พระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ (อังกฤษ: Charles II of England; 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1630 – 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1685) เป็นพระมหากษัตริย์แห่งอังกฤษ สกอตแลนด์ และ ไอร์แลนด์ หลังจากการฟื้นฟูราชวงศ์อังกฤษ ในปี ค.ศ. 1660 จนกระทั่งการเสด็จสวรรคตของพระองค์ในปี ค.ศ. 1685
พระเจ้าชาลส์ที่ 2 | |
---|---|
พระบรมสาทิสลักษณ์พระเจ้าชาลส์ที่ 2 ในฉลองพระองค์ชุดครุยเครื่องราชอิสริยาภรณ์การ์เตอร์ วาดโดย (John Michael Wright) | |
พระมหากษัตริย์แห่งอังกฤษ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์ | |
ครองราชย์ | 29 พฤษภาคม 1660 – 6 กุมภาพันธ์ 1685 |
ราชาภิเษก | 23 เมษายน 1661 |
ก่อนหน้า | พระเจ้าชาลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ |
ถัดไป | พระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ |
พระมหากษัตริย์แห่งชาวสกอต | |
ครองราชย์ | 30 มกราคม 1649 – 3 กันยายน 1651 |
ราชาภิเษก | 1 มกราคม 1651 |
ก่อนหน้า | พระเจ้าชาลส์ที่ 1 |
ถัดไป | สมัยรัฐบาลทหาร |
พระราชสมภพ | 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1630 (: 8 June 1630) พระราชวังเซนต์เจมส์, ลอนดอน, อังกฤษ |
สวรรคต | 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1685 (: 16 February 1685) พระราชวังไวต์ฮอล, ลอนดอน | (54 ปี)
ฝังพระบรมศพ | เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์, ลอนดอน |
คู่อภิเษก | กาตารีนาแห่งบรากังซา |
พระราชบุตร more... |
|
ราชวงศ์ | ราชวงศ์สจวต |
พระราชบิดา | พระเจ้าชาลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ สกอตแลนด์และไอร์แลนด์ |
พระราชมารดา | อ็องเรียต มารีแห่งฝรั่งเศส |
ศาสนา | คริสตจักรแห่งอังกฤษ คริสตจักรโรมันคาทอลิก |
ลายพระอภิไธย |
พระเจ้าชาลส์ที่ 2 พระราชสมภพเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1630 ที่พระราชวังเซนต์เจมส์ในกรุงลอนดอน เป็นพระราชโอรสในพระเจ้าชาลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษและสมเด็จพระราชินีอ็องเรียต มารี ได้อภิเษกสมรสกับพระนางกาตารีนา และครองสกอตแลนด์ระหว่างวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1649 ถึงวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1651 และ อังกฤษ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1660 ถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1685 พระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1685 ที่พระราชวังไวท์ฮอลในกรุงลอนดอน
พระเจ้าชาลส์ที่ 2 เป็นพระมหากษัตริย์ตามกฎหมายหลังจากพระราชบิดาพระเจ้าชาลส์ที่ 1 ถูกประหารชีวิตที่พระราชวังไวต์ฮอลเมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1649 แต่รัฐสภาอังกฤษมิได้ประกาศแต่งตั้งให้พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์และผ่านบัญญัติว่าเป็นการดำรงตำแหน่งของพระองค์เป็นการผิดกฎหมาย จึงเกิดช่วงว่างระหว่างรัชกาลในอังกฤษ แต่ทางรัฐสภาสกอตแลนด์ประกาศให้พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ของชาวสกอตเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1649 ที่เอดินบะระ และรับพิธีราชาภิเษกเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1651 หลังจากที่พ่ายแพ้ยุทธการวูสเตอร์เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1651 พระเจ้าชาลส์ที่ 2 ก็เสด็จหนีไปยุโรปภาคพื้นทวีปและไปประทับลี้ภัยเป็นเวลา 9 ปีในประเทศฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ของสเปน
หลังจากที่รัฐบาลสาธารณรัฐภายใต้การนำของริชาร์ด ครอมเวลล์ล่มในปี ค.ศ. 1659 นายพลจอร์จ มองค์ก็อัญเชิญชาลส์ให้กลับมาเป็นสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษในสมัยที่เรียกกันว่า “การฟื้นฟูราชวงศ์อังกฤษ” พระเจ้าชาลส์ที่ 2 เสด็จกลับถึงอังกฤษเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1660 และเสด็จเข้าลอนดอนในวันประสูติครบ 30 พรรษาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1660 และทรงได้รับการราชาภิเศกเป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษและ ไอร์แลนด์เมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1660
รัฐสภาภายใต้การนำของพระเจ้าชาลส์ที่ 2 ออกพระราชบัญญัติต่อต้านพิวริตันที่รู้จักกันในชื่อ “ประมวลกฎหมายแคลเรนดัน” (Clarendon code) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อหนุนสถานะของคริสตจักรแห่งอังกฤษ แม้ว่าในทางส่วนพระองค์แล้วพระเจ้าชาลส์ที่ 2 จะทรงสนับสนุนนโยบายความมีเสรีภาพในการนับถือศาสนาก็ตาม ส่วนปัญหาใหญ่ในด้านการต่างประเทศในต้นรัชสมัยก็คือการสงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1670 พระเจ้าชาลส์ทรงไปทำสัญญาลับกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสที่ระบุว่าฝรั่งเศสจะช่วยอังกฤษในสงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ครั้งที่สาม และจะถวายเงินบำนาญแก่พระองค์โดยมีข้อแม้ว่าสมเด็จพระเจ้าชาลส์ต้องสัญญาว่าจะเปลื่ยนจากการนับถือนิกายแองกลิคันไปเป็นการนับถือนิกายโรมันคาทอลิก แต่พระเจ้าชาลส์มิได้ทรงระบุเวลาที่แน่นอนในเรื่องการเปลี่ยนนิกาย แต่ในขณะเดียวกันก็ทรงพยายามเพิ่มสิทธิและเสรีภาพให้แก่ผู้นับถือนิกายโรมันคาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนต์ต่าง ๆ มากขึ้นโดยการออกพระราชปฏิญญาพระคุณการุญในปี ค.ศ. 1672 แต่รัฐสภาบังคับให้ทรงถอนในปี ค.ศ. 1679
ในปี ค.ศ. 1679 ไททัส โอตส์สร้างข่าวลือเรื่อง “การลอบวางแผนโพพิช” ที่เป็นผลให้เกิดต่อมา เมื่อเป็นที่ทราบกันว่าดยุกแห่งยอร์กพระอนุชาของพระเจ้าชาลส์ที่ 2 และรัชทายาทผู้ต่อมาขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเจมส์ที่ 2เปลี่ยนไปนับถือโรมันคาทอลิก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้บ้านเมืองแบ่งเป็นสองฝักสองฝ่าย สนับสนุนการยกเว้นไม่ให้ดยุกแห่งยอร์กขึ้นครองราชย์และฝ่ายทอรีต่อต้านการยกเว้น พระเจ้าชาลส์ที่ 2 ทรงเข้าข้างฝ่ายหลัง หลังจากที่ผู้ก่อการโปรเตสแตนต์วางแผน “การลอบวางแผนไรย์เฮาส์” ที่จะปลงพระองค์เองและดยุกแห่งยอร์กในปี ค.ศ. 1683 ที่ทำให้ผู้นำพรรควิกหลายคนถูกประหารชีวิตหรือถูกเนรเทศ พระเจ้าชาลส์ที่ 2 จึงทรงยุบสภาในปี ค.ศ. 1679 และทรงราชย์โดยไม่มีรัฐสภาจนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1685 ก่อนจะเสด็จสวรรคตพระเจ้าชาลส์ที่ 2 ก็ทรงเปลี่ยนไปนับถือโรมันคาทอลิกบนพระแท่นที่ประชวร
พระเจ้าชาลส์ไม่มีพระราชโอรสธิดากับพระนางกาตารีนาแห่งบรากังซา เพราะพระนางทรงเป็นหมัน แต่ทรงยอมรับว่ามีพระราชโอรสธิดานอกสมรส 12 องค์กับพระสนมหลายคน พระเจ้าชาลส์ที่ 2 ทรงเป็นที่รู้จักกันในพระนาม “ราชาเจ้าสำราญ” (Merrie Monarch) ซึ่งหมายถึงการใช้ชีวิตในราชสำนักของพระองค์ที่เต็มไปด้วยความสนุกสำราญซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากการที่ถูกเก็บกดมาเป็นเวลานานภายใต้การปกครองของโอลิเวอร์ ครอมเวลล์และกลุ่มพิวริตัน
เบื้องต้น
พระเจ้าชาลส์ สจวตพระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าชาลส์ที่ 1 แห่งสกอตแลนด์และไอร์แลนด์และพระนางอ็องเรียต มารี เสด็จพระราชสมภพที่พระราชวังเซนต์เจมส์เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1630 และทรงรับบับติศมาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนโดยบิชอปวิลเลียม ลอด จากแองกลิคันผู้ขณะดำรงตำแหน่งเป็นบิชอปแห่งลอนดอน และทรงได้รับการเลี้ยงดูโดยผู้เป็นโปรเตสแตนต์ แต่ทรงมีพ่อแม่ทูลหัวเป็นโรมันคาทอลิกที่เป็นพระประยูรญาติทางพระมารดา ที่รวมทั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศสและพระนางมารี เด เมดีชีพระราชมารดาของพระเจ้าหลุยส์ พระองค์ทรงได้รับตำแหน่งดยุกแห่งคอร์นวอลล์และดยุกแห่งรอธซี เมื่อประสูติในฐานะที่เป็นพระราชโอรสองค์โตของพระมหากษัตริย์ เมื่อมีพระชนมายุได้ 8 พรรษาก็ทรงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นเจ้าชายแห่งเวลส์แต่มิได้มีพิธีแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ
ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1640 เมื่อยังทรงพระเยาว์ พระราชบิดาทรงต่อสู้กับกองทัพของฝ่ายรัฐสภาและพิวริตันในสงครามกลางเมืองอังกฤษ เจ้าชายชาลส์ทรงติดตามพระราชบิดาใน เมื่อมีพระชนมายุได้ 14 พรรษาก็ทรงเข้าร่วมในการรณรงค์ใน ค.ศ. 1645 และทรงได้รับแต่งตั้งแต่ในนามให้เป็นผู้บังคับบัญชาทหารแห่ง ในฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ. 1646 พระราชบิดาก็พ่ายแพ้สงคราม เจ้าชายชาลส์จึงเสด็จหนีจากอังกฤษเพื่อความปลอดภัย โดยเสด็จไปหมู่เกาะซิลลีย์ก่อนที่จะเสด็จต่อไปเจอร์ซีย์ และในที่สุดก็ไปถึงฝรั่งเศสเพื่อไปสมทบกับพระราชมารดาประทับลี้ภัยอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว พร้อมกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุได้ 8 พรรษา
ในปี ค.ศ. 1648 ระหว่าง เจ้าชายชาลส์ก็ทรงย้ายไปเฮกในเนเธอร์แลนด์ไปประทับกับเจ้าหญิงแมรีสจ๊วต (Mary Stuart) และ พระสวามีเพราะทรงเชื่อว่าทั้งสองพระองค์อาจจะทรงสนับสนุนฝ่ายนิยมกษัตริย์มากกว่าพระญาติทางฝรั่งเศส เมื่อทรงพยายามยกกองทัพไปช่วยพระราชบิดาแต่กองทัพภายใต้การนำของพระองค์ไปถึงสกอตแลนด์ไม่ทันที่จะสมทบกับกองกำลัง “Engagers” ที่สนับสนุนพระราชบิดาที่นำโดยเจมส์ แฮมิลตัน ดยุกที่ 1 แห่งแฮมิลตัน ก่อนที่จะพ่ายแพ้ในยุทธการที่เพรสตันในปี ค.ศ. 1648 ระหว่างที่ประทับอยู่ที่กรุงเฮกเจ้าชายชาลส์ทรงมีความสัมพันธ์กับอยู่พักหนึ่ง ผู้ต่อมาถึงกับอ้างว่าได้เจ้าชายชาลส์ทรงแต่งงานอย่างลับ ๆ ด้วย ชาลส์มีพระโอรสกับคนหนึ่งคือเจมส์ ครอฟต์ส (ต่อมาเป็นเจมส์ สกอตต์ ดยุกที่ 1แห่งมอนมัธ ผู้ต่อมากลายมามีบทบาทสำคัญในทางการเมืองของอังกฤษ)
พระเจ้าชาลส์ที่ 1 พระราชบิดาของพระองค์ ทรงถูกจับกุมในปี ค.ศ. 1647 ทรงหลบหนีจากการคุมขังได้แต่ก็มาทรงถูกจับอีกครั้งหนึ่งในปี ค.ศ. 1648 แม้ว่าเจ้าชายชาลส์จะทรงพยายามหาทางช่วยทางการทูตในการปลดปล่อยพระองค์แต่ก็ไม่สำเร็จ ในที่สุดพระเจ้าชาลส์ที่ 1 ก็ทรงถูกปลงพระชนม์ในข้อหากบฏต่อแผ่นดินเมื่อวันอังคารที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1649 หลังจากนั้นอังกฤษก็เข้าสู่สมัยสาธารณรัฐ
ปัญหาและการหลบหนี
