวในการได้ที่ดินเหล่านั้นคืนมา
กระนั้น แม้สมาชิกสมาพันธ์สายประนีประนอมจะรู้สึกยินดีที่สามารถเจรจากับราชสำนักเป็นผลสำเร็จ และไม่ได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปทางการเมืองและศาสนาแบบสุดโต่ง แต่สมาชิกสมาพันธ์สายหัวรุนแรงต้องการให้พระเจ้าชาลส์ยอมจัดตั้งรัฐบาลปกครองตนเองของชาวคาทอลิกไอริชเสียก่อน เมื่อเป้าหมายดังกล่าวไม่ประสบผล พวกเขาก็หันไปเรียกร้องให้สมาพันธรัฐเป็นพันธมิตรกับสเปนหรือฝรั่งเศสแทน
การพักรบกับฝ่ายนิยมกษัตริย์
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1643 สมาพันธรัฐได้เจรจาพักรบกับ (James Butler, 12th Earl of Ormond) ผู้บัญชาการทัพฝ่ายนิยมกษัตริย์ในไอร์แลนด์ ข้อตกลงได้รับการลงนามที่จิกกินส์ทาวน์ (Jigginstown) ใกล้กับเมือง (Naas) เป็นอันยุติความเป็นปรปักษ์ระหว่างสมาพันธรัฐและกองกำลังนิยมกษัตริย์ของออร์มอนด์ ซึ่งตั้งมั่นอยู่ที่เมืองดับลิน ทว่ากองทหารอังกฤษที่คอร์ก (ซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ (Murrough O'Brien, 1st Earl of Inchiquin) ชาวเกลิกส่วนน้อยที่นับถือนิกายโปรเตสแตนต์ ไม่เห็นด้วยกับการพักรบดังกล่าวและก่อกบฏ โดยเมอร์รอกได้เข้าสวามิภักดิ์กับรัฐสภายาวแทน ในด้านเองก็ได้นำทหารขึ้นฝั่งที่อัลสเตอร์ในค.ศ. 1642 โดยยังคงความเป็นปรปักษ์กับสมาพันธรัฐและพระเจ้าชาลส์อยู่ – เช่นเดียวกับ (Laggan Army) ของผู้ตั้งถิ่นฐานชาวสกอตในอัลสเตอร์
นักประวัติศาสตร์สายจาโคไบต์ (Thomas Carte) ได้กล่าวถึงเงื่อนไขเกี่ยวกับการเงินของสัญญาพักรบไว้ว่า สมาพันธรัฐจะต้องจ่ายเงินงวดละ 30,000 ปอนด์ ให้แก่ออร์มอนด์จนถึงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1644 โดยแบ่งจ่ายเป็นเงินสดกึ่งหนึ่งและอีกกึ่งหนึ่งจ่ายด้วยฝูงโค
ในค.ศ. 1644 ฝ่ายสมาพันธรัฐได้ส่งไพร่พลจำนวนประมาณ 1,500 นาย ภายใต้การนำของ (Alasdair MacColla) ไปยังสกอตแลนด์ เพื่อสนับสนุนกองกำลังฝ่ายนิยมกษัตริย์ของเจมส์ แกรม มาร์ควิสแห่งมอนท์โรสที่ 1 ในการต่สู้กับกลุ่มพันธสัญญา ก่อให้เกิด – นับเป็นการแทรกแซงทางทหารครั้งเดียวของฝ่ายสมาพันธรัฐในสงครามกลางเมืองบนเกาะบริเตนใหญ่
การมาถึงของเอกอัครสมณทูต
สมาพันธรัฐไอร์แลนด์ได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากราชสำนักฝรั่งเศสและสเปน ซึ่งต้องการเกณฑ์ชาวไอร์แลนด์ให้มารับราชการในกองทัพของตน แต่ผู้สนับสนุนหลักของสมาพันธรัฐบนภาคพื้นทวีปคือสันตะสำนัก ทรงส่ง (Pierfrancesco Scarampi) มาในค.ศ. 1643 เพื่อประสานงานและช่วยเหลืออภิสภาของสมาพันธรัฐ ผู้ดำรงตำแหน่งต่อจากพระองค์ก็ทรงสนับสนุนสมาพันธรัฐไอร์แลนด์อย่างแข็งขัน ทรงเพิกเฉยคำทัดทานของพระคาดินัลมาซาแร็งและสมเด็จพระราชินีอ็องเรียต มารี พระมเหสีของพระเจ้าชาลส์ที่ 1 ผู้ทรงย้ายมาประทับที่กรุงปารีสในค.ศ. 1644 สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ทรงต้อนรับคณะทูตของสมาพันธรัฐไอร์แลนด์ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1645 และทรงตัดสินพระทัยส่ง (Giovanni Battista Rinuccini) (Archbishop of Fermo) ไปยังไอร์แลนด์ในฐานะเอกอัครสมณทูตวิสามัญ รีนุกชีนีออกเดินทางโดยเรือจากลารอแชลพร้อมกับ (Richard Bellings) เลขานุการของสมาพันธรัฐ โดยนำยุทโธปกรณ์ เสบียงทางทหารและเงินจำนวนมากมาด้วย ทำให้เขากลายเป็นผู้มีอิทธิพลต่อกิจการภายในสมาพันธ์รัฐ นอกจากนี้รีนุกชีนียังได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสมาพันธ์สายหัวรุนแรง เช่น องค์เอกอัครสมณทูตได้รับการต้อนรับจากรัฐบาลสมาพันธ์อย่างดีที่คิลล์เคนนี รีนุกชีนียืนยันว่าจุดประสงค์หลักของเขาคือการช่วยสนับสนุนพระเจ้าชาลส์ แต่เป้าหมายเหนือสิ่งอื่นใดอื่นของภารกิจนี้คือการช่วยเหลือชาวคาทอลิกในไอร์แลนด์ให้สามารถนับถือศาสนาของตนได้อย่างเสรีและเปิดเผย รวมไปถึงการฟื้นฟูและคืนทรัพย์สินให้แก่บรรดาโบสถ์ แต่ไม่รวมไปถึงทรัพย์สินของอดีตอาราม
"สันติภาพออร์มอนด์" ครั้งที่หนึ่ง
เหล่าสมาชิกอภิสภาได้ฝากความคาดหวังอย่างสูงไว้กับสนธิสัญญาลับที่พวกเขาลงนามไว้กับ (ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นเอิร์ลแห่งกลามอร์แกน) (Earl of Glamorgan) ผู้เป็นตัวแทนมาเจรจากับสมาพันธรัฐในพระปรมาภิไธยกษัตริย์ สนธิสัญญาดังกล่าวให้คำมั่นว่าพระเจ้าชาลส์จะทรงยอมรับข้อเรียกร้องเพิ่มเติมของชาวคาทอลิกไอร์แลนด์ในอนาคต เอิร์ลแห่งกลามอร์แกนเป็นขุนนางอังกฤษฝ่ายกษัตริย์นิยมผู้มีฐานะดี เขาถูกส่งไปยังไอร์แลนด์ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1645 พร้อมรับสั่งลับส่วนพระองค์จากพระเจ้าชาลส์ให้ยอมรับข้อเรียกร้องของสมาชิกสมาพันธรัฐ เพื่อแลกกับการที่กองทัพของสมาพันธรัฐจะต่อสู้ให้กับราชสำนักในดินแดนอังกฤษ แผนการดังกล่าวจะเป็นที่ครหาอย่างมากหากรั่วไหลออกไป เมื่อฝ่ายรัฐสภา ค้นพบสำเนารับสั่งลับดังกล่าว พวกเขาก็นำมันไปตีพิมพ์และแจกจ่ายโดยทันที ทำให้พระเจ้าชาลส์ต้องรีบออกมาปฏิเสธว่าทรงไม่มีความเกี่ยวข้องด้วยเพื่อรักษาการสนับสนุนของประชาชนชาวอังกฤษ ซึ่งนับถือนิกายโปรเตสแตนต์เป็นส่วนใหญ่ พระองค์ทรงประกาศให้ซัมเมอร์เซ็ตมีความผิดฐานกบฏ และเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้ทหารไอร์แลนด์ในการรบบนเขตแดนอังกฤษ รัฐสภายาวได้ผ่าน (Ordinance of no quarter to the Irish) ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1644
รีนุกชีนีมองตัวเองว่าเป็นผู้นำที่แท้จริงของชาวคาทอลิกในไอร์แลนด์ ต่อมาในค.ศ. 1646 บรรดาสมาชิกอภิสภาของสมาพันธรัฐได้ตกลงในสนธิสัญญากับออร์มอนด์ และได้รับการลงนามในวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1646 ภายใต้เงื่อนไขของสนธิสัญญาดังกล่าว ผู้นับถือนิกายคาทอลิกจะสามารถเข้ารับราชการและตั้งสถานศึกษาได้ นอกจากนี้ยังมีการให้คำมั่นเรื่องความเท่าเทียมทางศาสนาในอนาคต มีการพระราชทานอภัยโทษสำหรับอาชญกรรมที่ก่อขึ้นระหว่างการกบฎ ค.ศ. 1641 และการรับรองว่าจะไม่มีการริบที่ดินตามกฎหมายเพิ่มเติมอีก
