อาสนวิหารออลอรง (ฝรั่งเศส: Cathédrale d'Oloron) เรียกชื่อเต็มว่า อาสนวิหารนักบุญมารีย์แห่งออลอรง (Cathédrale Sainte-Marie d'Oloron) ในปัจจุบันมีฐานะเป็นโบสถ์ประจำเขตแพริชนิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งในอดีตเคยมีฐานะเป็นอาสนวิหารประจำซึ่งต่อมาได้ถูกยุบลงเป็นส่วนหนึ่งของตั้งแต่ปี ค.ศ. 1801 เป็นต้นมา (ตามความตกลง ค.ศ. 1801) ตั้งอยู่ที่เมือง จังหวัดปีเรเน-อัตล็องติก แคว้นนูแวลากีแตน ประเทศฝรั่งเศส สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่พระนางมารีย์พรหมจารี
อาสนวิหารนักบุญมารีย์แห่งออลอรง | |
---|---|
มุขทางเข้าอาสนวิหาร | |
43°11′16″N 0°36′57″W / 43.18778°N 0.61583°W | |
ที่ตั้ง | จังหวัดปีเรเน-อัตล็องติก |
ประเทศ | ประเทศฝรั่งเศส |
นิกาย | โรมันคาทอลิก |
สถานะ | โบสถ์ประจำเขต (อาสนวิหารจนกระทั่งปี ค.ศ. 1801) |
ประเภทสถาปัตย์ | กางเขน |
รูปแบบสถาปัตย์ | โรมาเนสก์ กอทิก |
แล้วเสร็จ | คริสต์ศตวรรษที่ 14 |
อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ (ค.ศ. 1939) มรดกโลก (ค.ศ. 1998) |
อาสนวิหารแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เมื่อปี ค.ศ. 1939 และยังเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางซานเตียโกเดกอมโปสเตลาในประเทศฝรั่งเศสซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998
ประวัติ
อาสนวิหารแห่งออลอรงประกอบด้วยซุ้มประตูทางเข้าด้านหน้าและมุขทางเข้าแบบโรมาเนสก์ โครงสร้างประกอบด้วยบริเวณกลางโบสถ์และช่องทางเดินข้างขนาบสองข้าง ซึ่งแต่ละข้างเป็นที่ตั้งของชาเปลข้างและสักการสถาน บริเวณร้องเพลงสวดชั้นนอกซึ่งเป็นจรมุขยังเป็นที่ตั้งของชาเปลอีก 5 แห่ง
บริเวณกลางโบสถ์และทางเดินข้างสร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 12-13 บริเวณจรมุขรวมทั้งชาเปลที่ตั้งอยู่ด้านในสร้างในสมัยต้นคริสต์ศตวรรษที่ 14 ชาเปลที่ตั้งอยู่บริเวณทางเดินข้างนั้นสร้างต่อมาราวคริสต์ศตวรรษที่ 15
จากการสำรวจโดยนักประวัติศาสตร์พบว่าแต่เดินอาสนวิหารแห่งนี้สร้างในทรงกางเขนแบบกรีก และยังพบฐานของบริเวณมุขโค้งด้านสกัดแบบครึ่งวงกลมซึ่งได้กลายมาเป็นฐานของสักการสถานซึ่งสร้างต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 14 เพดานโค้งมีลักษณะเป็นช่องโค้งแบบครึ่งวงกลมและครีบยัน
บริเวณทางเข้าด้านหน้าเป็นส่วนที่สร้างในสมัยแรกของการก่อสร้างช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 บริเวณซุ้มประตูมีลักษณะกว้างและลึก เป็นทรงโค้งแบบครึ่งวงกลมรับกับเสาฐานกลมเกลี้ยง ประตูแบ่งเป็นสองบานคู่ หน้าบันประตูโค้งรับน้ำหนักด้วยเสาซึ่งถูกสลักเป็นรูปยักษ์ถูกล่ามโซ่ทำท่าแบกเสา บัวแต่งโค้งเป็นลายดอกและใบไม้ และบุคคลทั้ง 24 ในหนังสือวิวรณ์ บริเวณฐานของหน้าบันประตูแบบครึ่งวงกลมมีรูปสลักนูนต่ำเป็นอัศวินอารักษ์ฝั่งละหนึ่ง
ระเบียงภาพ
-
อาสนวิหารด้านหน้า -
ซุ้มประตูฝั่งทิศตะวันตกใต้มุขทางเข้า -
บริเวณเสากลางของซุ้มประตูสลักเป็นลาย "ยักษ์ล่ามโซ่" -
รายละเอียดบริเวณหน้าบันซุ้มประตู: คนถูกกิน กับราชานักดนตรีทั้งสอง -
มุขทางเข้าและหอระฆัง -
หน้าบันซุ้มประตูกลาง (ซีกขวา) -
มุขทางเข้าและหอระฆัง -
บริเวณพิธีจากด้านข้าง -
แผนผังแสดงที่ตั้งของหลุมฝังศพ -