ทันทีที่พระเจ้าชาลส์ที่ 1 เสด็จสวรรคตรัฐสภาแห่งสกอตแลนด์ก็ประกาศแต่งตั้งให้เจ้าชาย ชาลส์ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์สกอตแลนด์ต่อจากพระราชบิดาเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1649 แต่ทรงต้องยอมรับข้อแม้บางประการ พระเจ้าชาลส์ทรงจำยอมตามเงื่อนไขของรัฐสภาแห่งสกอตแลนด์ใน สนธิสัญญาเบรดาในปี ค.ศ. 1650 ที่สนับสนุน “Solemn League and Covenant” ในการใช้การจัดระเบียบองค์การแบบเพรสไบทีเรียนทั่วดินแดนอังกฤษ เมื่อเสด็จมาถึงสกอตแลนด์ในวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1650 พระเจ้าชาลส์ก็ทรงตกลงตามข้อสัญญาอย่างเป็นทางการ แม้ว่าการละทิ้ง จะทำให้ทรงเป็นที่นิยมในสกอตแลนด์แต่นโยบายดังกล่าวทำให้ความนิยมพระองค์ในอังกฤษลดถอยลง แต่ต่อมาพระองค์เองก็ทรงไม่พอพระทัยกับ “ความหน้าไหว้หลังหลอก” ของ (Covenanters)
เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1650 ก็พ่ายแพ้ในยุทธการที่ดันบาร์ต่อกองทหารที่มึกำลังน้อยกว่าที่นำโดยโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ ฝ่ายสก็อตถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย -- ฝ่าย “Engagers” และฝ่ายเพรสไบทีเรียน “คัฟเวอร์นันเตอร์” ซึ่งบางครั้งก็สู้กันเอง -- สมเด็จพระเจ้าชาลส์ทรงไม่พอพระทัยในกลุ่มคัฟเวอร์นันต์หนักขึ้นจนต้องทรงพยายามทรงม้าหลบหนีไปสมทบกับฝ่าย “Engagers” ในเดือนตุลาคมในเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า “การเริ่มต้น” แต่เพียงสองวันต่อมากลุ่มเพรสไบทีเรียนก็ตามมาไปนำพระองค์กลับมา แต่จะอย่างไรก็ตามสกอตแลนด์ก็ยังเป็นหัวใจสำคัญในโอกาสที่จะกู้ราชบัลลังก์อังกฤษคืน พระเจ้าชาลส์ทรงเข้าพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์สกอตแลนด์ที่เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1651 เมื่อทรงเห็นว่ากองทัพของครอมเวลล์เป็นปัญหาต่อความมั่นคงของสกอตแลนด์พระเจ้าชาลส์ก็ทรงตัดสินพระทัยยกกองทัพไปรุกรานอังกฤษ แม้ว่าชาวสกอตและฝ่ายนิยมกษัตริย์หลายคนจะไม่ยอมร่วมมือ พระองค์ทรงนำทัพลงอังกฤษแต่ก็ไปทรงพ่ายแพ้ที่ยุทธการวูสเตอร์เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1651 หลังจากนั้นก็ทรงต้องหลบหนีและครั้งหนึ่งทรงไปซ่อนพระองค์อยูในโพรงต้นโอ้คที่ (Boscobel House) พระเจ้าชาลส์ทรงหลบหนีอยู่หกอาทิตย์ก่อนที่ออกจากอังกฤษได้ และทรงไปขึ้นฝั่งนอร์ม็องดีในฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม แม้ว่าจะมีค่าพระเศียรถึง £1,000 และการปลอมพระองค์หลบหนีก็ไม่ใช่ง่าย ๆ เพราะทรงสูงกว่า 6 ฟุต (185 ซม.) แต่ก็ไม่มีผู้ใดทรยศส่งตัวพระองค์ให้ฝ่ายรัฐสภา
ทางด้านอังกฤษการแต่งตั้งครอมเวลล์ให้เป็น“เจ้าผู้อารักขา” ของเกาะอังกฤษก็เท่ากับเป็นการทำให้อังกฤษตกอยู่ภายใต้การปกครองของผู้เผด็จการทหาร เมื่อพระเจ้าชาลส์ไม่ทรงมีรัฐบาลสนับสนุนพระองค์ก็ไม่ทรงมีทางที่หาทุนพอที่จะต่อต้านรัฐบาลของครอมเวลล์อย่างมีประสิทธิภาพได้ แม้ว่าจะทรงมีความเกี่ยดองกับเจ้าหญิงแมรีแห่งออเรนจ์และพระนางเฮนเรียตตา มาเรีย พระราชมารดาแต่ทั้งเนเธอร์แลนด์และฝรั่งเศสก็หันมาเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลของครอมเวลล์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1654 ซึ่งทำให้ทรงต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากสเปนซึ่งขณะนั้นปกครองเนเธอร์แลนด์ตอนใต้อยู่ พระเจ้าชาลส์ทรงพยายามรวบรวมกองทัพอีกแต่ก็ไม่ทรงประสบความสำเร็จเพราะการขาดทุนทรัพย์
การฟื้นฟูราชวงศ์
ดูบทความหลักที่ การฟื้นฟูราชวงศ์อังกฤษ
หลังจากครอมเวลล์ถึงแก่อสัญกรรมในปี ค.ศ. 1658 ในระยะแรกก็ดูเหมือนว่าโอกาสในการที่พระเจ้าชาลส์จะได้กลับมาครองราชบัลลังก์อังกฤษก็เหมือนจะไม่มีเพราะริชาร์ด ครอมเวลล์สืบตำแหน่งในฐานะ “เจ้าผู้อารักขา” ต่อจากบิดา แต่ริชาร์ดไม่มีสมรรภาพทั้งทางการปกครองและทางทหารในที่สุดก็ต้องลาออกในปี ค.ศ. 1659 รัฐบาลผู้อารักขาจึงถูกยุบเลิก หลังจากนั้นบ้านเมืองก็เกิดความระส่ำระสาย จนข้าหลวงแห่งสกอตแลนด์มีความหวาดกลัวว่าบ้านเมืองจะกลายเป็นอนาธิปไตย มองค์จึงยกทัพลงมานครลอนดอนและบังคับให้รัฐสภารัมพ์เรียกสมาชิกรัฐสภายาวกลับมาทำหน้าที่ตามเดิมยกเว้นในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1648 ระหว่างการยึดรัฐสภาของไพรด์ ในที่สุดรัฐสภายาวก็ยุบตัวเองหลังจากที่อยู่ในสมัยประชุมมากว่ายี่สิบปีโดยไม่มีการปิดประชุม และเปิด ก่อนที่รัฐบาลจะลาออกก็ได้ออกกฎการเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเพื่อที่จะพยายามให้ได้เสียงข้างมากเป็นฝ่ายเพรสไบทีเรียน
ถึงจะมีกฎเกี่ยวกับผู้สมัครและผู้มีสิทธิเลือกตั้งแต่ก็ไม่มีผู้สนใจปฏิบัติตามข้อจำกัดที่มาจากฝ่ายนิยมกษัตริย์เท่าใดนัก ผลของการเลือกตั้งของสมาชิกรัฐสภาระหว่างฝ่ายกษัตริย์นิยมและฝ่ายสภานิยมจีงมีจำนวนพอ ๆ กัน และทางศาสนาระหว่างอังกลิคันและเพรสไบทีเรียนก็เช่นกัน สภาใหม่ที่รู้จักกันในชื่อเริ่มสมัยประชุมแรกเมื่อวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 1660 และไม่นานหลังจากนั้นก็ได้ข่าวการลงพระนามของพระเจ้าชาลส์ในสนธิสัญญาเบรดาที่ในข้อหนึ่งระบุว่าจะพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ที่เคยเป็นปฏิปักษ์ต่อพระราชบิดา รัฐสภาอังกฤษจึงอนุมัติให้ประกาศพระเจ้าชาลส์เป็นพระมหากษัตริย์และอัญเชิญพระองค์กลับมาจากการลี้ภัย พระองค์ทรงได้รับข่าวนี้ที่เบรดาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1660 ส่วนในไอร์แลนด์ก็มีการเรียกประชุมตอนต้นปีและในวันที่ 14 พฤษภาคม ไอร์แลนด์ก็ประกาศให้พระเจ้าชาลส์เป็นพระมหากษัตริย์ไอร์แลนด์
พระเจ้าชาลส์จึงเสด็จกลับอังกฤษโดยเสด็จขึ้นฝั่งที่โดเวอร์เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1660 และเสด็จมาถึงลอนดอนเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ซึ่งถือเป็นวันแรกของ “การฟื้นฟูราชวงศ์อังกฤษ” และเป็นวันเดียวกับวันครบรอบวันพระราชสมภพครบ 30 พรรษา แม้ว่าพระเจ้าชาลส์และรัฐสภาจะประกาศให้อภัยโทษแก่ผู้สนับสนุนครอมเวลล์ตามที่ระบุใน “” (Act of Indemnity and Oblivion) แต่พระราชบัญญัติมิได้ให้อภัยโทษแก่ผู้เป็นปฏิปักษ์ 50 คนที่มีบทบาทในการปลงพระชนม์ ในที่สุด 9 คนในบรรดาผู้มีชื่อใน ก็ถูกประหารชีวิต โดยการแขวนคอ ควักใส้และผ่าสี่ตามบทการลงโทษฐานกบฏต่อแผ่นดิน ผู้อื่นในรายการถูกจำคุกตลอดชีวิตหรือถูกปลดจากหน้าที่ราชการตลอดชีวิต ส่วนผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วก็ถูกขุดร่างขึ้นมาลงโทษซึ่งรวมทั้งร่างของโอลิเวอร์ ครอมเวลล์, และ (John Bradshaw)
พระเจ้าชาลส์ทรงยอมยกเลิกระบบเจ้าขุนมูลนายต่าง ๆ ที่ได้รับการนำกลับมาใช้โดยพระราชบิดา เพื่อเป็นการตอบแทนรัฐบาลก็อนุมัติค่าใช้จ่ายให้แก่พระองค์เป็นจำนวน £1,200,000 ต่อปี ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจากการเก็บภาษีศุลกากรที่เก็บมาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของรัฐบาล แต่เงินจำนวนที่ว่านี้ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายของพระองค์จนตลอดรัชสมัย จำนวนเงินดังกล่าวเป็นจำนวนที่ระบุไว้ว่าเป็นจำนวนสูงสุดเท่าที่จะทรงเบิกได้จากรัฐบาล แต่ตามความเป็นจริงแล้วรัฐบาลมีรายได้น้อยกว่าจำนวนที่ระบุมาก ซึ่งเป็นการก่อให้เกิดการสร้างหนี้อย่างมหาศาลซึ่งเป็นผลให้รัฐบาลต้องพยายามหากลวิธีต่าง ๆ ในการหารายได้เพิ่มรวมทั้งการเรียกเก็บภาษีท้องถิ่น ภาษีที่ดิน และ เป็นต้น
ในครึ่งหลังของคริสต์ทศวรรษ 1660 ความสุขของพระเจ้าชาลส์ในการที่ได้กลับมาครองราชบัลลังก์ก็ต้องมาหยุดชะงักลงเมื่อพระอนุชาองค์สุดท้องและเจ้าหญิงแมรีพระขนิษฐามาสิ้นพระชนม์ไม่นานจากกันนักด้วยฝีดาษ ในขณะเดียวกันแอนน์ ไฮด์บุตรสาวของอัครมหาเสนาบดีเอ็ดเวิร์ด ไฮด์ก็ประกาศว่ามีครรภ์กับเจ้าชายเจมส์พระอนุชา และทั้งสองได้ทำการแต่งงานกันอย่างลับ ๆ เอ็ดเวิร์ด ไฮด์ผู้ไม่ทราบทั้งเรื่องการแต่งงานและการมีครรภ์ได้รับแต่งตั้งให้เป็น
ถูกยุบเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 1661 รัฐสภาที่สองของรัชสมัยก็เริ่มสมัยประชุม รัฐสภานี้เรียกว่า “รัฐสภาคาวาเลียร์” เพราะสมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้นิยมกษัตริย์และเป็นอังกลิคัน จุดหมายก็เพื่อเพิ่มความมั่นคงและความมีอิทธิพลของอังกลิคันโดยการผ่านพระราชบัญญัติหลายฉบับ รวมทั้งฉบับสำคัญสี่ฉบับที่ได้แก่:
- พระราชบัญญัติสวามิภักดิ์ ค.ศ. 1661 (Corporation Act 1661) ซึ่งระบุให้ผู้รับราชการระดับท้องถิ่นต้องสาบานความความสวามิภักดิ์
- (Act of Uniformity 1662) ที่บังคับการใช้ (Book of Common Prayer)
- (Conventicle Act 1664) ซึ่งห้ามการพบปะทางศาสนาของกลุ่มชนเกินกว่าห้าคนนอกไปจากว่าจะจัดโดยนิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ และ
- (Five Mile Act 1665) ที่ห้ามมิให้นักบวชที่ถูกห้ามเข้าวัดกลับมาที่วัดที่เคยประจำภายในรัศมี 5 ไมล์
พระราชบัญญัติการชมรมและพระราชบัญญัติห้าไมล์บังคับใช้ตลอดรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าชาลส์ พระราชบัญญัติทั้งสี่เรียกรวมกันว่า “” ตามชื่อเอ็ดเวิร์ด ไฮด์ เอิร์ลแห่งแคลเร็นดอน แม้ว่าแคลเร็นดอนเองจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการออกพระราชบัญญัติก็ตาม และนอกจากนั้นก็ยังทำการปราศัยต่อต้านพระราชบัญญัติห้าไมล์เองอีกด้วย
กาฬโรคและเพลิงไหม้
ดูบทความหลักที่ โรคระบาดครั้งใหญ่ในกรุงลอนดอน และ อัคคีภัยครั้งใหญ่ในลอนดอน ค.ศ. 1666
ในปี ค.ศ. 1665 พระเจ้าชาลส์ทรงต้องประสบวิกฤติการณ์สองอย่าง: โรคระบาดครั้งใหญ่ในกรุงลอนดอน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตในช่วงที่สูงที่สุดในอาทิตย์ที่ 17 กันยายนเป็นจำนวนถึง 7,000 คน พระเจ้าชาลส์และครอบครัวเสด็จหนีการระบาดของโรคจากลอนดอนไปประทับที่ทางใต้ของอังกฤษในเดือนกรกฎาคม; ส่วนรัฐสภาย้ายไปตั้งอยู่ที่ออกซฟอร์ด ความพยายามต่าง ๆ ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่จะหยุดยั้งการเผยแพร่ของโรคระบาดล้มเหลว โรคก็ยังระบาดอย่างไม่หยุดยั้งต่อไปจนกระทั่งเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่
นอกไปจากการระบาดของกาฬโรคแล้วลอนดอนก็ยังประสบความเสียหายอย่างหนักจากเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันว่า “เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในลอนดอน” ที่เริ่มเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1666 ซึ่งเป็นการหยุดยั้งการระบาดของกาฬโรคไปในตัว ไฟครั้งนี้ไหม้บ้านเรือนไปทั้งสิ้น 13,200 หลังและคริสต์ศาสนสถานอีก 87 แห่งรวมทั้งมหาวิหารเซนต์พอล พระเจ้าชาลส์และพระอนุชาเจมส์ทรงบริหารและช่วยในการหยุดยั้งเพลิงไหม้ด้วยพระองค์เอง ประชาชนกล่าวหาว่านิกาย[[]]มีส่วนในการทำให้เกิดเพลิงไหม้ แต่อันที่จริงแล้วสาเหตุที่แท้จริงไฟเริ่มที่ร้านอบขนมปังที่
นโยบายการต่างประเทศและการอาณานิคม
