สถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ คือสถาปัตยกรรมในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่ 1 ถึง รัชกาลปัจจุบัน) เป็นยุคที่ได้รับอิทธิพลจากจากตะวันตก วิชาชีพสถาปัตยกรรมในสมัยรัชกาลที่ 6 เริ่มเป็นที่รู้จัก และถือได้ว่าการประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมแผนใหม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกับการจัดตั้งสถาบันการศึกษาสถาปัตยกรรมที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยน
รูปแบบ
สถาปัตยกรรมทางศาสนา
วัดในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น มีรูปแบบดำเนินรอยตามแบบสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา เช่น การสร้างโบสถ์วิหารให้มีฐานโค้ง การสร้างหอไตรหรือหอพระไตรปิฎกกลางน้ำ เป็นต้น ต่อมาเมื่อมีการทำมาค้าขายกับต่างชาติมากขึ้น จึงได้รับอิทธิพล ที่เห็นได้ชัดคือ ในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่ได้รับอิทธิพลจีน
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด เช่น ได้เอาช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ออก โดยเปลี่ยนมาเป็นก่ออิฐถือปูนและใช้ลวดลายดินเผาเคลือบประดับหน้าแทนการใช้ไม้สลักแบบเดิม นิยมใช้เสาเป็นสี่เหลี่ยมทึบ ไม่มีบัวเสา
วัดที่มีการผสมผสานสถาปัตยกรรมตะวันตกเช่น วัดนิเวศธรรมประวัติ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นศิลปะแบบกอธิค
วัง
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังตามแบบกรุงศรีอยุธยา 3 แห่ง คือพระบรมมหาราชวัง พระราชวังบวรสถานมงคล พระราชวังบวรสถานพิมุข โดยทั้งตำแหน่งที่ตั้งนั้นยึดหลักยุทธศาสตร์เป็นสำคัญ ตามตำราพิชัยสงคราม คือ "มีแม่น้ำโอบล้อมภูเขาหรือหากหาภูเขาไม่ได้ มีแม่น้ำเพียงอย่างเดียวก็ได้ เรียกว่า นาคนาม"
ที่อยู่อาศัยของพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ และขุนนางไทยผู้สูงศักดิ์ในสมัยนั้น เรียกขานตามแต่บรรดาศักดิ์ ให้เห็นถึงยศที่ชัดเจน อาทิ พระตำหนัก พระที่นั่ง พระวิมาน หรือพระมหาปราสาท โดยเฉพาะพระวิมานและพระมหาปราสาท ใช้เฉพาะเรือนที่มีเจ้าของเป็นพระมหากษัตริย์เท่านั้น ส่วนที่ประทับของพระมหากษัตริย์หรือแม้จะเป็นพระมหาอุปราช เรียกว่า พระราชวัง เว้นแต่พระราชวังประทับถาวรของพระมหากษัตริย์เท่านั้นที่เรียกว่า พระบรมมหาราชวัง
วังหลายแห่งเป็นจุดเริ่มต้นของศิลปะไทยแขนงต่าง ๆ อันเนื่อง วังมักเป็นโรงงานช่างหรือโรงฝึกงานช่าง อย่างช่างสิบหมู่
ลักษณะของ ปราสาท พระราชวัง พระบรมมหาราชวัง ของพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์และขุนนาง แบ่งได้เป็น 3 สมัย คือ สมัยต้น (ร.1-3) เป็นยุคสืบทอดสถาปัตยกรรมแบบกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย สมัยกลาง (ร.4-6) ซึ่งประเทศไทยได้รับอิทธิสถาปัตยกรรมตะวันตก และสมัยหลัง (ร.7-ปัจจุบัน) เป็นยุคแห่งสถาปัตยกรรมร่วมสมัย
ที่พักอาศัย
ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชสถาปนากรุงเทพมหานครขึ้นเป็นเมืองหลวงกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเหมือนกรุงศรีอยุธยาแห่งที่สอง มีการสร้างสถาปัตยกรรมที่สำคัญเลียนแบบกรุงศรีอยุธยา ส่วนบ้านพักอาศัย เรือนไทยที่คงเหลือจากสงครามก็ถูกถอดและนำประกอบใหม่
สมัยรัชกาลที่ 4 เริ่มมีการติดต่อกับชาติตะวันตกมากขึ้น มีการสร้างอาคารต่างชนิดเพื่อรองรับกิจกรรมทางธุรกิจนอกเหนือจากที่อยู่ อาศัยและวัดวาอารามในอดีต ได้แก่ โรงงาน โรงสี โรงเลื่อย ห้างร้านและที่พักอาศัยของชาวตะวันตก นอกจากนี้การสร้างอาคารของทางราชการ กระทรวงต่าง ๆ และพระราชวังที่มีรูปแบบตะวันตกผสมผสานกับสถาปัตยกรรมไทยในรูปแบบนีโอ คลาสสิค เช่น พระที่นั่งจักรมหาปราสาท พระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นต้น
สำหรับที่พักอาศัย ในการประยุกต์ยุกแรก ๆ เรือนไม้จะนำศิลปะตะวันตกมาประยุกต์ เช่นเรือนปั้นหยา ซึ่งดัดแปลงมาจากเรือนไม้ของยุโรป สร้างขึ้นในพระราชวังก่อนแพร่หลายสู่บ้านเรือนประชาชน หลังคาเรือนปั้นหยาซึ่งมุงด้วยกระเบื้องโดยทุกด้านของหลังคาจะชนกันแบบปิรามิด ไม่มีหน้าจั่วแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิม จากนั้นได้วิวัฒนาการเป็นเรือนมะนิลา ในบางส่วนอาจเป็นหลังคาปั้นหยา แต่เปิดบางส่วนให้มีหน้าจั่ว หลังจากนั้นก็มีเรือนขนมปังขิง ซึ่งได้รับอิทธิพลจากเรือนขนมปังขิงสมัยโบราณของตะวันตก ซึ่งมีการตกแต่งอย่างหรูหรา มีครีบระบายอย่างแพรวพราว โดยทั้งเรือนขนมปังขิงและเรือนมะนิลา เป็นศิลปะฉลุลายที่เฟื่องฟูมากในสมัยรัชกาลที่ 5-6
ในสมัยรัชกาลที่ 5 เริ่มมีการให้กรรมสิทธิ์ที่ดิน อีกทั้งเกิดย่านตลาดเป็นศูนย์กลางชุมชน ทำให้เกิดที่พักอาศัยและร้านค้าตามย่านหัวเมือง เรียกสถาปัตยกรรมเช่นนี้ว่า เรือนโรง มีลักษณะเป็นเรือนพื้นติดดิน ไม่ตั้งอยู่บนเสาสูงเช่นเรือนไทยในอดีต ตั้งอยู่ยานชุมชนการค้าชาวจีนที่เข้ามาทำการค้าขาย โดยเปิดหน้าร้านสำหรับขายของ ส่วนด้านหลังไว้พักอาศัย เมื่อเรียงรายกันเป็นแถว จึงกลายเป็น ห้องแถว ในเวลาต่อมา ถึงแม้ว่าเรือนไทยจะได้รับอิทธิพลตะวันตก แต่คนไทยก็ยังถือเรื่องคติการสร้างบ้านแบบไทย ๆ อยู่เช่น การยกเสาเอกและการถือเรื่องทิศ ต่อมาสถาปนิกและนักตกแต่งซึ่งสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศได้กลับนำมาใช้ในการทำงาน ทำให้มีแนวโน้มนำเอารูปแบบสถาปัตยกรรมอื่นมาด้วย
