บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
พระมหามณเฑียร เป็นหมู่พระที่นั่งภายในพระบรมมหาราชวังโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2325 เพื่อทรงใช้เป็นที่ประทับและเป็นพระราชพิธีมณฑลในพระราชพิธีปราบดาภิเษก เดิมเป็นพระที่นั่งขนาดใหญ่เชื่อมต่อกัน 3 องค์ ชื่อว่า "พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามพระที่นั่งใหม่สำหรับแต่ละองค์โดยเป็นนามที่คล้องจองกัน ได่แก่ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหสูรยพิมาน
พระมหามณเฑียร | |
---|---|
หมู่พระมหามณเฑียร | |
ข้อมูลทั่วไป | |
ประเภท | หมู่พระที่นั่งภายในพระบรมมหาราชวัง |
เมือง | เขตพระนคร, กรุงเทพมหานคร |
ประเทศ | ประเทศไทย |
เริ่มสร้าง | พ.ศ. 2325 |
ผู้สร้าง | พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช |
เป็นส่วนหนึ่งของ | พระบรมมหาราชวัง |
เลขอ้างอิง | 0005574 |
ปัจจุบัน พระมหามณเฑียรได้ใช้เป็นพระราชพิธีมณฑลสำหรับประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและพระราชพิธีสำคัญอื่น ๆ ในพระมหากษัตริย์ทุกรัชกาลในราชวงศ์จักรีสืบเนื่องกันมา
ประวัติ
หมู่พระมหามณเฑียร เป็นหมู่พระที่นั่งที่ใช้ที่ประทับและเสด็จออกว่าราชการของพระมหากษัตริย์ โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2325 เพื่อทรงใช้เป็นพระราชพิธีมณฑลในพระราชพิธีปราบดาภิเษกและประทับอยู่ตลอดรัชกาล หลังจากนั้นพระมหามณเฑียรได้ใช้เป็นพระราชพิธีมณฑลสำหรับประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ สืบเนื่องกันมาทุกรัชกาลในราชวงศ์จักรี
หมู่พระมหามณเฑียรเป็นพระที่นั่งขนาดใหญ่หมู่แรกที่สร้างขึ้นในพระบรมมหาราชวัง หันหน้าไปทางทิศเหนือ สร้างเป็นแนวตรง และแนวขวางต่อเนื่องกัน โดยมีมุขแล่นถึงกันโดยตลอด ประกอบด้วย หมู่พระวิมานที่บรรทมและท้องพระโรงสำหรับเสด็จออก มีท้องพระโรงหลัง พระปรัศว์ซ้าย พระปรัศว์ขวา หมู่พระมหามณเฑียรนี้สร้างเป็นแบบสถาปัตยกรรมไทย มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงษ์ ตั้งอยู่ต่อเนื่องในเขตพระราชฐานชั้นในและชั้นกลาง เดิมเป็นพระที่นั่งขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกัน 3 องค์ ชื่อว่า "พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน" ครั้นต่อมาในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 ได้พระราชทานนามแยกออกเป็นหลัง ๆ คล้องจองกัน คือ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหสูรยพิมาน
สิ่งก่อสร้างภายในหมู่พระมหามณเฑียร
พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เป็นพระที่นั่งองค์ประธานของพระที่นั่งในหมู่พระมหามณเฑียร ก่อสร้างในรูปลักษณะของสถาปัตยกรรมไทยองค์พระที่นั่งก่ออิฐถือปูน สร้างเป็น 3 องค์แฝด ภายนอกเป็นระเบียงรายล้อมด้วยเสานางจรัลอยู่ทุกด้าน เป็นพระวิมานที่บรรทมของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จประทับอยู่เป็นประจำ
พระที่นั่งไพศาลทักษิณ เป็นพระที่นั่งต่อกับท้องพระโรงหน้าพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ทางทิศเหนือ ทรงใช้เป็นที่ประทับทรงพระสำราญหรือให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และใช้เป็นพระราชพิธีมณฑลในการประกอบพิธีบรมราชาภิเษกในทุกรัชกาล พระที่นั่งไพศาลทักษิณเป็นที่ประดิษฐานของปูชนียวัตถุสำคัญ 3 อย่าง คือ
- พระสยามเทวาธิราช ประดิษฐานอยู่ในพระวิมานตอนกลางองค์พระที่นั่ง ตรงพระทวารเทวราชมเหศวร
- พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ เป็นที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงประทับรับน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ประดิษฐานอยู่เกือบสุดองค์พระที่นั่ง ด้านทิศตะวันออก
- พระที่นั่งภัทรบิฐ เป็นที่ประทับรับเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ เครื่องบรมราชูปโภคอันเป็นโบราณมงคล รับพระแสงราชศัสตราวุธ และพระแสงอัษฎาวุธในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ประดิษฐานอยู่ตอนหน้าสุดองค์พระที่นั่ง ด้านทิศตะวันตก
พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน อยู่ติดกับพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทางทิศเหนือ เป็นท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกฝ่ายหน้า เช่น เสด็จออกขุนนาง ออกมหาสมาคม ออกทรงบำเพ็ญพระราชกุลต่าง ๆ พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นพระราชพิธีมณฑลในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชบัลลังก์ตั้งอยู่ 2 องค์ คือ
- พระที่นั่งบุษบกมาลามหาจักรพรรดิพิมาน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น เป็นบุษบกประกอบท้ายเกรินทั้ง 2 ข้าง ที่ท้ายเกรินปักฉัตรลายทอง 7 ชั้น ประดิษฐานอยู่ที่ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย สำหรับพระมหากษัตริย์เสด็จขึ้นประทับ ในวโรกาสเสด็จออกฝ่ายหน้าในงานมหาสมาคม หรือประดิษฐานปูชนียวัตถุในพระราชพิธี ปัจจุบันใช้ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระมหากษัตริย์ อัครมเหสี ในการพระราชพิธีสำคัญ
- พระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นพระราชบัลลังก์ทองขนาดย่อม เมื่อมีพระราชพิธีจะเชิญมาทอดบนพระราชบัลลังก์ภายใต้พระนพปฏลมหาเศวตฉัตรอีกชั้นหนึ่ง ใน พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระมหากษัตริย์จะเสด็จขึ้นประทับบนพระราชบัลลังก์นี้ เพื่อเสด็จออกมหาสมาคมเป็นครั้งแรกในรัชกาลของพระองค์ และในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของทุกปี เพื่อรับการถวายพระพรชัยมงคล
พระที่นั่งเทพสถานพิลาศและพระที่นั่งเทพอาสน์พิไล
พระที่นั่งเทพสถานพิลาศและพระที่นั่งเทพอาสน์พิไล เดิมคือ เรือนพระปรัศว์ซ้ายและขวาที่ต่อกับท้องพระโรงหลังแห่ง พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน สร้างขึ้นตั้งแต่รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระปรัศว์ขวาอยู่ทางตะวันออกของท้องพระโรงและพระปรัศว์ซ้ายอยู่ทางตะวันตกของท้องพระโรง พระที่นั่งทั้ง 2 ใช้เป็นที่ประทับของฝ่ายใน ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามพระที่นั่งทั้ง 2 องค์ โดย พระที่นั่งองค์ทิศตะวันออกพระราชทานนามว่า พระที่นั่งเทพยสถานพิลาศ ต่อมาเปลี่ยนเป็น "พระที่นั่งเทพสถานพิลาศ" และพระที่นั่งองค์ทิศตะวันตกพระราชทานนามว่า "พระที่นั่งเทพอาสน์พิไล"
ลักษณะสถาปัตยกรรมของพระที่นั่งเป็นสถาปัตยกรรมไทยเลียนแบบพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ยกพื้นสูงกว่า 50 เซนติเมตร หลังคามุงกระเบื้องไม่เคลือบสี พระทวารและพระบัญชรไม่มีซุ้มเรือนแก้ว พระปรัศว์ทั้งสองมีกำแพงแก้วล้อมรอบ กำแพงด้านนอกมีหอน้อยเป็นศาลาเล็ก ๆ
ในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาพระองค์เดียวใน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ประสูติ ณ พระที่นั่งเทพยสถานพิลาศแห่งนี้ ซึ่งนับเป็นพระหน่อพระองค์แรกและเป็นเพียงพระองค์เดียวที่ประสูติในหมู่พระมหามณเฑียร
พระที่นั่งดุสิตาภิรมย์ เป็นพระที่นั่งที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นพลับพลาเปลื้องเครื่องในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินขึ้นทรงพระคชาธารหรือทรงพระราชยาน เสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพยุหยาตรา นอกจากนี้ ยังใช้เป็นพิธีมณฑลในการพระราชพิธีต่าง ๆ ในบางโอกาสด้วย
พระที่นั่งราชฤดี เป็นพระที่นั่งทรงไทยแบบพลับพลาตรีมุข เป็นพระที่นั่งโถง ยกพื้นสูง 70 เซนติเมตร ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ นาคสะดุ้งปิดทอง หลังคามุงกระเบื้องดินเผาเคลือบสี หน้าบันเป็นไม้จำหลักลายรูปพระนารายณ์ทรงสุบรรณ มีกระหนกก้านขดหัวนาคเป็นลายประกอบบนพื้นกระจกสี มีชานยื่นเลยจากองค์พระที่นั่งสองด้าน ด้านเหนือเป็นที่สำหรับพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าเสด็จฯ ออกทรงประกอบพิธีสังเวยเทพยดา ด้านทิศตะวันตกเป็นที่ตั้งแท่นสรงพระมูรธาภิเษกสนาน
พระที่นั่งสนามจันทร์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน รัชกาลที่ 2 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นที่ประทับสำราญพระอริยาบถ ทรงงานช่างตามที่โปรดปรานเป็นนิจ บางครั้งเป็นที่เสด็จออกขุนนาง แทนการเสด็จออกที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหสูรยพิมาน เป็นสถานที่สำหรับกรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้าประทับพักก่อนเข้าเฝ้าฯ ในห้องพระโรง เนื่องจากพระที่นั่งสนามจันทร์ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของหอพระธาตุมณเฑียร อันเป็นที่ประดิษฐานพระโกศพระบรมอัฐิ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเครื่องนมัสการ สำหรับถวายบังคมพระบรมอัฐิในการพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ณ พระที่นั่งสนามจันทร์อีกแห่งหนึ่งด้วย
หอพระสุราลัยพิมาน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เป็นที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุ เช่น พระบรมสารีริกธาตุ พระมหามณีรัตนปฏิมากรแก้วมรกตองค์น้อย พระชัยเนาวโลหะ พระชัยวัฒนประจำรัชกาล และพระพุทธปฏิมากรสำคัญอื่น ๆ
หอพระธาตุมณเฑียร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ก่อสร้างและตกแต่งเหมือนกับหอพระสุราลัยพิมานทุกประการ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1, 2, 3
ระหว่างหอพระธาตุมณเฑียรกับองค์พระที่นั่งไพศาลทักษิณ มีมุขกระสันต่อเนื่องกัน ผนังด้านเหนือเจาะเป็นช่องพระบัญชรเปิดออกสู่ลานข้างพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ด้านทิศตะวันตก เรียกว่า "สีหบัญชร" ใช้เป็นที่พระมหากษัตริย์เสด็จออกให้เข้าเฝ้าเป็นการฉุกเฉินในเวลาวิกาล
หอศาสตราคม หรือ หอพระปริตร ตั้งอยู่ในกำแพงแก้วด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน ตรงข้ามกับพระที่นั่งดุสิตาภิรมย์ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเห็นพระที่นั่งโถง ลักษณะเดียวกับพระที่นั่งดุสิตาภิรมย์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระที่นั่งองค์เดิมแล้วสร้างหอศาสตราคม เพื่อให้พระสงฆ์ฝ่ายรามัญนิกาย ทำพิธีสวดพระพุทธมนต์สัตปริตรคาถาเสกน้ำพระพุทธมนต์ สำหรับสรงพระพักต์ และ น้ำสรง ตลอดทั้งประพรมรอบพระมหามณเฑียร ในอดีตเมื่อมีการศึกสงครามได้ประกอบพิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลัง เพื่อมอบเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ทหารในการรบ ด้วยเหตุนี้จึงเขียนลายเครื่องอาวุธโบราณไว้ที่บานประตูหน้าต่างทุกบาน