กระนั้น สนธิสัญญาดังกล่าวก็มิได้เพิกถอน (Poynings' Law) หมายความว่าร่างพระราชบัญญัติใดๆ ที่จะยกร่างให้รัฐสภาไอร์แลนด์พิจารณาเป็นกฎหมายจะยังคงต้องได้รับการเห็นชอบจากสภาองคมนตรีอังกฤษเสียก่อน ผู้นับถือนิกายโปรแตสแตนท์ยังคงถือครองเสียงส่วนมากใน และไม่มีการยกเลิกนโยบายในอัลสเตอร์และมุนสเตอร์ นอกเหนือไปจากนี้ เงื่อนไขด้านศาสนาของสนธิสัญญาดังกล่าวได้ระบุว่าโบสถ์ทุกแห่งที่ฝ่ายคาทอลิกยึดได้ในระหว่างสงครามจะต้องถูกส่งกลับคืนให้ฝ่ายโปรแตสแตนท์ และไม่มีการรับประกันถึงสิทธิ์ในการนับถือนิกายคาทอลิกได้อย่างเปิดเผยแต่อย่างใด
เพื่อเป็นการตอบแทนการประนีประนอมดังกล่าว ทหารของสมาพันธ์จะถูกส่งไปยังอังกฤษเพื่อทำการรบให้กับฝ่ายนิยมกษัตริย์ในสงครามกลางเมืองอังกฤษ ทว่าข้อแม้ดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ทั้งเหล่านักบวชคาทอลิก บรรรดาแม่ทัพนายกอง โดยเฉพาะและ สมาชิกสมัชชาใหญ่ส่วนมาก และตัวแทนเจรจาฝ่ายเอกอัครสมณทูต ซึ่งไม่ได้หยิบเป้าหมายของตนออกมาหารือด้วย รีนุกชีนีได้พยายามชักชวนบิชอปไอริชจำนวนเก้าองค์ให้ต่อต้านการเจรจาใดๆ กับหรือราชสำนัก หากไม่มีคำมั่นว่านิกายคาทอลิกจะได้รับการทำนุบำรุง
หลายฝ่ายเชื่อว่าอภิสภาไม่สามารถไว้วางใจได้ เนื่องจากสมาชิกหลายคนมีความเกี่ยวดองกับออร์มอนด์หรือมีพันธะบางอย่างกับเขา นอกจากนี้ยังมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายรัฐสภาน่าจะเป็นผู้ชนะในสงครามกลางเมืองอังกฤษ และการส่งทหารไอริชไปร่วมสู้กับฝ่ายนิยมกษัตริย์จะเป็นการเสียไพร่พลไปโดยเปล่าประโยชน์ ในอีกด้านหนึ่ง กองทัพอัลสเตอร์ของ สามารถเอาชนะพวกสกอตได้ใน ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1646 ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าสมาพันธรัฐมีศักยภาพมากพอที่จะทำการขับไล่ผู้รุกรานทั้งหมด อีกทั้งฝ่ายที่ต่อต้านการสงบศึกได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านความเชื่อและการเงินจากรีนุกชีนี ผู้ขู่จะประกาศบัพพาชนียกรรม "ฝ่ายสันติภาพ" สมาชิกอภิสภาต่างถูกจับกุม และสมัชชาใหญ่ก็ลงมติปฏิเสธข้อเสนอของออร์มอนด์
ความพ่ายแพ้ทางการทหารและสันติภาพออร์มอนด์ครั้งใหม่
หลังจากฝ่ายสมาพันธ์รัฐปฏิเสธข้อเสนอสงบศึก ออร์มอนด์ได้ทำการส่งมอบเมืองดับลินให้แก่กองทัพของฝ่ายรัฐสภาภายใต้การนำของ (Michael Jones) ทางด้านสมาพันธรัฐจึงพยายามทำลายค่ายทหารของฝ่ายรัฐสภาที่ตั้งอยู่โดยรอบดับลินและคอร์ก แต่กลับประสบความล้มเหลว โดยในค.ศ. 1647 กองทัพของสมาพันธรัฐได้ประสบกับความพ่ายแพ้ทางทหารอย่างต่อเนื่อง เริ่มด้วยกองทัพโดยมีทอมัส เพรสตันเป็นแม่ทัพ ถูกกองกำลังฝ่ายรัฐสภาของโจนส์ตีแตกที่ในเขต (County Meath) จากนั้นไม่เกินสามเดือนต่อมา กองทัพมุนสเตอร์ก็ประสบความพ่ายแพ้แบบเดียวกันจากฝีมือของเอิร์ลแห่งอินไชควินที่
สภาวะดังกล่าวทำให้สมาชิกสมาพันธ์โดยส่วนใหญ่เริ่มกระตือรือร้นในการหาทางเจรจากับฝ่ายนิยมกษัตริย์ อภิสภาของสมาพันธรัฐได้รับเงื่อนใหม่จากพระเจ้าชาลส์และออร์มอนด์ ซึ่งมีเนื้อหาที่ผ่อนปรนกว่าเดิม อันประกอบด้วยการยอมมอบขันติธรรมทางศาสนา คำสัญญาที่จะทำการเพิกถอนกฎหมายพอยย์นิงในอนาคต (ซึ่งจะนำไปสู่สิทธิ์ในการปกครองตนเอง) การรับรองเอกสิทธิ์ในที่ดินที่ชาวคาทอลิกไอริชยึดมาได้ระหว่างสงคราม และการยุติลงในบางพื้นที่ นอกจากนี้ยังจะมีการออกฎหมายนิรโทษกรรม หรือการพระราชทานอภัยโทษสำหรับอาชญากรรมสงครามในคราวการกบฏ ค.ศ. 1641 และ – โดยเฉพาะการสังหารผู้ตั้งรกรากชาวโปรแตสแตนท์ในค.ศ. 1641 – สนธิสัญญาดังกล่าวยังอนุญาตให้สมาพันธรัฐคงกองทัพของตัวเองไว้เช่นเดิมด้วย
อย่างไรก็ตาม พระเจ้าชาลส์ทรงต้องจำยอมพระราชทานเงื่อนไขเหล่านี้เพราะสถานการณ์บีบให้พระองค์ทำเช่นนั้น และในภายหลังพระองค์ก็ทรงปฏิเสธข้อตกลงดังกล่าว และทรงออกเงื่อนไขใหม่ให้สมาพันธรัฐยุบตัวเองลง ถ่ายโอนกองกำลังไปอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของแม่ทัพฝ่ายนิยมกษัตริย์และต่อสู้ร่วมกับทหารอังกฤษ เอิร์ลแห่งอินไชควินยังได้แปรพักตร์จากฝ่ายรัฐสภาและทำการเข้าสวามิภักดิ์กับฝ่ายนิยมกษัตริย์อีกครั้งด้วย
สงครามกลางเมืองภายในสมาพันธรัฐ
กระนั้น ชาวคาทอลิกไอริชจำนวนมากก็ยังคงไม่ยอมร่วมมือกับฝ่ายนิยมกษัตริย์ ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับฝ่ายนิยมกษัตริย์ และก่อสงครามกลางเมืองระยะสั้นขึ้นภายในสมาพันธรัฐ ในหน้าร้อนของค.ศ. 1648 โอนีลล์ ผู้มองว่าพันธมิตรครั้งใหม่ระหว่างสมาพันธรัฐและฝ่ายนิยมกษัตริย์อังกฤษเป็นการทรยศเป้าหมายสงครามแบบคาทอลิก (Catholic war aims) จึงทำให้เขาพยายามเจรจาสงบศึกกับฝ่ายรัฐสภา และกลายมาเป็นพันธมิตรของกองกำลังฝ่ายรัฐสภาอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลร้ายกับเป้าหมายหลักของสมาพันธรัฐ นอกจากนี้มันยังคาบเกี่ยวกับ(สงครามกลางเมืองครั้งที่สอง)ในอังกฤษ รีนุกชีนีพยายามช่วยสนับสนุนโอนีลล์ด้วยการประกาศปัพพาชนียกรรม ผู้เห็นด้วยกับ (Inchiquin Truce) ที่จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1648 กับฝ่ายนิยมกษัตริย์ แต่รีนุกชีนีไม่สามารถโน้มน้าวเหล่าบิชอปไอริชได้ ดังนั้นเขาจึงออกเดินทางจากกัลเวย์กลับไปยังโรมในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1649
