เซเฮอร์ทาวี อินเตฟที่ 1 เป็นผู้ปกครองท้องถิ่นที่ธีบส์ในสมัยต้นช่วงระหว่างกลางที่หนึ่งและเป็นเชื้อพระวงศ์พระองค์แรกจากราชวงศ์ที่สิบเอ็ดแห่งอียิปต์ที่ใช้พระนามฮอรัส ฟาโรห์อินเตฟครองราชย์เป็นระยะเวลา 4 ถึง 16 ปี (ราว 2120 ปีก่อนคริสตกาล หรือราว 2070 ปีก่อนคริสตกาล) ในช่วงเวลานั้น พระองค์อาจจะทำสงครามกับเขตปกครองทางเหนือของพระองค์นำโดยทจาอูติ ซึ่งเป็นผู้ปกครองท้องถิ่นที่ พระองค๋ได้รับการฝังอยู่ในหลุมพระศพแบบแถวที่ ซึ่งเป็นที่รู้จักในปัจจุบันในชื่อ ซาฟ เอล-ดาวาบา
ฟาโรห์อินโยเตฟที่ 1 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
อันเตฟ, อินโยเตฟ, อันโจเตฟ, อันโยเตฟ, เอนโยเตฟ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
พระนามฮอรัสของฟาโรห์อินเตฟที่ 1 อ่านว่า "ฮอรัส เซเฮอร์ทาวี" ซึ่งจารึกไว้แด่พระองค์ภายหลังจากการสวรรคตโดยเมนทูโฮเทปที่ 1ในวิหารแห่งเทพมอนทูที่โตด ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์อียิปต์ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ฟาโรห์ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รัชกาล | 4 ถึง 16 ปี, ประมาณ 2120 ปีก่อนคริสตกาล หรือ 2070 ปีก่อนคริสตกาล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ก่อนหน้า | เมนทูโฮเทปที่ 1 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ถัดไป | อินโยเตฟที่ 2 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
พระราชบิดา | ไม่แน่ชัด, อาจจะ เมนทูโฮเทปที่ 1 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
พระราชมารดา | เนเฟรูที่ 1 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สุสาน | สุสานแถวที่เอล-ทารีฟ ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ "ซาฟ เอล-ดาวาบา" | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ที่สิบเอ็ดแห่งอียิปต์ |
หลักฐาน
ฟาโรห์อินเตฟเป็นที่รู้จักจากหลักฐานร่วมสมัยเพียงชิ้นเดียว: จารึกสองบล็อกจากวิหารแห่งเทพที่เมือง ซึ่งสร้างขึ้นในรัชสมัยของฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 2 จารึกบล็อกเหล่านี้แสดงให้ภาพฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 2 กับพระนามของผู้ปกครองก่อนหน้าทั้งสามพระองค์ ซึ่งระบุด้วยพระนามเดิมและพระนามฮอรัสคือ อินเตฟ (ที่ 1) เซเฮอร์ทาวี, อินเตฟ (ที่ 2) วาอังค์ และอินเตฟ (ที่ 3) นัคห์-เนบ-เทป-เนเฟอร์ (แม้ว่าในกรณีนี้จะหลงเหลือเพียงเฉพาะพระนาม เซเฮอร์ทาวี และวาอังค์เท่านั้น) และจารึกนี้ได้ยืนยันการขึ้นครองราชย์ของฟาโรห์ในราชวงศ์ที่สิบเอ็ด