เก๋งนารายณ์
เก๋งนารายณ์ ตั้งอยู่ในกำแพงแก้วของพระที่นั่งจักรพรรดิพิมานด้านตะวันตกระหว่างพระที่นั่งจักรพรรดิพิมานและพระที่นั่งไพศาลทักษิณ หลังหอพระธาตุมณเฑียร สันนิษฐานว่า เป็นเก๋งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้สร้างในปลายรัชสมัย สำหรับเป็นที่ทรงงานศิลปกรรม
เก๋งนารายณ์มีลักษณะเป็นอาคารโถงขนาดเล็ก ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า รูปแบบสถาปัตยกรรมจีน มีฝาสามด้าน ด้านหลังเป็นด้านประธาน มีแท่นก่ออิฐฉาบปูน ภายในประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่ทับทิม และบริวาร
อ้างอิง
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศพระราชทานนามพระที่นั่ง (พระที่นั่งเทพสถานพิลาศ องค์ฝ่ายบุรพทิศ พระที่นั่งเทพอาสน์พิไลย องค์ฝ่ายปัจจิมทิศ), เล่ม ๔๑, ตอน ๐ ก, ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๗, หน้า ๑๘๖
บรรณานุกรม
- สำนักพระราชวัง. พระบรมมหาราชวัง. กรุงเทพ : โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช, พ.ศ. 2547. 331 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN
แหล่งข้อมูลอื่น
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ พระมหามณเฑียร
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul phramhamnethiyr khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir phramhamnethiyr epnhmuphrathinngphayinphrabrmmharachwngodyphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachthrngphrakrunaoprdekla ihsrangkhunin ph s 2325 ephuxthrngichepnthiprathbaelaepnphrarachphithimnthlinphrarachphithiprabdaphiesk edimepnphrathinngkhnadihyechuxmtxkn 3 xngkh chuxwa phrathinngckrphrrdiphiman txma phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwidphrarachthannamphrathinngihmsahrbaetlaxngkhodyepnnamthikhlxngcxngkn idaek phrathinngckrphrrdiphiman phrathinngiphsalthksin phrathinngxmrinthrwinicchymihsuryphimanphramhamnethiyrhmuphramhamnethiyrkhxmulthwippraephthhmuphrathinngphayinphrabrmmharachwngemuxngekhtphrankhr krungethphmhankhrpraethspraethsithyerimsrangph s 2325phusrangphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachobransthanthikhunthaebiynodykrmsilpakrepnswnhnungkhxngphrabrmmharachwngelkhxangxing0005574 pccubn phramhamnethiyridichepnphrarachphithimnthlsahrbprakxbphrarachphithibrmrachaphieskaelaphrarachphithisakhyxun inphramhakstriythukrchkalinrachwngsckrisubenuxngknmaprawtihmuphramhamnethiyr epnhmuphrathinngthiichthiprathbaelaesdcxxkwarachkarkhxngphramhakstriy odyphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachthrngphrakrunaoprdekla ihsrangkhuninpi ph s 2325 ephuxthrngichepnphrarachphithimnthlinphrarachphithiprabdaphieskaelaprathbxyutlxdrchkal hlngcaknnphramhamnethiyridichepnphrarachphithimnthlsahrbprakxbphrarachphithibrmrachaphieskkhxngphramhakstriy