ในปัจจุบันสถาปัตยกรรมโดยเฉพาะในเมืองหลวงในตามเมืองใหญ่ ๆ แทบไม่หลงเหลือรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยในอดีต ได้เน้นการสร้างความงามจากโครงสร้าง วัสดุ การออกแบบโครงสร้างให้มีความสวยงามในตัว เช่นใช้เหล็ก ใช้กระจกมากขึ้น ผนังใช้อิฐและปูนน้อยลง ใช้โครงสร้างเหล็กมากขึ้น ออกแบบรูปทรงให้เป็นกล่อง ผนังเป็นกระจกโล่ง เป็นต้น
โครงสร้าง
ตั้งแต่ก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์จนถึงรัชกาลที่ 2 (พ.ศ. 2325-2367) วัสดุที่ใช้ก่อสร้างอาคารบ้านเรือนจะเน้นไปที่ไม้เป็นหลัก จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงรัชกาลที่ 3 ถึง 4 (พ.ศ. 2367-2411) จึงเริ่มมีวัสดุใหม่ ๆ เข้ามาในประเทศ เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศจีน วัสดุก่อสร้างแบบจีนได้รับความนิยม คือ (Bearing masonry wall) ซึ่งใช้อิฐก้อนใหญ่ก่อผนังหนา ฉาบปูน และใช้ผนังด้านนอกเป็นกำแพงไปในตัว ทำให้บ้านแบบจีนนั้นดูหนักแน่นและทนต่อดินฟ้าอากาศ แต่เนื่องจากใช้ผนังในการรับน้ำหนัก รวมถึงชนิดที่ก่ออิฐหุ้มเสาไม้ซึ่งเป็นแกนใน ทำให้อาคารแบบจีนและแบบที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมีผนังชั้นบนกับชั้นล่างตรงกัน (เพื่อการถ่ายน้ำหนัก) อาคารส่วนใหญ่จึงมีลักษณะทึบ มีช่องเปิดเฉพาะบางส่วนของผนัง
ส่วนคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือสมัยก่อนเรียก เฟอร์โรคอนกรีต (Ferroconcrete) เข้ามายังประเทศไทยในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2411-2453) โดยช่วงแรกที่เริ่มใช้ก่อสร้างโครงสร้างด้วยวัสดุนี้ มักใช้กับเสา คาน และพื้นชั้นล่าง ส่วนพื้นชั้นบนยังคงใช้ตง และพื้นไม้อยู่ รูปทรงอาคารจึงยังไม่แตกต่างจากอาคารที่ใช้ระบบผนังรับน้ำหนักมากนัก ต่อมาช่างมีความชำนาญจึงได้เปลี่ยนรูปแบบใช้สอยให้หลากหลายยิ่งขึ้น เช่น ใช้เป็นหลังคายอดโดม ผนังโค้ง หรือกันสาด ฯ ทำให้โครงสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 มีรูปทรงที่ซับซ้อนขึ้น
การประกอบวิชาชีพ
การประกอบอาชีพในสถาปัตยกรรมในช่วงรัชกาลที่ 4-5 มีข้อจำกัด เพราะอาคารก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นอาคารสาธารณะ มีประโยชน์ใช้สอยซับซ้อนมากขึ้น อีกทั้งสังคมยังต้องการผู้มีความรู้เฉพาะทางด้านเทคนิคที่เป็นสากลมากขึ้น ในช่วงระยะเวลานั้นเริ่มมีการแยกหน้าที่รับผิดชอบระหว่างสถาปนิกและวิศวกร และเริ่มมีผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมเป็นให้เห็นชัดเจนมากขึ้น
ในสมัยรัชกาลที่ 6 ประเทศไทยขยายการติดต่อการค้ากับประเทศตะวันตกมากขึ้น ช่างไทยในสมัยนั้นร่วมงานหรือปฏิบัติงานภายใต้การดำเนินงานชาวตะวันตก จึงได้เรียนรู้ความชำนาญทางการออกแบบก่อสร้างแบบสากลจากช่างชาวตะวันตก วิชาชีพสถาปัตยกรรมในช่วงนั้นค่อนข้างเป็นที่รู้จัก เริ่มมีการบัญญัติคำว่า สถาปัตยกรรม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานคำแปลจากคำว่า Architecture ส่วนคำศัพท์ว่า Architect แปลเป็นคำว่า สถาปก ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า สถาปนิก
สถาปนิกในประเทศไทยสมัยนั้นมักปฏิบัติงานกับนายช่างตะวันตกชาวอิตาลี เยอรมันและฝรั่งเศส ซึ่งนอกเหนือจากปฏิบัติหน้าที่ให้ราชการแล้วยังประกอบวิชาชีพอิสระ รับออกแบบอาคารให้ผู้ว่าจ้างเอกชนอีกด้วย ช่างไทยที่มีชื่อเสียงอาทิ หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากร แต่อย่างไรก็ตามในการประกอบวิชาชีพ ผู้มีความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ในการออกแบบอาคาร สามารถประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมได้อย่างเสรี
วิชาชีพสถาปัตยกรรมสมัยใหม่
ในช่วงหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกอันเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมถึงในประเทศไทยด้วยที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจในการก่อสร้าง สถาปนิกต่างชาติเดินทางกลับประเทศ ทำให้การก่อสร้างลดน้อยลงไป ผนวกกับนักเรียนไทยจำนวนมากที่ได้เดินทางไปศึกษาต่อทางด้านวิชาสถาปัตยกรรม ณ ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสด้วยทุนรัฐบาลไทยและทุนส่วนตัว ได้กลับมารับราชการในหน่วยงานที่เกี่ยวกับงานการออกแบบแทนที่สถาปนิกชาวตะวันตก เมื่อการประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมเริ่มมีแบบแผนและขอบเขตงานที่ชัดเจนขึ้น และถือได้ว่าการประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมแผนใหม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกับการจัดตั้งสถาบันการศึกษาสถาปัตยกรรมที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี พ.ศ. 2476 โดยอาจารย์นารถ โพธิประสาท และการก่อตั้งสมาคมสถาปนิกสยามฯ ในปี พ.ศ. 2477 โดยกลุ่มนักเรียนไทยที่จบการศึกษาสถาปัตยกรรม อาทิ พระสาโรชรัตนนิมมานก์ หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากร หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณและอาจารย์นารถ โพธิประสาท เป็นต้น