ไม่พบหลักฐานร่วมสมัยที่น่าเชื่อถือที่สามารถนำมาเชื่อมโยงกับฟาโรห์อินเตฟได้ เว้นแต่จารึกสั้น ๆ ที่ค้นพบในทะเลทรายตะวันตกปรากฏวลีที่ว่า "กองกำลังจู่โจมของโอรสแห่งเร, อินเตฟ" ในการตีพิมพ์ต้นฉบับของคำจารึกนี้ ฟาโรห์อินเตฟได้ถูกระบุด้วยพระนาม อินเตฟที่ 1 แต่ก็การเสนอความเห็นว่าอาจจะเป็น อินเตฟที่ 2 ซึ่งมีความเป็นไปได้เช่นกัน จารึกนี้ตั้งอยู่ใกล้กับจารึก ซึ่งได้รับคำสั่งจากผู้ปกครองท้องถิ่นคอปโตสในช่วงเวลานั้นนามว่า ทจาอูติ (ดูด้านล่าง)
พระนามของฟาโรห์อินเตฟน่าจะปรากฏบนบันทึกพระนามกษัตริย์ในเวลาภายหลัง แต่ยังคงไม่แน่ชัด เนื่องจากชื่อของเขาสูญหายหรือเสียหาย ในบันทึกพระนามแห่งคาร์นัก พระนามของฟาโรห์อินเตฟปรากฏถัดจากพระนาม "เมน..." ซึ่งเป็นไปได้มากว่าจะเป็นพระนามของฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 1 และเป็นส่วนหนึ่งของพระนามฮอรัส "บรรพบุรุษ (the ancestor)" ในเวลาภายหลังยังคงปรากฏให้เห็นหลักฐานที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่ชิ้นพร้อมกับพระนาม เซเฮอร์ทาวี ของฟาโรห์อินเตฟ พระนามและระยะเวลาของรัชสมัยของพระองค์ในบันทึกพระนามกษัตริย์แห่งตูรินได้สูญหายไปจากส่วนที่ได้รับความเสียหายขนาดใหญ่ในคอลัมน์ที่ 5 บรรทัดที่ 13 ของบันทึกพระนามฯ ซึ่งได้รับการพิจารณาที่มีพระนามอยู่ในบันทึกพระนามจริงและเป็นไปได้ว่าพระนามของฟาโรห์อินเตฟน่าจะปรากฏในส่วนที่เสียหาย ระยะเวลาของรัชสมัยของฟาโรห์จากราชวงศ์ที่สิบเอ็ดพระองค์อื่น ๆ ยังคงหลงเหลืออยู่ในบันทึกพระนามกษัตริย์แห่งตูรินและนับรวมกันได้ถึง 127 ปี นอกจากนี้ ยังหลงเหลือส่วนที่ระบุอายุรัชสมัยการครองราชย์ตลอดทั้งราชวงศ์ในบันทึกพระนามฯซึ่งรวมเป็นเวลา 143 ปี จากหลักฐานเหล่านี้ที่หลงเหลืออยู่ในเวลาต่อมา ระยะเวลาการปกครองที่สูญหายไปของฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 1 และฟาโรห์อินเตฟที่ 1 ได้ถูกคำนวณให้รวมกันอยู่ที่ระยะ 16 ปี ซึ่งหมายความว่าการครองราชย์ของพระองค์จะมีระยะเวลาน้อยกว่า 16 ปี ดังนั้นระยะเวลาในรัชสมัยของฟาโรห์อินเตฟ จึงมักมีระบุว่าอยู่ระหว่าง 4 ถึง 16 ปี โดยพระอนุชาของพระองค์คือฟาโรห์อินเตฟที่ 2 ได้ขึ้นมาครองราชย์ต่อจากพระองค์ ซึ่งได้ทำสงครามกับทางเหนือของธีบส์ต่อจากพระองค์
รัชสมัย
เซเฮอร์ทาวี อินเตฟที่ 1 เป็นเชื้อพระวงศ์พระองค์แรกจากราชวงศ์ของพระองค์ ซึ่งที่ได้รับตำแหน่งขึ้นเป็นฟาโรห์ โดยมีพระนามฮอรัสว่า เซเฮอร์ทาวี แปลว่า "ผู้สร้างสันติภาพในสองดินแดน", "ผู้ที่นำความสงบสุขมาสู่สองดินแดน" และ "ผู้ที่ทำให้ทั้งสองดินแดนสงบสุข" พระราชบิดาและพระราชมารดาของพระองค์ อาจจะเป็นฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 1 และพระนางเนเฟรูที่ 1
