พระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮ หรือ พระเจ้าเปา (ตองงา: Fatafehi Paulaho หรือ Pau) เป็นตูอิโตงาที่ 36 แห่งจักรวรรดิตูอิโตงา พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสในพระเจ้าฟาตาเฟฮี ตูอิปูโลตูที่ 2 ตูอิโตงารัชกาลก่อนหน้ากับเลามานากีลูเป หญิงที่กำเนิดในตระกูลตูอิกาโนกูโปลู พระองค์อภิเษกสมรสกับพระนางตูโปอูโมเฮโอโฟ ซึ่งต่อมาจะสถาปนาพระองค์เองขึ้นเป็นตูอิกาโนกูโปลู แม้ว่าตามสถานะทางตำแหน่งพระองค์จะเป็นพระมหากษัตริย์สูงสุดของจักรวรรดิตูอิโตงา ทว่าในด้านสถานะทางสังคม จากการที่ลำดับชั้นสังคมตองงายึดหลัก ทำให้พระองค์มีสถานะที่ต่ำกว่าพระมเหสี จากการที่พระนางตูโปอูโมเฮโอโฟสืบเชื้อสายมาจากและตูอีโตงาเฟฟีเน
พระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮ | |
---|---|
ตูอิโตงาแห่งจักรวรรดิตูอีโตงา | |
ครองราชย์ | ค.ศ. 1770–1784 |
รัชสมัย | 14 ปี |
รัชกาลก่อนหน้า | พระเจ้าฟาตาเฟฮี ตูอิปูโลตูที่ 2 |
รัชกาลถัดไป | พระเจ้าฟาตาเฟฮี มาอูลูเปโกโตฟา |
ประสูติ | ค.ศ. 1749 |
สวรรคต | ค.ศ. 1784 |
ฝังพระศพ | |
พระมเหสี | พระนางตูโปอูโมเฮโอโฟ |
พระราชบุตร | พระโอรส 2 พระองค์ พระธิดา 9 พระองค์ |
พระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮ | |
ราชวงศ์ | ตูอีโตงา |
พระราชบิดา | พระเจ้าฟาตาเฟฮี ตูอิปูโลตูที่ 2 |
พระราชมารดา | เลามานากีลูเป |
การที่พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์เป็นตูอิโตงายังคงเป็นปริศนา เนื่องจากพระองค์ไม่ใช่พระราชโอรสองค์โตของพระบิดาหรือเป็นพระโอรสที่ประสูติจากโมเฮโอโฟที่ได้รับการยกย่อง โดยพระมารดาของพระองค์ถือว่าเป็นชนชั้นขุนนางระดับล่าง นักวิชาการตั้งข้อสันนิษฐานว่าการที่พระองค์ได้ราชสมบัติน่าจะมาจากการที่พระโอรสที่ประสูติแต่โมเฮโอโฟสิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์ ทำให้พระบิดาเลือกพระองค์ขึ้นเป็นรัชทายาท หรือพระขนิษฐาของพระบิดา (ตูอีโตงาเฟฟีเน) เลือกพระองค์ให้สืบราชสมบัติ หรืออาจมาจากความเป็นผู้นำและความสามารถในการรบของพระองค์ ซึ่งในเวลาต่อมาพระองค์จะพยายามแสวงหาอำนาจทางการเมืองเพิ่มขึ้น หลังจากที่ในระยะหลังตูอิโตงามีสถานะเป็นเพียงกษัตริย์นักบวชเท่านั้น
ในรัชสมัยของพระองค์ กัปตันเจมส์ คุกได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนตองงาเป็นครั้งที่สองใน ค.ศ. 1777 ซึ่งในครั้งนี้คุกได้มีโอกาสเข้าพบพระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮ จากการที่เข้าพบกับ ที่ฮาอะไป ซึ่งในระยะแรกคุกเข้าใจว่าพระเจ้าฟีเนา อูลูกาลาลาที่ 1 เป็นพระมหากษัตริย์ของหมู่เกาะตองงาทั้งมวล ทว่าเมื่อพระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮเสด็จมายังฮาอะไป เขาก็ทราบทันทีว่าพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์สูงสุดของหมู่เกาะแห่งนี้ ต่อมาคุกได้ติดตามพระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮไปยังโตงาตาปู ศูนย์กลางอำนาจของจักรวรรดิ และได้เข้าร่วมในพิธีการอีนาซี