ใน พ.ศ. 2479 เริ่มมีพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร เพื่อควบคุมการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ให้ได้ผลทางด้านความมั่นคง แข็งแรง อนามัย การสุขาภิบาล การป้องกันอัคคีภัย และการผังเมือง ถือเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบวิชาชีพออกแบบและการก่อสร้างฉบับแรกในประเทศไทย นอกจากนั้นยังมีประกาศ เทศบัญญัติเทศบาลนครกรุงเทพฯ เรื่องควบคุมการก่อสร้าง พ.ศ. 2483 ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของวิชาชีพสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่มีต่อประชาชนสืบเนื่องจนถึงปัจจุบัน
พ.ศ. 2475-2500
ในช่วงระยะเวลานี้ สถาปนิกส่วนใหญ่มักประกอบวิชาชีพในหน่วยงานราชการสำคัญ เช่นการออกแบบก่อสร้าง กรมโยธาธิการ กรมศิลปากร กรมรถไฟ กรมอู่ทหารเรือ และกรมยุทธโยธาทหารบก รูปแบบการทำงานของสถาปนิกจะทำงานครบวงจร ทั้งการศึกษาข้อมูลโครงการ ออกแบบ เขียนแบบก่อสร้าง รวมถึงควบคุมการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ นอกจากนี้สถาปนิกจากกรมโยธาธิการอาจต้องช่วยเหลืองานออกแบบให้กับหน่วยงานอื่นที่ไม่มีสถาปนิกเป็นของตนเอง
ส่วนการปฏิบัติวิชาชีพในรูปแบบสำนักงาน ยังไม่ปรากฏชัดเจน เป็นเพียงการรับงานส่วนตัวของสถาปนิกในหน่วยงานราชการเหล่านี้ ในส่วนของกฎหมายหรือข้อระเบียนควบคุมที่เกี่ยวข้องนั้น มีเพียงระเบียบและมาตรฐานการประกอบวิชาชีพจากสมาคมสถาปนิกสยามฯ เท่านั้น และไม่มีเกณฑ์มาตรฐานค่าบริการวิชาชีพที่แน่นอน
2501- 2506
ในช่วงเวลานี้ สถาปนิกที่ประกอบวิชาชีพในหน่วยงานราชการยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่งเริ่มมีการจัดตั้งสำนักงานสถาปนิกของเอกชน เช่นสำนักงานสถาปนิกเจน สกลธนารักษณ์ ในยุคนั้นสำนักงานสถาปนิกมักตั้งชื่อบริษัทตามชื่อสถาปนิกเจ้าของสำนักงาน ต่อมาเริ่มมีรูปแบบการทำงานเป็นทีมมากขึ้น พร้อมๆ กับการก่อตั้งสำนักงานสถาปนิกต่างชาติ อันเนื่องจากการตั้งฐานทัพของสหรัฐอเมริกาในไทย
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2508 มีกฎหมายควบคุมการปฏิบัติวิชาชีพ ประกาศบังคับใช้ ทำให้วิชาชีพสถาปนิกเป็นสาขาวิชาชีพสถาปนิกเป็นสาขาอาชีพที่มีการควบคุมจากทางราชการเป็นครั้งแรก ผู้ประกอบวิชาชีพต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม หรือ ก.ส. ส่วนการดำเนินงานของสำนักงานสถาปนิกมักเป็นสำนักงานขนาดเล็ก บริหารงานแบบครอบครัวหรือสตูดิโอ แต่ในส่วนค่าบริการวิชาชีพยังคงไม่เป็นมาตรฐาน
2517-2525
ในส่วนภาคราชการ หน่วยงานมีสถาปนิกของตัวเอง และมีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่มากขึ้น ส่วนในภาคเอกชนจะเป็นการบริการจากสำนักงานสถาปนิกขนาดเล็กและกลาง ในรูปแบบองค์กรแบบบริษัทจากการรวมหุ้นระหว่างผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูง หรือผู้ก่อตั้งถือหุ้นรายใหญ่รวมทั้งเจ้าของโครงการเป็นผู้ถือหุ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีลักษณะการขยายบริษัทแบ่งเป็นบริษัทเล็ก ๆ ในเครือบริษัทขนาดใหญ่ มีการให้บริการเพิ่มเติมการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับข้อกฎหมายในการปลูกสร้างอาคาร
ในช่วงนี้สถาปนิกบางกลุ่มได้เปลี่ยนมาปฏิบัติงานด้านบริหารงานก่อสร้างด้วยเช่นกัน และสำนักงานสถาปนิกเริ่มใช้คอมพิวเตอร์มาช่วงในการปฏิบัติงานมากขึ้น ในส่วนค่าบริการวิชาชีพถึงแม้ว่าจะมีการจัดทำเกณฑ์ค่าบริการวิชาชีพจากสมาคมสถาปนิกสยามฯ แต่สถาปนิกก็พบกับปัญหาการต่อรองค่าออกแบบจากลูกค้าและจากราชการให้ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานค่าบริการวิชาชีพ
2526-2537
วงการวิชาชีพสถาปัตยกรรมมีการขยายตัวขึ้นอย่างมาก ตามสภาพความเป็นไปของเศรษฐกิจของประเทศไทย ขอบเขตการให้บริการวิชาชีพสถาปัตยกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ตั้งแต่การเริ่มต้นศึกษาโครงการ การออกแบบ การบริหารงานก่อสร้าง การบริหารด้านอสังหาริมทรัพย์ และมีการเดินทางออกไปรับงานในต่างประเทศอีกด้วย งานในภาคเอกชนมีความต้องการสถาปนิกจำนวนมาก จนเกิดภาวะสมองไหลจากภาคราชการสู่ภาคเอกชน ภาคการศึกษากำหนดให้วิชาชีพสถาปนิกเป็นสาขาที่ขาดแคลนที่ต้องเร่งผลิตให้เท่าทันความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งส่งผลกระทบมายังระบบการศึกษาและปฏิบัติวิชาชีพของประเทศไทยในปัจจุบันเช่นกัน
การให้บริการสถาปนิก มีรูปแบบเปลี่ยนมาจัดตั้งบริษัทควบคุมงานและบริหารงานก่อสร้างกันมากขึ้น อันเนื่องมาจากความต้องการที่มากขึ้นของตลาดอสังหาริมทรัพย์ จนวิชาชีพสถาปัตยกรรมถือได้ว่ามาถึงยุคเฟื่องฟูงถึงขีดสุด เห็นได้จากจำนวนบริษัทสถาปนิกที่ขึ้นทะเบียนกับสมาคมสถาปนิกสยามฯ มีสูงถึงกว่า 200 บริษัท (และไม่เคยปรากฏมีจำนวนสูงมากเท่านี้จนถึงปัจจุบัน) และมีองค์กรที่มีบุคลากรในบริษัทตั้งแต่ 10 คนไปจนถึง 200 คนเศษ แต่ช่วงเวลาดังกล่าวนี้จะดูด้อยคุณภาพไปจากอดีตที่ผ่านมา ในส่วนของค่าบริการวิชาชีพในภาพรวมของวงการจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น