subenuxngknmathukrchkalinrachwngsckri hmuphramhamnethiyrepnphrathinngkhnadihyhmuaerkthisrangkhuninphrabrmmharachwng hnhnaipthangthisehnux srangepnaenwtrng aelaaenwkhwangtxenuxngkn odymimukhaelnthungknodytlxd prakxbdwy hmuphrawimanthibrrthmaelathxngphraorngsahrbesdcxxk mithxngphraornghlng phraprswsay phraprswkhwa hmuphramhamnethiyrnisrangepnaebbsthaptykrrmithy michxfa ibraka hanghngs tngxyutxenuxnginekhtphrarachthanchninaelachnklang edimepnphrathinngkhnadihy echuxmtxkn 3 xngkh chuxwa phrathinngckrphrrdiphiman khrntxmainrchsmyrchkalthi 3 idphrarachthannamaeykxxkepnhlng khlxngcxngkn khux phrathinngckrphrrdiphiman phrathinngiphsalthksin phrathinngxmrinthrwinicchymihsuryphimansingkxsrangphayinhmuphramhamnethiyraephnphnghmuphramhamnethiyrxyangkhraw phrathinngckrphrrdiphiman phrathinngckrphrrdiphiman epnphrathinngxngkhprathankhxngphrathinnginhmuphramhamnethiyr kxsranginruplksnakhxngsthaptykrrmithyxngkhphrathinngkxxiththuxpun srangepn 3 xngkhaefd phaynxkepnraebiyngraylxmdwyesanangcrlxyuthukdan epnphrawimanthibrrthmkhxngphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk esdcprathbxyuepnpraca phrathinngiphsalthksin phrathinngiphsalthksin epnphrathinngtxkbthxngphraornghnaphrathinngckrphrrdiphiman thangthisehnux thrngichepnthiprathbthrngphrasarayhruxihkharachkarchnphuihyekhaefathullaxxngthuliphrabath aelaichepnphrarachphithimnthlinkarprakxbphithibrmrachaphieskinthukrchkal phrathinngiphsalthksinepnthipradisthankhxngpuchniywtthusakhy 3 xyang khux phrasyamethwathirach pradisthanxyuinphrawimantxnklangxngkhphrathinng trngphrathwarethwrachmehswr phrathinngxththisxuthumphrrachxasn epnthiphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkthrngprathbrbnaxphieskinkarphrarachphithibrmrachaphiesk pradisthanxyuekuxbsudxngkhphrathinng danthistawnxxk phrathinngphthrbith epnthiprathbrbekhruxngebycrachkkuthphnth ekhruxngbrmrachupophkhxnepnobranmngkhl rbphraaesngrachsstrawuth aelaphraaesngxsdawuthinphrarachphithibrmrachaphiesk pradisthanxyutxnhnasudxngkhphrathinng danthistawntkphrathinngxmrinthrwinicchymihysuryphiman phrathinngxmrinthrwinicchymihysuryphiman xyutidkbphrathinngiphsalthksin thangthisehnux epnthxngphraorngsahrbesdcxxkfayhna echn esdcxxkkhunnang xxkmhasmakhm xxkthrngbaephyphrarachkultang phrathinngxngkhniichepnphrarachphithimnthlinwnechlimphrachnmphrrsa khxngphrabathsmedcphraecaxyuhwaelasmedcphranangeca phrabrmrachininath miphrarachbllngktngxyu 2 xngkh khux phrathinngbusbkmalamhackrphrrdiphiman phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachoprdekla ihsrangkhun epnbusbkprakxbthayekrinthng 2 khang thithayekrinpkchtrlaythxng 7 chn pradisthanxyuthi phrathinngxmrinthrwinicchy sahrbphramhakstriyesdckhunprathb inworkasesdcxxkfayhnainnganmhasmakhm hruxpradisthanpuchniywtthuinphrarachphithi pccubnichpradisthanphraphuththruppracaphrachnmwarkhxngphramhakstriy xkhrmehsi inkarphrarachphithisakhy