ด้วยเหตุที่พระองค์ขึ้นครองราชย์ทั้งที่ไม่ใช่รัชทายาทลำดับต้น เพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงในอนาคตของพระโอรสของพระองค์ พระองค์จึงให้ร่วมเสวยพระกระยาหารร่วมกันในพิธีการอีนาซี ซึ่งเท่ากับว่าพระองค์ยกเกียรติพระโอรสเทียบเท่ากับพระองค์ ซึ่งถือได้ว่าผิดธรรมเนียมเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่เพียงแต่ตูอิโตงายังมีพระชนม์ชีพอยู่ แต่ยังเป็นประธานหลักของงานอีกด้วย ซึ่งความแปลกประหลาดในครั้งนี้ นักวิชาการสันนิษฐานว่าอาจมาจากความพยายามของพระนางตูโปอูโมเฮโอโฟ หรืออาจจะมาจากพระองค์เองที่ต้องการแสดงเจตจำนงว่าได้เลือกรัชทายาทไว้แล้ว หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
ความปรารถนาของพระองค์ที่ต้องการให้อำนาจทางการเมืองการปกครองกลับคืนสู่ตูอิโตงา ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับตระกูลตูอิกาโนกูโปลู และนำไปสู่การสวรรคตของพระองค์ในสงครามที่วาวาอูซึ่งอาจเกิดเกิดขึ้นใน ค.ศ. 1784 หรืออีกทศวรรษหลังจากนั้น พระองค์สวรรคตจากการสู้รบกับวูนา ซึ่งอยู่ในฝ่ายของตูอิกาโนกูโปลูที่มีพระนางตูโปอูโมเฮโอโฟ พระมเหสีของพระองค์เองเป็นผู้นำ พระศพของพระองค์ถูกหมิ่นพระเกียรติด้วยการฝังที่วาวาอูในฐานะหัวหน้าชุมชนไม่ใช่ตูอิโตงา ด้วยเหตุที่พระมารดามีชาติตระกูลต่ำ กลุ่มตูอิกาโนกูโปลูเลือกพระเชษฐาต่างพระมารดาของพระองค์เป็นตูอิโตงา โดยกีดกันพระโอรสของพระองค์ อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดพระโอรสของพระองค์จะได้ขึ้นเป็นตูอิโตงาในเวลาต่อมา
อ้างอิง
อ้างอิง
- van der Grijp, p.538
- Herda & Lythberg, p.290
- Gunson, p.39
- Herda & Lythberg, p.291
- Collocott, p.168
- Claessen, p.508
- Herda & Lythberg, p.291–292
- Herda & Lythberg, p.292
- Gunson, p.39–40
- Claessen, p.510
- Herdra, p.206
- Herda & Lythberg, p.293
บรรณานุกรม
- Herda, Phyllis; Lythberg, Billie (2014). "Featherwork and Divine Chieftainship in Tonga". The Journal of the Polynesian Society. 123 (3): 277–300. สืบค้นเมื่อ 2021-02-06.
- Claessen, H. J. M. (1968). "A Survey of the History of Tonga: Some New Views". Bijdragen Tot De Taal-, Land- En Volkenkunde. 124 (4): 505–520. สืบค้นเมื่อ 2021-02-07.
- Collocott, E. E. V. (1924). "An Experiment in Tongan History". Journal of the Polynesian Society. 33 (3(131)): 166–184. สืบค้นเมื่อ 2021-02-07.