2538 - 2543
ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอันเนื่องมาจากวิกฤตต้มยำกุ้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา งานในภาคราชการ ในวงการธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพทย์ชะลอตัวลงหรือล้มเลิกโครงการไปอย่างมากมาย บริษัทพัฒนาที่ดินหลายบริษัทปิดตัวลง สถาปนิกว่างงาน รวมถึงการลดจำนวนพนักงานไปหลายต่อหลายแห่ง สำนักงานสถาปนิกจำนวนมากปิดตัวไป ทำให้สถาปนิกล้นตลาดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน บริษัทสถาปนิกจำนวนมากต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรไปจนถึงรูปแบบการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการลดเงินเดือนและลดวันทำงาน และเปลี่ยนการให้บริการการออกแบบเป็นการควบคุมงานก่อสร้าง การบริหารโครงการหรือออกไปหางานจากประเทศเพื่อนบ้าน
สถาบันการศึกษาเริ่มปรับเปลี่ยนหลักสูตรให้สอดคล้องกับสถานกรณ์ เช่น การเปิดการเยนการสอนในการรับบัญฑิตเข้าศึกษามากขึ้น เช่น เทคโนโลยีอาคาร และการจัดการทางสถาปัตยกรรม เป็นต้น ในช่วงนี้บุคคลสำคัญในวงการวิชาชีพหลายท่าน อาทิ คุณมติ ตั้งพานิช, คุณนิธิ สถาปิตานนท์, คุณยอดเยี่ยม เทพธรานนท์, คุณ ฯลฯ ได้ร่วมผลักดันให้เกิดการบริหารการจัดการและการกำกับดูแลการปฏิบัติวิชาชีพจากคนในวิชาชีพด้วยกันเองอย่างอิสระในรูปแบบสถาปนิกสภาขึ้น เพื่อแทนทีการกำกับดูแลจากรัฐบาลผ่านคณะกรรมการ ก.ส. เป็นเหตุให้เกิดความพยายามยกร่างกฎหมายดังกล่าวจากตัวแทนผู้กอบวิชาชีพเพื่อนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฏร และผู้นำรัฐบาล ในหลายรัฐบาล เพื่อให้ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องเห็นความสำคัญของวิชาชีพและกฎหมายฉบับนี้ที่มีต่อคนไทย จนสามารถประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติสถาปนิกสำเร็จเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543
2544
จากจุดตกต่ำของวงการวิชาชีพสถาปัตยกรรม ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นจำนวนสำนักงานสถาปนิกและผู้ประกอบวิชาชีพที่ลดน้อยลง เช่นสถานการณ์การว่างจ้างงานสถาปัตยกรรมมีปริมาณงานไม่สอดคล้องกับจำนวนสำนักงานและปริมาณสถาปนิกที่มีอยู่เดิม การแข่งขันในวิชาชีพที่มีความเข้มข้นขึ้น พร้อมกับการขยายโอกาสให้บริการวิชาชีพไปยังต่างประเทศ ในแถบตะวันออกกลาง จีนและประเทศเพื่อนบ้านของสำนักงานสถาปนิกขนาดกลางและขนาดใหญ่
ผนวกกับการเปิดการเรียนการสอนสถาปัตยกรรมในหลายสถาบันการศึกษา ทำให้มีจำนวนบัณฑิตสถาปัตยกรรมใหม่ เพิ่มากขึ้นสูงเกือบ 2,000 คนในแต่ละปี แต่อย่างไรก็ตามด้วยเงื่อนไขในการสอบรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพฯ และความต้องการประกอบวิชาชีพที่มีความหลายหลายมากกว่างานสถาปัตยกรรมเพียงอย่างเดียว ทำให้จำนวนสถาปนิกใหม่ที่สอบผ่านได้รับใบอนุญาตฯ ในแต่ละปีมีจำนวนเพียงประมาณ 900-1,000 คนเศษ
เนื่องจากประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติสถาปนิกใน พ.ศ. 2543 ทำให้วิชาสถาปัตยกรรมมีสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องและถูกควบคุมเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ สถาปัตยกรรมหลัก ภูมิสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมผังเมือง และสถาปัตยกรรมภายในและมัณฑนศิลป์
จุดเปลี่ยนที่สำคัญ คือนโยบายการเปิดเสรีการค้าธุรกิจบริการที่มีผลบังคับใช้ ทำให้วงการวิชาชีพต้องพิจารณาผลกระทบจากการปฏิบัติวิชาชีพข้ามชาติของสถาปนิกทั้งจากตะวันตกและในภูมิภาคอาเซียน อันเนื่องมาจากข้อตกลงสถาปนิกอาเซียน ทำให้องค์การวิชาชีพและผู้ประกอบวิชาชีพต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติงานให้ทัดเทียมมาตรฐานสากลมากขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะด้านภาษาต่างประเทศ
สถาปนิกและผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมมีโอกาสไปปฏิบัติงานในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและองค์กรมหาชนเกิดขึ้นใหม่หลายแห่ง อันเนื่องจากบัณฑิตสถาปัตยกรรมแต่ละปีมีมากขึ้นเกินความจำเป็นของตลาด บัณฑิตสถาปัตยกรรมได้ผันตัวเองไปปฏิบัติงานในลักษณะอื่นกันมากขึ้น โดยเฉพาะในสายงานที่ใช้ความคิด สร้างสรรค์อื่น โดยอาศัยจุดแข็งทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของตนเอง เช่น งานออกแบบ กราฟิก งานออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ งานในแวดวงบันเทิง
แนวโน้ม
แนวโน้มในการปฏิบัติวิชาชีพที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด คือสถาปนิกและผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมรุ่นใหม่บางส่วน มีความพึงพอใจกับการประกอบวิชาชีพอิสระมาขึ้น โดยไม่เห็นความจำเป็นในการปฏิบัติงานประจำในสำนักงานหรือหน่วยงาน
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- http://www.thailife.com/images/Book2.pdf
- หม่อมราชวงศ์หญิงแน่งน้อย ศักดิ์ศรี (2537), มรดกสถาปัตยกรรมกรุงรัตนโกสินทร์ฯ 2, โรงพิมพ์กรุงเทพ, กรุงเทพ.