ฟาโรห์อินเตฟที่ 1 ทรงประกาศพระองค์เป็นผู้ปกครองอียิปต์ทั้งหมด ด้วยการใช้พระนามฮอรัสพร้อมมงกุฎทั้งสองดินแดน อย่างไรก็ตาม พระราชอำนาจของพระองค์ยังถูกสั่นคลอนโดยผู้ปกครองท้องถิ่นอื่น ๆ ของอียิปต์ ผู้นำในหมู่ผู้ปกครองท้องถิ่นเหล่านี้ คือ ผู้ปกครองจากราชวงศ์ที่สิบแห่งอียิปต์ที่เฮราคลีโอโพลิส แมกนา ซึ่งได้อ้างสิทธิ์ในตำแหน่งของฟาโรห์ และ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีอำนาจเหล่าผู้ปกครองแห่งเฮราคลีโอโพลิส และผู้ปกครองท้องถิ่นที่ซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์ที่สิบ ในการขึ้นครองบัลลังก์ของพระองค์ อาจจะปกครองเพียงเขตปกครองบริเวณธีบส์เท่านั้น แต่คาดว่าหลังจากมีชัยเหนืออังค์ติฟิ หรือหนึ่งในผู้ที่ขึ้นมาปกครองท้องถิ่นต่อเขา ฟาโรห์อินเตฟจึงได้ยึดสามเขตการปกครองทางใต้ของธีบส์ลงไปถึงเกาะแอลเลเฟนไทน์และขึ้นไปทางเหนือจรดเขตปกครอง หรืออีกทางหนึ่ง การเอาชนะผู้ปกครองท้องถิ่นดังกล่าว อาจทำได้โดยฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ปกครองก่อนหน้าของพระองค์ ข้อสมมติฐานทั้งสองข้อยังคงเป็นการคาดเดา เนื่องจากขาดหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานั้น
ฟาโรห์อินเตฟที่ 1 ได้เริ่มในสงครามกับเขตปกครองทางเหนือของพระองค์อย่างรวดเร็ว ภาพวาดที่ค้นพบโดยในเกเบล จาติ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของธีบส์ ซึ่งปรากฏวลีที่ว่า "กองกำลังจู่โจมของโอรสแห่งรา, อินเทฟ" อยู่ที่นั่น มีการสันนิษฐานว่าคำจารึกนี้หมายถึงฟาโรห์อินเตฟที่ 1 ซึ่งทหารกำลังต่อสู้กับผู้ปกครองทิ้งถิ่นแห่งคอปโตสนามว่า ในการสนับสนุนข้อสมมติฐานนี้ คือ การพบจารึกที่เสียหายในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งสร้างขึ้นโดยทจาอูติ ซึ่งรายงานการก่อสร้างถนนเพื่อให้คนของเขาเดินทางข้ามทะเลทราย "ซึ่งผู้ปกครองของเขตปกครองอื่นได้ปิด [เมื่อเขามาเพื่อ] ต่อสู้กับเขตปกครองของข้า ..." ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ระบุชื่อไว้อย่างชัดเจน แต่และนักไอยคุปต์วิทยาคนอื่น ๆ ได้โต้แย้งว่า ผู้ปกครองคนนี้จะต้องเป็นฟาโรห์อินเตฟที่ 1 ไม่ก็ฟาโรห์อินเตฟที่ 2 ซึ่งเป็นที่ขึ้นมาปกครองต่อจากพระองค์ ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ความพ่ายแพ้ที่ตามมาของทจาอูติ ทำให้เขตปกครองคอปโตส, เขตปกครองเดนเดรา และสามเขตปกครองของราชวงศ์ที่สิบแห่งเฮราคลีโอโพลิสตกอยู่ภายใต้อำนาจของธีบส์ ซึ่งทำให้ขยายอาณาเขตของผู้ปกครองแห่งธีบส์ไปทางเหนือ 250 กม. จรดเขตปกครองอไบดอส