เหตุการณ์ดังกล่าวมักจะถูกมองว่าเป็นตัวแทนความไม่ลงรอยกันระหว่างชาวเกลิกไอริชและ (Old English) มีการให้เหตุผลว่าชาวเกลิกไอริชได้สูญเสียที่ดินและอิทธิพลเป็นจำนวนมากหลังการเข้าพิชิตไอร์แลนด์ของอังกฤษ ส่งผลให้ข้อเรียกร้องของพวกเขารุนแรงขึ้นตามไปด้วย[] แม้กระนั้น ทั้งฝ่ายประนีประนอมและฝ่ายหัวรุนแรงก็ต่างมีผู้สนับสนุนจากทั้งสองชาติพันธุ์ ยกตัวอย่างเช่น เซอร์ ชาวเกลิกผู้นำการกบฎใน ค.ศ. 1641 สนับสนุนฝ่ายประนีประนอม ในขณะที่บริเวณเซาท์เวกซ์ฟอร์ด (South Wexford) ซึ่งประชากรส่วนมากมีเชื้อสายชาวอังกฤษเก่าไม่เห็นด้วยกับการสงบศึก เหล่านักบวชคาทอลิกเองก็ขัดแย้งกันในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน
ข้อสำคัญที่สุดของเหตุการณ์ดังกล่าว คือ มันได้แสดงความแตกต่างระหว่างกลุ่มเจ้าที่ดิน ซึ่งพร้อมที่จะยอมรับข้อเสนอของฝ่ายนิยมกษัตริย์ ตราบใดที่ที่ดินและสิทธิของพวกตนยังได้รับความคุ้มครอง และกลุ่มคนเฉกเช่นโอนีลล์ ผู้ต้องการขจัดอิทธิพลของอังกฤษให้หมดไป พวกเขาต้องการสร้างรัฐคาทอลิกไอร์แลนด์ที่เป็นอิสระ พร้อมทั้งขับไล่ผู้ตั้งรกรากชาวอังกฤษและสกอตแลนด์ออกไปอย่างถาวร ฝ่ายหัวรุนแรงจำนวนมากมีเป้าหมายหลักคือการทวงคืนที่ดินอันสืบทอดมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ ซึ่งเสียไปในคราวเริ่มนโยบายตั้งถิ่นฐาน หลังจากทำการลอบโจมตีฝ่ายสมาพันธรัฐอย่างยืดเยื้อ โอเวน โร โอนีลล์จึงล่าถอยไปยังอัลสเตอร์ ก่อนที่จะกลับมาเข้าร่วมกับสมาพันธรัฐอีกครั้งเมื่อครอมเวลล์ เข้ารุกรานในค.ศ. 1649 การเกิดสงครามภายในยังทำให้การเตรียมตัวด้านการศึกกับกองทัพตัวแบบใหม่ ของกองกำลังผสมฝ่ายนิยมเจ้า-สมาพันธรัฐต้องล่าช้าลงไปด้วย
การรุกรานของครอมเวลล์
โอลิเวอร์ ครอมเวลล์ เข้ารุกรานไอร์แลนด์ในค.ศ. 1649 เพื่อทำลายการรวมกำลังครั้งใหม่ระหว่างฝ่ายสมาพันธรัฐและฝ่ายนิยมกษัตริย์ นับเป็นความขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ไอร์แลนด์ และนำมาซึ่งการแพร่ระบาดของกาฬโรคและทุพภิกขภัย คิลล์เคนนี เมืองหลวงของสมาพันธรัฐ ในค.ศ. 1650 สงครามจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปของพวกคาทอลิกไอริชและฝ่ายนิยมกษัตริย์ ชนชั้นเจ้าครองที่ดินชาวคาทอลิกไอริชที่มีมาแต่ครั้งก่อนสงครามถูกทำลายลงในช่วงนี้ เช่นเดียวกับสถาบันโรมันคาทอลิก สมาชิกอาวุโสส่วนมากของสมาพันธรัฐลี้ภัยไปฝรั่งเศสพร้อมกับราชสำนักอังกฤษ หลังจากการฟื้นฟูราชวงศ์อังกฤษ สมาชิกสมาพันธรัฐที่สนับสนุนการเป็นพันธมิตรกับฝ่ายนิยมกษัตริย์ในช่วงสงครามต่างได้รับความชอบ และได้รับพระราชทานที่ดินของตนคืนอย่างน้อยสามส่วนจากเดิม ตรงกันข้ามกับผู้ที่ยังคงอยู่ในไอร์แลนด์ระหว่างยุคช่วงว่างระหว่างรัชกาล ซึ่งโดยส่วนมากแล้วจะถูกริบที่ดิน สำหรับผู้เป็นเชลยสงครามมักจะถูกประหารหรือส่งไปยังทัณฑนิคม
สิ่งสืบทอด
รูปแบบรัฐสภาของสมาพันธรัฐไอร์แลนด์มีความคล้ายคลึงกับรัฐสภาไอร์แลนด์ ที่ก่อตั้งโดยชาวชาวนอร์มันใน ค.ศ. 1297 ซึ่งมีความเป็นคณาธิปไตยของเจ้าที่ดินสูงและไม่ได้ใช้หลักการประชาธิปไตยในการออกเสียง แม้สมาพันธรัฐจะมีฐานอำนาจขนาดใหญ่ในระดับชาติ พวกเขากลับประสบความล้มเหลวในการบริหารและปฏิรูปไอร์แลนด์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาวคาทอลิกไอริช และการรุกรานของครอมเวลล์ที่ตามมา (ค.ศ. 1649–53) ก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตอย่างใหญ่หลวง และจบลงด้วยการริบที่ดินของชาวคาทอลิกไอริชตลอดช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1650 แม้จะมีการพระราชทานที่ดินส่วนหนึ่งคืนมาในคริสต์ทศวรรษที่ 1660 ก็ตาม การสิ้นสุดของสมาพันธรัฐยังทำให้เกิดนโยบายตั้งถิ่นฐานระลอกใหม่ที่เรียกว่า (Cromwellian Settlement) ด้วย
อ้างอิง
- The Confederate Assembly of Kilkenny. British Civil Wars Project.
- Austin 1913, p. 294: "He convened a provincial synod at Kells early in February 1642 in which the bishops declared the war undertaken by the Irish people for their king, religion, and country to be just and lawful." ("เขา [ฮิวจ์ โอเรลลี] เรียกประชุมสภาสงฆ์ระดับมณฑลในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1642 ที่ซึ่งเหล่าบิชอปประกาศว่าสงคราม [อาจหมายถึง หรือ ] ที่ดำเนินการโดยชาวไอริช เพื่อองค์กษัตริย์ พระศาสนา และประเทศชาตินั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรมตามกฎหมาย")
- Meehan 1882, p. 176.
- Meehan 1882, p. 20: "... the synod met at Kilkenny on the 10th May 1642. The Archbishops of Armagh, Cashel and Tuam, with 6 other bishops and the proxys of five more ..." ("...สภาสงฆ์พบปะกันที่คิลล์เคนนีในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1642 ประกอบด้วยาอาร์ชบิชอปแห่งอาร์มา คาเซล และทูม บิชอปองค์อื่นอีกหกองค์ และผู้รับฉันทะอีกห้าคน...")
- Meehan 1882, p. 23: "... declare that war, openly Catholic, to be lawful and just;" (...[ที่ประชุม]ประกาศว่าสงคราม ซึ่งเป็น[ไปเพื่อนิกาย]คาทอลิกอย่างเปิดเผย นั้นชอบธรรมและสอดคล้องด้วยกฎหมาย")
- Meehan 1882, p. 25, line 11: "Agents from the synod crossed over into France, Spain and Italy, to solicit support ..." ("ผู้แทนของสภาสงฆ์เดินทางไปสู่ฝรั่งเศส สเปน และอิตาลี เพื่อเสาะแสวงหาผู้สนับสนุน...")
- Meehan 1882, p. 25, line 27: "Lord Mountgarret was appointed President of the Council, and the October following was fixed for a general assembly for the whole kingdom." ("ลอร์ดเมาท์การ์เร็ตได้รับการแค่งตั้งเป็นประธานสภา และ[มีกำหนด]นัดหมายสมัชชาใหญ่สำหรับทั่วทั้งราชอาณาจักรในเดือนตุลาคม[ของปีนั้น]")
- Meehan 1882, p. 43: "The assembly, therefore, had all the appearances of a parliament ..." ("ดังนั้นแล้ว ที่ประชุมจึงมีลักษณะเยี่ยงรัฐสภาทุกประการ...")