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1662 พระเจ้าชาลส์อภิเษกสมรสที่กัยเจ้าหญิงแคเธอรินแห่งบราแกนซาจากโปรตุเกส ผู้ที่ทรงมากับสินสมรสที่ประกอบด้วยอาณานิคม และ ในปีเดียวกันพระเจ้าชาลส์ก็ทรงขายซึ่งขัดกับความนิยมโดยทั่วไปเพราะดังเคิร์คเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ที่จุดยุทธศาตร์สำคัญของอังกฤษบนผืนแผ่นดินใหญ่ยุโรป แต่เป็นเมืองที่ต้องทรงเสียค่าบำรุงรักษาสูง ที่ต้องทรงจ่ายให้แก่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสเป็นจำนวน £375,000 ต่อปี
เพื่อเป็นการแสดงความขอบใจในการที่ขุนนางบางคนช่วยให้พระองค์ได้ราชบัลลังก์คืนพระเจ้าชาลส์พระราชทานดินแดนในทวีปอเมริกาเหนือในบริเวณที่ขณะนั้นเรียกว่า (Province of Carolina) ที่ขนานนามตามพระราชบิดาให้แก่ขุนนางแปดคนที่รู้จักกันในชื่อ “Lords Proprietors” ในปี ค.ศ. 1663
ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์เสียผลประโยชน์ทางการค้าเป็นอันมากจากการที่อังกฤษบังคับใช้พระราชบัญญัติการใช้เรือในการค้าขายกับอาณานิคมที่ออกในปี ค.ศ. 1650 ที่จำกัดการใช้ต่างประเทศในการค้าขายกับอาณานิคม ซึ่งทำให้อังกฤษมีเอกสิทธิในการใช้เรือของตนเอง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ครั้งที่หนึ่ง ระหว่างปี ค.ศ. 1652 ถึงปี ค.ศ. 1654 ส่วนสงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ครั้งที่สองระหว่างปี ค.ศ. 1665 ถึงปี ค.ศ. 1667 เริ่มด้วยการที่อังกฤษพยายามขยายอำนาจในดินแดนที่เป็นของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ในทวีปแอฟริกาและทวีปอเมริกาเหนือ ความขัดแย้งเริ่มด้วยดีสำหรับฝ่ายอังกฤษโดยการยึดนิวอัมสเตอร์ดัม (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นนิวยอร์กเพื่อเป็นเกียรติแก่พระอนุชาเจมส์ผู้ทรงมีตำแหน่งเป็น “ดยุกแห่งยอร์ก”) และชัยชนะในแต่ในปี ค.ศ. 1667 ฝ่ายเนเธอร์แลนด์โจมตีอังกฤษใน (Raid on the Medway) โดยที่ฝ่ายเนเธอร์แลนด์ล่องเรือขึ้นแม่น้ำเทมส์ขึ้นมาตรงจุดที่กองเรืออังกฤษเทียบ เรือเกือบทั้งหมดถูกล่มยกเว้นแต่เรือธง “” ที่ถูกนำกลับไปตั้งแสดงที่เนเธอร์แลนด์ สงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ครั้งที่สองจบลงด้วยการลงนามใน) ในปี ค.ศ. 1667
หลังจากแพ้สงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ครั้งที่สองพระเจ้าชาลส์ก็ทรงใช้เอ็ดเวิร์ด ไฮด์ เอิร์ลแห่งแคลเรนดันเป็นแพะรับบาปโดยทรงปลดจากตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี และตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นกบฏต่อแผ่นดินซึ่งมีโทษถึงประหารชีวิต แคลเร็นดอนจึงหลบหนีไปฝรั่งเศส อำนาจการเมืองจึงตกไปเป็นของกลุ่มนักการเมืองห้าคนที่เรียกว่า องคมนตรีคาบาลที่ประกอบด้วย, , , และ องคมนตรีคาบาลมิได้ประสานการทำงานกันอย่างดีเสมอไป ราชสำนักมักจะแบ่งเป็นสองฝ่าย ๆ หนึ่งนำโดยเอิร์ลแห่งอาร์ลิงตันและอีกฝ่ายหนึ่งโดยดยุกแห่งบัคคิงแฮม โดยที่อาร์ลิงตันมีภาษีดีกว่า
ในปี ค.ศ. 1668 อังกฤษไปเป็นพันธมิตรกับสวีเดนและเนเธอร์แลนด์ศัตรูเก่าในการเป็นต่อต้านพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสใน พระเจ้าหลุยส์ทรงทำสัญญาสันติภาพกับกลุ่มสามพันธมิตร ใน ค.ศ. 1668 แต่ก็ยังทรงมีความเป็นปฏิปักษ์ต่อเนเธอร์แลนด์
ในปี ค.ศ. 1670 พระเจ้าชาลส์ทรงพยายามแก้ปัญหาทางการเงินของพระองค์โดยการลงพระนามตกลงในกับสมเด็จพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่ระบุว่าพระเจ้าหลุยส์ต้องจ่ายเงินให้พระองค์เป็นจำนวน £160,000 ต่อปีเป็นการแลกเปลี่ยนกับการที่ทรงส่งกองทหารให้สมเด็จพระเจ้าหลุยส์และการประกาศว่าจะทรงเปลี่ยนไปนับถือโรมันคาทอลิก “ทันทีที่สถานะการณ์ในพระราชอาณาจักรของพระองค์เปิดโอกาสให้ทรงทำ” และสมเด็จพระเจ้าหลุยส์ทรงตกลงที่จะส่งกองทหารจำนวน 6,000 คนไปกำหราบผู้ขัดแย้งต่อการเปลี่ยนศาสนาของพระองค์ สมเด็จพระเจ้าชาลส์ทรงกำชับให้เก็บสนธิสัญญาเป็นความลับโดยเฉพาะในส่วนที่ทรงตั้งใจที่จะเปลี่ยนไปนับถือโรมันคาทอลิก แต่ก็ไม่เป็นที่ทราบแน่นอนว่าสมเด็จพระเจ้าชาลส์จะทรงตั้งพระทัยที่จะเปลี่ยนนิกายจริงหรือไม่
ขณะเดียวกันพระเจ้าชาลส์พระราชทานลิขสิทธิ์ให้แก่ บริษัทบริติชอีสต์อินเดีย (British East India Company) ในการแสวงหาอาณานิคม, ในการพิมพ์เงิน, ในการรักษาป้อมและกองทหาร, ในการสร้างพันธมิตร, ในการสร้าสงครามและสันติภาพและในการมีอำนาจทางด้านการศาลทั้งทางคดีแพ่งและคดีอาญาในบริเวณการปกครองที่ได้มาในอินเดีย เมื่อต้นปี ค.ศ. 1668 พระเจ้าชาลส์ทรงให้เช่าเป็นจำนวนเพียง £10 ที่จ่ายด้วยทองคำ ดินแดนในการยึดครองของโปรตุเกสในอินเดียที่พระนางแคเธอรินแห่งบราแกนซานำมาเมื่อเสกสมรสก็แพงเกินกว่าที่จะบำรุงรักษาได้ ในที่สุดก็ทรงละทิ้ง
ในปี ค.ศ. 1670 พระเจ้าชาลส์ก็พระราชทานใบอนุญาตในการก่อตั้ง (Hudson's Bay Company) ซึ่งกลายมาเป็นบริษัทที่เก่าที่สุดในประเทศแคนาดา ที่เริ่มด้วยกิจการการค้าขายขนสัตว์ที่ทำเงินได้ดีกับชนพื้นเมือง และในที่สุดก็ได้เป็นเจ้าของปกครองที่ดินอาณานิคมในบริเวณประมาณ 7,770,000 ตารางกิโลเมตร (3,000,000 ตารางไมล์) ของทวีปอเมริกาเหนือ
ความขัดแย้งกับรัฐสภา
แม้ว่าเมื่อเริ่มแรกรัฐสภาจะสนับสนุนพระเจ้าชาลส์แต่นโยบายทางการศาสนาและการสงครามของพระองค์ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1670 ทำให้รัฐบาลคาวาเลียร์เกิดความแตกแยกจากพระองค์ ในปี ค.ศ. 1672 พระเจ้าชาลส์ทรงออกพระราชปฏิญญาพระคุณการุญที่หยุดยั้งการลงโทษทางกฎหมายอาญาต่อผู้นับถือโรมันคาทอลิกและผู้เป็นปฏิปักษ์ทางศาสนาทั้งหมด ในปีเดียวกันก็ทรงหันไปสนับสนุนฝรั่งเศสโรมันคาทอลิกอย่างเปิดเผยและทรงเริ่มสงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ครั้งที่สาม
รัฐบาลคาวาเลียร์มีปฏิกิริยาต่อต้านพระราชปฏิญญาเพราะเป็นการออกพระราชประกาศที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ (โดยอ้างว่าพระมหากษัตริย์ไม่มีสิทธิในการระงับกฎหมายโดยปราศจากเหตุผล) แทนที่จะขัดกับเหตุผลทางการเมือง สมเด็จพระเจ้าชาลส์ทรงถอนพระราชประกาศและทรงยอมตกลงใน (Test Act) ซึ่งไม่แต่จะเรียกร้องให้ผู้รับราชการต้องรับยูคาริสต์ตามแบบที่คริสตจักรแห่งอังกฤษระบุ แต่ยังบังคับให้ประณามคำสอนบางอย่างของนิกายโรมันคาทอลิกว่าเป็น “ความเชื่องมงายและการบูชารูปเคารพ” บารอนคลิฟฟอร์ดผู้เปลี่ยนไปนับถือโรมันคาทอลิกลาออกแทนที่จะยอมปฏิญาณตามกฎที่ออกใหม่ไม่นานก่อนที่จะถึงแก่อสัญกรรม ภายในปี ค.ศ. 1674 อังกฤษก็ไม่มีความคืบหน้าในสงครามกับเนเธอร์แลนด์ ทางฝ่ายรัฐบาลคาวาเลียร์ไม่ยอมออกทุนในการทำสงครามต่อ ซึ่งเป็นการบังคับให้พระเจ้าชาลส์หาวิธีสงบศึก อำนาจขององคมนตรีคาบาลก็เริ่มลดน้อยลงในขณะเดียวกันอำนาจของ หรือลอร์ดแดนบีย์ ผู้ที่มาแทนบารอนคลิฟฟอร์ดก็เพิ่มมากขึ้น
ในด้านส่วนพระองค์พระนางแคเธอรินแห่งบราแกนซาไม่ทรงสามารถมีพระราชโอรสธิดาได้ ทรงตั้งครรภ์สี่ครั้งแต่ก็จบลงด้วยการแท้งหรือสิ้นพระชนม์ในพระครรภ์ในปี ค.ศ. 1662, กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1666, พฤษภาคม ค.ศ. 1668 และมิถุนายน ค.ศ. 1669 “รัชทายาทโดยสันนิษฐาน” จึงเป็นเจมส์ ดยุกแห่งยอร์กพระอนุชาผู้ที่เป็นโรมันคาทอลิกผู้ที่ไม่ทรงเป็นที่นิยมแก่ประชาชน เพื่อที่จะบรรเทาความระแวงของประชาชนว่าราชสำนักเอียงไปทางโรมันคาทอลิกมากเกินไปสมเด็จพระเจ้าชาลส์จึงทรงจัดการเสกสมรสระหว่างเจ้าหญิงแมรีพระธิดาองค์โตของดยุกแห่งยอร์กกับเจ้าชายวิลเลียมแห่งออเรนจ์ผู้เป็นโปรเตสแตนต์
ในปี ค.ศ. 1678, ไททัส โอตส์ผู้เคยเป็นทั้งอังกลิคันและอดีตนักบวชคณะเยสุอิตสร้างข่าวลือเรื่อง “การลอบวางแผนโพพิช” ที่เป็นข่าวลือที่กล่าวว่าเป็นแผนการที่จะปลงพระชนม์พระเจ้าชาลส์ และกล่าวพาดพิงว่าพระราชินีแคทเธอรีนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนนี้ แต่พระเจ้าชาลส์ไม่ทรงเชื่อข่าวลือและมีพระราชโองการให้ลอร์ดแดนบีย์สืบสวน แม้ว่าลอร์ดแดนบีย์จะมีความสงสัยว่าจะเป็นเพียงข่าวลือแต่รัฐบาลคาวาเลียร์ถือว่าเป็นเรื่องจริงจัง ข่าวลือทำให้ประชาชนตกอยู่ในความรู้สึกต่อต้านผู้นับถือโรมันคาทอลิกอย่างรุนแรง และมีการจับกุมผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการคบคิดกันกันทั่วประเทศ บ้างก็ถูกลงโทษบ้างก็ถูกประหารชีวิตโดยไม่มีความผิด
ต่อมาในปี ค.ศ. 1678 ลอร์ดแดนบีย์ก็ถูกปลดจากตำแหน่งโดยสภาสามัญชนในข้อหากบฏต่อแผ่นดิน แม้ว่าทั้งประเทศจะต้องการทำสงครามกับฝรั่งเศสพระเจ้าชาลส์ทรงเจรจาต่อรองอย่างลับ ๆ กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เพื่อที่จะตกลงว่าอังกฤษจะทำตัวเป็นกลางเป็นการแลกเปลี่ยนกับเงินทดแทน ลอร์ดแดนบีย์ประกาศตัวว่าเป็นศัตรูกับฝรั่งเศสแต่ในทางส่วนตัวก็ตกลงทำตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าชาลส์ แต่สภาสามัญชนไม่เชื่อว่าข่าวลือที่ว่าลอร์ดแดนบีย์มีส่วนร่วมโดยไม่เต็มใจและแต่เป็นผู้เขียนนโยบายด้วยตนเอง สมเด็จพระเจ้าชาลส์ทรงยุบสภาคาวาเลียร์ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1679 เพื่อที่จะช่วยลอร์ดแดนบีย์
รัฐสภาใหม่เริ่มประชุมในเดือนมีนาคมปีเดียวกันเป็นรัฐบาลที่ไม่เป็นปรปักษ์ต่อสมเด็จพระเจ้าชาลส์ เมื่อไม่รับการสนับสนุนจากรัฐสภาลอร์ดแดนบีย์ก็ลาออกจากตำแหน่งเจ้ากรมพระคลัง (Lord High Treasurer) แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากพระเจ้าชาลส์ แต่รัฐสภาไม่ยอมและประกาศว่าการยุบสภามิได้ระงับการไต่สวนของลอร์ดแดนบีย์ฉะนั้นการพระราชทานอภัยโทษจึงเป็นโมฆะ เมื่อสภาขุนนางพยายามลงโทษลอร์ดแดนบีย์โดยการเนรเทศ—ซึ่งสภาสามัญชนถือว่าน้อยไป—การไต่สวนจึงหยุดชะงักลงเพราะสองสภาตกลงกันไม่ได้ ในที่สุดพระเจ้าชาลส์ก็ทรงยอมฝ่ายตรงข้ามโดยทรงสั่งจำขังลอร์ดแดนบีย์ที่หอคอยแห่งลอนดอน ลอร์ดแดนบีจึงถูกจำขังอยู่ห้าปี
บั้นปลาย
ปัญหาใหญ่ทางการเมืองต่อมาของพระเจ้าชาลส์คือปัญหาเรื่องรัชทายาท เป็นปฏิปักษ์อย่างรุนแรงต่อการมีพระมหากษัตริย์เป็นโรมันคาทอลิก (ก่อนหน้านั้นบารอนแอชลีย์เป็นสมาชิกองคมนตรีคาบาล ที่สลายตัวลงในปี ค.ศ. 1673) อำนาจของบารอนแอชลีย์ก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเมื่อสภาสามัญชนของปี ค.ศ. 1679 เสนอร่างพระราชบัญญัติการยกเว้นผู้สืบราชบัลลังก์ซึ่งเป็นร่างพระราชบัญญัติที่พยายามป้องกันไม่ให้เจมส์ ดยุกแห่งยอร์กขึ้นครองราชบัลลังก์อังกฤษ บางกลุ่มถึงกับสนับสนุนเจมส์ สกอตต์ ดยุกที่ 1 แห่งมอนมัธ พระราชโอรสองค์โตนอกสมรสของพระเจ้าชาลส์ผู้เป็นโปรเตสแตนต์ กลุ่ม “Abhorrers”—ผู้ที่เห็นว่าร่างพระราชบัญญัติละเว้นเป็นที่น่าเกลียด (abhorrent) —ถูกเรียกว่าทอรี (ตามคำที่ใช้เรียกโจรไอริชโรมันคาทอลิก) ขณะที่ “Petitioners”—ผู้ยื่นคำร้อง (Petitioning campaign) สนับสนุนร่างพระราชบัญญัติ—กลายมาเป็นวิก (ตามคำที่ใช้เรียกผู้ก่อความไม่สงบชาวสกอตแลนด์ที่เป็นเพรสไบทีเรียน)