- ผุสดี ทิพทัส และมานพ พงศทัต (2525), บ้านในกรุงเทพฯ : รูปแบบและการเปลี่ยนแปลงในรอบ 200 ปี (พ.ศ. 2325-2525), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพ.
- "วิวัฒนาการและรูปแบบการประกอบอาชีพสถาปัตยกรรมในประเทศไทย". วารสารสภาสถาปนิก ฉบับเดือนธันวาคม 2552 หน้า 23-27
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
sthaptykrrmsmyrtnoksinthr khuxsthaptykrrminyukhkrungrtnoksinthr rchkalthi 1 thung rchkalpccubn epnyukhthiidrbxiththiphlcakcaktawntk wichachiphsthaptykrrminsmyrchkalthi 6 erimepnthiruck aelathuxidwakarprakxbwichachiphsthaptykrrmaephnihmidekidkhunphrxmkbkarcdtngsthabnkarsuksasthaptykrrmthiculalngkrnmhawithyalynrupaebbsthaptykrrmthangsasna wdinyukhrtnoksinthrtxntn mirupaebbdaeninrxytamaebbsthaptykrrmsmyxyuthya echn karsrangobsthwiharihmithanokhng karsranghxitrhruxhxphraitrpidkklangna epntn txmaemuxmikarthamakhakhaykbtangchatimakkhun cungidrbxiththiphl thiehnidchdkhux insmyrchkalthi 3 thiidrbxiththiphlcin karepliynaeplngthiehnidchd echn idexachxfa ibraka hanghngs xxk odyepliynmaepnkxxiththuxpunaelaichlwdlaydinephaekhluxbpradbhnaaethnkarichimslkaebbedim niymichesaepnsiehliymthub immibwesa wdthimikarphsmphsansthaptykrrmtawntkechn wdniewsthrrmprawti incnghwdphrankhrsrixyuthya sungepnsilpaaebbkxthikh wng phrathinngckrimhaprasathaelaphrathinngxaphrnphiomkkhprasath sthaptykrrminrtnoksinthrtxntn phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach oprdekla ihsrangphrarachwngtamaebbkrungsrixyuthya 3 aehng khuxphrabrmmharachwng phrarachwngbwrsthanmngkhl phrarachwngbwrsthanphimukh odythngtaaehnngthitngnnyudhlkyuththsastrepnsakhy tamtaraphichysngkhram khux miaemnaoxblxmphuekhahruxhakhaphuekhaimid miaemnaephiyngxyangediywkid eriykwa nakhnam thixyuxasykhxngphramhakstriy phrabrmwngsanuwngs aelakhunnangithyphusungskdiinsmynn eriykkhantamaetbrrdaskdi ihehnthungysthichdecn xathi phratahnk phrathinng phrawiman hruxphramhaprasath odyechphaaphrawimanaelaphramhaprasath ichechphaaeruxnthimiecakhxngepnphramhakstriyethann swnthiprathbkhxngphramhakstriyhruxaemcaepnphramhaxuprach eriykwa phrarachwng ewnaetphrarachwngprathbthawrkhxngphramhakstriyethannthieriykwa phrabrmmharachwng wnghlayaehngepncuderimtnkhxngsilpaithyaekhnngtang xnenuxng wngmkepnorngnganchanghruxorngfuknganchang xyangchangsibhmu lksnakhxng prasath phrarachwng phrabrmmharachwng khxngphramhakstriy phrabrmwngsanuwngsaelakhunnang aebngidepn 3 smy khux smytn r 1 3 epnyukhsubthxdsthaptykrrmaebbkrungsrixyuthyatxnplay smyklang r 4 6 sungpraethsithyidrbxiththisthaptykrrmtawntk aelasmyhlng r 7 pccubn epnyukhaehngsthaptykrrmrwmsmy thiphkxasy tukaethw yanbangrk insmyrtnoksinthrtxntn hlngcakthiphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachsthapnakrungethphmhankhrkhunepnemuxnghlwngkrungrtnoksinthr phraxngkhmiphrarachprasngkhthicathaihkrungethphmhankhrepnehmuxnkrungsrixyuthyaaehngthisxng mikarsrangsthaptykrrmthisakhyeliynaebbkrungsrixyuthya swnbanphkxasy eruxnithythikhngehluxcaksngkhramkthukthxdaelanaprakxbihm smyrchkalthi 4 erimmikartidtxkbchatitawntkmakkhun mikarsrangxakhartangchnidephuxrxngrbkickrrmthangthurkicnxkehnuxcakthixyu xasyaelawdwaxaraminxdit idaek orngngan orngsi orngeluxy hangranaelathiphkxasykhxngchawtawntk nxkcaknikarsrangxakharkhxngthangrachkar krathrwngtang aelaphrarachwngthimirupaebbtawntkphsmphsankbsthaptykrrmithyinrupaebbniox khlassikh echn phrathinngckrmhaprasath phrathinngxnntsmakhm epntn sahrbthiphkxasy inkarprayuktyukaerk eruxnimcanasilpatawntkmaprayukt echneruxnpnhya sungddaeplngmacakeruxnimkhxngyuorp srangkhuninphrarachwngkxnaephrhlaysubaneruxnprachachn hlngkhaeruxnpnhyasungmungdwykraebuxngodythukdankhxnghlngkhacachnknaebbpiramid immihnacwaebbsthaptykrrmdngedim caknnidwiwthnakarepneruxnmanila inbangswnxacepnhlngkhapnhya aetepidbangswnihmihnacw hlngcaknnkmieruxnkhnmpngkhing sungidrbxiththiphlcakeruxnkhnmpngkhingsmyobrankhxngtawntk sungmikartkaetngxyanghruhra mikhribrabayxyangaephrwphraw odythngeruxnkhnmpngkhingaelaeruxnmanila epnsilpachlulaythiefuxngfumakinsmyrchkalthi 5 6 insmyrchkalthi 5 erimmikarihkrrmsiththithidin xikthngekidyantladepnsunyklangchumchn thaihekidthiphkxasyaelarankhatamyanhwemuxng eriyksthaptykrrmechnniwa eruxnorng