- Meehan 1882, p. 42: "On the 24th of October [1642] therefore twenty-five peers,—eleven spiritual, fourteen temporal,—and two hundred and twenty-six commoners had met within the walls of Kilkenny ..." ("ในวันที่ 24 ตุลาคม [ของปี 1642] ขุนนางยี่สิบห้าราย [เป็น] ฝ่ายศาสนจักรสิบเอ็ดองค์ [ฝ่าย]อาณาจักรสิบสี่ท่าน และ[สมาชิกสภา]สามัญชนสองร้อยยี่สิบหกคน ประชุมกันภายในกำแพงเมือง [หมายถึงประชุมกัน ณ...] คิลล์เคนนี...")
- Edmund Curtis and R. B. McDowell (eds), "Irish Historical Documents 1172–1922". Barnes & Noble London and New York (1943; reprinted 1968)
- "Text of the Orders of 24 October 1642". Ucc.ie. สืบค้นเมื่อ 14 February 2012.
- Meehan 1882, p. 44: "From these there lay a further request to the supreme council of twenty-four persons who were to be elected by the general assembly of which twelve were to be constantly resident in Kilkenny." ("มีคำขอเพิ่มเติมไปยัง[สมาชิก]อภิสภาจำนวนยี่สิบสี่คนที่จะถูกคัดเลือก[เหล่าสมาชิกของ]สมัชชาใหญ่ ว่าในจำนวนนี้ จะต้องมีสิบสองคนอาศัยอยู่ในคิลล์เคนนีเสมอ ๆ")
- Cusack 1871, p. 312.
- Meehan 1882, p. 45: "It was also enacted that the council should be vested with power over all generals, military officer, and civil magistrates ..."
- Meehan 1882, p. 46: "Their first act was to name the generals who were to command under their authority." etc.
- Meehan 1882, p. 47, line 14: "One of the earliest documents signed with this great seal was an order to raise thirty thousand pounds sterling in Leinster, and at the same time, in the same province, thirty-one thousand seven hundred men who were to be drilled and disciplined ..."
- Meehan 1882, p. 47, line 4: "But as no act or instrument emanating from the supreme council could be genuine and of force, unless sealed with their own seal, they caused one to be made ..." etc.
- Meehan 1882, p. 47, line 30: "Under same seal an order was issued to establish a mint in Kilkenny ..."
- Meehan 1882, p. 48, line 30: "Along with the mint the supreme council caused printing presses to be set up in Waterford and Kilkenny ..."
- Meehan 1882, p. 54: "The Assembly broke up on the 9th of January [1643], and fixed their next meeting for the following May."
- Carte 1851, p. 263: "... the thirty thousand pounds which by the articles of the cessation was to be paid, half in money and the rest in beeves and ammunition."
บรรณานุกรม
- Austin, Sister M. Stanislaus (1913), "O'Reilly, Hugh", ใน (บ.ก.), Catholic Encyclopedia, vol. 11, New York: The Encyclopedia Press, p. 294
- (1851), The Life of James Duke of Ormond, vol. 3 (new ed.), Oxford: – 1643 to 1660
- Cusack, Mary Francis (1871), A Compendium of Irish History, Boston: Patrick Donahoe
- Meehan, Rev. Charles Patrick (1882), The Confederation of Kilkenny (New revised and enlarged ed.), Dublin: James Duffy
ดูเพิ่ม
- Canny, Nicholas, Making Ireland British 1580–1650, Oxford University Press, Oxford, 2001.
- Lenihan, Pádraig, Confederate Catholics at War 1641–49, Cork University Press, Cork, 2001.
- Ohlmeyer, Jane & Kenyon, John (eds.), The Civil Wars, Oxford University Press, Oxford, 1998.
- Siochrú, Micheál (1998). Confederate Ireland 1642–1649 A constitutional and political analysis. Four Courts Press. ISBN .
แหล่งข้อมูลอื่น
- , British Civil Wars, Commonwealth and Protectorate, 1638–1660
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
smaphnthrthkhathxlikixraelnd Conaidhm Chaitliceach na hEireannkh s 1642 kh s 1652thngchati traexkkhakhwy Hiberni unanimes pro Deo Rege et Patria latin Eireannaigh aontaithe le Dia ri agus tir ixrich chawixrichcngsamkhkhiknephuxphraphuepneca xngkhkstriy aelabanemuxngemuxnghlwngphasathwipixrich xngkvssasnaormnkhathxlikkarpkkhrxngsmaphnthrthphayitrabxbrachathipityphayitrththrrmnuyphramhakstriy kh s 1641 1649phraecachalsthi 1 kh s 1649 1653phraecachalsthi 2sphanitibyytismchchaihyyukhprawtisastr 23 tulakhm kh s 1641 phvsphakhm kh s 1642 kxtngkh s 1642 kh s 1652kxnhna thdiprachxanackrixraelnd ekhruxckrphphaehngxngkvsthngkhxngfaysmaphnthrthsungcalxngkhunihm n khillekhnni aesdngthungkarepnodyphratriexkphaph sungepnsylksnkhxngnikaykhathxlikxyangchdecn smaphnthrthixraelnd latin Hiberni Unanimes xngkvs Confederate Ireland hrux Union of the Irish epnchwngewlathichawixrichsungnbthuxnikaykhathxlik idpkkhrxngtnexngrahwang kh s 1642 thung kh s 1649 rahwang inchwngni sxnginsamkhxngixraelndthukpkkhrxngody smaphnthrthkhathxlikixraelnd xngkvs Irish Catholic Confederation ixrich Conaidhm Chaitliceach na hEireann hruxruckknxikchuxhnungwa smaphnthrthkhillekhnni xngkvs Confederation of Kilkenny ephraasmaphnthrthmiemuxnghlwngxyuthi smaphnthrththukkxtngkhunodyklumkhunnang nkbwch aelaphunathangthharchawixrichthinbthuxnikaykhathxlik phayhlng sungmithngphuthiepnaela klumkhnehlanitxngkaryutikhwamekliydchngnikaykhathxlikinrachxanackrixraelnd siththikarpkkhrxngtnexngthimakkhun aelabangswntxngkaryxnklbphllphthkhxng smachiksmaphnthswnihyswamiphkditxphraecachalsthi 1 aehngxngkvs dwyechuxwaphwktncabrrlukhxtklngkbthangrachsankidodykarchwyprabpramprpkskhxngphraxngkhin sthabnkarpkkhrxngkhxngsmaphnthrthprakxbipdwyfaynitibyyti khux smchchaihy General Assembly faybrihar khux xphispha Supreme Council aelafaythharhruxkxngthph smaphnthsamarthphlitehriyyksapn cdekbphasi aelamiorngphimphepnkhxngtnexng exkxkhrrachthutkhxngsmaphnthrthidrbkarrbrxngcakfrngess sepnaelarthsntapapa sungepnphusnbsnunfaysmaphnthrthdankarenginaelaxawuthyuthothpkrn kxngthphkhxngsmaphnthtxsukbthngfayniymkstriy fayrthspha aelakxngthphkhxng sungthuksngmayngxlsetxr kxngkalngehlaniyudkhrxngbriewn bangswnthangtawnxxkaelathangehnuxkhxngxlsetxr aelaxanaekhtodyrxbkhxrk phraecachalsmiphrabrmrachanuyatihepidkarecrcalbkbfaysmaphnthrth sngphlihekidkarsngbsukrahwangsmaphnthrthkbfayniymkstriyineduxnknyayn kh s 1643 aelakarecrcaephimetim sungimprasbkhwamsaerc in kh s 1644 idkhunfngthiskxtaelndephuxchwysnbsnunfayniymkstriy khnaediywknsmaphnthrthkyngrbkbfayrthsphainixraelndxyangtxenuxng aelayngsamarthexachnaklumphnthsyyaskxtidxyangeddkhadthi emuxmathung kh s 1647 smaphnthrthkerimephliyngphlaihaekfayrthspha echnkarrbthi aela sungepnpccyhnungthithaihsmaphnthrthyxmrwmmuxkbfayniymkstriy