phrathinngphudtankaycnsinghasn phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachoprdekla ihsrangkhunepnphrarachbllngkthxngkhnadyxm emuxmiphrarachphithicaechiymathxdbnphrarachbllngkphayitphranphptlmhaeswtchtrxikchnhnung in phrathinngxmrinthrwinicchy phramhakstriycaesdckhunprathbbnphrarachbllngkni ephuxesdcxxkmhasmakhmepnkhrngaerkinrchkalkhxngphraxngkh aelainwnechlimphrachnmphrrsakhxngthukpi ephuxrbkarthwayphraphrchymngkhlphrathinngethphsthanphilasaelaphrathinngethphxasnphiil phrathinngethphsthanphilasaelaphrathinngethphxasnphiil edimkhux eruxnphraprswsayaelakhwathitxkbthxngphraornghlngaehng phrathinngckrphrrdiphiman srangkhuntngaetrchsmy phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach phraprswkhwaxyuthangtawnxxkkhxngthxngphraorngaelaphraprswsayxyuthangtawntkkhxngthxngphraorng phrathinngthng 2 ichepnthiprathbkhxngfayin txma phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw phrarachthannamphrathinngthng 2 xngkh ody phrathinngxngkhthistawnxxkphrarachthannamwa phrathinngethphysthanphilas txmaepliynepn phrathinngethphsthanphilas aelaphrathinngxngkhthistawntkphrarachthannamwa phrathinngethphxasnphiil lksnasthaptykrrmkhxngphrathinngepnsthaptykrrmithyeliynaebbphrathinngckrphrrdiphiman ykphunsungkwa 50 esntiemtr hlngkhamungkraebuxngimekhluxbsi phrathwaraelaphrabychrimmisumeruxnaekw phraprswthngsxngmikaaephngaekwlxmrxb kaaephngdannxkmihxnxyepnsalaelk inwnthi 24 phvscikayn ph s 2468 smedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi phrarachthidaphraxngkhediywin phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw idprasuti n phrathinngethphysthanphilasaehngni sungnbepnphrahnxphraxngkhaerkaelaepnephiyngphraxngkhediywthiprasutiinhmuphramhamnethiyr phrathinngdusitaphirmy phrathinngdusitaphirmy epnphrathinngthisrangkhunephuxepnphlbphlaepluxngekhruxnginoxkasesdcphrarachdaeninkhunthrngphrakhchatharhruxthrngphrarachyan esdcphrarachdaeninodykrabwnphyuhyatra nxkcakni yngichepnphithimnthlinkarphrarachphithitang inbangoxkasdwy phrathinngrachvdi danhlngphrathinng khux hxphrasuralyphimanphrathinngrachvdi phrathinngrachvdi epnphrathinngthrngithyaebbphlbphlatrimukh epnphrathinngothng ykphunsung 70 esntiemtr pradbchxfa ibraka hanghngs nakhsadungpidthxng hlngkhamungkraebuxngdinephaekhluxbsi hnabnepnimcahlklayrupphranaraynthrngsubrrn mikrahnkkankhdhwnakhepnlayprakxbbnphunkracksi michanyunelycakxngkhphrathinngsxngdan danehnuxepnthisahrbphramhakstriyathirachecaesdc xxkthrngprakxbphithisngewyethphyda danthistawntkepnthitngaethnsrngphramurthaphiesksnan phrathinngsnamcnthr danhlngepnhxphrathatumnethiyrsungsamarthsngektehnsihbychrbriewnmukhkrasn sahrbphramhakstriyesdcxxkihekhaefaepnkarchukechininewlawikalphrathinngsnamcnthr phrathinngsnamcnthr tngxyuthangthistawntkkhxngphrathinngxmrinthrwinicchymihysuryphiman rchkalthi 2 oprdekla ihsrangepnthiprathbsarayphraxriyabth thrngnganchangtamthioprdpranepnnic bangkhrngepnthiesdcxxkkhunnang