หลุมฝังพระศพ
สถานที่ฝังพระศพของฟาโรห์อินเตฟถูกขุดขึ้นบนเนินเขาที่ บนฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำไนล์ที่ธีบส์ และเป็นที่รู้จักในปัจจุบันในชื่อว่า ซาฟ เอล-ดาวาบา ที่ตั้งของเอล-ทารีฟประกอบด้วยสุสานหลวงสามแห่งที่เรียกว่าสุสานแถว (saff tomb) จารึกที่พบในหลุมฝังพระศพแห่งหนึ่งระบุว่าเป็นของฟาโรห์วาอังค์ อินเตฟที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ที่ขึ้นมาปกครองต่อจากพระองค์ ในทางกลับไม่พบจารึกในซาฟ เอล-ดาวาบา แต่ให้พบเครื่องปั้นดินเผาแบบแรกสุดที่พบในเอล-ทารีฟ และด้วยเหตุนี้จึงมักถูกระบุถึงฟาโรห์อินเตฟ ที่ซาฟ เอล-ดาวาบาประกอบด้วยลานกว้างใหญ่ขนาด 300 x 75 เมตร (984 ฟุต x 246 ฟุต) และมีโดยทางเดินแนวเสาที่นำไปสู่วิหารฝังพระศพที่แกะสลักไว้บนเนินเขาและขนาบข้างด้วยห้องสองห้อง ห้องฝังพระศพของฟาโรห์อินเตฟที่ 1 ถูกขุดไว้ใต้วิหารฝังพระศพ
อ้างอิง
- : Ancient Egyptian Chronology - Edited by Erik Hornung, Rolf Krauss, And David a. Warburton, available online, see p. 491
- Clayton, Peter A. Chronicle of the Pharaohs: The Reign-by-Reign Record of the Rulers and Dynasties of Ancient Egypt. Thames & Hudson. p72. 2006.
- Darrell D. Baker: The Encyclopedia of the Pharaohs: Volume I - Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300–1069 BC, Stacey International, , 2008, pp. 143-144
- Thomas Schneider: Ancient Egyptian Chronology - Edited by Erik Hornung, Rolf Krauss, And David a. Warburton, available online, see p. 491
- Darrell D. Baker: The Encyclopedia of the Pharaohs: Volume I - Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300–1069 BC, Stacey International, ISBN 978-1-905299-37-9, 2008, pp. 143-144
- Labib Habachi: King Nebhepetre Menthuhotep: his monuments, place in history, deification and unusual representations in the form of gods, in Mitteilungen des deutschen Archaeologischen Instituts, Kairo 19 (1963), fig. 22)
- Schneider, op. cit. p. 161
- John Coleman Darnell: Theban Desert Road Survey in the Egyptian Western Desert, Volume I, Chicago 2002, ISBN , 38-46
- Clayton, Peter A. . Thames & Hudson. p72. 2006.