khwamrwmmuxdngklawkxihekidkhwamaetkaeykphayinsmaphnthrth aelathaihkarpxngknkarrukrancakfayrthsphalachalngechnkn ineduxnsinghakhm kh s 1649 kxngthphtwaebbihmsungnaodyoxliewxr khrxmewllid emuxthungeduxnphvsphakhm kh s 1652 khrxmewllksamarthtikxngthphphsmkhxngfayniymkstriy smaphnthrthaetkphayip aemthharkhxngsmaphnthrthcatharbtxipinrupaebbkarsngkhramkxngocrepnewlaxikhlaypiktamkarkxtngsmaphnthrthkhathxlikixraelndkxtngkhunphayhlng ephuxkhwbkhumkarlukhuxkhxngmwlchn aelaepnsunyrwmtwkhxngchawixrichthinbthuxnikaykhathxlikephuxkhbilkxngthphxngkvsaelaskxtaelndthiyngkhngehluxxyuinixraelnd chawkhathxlikixrichhwngwakarthaechnnicasamarthchwytankarrukranralxkihmcakkxngthphxngkvshruxskxtaelndid khwamkhidrieriminkarkxtngsmaphnthrthmacakbichxp aelathnaykhwamnam thngsxngnaaenwkhiddngklawipesnxihaekehlakhunnangkhathxlikixrich echn aela odykhunnangehlanicatxngsngmxbiphrphlkhxngtnihaekrthbalshphnth aelathahnathionmnawkbtklumxun ihekharwmdwy cudprasngkhkhxngsmaphnthrthkhxnkhangkhlaykhlungkb sungxxkineduxntulakhm kh s 1641 khxngesxr phunakarkbdinchwngaerkthixlsetxr inwnthi 17 minakhm kh s 1642 khunnangehlannidrwmknlngnamin khxprathwngkhathxlik Catholic Remonstrance thi sungthuksngipihphraecachalsthxdphraentr txmainwnthi 22 khxngeduxnediywkn smachikswnihykhxngsphasngkhsungcdkhuniklkbemuxng xnmiepnprathan idlngmtiwakarkbdepn sungsmachiksmchchaichprakxbphithimissa wnthi 10 phvsphakhm kh s 1642 brrdankbwchkhathxlikidcd khunxikkhrngthi odymiehlaxarchbichxpaehng aela bichxpsibexdxngkhhruxphuaethn aelaphudarngtaaehnngxun ekharwm phwkekharwmknrang aelaeriykrxngihchawkhathxlikinixraelndekhasabantnkbkhaptiyandngklaw phuekhaptiyantncatxngthwaystyaekphraecachalsthi 1 aelasabanwacaechuxfngkhasngaelaoxngkarsungrangody xphisphasmaphnthrthkhathxlik Supreme Council of the Confederate Catholics kxngkalngkbdcungklaymaepnthiruckinnam phwksmaphnthrth Confederates karprachumdngklawyngkhngyunynwakarkbdepn sngkhramxnchxbthrrm nxkcakniyngmikarrangokhrngsrangsahrbsphathxngthin sungminkbwchaelakhunnangepnsmachik khxngaetla sungcaxyuphayitsphaaehngchatithithuxxanacbriharthngekaaixraelndxiktxhnung thiprachumyngihkhamnwacalngothsehlathharthiekhykxxachyakrrmsngkhram aelacathakarbphphachniykrrmchawkhathxlikthiepnstrukbsmaphnthrth sphasngkhyngidthakarsngphuaethnipyngfrngess sepn aelaxitali ephuxhaphusnbsnun enginthun xawuthyuthothpkrn aelaephuxchkchwnchawixrichthirbrachkarintangpraethsihekharwm iwekhantemathkarertidrbkaraetngtngihepnprathanxphispha aelamikarkahndwnprachumsmchchasmaphnthrthepneduxntulakhmkhxngpiediywkn karprachumsmchchasmaphnthrthkhrngaerk karprachumsmchchasmaphnthrthkhrngaerkthukcdkhunthikhillekhnniinwnthi 24 tulakhm kh s 1642 odyepnkartngrthbalchwkhraw twsmchchaexngnnnbidwaepnrthsphaodyphvtiny phuekharwmkarprachumkhrngaerkaebngxxkepnkhunnangfayxanackr 14 khn aela khunnangfaysasnckr canwn 11 khn sungepnsmachikkhxngrthsphaixraelnd rwmthungsmachiksphasamychnxik 226 khndwyechnkn thrrmnuykhxngsmaphnthrththukrangkhunody nkkdhmaychawkxlewy smachiksmchchayngmimtiehnchxbihaetlaethsmnthlmisphathxngthinepnkhxngtwexng sungcaxyuphayitkarduaelkhxngsphamnthlxnprakxbdwyphuaethncakaetlaethsmnthlxyanglasxngkhn odysmchchaidsrupwa ihichrabxbdngklawepnaebbxyangkhxngkarpkkhrxng To be observed as the model of their government thiprachumsmchchaidthakareluxksmachikfaybriharchuxwa xphispha in hruxpramanwnthi 14 phvscikayn xphisphachudaerkmismachikthngsin 24 khn odyincanwnni catxngmi 12 khnkhxypracaxyuthikhillekhnni hruxemuxngxun tamaetehnsmkhwr smachikxphisphachudaerk miraychuxdngtxipni ilnsetxr xlsetxr khxnnkkh munsetxrxarchbichxpaehngdblin xarchbichxpaehngthumbichxpaehngdawnnayphn esxrlukhs dieliyn nayaephthyfnenlorebirt aelmebirtecms khuaeskh tulngk oxnill James Tuchet 3rd Earl of Castlehaven thahnathiepnphuaethnphraxngkhaelaepnsmachikladbsudthaykhxngxphispha xphisphamixanacehnuxbrrdaaemthph naythharaelakharachkarphleruxn singaerkthismachikxphisphathakhuxkaraetngtngphubngkhbbychathharkhxngsmaphnthrth Owen Roe O Neill khumkxngthphxlsetxr Thomas Preston khumkxngthphilnsetxr Garret Barry khumkxngthphmunsetxr aelacxhn ebirk John Burke khumkxngthphkhxnnkkh Ulick Burke 1st Marquess of Clanricarde idrbkaresnxchuxepnphubychakarthharsungsud enuxngcakthiprachumechuxwaekhaxaccaekharwmkbthangsmaphnthinphayhlng xphisphayngidxxkkhasngihrwbrwmengincanwn 30 000 pxndaelaeknthiphrphlcanwn 31 700 nayinekhtmnthlilnsetxr sungcathuksngekharbkarfukodythnthi nxkcaknixphisphayngidcdthatraexkkhxngtnkhundwy odyminiyamthangmuthrasastrdngni phiwtraepnthrngklm trngkungklangtramiimkangekhn pradisthanbnphrahvthyskdisiththi ehnuxyxdimkangekhnpradbdwynkphirabkangpik thangsayaelakhwakhxngimkangekhnmiphinharpaelamngkudwangekhiyng phrxmkhakhwybnphiwtrawa ephuxphraphuepneca xngkhkstriy aelabanemuxng ixraelndcngsamkhkhikn Pro Deo Rege et Patria Hiberni Unanimes krmkhlng National Treasury orngphlitehriyyksapn aelaorngphimphsahrbichtiphimphprakascakthangsmaphnthrth idrbkarcdtngkhuninkhillekhnni emuxnghlwngkhxngsmaphnthrth smchchaihychudaerkxyuinwaraprachumcnthungwnthi 9 mkrakhm kh s 1643 phraecachalsthi 1 kstriyaehngxngkvs skxtaelnd aelaixraelnd sungfaysmaphnthrththuxexaepnpramukhaehngrth aetimidepnphnthmitrkbphraxngkhinsngkhramklangemuxngxngkvsepahmay xyangirktam smaphnthrthkhathxlikixraelndkimekhyprakastnepnrthbalxisra ephraawa tambribthkhxng phwkekhathuxwatnexngepnfayniymkstriy phucngrkphkditxphraecachalsthi 1 aelasmchchaihykhxngsmaphnthrthexngkimekhythuxwatnexngepnrthspha aemsmchchacathahnathiniodyphvtinyktam enuxngcaktamkdhmayinewlannmiephiyngphramhakstriyethannthisamartheriykprachumsphaid inkarecrcakbphwkaekhwaeliyr faysmaphnthrthideriykrxngihkhxtklngtang thitklnginkarecrcaniidrbkarehnchxbxikkhrnginrthsphaixraelnd phayhlngsngkhramsinsudlng sungcamismachiksmchchasmaphnthrthaelaphuniymkstriythinbthuxnikayopraetsetnthepnsmachikkhxngsphachudihmni epahmaytngtnkhxngfaysmaphnthrthkhuxkarbrrlukhxtklngkbphraecachals odymienguxnikhdngtxipni siththiaelakaryxmrbthangsasnasahrbphunbthuxnikaykhathxlik aelasiththikarpkkhrxngtnexngsahrbixraelnd thngniphraecachalsthrngsyyawacaphrarachthanihphwkekha hlngcakkareriykrxnginchwngkh s 1628 1634 