พระเจ้าชาลส์ทรงหวาดกลัวว่าร่างพระราชบัญญัติการยกเว้นผู้สืบราชบัลลังก์จะได้รับการอนุมัติและเมื่อทรงเห็นว่ามติมหาชนเริ่มเอนเอียงไปทางการต่อต้านโรมันคาทอลิกซึ่งเห็นได้จากการปล่อยตัวของผู้ที่กล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการคบคิดที่จะปลงพระชนม์พระองค์ พระเจ้าชาลส์จึงทรงตัดสินพระทัยยุบรัฐสภาเป็นครั้งที่สองในปีเดียวกันในฤดูร้อนของ ค.ศ. 1679 พระเจ้าชาลส์ทรงหวังว่าสภาใหม่จะไม่รุนแรงเหมือนสภาก่อนแต่เหตุการณ์ก็ไม่เป็นไปตามพระราชประสงค์ ภายในเวลาเพียงสองสามเดือนพระองค์ก็ทรงยุบรัฐสภาอีกครั้งหลังจากที่รัฐสภาพยายามผ่านร่างพระราชบัญญัติละเว้นอีกครั้ง เมื่อรัฐสภาใหม่ประชุมกันที่อ็อกฟอร์ดในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1681 พระเจ้าชาลส์ก็ทรงยุบอีกเป็นครั้งที่สี่หลังจากที่ประชุมกันได้เพียงไม่กี่วัน ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1680 มติมหาชนในการสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติก็ลดน้อยลงและพระเจ้าชาลส์ทรงมีความรู้สึกว่าประชาชนมีความจงรักภักดีต่อพระองค์เพิ่มมากขึ้นเพราะมีความเห็นว่ารัฐสภามีความรุนแรงเกินกว่าเหตุ เอิร์ลแห่งชาฟส์บรีถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏจนต้องหนีไปเนเธอร์แลนด์และไปเสียชีวิตที่นั่น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพระเจ้าชาลส์ก็ทรงปกครองอังกฤษโดยปราศจากรัฐสภา
การคัดค้านร่างพระราชบัญญัติการยกเว้นผู้สืบราชบัลลังก์ของพระเจ้าชาลส์สร้างความไม่พอใจให้แก่ฝ่ายโปรเตสแตนต์บางส่วน ผู้ก่อการโปรเตสแตนต์วางแผน “การคบคิดรายเฮาส์” ซึ่งเป็นแผนการปลงพระชนม์พระเจ้าชาลส์และเจมส์ ดยุกแห่งยอร์ก ขณะที่เสด็จกลับลอนดอนจากการแข่งม้าที่ แต่ทรงรอดพ้นจากการถูกปลงพระชนม์ เนื่องจากเพลิงไหม้ทำลายที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่นิวมาร์เค็ตทำให้ต้องเสด็จกลับลอนดอนก่อนกำหนด ข่าวแผนการปลงพระชนม์ที่ไม่สำเร็จจึงรั่วไหล นักการเมืองโปรเตสแตนต์เช่น , และดยุกแห่งมอนมัธถูกจับในข้อหาว่ามีส่วนร่วมในการวางแผน เอิร์ลแห่งเอสเซ็กส์ฆ่าตัวตายขณะที่ถูกจำขังอยู่ที่หอคอยแห่งลอนดอน ซิดนีย์และลอร์ดวิลเลียม รัสเซลล์ถูกประหารชีวิตในข้อหากบฏต่อแผ่นดินโดยมีหลักฐานเพียงเล็กน้อย ส่วนดยุกแห่งมอนม็อธลี้ภัยไปยังราชสำนักของดยุกแห่งออเรนจ์ ลอร์ดแดนบีและขุนนางโรมันคาทอลิกที่ถูกจำขังอยู่ที่หอคอยแห่งลอนดอนถูกปล่อยและดยุกแห่งยอร์กก็มีอำนาจมากขึ้นในราชสำนักไททัส โอตส์ถูกตัดสินว่าผิดตามข้อกล่าวหาและจำขังในข้อหาสร้างข่าวลือเท็จ
พระเจ้าชาลส์ประชวรด้วย เมื่อเช้าวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1685 และเสด็จสวรรคตเมื่อเวลา 11:45 น. หลังจากนั้นที่ประชวรได้สี่วันที่ เมื่อพระชนมายุได้ 54 พรรษา อาการประชวรคล้ายคลึงกับอาการของ (uraemia) ซึ่งเป็นอาการที่เกี่ยวกับไตทำงานอย่างไม่ปกติ ขณะที่ประชวร พระเจ้าชาลส์ตรัสกับดยุกแห่งยอร์กว่า “จะต้องมิให้เนล เกล็นผู้น่าสงสารได้รับความลำบากเป็นอันขาด” และกับข้าราชสำนักว่า “ข้าพเจ้าขออภัย ท่านสุภาพบุรุษ ที่เป็นผู้กำลังจะตายในเวลานี้” ค่ำวันสุดท้ายก็ทรงได้รับเข้าสู่โรมันคาทอลิก แต่ก็ไม่ทราบว่ามีพระสติดีพอที่จะทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าวหรือทรงรับรู้เท่าใดหรือผู้ใดเป็นผู้จัดการการกระทำครั้งนี้ พระบรมศพถูกฝังไว้ที่แอบบีเวสต์มินสเตอร์ “โดยไม่มีพิธีรีตองอันหรูหรา” เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ดยุกแห่งยอร์กพระอนุชาขึ้นครองราชย์ต่อมาเป็นพระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษและไอร์แลนด์ และพระเจ้าเจมส์ที่ 7 แห่งสกอตแลนด์
พระราชโอรสธิดาและอนุสรณ์
พระเจ้าชาลส์ไม่มีพระราชโอรสธิดาในสมรส แต่มีพระราชโอรสธิดาสิบสองคนกับพระสนมเจ็ดคน5 คนโดย (Barbara Palmer, 1st Duchess of Cleveland) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของตำแหน่ง พระสนมคนอื่น ๆ ก็ได้แก่ (Catherine Pegge), (Louise de Kérouaille, Duchess of Portsmouth), (Lucy Walter), (Elizabeth Killigrew) และ เนลล์ กวิน (Nell Gwyn) โอรสและธิดาหลายคนได้รับตำแหน่งดยุกหรือเอิร์ล; ตำแหน่ง (Duke of Buccleuch), (Duke of Richmond), (Duke of Grafton) และ (Duke of St Albans) ในปัจจุบันต่างก็เป็นตำแหน่งที่สืบทอดมาจากพระเจ้าชาลส์โดยตรงทางพระโอรส สาธารณชนไม่พึงพอใจในการที่สมเด็จพระเจ้าชาลส์ทรงใช้เงินภาษีในการจ่ายเบี้ยเลี้ยงแก่บรรดาพระสนมและโอรสธิดาต่าง ๆ (John Wilmot, Earl of Rochester) เขียนจดหมายถึงพระเจ้าชาลส์:
Restless he rolls from whore to whore
A merry monarch, scandalous and poor.
ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์เองก็ทรงสืบเชื้อสายมาจากพระโอรสนอกกฎหมายของพระเจ้าชาลส์สองพระองค์ (Henry FitzRoy, 1st Duke of Grafton) และ (Charles Lennox, 1st Duke of Richmond) ผู้เป็นบรรพบุรุษของสมเด็จพระราชินีคามิลลาแห่งสหราชอาณาจักร พระมเหสีองค์ที่สองของ สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ฉะนั้นพระโอรสองค์โตของเจ้าหญิงไดอานา เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ผู้ทรงอยู่ในอันดับที่ 1 ของลำดับการสืบราชบัลลังก์อังกฤษ ถ้าได้เป็นกษัตริย์ก็จะเป็นกษัตริย์องค์แรกที่ทรงสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าชาลส์ที่ 2
เจมส์ สกอตต์ ดยุกแห่งมอนม็อธที่ 1 พระโอรสองค์โตของพระเจ้าชาลส์เป็นผู้นำในการกบฏต่อพระเจ้าเจมส์ที่ 2 แต่ไม่สำเร็จและพ่ายแพ้และถูกจับที่ (Battle of Sedgemoor) เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1685 ในที่สุดก็ถูกประหารชีวิต แต่ต่อมาพระเจ้าเจมส์ที่ 2 เองก็ทรงถูกโค่นราชบัลลังก์ในปี ค.ศ. 1688 ในการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์โดยพระราชธิดาของพระองค์และพระสวามี สมเด็จพระเจ้าเจมส์ทรงเป็นกษัตริย์โรมันคาทอลิกองค์สุดท้ายของอังกฤษ
เมื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ในรัชสมัยของพระเจ้าชาลส์ พรรคทอรีมักจะเห็นว่าเป็นรัชสมัยของพระมหากษัตริย์ที่ทรงคุณธรรมแต่พรรควิกเห็นว่าเป็นรัชสมัยของการใช้อำนาจอย่างเด็ดขาดในทางที่ผิด ในปัจจุบันการเป็นการยากที่จะสรุปโดยไม่คำนึงถึงความไม่เป็นกลางของพระองค์ และมักเห็นกันว่าเป็นพระมหากษัตริย์ที่ชอบความสุขสำราญ เช่นที่บรรยายโดย (John Evelyn) ว่า: “a prince of many virtues and many great imperfections, debonair, easy of access, not bloody or cruel”—และทรงเป็นผู้ที่ศิลปินนิยมนำไปเป็นตัวละครในงานเขียนและภาพยนตร์ทรงมีวรรณกรรม
พระเจ้าชาลส์ที่ 2 ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปะและวิทยาศาสตร์ ทรงเป็นผู้ช่วนในการก่อตั้งราชสมาคม (Royal Society) ซึ่งเป็นสมาคมของนักวิทยาศาสตร์ซึ่งมีสมาชิกที่มีชื่อเสียงหลายคนเช่นโรเบิร์ต ฮุค, โรเบิร์ต บอยล์ และ ไอแซ็ค นิวตัน และทรงก่อตั้ง Royal Observatory ที่กรีนิช พระเจ้าชาลส์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์คริสโตเฟอร์ เร็น สถาปนิกผู้ช่วยสร้างลอนดอนหลังจากเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1666 เร็นสร้างซึ่งสมเด็จพระเจ้าชาลส์ทรงก่อสร้างเพื่อให้เป็นบ้านพักทหารที่ปลดเกษียณในปี ค.ศ. 1682 นอกจากนั้นก็ทรงเป็นคนแรกที่อนุญาตให้สตรีแสดงละครบนเวทีได้แทนที่จะไห้เด็กผู้ชายเล่นเป็นผู้หญิงอย่างที่เคยทำกันมา
วันที่ 29 พฤษภาคม ซึ่งเป็นครบรอบวัน “ฟื้นฟูกษัตริย์” ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันประสูติก็เป็นวันที่ฉลองกันมาจนกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในชื่อวัน “Oak Apple Day” ตามตำนานต้นไม้ที่พระองค์ทรงใช้ซ่อนตัวขณะที่หลบหนีจากกองทหารของโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ แต่ในปัจจุบันเลิกฉลองกันไปแล้ว
ในลอนดอนที่สร้างในปลายคริสต์ทศวรรษ 1670 เดิมเรียกว่า “คิงสแควร์” เพื่อเป็นเกียรติแก่พระองค์และอนุสาวรีย์ของพระองค์ที่สร้างในปี ค.ศ. 1681 ก็ยังตั้งอยู่ตรงกลางจัตุรัส
หมายเหตุ
- วันเริ่มสมัยฟื้นฟูราชวงศ์ซึ่งเป็นวันเริ่มรัฐสภาของสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินเป็นครั้งแรกตั้งแต่การยุบระบบราชาธิปไตยในปี ค.ศ. 1649 รัฐสภาอังกฤษยอมรับพระเจ้าชาลส์ที่ 2 เป็นพระมหากษัตริย์อย่างเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1660 ถึงแม้ว่าฝ่ายนิยมกษัตริย์ยอมรับพระองค์มาตั้งแต่เมื่อพระเจ้าชาลส์ที่ 1 สวรรคตเมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1649 ในรัชสมัยของพระเจ้าชาลส์ที่ 2 เอกสารทางกฎหมายทั้งหมดลงวันที่ราวกับว่ารัชสมัยของพระเจ้าชาลส์ที่ 2 เริ่มตั้งแต่การสิ้นพระชนม์ของพระราชบิดาในปี ค.ศ. 1649
- ตั้งแต่พระเจ้าชาลส์ที่ 1 พระราชบิดาทรงถูกประหารชีวิตถึงเวลาที่ทรงพ่ายแพ้ในยุทธการวูสเตอร์
อ้างอิง
- ราชบัณฑิตยสถาน, สารานุกรมประเทศในทวีปยุโรป ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, ราชบัณฑิตยสถาน, 2550, หน้า 250
- เฟรเชอร์ หน้า 13 และฮัตตัน หน้า 1–4
- Weir, Alison (1996). พระราชวงศ์อังกฤษ: รายพระนามพระราชวงศ์ฉบับสมบูรณ์, ฉบับปรับปรุง. แรนดอม เฮาส์. pp. 255–257. ISBN .
- เฟรเชอร์ หน้า 32 และ ฮัตตัน หน้า 6–7
- เฟรเชอร์ หน้า 38–45 และมิลเลอร์ “พระเจ้าชาลส์ที่ 2” หน้า 6
- เฟรเชอร์ หน้า 55–56
- เฟรเชอร์ หน้า 57–60
- เฟรเชอร์ หน้า 65–66, 155, ฮัตตัน หน้า 26, และมิลเลอร์ “พระเจ้าชาลส์ที่ 2” หน้า 5
- เฟรเชอร์ หน้า 97 และฮัตตัน หน้า 53
- เฟรเชอร์ หน้า 96–97 และฮัตตัน หน้า 56–57
- เฟรเชอร์ หน้า 98–128 และ ฮัตตัน หน้า 53–69
- จำนวนเงิน £1,000 เป็นจำนวนเงินที่มหาศาลในสมัยนั้น ซึ่งมากกว่าค่าแรงคนธรรมดาที่จะหาได้ในชั่วชีวิต (เฟรเชอร์ หน้า 117)
- ฮัตตัน หน้า 74–112
- เฟรเชอร์ หน้า 160–165
- อนุทินของซามูเอล พีพส์ 16 มีนาคม ค.ศ. 1660
- มิลเลอร์ “พระเจ้าชาลส์ที่ 2” หน้า 24–25
- ฮัตตัน หน้า 131
- ซีวาร์ด, พอล (กันยายน ค.ศ. 2004; ฉบับออนไลน์, พฤษภาคม ค.ศ. 2006), "พระเจ้าชาลส์ที่ 2 (ค.ศ. 1630–ค.ศ. 1685)", อ็อกฟอร์ดพจนานุกรมชีวประวัติแห่งชาติ, สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด, doi:10.1093/ref:odnb/5144, สืบค้นเมื่อ 2007-09-07
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
((help)) - เฟรเชอร์ หน้า190
- "พระเจ้าชาลส์ที่ 2 (ปกครอง ค.ศ. 1660–85)". Web site of the British Monarchy. สืบค้นเมื่อ 2007-09-07.