milksnaepneruxnphuntiddin imtngxyubnesasungechneruxnithyinxdit tngxyuyanchumchnkarkhachawcinthiekhamathakarkhakhay odyepidhnaransahrbkhaykhxng swndanhlngiwphkxasy emuxeriyngrayknepnaethw cungklayepn hxngaethw inewlatxma thungaemwaeruxnithycaidrbxiththiphltawntk aetkhnithykyngthuxeruxngkhtikarsrangbanaebbithy xyuechn karykesaexkaelakarthuxeruxngthis txmasthapnikaelanktkaetngsungsaerckarsuksacaktangpraethsidklbnamaichinkarthangan thaihmiaenwonmnaexarupaebbsthaptykrrmxunmadwy inpccubnsthaptykrrmodyechphaainemuxnghlwngintamemuxngihy aethbimhlngehluxrupaebbsthaptykrrmithyinxdit idennkarsrangkhwamngamcakokhrngsrang wsdu karxxkaebbokhrngsrangihmikhwamswyngamintw echnichehlk ichkrackmakkhun phnngichxithaelapunnxylng ichokhrngsrangehlkmakkhun xxkaebbrupthrngihepnklxng phnngepnkrackolng epntnokhrngsrangphrathinngxnntsmakhm miokhrngsranghlngkhayxdodm aesdngkhwamchanaydankhxngokhrngsrangkhxngchangthiidepliynrupaebbichsxy tngaetkxtngkrungrtnoksinthrcnthungrchkalthi 2 ph s 2325 2367 wsduthiichkxsrangxakharbaneruxncaennipthiimepnhlk cnkrathngekhasuchwngrchkalthi 3 thung 4 ph s 2367 2411 cungerimmiwsduihm ekhamainpraeths enuxngcakkhwamsmphnththidikbpraethscin wsdukxsrangaebbcinidrbkhwamniym khux Bearing masonry wall sungichxithkxnihykxphnnghna chabpun aelaichphnngdannxkepnkaaephngipintw thaihbanaebbcinnnduhnkaennaelathntxdinfaxakas aetenuxngcakichphnnginkarrbnahnk rwmthungchnidthikxxithhumesaimsungepnaeknin thaihxakharaebbcinaelaaebbthiidrbxiththiphlcaktawntkmiphnngchnbnkbchnlangtrngkn ephuxkarthaynahnk xakharswnihycungmilksnathub michxngepidechphaabangswnkhxngphnng swnkhxnkritesrimehlk hruxsmykxneriyk efxrorkhxnkrit Ferroconcrete ekhamayngpraethsithyinrchsmyrchkalthi 5 ph s 2411 2453 odychwngaerkthierimichkxsrangokhrngsrangdwywsduni mkichkbesa khan aelaphunchnlang swnphunchnbnyngkhngichtng aelaphunimxyu rupthrngxakharcungyngimaetktangcakxakharthiichrabbphnngrbnahnkmaknk txmachangmikhwamchanaycungidepliynrupaebbichsxyihhlakhlayyingkhun echn ichepnhlngkhayxdodm phnngokhng hruxknsad thaihokhrngsranginsmyrchkalthi 5 mirupthrngthisbsxnkhunkarprakxbwichachiphkarprakxbxachiphinsthaptykrrminchwngrchkalthi 4 5 mikhxcakd ephraaxakharkxsrangswnihyepnxakharsatharna mipraoychnichsxysbsxnmakkhun xikthngsngkhmyngtxngkarphumikhwamruechphaathangdanethkhnikhthiepnsaklmakkhun inchwngrayaewlannerimmikaraeykhnathirbphidchxbrahwangsthapnikaelawiswkr aelaerimmiphuprakxbwichachiphsthaptykrrmepnihehnchdecnmakkhun insmyrchkalthi 6 praethsithykhyaykartidtxkarkhakbpraethstawntkmakkhun changithyinsmynnrwmnganhruxptibtinganphayitkardaeninnganchawtawntk cungideriynrukhwamchanaythangkarxxkaebbkxsrangaebbsaklcakchangchawtawntk wichachiphsthaptykrrminchwngnnkhxnkhangepnthiruck erimmikarbyytikhawa sthaptykrrm sungphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwphrarachthankhaaeplcakkhawa Architecture swnkhasphthwa Architect aeplepnkhawa sthapk sungtxmaidepliynmaepnkhawa sthapnik sthapnikinpraethsithysmynnmkptibtingankbnaychangtawntkchawxitali eyxrmnaelafrngess sungnxkehnuxcakptibtihnathiihrachkaraelwyngprakxbwichachiphxisra rbxxkaebbxakharihphuwacangexkchnxikdwy changithythimichuxesiyngxathi hmxmecaxiththiethphsrrkh kvdakr aetxyangirktaminkarprakxbwichachiph phumikhwamrukhwamchanayaelaprasbkarninkarxxkaebbxakhar samarthprakxbwichachiphsthaptykrrmidxyangesri wichachiphsthaptykrrmsmyihm khnasthaptykrrmsastr culalngkrnmhawithyaly kxtnginpi ph s 2476 inchwngthithuxidwaepnkarprakxbwichachiphsthaptykrrmaephnihm inchwnghlngkarepliynaeplngkarpkkhrxngin ph s 2475 inrchkalphrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhw esrsthkictktathwolkxnenuxngmacaksngkhramolkkhrngthi 1 rwmthunginpraethsithydwythiprasbpyhathangesrsthkicinkarkxsrang sthapniktangchatiedinthangklbpraeths thaihkarkxsrangldnxylngip phnwkkbnkeriynithycanwnmakthiidedinthangipsuksatxthangdanwichasthaptykrrm n praethsxngkvsaelafrngessdwythunrthbalithyaelathunswntw idklbmarbrachkarinhnwynganthiekiywkbngankarxxkaebbaethnthisthapnikchawtawntk emuxkarprakxbwichachiphsthaptykrrmerimmiaebbaephnaelakhxbekhtnganthichdecnkhun aelathuxidwakarprakxbwichachiphsthaptykrrmaephnihmidekidkhunphrxmkbkarcdtngsthabnkarsuksasthaptykrrmthiculalngkrnmhawithyalyinpi