aetkthrngphxnphneruxymacnthung kh s 1641 smachikxphisphaswnihymiechuxsay Hiberno Norman thaihphwkekhaimidrbkhwamiwwangiccakixrich phumxngwakhxeriykrxngkhxngphwkekhapranipranxmekinip smachiksmaphnthrthhwrunaerngyngidphlkdnihykelikkarkhxngchawopraetsaetnth aelaeriykrxngihprakasnikaykhathxlikepnsasnapracarthkhxngixraelnddwy faysmaphnthechuxwaepahmaykhxngtncasmvththiphlidktxemuxphwkekhayxmepnphnthmitrkbfayniymkstriyxngkvs aelannthaihkarsnbsnunphraecachalsklayepnhwichlkkhxngaephnkarni thngniepnephraasmachikrthsphaxngkvsaela bangswninchwngkxnsngkhramidaesdngthathicaekharukranixraelnd thalaykhwamechuxaebbkhathxlikaelachnchnecakhrxngthidinchawixrich aetthathidngklawkimidrbkaryudthuxepnaenwkhidxyangcringcng inthangtrngknkham phraecachalsidthrngsyyacathrngyxmrbkhxeriykrxngbangkhx pyhasahrbphraecachalskhuxphraxngkhidthrabkhawxachykrrmsngkhraminchwngkarkbtemuxkh s 1641 cungthrngxxk Adventurers Act inpitxma sungmienuxhawadwykarribdinaednthiphwkkbtthuxkhrxng mikarthkethuyngknthnginkrunglxndxnaeladblinineruxngkarptiesththicaphrarachthanxphyothsihaekkbdixrich karphrarachthanxphyothsepnwithithiniymichyutikarkbdinixraelndmatngaethlaystwrrskxnhna dngnnkxngkalngkhxngphraxngkhcungepnprpkskbfaysmaphnthrthipcnthung kh s 1643 sungepnpithiphraxngkherimesiyepriybthangkarthhar ehlaecathidinfaysmaphnthrthhlayraytxngesiythidinipcakkarbngkhbich thaihphwkekhatrahnkwakaryxmrwmmuxkbphraecachalsepnhnthangediywinkaridthidinehlannkhunma thngsukkhxngkxngthphsmaphnthrthsungmikhaplukicwa phraecachalsthrngphraecriy Vivat Rex Carolus krann aemsmachiksmaphnthsaypranipranxmcarusukyindithisamarthecrcakbrachsankepnphlsaerc aelaimideriykrxngihmikarptirupthangkaremuxngaelasasnaaebbsudotng aetsmachiksmaphnthsayhwrunaerngtxngkarihphraecachalsyxmcdtngrthbalpkkhrxngtnexngkhxngchawkhathxlikixrichesiykxn emuxepahmaydngklawimprasbphl phwkekhakhniperiykrxngihsmaphnthrthepnphnthmitrkbsepnhruxfrngessaethnkarphkrbkbfayniymkstriyineduxnknyayn kh s 1643 smaphnthrthidecrcaphkrbkb James Butler 12th Earl of Ormond phubychakarthphfayniymkstriyinixraelnd khxtklngidrbkarlngnamthicikkinsthawn Jigginstown iklkbemuxng Naas epnxnyutikhwamepnprpksrahwangsmaphnthrthaelakxngkalngniymkstriykhxngxxrmxnd sungtngmnxyuthiemuxngdblin thwakxngthharxngkvsthikhxrk sungxyuphayitkarbngkhbbychakhxng Murrough O Brien 1st Earl of Inchiquin chaweklikswnnxythinbthuxnikayopretsaetnt imehndwykbkarphkrbdngklawaelakxkbt odyemxrrxkidekhaswamiphkdikbrthsphayawaethn indanexngkidnathharkhunfngthixlsetxrinkh s 1642 odyyngkhngkhwamepnprpkskbsmaphnthrthaelaphraecachalsxyu echnediywkb Laggan Army khxngphutngthinthanchawskxtinxlsetxr nkprawtisastrsaycaokhibt Thomas Carte idklawthungenguxnikhekiywkbkarenginkhxngsyyaphkrbiwwa smaphnthrthcatxngcayenginngwdla 30 000 pxnd ihaekxxrmxndcnthungeduxnphvsphakhm kh s 1644 odyaebngcayepnenginsdkunghnungaelaxikkunghnungcaydwyfungokh inkh s 1644 faysmaphnthrthidsngiphrphlcanwnpraman 1 500 nay phayitkarnakhxng Alasdair MacColla ipyngskxtaelnd ephuxsnbsnunkxngkalngfayniymkstriykhxngecms aekrm markhwisaehngmxnthorsthi 1 inkartsukbklumphnthsyya kxihekid nbepnkaraethrkaesngthangthharkhrngediywkhxngfaysmaphnthrthinsngkhramklangemuxngbnekaabrietnihykarmathungkhxngexkxkhrsmnthutexkxkhrsmnthutkhxngphrasntapapa smaphnthrthixraelndidrbkarsnbsnunbangswncakrachsankfrngessaelasepn sungtxngkareknthchawixraelndihmarbrachkarinkxngthphkhxngtn aetphusnbsnunhlkkhxngsmaphnthrthbnphakhphunthwipkhuxsntasank thrngsng Pierfrancesco Scarampi mainkh s 1643 ephuxprasannganaelachwyehluxxphisphakhxngsmaphnthrth phudarngtaaehnngtxcakphraxngkhkthrngsnbsnunsmaphnthrthixraelndxyangaekhngkhn thrngephikechykhathdthankhxngphrakhadinlmasaaerngaelasmedcphrarachinixxngeriyt mari phramehsikhxngphraecachalsthi 1 phuthrngyaymaprathbthikrungparisinkh s 1644 smedcphrasntapapaxinonesntthrngtxnrbkhnathutkhxngsmaphnthrthixraelndineduxnkumphaphnth kh s 1645 aelathrngtdsinphrathysng Giovanni Battista Rinuccini Archbishop of Fermo ipyngixraelndinthanaexkxkhrsmnthutwisamy rinukchinixxkedinthangodyeruxcaklarxaechlphrxmkb Richard Bellings elkhanukarkhxngsmaphnthrth odynayuthothpkrn esbiyngthangthharaelaengincanwnmakmadwy thaihekhaklayepnphumixiththiphltxkickarphayinsmaphnthrth nxkcaknirinukchiniyngidrbkarsnbsnuncaksmachiksmaphnthsayhwrunaerng echn xngkhexkxkhrsmnthutidrbkartxnrbcakrthbalsmaphnthxyangdithikhillekhnni rinukchiniyunynwacudprasngkhhlkkhxngekhakhuxkarchwysnbsnunphraecachals aetepahmayehnuxsingxunidxunkhxngpharkicnikhuxkarchwyehluxchawkhathxlikinixraelndihsamarthnbthuxsasnakhxngtnidxyangesriaelaepidephy rwmipthungkarfunfuaelakhunthrphysinihaekbrrdaobsth aetimrwmipthungthrphysinkhxngxditxaram sntiphaphxxrmxnd khrngthihnungecms btelxr exirlthi 12 aehngxxrmxnd phayhlngidrbphrarachthaneluxnbrrdaskdiepndyuk ehlasmachikxphisphaidfakkhwamkhadhwngxyangsungiwkbsnthisyyalbthiphwkekhalngnamiwkb khnanndarngtaaehnngepnexirlaehngklamxraekn Earl of Glamorgan phuepntwaethnmaecrcakbsmaphnthrthinphraprmaphiithykstriy snthisyyadngklawihkhamnwaphraecachalscathrngyxmrbkhxeriykrxngephimetimkhxngchawkhathxlikixraelndinxnakht exirlaehngklamxraeknepnkhunnangxngkvsfaykstriyniymphumithanadi ekhathuksngipyngixraelndinchwngplayeduxnmithunayn kh s 1645 phrxmrbsnglbswnphraxngkhcakphraecachalsihyxmrbkhxeriykrxngkhxngsmachiksmaphnthrth ephuxaelkkbkarthikxngthphkhxngsmaphnthrthcatxsuihkbrachsankindinaednxngkvs aephnkardngklawcaepnthikhrhaxyangmakhakrwihlxxkip emuxfayrthspha khnphbsaenarbsnglbdngklaw phwkekhaknamniptiphimphaelaaeckcayodythnthi thaihphraecachalstxngribxxkmaptiesthwathrngimmikhwamekiywkhxngdwyephuxrksakarsnbsnunkhxngprachachnchawxngkvs sungnbthuxnikayopretsaetntepnswnihy phraxngkhthrngprakasihsmemxrestmikhwamphidthankbt aelaephuxpxngknimihmikarichthharixraelndinkarrbbnekhtaednxngkvs rthsphayawidphan Ordinance of no quarter to the Irish ineduxntulakhm kh s 1644 rinukchinimxngtwexngwaepnphunathiaethcringkhxngchawkhathxlikinixraelnd txmainkh s 1646 brrdasmachikxphisphakhxngsmaphnthrthidtklnginsnthisyyakbxxrmxnd aelaidrbkarlngnaminwnthi 28 minakhm kh s 1646 phayitenguxnikhkhxngsnthisyyadngklaw phunbthuxnikaykhathxlikcasamarthekharbrachkaraelatngsthansuksaid