หลุมฝังศพสมัยยุคกลาง
อ้างอิง
- [1] Base Mérimée - กระทรวงวัฒนธรรมแห่งฝรั่งเศส
- เว็บไซด์ขององค์การยูเนสโก
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xasnwiharxxlxrng frngess Cathedrale d Oloron eriykchuxetmwa xasnwiharnkbuymariyaehngxxlxrng Cathedrale Sainte Marie d Oloron inpccubnmithanaepnobsthpracaekhtaephrichnikayormnkhathxlik sunginxditekhymithanaepnxasnwiharpracasungtxmaidthukyublngepnswnhnungkhxngtngaetpi kh s 1801 epntnma tamkhwamtklng kh s 1801 tngxyuthiemuxng cnghwdpieren xtlxngtik aekhwnnuaewlakiaetn praethsfrngess srangkhunephuxxuthisaedphranangmariyphrhmcarixasnwiharnkbuymariyaehngxxlxrngmukhthangekhaxasnwihar43 11 16 N 0 36 57 W 43 18778 N 0 61583 W 43 18778 0 61583thitngcnghwdpieren xtlxngtikpraethspraethsfrngessnikayormnkhathxliksthanaobsthpracaekht xasnwiharcnkrathngpi kh s 1801 praephthsthaptykangekhnrupaebbsthaptyormaensk kxthikaelwesrckhriststwrrsthi 14xnusrnsthanthangprawtisastr kh s 1939 mrdkolk kh s 1998 xasnwiharaehngniidkhunthaebiynepnxnusrnsthanthangprawtisastremuxpi kh s 1939 aelayngepnswnhnungkhxngesnthangsanetiyokedkxmopsetlainpraethsfrngesssungepnaehlngmrdkolkkhxngyuensoktngaetpi kh s 1998prawtixasnwiharaehngxxlxrngprakxbdwysumpratuthangekhadanhnaaelamukhthangekhaaebbormaensk okhrngsrangprakxbdwybriewnklangobsthaelachxngthangedinkhangkhnabsxngkhang sungaetlakhangepnthitngkhxngchaeplkhangaelaskkarsthan briewnrxngephlngswdchnnxksungepncrmukhyngepnthitngkhxngchaeplxik 5 aehng briewnklangobsthaelathangedinkhangsranginsmykhriststwrrsthi 12 13 briewncrmukhrwmthngchaeplthitngxyudaninsranginsmytnkhriststwrrsthi 14 chaeplthitngxyubriewnthangedinkhangnnsrangtxmarawkhriststwrrsthi 15 cakkarsarwcodynkprawtisastrphbwaaetedinxasnwiharaehngnisranginthrngkangekhnaebbkrik aelayngphbthankhxngbriewnmukhokhngdanskdaebbkhrungwngklmsungidklaymaepnthankhxngskkarsthansungsrangtxmainkhriststwrrsthi 14 ephdanokhngmilksnaepnchxngokhngaebbkhrungwngklmaelakhribyn briewnthangekhadanhnaepnswnthisranginsmyaerkkhxngkarkxsrangchwngkhriststwrrsthi 11 briewnsumpratumilksnakwangaelaluk epnthrngokhngaebbkhrungwngklmrbkbesathanklmekliyng pratuaebngepnsxngbankhu hnabnpratuokhngrbnahnkdwyesasungthukslkepnrupyksthuklamosthathaaebkesa bwaetngokhngepnlaydxkaelaibim aelabukhkhlthng 24 inhnngsuxwiwrn briewnthankhxnghnabnpratuaebbkhrungwngklmmirupslknuntaepnxswinxarksfnglahnungraebiyngphaphxasnwihardanhna sumpratufngthistawntkitmukhthangekha briewnesaklangkhxngsumpratuslkepnlay ykslamos raylaexiydbriewnhnabnsumpratu khnthukkin kbrachankdntrithngsxng mukhthangekhaaelahxrakhng hnabnsumpratuklang sikkhwa mukhthangekhaaelahxrakhng briewnphithicakdankhang aephnphngaesdngthitngkhxnghlumfngsph hlumfngsphsmyyukhklangxangxing 1 Base Merimee krathrwngwthnthrrmaehngfrngess ewbisdkhxngxngkhkaryuensok sthaniyxypraethsfrngess