- เฟรเชอร์ หน้า185
- เฟรเชอร์ หน้า 210–202, ฮัตตัน หน้า 155–156 และมิลเลอร์ “พระเจ้าชาลส์ที่ 2” หน้า 43–44
- ฮัตตัน หน้า 169
- ฮัตตัน หน้า 229
- เฟรเชอร์ หน้า 238
- มิลเลอร์ “พระเจ้าชาลส์ที่ 2” หน้า 120
- Defoe, Daniel (ค.ศ. 1894). ประวัติของการระบาดของกาฬโรคในอังกฤษ. นิวยอร์ก: บริษัทอเมริกันบุ้ค.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|year=
((help)) - พอร์เตอร์, สตีเฟน (มกราคม ค.ศ. 2007), "เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในลอนดอน", อ็อกฟอร์ดพจนานุกรมชีวประวัติแห่งชาติ, , สืบค้นเมื่อ 2007-10-12
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
((help)) - เฟรเชอร์ หน้า 243–247 และมิลเลอร์ “พระเจ้าชาลส์ที่ 2” หน้า 121–122
- กรมพระคลังใช้งบประมาณประมาณ £321,000 ต่อปีในการบำรุงรักษา (ฮัตตัน หน้า 184)
- มิลเลอร์ “พระเจ้าชาลส์ที่ 2” หน้า 93, 99
- ส่วนที่เหลือของเรือยังตั้งแสดงอยู่ที่ Rijksmuseum Amsterdam
- ฮัตตัน หน้า 250–251
- ฮัตตัน หน้า 254 และมิลเลอร์ “พระเจ้าชาลส์ที่ 2” หน้า 175–176
- เฟรเชอร์ หน้า 275
- เฟรเชอร์ หน้า 275–276 และมิลเลอร์ “สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 2” หน้า 180
- “บริษัทอีสต์อินเดีย” (ค.ศ. 1911) สารานุกรมบริตานิคา ฉบับที่ 11, เล่มที่ 8, หน้า 835
- . The British Library Board. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-06-25. สืบค้นเมื่อ 2007-05-18.
- ฮัตตัน หน้า 426
- ""ประวัติของเรา"". . สืบค้นเมื่อ 2007-10-12.
- เฟรเชอร์ หน้า 305–308 และ ฮัตตัน หน้า 284–285
- Raithby, John, บ.ก. (1819), "พระเจ้าชาลส์ที่ 2, ค.ศ. 1672: พระราชบัญญัติเพื่อการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากPopish Recusants", Statutes of the Realm: volume 5: ค.ศ. 1628-80: 782–785, สืบค้นเมื่อ 2007-10-08
- Raithby, John, บ.ก. (ค.ศ. 1819), "พระเจ้าชาลส์ที่ 2, ค.ศ. 1678: (ฉบับ 2) พระราชบัญญัติเพื่อรักษาความมั่นคงของพระมหากษัตริย์และรัฐบาลจากกลุ่มโรมันคาทอลิกในการเข้าเป็นสมาชิกรัฐสภาทั้งสองรัฐสภา", Statutes of the Realmกฎหมายของแผ่นดิน: เล่ม 5: ค.ศ. 1628-80: 894–896, สืบค้นเมื่อ 2007-10-08
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|year=
((help)) - เฟรเชอร์ หน้า 347–348 และ ฮัตตัน หน้า 345–346
- ฮัตตัน หน้า 359–362
- เฟรเชอร์ หน้า 360
- เฟรเชอร์ หน้า 375
- มิลเลอร์ “พระเจ้าชร์ลส์ที่ 2” หน้า 278, 301–304
- ฮัตตัน หน้า 367–374 และมิลเลอร์ “พระเจ้าชาลส์ที่ 2” หน้า 306–309
- ฮัตตัน หน้า 373, 377, 391 และมิลเลอร์ “สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 2” หน้า 310–320
- ฮัตตัน หน้า 376–401 และมิลเลอร์ “พระเจ้าชาลส์ที่ 2” หน้า 314–345
- ฮัตตัน หน้า 430–441
- เฟรเชอร์ หน้า 426
- ฮัตตัน หน้า 420–423 และ มิลเลอร์ “พระเจ้าชาลส์ที่ 2” หน้า 366–368
- เฟรเชอร์ หน้า 437
- เฟรเชอร์ หน้า 450 และ ฮัตตัน หน้า 443
- เฟรเชอร์ หน้า 456
- ไบรอันท์, มาร์ค (ค.ศ. 2001). “ชีวิตส่วนตัว” ลอนดอน: คาสเซลล์ p.73
- ฮัตตัน หน้า 443 และ 456
- เฟรเชอร์ หน้า 459
- เฟรเชอร์ หน้า 411
- เฟรเชอร์ หน้า 413
- ฮัตตัน หน้า 338
- มิลเลอร์ “พระเจ้าชาลส์ที่ 2” หน้า 95
- มิลเลอร์ “พระเจ้าชาลส์ที่ 2” หน้า 382–383
- ฮัตตัน หน้า 185
- เฟรเชอร์ หน้า118
- “บริเวณโซโฮแควร์: พอร์ทแลนด์เอสสเตท: สวนโซโฮแควร์” 2014-10-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ใน “การสำรวจลอนดอน” เล่มที่ 33 และ 34 (ค.ศ. 1966) เซนต์แอนน์โซโฮ, หน้า 51-53. Date accessed: 12 มกราคม ค.ศ. 2008
บรรณานุกรม
- Charles II (r. 1660–1685), Official website of the British Monarchy, สืบค้นเมื่อ 19 April 2010
- (1979), King Charles II, London: Weidenfeld and Nicolson, ISBN
- (1989), Charles II: King of England, Scotland, and Ireland, Oxford (England): Clarendon Press, ISBN
- Miller, John (1991), Charles II, London: Weidenfeld and Nicolson, ISBN
- Seaward, Paul (September 2004; online edn, January 2008), "Charles II (1630–1685)", Oxford Dictionary of National Biography, Oxford University Press, doi:10.1093/ref:odnb/5144, สืบค้นเมื่อ 19 April 2010
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
((help)) (Subscription required)
หนังสืออ่านเพิ่มเติม
- Harris, Tim (2005), Restoration: Charles II and his kingdoms, 1660–1685, London: Allen Lane, ISBN
- Keay, Anna (2008), The Magnificent Monarch: Charles II and the Ceremonies of Power, London: Hambledon Continuum, ISBN
- (1957), "Review Article: The Reign of Charles II", Cambridge Historical Journal, XIII: 82–86
- Miller, John (1985), Restoration England: the reign of Charles II, London: Longman, ISBN
ดูเพิ่ม
ก่อนหน้า | พระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ช่วงว่างระหว่างรัชกาล องค์ก่อนหน้าคือชาลส์ที่ 1 | พระมหากษัตริย์อังกฤษและไอร์แลนด์ (ราชวงศ์สจวต) (ค.ศ. 1660 – ค.ศ. 1685) | เจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ | ||
รัฐบาลทหาร | กษัตริย์แห่งสกอตแลนด์ (ราชวงศ์สจวต) (ค.ศ. 1660 – ค.ศ. 1685) | เจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ | ||
ชาลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ | กษัตริย์แห่งไอร์แลนด์ (ราชวงศ์สจวต) (ค.ศ. 1649 – ค.ศ. 1651) | รัฐบาลทหาร |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phraecachalsthi 2 aehngxngkvs xngkvs Charles II of England 29 phvsphakhm kh s 1630 6 kumphaphnth kh s 1685 epnphramhakstriyaehngxngkvs skxtaelnd aela ixraelnd hlngcakkarfunfurachwngsxngkvs inpi kh s 1660 cnkrathngkaresdcswrrkhtkhxngphraxngkhinpi kh s 1685phraecachalsthi 2phrabrmsathislksnphraecachalsthi 2 inchlxngphraxngkhchudkhruyekhruxngrachxisriyaphrnkaretxr wadody John Michael Wright phramhakstriyaehngxngkvs skxtaelnd aelaixraelndkhrxngrachy29 phvsphakhm 1660 6 kumphaphnth 1685rachaphiesk23 emsayn 1661kxnhnaphraecachalsthi 1 aehngxngkvsthdipphraecaecmsthi 2 aehngxngkvsphramhakstriyaehngchawskxtkhrxngrachy30 mkrakhm 1649 3 knyayn 1651rachaphiesk1 mkrakhm 1651kxnhnaphraecachalsthi 1thdipsmyrthbalthharphrarachsmphph29 phvsphakhm kh s 1630 1630 05 29 8 June 1630 phrarachwngesntecms lxndxn xngkvsswrrkht6 kumphaphnth kh s 1685 1685 02 06 54 pi 16 February 1685 phrarachwngiwthxl lxndxnfngphrabrmsphewstminsetxraexbbiy lxndxnkhuxphieskkatarinaaehngbrakngsaphrarachbutr more nxksmrs ecms skxtt dyukthi 1 aehngmxnmthrachwngsrachwngsscwtphrarachbidaphraecachalsthi 1 aehngxngkvs skxtaelndaelaixraelndphrarachmardaxxngeriyt mariaehngfrngesssasnakhristckraehngxngkvs khristckrormnkhathxliklayphraxphiithy phraecachalsthi 2 phrarachsmphphemuxwnthi 29 phvsphakhm kh s 1630 thiphrarachwngesntecmsinkrunglxndxn epnphrarachoxrsinphraecachalsthi 1 aehngxngkvsaelasmedcphrarachinixxngeriyt mari idxphiesksmrskbphranangkatarina aelakhrxngskxtaelndrahwangwnthi 30 mkrakhm kh s 1649 thungwnthi 3 knyayn kh s 1651 aela xngkvs skxtaelnd aelaixraelnd rahwangwnthi 29 phvsphakhm kh s 1660 thungwnthi 6 kumphaphnth kh s 1685 phraecachalsthi 2 aehngxngkvsesdcswrrkhtemuxwnthi 6 kumphaphnth kh s 1685 thiphrarachwngiwthhxlinkrunglxndxn phraecachalsthi 2 epnphramhakstriytamkdhmayhlngcakphrarachbidaphraecachalsthi 1 thukpraharchiwitthiphrarachwngiwthxlemuxwnthi 30 mkrakhm kh s 1649 aetrthsphaxngkvsmiidprakasaetngtngihphraxngkhepnphramhakstriyaelaphanbyytiwaepnkardarngtaaehnngkhxngphraxngkhepnkarphidkdhmay cungekidchwngwangrahwangrchkalinxngkvs aetthangrthsphaskxtaelndprakasihphraxngkhepnphramhakstriykhxngchawskxtemuxwnthi 5 kumphaphnth kh s 1649 thiexdinbara aelarbphithirachaphieskemuxwnthi 1 mkrakhm kh s 1651 hlngcakthiphayaephyuththkarwusetxremuxwnthi 3 knyayn kh s 1651 phraecachalsthi 2 kesdchniipyuorpphakhphunthwipaelaipprathbliphyepnewla 9 piinpraethsfrngessaelaenethxraelndkhxngsepn hlngcakthirthbalsatharnrthphayitkarnakhxngrichard khrxmewlllminpi kh s 1659 nayphlcxrc mxngkhkxyechiychalsihklbmaepnsmedcphraecaaephndinxngkvsinsmythieriykknwa karfunfurachwngsxngkvs phraecachalsthi 2 esdcklbthungxngkvsemuxwnthi 25 phvsphakhm kh s 1660 aelaesdcekhalxndxninwnprasutikhrb 30 phrrsaemuxwnthi 29 phvsphakhm kh s 1660 aelathrngidrbkarrachaphieskepnphramhakstriyxngkvsaela ixraelndemuxwnthi 23 emsayn kh s 1660 rthsphaphayitkarnakhxngphraecachalsthi 2 xxkphrarachbyytitxtanphiwritnthiruckkninchux pramwlkdhmayaekhlerndn Clarendon code odymicudmunghmayephuxhnunsthanakhxngkhristckraehngxngkvs aemwainthangswnphraxngkhaelwphraecachalsthi 2 cathrngsnbsnunnoybaykhwammiesriphaphinkarnbthuxsasnaktam swnpyhaihyindankartangpraethsintnrchsmykkhuxkarsngkhramxngkvs enethxraelndkhrngthisxng inpi kh s 1670 phraecachalsthrngipthasyyalbkbphraecahluysthi 14 aehngfrngessthirabuwafrngesscachwyxngkvsinsngkhramxngkvs enethxraelndkhrngthisam aelacathwayenginbanayaekphraxngkhodymikhxaemwasmedcphraecachalstxngsyyawacaepluyncakkarnbthuxnikayaexngklikhnipepnkarnbthuxnikayormnkhathxlik aetphraecachalsmiidthrngrabuewlathiaennxnineruxngkarepliynnikay aetinkhnaediywknkthrngphyayamephimsiththiaelaesriphaphihaekphunbthuxnikayormnkhathxlikaelanikayopretsaetnttang makkhunodykarxxkphrarachptiyyaphrakhunkaruyinpi kh s 1672 aetrthsphabngkhbihthrngthxninpi kh s 1679 inpi kh s 1679 ithths oxtssrangkhawluxeruxng karlxbwangaephnophphich thiepnphlihekidtxma emuxepnthithrabknwadyukaehngyxrkphraxnuchakhxngphraecachalsthi 2 aelarchthayathphutxmakhunkhrxngrachyepnphraecaecmsthi 2epliynipnbthuxormnkhathxlik sungepnehtukarnthithaihbanemuxngaebngepnsxngfksxngfay snbsnunkarykewnimihdyukaehngyxrkkhunkhrxngrachyaelafaythxritxtankarykewn phraecachalsthi 2 thrngekhakhangfayhlng hlngcakthiphukxkaropretsaetntwangaephn karlxbwangaephniryehas thicaplngphraxngkhexngaeladyukaehngyxrkinpi kh s 1683 thithaihphunaphrrkhwikhlaykhnthukpraharchiwithruxthukenreths phraecachalsthi 2 cungthrngyubsphainpi kh s 1679 aelathrngrachyodyimmirthsphacnesdcswrrkhtemuxwnthi 6 kumphaphnth kh s 1685 kxncaesdcswrrkhtphraecachalsthi 2 kthrngepliynipnbthuxormnkhathxlikbnphraaethnthiprachwr phraecachalsimmiphrarachoxrsthidakbphranangkatarinaaehngbrakngsa ephraaphranangthrngepnhmn aetthrngyxmrbwamiphrarachoxrsthidanxksmrs 12 xngkhkbphrasnmhlaykhn phraecachalsthi 2 thrngepnthiruckkninphranam rachaecasaray Merrie Monarch sunghmaythungkarichchiwitinrachsankkhxngphraxngkhthietmipdwykhwamsnuksaraysungxaccaepnphlmacakkarthithukekbkdmaepnewlananphayitkarpkkhrxngkhxngoxliewxr khrxmewllaelaklumphiwritnebuxngtnphraecachalsthi 2 emuxyngthrngphraeyawthrngyunkhangphraecachalsthi 1 phrarachbida phranangehneriytta maeriy phrarachmardathrngxumdyukaehngyxrk phraxnuchasmedcphraecachalsthi 2 emuxthrngepnecachayaehngewlsody raw kh s 1642 hrux kh s 1643 phraecachals scwtphrarachoxrsxngkhotkhxngphraecachalsthi 1 aehngskxtaelndaelaixraelndaelaphranangxxngeriyt mari esdcphrarachsmphphthiphrarachwngesntecmsemuxwnthi 29 phvsphakhm kh s 1630 aelathrngrbbbtismaemuxwnthi 27 mithunaynodybichxpwileliym lxd cakaexngklikhnphukhnadarngtaaehnngepnbichxpaehnglxndxn aelathrngidrbkareliyngduodyphuepnopretsaetnt aetthrngmiphxaemthulhwepnormnkhathxlikthiepnphraprayuryatithangphramarda thirwmthngphraecahluysthi 13 aehngfrngessaelaphranangmari ed emdichiphrarachmardakhxngphraecahluys