ph s 2476 odyxacarynarth ophthiprasath aelakarkxtngsmakhmsthapniksyam inpi ph s 2477 odyklumnkeriynithythicbkarsuksasthaptykrrm xathi phrasaorchrtnnimmank hmxmecaxiththiethphsrrkh kvdakr hmxmecaowthyakr wrwrrnaelaxacarynarth ophthiprasath epntn in ph s 2479 erimmiphrarachbyytikhwbkhumkarkxsrangxakhar ephuxkhwbkhumkarkxsrangxakhartang ihidphlthangdankhwammnkhng aekhngaerng xnamy karsukhaphibal karpxngknxkhkhiphy aelakarphngemuxng thuxepnkdhmaythiekiywkhxngkbphuprakxbwichachiphxxkaebbaelakarkxsrangchbbaerkinpraethsithy nxkcaknnyngmiprakas ethsbyytiethsbalnkhrkrungethph eruxngkhwbkhumkarkxsrang ph s 2483 thuxepncuderimtnsakhykhxngwichachiphsthaptykrrmsmyihmthimitxprachachnsubenuxngcnthungpccubn ph s 2475 2500 inchwngrayaewlani sthapnikswnihymkprakxbwichachiphinhnwynganrachkarsakhy echnkarxxkaebbkxsrang krmoythathikar krmsilpakr krmrthif krmxuthharerux aelakrmyuththoythathharbk rupaebbkarthangankhxngsthapnikcathangankhrbwngcr thngkarsuksakhxmulokhrngkar xxkaebb ekhiynaebbkxsrang rwmthungkhwbkhumkarkxsrangcnaelwesrc nxkcaknisthapnikcakkrmoythathikarxactxngchwyehluxnganxxkaebbihkbhnwynganxunthiimmisthapnikepnkhxngtnexng swnkarptibtiwichachiphinrupaebbsankngan yngimpraktchdecn epnephiyngkarrbnganswntwkhxngsthapnikinhnwynganrachkarehlani inswnkhxngkdhmayhruxkhxraebiynkhwbkhumthiekiywkhxngnn miephiyngraebiybaelamatrthankarprakxbwichachiphcaksmakhmsthapniksyam ethann aelaimmieknthmatrthankhabrikarwichachiphthiaennxn 2501 2506 inchwngewlani sthapnikthiprakxbwichachiphinhnwynganrachkaryngimmikarepliynaeplngmaknk aetngerimmikarcdtngsankngansthapnikkhxngexkchn echnsankngansthapnikecn sklthnarksn inyukhnnsankngansthapnikmktngchuxbristhtamchuxsthapnikecakhxngsankngan txmaerimmirupaebbkarthanganepnthimmakkhun phrxm kbkarkxtngsankngansthapniktangchati xnenuxngcakkartngthanthphkhxngshrthxemrikainithy emuxwnthi 14 thnwakhm ph s 2508 mikdhmaykhwbkhumkarptibtiwichachiph prakasbngkhbich thaihwichachiphsthapnikepnsakhawichachiphsthapnikepnsakhaxachiphthimikarkhwbkhumcakthangrachkarepnkhrngaerk phuprakxbwichachiphtxngmiibxnuyatprakxbwichachiphsthaptykrrm hrux k s swnkardaeninngankhxngsankngansthapnikmkepnsankngankhnadelk briharnganaebbkhrxbkhrwhruxstudiox aetinswnkhabrikarwichachiphyngkhngimepnmatrthan 2517 2525 inswnphakhrachkar hnwynganmisthapnikkhxngtwexng aelamiokhrngkarkxsrangkhnadihymakkhun swninphakhexkchncaepnkarbrikarcaksankngansthapnikkhnadelkaelaklang inrupaebbxngkhkraebbbristhcakkarrwmhunrahwangphukxtngaelaphubriharradbsung hruxphukxtngthuxhunrayihyrwmthngecakhxngokhrngkarepnphuthuxhundwy nxkcakniyngmilksnakarkhyaybristhaebngepnbristhelk inekhruxbristhkhnadihy mikarihbrikarephimetimkarsuksakhwamepnipidkhxngokhrngkaraelaihkhapruksaekiywkbkhxkdhmayinkarpluksrangxakhar inchwngnisthapnikbangklumidepliynmaptibtingandanbriharngankxsrangdwyechnkn aelasankngansthapnikerimichkhxmphiwetxrmachwnginkarptibtinganmakkhun inswnkhabrikarwichachiphthungaemwacamikarcdthaeknthkhabrikarwichachiphcaksmakhmsthapniksyam aetsthapnikkphbkbpyhakartxrxngkhaxxkaebbcaklukkhaaelacakrachkarihtakwaeknthmatrthankhabrikarwichachiph 2526 2537 wngkarwichachiphsthaptykrrmmikarkhyaytwkhunxyangmak tamsphaphkhwamepnipkhxngesrsthkickhxngpraethsithy khxbekhtkarihbrikarwichachiphsthaptykrrmkhyaytwephimkhunxyangmak tngaetkarerimtnsuksaokhrngkar karxxkaebb karbriharngankxsrang karbrihardanxsngharimthrphy aelamikaredinthangxxkiprbnganintangpraethsxikdwy nganinphakhexkchnmikhwamtxngkarsthapnikcanwnmak cnekidphawasmxngihlcakphakhrachkarsuphakhexkchn phakhkarsuksakahndihwichachiphsthapnikepnsakhathikhadaekhlnthitxngerngphlitihethathnkhwamtxngkarkhxngtladaerngngan sungsngphlkrathbmayngrabbkarsuksaaelaptibtiwichachiphkhxngpraethsithyinpccubnechnkn karihbrikarsthapnik mirupaebbepliynmacdtngbristhkhwbkhumnganaelabriharngankxsrangknmakkhun xnenuxngmacakkhwamtxngkarthimakkhunkhxngtladxsngharimthrphy cnwichachiphsthaptykrrmthuxidwamathungyukhefuxngfungthungkhidsud ehnidcakcanwnbristhsthapnikthikhunthaebiynkbsmakhmsthapniksyam misungthungkwa 200 bristh aelaimekhypraktmicanwnsungmakethanicnthungpccubn aelamixngkhkrthimibukhlakrinbristhtngaet 10 