- Nicholas Grimal, A History of Ancient Egypt (Oxford: Blackwell Books, 1992), p. 143
- Grimal, p.142
- Theban Desert Road Survey website 2013-12-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Rasha Soliman: Old and Middle Kingdom Theban Tombs, London 2009 ISBN , 31-35
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
esehxrthawi xinetfthi 1 epnphupkkhrxngthxngthinthithibsinsmytnchwngrahwangklangthihnungaelaepnechuxphrawngsphraxngkhaerkcakrachwngsthisibexdaehngxiyiptthiichphranamhxrs faorhxinetfkhrxngrachyepnrayaewla 4 thung 16 pi raw 2120 pikxnkhristkal hruxraw 2070 pikxnkhristkal inchwngewlann phraxngkhxaccathasngkhramkbekhtpkkhrxngthangehnuxkhxngphraxngkhnaodythcaxuti sungepnphupkkhrxngthxngthinthi phraxngkhidrbkarfngxyuinhlumphrasphaebbaethwthi sungepnthiruckinpccubninchux saf exl dawabafaorhxinoyetfthi 1xnetf xinoyetf xnocetf xnoyetf exnoyetfphranamhxrskhxngfaorhxinetfthi 1 xanwa hxrs esehxrthawi sungcarukiwaedphraxngkhphayhlngcakkarswrrkhtodyemnthuohethpthi 1inwiharaehngethphmxnthuthiotd pccubnxyuinphiphithphnthxiyiptfaorhrchkal4 thung 16 pi praman 2120 pikxnkhristkal hrux 2070 pikxnkhristkalkxnhnaemnthuohethpthi 1thdipxinoyetfthi 2phraprmaphiithyphranamhxrsesehxrthawi Shr tȝ wy phusrangsntiphaphinsxngdinaednphranamprasutisa er xinetf Sȝ rˁ in it f oxrsaehngra xinetf litt His father brought him phrarachbidaimaenchd xacca emnthuohethpthi 1phrarachmardaenefruthi 1susansusanaethwthiexl tharif pccubnruckkninchux saf exl dawaba rachwngsrachwngsthisibexdaehngxiyipthlkthanfaorhxinetfepnthiruckcakhlkthanrwmsmyephiyngchinediyw caruksxngblxkcakwiharaehngethphthiemuxng sungsrangkhuninrchsmykhxngfaorhemnthuohethpthi 2 carukblxkehlaniaesdngihphaphfaorhemnthuohethpthi 2 kbphranamkhxngphupkkhrxngkxnhnathngsamphraxngkh sungrabudwyphranamedimaelaphranamhxrskhux xinetf thi 1 esehxrthawi xinetf thi 2 waxngkh aelaxinetf thi 3 nkhh enb ethp enefxr aemwainkrninicahlngehluxephiyngechphaaphranam esehxrthawi aelawaxngkhethann aelacarukniidyunynkarkhunkhrxngrachykhxngfaorhinrachwngsthisibexd imphbhlkthanrwmsmythinaechuxthuxthisamarthnamaechuxmoyngkbfaorhxinetfid ewnaetcaruksn thikhnphbinthaelthraytawntkpraktwlithiwa kxngkalngcuocmkhxngoxrsaehnger xinetf inkartiphimphtnchbbkhxngkhacarukni faorhxinetfidthukrabudwyphranam xinetfthi 1 aetkkaresnxkhwamehnwaxaccaepn xinetfthi 2 sungmikhwamepnipidechnkn caruknitngxyuiklkbcaruk sungidrbkhasngcakphupkkhrxngthxngthinkhxpotsinchwngewlannnamwa thcaxuti dudanlang phranamkhxngfaorhxinetfnacapraktbnbnthukphranamkstriyinewlaphayhlng aetyngkhngimaenchd enuxngcakchuxkhxngekhasuyhayhruxesiyhay inbnthukphranamaehngkharnk phranamkhxngfaorhxinetfpraktthdcakphranam emn sungepnipidmakwacaepnphranamkhxngfaorhemnthuohethpthi 1 aelaepnswnhnungkhxngphranamhxrs brrphburus the ancestor