phraxngkhthrngidrbtaaehnngdyukaehngkhxrnwxllaeladyukaehngrxthsi emuxprasutiinthanathiepnphrarachoxrsxngkhotkhxngphramhakstriy emuxmiphrachnmayuid 8 phrrsakthrngidrbphrarachthanbrrdaskdiihepnecachayaehngewlsaetmiidmiphithiaetngtngxyangepnthangkar rahwangkhristthswrrs 1640 emuxyngthrngphraeyaw phrarachbidathrngtxsukbkxngthphkhxngfayrthsphaaelaphiwritninsngkhramklangemuxngxngkvs ecachaychalsthrngtidtamphrarachbidain emuxmiphrachnmayuid 14 phrrsakthrngekharwminkarrnrngkhin kh s 1645 aelathrngidrbaetngtngaetinnamihepnphubngkhbbychathharaehng invduibimphlikhxngpi kh s 1646 phrarachbidakphayaephsngkhram ecachaychalscungesdchnicakxngkvsephuxkhwamplxdphy odyesdciphmuekaasilliykxnthicaesdctxipecxrsiy aelainthisudkipthungfrngessephuxipsmthbkbphrarachmardaprathbliphyxyukxnhnannaelw phrxmkbphraecahluysthi 14 aehngfrngessphuepnlukphiluknxngkhxngphraxngkhsungkhnannmiphrachnmayuid 8 phrrsa inpi kh s 1648 rahwang ecachaychalskthrngyayipehkinenethxraelndipprathbkbecahyingaemriscwt Mary Stuart aela phraswamiephraathrngechuxwathngsxngphraxngkhxaccathrngsnbsnunfayniymkstriymakkwaphrayatithangfrngess emuxthrngphyayamykkxngthphipchwyphrarachbidaaetkxngthphphayitkarnakhxngphraxngkhipthungskxtaelndimthnthicasmthbkbkxngkalng Engagers thisnbsnunphrarachbidathinaodyecms aehmiltn dyukthi 1 aehngaehmiltn kxnthicaphayaephinyuththkarthiephrstninpi kh s 1648 rahwangthiprathbxyuthikrungehkecachaychalsthrngmikhwamsmphnthkbxyuphkhnung phutxmathungkbxangwaidecachaychalsthrngaetngnganxyanglb dwy chalsmiphraoxrskbkhnhnungkhuxecms khrxfts txmaepnecms skxtt dyukthi 1aehngmxnmth phutxmaklaymamibthbathsakhyinthangkaremuxngkhxngxngkvs phraecachalsthi 1 phrarachbidakhxngphraxngkh thrngthukcbkuminpi kh s 1647 thrnghlbhnicakkarkhumkhngidaetkmathrngthukcbxikkhrnghnunginpi kh s 1648 aemwaecachaychalscathrngphyayamhathangchwythangkarthutinkarpldplxyphraxngkhaetkimsaerc inthisudphraecachalsthi 1 kthrngthukplngphrachnminkhxhakbttxaephndinemuxwnxngkharthi 30 mkrakhm kh s 1649 hlngcaknnxngkvskekhasusmysatharnrthpyhaaelakarhlbhnithnthithiphraecachalsthi 1 esdcswrrkhtrthsphaaehngskxtaelndkprakasaetngtngihecachay chalskhunepnphramhakstriyskxtaelndtxcakphrarachbidaemuxwnthi 5 kumphaphnth kh s 1649 aetthrngtxngyxmrbkhxaembangprakar phraecachalsthrngcayxmtamenguxnikhkhxngrthsphaaehngskxtaelndin snthisyyaebrdainpi kh s 1650 thisnbsnun Solemn League and Covenant inkarichkarcdraebiybxngkhkaraebbephrsibthieriynthwdinaednxngkvs emuxesdcmathungskxtaelndinwnthi 23 mithunayn kh s 1650 phraecachalskthrngtklngtamkhxsyyaxyangepnthangkar aemwakarlathing cathaihthrngepnthiniyminskxtaelndaetnoybaydngklawthaihkhwamniymphraxngkhinxngkvsldthxylng aettxmaphraxngkhexngkthrngimphxphrathykb khwamhnaihwhlnghlxk khxng Covenanters phraecachals emuxwnthi 3 knyayn kh s 1650 kphayaephinyuththkarthidnbartxkxngthharthimukalngnxykwathinaodyoxliewxr khrxmewll fayskxtthukaebngepnsxngfay fay Engagers aelafayephrsibthieriyn khfewxrnnetxr sungbangkhrngksuknexng smedcphraecachalsthrngimphxphrathyinklumkhfewxrnnthnkkhuncntxngthrngphyayamthrngmahlbhniipsmthbkbfay Engagers ineduxntulakhminehtukarnthieriykknwa karerimtn aetephiyngsxngwntxmaklumephrsibthieriynktammaipnaphraxngkhklbma aetcaxyangirktamskxtaelndkyngepnhwicsakhyinoxkasthicakurachbllngkxngkvskhun phraecachalsthrngekhaphithibrmrachaphieskepnphramhakstriyskxtaelndthiemuxwnthi 1 mkrakhm kh s 1651 emuxthrngehnwakxngthphkhxngkhrxmewllepnpyhatxkhwammnkhngkhxngskxtaelndphraecachalskthrngtdsinphrathyykkxngthphiprukranxngkvs aemwachawskxtaelafayniymkstriyhlaykhncaimyxmrwmmux phraxngkhthrngnathphlngxngkvsaetkipthrngphayaephthiyuththkarwusetxremuxwnthi 3 knyayn kh s 1651 hlngcaknnkthrngtxnghlbhniaelakhrnghnungthrngipsxnphraxngkhxyuinophrngtnoxkhthi Boscobel House phraecachalsthrnghlbhnixyuhkxathitykxnthixxkcakxngkvsid aelathrngipkhunfngnxrmxngdiinfrngessemuxwnthi 16 tulakhm aemwacamikhaphraesiyrthung 1 000 aelakarplxmphraxngkhhlbhnikimichngay ephraathrngsungkwa 6 fut 185 sm aetkimmiphuidthryssngtwphraxngkhihfayrthspha thangdanxngkvskaraetngtngkhrxmewllihepn ecaphuxarkkha khxngekaaxngkvskethakbepnkarthaihxngkvstkxyuphayitkarpkkhrxngkhxngphuephdckarthhar emuxphraecachalsimthrngmirthbalsnbsnunphraxngkhkimthrngmithangthihathunphxthicatxtanrthbalkhxngkhrxmewllxyangmiprasiththiphaphid aemwacathrngmikhwamekiydxngkbecahyingaemriaehngxxerncaelaphranangehneriytta maeriy phrarachmardaaetthngenethxraelndaelafrngesskhnmaepnphnthmitrkbrthbalkhxngkhrxmewlltngaetpi kh s 1654 sungthaihthrngtxnghnipkhxkhwamchwyehluxcaksepnsungkhnannpkkhrxngenethxraelndtxnitxyu phraecachalsthrngphyayamrwbrwmkxngthphxikaetkimthrngprasbkhwamsaercephraakarkhadthunthrphykarfunfurachwngsdubthkhwamhlkthi karfunfurachwngsxngkvs phraecachalsthi 2 idrbkarsthapnaepnphramhakstriyxngkvs skxtaelnd aelaixraelnd inpi kh s 1660 hlngcakkhrxmewllthungaekxsykrrminpi kh s 1658 inrayaaerkkduehmuxnwaoxkasinkarthiphraecachalscaidklbmakhrxngrachbllngkxngkvskehmuxncaimmiephraarichard khrxmewllsubtaaehnnginthana ecaphuxarkkha txcakbida aetrichardimmismrrphaphthngthangkarpkkhrxngaelathangthharinthisudktxnglaxxkinpi kh s 1659 rthbalphuxarkkhacungthukyubelik hlngcaknnbanemuxngkekidkhwamrasarasay cnkhahlwngaehngskxtaelndmikhwamhwadklwwabanemuxngcaklayepnxnathipity mxngkhcungykthphlngmankhrlxndxnaelabngkhbihrthspharmpheriyksmachikrthsphayawklbmathahnathitamedimykewnineduxnthnwakhm kh s 1648 rahwangkaryudrthsphakhxngiphrd inthisudrthsphayawkyubtwexnghlngcakthixyuinsmyprachummakwayisibpiodyimmikarpidprachum aelaepid kxnthirthbalcalaxxkkidxxkkdkareluxktngkhxngphumisiththiephuxthicaphyayamihidesiyngkhangmakepnfayephrsibthieriyn thungcamikdekiywkbphusmkhraelaphumisiththieluxktngaetkimmiphusnicptibtitamkhxcakdthimacakfayniymkstriyethaidnk phlkhxngkareluxktngkhxngsmachikrthspharahwangfaykstriyniymaelafaysphaniymcingmicanwnphx kn aelathangsasnarahwangxngklikhnaelaephrsibthieriynkechnkn sphaihmthiruckkninchuxerimsmyprachumaerkemuxwnthi 25 emsayn kh s 1660 aelaimnanhlngcaknnkidkhawkarlngphranamkhxngphraecachalsinsnthisyyaebrdathiinkhxhnungrabuwacaphrarachthanxphyothsaekphuthiekhyepnptipkstxphrarachbida rthsphaxngkvscungxnumtiihprakasphraecachalsepnphramhakstriyaelaxyechiyphraxngkhklbmacakkarliphy phraxngkhthrngidrbkhawnithiebrdaemuxwnthi 8 phvsphakhm kh s 1660 swninixraelndkmikareriykprachumtxntnpiaelainwnthi 14 phvsphakhm ixraelndkprakasihphraecachalsepnphramhakstriyixraelnd phraecachalscungesdcklbxngkvsodyesdckhunfngthiodewxremuxwnthi 25 phvsphakhm kh s 1660 aelaesdcmathunglxndxnemuxwnthi 29 phvsphakhm sungthuxepnwnaerkkhxng karfunfurachwngsxngkvs aelaepnwnediywkbwnkhrbrxbwnphrarachsmphphkhrb 30 phrrsa aemwaphraecachalsaelarthsphacaprakasihxphyothsaekphusnbsnunkhrxmewlltamthirabuin Act of Indemnity and Oblivion aetphrarachbyytimiidihxphyothsaekphuepnptipks 50 khnthimibthbathinkarplngphrachnm inthisud 9 khninbrrdaphumichuxin kthukpraharchiwit odykaraekhwnkhx khwkisaelaphasitambthkarlngothsthankbttxaephndin phuxuninraykarthukcakhuktlxdchiwithruxthukpldcakhnathirachkartlxdchiwit swnphuthiesiychiwitipaelwkthukkhudrangkhunmalngothssungrwmthngrangkhxngoxliewxr khrxmewll aela John Bradshaw phraecachalsthrngyxmykelikrabbecakhunmulnaytang thiidrbkarnaklbmaichodyphrarachbida ephuxepnkartxbaethnrthbalkxnumtikhaichcayihaekphraxngkhepncanwn 1 200 000 txpi sungepnenginthiidmacakkarekbphasisulkakrthiekbmaephuxepnkhaichcaykhxngrthbal aetengincanwnthiwanikyngimephiyngphxsahrbkarichcaykhxngphraxngkhcntlxdrchsmy canwnengindngklawepncanwnthirabuiwwaepncanwnsungsudethathicathrngebikidcakrthbal aettamkhwamepncringaelwrthbalmirayidnxykwacanwnthirabumak sungepnkarkxihekidkarsranghnixyangmhasalsungepnphlihrthbaltxngphyayamhaklwithitang inkarharayidephimrwmthngkareriykekbphasithxngthin phasithidin aela epntn inkhrunghlngkhxngkhristthswrrs 1660 khwamsukhkhxngphraecachalsinkarthiidklbmakhrxngrachbllngkktxngmahyudchangklngemuxphraxnuchaxngkhsudthxngaelaecahyingaemriphrakhnisthamasinphrachnmimnancakknnkdwyfidas inkhnaediywknaexnn ihdbutrsawkhxngxkhrmhaesnabdiexdewird ihdkprakaswamikhrrphkbecachayecmsphraxnucha aelathngsxngidthakaraetngnganknxyanglb exdewird ihdphuimthrabthngeruxngkaraetngnganaelakarmikhrrphidrbaetngtngihepn thukyubemuxeduxnthnwakhm kh s 1661 rthsphathisxngkhxngrchsmykerimsmyprachum rthsphanieriykwa rthsphakhawaeliyr ephraasmachikswnihyepnphuniymkstriyaelaepnxngklikhn cudhmaykephuxephimkhwammnkhngaelakhwammixiththiphlkhxngxngklikhnodykarphanphrarachbyytihlaychbb rwmthngchbbsakhysichbbthiidaek phrarachbyytiswamiphkdi kh s 1661 Corporation Act 1661 sungrabuihphurbrachkarradbthxngthintxngsabankhwamkhwamswamiphkdi Act of Uniformity 1662 thibngkhbkarich Book of Common Prayer Conventicle Act 1664 sunghamkarphbpathangsasnakhxngklumchnekinkwahakhnnxkipcakwacacdodynikayechirchxxfxingaelnd aela Five Mile Act 1665 thihammiihnkbwchthithukhamekhawdklbmathiwdthiekhypracaphayinrsmi 5 iml dd phrarachbyytikarchmrmaelaphrarachbyytihaimlbngkhbichtlxdrchsmykhxngsmedcphraecachals phrarachbyytithngsieriykrwmknwa tamchuxexdewird ihd exirlaehngaekhlerndxn aemwaaekhlerndxnexngcaimidmiswnekiywkhxngodytrngkbkarxxkphrarachbyytiktam aelanxkcaknnkyngthakarprasytxtanphrarachbyytihaimlexngxikdwy kalorkhaelaephlingihm dubthkhwamhlkthi orkhrabadkhrngihyinkrunglxndxn aela xkhkhiphykhrngihyinlxndxn kh s 1666 phaphwadephlingihmkhrngihyinlxndxn kh s 1666 odycitrkrnirnamaesdngephlingthikalnglukihminchwngeynwnxngkhar odymxngcakeruxthixyuikl xueruxaekhethxrin hxkhxylxndxnxyudankhwaaelasaphanlxndxnxyudansay inphaphcaehnmhawiharesntphxlxyuthamklangwnglxmkhxngeplwephlingthisung inpi kh s 1665 phraecachalsthrngtxngprasbwikvtikarnsxngxyang orkhrabadkhrngihyinkrunglxndxn sungthaihmiphuesiychiwitinchwngthisungthisudinxathitythi 17 knyaynepncanwnthung 7 000 khn phraecachalsaelakhrxbkhrwesdchnikarrabadkhxngorkhcaklxndxnipprathbthithangitkhxngxngkvsineduxnkrkdakhm swnrthsphayayiptngxyuthixxksfxrd khwamphyayamtang khxngecahnathisatharnsukhthicahyudyngkarephyaephrkhxngorkhrabadlmehlw orkhkyngrabadxyangimhyudyngtxipcnkrathngekidephlingihmkhrngihy nxkipcakkarrabadkhxngkalorkhaelwlxndxnkyngprasbkhwamesiyhayxyanghnkcakephlingihmkhrngihythiepnthiruckknwa ephlingihmkhrngihyinlxndxn thierimemuxwnthi 2 knyayn kh s 1666 sungepnkarhyudyngkarrabadkhxngkalorkhipintw ifkhrngniihmbaneruxnipthngsin 13 200 hlngaelakhristsasnsthanxik 87 aehngrwmthngmhawiharesntphxl phraecachalsaelaphraxnuchaecmsthrngbriharaelachwyinkarhyudyngephlingihmdwyphraxngkhexng prachachnklawhawanikay miswninkarthaihekidephlingihm aetxnthicringaelwsaehtuthiaethcringiferimthiranxbkhnmpngthinoybaykartangpraethsaelakarxananikhmineduxnphvsphakhm kh s 1662 phraecachalsxphiesksmrsthikyecahyingaekhethxrinaehngbraaeknsacakoprtueks