nxkcakniyngmikarihkhamneruxngkhwamethaethiymthangsasnainxnakht mikarphrarachthanxphyothssahrbxachykrrmthikxkhunrahwangkarkbd kh s 1641 aelakarrbrxngwacaimmikarribthidintamkdhmayephimetimxik krann snthisyyadngklawkmiidephikthxn Poynings Law hmaykhwamwarangphrarachbyytiid thicaykrangihrthsphaixraelndphicarnaepnkdhmaycayngkhngtxngidrbkarehnchxbcaksphaxngkhmntrixngkvsesiykxn phunbthuxnikayopraetsaetnthyngkhngthuxkhrxngesiyngswnmakin aelaimmikarykeliknoybayinxlsetxraelamunsetxr nxkehnuxipcakni enguxnikhdansasnakhxngsnthisyyadngklawidrabuwaobsththukaehngthifaykhathxlikyudidinrahwangsngkhramcatxngthuksngklbkhunihfayopraetsaetnth aelaimmikarrbpraknthungsiththiinkarnbthuxnikaykhathxlikidxyangepidephyaetxyangid ephuxepnkartxbaethnkarpranipranxmdngklaw thharkhxngsmaphnthcathuksngipyngxngkvsephuxthakarrbihkbfayniymkstriyinsngkhramklangemuxngxngkvs thwakhxaemdngklawidsrangkhwamimphxicihaekthngehlankbwchkhathxlik brrrdaaemthphnaykxng odyechphaaaela smachiksmchchaihyswnmak aelatwaethnecrcafayexkxkhrsmnthut sungimidhyibepahmaykhxngtnxxkmaharuxdwy rinukchiniidphyayamchkchwnbichxpixrichcanwnekaxngkhihtxtankarecrcaid kbhruxrachsank hakimmikhamnwanikaykhathxlikcaidrbkarthanubarung hlayfayechuxwaxphisphaimsamarthiwwangicid enuxngcaksmachikhlaykhnmikhwamekiywdxngkbxxrmxndhruxmiphnthabangxyangkbekha nxkcakniyngmiphutngkhxsngektwafayrthsphanacaepnphuchnainsngkhramklangemuxngxngkvs aelakarsngthharixrichiprwmsukbfayniymkstriycaepnkaresiyiphrphlipodyeplapraoychn inxikdanhnung kxngthphxlsetxrkhxng samarthexachnaphwkskxtidin ineduxnmithunayn kh s 1646 kxihekidkhwamechuxmnwasmaphnthrthmiskyphaphmakphxthicathakarkhbilphurukranthnghmd xikthngfaythitxtankarsngbsukidrbkarsnbsnunthngindankhwamechuxaelakarengincakrinukchini phukhucaprakasbphphachniykrrm faysntiphaph smachikxphisphatangthukcbkum aelasmchchaihyklngmtiptiesthkhxesnxkhxngxxrmxndkhwamphayaephthangkarthharaelasntiphaphxxrmxndkhrngihmhlngcakfaysmaphnthrthptiesthkhxesnxsngbsuk xxrmxndidthakarsngmxbemuxngdblinihaekkxngthphkhxngfayrthsphaphayitkarnakhxng Michael Jones thangdansmaphnthrthcungphyayamthalaykhaythharkhxngfayrthsphathitngxyuodyrxbdblinaelakhxrk aetklbprasbkhwamlmehlw odyinkh s 1647 kxngthphkhxngsmaphnthrthidprasbkbkhwamphayaephthangthharxyangtxenuxng erimdwykxngthphodymithxms ephrstnepnaemthph thukkxngkalngfayrthsphakhxngocnstiaetkthiinekht County Meath caknnimekinsameduxntxma kxngthphmunsetxrkprasbkhwamphayaephaebbediywkncakfimuxkhxngexirlaehngxinichkhwinthi sphawadngklawthaihsmachiksmaphnthodyswnihyerimkratuxruxrninkarhathangecrcakbfayniymkstriy xphisphakhxngsmaphnthrthidrbenguxnihmcakphraecachalsaelaxxrmxnd sungmienuxhathiphxnprnkwaedim xnprakxbdwykaryxmmxbkhntithrrmthangsasna khasyyathicathakarephikthxnkdhmayphxyyninginxnakht sungcanaipsusiththiinkarpkkhrxngtnexng karrbrxngexksiththiinthidinthichawkhathxlikixrichyudmaidrahwangsngkhram aelakaryutilnginbangphunthi nxkcakniyngcamikarxxkdhmaynirothskrrm hruxkarphrarachthanxphyothssahrbxachyakrrmsngkhraminkhrawkarkbt kh s 1641 aela odyechphaakarsngharphutngrkrakchawopraetsaetnthinkh s 1641 snthisyyadngklawyngxnuyatihsmaphnthrthkhngkxngthphkhxngtwexngiwechnedimdwy xyangirktam phraecachalsthrngtxngcayxmphrarachthanenguxnikhehlaniephraasthankarnbibihphraxngkhthaechnnn aelainphayhlngphraxngkhkthrngptiesthkhxtklngdngklaw aelathrngxxkenguxnikhihmihsmaphnthrthyubtwexnglng thayoxnkxngkalngipxyuphayitkarbngkhbbychakhxngaemthphfayniymkstriyaelatxsurwmkbthharxngkvs exirlaehngxinichkhwinyngidaeprphktrcakfayrthsphaaelathakarekhaswamiphkdikbfayniymkstriyxikkhrngdwysngkhramklangemuxngphayinsmaphnthrthphaphphimphkhxngoxewn or oxnill smykhriststwrrsthi 19 krann chawkhathxlikixrichcanwnmakkyngkhngimyxmrwmmuxkbfayniymkstriy ptiesththicaekharwmkbfayniymkstriy aelakxsngkhramklangemuxngrayasnkhunphayinsmaphnthrth inhnarxnkhxngkh s 1648 oxnill phumxngwaphnthmitrkhrngihmrahwangsmaphnthrthaelafayniymkstriyxngkvsepnkarthrysepahmaysngkhramaebbkhathxlik Catholic war aims cungthaihekhaphyayamecrcasngbsukkbfayrthspha aelaklaymaepnphnthmitrkhxngkxngkalngfayrthsphaxyuchwrayaewlahnung sthankarndngklawsngphlraykbepahmayhlkkhxngsmaphnthrth nxkcaknimnyngkhabekiywkbsngkhramklangemuxngkhrngthisxnginxngkvs rinukchiniphyayamchwysnbsnunoxnilldwykarprakaspphphachniykrrm phuehndwykb Inchiquin Truce thicdkhunineduxnphvsphakhm kh s 1648 kbfayniymkstriy aetrinukchiniimsamarthonmnawehlabichxpixrichid dngnnekhacungxxkedinthangcakklewyklbipyngorminwnthi 23 kumphaphnth kh s 1649 ehtukarndngklawmkcathukmxngwaepntwaethnkhwamimlngrxyknrahwangchaweklikixrichaela Old English mikarihehtuphlwachaweklikixrichidsuyesiythidinaelaxiththiphlepncanwnmakhlngkarekhaphichitixraelndkhxngxngkvs sngphlihkhxeriykrxngkhxngphwkekharunaerngkhuntamipdwy txngkarxangxing aemkrann thngfaypranipranxmaelafayhwrunaerngktangmiphusnbsnuncakthngsxngchatiphnthu yktwxyangechn esxr chaweklikphunakarkbdin kh s 1641 snbsnunfaypranipranxm inkhnathibriewnesathewksfxrd South Wexford sungprachakrswnmakmiechuxsaychawxngkvsekaimehndwykbkarsngbsuk ehlankbwchkhathxlikexngkkhdaeyngknineruxngdngklawechnkn khxsakhythisudkhxngehtukarndngklaw khux mnidaesdngkhwamaetktangrahwangklumecathidin sungphrxmthicayxmrbkhxesnxkhxngfayniymkstriy trabidthithidinaelasiththikhxngphwktnyngidrbkhwamkhumkhrxng aelaklumkhnechkechnoxnill phutxngkarkhcdxiththiphlkhxngxngkvsihhmdip phwkekhatxngkarsrangrthkhathxlikixraelndthiepnxisra phrxmthngkhbilphutngrkrakchawxngkvsaelaskxtaelndxxkipxyangthawr fayhwrunaerngcanwnmakmiepahmayhlkkhuxkarthwngkhunthidinxnsubthxdmaaetkhrngbrrphburus sungesiyipinkhrawerimnoybaytngthinthan hlngcakthakarlxbocmtifaysmaphnthrthxyangyudeyux oxewn or oxnillcunglathxyipyngxlsetxr kxnthicaklbmaekharwmkbsmaphnthrthxikkhrngemuxkhrxmewll ekharukraninkh s 1649 karekidsngkhramphayinyngthaihkaretriymtwdankarsukkbkxngthphtwaebbihm khxngkxngkalngphsmfayniymeca smaphnthrthtxnglachalngipdwykarrukrankhxngkhrxmewlloxliewxr khrxmewll aemthphinkarphichitixraelndkhxngfayrthspha oxliewxr khrxmewll ekharukranixraelndinkh s 1649 ephuxthalaykarrwmkalngkhrngihmrahwangfaysmaphnthrthaelafayniymkstriy nbepnkhwamkhdaeyngthinxngeluxdthisudinprawtisastrixraelnd