- Gunson, Niel (1979). "The Hau Concept of Leadership in Western Polynesia". The Journal of Pacific History. 14 (1): 28–49. สืบค้นเมื่อ 2021-02-07.
- van der Grijp, Paul (2004). "Strategic Murders. Social Drama in Tonga's Chiefly System (Western Polynesia)". Anthropos. 99 (2): 535–550. สืบค้นเมื่อ 2021-01-21.
- Herda, Phyllis (1987). "Gender, Rank and Power in 18th Century Tonga: The Case of Tupoumoheofo". The Journal of Pacific History. 22 (4): 195–208. สืบค้นเมื่อ 2021-01-21.
ก่อนหน้า | พระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าฟาตาเฟฮี ตูอิปูโลตูที่ 2 | ตูอิโตงาแห่งจักรวรรดิตูอีโตงา (1770–1784) | พระเจ้าฟาตาเฟฮี มาอูลูเปโกโตฟา |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phraecafataefhi epalaoh hrux phraecaepa txngnga Fatafehi Paulaho hrux Pau epntuxiotngathi 36 aehngckrwrrdituxiotnga phraxngkhthrngepnphrarachoxrsinphraecafataefhi tuxipuoltuthi 2 tuxiotngarchkalkxnhnakbelamanakiluep hyingthikaenidintrakultuxikaonkuoplu phraxngkhxphiesksmrskbphranangtuopxuomehoxof sungtxmacasthapnaphraxngkhexngkhunepntuxikaonkuoplu aemwatamsthanathangtaaehnngphraxngkhcaepnphramhakstriysungsudkhxngckrwrrdituxiotnga thwaindansthanathangsngkhm cakkarthiladbchnsngkhmtxngngayudhlk thaihphraxngkhmisthanathitakwaphramehsi cakkarthiphranangtuopxuomehoxofsubechuxsaymacakaelatuxiotngaeffienphraecafataefhi epalaohtuxiotngaaehngckrwrrdituxiotngakhrxngrachykh s 1770 1784rchsmy14 pirchkalkxnhnaphraecafataefhi tuxipuoltuthi 2rchkalthdipphraecafataefhi maxuluepokotfaprasutikh s 1749swrrkhtkh s 1784fngphrasphphramehsiphranangtuopxuomehoxofphrarachbutrphraoxrs 2 phraxngkh phrathida 9 phraxngkhphraecafataefhi epalaohrachwngstuxiotngaphrarachbidaphraecafataefhi tuxipuoltuthi 2phrarachmardaelamanakiluep karthiphraxngkhidkhunkhrxngrachyepntuxiotngayngkhngepnprisna enuxngcakphraxngkhimichphrarachoxrsxngkhotkhxngphrabidahruxepnphraoxrsthiprasuticakomehoxofthiidrbkarykyxng odyphramardakhxngphraxngkhthuxwaepnchnchnkhunnangradblang nkwichakartngkhxsnnisthanwakarthiphraxngkhidrachsmbtinacamacakkarthiphraoxrsthiprasutiaetomehoxofsinphrachnmemuxthrngphraeyaw thaihphrabidaeluxkphraxngkhkhunepnrchthayath hruxphrakhnisthakhxngphrabida tuxiotngaeffien eluxkphraxngkhihsubrachsmbti hruxxacmacakkhwamepnphunaaelakhwamsamarthinkarrbkhxngphraxngkh sunginewlatxmaphraxngkhcaphyayamaeswnghaxanacthangkaremuxngephimkhun hlngcakthiinrayahlngtuxiotngamisthanaepnephiyngkstriynkbwchethann inrchsmykhxngphraxngkh kptnecms khukidedinthangmaeyiymeyiyntxngngaepnkhrngthisxngin kh s 1777 sunginkhrngnikhukidmioxkasekhaphbphraecafataefhi epalaoh cakkarthiekhaphbkb thihaxaip sunginrayaaerkkhukekhaicwaphraecafiena xulukalalathi 1 epnphramhakstriykhxnghmuekaatxngngathngmwl thwaemuxphraecafataefhi epalaohesdcmaynghaxaip