khnipcnthung 200 khness aetchwngewladngklawnicadudxykhunphaphipcakxditthiphanma inswnkhxngkhabrikarwichachiphinphaphrwmkhxngwngkarcdwaxyuineknththidikhun 2538 2543 praethsithyekhasuphawaesrsthkictktaxnenuxngmacakwikvttmyakung tngaetpi ph s 2540 epntnma nganinphakhrachkar inwngkarthurkickxsrangaelaxsngharimthrphthychalxtwlnghruxlmelikokhrngkaripxyangmakmay bristhphthnathidinhlaybristhpidtwlng sthapnikwangngan rwmthungkarldcanwnphnknganiphlaytxhlayaehng sankngansthapnikcanwnmakpidtwip thaihsthapniklntladxyangimekhypraktmakxn bristhsthapnikcanwnmaktxngprbepliynokhrngsrangxngkhkripcnthungrupaebbkarthangan imwacaepnkarldengineduxnaelaldwnthangan aelaepliynkarihbrikarkarxxkaebbepnkarkhwbkhumngankxsrang karbriharokhrngkarhruxxxkiphangancakpraethsephuxnban sthabnkarsuksaerimprbepliynhlksutrihsxdkhlxngkbsthankrn echn karepidkareynkarsxninkarrbbythitekhasuksamakkhun echn ethkhonolyixakhar aelakarcdkarthangsthaptykrrm epntn inchwngnibukhkhlsakhyinwngkarwichachiphhlaythan xathi khunmti tngphanich khunnithi sthapitannth khunyxdeyiym ethphthrannth khun l idrwmphlkdnihekidkarbriharkarcdkaraelakarkakbduaelkarptibtiwichachiphcakkhninwichachiphdwyknexngxyangxisrainrupaebbsthapniksphakhun ephuxaethnthikarkakbduaelcakrthbalphankhnakrrmkar k s epnehtuihekidkhwamphyayamykrangkdhmaydngklawcaktwaethnphukxbwichachiphephuxnaesnxtxsphaphuaethnrastr aelaphunarthbal inhlayrthbal ephuxihphumixanacthiekiywkhxngehnkhwamsakhykhxngwichachiphaelakdhmaychbbnithimitxkhnithy cnsamarthprakasbngkhbichphrarachbyytisthapniksaercemuxwnthi 7 kumphaphnth ph s 2543 2544 cakcudtktakhxngwngkarwichachiphsthaptykrrm thaihekidkhwamepliynaeplng imwacaepncanwnsankngansthapnikaelaphuprakxbwichachiphthildnxylng echnsthankarnkarwangcangngansthaptykrrmmiprimannganimsxdkhlxngkbcanwnsanknganaelaprimansthapnikthimixyuedim karaekhngkhninwichachiphthimikhwamekhmkhnkhun phrxmkbkarkhyayoxkasihbrikarwichachiphipyngtangpraeths inaethbtawnxxkklang cinaelapraethsephuxnbankhxngsankngansthapnikkhnadklangaelakhnadihy phnwkkbkarepidkareriynkarsxnsthaptykrrminhlaysthabnkarsuksa thaihmicanwnbnthitsthaptykrrmihm ephimakkhunsungekuxb 2 000 khninaetlapi aetxyangirktamdwyenguxnikhinkarsxbrbibxnuyatprakxbwichachiph aelakhwamtxngkarprakxbwichachiphthimikhwamhlayhlaymakkwangansthaptykrrmephiyngxyangediyw thaihcanwnsthapnikihmthisxbphanidrbibxnuyat inaetlapimicanwnephiyngpraman 900 1 000 khness enuxngcakprakasbngkhbichphrarachbyytisthapnikin ph s 2543 thaihwichasthaptykrrmmisakhawichachiphthiekiywkhxngaelathukkhwbkhumephimmakkhun idaek sthaptykrrmhlk phumisthaptykrrm sthaptykrrmphngemuxng aelasthaptykrrmphayinaelamnthnsilp cudepliynthisakhy khuxnoybaykarepidesrikarkhathurkicbrikarthimiphlbngkhbich thaihwngkarwichachiphtxngphicarnaphlkrathbcakkarptibtiwichachiphkhamchatikhxngsthapnikthngcaktawntkaelainphumiphakhxaesiyn xnenuxngmacakkhxtklngsthapnikxaesiyn thaihxngkhkarwichachiphaelaphuprakxbwichachiphtxngihkhwamsakhykbkarphthnamatrthankarptibtinganihthdethiymmatrthansaklmakkhun khwbkhuipkbkarphthnathksadanphasatangpraeths sthapnikaelaphuprakxbwichachiphsthaptykrrmmioxkasipptibtinganinhnwynganrthwisahkicaelaxngkhkrmhachnekidkhunihmhlayaehng xnenuxngcakbnthitsthaptykrrmaetlapimimakkhunekinkhwamcaepnkhxngtlad bnthitsthaptykrrmidphntwexngipptibtinganinlksnaxunknmakkhun odyechphaainsaynganthiichkhwamkhid srangsrrkhxun odyxasycudaekhngthangdanethkhonolyisarsnethskhxngtnexng echn nganxxkaebb krafik nganxxkaebbaelaphthnaewbist nganinaewdwngbnething aenwonm aenwonminkarptibtiwichachiphthiepliynipxyangehnidchd khuxsthapnikaelaphuprakxbwichachiphsthaptykrrmrunihmbangswn mikhwamphungphxickbkarprakxbwichachiphxisramakhun odyimehnkhwamcaepninkarptibtinganpracainsanknganhruxhnwynganduephimsthaptykrrmithy sthaptykrrmkhnarasdrxangxinghttp www thailife com images Book2 pdf hmxmrachwngshyingaenngnxy skdisri 2537 mrdksthaptykrrmkrungrtnoksinthr 2 orngphimphkrungethph krungethph phusdi thiphths aelamanph phngstht 2525 baninkrungethph rupaebbaelakarepliynaeplnginrxb 200 pi ph s 2325 2525 culalngkrnmhawithyaly krungethph wiwthnakaraelarupaebbkarprakxbxachiphsthaptykrrminpraethsithy warsarsphasthapnik chbbeduxnthnwakhm 2552 hna 23 27