phuthithrngmakbsinsmrsthiprakxbdwyxananikhm aela inpiediywknphraecachalskthrngkhaysungkhdkbkhwamniymodythwipephraadngekhirkhepnemuxngthitngxyuthicudyuththsatrsakhykhxngxngkvsbnphunaephndinihyyuorp aetepnemuxngthitxngthrngesiykhabarungrksasung thitxngthrngcayihaekphraecahluysthi 14 aehngfrngessepncanwn 375 000 txpi ephuxepnkaraesdngkhwamkhxbicinkarthikhunnangbangkhnchwyihphraxngkhidrachbllngkkhunphraecachalsphrarachthandinaedninthwipxemrikaehnuxinbriewnthikhnanneriykwa Province of Carolina thikhnannamtamphrarachbidaihaekkhunnangaepdkhnthiruckkninchux Lords Proprietors inpi kh s 1663 phraecachalsthi 2 rachxanackrenethxraelndesiyphlpraoychnthangkarkhaepnxnmakcakkarthixngkvsbngkhbichphrarachbyytikaricheruxinkarkhakhaykbxananikhmthixxkinpi kh s 1650 thicakdkarichtangpraethsinkarkhakhaykbxananikhm sungthaihxngkvsmiexksiththiinkaricheruxkhxngtnexng sungepnsaehtuthithaihekidsngkhramxngkvs enethxraelndkhrngthihnung rahwangpi kh s 1652 thungpi kh s 1654 swnsngkhramxngkvs enethxraelndkhrngthisxngrahwangpi kh s 1665 thungpi kh s 1667 erimdwykarthixngkvsphyayamkhyayxanacindinaednthiepnkhxngrachxanackrenethxraelndinthwipaexfrikaaelathwipxemrikaehnux khwamkhdaeyngerimdwydisahrbfayxngkvsodykaryudniwxmsetxrdm txmaepliynchuxepnniwyxrkephuxepnekiyrtiaekphraxnuchaecmsphuthrngmitaaehnngepn dyukaehngyxrk aelachychnainaetinpi kh s 1667 fayenethxraelndocmtixngkvsin Raid on the Medway odythifayenethxraelndlxngeruxkhunaemnaethmskhunmatrngcudthikxngeruxxngkvsethiyb eruxekuxbthnghmdthuklmykewnaeteruxthng thithuknaklbiptngaesdngthienethxraelnd sngkhramxngkvs enethxraelndkhrngthisxngcblngdwykarlngnamin inpi kh s 1667 hlngcakaephsngkhramxngkvs enethxraelndkhrngthisxngphraecachalskthrngichexdewird ihd exirlaehngaekhlerndnepnaepharbbapodythrngpldcaktaaehnngxkhrmhaesnabdi aelatngkhxklawhawaepnkbttxaephndinsungmiothsthungpraharchiwit aekhlerndxncunghlbhniipfrngess xanackaremuxngcungtkipepnkhxngklumnkkaremuxnghakhnthieriykwa xngkhmntrikhabalthiprakxbdwy aela xngkhmntrikhabalmiidprasankarthanganknxyangdiesmxip rachsankmkcaaebngepnsxngfay hnungnaodyexirlaehngxarlingtnaelaxikfayhnungodydyukaehngbkhkhingaehm odythixarlingtnmiphasidikwa inpi kh s 1668 xngkvsipepnphnthmitrkbswiednaelaenethxraelndstruekainkarepntxtanphraecahluysthi 14 aehngfrngessin phraecahluysthrngthasyyasntiphaphkbklumsamphnthmitr in kh s 1668 aetkyngthrngmikhwamepnptipkstxenethxraelnd inpi kh s 1670 phraecachalsthrngphyayamaekpyhathangkarenginkhxngphraxngkhodykarlngphranamtklnginkbsmedcphraecahluysthi 14 thirabuwaphraecahluystxngcayenginihphraxngkhepncanwn 160 000 txpiepnkaraelkepliynkbkarthithrngsngkxngthharihsmedcphraecahluysaelakarprakaswacathrngepliynipnbthuxormnkhathxlik thnthithisthanakarninphrarachxanackrkhxngphraxngkhepidoxkasihthrngtha aelasmedcphraecahluysthrngtklngthicasngkxngthharcanwn 6 000 khnipkahrabphukhdaeyngtxkarepliynsasnakhxngphraxngkh smedcphraecachalsthrngkachbihekbsnthisyyaepnkhwamlbodyechphaainswnthithrngtngicthicaepliynipnbthuxormnkhathxlik aetkimepnthithrabaennxnwasmedcphraecachalscathrngtngphrathythicaepliynnikaycringhruxim khnaediywknphraecachalsphrarachthanlikhsiththiihaek bristhbritichxistxinediy British East India Company inkaraeswnghaxananikhm inkarphimphengin inkarrksapxmaelakxngthhar inkarsrangphnthmitr inkarsrasngkhramaelasntiphaphaelainkarmixanacthangdankarsalthngthangkhdiaephngaelakhdixayainbriewnkarpkkhrxngthiidmainxinediy emuxtnpi kh s 1668 phraecachalsthrngihechaepncanwnephiyng 10 thicaydwythxngkha dinaedninkaryudkhrxngkhxngoprtueksinxinediythiphranangaekhethxrinaehngbraaeknsanamaemuxesksmrskaephngekinkwathicabarungrksaid inthisudkthrnglathing inpi kh s 1670 phraecachalskphrarachthanibxnuyatinkarkxtng Hudson s Bay Company sungklaymaepnbrisththiekathisudinpraethsaekhnada thierimdwykickarkarkhakhaykhnstwthithaenginiddikbchnphunemuxng aelainthisudkidepnecakhxngpkkhrxngthidinxananikhminbriewnpraman 7 770 000 tarangkiolemtr 3 000 000 tarangiml khxngthwipxemrikaehnuxkhwamkhdaeyngkbrthsphaphraecachalsthrngidrbsbpardphlaerkthiplukinxngkvs kh s 1675 phaphekhiynodyehndrikh dnekhirts aemwaemuxerimaerkrthsphacasnbsnunphraecachalsaetnoybaythangkarsasnaaelakarsngkhramkhxngphraxngkhrahwangkhristthswrrs 1670 thaihrthbalkhawaeliyrekidkhwamaetkaeykcakphraxngkh inpi kh s 1672 phraecachalsthrngxxkphrarachptiyyaphrakhunkaruythihyudyngkarlngothsthangkdhmayxayatxphunbthuxormnkhathxlikaelaphuepnptipksthangsasnathnghmd inpiediywknkthrnghnipsnbsnunfrngessormnkhathxlikxyangepidephyaelathrngerimsngkhramxngkvs enethxraelndkhrngthisam rthbalkhawaeliyrmiptikiriyatxtanphrarachptiyyaephraaepnkarxxkphrarachprakasthikhdkbrththrrmnuy odyxangwaphramhakstriyimmisiththiinkarrangbkdhmayodyprascakehtuphl aethnthicakhdkbehtuphlthangkaremuxng smedcphraecachalsthrngthxnphrarachprakasaelathrngyxmtklngin Test Act sungimaetcaeriykrxngihphurbrachkartxngrbyukharisttamaebbthikhristckraehngxngkvsrabu aetyngbngkhbihpranamkhasxnbangxyangkhxngnikayormnkhathxlikwaepn khwamechuxngmngayaelakarbucharupekharph barxnkhliffxrdphuepliynipnbthuxormnkhathxliklaxxkaethnthicayxmptiyantamkdthixxkihmimnankxnthicathungaekxsykrrm phayinpi kh s 1674 xngkvskimmikhwamkhubhnainsngkhramkbenethxraelnd thangfayrthbalkhawaeliyrimyxmxxkthuninkarthasngkhramtx sungepnkarbngkhbihphraecachalshawithisngbsuk xanackhxngxngkhmntrikhabalkerimldnxylnginkhnaediywknxanackhxng hruxlxrdaednbiy phuthimaaethnbarxnkhliffxrdkephimmakkhun indanswnphraxngkhphranangaekhethxrinaehngbraaeknsaimthrngsamarthmiphrarachoxrsthidaid thrngtngkhrrphsikhrngaetkcblngdwykaraethnghruxsinphrachnminphrakhrrphinpi kh s 1662 kumphaphnth kh s 1666 phvsphakhm kh s 1668 aelamithunayn kh s 1669 rchthayathodysnnisthan cungepnecms dyukaehngyxrkphraxnuchaphuthiepnormnkhathxlikphuthiimthrngepnthiniymaekprachachn ephuxthicabrrethakhwamraaewngkhxngprachachnwarachsankexiyngipthangormnkhathxlikmakekinipsmedcphraecachalscungthrngcdkaresksmrsrahwangecahyingaemriphrathidaxngkhotkhxngdyukaehngyxrkkbecachaywileliymaehngxxerncphuepnopretsaetnt inpi kh s 1678 ithths oxtsphuekhyepnthngxngklikhnaelaxditnkbwchkhnaeysuxitsrangkhawluxeruxng karlxbwangaephnophphich thiepnkhawluxthiklawwaepnaephnkarthicaplngphrachnmphraecachals aelaklawphadphingwaphrarachiniaekhthethxrinwamiswnekiywkhxngkbaephnni aetphraecachalsimthrngechuxkhawluxaelamiphrarachoxngkarihlxrdaednbiysubswn aemwalxrdaednbiycamikhwamsngsywacaepnephiyngkhawluxaetrthbalkhawaeliyrthuxwaepneruxngcringcng khawluxthaihprachachntkxyuinkhwamrusuktxtanphunbthuxormnkhathxlikxyangrunaerng aelamikarcbkumphuthithukklawhawamiswnrwminkarkhbkhidknknthwpraeths bangkthuklngothsbangkthukpraharchiwitodyimmikhwamphid txmainpi kh s 1678 lxrdaednbiykthukpldcaktaaehnngodysphasamychninkhxhakbttxaephndin aemwathngpraethscatxngkarthasngkhramkbfrngessphraecachalsthrngecrcatxrxngxyanglb kbphraecahluysthi 14 ephuxthicatklngwaxngkvscathatwepnklangepnkaraelkepliynkbenginthdaethn lxrdaednbiyprakastwwaepnstrukbfrngessaetinthangswntwktklngthatamphrarachprasngkhkhxngphraecachals aetsphasamychnimechuxwakhawluxthiwalxrdaednbiymiswnrwmodyimetmicaelaaetepnphuekhiynnoybaydwytnexng smedcphraecachalsthrngyubsphakhawaeliyrineduxnmkrakhm kh s 1679 ephuxthicachwylxrdaednbiy rthsphaihmerimprachumineduxnminakhmpiediywknepnrthbalthiimepnprpkstxsmedcphraecachals emuximrbkarsnbsnuncakrthsphalxrdaednbiyklaxxkcaktaaehnngecakrmphrakhlng Lord High Treasurer aetidrbphrarachthanxphyothscakphraecachals aetrthsphaimyxmaelaprakaswakaryubsphamiidrangbkaritswnkhxnglxrdaednbiychannkarphrarachthanxphyothscungepnomkha emuxsphakhunnangphyayamlngothslxrdaednbiyodykarenreths sungsphasamychnthuxwanxyip karitswncunghyudchangklngephraasxngsphatklngknimid inthisudphraecachalskthrngyxmfaytrngkhamodythrngsngcakhnglxrdaednbiythihxkhxyaehnglxndxn lxrdaednbicungthukcakhngxyuhapibnplaysmyphraecachalsthi 2 kh s 1683 mikhacaruk CAROLUS II DEI GRATIA phraecachalsthi 2 odyphrakhuncakphraeca pyhaihythangkaremuxngtxmakhxngphraecachalskhuxpyhaeruxngrchthayath epnptipksxyangrunaerngtxkarmiphramhakstriyepnormnkhathxlik kxnhnannbarxnaexchliyepnsmachikxngkhmntrikhabal thislaytwlnginpi kh s 1673 xanackhxngbarxnaexchliykerimaekhngaekrngkhunemuxsphasamychnkhxngpi kh s 1679 esnxrangphrarachbyytikarykewnphusubrachbllngksungepnrangphrarachbyytithiphyayampxngknimihecms dyukaehngyxrkkhunkhrxngrachbllngkxngkvs bangklumthungkbsnbsnunecms skxtt dyukthi 1 aehngmxnmth phrarachoxrsxngkhotnxksmrskhxngphraecachalsphuepnopretsaetnt klum Abhorrers phuthiehnwarangphrarachbyytilaewnepnthinaekliyd abhorrent thukeriykwathxri tamkhathiicheriykocrixrichormnkhathxlik khnathi Petitioners phuyunkharxng Petitioning campaign snbsnunrangphrarachbyyti klaymaepnwik tamkhathiicheriykphukxkhwamimsngbchawskxtaelndthiepnephrsibthieriyn phraecachalsthrnghwadklwwarangphrarachbyytikarykewnphusubrachbllngkcaidrbkarxnumtiaelaemuxthrngehnwamtimhachnerimexnexiyngipthangkartxtanormnkhathxliksungehnidcakkarplxytwkhxngphuthiklawhawamiswnrwminkarkhbkhidthicaplngphrachnmphraxngkh phraecachalscungthrngtdsinphrathyyubrthsphaepnkhrngthisxnginpiediywkninvdurxnkhxng kh s 1679 phraecachalsthrnghwngwasphaihmcaimrunaerngehmuxnsphakxnaetehtukarnkimepniptamphrarachprasngkh phayinewlaephiyngsxngsameduxnphraxngkhkthrngyubrthsphaxikkhrnghlngcakthirthsphaphyayamphanrangphrarachbyytilaewnxikkhrng emuxrthsphaihmprachumknthixxkfxrdineduxnminakhm kh s 1681 phraecachalskthrngyubxikepnkhrngthisihlngcakthiprachumknidephiyngimkiwn rahwangkhristthswrrs 1680 mtimhachninkarsnbsnunrangphrarachbyytikldnxylngaelaphraecachalsthrngmikhwamrusukwaprachachnmikhwamcngrkphkditxphraxngkhephimmakkhunephraamikhwamehnwarthsphamikhwamrunaerngekinkwaehtu exirlaehngchafsbrithukklawhawaepnkbtcntxnghniipenethxraelndaelaipesiychiwitthinn tngaetnnepntnmaphraecachalskthrngpkkhrxngxngkvsodyprascakrthspha karkhdkhanrangphrarachbyytikarykewnphusubrachbllngkkhxngphraecachalssrangkhwamimphxicihaekfayopretsaetntbangswn phukxkaropretsaetntwangaephn karkhbkhidrayehas sungepnaephnkarplngphrachnmphraecachalsaelaecms dyukaehngyxrk khnathiesdcklblxndxncakkaraekhngmathi aetthrngrxdphncakkarthukplngphrachnm enuxngcakephlingihmthalaythiprathbkhxngsmedcphraecachalsthiniwmarekhtthaihtxngesdcklblxndxnkxnkahnd khawaephnkarplngphrachnmthiimsaerccungrwihl nkkaremuxngopretsaetntechn aeladyukaehngmxnmththukcbinkhxhawamiswnrwminkarwangaephn exirlaehngexseskskhatwtaykhnathithukcakhngxyuthihxkhxyaehnglxndxn sidniyaelalxrdwileliym rsesllthukpraharchiwitinkhxhakbttxaephndinodymihlkthanephiyngelknxy swndyukaehngmxnmxthliphyipyngrachsankkhxngdyukaehngxxernc lxrdaednbiaelakhunnangormnkhathxlikthithukcakhngxyuthihxkhxyaehnglxndxnthukplxyaeladyukaehngyxrkkmixanacmakkhuninrachsankithths