ekhakthrabthnthiwaphraxngkhepnphramhakstriysungsudkhxnghmuekaaaehngni txmakhukidtidtamphraecafataefhi epalaohipyngotngatapu sunyklangxanackhxngckrwrrdi aelaidekharwminphithikarxinasi dwyehtuthiphraxngkhkhunkhrxngrachythngthiimichrchthayathladbtn ephuxepnkarsrangkhwammnkhnginxnakhtkhxngphraoxrskhxngphraxngkh phraxngkhcungihrwmeswyphrakrayaharrwmkninphithikarxinasi sungethakbwaphraxngkhykekiyrtiphraoxrsethiybethakbphraxngkh sungthuxidwaphidthrrmeniymepnxyangmak enuxngcakimephiyngaettuxiotngayngmiphrachnmchiphxyu aetyngepnprathanhlkkhxngnganxikdwy sungkhwamaeplkprahladinkhrngni nkwichakarsnnisthanwaxacmacakkhwamphyayamkhxngphranangtuopxuomehoxof hruxxaccamacakphraxngkhexngthitxngkaraesdngectcanngwaideluxkrchthayathiwaelw hakmiehtukarnimkhadkhidekidkhun khwamprarthnakhxngphraxngkhthitxngkarihxanacthangkaremuxngkarpkkhrxngklbkhunsutuxiotnga kxihekidkhwamkhdaeyngkbtrakultuxikaonkuoplu aelanaipsukarswrrkhtkhxngphraxngkhinsngkhramthiwawaxusungxacekidekidkhunin kh s 1784 hruxxikthswrrshlngcaknn phraxngkhswrrkhtcakkarsurbkbwuna sungxyuinfaykhxngtuxikaonkuopluthimiphranangtuopxuomehoxof phramehsikhxngphraxngkhexngepnphuna phrasphkhxngphraxngkhthukhminphraekiyrtidwykarfngthiwawaxuinthanahwhnachumchnimichtuxiotnga dwyehtuthiphramardamichatitrakulta klumtuxikaonkuoplueluxkphraechsthatangphramardakhxngphraxngkhepntuxiotnga odykidknphraoxrskhxngphraxngkh xyangirktaminthaythisudphraoxrskhxngphraxngkhcaidkhunepntuxiotngainewlatxmaxangxingxangxing van der Grijp p 538 Herda amp Lythberg p 290 Gunson p 39 Herda amp Lythberg p 291 Collocott p 168 Claessen p 508 Herda amp Lythberg p 291 292 Herda amp Lythberg p 292 Gunson p 39 40 Claessen p 510 Herdra p 206 Herda amp Lythberg p 293 brrnanukrm Herda Phyllis Lythberg Billie 2014 Featherwork and Divine Chieftainship in Tonga The Journal of the Polynesian Society 123 3 277 300 subkhnemux 2021 02 06 Claessen H J M 1968 A Survey of the History of Tonga Some New Views Bijdragen Tot De Taal Land En Volkenkunde 124 4 505 520 subkhnemux 2021 02 07 Collocott E E V 1924 An Experiment in Tongan History Journal of the Polynesian Society 33 3 131 166 184 subkhnemux 2021 02 07 Gunson Niel 1979 The Hau Concept of Leadership in Western Polynesia The Journal of Pacific History 14 1 28 49 subkhnemux 2021 02 07 van der Grijp Paul 2004 Strategic Murders Social Drama in Tonga s Chiefly System Western Polynesia Anthropos 99 2 535 550 subkhnemux 2021 01 21 Herda Phyllis 1987 Gender Rank and Power in 18th Century Tonga The Case of Tupoumoheofo The Journal of Pacific History 22 4 195 208 subkhnemux 2021 01 21 kxnhna phraecafataefhi epalaoh thdipphraecafataefhi tuxipuoltuthi 2 tuxiotngaaehngckrwrrdituxiotnga 1770 1784 phraecafataefhi maxuluepokotfa