aethnkaresdcxxkthiphrathinngxmrinthrwinicchymihsuryphiman epnsthanthisahrbkrmphrarachwngbwrsthanmngkhl hruxwnghnaprathbphkkxnekhaefa inhxngphraorng enuxngcakphrathinngsnamcnthr tngxyuthangthisehnuxkhxnghxphrathatumnethiyr xnepnthipradisthanphraoksphrabrmxthi cungoprdekla ihtngekhruxngnmskar sahrbthwaybngkhmphrabrmxthiinkarphrarachphithithuxnaphraphiphthnstya n phrathinngsnamcnthrxikaehnghnungdwy hxphrasuralyphiman hxphrasuralyphiman tngxyuthangthistawnxxkkhxngphrathinngiphsalthksin epnthipradisthanpuchniywtthu echn phrabrmsaririkthatu phramhamnirtnptimakraekwmrktxngkhnxy phrachyenawolha phrachywthnpracarchkal aelaphraphuththptimakrsakhyxun hxphrathatumnethiyr hxphrathatumnethiyr tngxyuthangthistawntkkhxngphrathinngiphsalthksin kxsrangaelatkaetngehmuxnkbhxphrasuralyphimanthukprakar epnthipradisthanphrabrmxthiphrabathsmedcphraecaxyuhwrchkalthi 1 2 3 rahwanghxphrathatumnethiyrkbxngkhphrathinngiphsalthksin mimukhkrasntxenuxngkn phnngdanehnuxecaaepnchxngphrabychrepidxxksulankhangphrathinngxmrinthrwinicchy danthistawntk eriykwa sihbychr ichepnthiphramhakstriyesdcxxkihekhaefaepnkarchukechininewlawikal hxsastrakhm hxsastrakhm hrux hxphrapritr tngxyuinkaaephngaekwdanthistawnxxkechiyngehnuxkhxngphrathinngxmrinthrwinicchymihysuryphiman trngkhamkbphrathinngdusitaphirmy rchkalthi 1 oprdekla ihsrangehnphrathinngothng lksnaediywkbphrathinngdusitaphirmy phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw oprdekla ihruxphrathinngxngkhedimaelwsranghxsastrakhm ephuxihphrasngkhfayramynikay thaphithiswdphraphuththmntstpritrkhathaesknaphraphuththmnt sahrbsrngphraphkt aela nasrng tlxdthngpraphrmrxbphramhamnethiyr inxditemuxmikarsuksngkhramidprakxbphithiplukeskekhruxngrangkhxngkhlng ephuxmxbepnkhwykalngicihaekthharinkarrb dwyehtunicungekhiynlayekhruxngxawuthobraniwthibanpratuhnatangthukban ekngnarayn ekngnarayn tngxyuinkaaephngaekwkhxngphrathinngckrphrrdiphimandantawntkrahwangphrathinngckrphrrdiphimanaelaphrathinngiphsalthksin hlnghxphrathatumnethiyr snnisthanwa epnekngthiphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly oprdekla ihsranginplayrchsmy sahrbepnthithrngngansilpkrrm ekngnaraynmilksnaepnxakharothngkhnadelk thrngsiehliymphunpha rupaebbsthaptykrrmcin mifasamdan danhlngepndanprathan miaethnkxxithchabpun phayinpradisthanruppnecaaemthbthim aelabriwarxangxingrachkiccanuebksa prakasphrarachthannamphrathinng phrathinngethphsthanphilas xngkhfayburphthis phrathinngethphxasnphiily xngkhfaypccimthis elm 41 txn 0 k 26 tulakhm ph s 2467 hna 186 brrnanukrm sankphrarachwng phrabrmmharachwng krungethph orngphimphithywthnaphanich ph s 2547 331 hna hna hnathi ISBN 974 8274 98 5aehlngkhxmulxunaephnthiaelaphaphthaythangxakaskhxng phramhamnethiyr phaphthaydawethiymcakwikiaemepiy hruxkuekilaemps aephnthicaklxngduaemp hruxehiywiok phaphthaythangxakascakethxrraesirfewxr 13 44 59 N 100 29 31 E 13 749807 N 100 492067 E 13 749807 100 492067