inewlaphayhlngyngkhngpraktihehnhlkthanthihlngehluxxyuimkichinphrxmkbphranam esehxrthawi khxngfaorhxinetf phranamaelarayaewlakhxngrchsmykhxngphraxngkhinbnthukphranamkstriyaehngturinidsuyhayipcakswnthiidrbkhwamesiyhaykhnadihyinkhxlmnthi 5 brrthdthi 13 khxngbnthukphranam sungidrbkarphicarnathimiphranamxyuinbnthukphranamcringaelaepnipidwaphranamkhxngfaorhxinetfnacapraktinswnthiesiyhay rayaewlakhxngrchsmykhxngfaorhcakrachwngsthisibexdphraxngkhxun yngkhnghlngehluxxyuinbnthukphranamkstriyaehngturinaelanbrwmknidthung 127 pi nxkcakni ynghlngehluxswnthirabuxayurchsmykarkhrxngrachytlxdthngrachwngsinbnthukphranamsungrwmepnewla 143 pi cakhlkthanehlanithihlngehluxxyuinewlatxma rayaewlakarpkkhrxngthisuyhayipkhxngfaorhemnthuohethpthi 1 aelafaorhxinetfthi 1 idthukkhanwnihrwmknxyuthiraya 16 pi sunghmaykhwamwakarkhrxngrachykhxngphraxngkhcamirayaewlanxykwa 16 pi dngnnrayaewlainrchsmykhxngfaorhxinetf cungmkmirabuwaxyurahwang 4 thung 16 pi odyphraxnuchakhxngphraxngkhkhuxfaorhxinetfthi 2 idkhunmakhrxngrachytxcakphraxngkh sungidthasngkhramkbthangehnuxkhxngthibstxcakphraxngkhrchsmyesehxrthawi xinetfthi 1 epnechuxphrawngsphraxngkhaerkcakrachwngskhxngphraxngkh sungthiidrbtaaehnngkhunepnfaorh odymiphranamhxrswa esehxrthawi aeplwa phusrangsntiphaphinsxngdinaedn phuthinakhwamsngbsukhmasusxngdinaedn aela phuthithaihthngsxngdinaednsngbsukh phrarachbidaaelaphrarachmardakhxngphraxngkh xaccaepnfaorhemnthuohethpthi 1 aelaphranangenefruthi 1 faorhxinetfthi 1 thrngprakasphraxngkhepnphupkkhrxngxiyiptthnghmd dwykarichphranamhxrsphrxmmngkudthngsxngdinaedn xyangirktam phrarachxanackhxngphraxngkhyngthuksnkhlxnodyphupkkhrxngthxngthinxun khxngxiyipt phunainhmuphupkkhrxngthxngthinehlani khux phupkkhrxngcakrachwngsthisibaehngxiyiptthiehrakhlioxophlis aemkna sungidxangsiththiintaaehnngkhxngfaorh aela sungepnphnthmitrthimixanacehlaphupkkhrxngaehngehrakhlioxophlis aelaphupkkhrxngthxngthinthisuxstytxrachwngsthisib inkarkhunkhrxngbllngkkhxngphraxngkh xaccapkkhrxngephiyngekhtpkkhrxngbriewnthibsethann aetkhadwahlngcakmichyehnuxxngkhtifi hruxhnunginphuthikhunmapkkhrxngthxngthintxekha faorhxinetfcungidyudsamekhtkarpkkhrxngthangitkhxngthibslngipthungekaaaexlelefnithnaelakhunipthangehnuxcrdekhtpkkhrxng hruxxikthanghnung karexachnaphupkkhrxngthxngthindngklaw xacthaidodyfaorhemnthuohethpthi 1 sungepnphupkkhrxngkxnhnakhxngphraxngkh khxsmmtithanthngsxngkhxyngkhngepnkarkhadeda enuxngcakkhadhlkthanthangprawtisastrinchwngewlann faorhxinetfthi 1 ideriminsngkhramkbekhtpkkhrxngthangehnuxkhxngphraxngkhxyangrwderw phaphwadthikhnphbodyinekebl cati thangthistawntkechiyngehnuxkhxngthibs sungpraktwlithiwa kxngkalngcuocmkhxngoxrsaehngra xinethf xyuthinn mikarsnnisthanwakhacaruknihmaythungfaorhxinetfthi 1 sungthharkalngtxsukbphupkkhrxngthingthinaehngkhxpotsnamwa inkarsnbsnunkhxsmmtithanni khux karphbcarukthiesiyhayinbriewniklekhiyng sungsrangkhunodythcaxuti