oxtsthuktdsinwaphidtamkhxklawhaaelacakhnginkhxhasrangkhawluxethc phraecachalsprachwrdwy emuxechawnthi 2 kumphaphnth kh s 1685 aelaesdcswrrkhtemuxewla 11 45 n hlngcaknnthiprachwridsiwnthi emuxphrachnmayuid 54 phrrsa xakarprachwrkhlaykhlungkbxakarkhxng uraemia sungepnxakarthiekiywkbitthanganxyangimpkti khnathiprachwr phraecachalstrskbdyukaehngyxrkwa catxngmiihenl eklnphunasngsaridrbkhwamlabakepnxnkhad aelakbkharachsankwa khaphecakhxxphy thansuphaphburus thiepnphukalngcatayinewlani khawnsudthaykthrngidrbekhasuormnkhathxlik aetkimthrabwamiphrastidiphxthicathrabthungehtukarndngklawhruxthrngrbruethaidhruxphuidepnphucdkarkarkrathakhrngni phrabrmsphthukfngiwthiaexbbiewstminsetxr odyimmiphithiritxngxnhruhra emuxwnthi 14 kumphaphnth dyukaehngyxrkphraxnuchakhunkhrxngrachytxmaepnphraecaecmsthi 2 aehngxngkvsaelaixraelnd aelaphraecaecmsthi 7 aehngskxtaelndphrarachoxrsthidaaelaxnusrnecms skxtt dyukthi 1 aehngmxnmthtngaetpi kh s 1692 phraruppnphraecachalsthi 2 inekhruxngthrngormn srangody Grinling Gibbons inpi kh s 1676 tngxyuhnaorngphyabalechlesiy phraecachalsimmiphrarachoxrsthidainsmrs aetmiphrarachoxrsthidasibsxngkhnkbphrasnmecdkhn5 khnody Barbara Palmer 1st Duchess of Cleveland sungepntnkaenidkhxngtaaehnng phrasnmkhnxun kidaek Catherine Pegge Louise de Kerouaille Duchess of Portsmouth Lucy Walter Elizabeth Killigrew aela enll kwin Nell Gwyn oxrsaelathidahlaykhnidrbtaaehnngdyukhruxexirl taaehnng Duke of Buccleuch Duke of Richmond Duke of Grafton aela Duke of St Albans inpccubntangkepntaaehnngthisubthxdmacakphraecachalsodytrngthangphraoxrs satharnchnimphungphxicinkarthismedcphraecachalsthrngichenginphasiinkarcayebiyeliyngaekbrrdaphrasnmaelaoxrsthidatang John Wilmot Earl of Rochester ekhiyncdhmaythungphraecachals Restless he rolls from whore to whore A merry monarch scandalous and poor idxana ecahyingaehngewlsexngkthrngsubechuxsaymacakphraoxrsnxkkdhmaykhxngphraecachalssxngphraxngkh Henry FitzRoy 1st Duke of Grafton aela Charles Lennox 1st Duke of Richmond phuepnbrrphburuskhxngsmedcphrarachinikhamillaaehngshrachxanackr phramehsixngkhthisxngkhxng smedcphraecachalsthi 3 aehngshrachxanackr channphraoxrsxngkhotkhxngecahyingidxana ecachaywileliym ecachayaehngewlsphuthrngxyuinxndbthi 1 khxngladbkarsubrachbllngkxngkvs thaidepnkstriykcaepnkstriyxngkhaerkthithrngsubechuxsaymacakphraecachalsthi 2 ecms skxtt dyukaehngmxnmxththi 1 phraoxrsxngkhotkhxngphraecachalsepnphunainkarkbttxphraecaecmsthi 2 aetimsaercaelaphayaephaelathukcbthi Battle of Sedgemoor emuxwnthi 6 krkdakhm kh s 1685 inthisudkthukpraharchiwit aettxmaphraecaecmsthi 2 exngkthrngthukokhnrachbllngkinpi kh s 1688 inkarptiwtixnrungorcnodyphrarachthidakhxngphraxngkhaelaphraswami smedcphraecaecmsthrngepnkstriyormnkhathxlikxngkhsudthaykhxngxngkvs emuxphicarnathungehtukarninrchsmykhxngphraecachals phrrkhthxrimkcaehnwaepnrchsmykhxngphramhakstriythithrngkhunthrrmaetphrrkhwikehnwaepnrchsmykhxngkarichxanacxyangeddkhadinthangthiphid inpccubnkarepnkaryakthicasrupodyimkhanungthungkhwamimepnklangkhxngphraxngkh aelamkehnknwaepnphramhakstriythichxbkhwamsukhsaray echnthibrryayody John Evelyn wa a prince of many virtues and many great imperfections debonair easy of access not bloody or cruel aelathrngepnphuthisilpinniymnaipepntwlakhrinnganekhiynaelaphaphyntrthrngmiwrrnkrrm phraecachalsthi 2 thrngepnphuxupthmphsilpaaelawithyasastr thrngepnphuchwninkarkxtngrachsmakhm Royal Society sungepnsmakhmkhxngnkwithyasastrsungmismachikthimichuxesiynghlaykhnechnorebirt hukh orebirt bxyl aela ixaeskh niwtn aelathrngkxtng Royal Observatory thikrinich phraecachalsthrngepnphuxupthmphkhrisotefxr ern sthapnikphuchwysranglxndxnhlngcakephlingihmkhrngihyinpi kh s 1666 ernsrangsungsmedcphraecachalsthrngkxsrangephuxihepnbanphkthharthipldeksiyninpi kh s 1682 nxkcaknnkthrngepnkhnaerkthixnuyatihstriaesdnglakhrbnewthiidaethnthicaihedkphuchayelnepnphuhyingxyangthiekhythaknma wnthi 29 phvsphakhm sungepnkhrbrxbwn funfukstriy sungepnwnediywkbwnprasutikepnwnthichlxngknmacnklangkhriststwrrsthi 19 inchuxwn Oak Apple Day tamtanantnimthiphraxngkhthrngichsxntwkhnathihlbhnicakkxngthharkhxngoxliewxr khrxmewll aetinpccubnelikchlxngknipaelw inlxndxnthisranginplaykhristthswrrs 1670 edimeriykwa khingsaekhwr ephuxepnekiyrtiaekphraxngkhaelaxnusawriykhxngphraxngkhthisranginpi kh s 1681 kyngtngxyutrngklangcturshmayehtuwnerimsmyfunfurachwngssungepnwnerimrthsphakhxngsmedcphraecaaephndinepnkhrngaerktngaetkaryubrabbrachathipityinpi kh s 1649 rthsphaxngkvsyxmrbphraecachalsthi 2 epnphramhakstriyxyangepnexkchnthemuxwnthi 2 phvsphakhm kh s 1660 thungaemwafayniymkstriyyxmrbphraxngkhmatngaetemuxphraecachalsthi 1 swrrkhtemuxwnthi 30 mkrakhm kh s 1649 inrchsmykhxngphraecachalsthi 2 exksarthangkdhmaythnghmdlngwnthirawkbwarchsmykhxngphraecachalsthi 2 erimtngaetkarsinphrachnmkhxngphrarachbidainpi kh s 1649 tngaetphraecachalsthi 1 phrarachbidathrngthukpraharchiwitthungewlathithrngphayaephinyuththkarwusetxrxangxingrachbnthitysthan saranukrmpraethsinthwipyuorp chbbrachbnthitysthan rachbnthitysthan 2550 hna 250 efrechxr hna 13 aelahttn hna 1 4 Weir Alison 1996 phrarachwngsxngkvs rayphranamphrarachwngschbbsmburn chbbprbprung aerndxm ehas pp 255 257 ISBN 0712674489 efrechxr hna 32 aela httn hna 6 7 efrechxr hna 38 45 aelamilelxr phraecachalsthi 2 hna 6 efrechxr hna 55 56 efrechxr hna 57 60 efrechxr hna 65 66 155 httn hna 26 aelamilelxr phraecachalsthi 2 hna 5 efrechxr hna 97 aelahttn hna 53 efrechxr hna 96 97 aelahttn hna 56 57 efrechxr hna 98 128 aela httn hna 53 69 canwnengin 1 000 epncanwnenginthimhasalinsmynn sungmakkwakhaaerngkhnthrrmdathicahaidinchwchiwit efrechxr hna 117 httn hna 74 112 efrechxr hna 160 165 xnuthinkhxngsamuexl phiphs 16 minakhm kh s 1660 milelxr phraecachalsthi 2 hna 24 25 httn hna 131 siward phxl knyayn kh s 2004 chbbxxniln phvsphakhm kh s 2006 phraecachalsthi 2 kh s 1630 kh s 1685 xxkfxrdphcnanukrmchiwprawtiaehngchati sankphimphmhawithyalyxxkfxrd doi 10 1093 ref odnb 5144 subkhnemux 2007 09 07 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Citation title aemaebb Citation citation a trwcsxbkhawnthiin date help efrechxr hna190 phraecachalsthi 2 pkkhrxng kh s 1660 85 Web site of the British Monarchy subkhnemux 2007 09 07 efrechxr hna185 efrechxr hna 210 202 httn hna 155 156 aelamilelxr phraecachalsthi 2 hna 43 44 httn hna 169 httn hna 229 efrechxr hna 238 milelxr phraecachalsthi 2 hna 120 Defoe Daniel kh s 1894 prawtikhxngkarrabadkhxngkalorkhinxngkvs niwyxrk bristhxemriknbukh a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a trwcsxbkhawnthiin year help phxretxr stiefn mkrakhm kh s 2007 ephlingihmkhrngihyinlxndxn xxkfxrdphcnanukrmchiwprawtiaehngchati subkhnemux 2007 10 12 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Citation title aemaebb Citation citation a trwcsxbkhawnthiin date help efrechxr hna 243 247 aelamilelxr phraecachalsthi 2 hna 121 122 krmphrakhlngichngbpramanpraman 321 000 txpiinkarbarungrksa httn hna 184 milelxr phraecachalsthi 2 hna 93 99 swnthiehluxkhxngeruxyngtngaesdngxyuthi Rijksmuseum Amsterdam httn hna 250 251 httn hna 254 aelamilelxr phraecachalsthi 2 hna 175 176 efrechxr hna 275 efrechxr hna 275 276 aelamilelxr smedcphraecachalsthi 2 hna 180 bristhxistxinediy kh s 1911 saranukrmbritanikha chbbthi 11 elmthi 8 hna 835 The British Library Board khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2013 06 25 subkhnemux 2007 05 18 httn hna 426 prawtikhxngera subkhnemux 2007 10 12 efrechxr hna 305 308 aela httn hna 284 285 Raithby John b k 1819 phraecachalsthi 2 kh s 1672 phrarachbyytiephuxkarpxngknxntraythixaccaekidkhuncakPopish Recusants Statutes of the Realm volume 5 kh s 1628 80 782 785 subkhnemux 2007 10 08 Raithby John b k kh s 1819 phraecachalsthi 2 kh s 1678 chbb 2 phrarachbyytiephuxrksakhwammnkhngkhxngphramhakstriyaelarthbalcakklumormnkhathxlikinkarekhaepnsmachikrthsphathngsxngrthspha Statutes of the Realmkdhmaykhxngaephndin elm 5 kh s 1628 80 894 896 subkhnemux 2007 10 08 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Citation title aemaebb Citation citation a trwcsxbkhawnthiin year help efrechxr hna 347 348 aela httn hna 345 346 httn hna 359 362 efrechxr hna 360 efrechxr hna 375 milelxr phraecachrlsthi 2 hna 278 301 304 httn hna 367 374 aelamilelxr phraecachalsthi 2 hna 306 309 httn hna 373 377 391 aelamilelxr smedcphraecachalsthi 2 hna 310 320 httn hna 376 401 aelamilelxr phraecachalsthi 2 hna 314 345 httn hna 430 441 efrechxr hna 426 httn hna 420 423 aela milelxr phraecachalsthi 2 hna 366 368 efrechxr hna 437 efrechxr hna 450 aela httn hna 443 efrechxr hna 456 ibrxnth markh kh s 2001 chiwitswntw lxndxn khasesll ISBN 0 304 35758 8 p 73 httn hna 443 aela 456 efrechxr hna 459 efrechxr hna 411 efrechxr hna 413 httn hna 338 milelxr phraecachalsthi 2 hna 95 milelxr phraecachalsthi 2 hna 382 383 httn hna 185 efrechxr hna118 briewnosohaekhwr phxrthaelndexssetth swnosohaekhwr 2014 10 19 thi ewyaebkaemchchin in karsarwclxndxn elmthi 33 aela 34 kh s 1966 esntaexnnosoh hna 51 53 Date accessed 12 mkrakhm kh s 2008brrnanukrmCharles II r 1660 1685 Official website of the British Monarchy subkhnemux 19 April 2010 1979 King Charles II London Weidenfeld and Nicolson ISBN 0297775715 1989 Charles II King of England Scotland and Ireland Oxford England Clarendon Press ISBN 0198229119 Miller John 1991 Charles II London Weidenfeld and Nicolson ISBN 0297812149 Seaward Paul September 2004 online edn January 2008 Charles II 1630 1685 Oxford Dictionary of National Biography Oxford University Press doi 10 1093 ref odnb 5144 subkhnemux 19 April 2010 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Citation title aemaebb Citation citation a trwcsxbkhawnthiin date help Subscription required hnngsuxxanephimetimHarris Tim 2005 Restoration Charles II and his kingdoms 1660 1685 London Allen Lane ISBN 0713991917 Keay Anna 2008 The Magnificent Monarch Charles II and the Ceremonies of Power London Hambledon Continuum ISBN 9781847252258 1957 Review Article The Reign of Charles II Cambridge Historical Journal XIII 82 86 Miller John 1985 Restoration England the reign of Charles II London Longman ISBN 0582353963duephimwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb chalsthi 2 aehngxngkvs xngkhmntrikhabal ecms skxtt dyukthi 1 aehngmxnmthkxnhna phraecachalsthi 2 aehngxngkvs thdipchwngwangrahwangrchkal xngkhkxnhnakhuxchalsthi 1 phramhakstriyxngkvsaelaixraelnd rachwngsscwt kh s 1660 kh s 1685 ecmsthi 2 aehngxngkvsrthbalthhar kstriyaehngskxtaelnd rachwngsscwt kh s 1660 kh s 1685 ecmsthi 2 aehngxngkvschalsthi 1 aehngxngkvs kstriyaehngixraelnd rachwngsscwt kh s 1649 kh s 1651 rthbalthhar