aelanamasungkaraephrrabadkhxngkalorkhaelathuphphikkhphy khillekhnni emuxnghlwngkhxngsmaphnthrth inkh s 1650 sngkhramcblngdwykhwamphayaephxyanghmdrupkhxngphwkkhathxlikixrichaelafayniymkstriy chnchnecakhrxngthidinchawkhathxlikixrichthimimaaetkhrngkxnsngkhramthukthalaylnginchwngni echnediywkbsthabnormnkhathxlik smachikxawuosswnmakkhxngsmaphnthrthliphyipfrngessphrxmkbrachsankxngkvs hlngcakkarfunfurachwngsxngkvs smachiksmaphnthrththisnbsnunkarepnphnthmitrkbfayniymkstriyinchwngsngkhramtangidrbkhwamchxb aelaidrbphrarachthanthidinkhxngtnkhunxyangnxysamswncakedim trngknkhamkbphuthiyngkhngxyuinixraelndrahwangyukhchwngwangrahwangrchkal sungodyswnmakaelwcathukribthidin sahrbphuepnechlysngkhrammkcathukpraharhruxsngipyngthnthnikhmsingsubthxdrupaebbrthsphakhxngsmaphnthrthixraelndmikhwamkhlaykhlungkbrthsphaixraelnd thikxtngodychawchawnxrmnin kh s 1297 sungmikhwamepnkhnathipitykhxngecathidinsungaelaimidichhlkkarprachathipityinkarxxkesiyng aemsmaphnthrthcamithanxanackhnadihyinradbchati phwkekhaklbprasbkhwamlmehlwinkarbriharaelaptirupixraelndephuxpkpxngphlpraoychnkhxngchawkhathxlikixrich aelakarrukrankhxngkhrxmewllthitamma kh s 1649 53 kxihekidkarsuyesiychiwitxyangihyhlwng aelacblngdwykarribthidinkhxngchawkhathxlikixrichtlxdchwngkhristthswrrsthi 1650 aemcamikarphrarachthanthidinswnhnungkhunmainkhristthswrrsthi 1660 ktam karsinsudkhxngsmaphnthrthyngthaihekidnoybaytngthinthanralxkihmthieriykwa Cromwellian Settlement dwyxangxingThe Confederate Assembly of Kilkenny British Civil Wars Project Austin 1913 p 294 He convened a provincial synod at Kells early in February 1642 in which the bishops declared the war undertaken by the Irish people for their king religion and country to be just and lawful ekha hiwc oxerlli eriykprachumsphasngkhradbmnthlintneduxnkumphaphnth kh s 1642 thisungehlabichxpprakaswasngkhram xachmaythung hrux thidaeninkarodychawixrich ephuxxngkhkstriy phrasasna aelapraethschatinn epnsingthithuktxngaelachxbthrrmtamkdhmay Meehan 1882 p 176 Meehan 1882 p 20 the synod met at Kilkenny on the 10th May 1642 The Archbishops of Armagh Cashel and Tuam with 6 other bishops and the proxys of five more sphasngkhphbpaknthikhillekhnniinwnthi 10 phvsphakhm kh s 1642 prakxbdwyaxarchbichxpaehngxarma khaesl aelathum bichxpxngkhxunxikhkxngkh aelaphurbchnthaxikhakhn Meehan 1882 p 23 declare that war openly Catholic to be lawful and just thiprachum prakaswasngkhram sungepn ipephuxnikay khathxlikxyangepidephy nnchxbthrrmaelasxdkhlxngdwykdhmay Meehan 1882 p 25 line 11 Agents from the synod crossed over into France Spain and Italy to solicit support phuaethnkhxngsphasngkhedinthangipsufrngess sepn aelaxitali ephuxesaaaeswnghaphusnbsnun Meehan 1882 p 25 line 27 Lord Mountgarret was appointed President of the Council and the October following was fixed for a general assembly for the whole kingdom lxrdemathkarertidrbkaraekhngtngepnprathanspha aela mikahnd ndhmaysmchchaihysahrbthwthngrachxanackrineduxntulakhm khxngpinn Meehan 1882 p 43 The assembly therefore had all the appearances of a parliament dngnnaelw thiprachumcungmilksnaeyiyngrthsphathukprakar Meehan 1882 p 42 On the 24th of October 1642 therefore twenty five peers eleven spiritual fourteen temporal and two hundred and twenty six commoners had met within the walls of Kilkenny inwnthi 24 tulakhm khxngpi 1642 khunnangyisibharay epn faysasnckrsibexdxngkh fay xanackrsibsithan aela smachikspha samychnsxngrxyyisibhkkhn prachumknphayinkaaephngemuxng hmaythungprachumkn n khillekhnni Edmund Curtis and R B McDowell eds Irish Historical Documents 1172 1922 Barnes amp Noble London and New York 1943 reprinted 1968 Text of the Orders of 24 October 1642 Ucc ie subkhnemux 14 February 2012 Meehan 1882 p 44 From these there lay a further request to the supreme council of twenty four persons who were to be elected by the general assembly of which twelve were to be constantly resident in Kilkenny mikhakhxephimetimipyng smachik xphisphacanwnyisibsikhnthicathukkhdeluxk ehlasmachikkhxng smchchaihy waincanwnni catxngmisibsxngkhnxasyxyuinkhillekhnniesmx Cusack 1871 p 312 Meehan 1882 p 45 It was also enacted that the council should be vested with power over all generals military officer and civil magistrates Meehan 1882 p 46 Their first act was to name the generals who were to command under their authority etc Meehan 1882 p 47 line 14 One of the earliest documents signed with this great seal was an order to raise thirty thousand pounds sterling in Leinster and at the same time in the same province thirty one thousand seven hundred men who were to be drilled and disciplined Meehan 1882 p 47 line 4 But as no act or instrument emanating from the supreme council could be genuine and of force unless sealed with their own seal they caused one to be made etc Meehan 1882 p 47 line 30 Under same seal an order was issued to establish a mint in Kilkenny Meehan 1882 p 48 line 30 Along with the mint the supreme council caused printing presses to be set up in Waterford and Kilkenny Meehan 1882 p 54 The Assembly broke up on the 9th of January 1643 and fixed their next meeting for the following May Carte 1851 p 263 the thirty thousand pounds which by the articles of the cessation was to be paid half in money and the rest in beeves and ammunition brrnanukrmAustin Sister M Stanislaus 1913 O Reilly Hugh in b k Catholic Encyclopedia vol 11 New York The Encyclopedia Press p 294 1851 The Life of James Duke of Ormond vol 3 new ed Oxford 1643 to 1660 Cusack Mary Francis 1871 A Compendium of Irish History Boston Patrick Donahoe Meehan Rev Charles Patrick 1882 The Confederation of Kilkenny New revised and enlarged ed Dublin James DuffyduephimCanny Nicholas Making Ireland British 1580 1650 Oxford University Press Oxford 2001 Lenihan Padraig Confederate Catholics at War 1641 49 Cork University Press Cork 2001 Ohlmeyer Jane amp Kenyon John eds The Civil Wars Oxford University Press Oxford 1998 Siochru Micheal 1998 Confederate Ireland 1642 1649 A constitutional and political analysis Four Courts Press ISBN 1 85182 400 6 aehlngkhxmulxun British Civil Wars Commonwealth and Protectorate 1638 1660