sungrayngankarkxsrangthnnephuxihkhnkhxngekhaedinthangkhamthaelthray sungphupkkhrxngkhxngekhtpkkhrxngxunidpid emuxekhamaephux txsukbekhtpkkhrxngkhxngkha thungaemwacaimidrabuchuxiwxyangchdecn aetaelankixykhuptwithyakhnxun idotaeyngwa phupkkhrxngkhnnicatxngepnfaorhxinetfthi 1 imkfaorhxinetfthi 2 sungepnthikhunmapkkhrxngtxcakphraxngkh imwainkrniidktam khwamphayaephthitammakhxngthcaxuti thaihekhtpkkhrxngkhxpots ekhtpkkhrxngednedra aelasamekhtpkkhrxngkhxngrachwngsthisibaehngehrakhlioxophlistkxyuphayitxanackhxngthibs sungthaihkhyayxanaekhtkhxngphupkkhrxngaehngthibsipthangehnux 250 km crdekhtpkkhrxngxibdxshlumfngphrasphsthanthifngphrasphkhxngfaorhxinetfthukkhudkhunbneninekhathi bnfngtrngkhamkhxngaemnainlthithibs aelaepnthiruckinpccubninchuxwa saf exl dawaba thitngkhxngexl tharifprakxbdwysusanhlwngsamaehngthieriykwasusanaethw saff tomb carukthiphbinhlumfngphrasphaehnghnungrabuwaepnkhxngfaorhwaxngkh xinetfthi 2 sungepnphuthikhunmapkkhrxngtxcakphraxngkh inthangklbimphbcarukinsaf exl dawaba aetihphbekhruxngpndinephaaebbaerksudthiphbinexl tharif aeladwyehtunicungmkthukrabuthungfaorhxinetf thisaf exl dawabaprakxbdwylankwangihykhnad 300 x 75 emtr 984 fut x 246 fut aelamiodythangedinaenwesathinaipsuwiharfngphrasphthiaekaslkiwbneninekhaaelakhnabkhangdwyhxngsxnghxng hxngfngphrasphkhxngfaorhxinetfthi 1 thukkhudiwitwiharfngphrasphxangxing Ancient Egyptian Chronology Edited by Erik Hornung Rolf Krauss And David a Warburton available online see p 491 Clayton Peter A Chronicle of the Pharaohs The Reign by Reign Record of the Rulers and Dynasties of Ancient Egypt Thames amp Hudson p72 2006 ISBN 0 500 28628 0 Darrell D Baker The Encyclopedia of the Pharaohs Volume I Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300 1069 BC Stacey International ISBN 978 1 905299 37 9 2008 pp 143 144 Thomas Schneider Ancient Egyptian Chronology Edited by Erik Hornung Rolf Krauss And David a Warburton available online see p 491 Darrell D Baker The Encyclopedia of the Pharaohs Volume I Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300 1069 BC Stacey International ISBN 978 1 905299 37 9 2008 pp 143 144 Labib Habachi King Nebhepetre Menthuhotep his monuments place in history deification and unusual representations in the form of gods in Mitteilungen des deutschen Archaeologischen Instituts Kairo 19 1963 fig 22 Schneider op cit p 161 John Coleman Darnell Theban Desert Road Survey in the Egyptian Western Desert Volume I Chicago 2002 ISBN 1 885923 17 1 38 46 Clayton Peter A Thames amp Hudson p72 2006 ISBN 0 500 28628 0 Nicholas Grimal A History of Ancient Egypt Oxford Blackwell Books 1992 p 143 Grimal p 142 Theban Desert Road Survey website 2013 12 01 thi ewyaebkaemchchin Rasha Soliman Old and Middle Kingdom Theban Tombs London 2009 ISBN 978 1 906137 09 0 31 35